Chapter 3 โอกาสสุดท้าย3 ปีที่ผ่านมา ความสุขทั้งหลายยังติดตรึงอยู่ในสมอง หากแต่ในใจกลับเจ็บปวดกับสิ่งตรงหน้า ภากความโหดร้ายที่ทำให้ร่างกายทั้งร่างแข็งเกร็ง ดวงตาเบิกกว้าง ยามนั้นน้ำตาสักหยดก็ไม่ไหล ลำคอตีบตันจนไม่อาจเปล่งเสียงออกไปได้แต่ตะโกนก้องอยู่ภายในใจ ความเจ็บปวดถาโถมเข้ามาดุจถูกคลื่นกระหน่ำซัดแม้ไร้บาดแผลทางกาย
“ขอแสดงความเสียใจด้วยนะ แต่เขาไปดีแล้วทำใจเถอะนะ”
เสียงผู้คนเข้ามาพูดคุยปลอบประโลมไม่เข้าสมองเขาสักนิด แม้แต่คนที่เขาโหยหาการยอมรับที่สุดอย่างพ่อแม่จะเข้ามาพูดคุยอะไรเขาก็ยังทำแค่เพียงนั่งกอดเข่าอยู่หน้าโลงศพ ใบหน้ายิ้มของรูปที่ตั้งไว้ยามเขาแหงนมองคราใด ดวงใจเหมือนถูกบีบรัดจนหายใจไม่ออก น้ำตาพร่างพรูลงมาไม่ขาดสายราวกับไม่มีวันหยุดลง ดวงตาที่แดงช้ำจนเจ็บแปล๊บ แต่กระนั้นความเจ็บปวดทางกายกลับเทียบไม่ได้แม้แต่น้อยนิดกับบาดแผลทางใจ
ไม่รู้ว่าเขานั่งอยู่นานเท่าไหร่แล้ว มีคนจับเขาออกไปเขาเงยหน้าก็เห็นโลงที่ในนั้นมีร่างของคนรักเขาอยู่กำลังถูกส่งเข้าไปยังเตาเผาเขาก็คลุ้มคลั่งขึ้นมา ในสมองเขานั้นมีเพียงคำว่า ‘ไม่ เขายังไม่ตาย อย่าเผาเขานะ’ จนกระทั่งสติดับวูบไป
1 เดือนต่อมาแม้จะมีครอบครัวและญาติๆเข้ามาดูแลให้กำลังใจไม่ขาดแต่เสมือนร่างไร้วิญญาณ ทุกความทรงจำมีเขาอยู่เคียงข้าง จนตอนนี้แม้จะนอนก็ยังรู้สึกถึงร่างที่อิงแอบข้างกาย ไออุ่นที่นอนกอดกัน เสียงหัวเราะและจูบราตรีสวัสดิ์ ยามนั้นเขาสะดุ้งตื่นและพบว่าข้างกายว่างเปล่า เตียงหลังกว้างดูเงียบเหงาและเยือกเย็น ห้องอันมืดสลัวนั้นอ้างว้างทำให้เขาไม่อาจข่มตาหลับลงได้แม้สักคืน ทุกๆคืนเขาต้องออกมานั่งมองพระจันทร์พลางนึกถึงช่วงเวลาที่เขาได้อยู่ด้วยกัน ภาพทุกภาพในความทรงจำมีเขาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเต็มไปหมด ทั้งยามฝันร้ายจะมีอ้อมกอดนั้นคอยปลอบ ยามเจ็บปวดท้อแท้จะมีรอยยิ้มนั้นให้กำลังใจเสมอ ฝ่ามือที่กอบกุมกันไว้นั้นไม่เคยจะแยกจาก
เขายกมือตัวเองขึ้นมอง จากนี้เขาจะต้องใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่มีมืออันอบอุ่นนั้นคอยกุมมือฉุดรั้งเขา ทางที่จะเดินไปจากนี้ เขาต้องก้าวไปตามลำพังถึงจะเจ็บปวดหรือเศร้าเสียใจมากเช่นไรแต่ตอนนี้ตัวเขาก็ยังมีชีวิตอยู่
สายลมพัดเข้ามาแผ่วเบาผ่านหน้าต่างที่เปิดกว้าง เสียงของหล่นปลุกเขาออกจากภวังค์ หนังสือนิทานเล่มโปรดหล่นลงมาจากชั้น เขาแทบจะไม่ใส่ใจมันแล้วหากไม่ได้เห็นกระดาษสีชมพูแผ่นหนึ่งหลุดออกมา มืออันสั่นระริกหยิบมันขึ้นมาอ่านอย่างสั่นกลัว
“ขอโทษ ที่ทำให้เจ็บ รู้ว่าทำตัวไม่ค่อยดีนักแต่อยากบอกให้รู้ว่าไม่ตั้งใจจะทำให้รู้สึกเจ็บอย่างนี้เลย สัญญาว่าจะปกป้องดูแลจนกว่าชีวิตนี้จะสิ้นสุดลง
ขอโทษ ที่ทำให้มีน้ำตา แม้น้ำตานั้นจะมาจากความดีใจหรือไม่ก็ตามแต่ยามใดที่ได้เห็นมัน ใจมันหายไปทุกทีอยากให้ยิ้มมากกว่านี้จริงๆนะ
ขอโทษ ที่ไม่เคยเข้าใจ ไม่รู้ว่าทำให้โกรธไปกี่ครั้งแล้ว พยายามอยู่นะและจะพยายามต่อไป จะเป็นคนที่เข้าใจมากที่สุดเพียงคนเดียว
ขอโทษ ที่ทุกครั้งได้แต่เอ่ยคำๆนี้มาตลอด ขอโทษจริงๆนะอย่าร้องไห้อีกเลย ความเสียใจนั้นแบ่งมาทางนี้บ้างก็ได้ อยากแบ่งปันร่วมกันทุกสิ่งทุกอย่าง
ขอโทษนะ แต่ฉันรักเธอมากจริงๆ”
หยาดน้ำตาหยดลงเลอะกระดาษแผ่นนั้น เขารีบเช็ดมันออกและอ่านมันซ้ำๆ หัวใจที่เริ่มสงบนิ่งพลันสั่นไหว เขากลั้นสะอื้นและคำรามออกมาเมื่อกลั้นไม่ไหว
“ขี้โกงที่สุด นายได้โอกาสสุดท้ายพูดกับฉันผ่านกระดาษนี่ แต่ฉัน......ฉันกลับไม่มีโอกาสแม้แต่จะบอกว่ารักนายอีกครั้งด้วยซ้ำ นายมันขี้โกง”
เขาทรุดตัวลงนั่ง ซุกหน้ากับกระดาษแผ่นนั้น ร่างทั้งร่างสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้
“ฉันต่างหากที่ควรจะเอ่ยคำๆนั้นกับนาย ฉันรักนายมากและฉันขอโทษ ฉันขอโทษที่ช่วยนายไว้ไม่ได้ ฉันขอโทษ”
เสียงสะอื้นยังคงดังแผ่วๆผสานไปกับเสียงลมพัดใบไม้ยามราตรี ดวงจันทร์ลอยเด่นกลางท้องฟ้าสีดำสนิท รอบด้านแสงดาวส่องประกายระยิบระยับ เสียงแมลงร้องระงม แสงจันทร์สาดส่องให้เห็นร่างเล็กๆที่สั่นเทานั่งร้องไห้อยู่ในห้องนั้น ข้างบานหน้าต่างที่ครั้งหนึ่งเคยมีคนสองคนยืนชมจันทร์และยิ้มแย้มอย่างเป็นสุข
สายลมยังคงพัดผ่าน ใบไม้ยังคงพลิ้วปลิวสะบัด สายน้ำยังคงไหลไปตามทาง ค่ำคืนนี้ก็ยังดำเนินต่อไปภายในโลกอันกว้างใหญ่ เพื่อนำเรื่องราวความรักครั้งใหม่พัดผ่านสายลมกลับมาอีกครั้ง
THE END
จบแล้ว จบจริงๆ ขอโทษนะจะไม่พูดอะไรต่ออีกเด็ดขาด ไม่อาจกล่าวคำลา แต่ขอบอกได้ไหมว่า “แล้วเจอกันใหม่ในสักวัน”