[10]
“ห่าปู่.. มึงมีอะไรปิดกูเปล่าเนี่ย?”
ยังสูบบุหรี่ไม่ทันถึงครึ่งมวน ไอ้หมอที่ตอนแรกนั่งเซ็นเอกสารเงียบๆ ก็เงยหน้าขึ้นมาทำสายตาจับผิดผม
“อะไร?” ผมเลิกคิ้วใส่มัน
วันนี้ที่มาหามันไม่ได้มีธุระอะไรหรอก แค่พอดีว่าไอ้เก้ามันออดอ้อนให้พามันมาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล เห็นว่าจะเอาผลไปประกอบกับเอกสารยื่นขอโควตาอะไรสักอย่างของมันนี่แหล่ะ แล้วไอ้โรงพยาบาลที่ว่าก็ดันเป็นโรงพยาบาลที่ไอ้ห่าหมอมันทำงานอยู่นี่แหล่ะ ผมที่รอไอ้เก้าว่างๆ ก็เลยมานั่งฆ่าเวลาให้มันมาจับผิดเอาอยู่นี่ไง
“ก็พักนี้ไม่เห็นค่อยเล่าเรื่องไอ้เก้าให้กูฟังเลย อยากรู้ความเป็นไปนะเนี่ย” มันปิดแฟ้ม วางปากกา ตั้งหน้าตั้งตาจะเสือกเรื่องของผมเต็มที่ มีเพื่อนดีจริงๆ เนาะกู
“ก็ไม่เห็นมีอะไร” ผมดีดขี้เถ้าจากปลายบุหรี่ลงจานรองอย่างไม่ใส่ใจ
นอกจากจูบกับลูบๆ คลำๆ กันเมื่อราวอาทิตย์ก่อน ระหว่างผมกับไอ้เก้าก็ไม่ได้มีอะไรคืบหน้าไปมากกว่านั้นหรอก ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิมแหล่ะ ไอ้เก้ามันก็ไปเรียน ไปกวดวิชาอะไรไปตามปกติของมัน ส่วนผมเองก็กำลังยุ่งๆ เหมือนกัน เส้นตายส่งต้นฉบับเรื่องใหม่ที่ตกลงกันไว้กับยัย บก.นรกก็ใกล้เข้ามาทุกที ช่วงนี้เลยได้ยินเสียงแหลมๆ ของยัยนั่นลอดตามสายมากระตุ้นไมเกรนได้ไม่เว้นแต่ละวัน ก็อาจจะมีจูบกันบ้างนิดหน่อยเวลาที่ไอ้เก้ามันเข้ามานัวเนียเรียกร้องความสนใจ แต่ก็แค่นั้น เพราะผมต้องทำงาน และไอ้เก้ามันก็รู้ดีว่าควรทำตัวยังไงเวลาที่ผมทำงาน
อืม.. จริงๆ มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ติดใจผมมาหลายวันแล้วล่ะ
“ไอ้หมอ..” ผมหันไปสบตากับเพื่อนที่จ้องผมอยู่ก่อนแล้วด้วยสายตาวิบวับของคนที่อยากมีส่วนร่วมกับเรื่องของชาวบ้าน
“ว่ามาดิ”
“.........” คือมึงจะระริกระรี้ออกนอกหน้าไปนะ กูว่า.. เห็นแบบนี้แล้วชักไม่อยากปรึกษามันเท่าไหร่เลยว่ะ
“เอ๊า ไอ้นี่ เรียกแล้วเงียบ นิสัย” มันเริ่มทำหน้าเซ็งเมื่อเห็นผมเงียบไปนาน
“มึงว่ากูเป็นตุ๊ดเปล่าวะ?”“.........”
“.........”
“ก๊ากกก ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไอ้ปู่ ไอ้เหี้ย แม่งคิดได้ไงมุขนี้ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เฮ้ย!!”
โครม!!
“โอ๊ยยยย!”
“.........” คือผมไม่ได้ทำอะไรมันเลยนะ มันหัวเราะแล้วก็หงายท้องไปทั้งคนทั้งเก้าอี้เอง ทำตัวเองล้วนๆ ผมไม่เกี่ยวเหอะ ..กูจะสงสารหรือสมเพชมึงดีล่ะเนี่ย เหี้ยหมอ
“มีอะไรกันหรือเปล่าคะ?” พยาบาลสาวหน้าใส ผู้ทำหน้าที่เลขาหน้าห้องของไอ้หมอโผล่เข้ามาดูด้วยท่าทางตื่นๆ
“ไม่..” ผมมองคนที่เยี่ยมหน้าเข้ามาสลับกับเพื่อนตัวเองที่ยังนอนหงายแอ้งแม้งอยู่ “ไม่มีอะไรหรอก ท่านรองฯแค่ง่วงน่ะ ก็เลย..ทำกายบริหาร..แก้ง่วงสักหน่อย”
“นึ่ง! ซ่อง! นึ่ง! ซ่อง!” ไอ้หมอรีบรับมุขด้วยการทำซิทอัพทันที
“อ่า..ค่ะ จะรับกาแฟสักคนละแก้วไหมคะ เดี๋ยวติ๊กไปชงมาให้” เธอหันมายิ้มหวานให้ผมตอนประโยคสุดท้าย
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก” ผมเลยยกยิ้มเล็กๆ แต่พอเป็นเสน่ห์ตอบกลับไป
“นึ่ง! ซ่อง! นึ่ง! ซ่อง!” แอบเห็นเหงื่อไอ้หมอเริ่มผุดพรายตามไรผม กูละอยากจะสมน้ำหน้า ฮ่าๆๆ
“งั้นถ้าต้องการอะไร เรียกติ๊กได้ตลอด..เลยนะคะ”
“ครับผม”
“นึ่ง! ซ่อง! นึ่ง! เฮ้อออออ..” ไอ้หมอถึงกับออกปาก เมื่อพยาบาลสาวสวยถอยกลับออกไปแล้ว มันรีบลุกปัดเสื้อผ้า แล้วขึ้นมานั่งประจำตำแหน่ง ตบท้ายด้วยเขวี้ยงค้อนใส่ผมสองวงซ้อน
“อะไรของมึง?” ผมอดขำมันไม่ได้ ทีเมื่อกี๊ล่ะทำเป็นรักษาฟอร์มต่อหน้าสาว ลับหลังเขาหน่อยทำสาวแตกเลยนะมึง ฮ่าๆๆ
“กูเฝ้า..เอ้ย..เฝ้าหน้าห้องกูมาตั้งหลายวัน ไม่มี๊ไม่มีอ่ะที่จะชำเลืองชายตาแลกู มึงแม่งมาแป๊บเดียว นี่กะจะคว้าเอาพุงเพียวๆ ไปกินเลยหรือไงวะ?”
“ฮ่ะๆๆ ได้มาเมื่อไหร่วะ เพิ่งเคยเห็นหน้า” ผมชำเลืองมองไปทางประตู เห็นเงาคนไหวๆ ผ่านกระจกฝ้ารางๆ จำได้ว่าพยาบาลเลขาที่เจอคราวก่อนไม่ได้หน้าตาแบบนี้นี่หว่า
“ประมาณปลายวีคที่แล้วน่ะ ลุงกูแนะนำมาให้ ส่วนคนก่อนลาออกไปมีสามีอย่าถูกกฏหมายแล้ว” ลุงมันก็ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนี้แหล่ะ
“ทำไมเขาไม่เลือกมึงวะ?” ผมถามมันยิ้มๆ เพราะรู้ว่ามันเคยคิดจะจีบเลขาคนเก่า
“เขาคงคิดว่าได้เจอสิ่งที่ดีกว่า เลยไม่อยากจมปลักอยู่กับกูมั้ง ห่า! มึงจะพูดให้แซดทำไมเนี่ย? ไม่ต้องมาเบี่ยงประเด็นเลย เมื่อกี๊มึงว่าไงนะ? มึงกำลังสับสนตัวเองเหรอไอ้ปู่? ตอนอายุสามสิบเนี่ยนะ? มีอะไรฮากว่านี้อีกไหมวะ?” มันพูดแล้วก็ทำท่าว่าจะเริ่มหัวเราะจริงจังอีกรอบ
“แล้วมึงคิดว่าไงล่ะ?” ผมเคาะขี้เถ้าปลายบุหรี่พลางนับถอยหลังรอเวลากระโดดถีบหน้าไอ้เหี้ยหมอ ถ้าเกิดมันยังไม่หยุดหัวเราะสักที
“แล้วทำไมมึงถึงคิดว่าตัวเองจะเป็นตุ๊ดล่ะ? เพราะมึงจูบกับไอ้เก้าได้งั้นเหรอ?” โชคดีที่ไอ้หมอมันตั้งสติถามกลับได้ก่อนที่ผมจะนับถึงศูนย์
ก็อย่างที่เคยบอกไปว่าผมไม่เคยมีความลับกับมัน...อย่างน้อยก็ก่อนหน้านี้
เพราะงั้นสิ่งที่ไอ้หมอรู้ตอนนี้ก็มีแค่ผมกับไอ้เก้าจูบกัน ไม่มีมากกว่านั้น ..แหงล่ะ ใครมันจะไปอยากเล่าวะ?
“ไม่ใช่แค่จูบได้.. แต่บางทีกูก็คิดว่ามันน่าจูบดี” ผมเสมองไปทางอื่น อยู่ๆ ก็รู้สึกกระดากปากขึ้นมา
“หือ?” ไอ้หมอเลิกคิ้ว
“อืม..หลายครั้งกูก็คิดว่ามันน่ารักดี..กูมองว่าเด็กผู้ชายน่ารักอ่ะมึง ..แล้วมึงว่ากูจะเป็นตุ๊ดป่ะล่ะ?”
“ไอ้ปู่หนอไอ้ปู่..” ไอ้หมอตั้งท่าจะหัวเราะอีก แต่พอเจอสายตาผมเข้าไป มันก็เลยเลือกที่จะพูดต่อ “กูเคยบอกมึงไปแล้วหรือเปล่าวะ ว่านอกเหนือจากผู้หญิงผู้ชาย แล้วมันก็ไม่ได้มีแค่ตุ๊ดนะโว้ย”
“เออ อันไหนมันก็ครือๆ มันนั่นแหล่ะ มึงจะแยกแยะให้มันวุ่นวายทำไมวะ?”
“มีมึงคนแรกนี่แหล่ะที่พูดแบบนี้..” มันพูดพึมพำ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาตบโต๊ะดังปัง แล้วชี้หน้าผม “เออวะ ตุ๊ดก็ตุ๊ด! งั้นมึงก็คงตุ๊ดแหล่ะ ไอ้ปู่”
“พูดงี้มึงมาต่อยกับกูเลยดีกว่า” ผมชักของขึ้น ก็อยู่ดีๆ มาชี้หน้าว่ากูตุ๊ดได้ไงวะ? เพื่อนก็เพื่อนเหอะ มา!
“อ้าวเฮ้ย! แล้วมึงจะเอายังไงกันแน่วะ? กูจะจำแนกประเภทให้ มึงก็ว่าวุ่นวาย พอกูเหมารวมง่ายๆ อย่างที่มึงต้องการ ก็มาของขึ้นใส่กูอีก บ่องตง กูงงแล้วนะเนี่ย”
“ภาษาอะไรของมึงวะ บ่องตง?” ผมก็ชักงงแล้วเหมือนกัน ทั้งงงมัน งงตัวเอง โอยกู อะไรนักหนาวะ?
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ เมื่อกี๊กูเข้าเฟส เจอบ่องตงทุกสเตตัสเลย.. แล้วตกลงจะเอายังไง มึงจะตุ๊ดหรือไม่ตุ๊ด?” ไอ้หมอทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางหน่ายๆ
“ไม่ตุ๊ดเว้ย!” ผมสวนกลับไป แต่ก็ยังงงไม่หาย “แล้วตกลงกูเป็นอะไรวะ?”
“เกย์ล่ะมั้ง” มันพูดง่ายๆ
“เหรอ..” ผมเองก็ยอมรับง่ายๆ เหมือนกัน
“มึงยอมรับง่ายไปเปล่าวะปู่?” จนไอ้หมอมันสงสัยขึ้นมาอีก
“แล้วมึงจะให้กูทำไงล่ะ เอะอะโวยวายพ่อไม่เข้าใจตุ้มหรือไง ถึงไงพ่อกูก็คงไม่มีแรงลุกจากหลุมขึ้นมาด่าหรอก ส่วนแม่ก็ไม่เคยหวังอะไรจากกูอยู่แล้ว”
นี่ไม่ได้พูดประชดหรืออะไรนะ เพียงแต่ว่าแม่ผมมีหลานแล้วเยอะแยะ เพราะงั้นผมจะมีหลานให้แม่อีกหรือไม่มี แม่ผมก็ไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรนักหรอก
แต่พ่อแม่ไอ้เก้านี่สิ..
นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมกระอักกระอ่วนใจที่จะเดินหน้าสานสัมพันธ์รูปแบบใหม่กับไอ้เก้า จะให้ผมพูดกับพ่อแม่มันว่าไงล่ะ ‘พี่ครับ ลูกชายพี่น่ะ ขอให้ผมเหอะนะ’ งี้เหรอ? จะได้โดนแม่มันข่วนหน้าแหกสิ คนเขาอุตส่าห์ไว้ในฝากให้ดูแล แต่คงจะดูแลกันดีไปนิดนึง มันถึงได้มาสปาร์คกันเองแบบนี้ เหอะๆ
“ฟังดูอบอุ่นดีนะ ครอบครัวมึงเนี่ย”
“ว่างั้น”
“ถามจริงๆ แล้วนี่มึงคิดไว้แล้วยังว่าจะเป็นผัวหรือเป็นเมียไอ้เก้าน่ะ?” ไอ้หมอถามหน้าตาจริงจัง
“มึงเสือกไปป่ะ?”
“นิดนึง” มันยังไม่มีสำนึก
“มึงคิดว่าไงล่ะ?” ผมเลิกคิ้วใส่มันกวนๆ
ไอ้หมอเบ้ปากใส่ ก่อนจะตอบคำตอบที่น่าเตะปากออกมา
“มึงได้เป็นเมียไอ้เก้าชัวร์”
“คุณดิน! คุณดินจริงๆ ด้วย” น้ำเสียงคลับคล้ายคลับคราทำให้ผมต้องเหลียวหาที่มา ขณะเดินเข้าคอฟฟี่ช็อปในโรงพยาบาล
“อ้าว อาจารย์เกศแก้ว” อาจารย์ที่ปรึกษาของไอ้เก้านั่นเองที่กำลังโบกมือหยอยๆ ให้ผม
“คุณดินมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ?” อาจารย์สาวเริ่มถาม หลังจากเรียกให้ผมมานั่งโต๊ะเดียวกับเธอได้สำเร็จ
“ผมพาไอ้เก้ามาตรวจร่างกายน่ะ เห็นว่าจะเอาผลไปทำอะไรสักอย่างนี่แหล่ะ” ผมตอบพลางพยักหน้าให้เด็กเสิร์ฟที่เอ่ยทวนออเดอร์
“อ๋อ คงจะเป็นโควตานักกีฬาที่ทางโรงเรียนได้มาน่ะค่ะ” แล้วเธอก็เริ่มพูดรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนั้นให้ผมฟังอย่างกระตือรือร้น
“แล้วอาจารย์ล่ะครับ มาทำอะไร?” ผมยกกาแฟขึ้นจิบ ก่อนเอ่ยถามบ้าง
“อ๋อ ฉันมารับยาแทนคุณแม่น่ะค่ะ”
“คุณแม่ป่วยเหรอครับ?”
“ก็ไม่ค่อยแข็งแรงตามประสาคนอายุเยอะน่ะค่ะ”
“อ้อ..” หลังจากนั้นเราก็คุยกันเรื่องสัพเพเหระทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะมีหน้าที่ฟังกับตอบคำถามบ้างตามสมควร
“อ้าว คุณดิน ยังไม่กลับอีกเหรอคะ?” ระหว่างนั่งมองนู่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยคนเดียว เพราะอาจารย์เกศแก้วขอตัวไปเข้าห้องน้ำ น้ำเสียงที่ยังไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่ก็เอ่ยทักขึ้น จนผมต้องเหลียวหาที่มาอีกรอบ
“ครับ พอดีหลานผมยังไม่เสร็จธุระน่ะ คุณ..” ผมพยายามนึกชื่ออีกฝ่าย พยาบาลคนนี้คือคนเดียวกับที่อยู่หน้าห้องไอ้หมอ..ชื่ออะไรน้า?
“ติ๊กค่ะ” เธอยิ้มหวานบอก
“ครับ” ผมยิ้มตอบไปเล็กน้อย
“ขอติ๊กนั่งด้วยได้หรือเปล่าคะเนี่ย?” เธอปรายตาไปทางเก้าอี้สองตัวที่ยังว่างอยู่ ในมือมีแก้วเครื่องดื่มชนิดเย็นถือไว้
“ครับ” ผมก็ได้แต่พยักหน้าตอบไปเพราะอีกฝ่ายไม่เปิดช่องไว้ให้ปฏิเสธ ถามปุ๊บก็เตรียมหย่อนก้นนั่งปั๊บขนาดนั้น นี่ไม่ได้หลงตัวเองนะ แต่รู้สึกว่าแม่สาวคนนี้จะแสดงความสนใจในตัวผมออกมาแบบไม่ปิดบังเลยแฮะ
“พักเที่ยงเหรอครับ?”
“ค่ะ เลยมาหาอะไรเย็นๆ ทานสักหน่อย คุณดินชอบทานชาเขียวเหรอคะ?” คุณติ๊กถามเพราะเด็กเสิร์ฟยกชาเขียวเย็นๆ ที่ผมเพิ่งสั่งไปเมื่อครู่มาให้พอดี
“ก็..ไม่ได้ชอบเป็นพิเศษหรอกครับ” ผมคิดว่าการบอกให้คนอื่นรู้ว่าชอบหรือไม่ชอบอะไรมันค่อนข้างจะเป็นจุดอ่อนนะ
“แล้วชอบอะไรเป็นพิเศษเหรอคะ?” เธอถามพร้อมส่งสายตาแฝงความนัยมาให้ แหม้.. รุกหนักเหมือนกันนะเนี่ย
“อืม..” ผมแสร้งทำเป็นนึก ยั่วให้อีกฝ่ายลุ้นเล่น และระหว่างนั้นเองที่เจ้าของโต๊ะตัวจริงเขากลับมาจากห้องน้ำ
“คุณดิน..” อาจารย์เกศแก้วมองผมกับคุณติ๊กสลับกันอย่างสงสัย
“อ้อ คุณติ๊กนี่อาจารย์เกศแก้วครับ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของหลานผม ส่วนคุณติ๊กเธอทำงานอยู่ที่นี่น่ะครับ อาจารย์”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ อาจารย์” พยาบาลสาวเป็นฝ่ายทักทายก่อนด้วยรอยยิ้มหวานเกินความจำเป็น
“เช่นกันค่ะ” ทางอาจารย์สาวเองก็ยิ้มตอบหวานหยดไม่แพ้กัน ..แต่มันดูเฟคยังไงชอบกล ทั้งคู่เลย
“.........” ผมค่อยๆ เลื่อนมือไปหยิบแก้วชาเขียวขึ้นมาดูด รู้สึกประหนึ่งกำลังอยู่ในสนามมวยลุมพินี ตื่นเต้นดีพิลึก เหอะๆ
“คุณดินคิดว่ายังไงเหรอคะ?” อาจารย์สาวออกความเห็นจบ ก็หันมาถามผมบ้าง
“ก็ดีนะครับ” ผมก็ได้แต่เออไปห่อหมกใบยอไปตามน้ำ ทั้งที่ไม่ได้สนใจฟังประเด็นที่กำลังพูดคุยกันอยู่สักเท่าไหร่
ที่ผมสนใจตอนนี้ก็คือ ระหว่างผู้หญิงสองคนที่กำลังพยายามยื้อแย่งความสนใจจากผมไปที่ตัวเองกันสุดฤทธิ์นั้น ใครจะแน่กว่าใคร ช่างเป็นอะไรที่น่าลุ้นอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
“แต่ฉันว่า..” จากนั้นก็ถึงคิวพยาบาลสาวเตรียมขัดแข้งขัดขากันตามสเต็ป
ก่อนที่อะไรๆ มันจะสุขสันต์หรรษาไปมากกว่าที่เป็นอยู่ จู่ๆ งานผมก็งอกเงยขึ้นมากะทันหัน
“รอนานไหมคร้าบบบ~ ปู่..ดิน” เสียงลั้ลลาของไอ้เก้าค่อยๆ เงียบหายเข้าไปในลำคอ หน้าบานๆ ของมันเปลี่ยนเป็นหงิกงอทันทีที่เห็นผมถูกนั่งขนาบข้างด้วยสาวงามทั้งสอง
มันตวัดสายตาคว่ำๆ มาทางผมที่ยังดูดชาเขียวอยู่
เหอๆ ..กูเปล่าน้า~ เขามาเอง
กูเปล่าชวนน้า~ เขามาของเขาเอง
TBC. 
ฮื้ม.... (งานงอก)

ปล. กลับมาอีกครั้งกับคนแปลก ‘ฟ้าประทาน’ และเจ้าของตำนาน ‘แฝดนรก’
Oh! MY SUNSHINE [ตะวันร้าย..(คุณ)นายมาเฟีย]ฝากด้วยนะจ๊ะ
ตอนที่ 1 จะมาวันที่ 1 จ้ะ