[SF] My Boyfriend is Grandpapa. ♥
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

คุณเชียร์ให้ใครเป็นฝ่ายเสีย 'ตับ' ?

ปู่ดิน
หลานเก้า
ผลัดกัน (หุหุ..)

ผู้เขียน หัวข้อ: [SF] My Boyfriend is Grandpapa. ♥  (อ่าน 234393 ครั้ง)

ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
[SF] My Boyfriend is Grandpapa. ♥
« เมื่อ16-02-2013 01:14:16 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 


======================

ฝากผลงาน  :5555:


hello! SUNSHINE (จบแล้ว)
type: action comedy
เรื่องของ หนึ่งคนแปลก หนึ่งคนบ้า สองแฝดซ่า แล้วก็กะเทยตัวฮาอีกหนึ่งคน

hi AURORA (จบแล้ว)
type: romantic comedy
เรื่องรักกุ๊กกิ๊กระหว่าง 'ป๋าซอลฟา' นายแบบที่สวยที่สุดในสามโลก กับ 'อิหนูยูริ' หนุ่มน้อยหัวลูกชิ้นที่พลัดถิ่นไปปล่อยฟีโรโมนไกลถึงลอนดอน

HEARTLESS (จบแล้ว)
type: psychotic, drama, bloody
เรื่องราวหน่วงๆ หม่นๆ ของเหล่าคนธรรมดา ที่เต็มไปด้วยความไม่ปกติ


ติดตามความเคลื่อนไหวอื่นๆ ได้ที่ http://www.facebook.com/WhittyRaven
======================



My Boyfriend is Grandpapa. ♥

|-[1]- || -[2]- || -[3]- || -[4]- || -[5]- |
| -[6]- || -[7]- || -[8]- || -[9]- || -[10]- |
| -[11]- || -[12]- |
| -[END]- |
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-12-2013 20:36:28 โดย White Raven »

ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
[1]




ทั้งที่เกลียดนักกับเรื่องยุ่งยาก แต่ก็ยังเจอเรื่องยุ่งยากอีกจนได้..





“นะ ไอ้ปู่ มึงช่วยกูหน่อยไม่ได้เหรอวะ? ก็แค่ชวนมันออกมากินข้าวเอง”  ปลายสายขอร้องด้วยน้ำเสียงเว้าวอน(ส้นตีน)ทำให้ผมต้องถอนหายใจหนักๆ อัดบุหรี่เข้าไปเต็มปอด ก่อนปล่อยควันสีขุ่นออกมาลอยอ้อยอิ่ง

“กูรับปากมันไว้แล้วว่าถ้าไม่เกินความสามารถก็จะหามาให้ กูไม่อยากผิดสัญญา แล้วก็ไม่เคยทำมาก่อนด้วย มึงก็ช่วยกูหน่อยเหอะน่า หลานกูก็เหมือนหลานมึงนั่นแหล่ะ แค่ของขวัญวันเกิดเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้มึงจะให้หลานไม่ได้เชียวเหรอวะ?”

“หลานสาวมึงอายุเท่าไหร่?”  ผมถามกลับไป

“สิบหก”

“ไอ้เก้าอายุสิบเจ็ด.. มึงไม่รีบจับคู่ให้มันสมสู่กันเร็วไปหน่อยเหรอวะ?”

“ไอ้เหี้ย! กูไม่ได้จะให้มันสมสู่กัน มันก็แค่อยากจะกินข้าวกับไอ้เก้าที่มันแอบปลื้มมานานสักครั้ง ก่อนที่มันจะต้องย้ายตามพ่อแม่มันไปอยู่แคนาดา กูเห็นว่าไม่ได้เสียหายอะไร ก็เลยมาขอร้องมึงอยู่นี่ไง”

“แล้วหลานมึงรู้ได้ไงว่าไอ้เก้าเป็นหลานกู?”

“มันเคยเห็นมึงไปงานประชุมผู้ปกครอง แล้วก็เคยเห็นมึงมากินเหล้าบ้านกู ก็เลยรู้ว่ามึงเป็นเพื่อนกู เป็นปู่ไอ้เก้า”

“..........”  ผมอัดบุหรี่เข้าปอดอีกครั้ง..

ถึงจะเรียกว่า ‘ปู่’ ก็เหอะ แต่ปีนี้ผมเพิ่งจะสามสิบเองนะ ว่ากันตามจริง ด้วยวัยขนาดนี้ไม่น่าจะเป็นปู่ใครได้หรอก แต่ความจริงยิ่งกว่านั้นก็คือผมยังโสด ยังไม่มีเมีย ลูกยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่ผมก็มีหลานปู่ตั้งแต่ตอนอยู่ ม.1 แล้วล่ะ ถ้าจะให้ลำดับญาติก็...วุ่นวายว่ะ เอาเป็นว่าพ่อผมกับทวดไอ้เก้าเป็นพี่น้องกัน ส่วนผมเป็นลูกคนสุดท้องจากเมียคนสุดท้ายของพ่อที่อายุห่างกันมากโข ผมก็เลยมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับปู่ของไอ้เก้า แล้วก็เลยมีศักดิ์เป็นปู่ของมันไปด้วย พอพวกเพื่อนสนิทรู้ว่าผมมีหลานปู่มันก็ล้อกันใหญ่ ไปๆ มาๆ มันก็พากันเรียกผมว่า ‘ไอ้ปู่’ ตั้งแต่ตอนนั้น

ทุกวันนี้ไม่ใช่แค่หลานปู่ หลานตาผมก็มีแล้วเหอะ คาดว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าผมคงจะได้เป็น ‘ไอ้ทวด’ ของเพื่อนๆ อย่างไม่ต้องสงสัย จะขยันแพร่พันธุ์กันไปไหนวะ..

“นะปู่ ตกลงช่วยกูนะ?” 

“เออๆ เดี๋ยวกูจะบอกมันให้ แต่มันจะไปไม่ไปกูไม่รู้นะ”  ผมตอบอย่างตัดรำคาญพลางขยี้บุรี่ดับกับราวระเบียง

“เฮ้ย! มึงก็บอกให้มันไปให้ได้สิวะ?”  เสียงตะโกนกลับมาทำให้ผมต้องยกโทรศัพท์ออกห่างจากหู

“จะตะโกนหาพ่อง.. เออๆๆ แล้วเมื่อไหร่ที่ไหนว่ามา?”  ผมล้วงซองบุหรี่ออกจากกระเป๋าเสื้อ คาบเอาไว้มวนนึง หย่อนซองกลับที่เดิม แล้วล้วงเอาไฟแช็กจากกระเป๋ากางเกง

“เสาร์นี้ ที่ร้าน.... มึงก็มาด้วยนะ”

“จะให้ไปทำเหี้ยไรวะ?”  ผมถามทั้งที่คาบบุหรี่ไว้ในปาก 

“ก็วันนั้นกูไม่ว่าง ติดประชุมหุ้นส่วน แล้วกูก็ไม่อยากปล่อยให้มันไปกันแค่สองคน ยังไงหลานกูก็เป็นเด็กผู้หญิง”

“ยุ่งยากนักก็ไม่ต้องไป สิ้นเรื่อง” 

“จริงๆ กูก็ไม่ได้อยากสนับสนุนมันเรื่องนี้หรอกนะ แต่เพราะสัญญาเอาไว้แล้วไง นะปู่นะ ช่วยกูหน่อย”

“..........”  ผมพ่นควันอย่างรำคาญใจ ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กในห้อง หันไปมองก็เห็นไอ้เก้ามันกลับมาจากโรงเรียนแล้ว มันยิ้มให้และยกมือไหว้ผมตามปกติ ผมก็พยักหน้ารับส่งๆ ไปตามปกติเหมือนกัน

ไอ้นี่มันมาอยู่กับผมได้เกือบสี่ปีแล้ว พ่อมันย้ายไปทำงานที่ออสเตรเลีย แม่กับน้องสาวมันก็ย้ายตามไปอยู่ด้วย มีแต่มันนี่แหล่ะที่หน้ามึนดึงดันจะอยู่ต่อที่นี่ อ้างเหตุผลร้อยแปดจนพ่อแม่มันยอมใจอ่อน สุดท้ายภาระก็เลยมาตกอยู่ที่ผมซึ่งเสือกมาซื้อคอนโดอยู่ใกล้ๆ กับโรงเรียนนานาชาติที่มันเรียนอยู่พอดี

จะว่าไปก่อนหน้านี้ครอบครัวเราก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมากมายหรอก ถึงจะใช้นามสกุลเดียวกันก็เหอะ แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้ก็เพราะตอนที่ผมเข้าเรียนมหาลัยปีหนึ่ง แม่ผมก็เคยฝากให้ผมไปอาศัยบ้านมันอยู่ เพราะใกล้มหาลัยไปมาสะดวก ตอนนั้นไอ้เก้าเพิ่งจะห้าหกขวบเองมั้ง พอขึ้นปีสองผมถึงได้ย้ายออกมาอยู่หอคนเดียวตามประสาคนหนุ่ม เรียนจบแม่ก็ซื้อคอนโดนี้ให้เป็นของขวัญ

“ดินคร้าบ ดิ๊นนนนน”  เสียงข้างๆ หูดึงความสนใจของผมออกจากหลานชายที่ตอนนี้กำลังเก็บกวาดบ้านด้วยท่าทางคล่องแคล่ว

อันที่จริงการมีไอ้เก้ามาอยู่ด้วยก็ไม่ได้เป็นภาระนักหรอก ออกจะมีประโยชน์ด้วยซ้ำ ตั้งแต่มันมาอยู่ด้วยห้องผมก็สะอาดเอี่ยมอ่องทุกวัน กับข้าวก็ได้สารอาหารครบครันแถมรสชาติดีเยี่ยม ก่อนหน้านั้นน่ะเหรอ? นอกจากห้องจะรกประหนึ่งรังหนูยักษ์แล้ว อาหารก็มีแต่อาหารสำเร็จรูปที่กินง่ายๆ กันตายเท่านั้นแหล่ะ มันใส่ใจผมเสียยิ่งกว่าผมใส่ใจตัวเองซะอีก แต่ก็แค่นั้น ถ้าเลือกได้ยังไงคนขี้รำคาญอย่างผมก็ชอบที่จะอยู่คนเดียวมากกว่า ถึงมันจะผ่านมาเกือบสี่ปีแล้วก็เหอะ

“เออๆ แม่ง วุ่นวายกับกูจริง งั้นแค่นี้นะ ได้ไม่ได้ยังไงเดี๋ยวโทรไปบอกอีกที”

“เฮ้ย! ต้องได้ยังไงก็ต้อ..”  ผมกดตัดสายก่อนที่ไอ้บ้านั่นมันจะได้โวยวายไปมากกว่านี้ ยืนสูบบุหรี่ต่อจนหมดมวน ถึงได้เปิดประตูระเบียงกลับเข้าไปในห้อง


“ไงมึง”  ผมเอ่ยทักหลานชายที่ยืนยิ้มแป้นแล้นอยู่ เป็นภาพที่ชินตา ไม่รู้ชีวิตมีความสุขอะไรนักหนาวัยรุ่น

“วันนี้ปู่ดินอยากกินอะไร ผมกำลังจะลงไปซื้อของสดที่ซุปเปอร์พอดี”

“อาหารคนกูกินได้ทั้งนั้นแหล่ะ”  ผมเดินไปทิ้งตัวบนโซฟา หยิบรีโมทกดเปิดโทรทัศน์

“กินสุกี้กันไหม?”  มันยังเสนออย่างกระตือรือร้น

“อะไรก็เอาเหอะ.. เออ เสาร์นี้มึงว่างไหม?”  ผมหันไปมองหลานชายอย่างพินิจพิเคราะห์เมื่อนึกถึงภารกิจน่ารำคาญที่รับปากเพื่อนอย่างไม่ค่อยเต็มใจ

“ก็ไม่มีโปรแกรมอะไรพิเศษ ทำไมเหรอ?”

“..........”  เด็กผู้หญิงคนนั้นปลื้มมันตรงไหน.. อืม จะว่าไปมันก็เป็นเด็กที่หน้าตาใช้ได้เหมือนกันนะ ..ไม่สิ มันหล่อเหลือกินเหลือใช้เลยล่ะ หน้าตาคมคายแบบลูกผสมเพราะแม่มันเป็นฝรั่งตาน้ำเขียวที่พูดไทยได้สำเนียงปวดตับมาก ตาสีน้ำตาลเข้ม ผมสีน้ำตาลอ่อนตามธรรมชาติ รูปร่างมันก็สูงใหญ่สมส่วนสมเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ แต่ปีนี้มันต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย เลยต้องงดบทบาทนักกีฬาไปก่อน ถึงแบบนั้นก็ยังหมั่นลงไปว่ายในสระของคอนโดเป็นประจำถ้ามีเวลา

“ปู่ดินมีอะไรหรือเปล่า?”  คงเห็นผมเอาแต่มองโดยไม่พูด มันเลยกระพริบตาปริบๆ

“ปีนี้มึงสูงเท่าไหร่แล้ว?”  ติดใจกับส่วนสูงมันนิดหน่อย ไม่ได้สังเกตมานาน มันสูงขึ้นอีกแล้วหรือเปล่าวะ?

“ร้อยแปดสิบสี่”

“เท่ากูแล้วดิ”  ผมเลิกคิ้ว แปลกใจไม่น้อย คะเนจากสายตาก็ว่ามันสูงพอตัวอ่ะนะ แต่ไม่คิดว่าจะสูงเท่าผมแล้ว

“ผมยังสูงได้อีกนะ”  มันยิ้มแฉ่ง ผมได้แต่จิ๊ปากเซ็งๆ ส่วนสูงที่ผมภูมิใจใกล้จะถูกไอ้หลานปู่ทำลายสถิติเอาแล้วสิ

“มึงมีแฟนยัง?”  จากข้อสงสัยหนึ่งจึงนำไปสู่อีกข้อสงสัยหนึ่ง

“ยะ.ยัง..”  มันตอบเบาๆ ก้มหน้ามองพื้น หูขึ้นสีแดง ..ถามแค่นี้ก็เขินเหรอวะวัยรุ่น?

“แต่ผมมีคนที่ชอบแล้วนะ”  จู่ๆ มันก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องผมตาเป๋ง ทั้งแก้มทั้งหูแดงก่ำ มือก็กำชายเสื้อตัวเองไว้แน่น ทำผมอดแปลกใจไม่ได้ ตกลงกูมีหลานชายหรือหลานสาวแน่วะ? ขี้อายไปไหน?

“ชอบมานานแล้วด้วย..”  มันบ่นงุบงิบ กลับไปจ้องหัวแม่โป้งตีนตัวเองเหมือนเดิม

“..........”  ผมล่ะไม่เข้าใจพฤติกรรมวัยรุ่น ปล่อยผ่านไปก่อนแล้วกัน มันคงไม่ไปสร้างปัญหาให้ใครหรอกมั้ง

“แล้วเสาร์นี้...”  พอมันเกริ่นขึ้นมา ผมก็เพิ่งนึกได้

“เออ เดี๋ยวเสาร์นี้ออกไปกินข้าวข้างนอกกัน”

“ปู่ดินจะออกไปกับผมเหรอ?”  มันเงยหน้าขึ้นมองผม ทำตาโตเป็นประกายวิบๆ วับๆ

“เออ”  อะไรมันจะดีใจขนาดนั้นวะ ก็แค่ออกไปกินข้าวข้างนอก ทำอย่างกับไม่เคย... เออ จะว่าไปก็แทบไม่เคยออกไปข้างนอกด้วยกันเลยนี่หว่า ปกติผมก็มักจะหมกตัวทำงานอยู่ที่ห้อง ไม่ก็ออกไปเดินเล่นคนเดียว ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ จะมีออกไปกับมันบ้างก็เฉพาะเวลาที่มีธุระ อย่างงานประชุมผู้ปกครองเป็นต้น

คิดๆ ดูแล้วผมก็เลี้ยงมันแบบทิ้งๆ ขว้างๆ เหมือนกันนะเนี่ย นี่ถ้าเกิดมันไม่ใช่เด็กดีแต่กำเนิด ป่านนี้ไม่เละเทะไปแล้วเหรอวะ? แต่จะมาโทษผมคนเดียวก็ไม่ถูก ก็คนมันไม่เคยต้องดูแลใครนี่หว่า แม้แต่ตัวเองก็เหอะ ไปๆ มาๆ ทุกวันนี้เลยกลายเป็นว่าหลานมาคอยดูแลผมแทนซะงั้น

“ไปกินข้าวอย่างเดียวเหรอ?”  มันเดินมาเกาะโซฟา ถามแบบกระตือรือร้นสุดๆ

“เออ”

“ดูหนังด้วยได้เปล่า?”  แน่ะ ไอ้นี่มีต่อรอง

“กูไม่ว่าง แต่กินข้าวเสร็จแล้วมึงอยากจะไปดูหนังต่อก็เรื่องของมึง”

“ปู่ดินไม่ไปกับผมเหรอ?” 

“กูบอกว่าไม่ว่างไง”

“เดินเที่ยวล่ะ?”

“เอ๊ะ ไอ้นี่”  ชักจะรำคาญ เซ้าซี้อะไรของมัน

“งั้นไม่เป็นไร ได้แค่กินข้าวก็ยังดี”  มันพึมพำพลางยิ้มไม่หุบ

“อะไรของมึง?”  ผมไม่เข้าใจมันเลยสักนิด

“เดี๋ยวผมลงไปซุปเปอร์ก่อนนะ”  แล้วมันก็เขย่งก้าวกระโดดออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดี..






“เป็นอะไรของมึง?”  ผมหันไปถามไอ้เก้าที่นั่งหน้าบูดเป็นตูดห่าน หลังจากหลานสาวเพื่อนและเพื่อนของเธออีกคนพากันขอตัวไปห้องน้ำเมื่อครู่

“ปู่ดินหลอกผม”  ตอบแล้วหน้ามันก็หักง้ำงอกว่าเดิมอีก ดูไม่ได้เอาซะเลย

“หลอกเหี้ยอะไร?”

“ปู่ดินบอกผมว่าจะพามากินข้าว”

“แล้วนี่กูพามึงมาแดกหญ้าหรือไง?”  ผมกวาดตามองบรรดาอาหารเกาหลีที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะตามรีเควสของหลานสาวเพื่อน พูดก็พูดเถอะ แม่งอร่อยตรงไหนวะ? สงสัยขากลับต้องแวะร้านหมี่เกี๊ยวหน้าคอนโดซะแล้ว

“ปู่ดินไม่ได้บอกว่าจะมีคนอื่นมาด้วย”  มีตวัดสายตาขุ่นๆ มองผมอีกแน่ะ

“เออ กูไม่ได้บอก แต่ก็ไม่ได้หลอกมึงนี่”  ผมแถเอาแบบหน้ามึนๆ  “ไม่ดีหรือไง เด็กสองคนนั้นก็น่ารักจะตาย เพลินหูเพลินตาดีออก”

“ปู่ดินชอบแบบนั้นเหรอ?”

“ของสวยๆ งามๆ ใครจะไม่ชอบ?”

“แต่นั่นเพิ่งสิบหกเองนะ”

“ก็ดีสิ ตอนกูสี่สิบ เขาก็ยี่สิบหก พอกูห้าสิบ เขาก็สามสิบหก ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว”  ผมตอบมันไปเรื่อยเปื่อย สายตาก็มองผ่านกระจกร้านมองผู้คนขวักไขว่ด้านนอก

“พรากผู้เยาว์เลยนะ”

“งั้นกูรออีกปีก็ได้ สิบเจ็ดแต่งงานได้ถ้าผู้ปกครองยินยอม”

“นั่นหลานเพื่อนปู่ดินนะ”

“ยิ่งตกลงกันง่ายใหญ่”
ปัง! เสียงกระแทกแก้วกับตกทำให้ผมต้องดึงสายตากลับมามองคนข้างตัว ไอ้เก้ามันลุกขึ้นยืน หน้าตาถมึงทึง สองหมัดกำแน่น

“จะไปไหน?”  ผมถามตอนที่มันก้าวขาออกจากโต๊ะ

“ขี้!”  มันตอบแล้วผลุนผลันออกไปแบบไม่เหลียวหลัง สงสัยจะปวดจัด ทิ้งให้ผมหัวเราะน้ำตาเล็ดอยู่ที่โต๊ะคนเดียว


“อาดินขำอะไรเหรอคะ?”  เสียงใสๆ ที่ดังขึ้นทำให้ผมต้องปรับเข้าสู่โหมดปกติ

“อื้ม นิดหน่อยน่ะ”  ผมยิ้มให้สองสาวที่พากันกลับมานั่งประจำที่

“แล้วพี่เก้าไปไหนเหรอคะ?”

“ไปห้องน้ำน่ะ”  ผมเกือบจะหลุดขำอีกรอบแล้วเชียว

“อาดินคะ”

“ครับ?”

“หนูขอบคุณมากนะคะที่อุตส่าห์พาพี่เก้ามาวันนี้ ทั้งที่อายศบอกหนูแล้วว่าอาดินไม่ค่อยว่าง แต่หนูก็ยังดึงดันจะรบกวน เพราะหนูไม่รู้ว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกเมื่อไหร่ ถ้าเป็นไปได้หนูก็อยากจะมีโอกาสได้คุยทำความรู้จักกับพี่เก้าสักครั้ง หนู..”

“ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อย”  ผมยิ้มปลอบเด็กสาวที่นั่งทำหน้าสำนึกผิด

“ขอบคุณนะคะอาดิน”  พอหนูน้อยโล่งอก โลกก็ดูเหมือนจะสดใสขึ้นมาทันตา ที่หยอกไอ้เก้าไปเมื่อกี๊นี่ไม่ได้มีอยู่ในเศษเสี้ยวสมองแม้แต่น้อยนิด สเปคผมต้องเป็นหญิงสาวมากกว่าจะเป็นเด็กสาวแบบนี้ อย่างที่บอกว่าผมไม่ถนัดดูแลใคร คนที่จะคบผมได้อย่างน้อยต้องดูแลตัวเองได้ แต่ถ้าดูแลผมได้ด้วยก็จะยิ่งประเสริฐเลย

“เอ่อ.. ช่วยเซ็นให้หนูหน่อยได้ไหมคะ?”  เพื่อนของหลานสาวเพื่อนยื่นหนังสือหน้าปกคุ้นๆ พร้อมปากกาสีชมพูข้ามโต๊ะมาให้ผมด้วยท่าทางเขินๆ

“แพรเขาเป็นแฟนพันธุ์แท้ซีรี่ย์ ‘Mercy Killing’ ของอาดินน่ะค่ะ”

“อ้อ ขอบคุณครับ”  ผมรับหนังสือมาเปิดหน้าแรก มันเป็นเล่มห้าหรือเล่มล่าสุดในชุด ‘Mercy Killing’ หนึ่งในนิยายแนวฆาตกรรมสืบสวนสอบสวนที่ผมเป็นคนเขียน

“หนูเคยเห็นคุณอาในงานหนังสือคราวก่อน..”  เพื่อนของหลานสาวเพื่อนพูดขณะที่ผมกำลังลงมือเซ็นหนังสือให้  “ตอนนั้นคุณอาดู..เอ่อ..”

“หล่อกว่านี้ใช่ไหม?”  ผมพูดอย่างไม่คิดมาก จำได้ว่าวันนั้นตัดผมโกนหนวดไปเรียบร้อยเพราะทางสำนักพิมพ์เขาขอมา ผิดกับวันนี้ แค่อาบน้ำออกมาจากบ้านได้ก็มหัศจรรย์แล้วเหอะ

“วันนี้ก็หล่อนะคะ”  เด็กสาวแก้ตัวร้อนลน  “เพียงแต่ว่าวันนั้นคุณอาดูหล่อแบบ..เอ่อ..แบบดาราน่ะค่ะ แต่วันนี้คุณอาดูหล่อแบบศิลปิน”

“เข้าใจพูด”  ผมหัวเราะชอบใจกับไหวพริบของเด็กสาวตรงหน้า

“ตอนที่หญิงบอกว่าคุณอาเป็นปู่ของพี่เก้านี่หนูยังไม่เชื่อเลย ปู่อะไรหนุ่มขนาดนี้ แต่พอมาเห็นพี่เก้าเรียก ปู่ดินๆ หนูถึงเริ่มเชื่อ”  ก็ไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่เวลาที่ไอ้เก้ามันเรียกผมว่า ‘ปู่’ ต่อหน้าคนอื่น คิดซะว่าเป็นชื่อเล่นแล้วกัน

“ก็ฉันบอกแกแล้วไง”

“มันค่อนข้างซับซ้อนอ่ะนะ”  ผมคืนหนังสือให้เจ้าของ เรานั่งคุยกันไปเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่เด็กสองคนจะเป็นฝ่ายคุยมากกว่า ผมก็นั่งฟังไป เข้าหูบ้างไม่เข้าหูบ้างตามเรื่องตามราว

“พี่เก้าหายไปนานจังเลยนะคะ”  หลานสาวเพื่อนทัก ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่ามันหายไปนานแล้วจริงๆ

“เดี๋ยวก็มา..”  หรือว่ามันจะท้องเสียวะ?

“พี่เก้าเขาเป็นอะไรหรือเปล่าคะ? ดูไม่ค่อยพูดเลย พี่เขาอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่หรือเปล่าคะ?”

“มันเขินล่ะมั้ง ได้มานั่งกินข้าวกับสาวน่ารักตั้งสองคนนี่นา”  ผมก็มั่วไปเรื่อย แต่เด็กสองคนนั้นดันเขินม้วนต้วน

“ไม่หรอกมั้งคะ หนูเห็นที่โรงเรียนพี่เขาป๊อบจะตาย มีสาวสวยล้อมหน้าล้อมหลังตลอด”

“งั้นเชียว?”

“น้อยไปสิคะ พี่เขามีกลุ่มแฟนคลับเป็นของตัวเองด้วยนะ”

“เราสองคนก็เป็นหนึ่งในนั้นงั้นสิ”  ผมถามอย่างรู้ทัน สองคนนั้นเลยได้ม้วนกันอีกรอบ

“ปลื้มมันตรงไหนเหรอ?”  ผมล่ะสงสัยจริงๆ แค่หน้าตาดีก็มีแฟนคลับแล้วเหรอ? สมัยผมมีแบบนั้นบ้างหรือเปล่าวะ? ..ไม่รู้สิ ไม่เคยนึกสนใจมาก่อนซะด้วย

“ก็พี่เขาทั้งหล่อทั้งเท่ห์ เรียนดี กีฬาเด่น ยิ้มเก่ง แถมนิสัยก็น่ารักด้วย..อ๊ะ พี่เก้า..”  เด็กสาวยังบรรยายสรรพคุณมันไม่หมด เจ้าของชื่อก็พาหน้ามึนๆ ของมันกลับมาพอดี ทำเอาคนพูดชมเมื่อครู่เขินจนแทบจะมุดโต๊ะกันเลยทีเดียว

“ไง โล่งไหม?”  ผมถามมันยิ้มๆ แต่มันดันทำเมินผมอย่างกับแม่สาวขี้งอนซะงั้น เนี่ยนะที่เหล่าสาวน้อยนักฝันมองว่ามันเท่ห์? ..เออ เท่ห์เหี้ยๆ อ่ะ หัวเราะน้ำตาเล็ดอีกรอบจะเสียมาด ‘คุณอา’ ไหมเนี่ยกู ฮ่าๆๆ






“ปู่ดินๆ แวะร้านนี้แป๊บ”  ได้ยินแบบนี้มาครั้งที่สี่ ห้า หรือหก..? ไม่แน่ใจแล้วว่ะ ตั้งแต่ที่แยกกับสองสาวน้อยที่ร้านอาหารเกาหลี ไอ้เก้ามันก็ลากผมเข้าร้านนู้นแป๊บร้านนี้แป๊บ จนไม่รู้ว่าผ่านไปกี่แป๊บแน่แล้ว แต่เห็นท่าทางมันดูอารมณ์ดีผิดหูผิดตาต่างจากตอนกินข้าวลิบลับเลยไม่อยากจะขัด

เอาจริงๆ คือผมที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะออกมาแค่กินข้าวแล้วก็กลับไปทำงานนั้นดันเกิดขี้เกียจขึ้นมาพอดีด้วย เลยคิดว่าเดินเล่นอีกสักหน่อยค่อยกลับแล้วกัน

“ปู่ดินว่าใบไหนสวยกว่ากัน?”  มันชูหมวกแก็ปยี่ห้อนิวอีร่าสองใบที่คนละลายและคนละรุ่นให้ผมดู ผมมองแว้บเดียวก็หมดความสนใจ ยังไมมันก็แค่หมวกล่ะวะ เลือกมากไปทำไม

“มึงว่าอันไหนสวยก็อันนั้นแหล่ะ”  ผมตอบส่งเดช พลางนึกสมเพชตัวเองในใจขณะมองตามคู่รักที่เดินกอดกันกระหนุงกระหนิงผ่านหน้าร้านไปสามคู่ติด ก็แล้วทำไมผู้ชายอายุสามสิบยังแจ๋วอย่างกูต้องมาเดินห้างกับหลานชายไซส์ควายเท่ากันด้วยวะ?

“..........”  ว่าไปแล้วผมก็ร้างลาจากการมีคู่ควงมาพักใหญ่ๆ เหมือนกันแล้วนะเนี่ย เหมือนจะมัวหมกมุ่นกับงานของตัวเองจนเกือบลืมไปเลยแฮะ

“ผมว่าสีของใบนี้มันโดนดี แต่ลายของใบนี้มันก็ได้ใจ ผมเลือกไม่ถูก ปู่ดินช่วยผมตัดสินใจหน่อยดิ”

“งั้นก็ซื้อแม่งทั้งคู่”  ผมชักรำคาญ

“แต่ผมมีหัวเดียว”  ไอ้เก้าเริ่มทำหน้าหักอีกแล้ว

“มึงก็ใส่ซ้อนกันดิไอ้เซ่อ”  ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ เหลือบเห็นพนักงานสาวส่งยิ้มหวานมาให้ ก็เลยยิ้มตอบ แต่ไม่สเป็คว่ะ ผมว่าสาวชุดดำที่กำลังเลือกร้องเท้าอยู่ร้านตรงข้ามน่าสนใจว่าจมเลย ว่าแล้วก็ลองเดินไปเลียบๆ เคียงๆ มองสักหน่อย

“จะไปไหนอ่ะ?”  เสียงไอ้เก้าดังตามหลังมา

“หาที่สูบบุหรี่”  ผมไม่ได้โกหกมันหรอก แต่ไม่ได้บอกว่าจะแวะระหว่างทางเท่านั้นเอง


“ดิน! นั่นดินใช่ไหม?”  ดูเหมือนปฏิบัติการเลียบๆ เคียงๆ จะได้ผลเกินคาด เพราะสาวสวยชุดดำในร้านรองเท้าเธอปรี่เข้ามาทักผมก่อนที่ผมจะทันเดินไปถึงหน้าร้านที่เธออยู่เสียอีก

“ครับ แล้ว..”  ผมกระพริบตาปริบๆ สองสามที พยายามคุ้ยดึงความทรงจำในซอกหลืบสมองเพื่อมองหาว่าสาวสวยคนนี้เป็นใครกัน

“ปิ่นไง จำปิ่นไม่ได้เหรอ? ดินใจร้ายอ่ะ”  เธอทำแง่งอน แต่นั่นก็ทำให้ผมจำได้ทันทีว่าสาวสวยคนนี้คืออดีตหวานใจวัยมัธยมของผมเอง

“โห.. ปิ่นจริงดิ เล่นสวยขึ้นซะขนาดนี้ใครจะไปจำได้”  ผมตอบโต้ไปตามสมควร ไอ้พวกเรื่องเก่าเอามาเล่าใหม่นี่ผมไม่ค่อยสนใจซะด้วยสิ ว่าไปแล้วผมนี่ก็เป็นผู้ชายที่เยอะเหมือนกันเนาะ คงเพราะแบบนี้มั้ง ถึงหาเมียกับเขาไม่ได้สักที

“แหม พูดแบบนี้มันก็น่าดีใจอยู่หรอก แต่ขนาดดินเปลี่ยนจากหนุ่มหล่อสุดเนี้ยบ เป็นหนุ่มเซอร์สุดเท่ห์ขนาดนี้ปิ่นยังจำดินได้เลย ที่ใครเขาว่าผู้ชายลืมง่ายคงเรื่องจริง”

“งั้นที่เขาว่าผู้หญิงลืมยากก็คงเรื่องจริงเหมือนกัน”  ผมแหย่กลับ  “แล้วนี่สบายดีไหม? ไม่ได้ยินข่าวคราวตั้งนาน”

“นี่ก็อีกเรื่อง ปิ่นได้ยินข่าวดินตลอด แต่ดินไม่เคยได้ยินข่าวปิ่นเลยสินะ เวลาเพื่อนเก่านัดสังสรรค์ทีไร ไม่เคยเห็นหน้าดินสักที.. แต่ปิ่นสบายดีจ้ะ” 

“ดินไม่ค่อยว่างน่ะ”  ก็ไหลไปเรื่อย ความจริงเพื่อนๆ สมัยมัธยมนี่ผมก็ลืมๆ เลือนๆ ไปเยอะ ที่ยังเจอกันทุกวันนี้มีแค่พวกที่สนิทจริงๆ กับพวกที่เรียนมหาลัยด้วยกันไม่กี่คนหรอก

“จ้ะ พ่อนักเขียนใหญ่”  ปิ่นสะบัดค้อนวงใหญ่ใส่ผมแบบไม่จริงจังนัก

“ปู่ดิน”  ไม่ทันได้คุยกันมากกว่านั้นไอ้เก้าก็มากระตุกชายเสื้อผมยิกๆ

“ใครเหรอดิน?”  ปิ่นเป็นคนทักขึ้นก่อน มองไอ้เก้าด้วยท่าทางสนใจ

“หลานดินเอง ชื่อเก้า เออเก้า นี่พี่ปิ่น เพื่อนเก่ากูเอง”  พอผมแนะนำ ไอ้เก้าก็ยกมือไหว้ปิ่นอย่างรู้มารยาท

“อย่าบอกนะว่าหลานปู่คนนั้น ตัวโตขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย?”

“อืม ไอ้นี่แหล่ะ”  ไอ้เก้ามันเป็นหลานปู่คนแรกของผม และเป็นคนที่ทำให้เพื่อนๆ พากันเรียกผมว่า ‘ไอ้ปู่’ นั่นล่ะ

“หล่อไม่ทิ้งเชื้อปู่เลยนะเนี่ย”  ปิ่นยิ้มจนตาหยี น่ารักซะไม่มี หรือผมจะลองพิจารณาเรื่องเก่าเอามาเล่าใหม่ดีวะ? ว่าแต่เขามีลูกมีผัวไปหรือยังล่ะเนี่ย? ยังไม่ได้ถามเลย

“ของมันแน่อยู่แล้ว”

“แหมดิน จะไม่ถล่มตัวสักหน่อยเหรอ?”  ปิ่นหัวเราะ

“ก็มันเรื่องจริง”  ผมพลอยหัวเราะตามไปด้วย

“ปู่ดิน”  แล้วไอ้หลานปู่ตัวควายมันก็กระตุกชายเสื้อผมยิกๆ อีก

“อะไรของมึง?”  ผมหันไปถาม พยายามจะไม่แสดงอาการรำคาญออกมาต่อหน้าสาว

“ผมหิว”

“หิวเหี้ย? เพิ่งออกจากร้านข้าวไม่ถึงชั่วโมง”  ผมลดเสียงให้เบาลง

“ก็ผมหิวอ่ะ”  มันยังดึงดัน

“เด็กกำลังโตน่ะดิน พาหลานไปหาอะไรกินก่อนเถอะ ปิ่นก็ต้องไปแล้วเหมือนกัน นี่นามบัตรปิ่นจะ เผื่อนึกอยากติดต่อกัน”  ปิ่นยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆ มาให้ แต่ผมยังไม่ทันรับเจ้าตัวก็ชักกลับไป ก่อนควานหาปากกาในกระเป๋าถือ  “คืนพรุ่งนี้มีปาร์ตี้สละโสดของแก้ว มีเพื่อนเก่าๆ ไปเยอะเหมือนกัน ดินจำแก้วได้ไหม? เพื่อนสนิทปิ่นน่ะ”

“ที่ตัวเล็กๆ ผมหยักๆ หน่อยใช่ไหม? เห็นเคยเดินกับปิ่นบ่อยๆ”

“ใช่ๆ คนนั้นแหล่ะ จะแต่งงานแล้ว นี่เป็นชื่อร้านที่เรานัดกันคืนนี้จ้ะ ถ้าไม่ติดอะไรก็มาให้ได้นะ”  ปิ่นจดยุกยิกลงบนด้านหลังนามบัตร แล้วยื่นมาให้

“อืม แล้วปิ่นล่ะ เมื่อไหร่จะมีข่าวดีแบบแก้วบ้าง?”  ผมถือโอกาสถามแบบเนียนๆ

“คงอีกนาน ตอนนี้ยังไม่เห็นเงาหัวเจ้าบ่าวผู้โชคร้ายคนนั้นเลย”  ปิ่นตอบติดตลก

“แปลว่าโสด..”

“สนิท”  ปิ่นช่วยต่อให้

“งี้ดินก็มีหวังน่ะสิ”  ผมส่งสายตาเจ้าชู้ไปให้ ปิ่นหัวเราะ แต่แก้มแอบแดงเหมือนกัน เธอไม่ได้ตอบอะไรออกมาชัดเจน เราล่ำลากันอีกสองสามคำก่อนแยกย้าย   

“อ้าว แล้วมึงจะยืนเป็นหุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซอีกนานไหม? ไหนบอกหิว?”  ผมหันกลับไปถามไอ้เก้าที่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่ยอมเดินตามมา

“ไม่หิวแล้ว”

“ห๊ะ?”

“กลับบ้านเหอะ”  มันเมาฉุดแขนผมแล้วเริ่มลาก  “กลับบ้านกัน”

“อะไรของมึงเนี่ย?”  ผมได้แต่มึนงงกับอารมณ์วัยรุ่น ตามมันไม่ทันจริงๆ


(ต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2013 15:21:07 โดย White Raven »

ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
(ต่อ)



“ปู่ดินชอบเพื่อนเก่าคนนั้นเหรอ?”  พอเข้ามานั่งในรถได้มันก็ถาม

“อันที่จริงแล้วเป็นแฟนเก่า”  ผมบอกไปตามจริง สตาร์ทรถ ถอยออกจากซอง

“ปู่ดินยังชอบเขาอยู่เหรอ?”  เสียงมันเบาลงเหมือนเกรงใจ ...เกรงใจ? ไม่ใช่ล่ะมั้ง แล้วอะไรของมันวะ?

“ไม่เชิง”

“แล้วมันยังไง?” 

“เขาน่ารักดี แล้วก็ยังโสด..”  ก็เป็นธรรมดาที่ผมต้องนึกสนใจ  “กูเองก็โสด”

“แค่นั้น?”  มันกอดอก ทำหน้าตาจริงจัง ผมเหลือบมองมันนิดนึง นี่มึงกำลังคิดว่ามึงเป็นพ่อกูอยู่หรือเปล่าเนี่ย?

“มึงจะเอาอะไรมากมายล่ะวัยรุ่น”

“ผมก็แค่สงสัยว่าผู้ใหญ่เขาคิดกันแค่นี้เองเหรอ?”

“ถ้าไม่ติดว่าขับรถอยู่กูถีบมึงกลิ้งไปแล้ว”  กวนส้นตีนจริงๆ จำได้ว่าผมไม่เคยสอนนะ ..เอ๊ะ แต่จะว่าไปผมก็แทบไม่เคยสอนอะไรมันเลยนี่หว่า ขนาดการบ้านมันยังไม่เคยมาให้ผมสอนเลย ไม่รู้ว่ามันฉลาดได้ด้วยตัวเอง ครูที่โรงเรียนสอนเก่ง หรือเห็นว่าผมไม่น่าฉลาดพอจะสอนมันได้กันแน่วะ?

“อายุขนาดกู มันก็ต้องมีเริ่มคิดถึงเรื่องสร้างครอบครัวของตัวเองบ้างแหล่ะ ใช่กูจะอยากอยู่เป็นโสดแบบนี้ไปจนตายนี่หว่า เพื่อนๆ กูแต่งงานกันไปก็หลายคนแล้ว มีลูกไปก็หลายคนแล้วเหมือนกัน”

“ปู่ดินก็อยากแต่งงานเหมือนกันเหรอ?”

“ก็แค่คิดว่าสักวัน แต่คงไม่ใช่เร็วๆ นี้หรอก กูยังพอใจในชีวิตโสดอยู่”

“แล้วอีกนานแค่ไหน?”

“หือ?”

“อีกนานแค่ไหนปู่ดินจะเลิกพอใจ? อีกนานแค่ไหนปู่ดินถึงจะแต่งงาน?”  มันคุยกับผม แต่ดันก้มหน้าก้มตามองมือตัวเอง

ผมว่าพักหลังๆ มานี้มันดูแปลกๆ นะ ชักจะมีสีหน้าท่าทางประหลาดๆ มาให้เห็นบ่อยๆ ปกติเห็นมันเอาแต่ยิ้ม ดูมีความสุขกับชีวิตวัยรุ่นของมันจะตาย หรือมันกำลังมีปัญหาอะไรหรือเปล่าวะ? แล้วผมควรจะทำยังไงล่ะเนี่ย? ...จิ๊! เลี้ยงหลานวัยรุ่นนี่แม่งยุ่งยากว่ะ นี่ถ้าผมมีลูกมีเมียเป็นของตัวเองมันไม่ยิ่งลำบากกว่านี้เหรอวะ?

เออ งั้นกูว่ากูโสดไปอีกพักใหญ่ๆ คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง   

“ถ้ากูรู้อนาคตได้ ป่านนี้กูตั้งตัวเป็นพระเจ้าไปนานแล้วเหอะ”

“แล้วถ้าปู่ดินแต่งงาน ผมจะยังอยู่กับปู่ดินได้ไหม?”

“มึงจะมาอยู่กับกูทำไม? เดี๋ยวปีหน้ามึงเข้ามหาลัย แม่มึงก็ซื้อคอนโดให้แล้ว เขาบอกให้ดูๆ เอาไว้ไม่ใช่หรือไง?”  ยังบอกให้ผมช่วยดูให้มันอยู่เลย แต่คุยกับแม่มันทีไรไมเกรนขึ้นทุกที กว่าจะสื่อสารกันรู้เรื่องแต่ละทีหมดวุ้นแปลภาษาไปเป็นเข่ง

“ผมก็แค่ลองถามดู..”  แล้วไอ้เก้ามันก็ไม่ได้พูดอะไรอีกกระทั่งถึงคอนโด มันก็เข้าห้องตัวเองปิดประตูเงียบ


ตอนแรกผมก็ไม่ได้ใส่ใจนัก เดินเข้าห้องตัวเองไปนั่งทำงานเหมือนกัน แต่พอออกมาอีกทีตอนได้เวลาข้าวเย็น เห็นกับข้าวกับปลาตั้งพร้อมอยู่บนโต๊ะ แต่ไร้เงาคนทำ ผมเลยไปเคราะห์ประตูห้องเรียกมัน ได้ยินมันตอบกลับมาแว่วๆ ว่าไม่หิว ผมเลยต้องกลับมานั่งกินคนเดียว รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อยเพราะทุกวันก็กินพร้อมกันจนมันกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตไปแล้ว หลังกินเสร็จผมก็ออกมาสูบบุหรี่ที่ระเบียงพลางกดโทรศัพท์หาเพื่อนที่ตอนนี้เป็นจิตแพทย์ ผมมักโทรไปขอคำปรึกษาเรื่องงานกับมันอยู่บ่อยๆ ก็ตัวละครส่วนใหญ่ของผมเป็นฆาตกรนี่นะ มันก็ต้องอาศัยหลักจิตวิทยาอยู่พอสมควร


“ว่าไงไอ้ปู่?”  เสียงสัญญาดังไม่กี่ครั้ง ทางนั้นก็ตอบรับกลับมา

“กูมีเรื่องจะปรึกษา”  ผมไม่อ้อมค้อม

“โห ไอ้ห่า นี่มึงไม่คิดจะถามสารทุกข์สุกดิบของเพื่อนบ้างเลยหรือไง? หรือว่าเกรงอกเกรงใจว่ากูอาจกำลังยุ่งอยู่หรือเปล่างี้?”

“กูรู้ว่ามึงยังไม่ตาย เพราะมึงยังรับโทรศัพท์กูได้อยู่ แล้วมึงก็ไม่ได้ยุ่งมากมาย เพราะมึงยังรับโทรศัพท์กูได้อยู่”

“เหี้ย! มึงนี่มันกวนส้นตีนเกินเยียวยาจริงๆ เออมีอะไรก็ว่ามา เดี๋ยวกูต้องไปดูคนไข้อีก”  แล้วมันก็ตอบกลับมาเหมือนทุกที ผมรู้ดีว่าถ้ามันยุ่งมันจะไม่มีทางรับโทรศัพท์ผมเด็ดขาด แล้วมันก็รู้ดีว่าปัญหาของผมไม่เคยเร่งด่วน ยังไงก็รอมันได้เสมอ

“กูว่าหลานวัยรุ่นของกูกำลังมีปัญหา”

“ไอ้เก้า?”  เพื่อนผมมันรู้จักไอ้เก้าทุกคนแหล่ะ เพราะเวลาใครแวะมาที่บ้านไอ้เก้ามันก็เสนอหน้าตลอด

“เออ ช่วงนี้มันดูแปลกๆ”

“ยังไงวะ?”  หลังไอ้หมอยิงคำถาม ผมก็เล่าพฤติกรรมประหลาดของไอ้เก้าที่ผมพอจะจับสังเกตได้ให้มันฟัง

“อืม”  พอผมเล่าจบ ไอ้หมอมันก็ส่งเสียงแค่นั้น

“แค่นั้น? มึงไม่มีคำแนะกูหน่อยหรือไง? แล้วตกลงมันเป็นอะไร?”

“มันก็เป็นวัยรุ่นอย่างที่มึงเข้าใจนั่นแหล่ะ”  นี่ถ้าสอดมือเข้าไปในโทรศัพท์ ไปตบหัวคนอีกฟากสายได้ผมคงทำไปแล้ว

“อย่ามากวนตีน”

“กูก็ไม่ได้กวนตีนนี่ วัยรุ่นก็แบบนี้แหล่ะ บางทีมันก็ต้องมีเรื่องให้คิดกันบ้าง มึงทำอย่างกับมึงเกิดมาก็แก่เหมือนทุกวันนี้เลยงั้นแหล่ะไอ้ปู่ มึงลืมช่วงเวลาวัยรุ่นไปแล้วไง? เออ กูลืมไป มึงกลายเป็นปู่ตั้งแต่ขนหะมอยเพิ่งเริ่มขึ้นเลยนี่หว่า ฮ่าๆๆ”

“เหี้ย! กูก็แค่กลัวว่ามันจะเป็นวัยรุ่นมีปัญหา”

“แล้วนี่นึกเฮี้ยนอะไรถึงเอาเรื่องไอ้เก้ามาปรึกษากู ปกติกูไม่เห็นมึงจะสนใจมันเท่าไหร่”

“กูยอมรับว่าบางทีก็มีลืมๆ มันไปบ้างเหมือนกัน มึงก็รู้ว่ากูเป็นคนยังไง”

“นอกจากจะไม่ค่อยใส่ใจใครแล้ว บางทีมึงก็จมอยู่ในภวังค์ของตัวเองเป็นวันๆ กูรู้อยู่แล้วล่ะ มึงมันศิลปินใหญ่ แต่ยังไงไอ้เก้ามันก็หลานมึงนะโว้ย ใส่ใจมันบ้างนิดนึง นี่ดีแค่ไหนแล้วที่มันเป็นเด็กดี ไม่เคยเอาปัญหายุ่งยากที่มึงเกลียดนักหนามาประเคนให้มึงเลยน่ะ แถมยังประพฤติตัวประหนึ่งเมียหลวงมึง คอยจัดการบ้านช่อง หุงหาอาหารให้กินทุกเช้าค่ำ ส่วนมึงถ้าไม่จมอยู่กับงานตัวเอง ก็ออกไปแรดข้างนอกตลอดๆ”

“ไม่ใช่มึงเหรอที่ชวนกูตลอดๆ? แล้วนี่กูโทรมาให้มึงด่าใช่ไหมเนี่ย?”

“ขอกูด่าหน่อยน่า ช่วงนี้กูเก็บกด”

“สัดเหอะ ตกลงคือไอ้เก้ามันไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม?”

“นอกจากเป็นวัยรุ่นแล้วมันก็ไม่ได้เป็นอะไร กูคิดว่าบางที..”

“บางทีอะไร?”

“บางทีมันอาจจะกำลังอินเลิฟอยู่ก็ได้ หึหึ ก็แค่เดาส่งๆ ล่ะนะ”

“มึงเป็นจิตแพทย์ประสาอะไรวะ? มีเดาส่งเดาสุ่ม”

“เอ๊า ปกติกูก็อ่านเอาจากพฤติกรรมของคนไข้ แต่จะให้อ่านใจนี่มันนอกเหนือจากความสามารถว่ะ ว่าแต่คืนพรุ่งนี้มึงไปไหนเปล่า?”

“เออ วันนี้กูบังเอิญเจอปิ่น มึงจำปิ่นได้ไหม? ปิ่นห้องสามน่ะ”

“แฟนเก่ามึง?”

“นั่นแหล่ะ เขาชวนกูไปปาร์ตี้สละโสดของแก้ว เพื่อนสนิทเขาน่ะ มึงจะไปกับกูไหมล่ะ?”

“ไปดิไป เผื่อเจ้าของงานปาร์ตี้สละโสดคนต่อไปจะเป็นกูบ้าง ฮ่าๆๆ”






ตอนเช้าผมออกจากห้องมาก็เห็นไอ้เก้ามันนั่งหน้ามึนเหมือนยังไม่สร่างขี้ตาดีอยู่ตรงโต๊ะกินข้าว แต่มันแต่งเครื่องแบบเรียบร้อยแล้วล่ะ พอหันมาเห็นผมมันก็ฉีกยิ้มให้ สงสัยจะกลับมาเป็นปกติแล้วล่ะ อารมณ์วัยรุ่นขึ้นๆ ลงๆ ชวนให้งงจริงๆ

“นอนดึกหรือไง?”  ผมนั่งลงที่ประจำ มันก็เอากาแฟกับขนมปังปิ้งมาเสิร์ฟให้เหมือนทุกวัน

“นอนไม่ค่อยหลับ”  มันหัวเราะแห้งๆ ใต้ตาคล้ำเป็นหมีแพนด้าเชียว

“มีปัญหาอะไรก็ปรึกษากูได้นะ”  ผมพูดลอยๆ ขณะเปิดหนังสือพิมพ์อ่านข่าวที่น่าสนใจ  “ถึงกูจะไม่ใช่ปู่ที่ดีเท่าไหร่ แต่ยังไงกูก็เป็นปู่มึง”

“..........”  เห็นอีกฝ่ายเงียบกริบชนิดไม่ได้ยินเสียงหายใจ เลยต้องเงยหน้าดูสักหน่อย แล้วก็เห็นว่าไอ้ลูกหมีแพนด้ายักษ์มันกำลังยิ้มกว้างจนตาสองข้างปิด ..อะไรอีกวะนั่น?

“ปู่ดินดีที่สุดแล้วสำหรับผม” 

“..........”  คำพูดของมันทำเอาผมเกือบปล่อยขนมปังปิ้งที่งับไว้หลุดจากปาก อารมณ์ไหนของมันวะเนี่ย?

“งั้นผมไปเรียนก่อนนะ เจอกันตอนเย็นครับ”  มันคว้าเป้สะพายบ่า ยกมือไหว้ผม

“อือ.. อืม...เอ้อ เดี๋ยวๆ”  ขาที่กำลังก้าวไปทางประตูชะงักค้างเมื่อได้ยินผมเรียก

“อะไรครับ?”

“เย็นนี้ไม่ต้องทำข้าวเย็นเผื่อกูนะ จะออกไปกินข้างนอก แล้วคืนนี้ก็อาจจะไม่กลับ เพราะคงเมา” 

“กลับมานะ!”  จู่ๆ ไอ้คนที่เกือบถึงประตูแล้วมันก็รีบปรี่เข้ามาเกาะโต๊ะกินข้าว ทำเอาผมแอบตกใจไม่น้อย  “ถึงเมาปู่ดินก็ต้องกลับมานะ”

“อะไรของมึง? ปกติกูก็ไม่ค่อยกลับอยู่แล้วนี่”  ปกติถ้าเมาผมก็ไม่ค่อยกลับมาหรอก ค้างบ้านใครสักคนที่สะดวกนั่นแหล่ะ

“กลับมานะครับ ถ้ากลับไม่ไหวโทรให้ผมไปรับก็ได้”  มันส่งสายตาอ้อนวอนอย่างกับลูกหมากลัวจะถูกเอาไปทิ้งงั้นแหล่ะ ตกลงคือมันกลับเป็นปกติหรือยังไม่ปกติล่ะเนี่ย? ทำไมวัยรุ่นมันเข้าใจยากอย่างนี้วะ?

“เออๆๆ”  ผมรับปากส่งเดชเพราะไม่ไหวจะทำความเข้าใจแล้วจริงๆ

“ครับ งั้นผมไปนะ”  แล้วมันก็กลับมาดี๊ด๊าเหมือนเดิม เขย่งก้าวกระโดดออกจากห้องไป..






ผมจำได้ลางๆ ว่าเมื่อคืนผมกลับมาบ้านทั้งที่ค่อนข้างเมา ไม่ได้โทรให้ไอ้เก้าไปรับหรอก ไม่เคยทำแบบนั้นมาก่อน และไม่คิดจะทำ ตอนเช้าก็แค่รับปากตัดรำคาญไปงั้น รู้สึกว่าปิ่นหรือเปล่านะที่พาผมกลับมาส่ง ตอนแรกไอ้หมอจะพามา แต่ปิ่นบอกว่าต้องขับผ่านคอนโดผมอยู่แล้ว ผมไม่ได้เอารถไปด้วย ไอ้หมอก็ไม่ต้องขับย้อนไปย้อนมาด้วย ..อืม ก็น่าจะเป็นปิ่นนั่นแหล่ะ แล้วหลังจากนั้นก็เลือนๆ จนจำไม่ได้แล้ว ว่าแต่ใครมันมานอนทับกูวะ? หนักชิบหาย..

“อือ..”  ผมครางแบบรำคาญๆ พยายามจะผลักไอ้ร่างที่มันเลื้อยอยู่ตัวออกไป ...เลื้อย??

“เก้า..”  พอลืมตามาก็เจอกับกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนที่ซบอยู่แถวซอกคอ เป็นใครไม่ได้อีกแล้วล่ะ นอกจากมัน

“ครับ?”  มันขานรับเบาๆ แทบเป็นเสียงกระซิบ ประสาทรับรู้ผมเริ่มกลับคืนมาครบถ้วน เลยเริ่มรู้ตัวแล้วว่าไอ้เก้ามันกำลังใช้ริมฝีปากไล้เล็มซอกคอผมอยู่ ..รู้สึกว่ากูจะยังไม่ได้อาบน้ำนะ

“กูหนัก ออกไปได้แล้ว”  ผมไม่ได้ออกแรงผลัก เพราะมันเล่นขึ้นมานอนทับผมทั้งตัว เลยได้แต่สั่งมันเฉยๆ

“ไม่เอา”  เอ๊า ดื้อซะงั้น แถมยังกอดผมเอาไว้อีก

“นึกไงมานัวเนียกูเนี่ย?”  เอาจริงๆ คือยังไม่เคยเล่นกันถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้มาก่อนเลยนะ คิดอะไรของมันวะ?

“ผมรักปู่ดิน”  มันกอดผมแน่นเลยทีนี้ เสียงที่ตอบออกมาก็ทั้งแผ่วทั้งสั่น

“กูก็รักมึง”

“จริงนะ?”  มันรีบยันตัวขึ้นจ้องหน้าผมด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ

“เออ ก็มึงหลานกู ว่าแต่มันเหี้ยอะไรกันเนี่ย ทำไมกูกับมึงถึงต้องมาบอกรักกันแต่เช้าด้วยวะ? ขนลุกชิบหาย”  ผมทำท่าจะลุก แต่ไอ้เก้ามันกดไหล่เอาไว้เลยลุกไม่ได้

“ไม่ใช่”  มันส่ายหัวดิก  “ไม่เอารักแบบปู่หลาน”

“แล้วมึงจะเอาแบบไหน?”  ผมถามกลับไปมึนๆ นี่กูยังไม่ทันสร่างดี มึงก็จะทำให้กูเมาอีกรอบแล้วนะ

“แบบนี้..”  ผมก้มลงมาจนริมฝีปากมันจรดกับริมฝีปากผม เออ มันจูบผมนั่นล่ะ อึ้งล่ะสิ? แต่ผมคือคนที่อึ้งที่สุดแน่นอน ผมไม่ได้ปฏิเสธสัมผัสของมัน แต่ก็ไม่ได้ตอบรับอะไร ปล่อยให้มันจูบจนพอใจจนมันผละออกไปเอง นึกแปลกใจตัวเองไม่น้อยที่ไม่รู้สึกขยะแขยงทั้งที่ไอ้เก้ามันก็เป็นผู้ชายเหมือนผม สงสัยคงเพราะผมเห็นว่ามันเป็นหลานล่ะมั้ง

“มึงเป็นตุ๊ดเหรอเก้า?”  พอปากเป็นอิสระผมก็ถามแบบคนยังมึนไม่สร่าง

“เปล่า” มันตอบตาใส ตอนนี้หน้ามันอยู่ห่างจากผมราวฝ่ามือเดียวเท่านั้น  “ผู้ชายที่ผมอยากจูบและเคยจูบมีแค่ปู่ดินคนเดียว” 

“มึงอยากให้กูเปิดซิงมึงหรือไง?”

“ถ้าได้จะดีใจมาก”

“เสียใจ ไม่ใช่รสนิยม”

“ปู่ดินอ่ะ”

“มึงรักกู?”

“ครับ ไม่ใช่แบบปู่หลานด้วย”

“ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ตั้งแต่ตอนที่ปู่ดินไปอยู่บ้านผม”  มันลดหน้าลงมาจนจมูกมันคลอเคลียอยู่กับจมูกผม

“ห้าหกขวบเนี่ยนะ? มึงโม้แล้ว”  พอผมเบี่ยงหลบมันก็ฝังจมูกลงมาบนแก้มผมเลย เลยโดนผมซัดหลังมือใส่ลิ้นปี่มันไปปั้กใหญ่ จุกสิมึง ชักลามปามนะ เดี๋ยวๆ ขอคุยให้เคลียร์ก่อน ค่อยคิดบัญชีรวบยอดทีเดียว เปรี้ยวตีนซะแล้วหลานกู

“ห้าขวบครึ่งต่างหาก”  มันแก้ข้อมูลให้ถูก จะว่าไปตอนนั้นมันก็ตามติดผมแจเป็นลูกเป็ดเลยนี่หว่า อย่าบอกนะว่ามึงเริ่มคิดไม่ซื่อกับกูตั้งแต่ตอนนั้นเลย ไอ้เด็กแก่แดดเอ๊ย!

“ถามหม่ามี้ดูก็ได้ หม่ามี้ยังเคยเล่าเลยว่าตอนนั้นผมไปบอกให้หม่ามี้ช่วยไปขอปู่ดินมาเป็นเจ้าสาวให้”

“มึงบ้าไปแล้ว”

“บ้าก็บ้ารักปู่ดินนะ”

“อย่า! หยุด! เลิกพูด! เลือดลมกูยิ่งตีกันในท้องอยู่”  ผมยันตัวลุกขึ้นนั่ง และคราวนี้มันก็ยอมปล่อยให้ผมได้ทำตามใจ  “ตกลงมึงหรือกูกันแน่ที่เมาค้างวะ?” 

“แล้วปู่ดินจะเอายังไง?”  มันนั่งทับขาอยู่ตรงข้ามผม ส่วนผมนั่งขัดสมาธินวดขมับตัวเองเบาๆ

“กูต่างหากที่ต้องถามมึง มึงจะเอายังไงกับกูเนี่ย? ไม่อยากเป็นแล้วใช่ไหมปู่กับหลานน่ะ?”  ผมพูดอย่างเหนื่อยใจ เลี้ยงหลานวันรุ่นนี่มันยุ่งยากจริงๆ จะบ้าตาย

“ผมอยากเป็นแฟนปู่ดิน”  มันพูดฉะฉาน

“ขอปฏิเสธ”  ผมยกมือท่าปรางค์ห้ามญาติ

“ทำไม?”  มันสวนกลับทันที ตกลงว่ามึงเป็นเด็กเอาแต่ใจใช่ไหมเนี่ย? กูเพิ่งรู้

“มีเหตุผลตั้งมากมายที่กูควรจะปฏิเสธมึง แต่เอาไปแค่สองข้อหลักๆ ก่อนแล้วกัน หนึ่งคือมึงเป็นหลานกู และสองคือกูไม่ได้พิศวาสผู้ชาย”

“แต่เมื่อกี๊ปู่ดินยอมให้ผมจูบ”

“เพราะมึงเป็นหลานกูไง ไม่งั้นกูเตะอัดฝาไปแล้ว”  ผมลุกลงจากเตียง ตั้งใจจะว่าไปอาบน้ำให้หัวโล่งสักหน่อย แม่งเอ๊ย! เล่นเอากูมึนยิ่งกว่าเหล้าเมื่อคืนอีก

“แต่ผมไม่ได้อยากเป็นหลานปู่ดิน!”  เสียงมันตะโกนอย่างเอาแต่ใจ แต่ผมไม่ได้สนใจ

“ก็แล้วแต่มึง ไม่เป็นหลานกูก็ไม่ต้องมาเป็นอะไรกัน ก็แค่นั้น”  ผมที่กำลังเอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดตัวเป็นต้องชะงักเมื่อไอ้ตัวปัญหามันเข้ามารวบกอดเอาจากด้านหลัง

“ผมขอโทษ เก้าขอโทษ จะไม่พูดแบบนี้อีก ปู่ดินอย่าโกรธเลยนะ จะไม่พูดอีกแล้ว ขอโทษจริงๆ ฮึก ขอโทษ..”  มันพร่ำพูดขอโทษไปก็สะอึกสะอื้นไป ตัวก็ใหญ่เป็นควาย ดันยืนร้องไห้น้ำตานองหน้า เห็นแล้วอนาถจิตจริงๆ

แต่ที่จริงยิ่งกว่านั้นคือมันทำเอาผมใจอ่อนยวบ นึกอยากตอบตกลงมันไปจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว แต่มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังเล่า?! พูดเป็นหนังการ์ตูน..


ปัดโธ่เว้ยยยยยย!! ทำไมมันยุ่งยากแบบนี้วะ?! 






หลังเสียเวลาปลอบไอ้เก้าอยู่พักใหญ่ ผมก็ได้ฤกษ์เข้ามาอาบน้ำอาบท่าชำระล้างกลิ่นละมุดเสียที ตอนนี้ยืนมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกบานใหญ่ก็ได้แต่ทอดถอนหายใจ กล้ามกูก็มี ซิกแพคกูก็มี นมไม่มี มีแต่ไข่ ปลีน่องล่ำสัน  ขนตรงนู้นตรงนั้นขึ้นให้รึ่ม หน้าก็หนวดชี้โด่เด่เพราะขี้เกียจจะโกนทุกวัน ผมก็ยาวกระเซอะกระเซิงเพราะยังหาฤกษ์ไปร้านเสริมสวยไม่ได้ ลุคเถื่อนเร้าใจเหี้ยๆ...

ไอ้เก้ามันบอกว่าอยากได้ผมเป็นเจ้าสาว..


“เหอะ! เจ้าสาว..”


มึงบ้าไปแล้วไอ้เก้า!

มึงบ้าไปแล้ววววววววว!!!!

 
 








TBC.  :z2:

ตอนนี้เครียด เครียดมาก เครียดที่สุด เครียดไม่ไหวแล้ว ขอเขียนอิปู่ดินหน้ามึนฉุดอารมณ์ที่กำลังดำดิ่งไว้ชั่วคราว เหอ..

เรื่องสั้นน่ะ เรื่องสั้น..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2013 15:25:19 โดย White Raven »

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
อ๊อย...ค้างเติ่งเลยอ่ะ ^^"

ออฟไลน์ GETIIZ

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-4
โอ้วววววววววววววววววววว
ปู่กับหลานนนนน
แอบสงสารเก้าเบาเบาตอนท้ายๆที่เก้าร้องไห้อะ  :z3:

mujika_keita

  • บุคคลทั่วไป
ให้กำลังใจก่อนอ่าน :L2:

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
ตัวเองๆๆๆๆ

เค้าชอบพล็อตนี้มากเลย >//////<

+1 ขอบคุณค่ะ

 :กอด1:

รอยยิ้ม

  • บุคคลทั่วไป
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
อยากอ่านต่อ อยากอ่านต่อ
 :serius2: :serius2: :serius2:

mamaUM

  • บุคคลทั่วไป
ปู่ .... ซึน !!

นัองเก้า ... เด๊กกก เด็ก แต่เราช๊อบบ ชอบบ

รอตอนต่อไปค่ะ >.<

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
สงสัยจะเถื่อนได้ใจน้องเก้า





รออ่านตอนต่อไปค้าบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ murasakisama

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-4
เรื่องสั้น อืมมมขอสัก20-30ตอนก็พอค่ะไม่มากเนอะกำลังดีเลย :laugh:

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
หลานคงอยากได้เจ้าสาวแมนๆ แข็งแรงล่ะมั้ง

ออฟไลน์ Pumpkin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด มีความหลังถูกใจ ผช ชื่อดินเป็นการส่วนตัว เพราะงั้น ปู่ก็ยอมๆเป้นเจ้าสาวหลานไปเต๊อะ!

ออฟไลน์ toye

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0
ติดตามๆๆ น่ารักกก

ชอบเรื่องแนวนี้มาก

แนวผู้ใหญ่โดนเด็กกิน หรือเด็กกินผู้ใหญ่???
 :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ KURATA

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +146/-1
 :mc4: :mc4:
ชอบอ่ะ เก้าน่ารักมาก  :impress2:
 :กอด1: :pig4:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
กริ๊ดดดดดดดดดด นี่แหละฟิคที่เราเฝ้ารอ

ขอเป็นแฟนคลับปู่ดินกับหลานเก้าเลยนะคะ

Syntyche

  • บุคคลทั่วไป
ปู่พูดหยาบไปหน่อย ไม่ดีนะเด็กๆ  ดีที่หลานไม่เอาเป็นตัวอย่าง
เก้าน่ารักมาก อ้อนเยอะๆเลยนะ เดี๋ยวปู่เค้าใจอ่อนเองแหละ
เรื่องน่ารักดีค่ะ สนุกมาก รออ่านต่อน้า~ ;-)

ออฟไลน์ Takarajung_TK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 931
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-2
เห็นชื่อคนเขียนก็เข้ามาอ่านเลย
แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ  o13

ออฟไลน์ witchhound

  • เบื่อ เบื่ออ เบื่อออ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
อัยย๊ะ...ปู่กับหลาน
น่ารักมากกกกกกก
คุณปู่เถื่อนได้ใจ
 :-[

ออฟไลน์ choijiin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +445/-5
อิปู่น่ารักว่ะเฮ้ย
 :impress2:
แต่ดูบุคลิคแล้วอยากให้ปู่ได้หลานเป็นเมียมากกว่า
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ก็น้องเก้ามันแม่บ้านแม่เรือนได้ใจนี่หว่า
 :laugh: :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
เอ่อออออออว่าแต่ใครเคะใครเมะวะ? 555555555555555555555555

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
โอ๊ะ,,,เสียดายอะ ถ้าปู่จะเป็นเจ้าสาว 5555

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
เก้าน่ารักดีนะ ขอให้สมหวังเร็วๆ  อิอิ  :oo1:

ออฟไลน์ hello_lovestory

  • >>I'm C-Z@<<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
หลานปู่คู่นี้น่ารักดีชอบๆ

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
รอตอนต่อไปค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage

[2]





ผมนั่งคาบบุหรี่ แขนกอดอก ขาไขว่ห้าง ตีนกระดิก ตาก็เพ่งมองแต่นาฬิกาบนฝาผนังที่ตอนนี้เข็มสั้นชี้เลขสาม เข็มยาวชี้เลขสิบ.. เกือบจะสี่ทุ่มแล้ว แต่ไอ้หลานเวรยังไม่กลับมาเลย

มันกำลังหลบหน้าผม.. และทำแบบนั้นมาตลอดทั้งอาทิตย์ตั้งแต่วันที่มัน..เอ่อ..สารภาพ..รัก..ล่ะมั้ง? เอาน่ะ ถ้าไม่ใช่ก็คงใกล้เคียง แล้วผมก็ปฏิเสธมันไป มันร้องไห้เสียอกเสียใจ ส่วนผมก็เสียเวลาปลอบมัน พอวันต่อมามันก็เริ่มหลบหน้าผม ออกจากบ้านแต่เช้า กว่าจะกลับก็ดึกดื่น ผมออกจากห้องไม่เคยทันมันสักที

แต่มันก็ยังทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีเยี่ยมเหมือนเดิม คือมันจะลุกมาเตรียมกาแฟกับอาหารเช้าแล้วออกจากห้องไปแบบเฉียดฉิวก่อนที่ผมจะตื่น เพราะมันรู้เวลาตื่นของผมดี และผมก็ตื่นเวลาเดิมทุกวัน ส่วนตอนเย็นมันจะแว้บกลับมาทำข้าวเย็นไว้ให้ก่อน แน่นอนว่าก่อนจะถึงเวลาที่ผมจะออกจากห้องอีกเช่นกัน จากนั้นมันก็ออกไปข้างนอก มันเขียนโพสต์อิทบอกว่าไปติวหนังสือบ้านเพื่อน ถ้ากับข้าวเย็นก็ให้ผมเอาไปอุ่นในไมโครเวฟ และมักจะลงท้ายว่า ‘ทานเยอะๆ นะครับ’ บ้างล่ะ ‘รักษาสุขภาพด้วยนะครับ’ บ้างล่ะ ‘เป็นห่วงนะครับ’ บ้างล่ะ ‘คิดถึงนะครับ’ บ้างล่ะ

ซึ่งในความรู้สึกของผม.. คือมึงกวนตีนมากอ่ะไอ้เก้า ถ้าจะเขียนข้อความแบบนั้นทิ้งไว้ แล้ววิ่งหนีหางจุกตูดล่ะก็นะ.. เดี๋ยวคืนนี้มึงเจอกูแน่!

ผมเหลือบมองนาฬิกาอีกครั้ง.. สี่ทุ่มพอดี มีเสียงก๊อกแก๊กดังมาจากประตูด้านหน้า ผมเคาะตีนเป็นจังหวะวินาทีรอให้อีกคนเดินเข้ามาถึงข้างใน ทุกอย่างเป็นไปตามที่ผมคาด ไอ้เก้าสะดุ้งโหยงทันทีที่เห็นผมยังนั่งหัวโด่อยู่บนโซฟา

“ปู่ดิน..”  มันครางเสียงแผ่ว ค่อยๆ ยกมือไหว้ผม

“มึงมานี่ดิ๊”  ผมขยี้บุหรี่ดับ พยักหน้าเรียกมัน มันทำอิดออดเล็กน้อย ก่อนจะยอมเดินมานั่งบนโซฟาอีกตัว

“ปู่ดินสูบบุหรี่..”  มันทำตาโตเมื่อเห็นก้นบุหรี่มากมายในจานรอง ..ก็นะ สูบมาเรื่อยๆ ตั้งแต่กินข้าวเย็นเสร็จ เล่นเอาเกือบหมดซองเลยทีเดียว

“มึงเห็นกูดูดจูปาจุ๊บอยู่หรือไงล่ะ?”  ผมยักคิ้วกวนมันไป

“แต่มันเยอะมาก แล้วก็ในห้องด้วย”

“กูเปิดเครื่องฟอกอากาศไว้แล้วน่า”  ใช่ว่าไม่เคย แต่ก็ไม่ค่อยได้ทำแบบนี้บ่อยๆ เกรงใจมันที่ต้องมาทนอยู่กับควันพิษของผมเหมือนกัน ทุกทีเลยมักออกไปสูบที่ระเบียง

“ปู่ดินน่าจะลดๆ ลงบ้างนะครับ มันไม่ดีต่อสุขภาพ ปู่ดินก็รู้ ปู่ดินไม่อยากอยู่ไปนานๆ เหรอ?”

“แค่นี้กูก็เป็นปู่แล้ว ขืนอยู่นานกว่านี้กูไม่เป็นทวด ทวดของทวดของทวดเลยเหรอวะ?”

“แต่ผมอยากให้ปู่ดินอยู่เป็นทวดของทวดของทวดของทวด ผมอยากให้ปู่ดินอยู่กับผมไปนานๆ”  มันบอกเสียงดังฟังชัด แถมยังจ้องผมตาเป๋ง ทำเอามือที่กำลังจะดึงบุหรี่ออกจากซองต้องชะงัก ความจริงจังของมันทำผมอึ้งไปเล็กน้อย

“ใครใช้ให้มึงกลับช้าล่ะ กูนั่งรอว่างๆ ไม่รู้จะทำอะไร”  ผมเฉไฉพลางเก็บซองบุหรี่ใส่กระเป๋าเสื้อ

“ปู่ดิน..รอผม?”  มันถามแบบไม่มั่นใจ ตามีประกายวูบไหวแปลกๆ

“กูรอแมวมั้ง เมื่อเช้าแมวที่ไหนไม่รู้มันทิ้งโพสต์อิทไว้ว่าคิดถึงกู กูเลยว่าจะอยู่ให้มันเห็นหน้าสักหน่อย เผื่อจะหายคิดถึง”

“ผม..”  คราวนี้มันอ้ำอึ้ง หูคอแดงเถือก ไอ้เด็กน้อยเอ๊ย

“มึงหลบหน้ากูทำไม?”  ผมรุกฆาตซะเลย

“คือผม..”

“กูเบื่อจะคุยกับโพสต์อิทของมึงแล้ว มีอะไรมึงพูดกับกูมาตรงๆ เลย”

“ก็ผมอกหักอ่ะ”

“หา?!”

“ก็ผมอกหัก! ปู่ดินหักอกผม ผมยังไม่พร้อมจะเจอหน้าปู่ดิน ผมต้องการเวลาทำใจ!”  มันพ่นใส่หัวแม่โป้งตีนตัวเอง ไม่ใช่หน้าผมหรอก แต่ไม่เงยขึ้นมาก็ดี เพราะผมอาจจะกำลังทำหน้าฮาๆ อยู่ก็ได้

“อีกนานไหม?”  ผมพยายามปรับหน้าปรับเสียงของตัวเองกลับสู่โหมดปกติ

“ครับ?”

“มึงต้องใช้เวลาทำใจอีกนานไหม?”

“ไม่รู้.. อาจจะตลอดชีวิตเลยก็ได้”

“ตลกแล้ว”  จะเฮิร์ทอะไรนักหนาวะ?

“ปู่ดินก็ตลกได้ดิ ปู่ดินไม่ใช่คนที่อกหักนี่!”  มันตวัดสายตาขุ่นๆ มองผม ขอบตาแดงก่ำเชียว เฮ้ย! อย่าเพิ่งร้องนะมึง คุยกันให้รู้เรื่องก่อน

“เออๆ กูขอโทษแล้วกัน กูแค่อยากรู้ว่ามึงจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน อย่างที่บอกไปว่ากูเบื่อจะคุยกับโพสต์อิทของมึงแล้ว น่ารำคาญชิบ..”  ผมอยากให้มันกลับมาเป็นเหมือนปกติ ก็ไม่รู้หรอกว่าทำไม แต่ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปผมจะพาลคิดงานไม่ออกไปด้วย ช่วงนี้ผมแทบจะไม่ได้พิมพ์อะไรใหม่ๆ เลยด้วยซ้ำ

“..........”  มันนั่งก้มหน้าเงียบ ส่งกระแสจิตปรึกษาหารือกับหัวแม่โป้งตีนตัวเอง...ล่ะมั้ง?

“มึงจริงจังขนาดนั้นเลยเหรอ เก้า?”  ผมอดไม่ได้ต้องควักบุหรี่มวนใหม่ขึ้นมาจุดจนได้ เครียดว่ะ กูเครียด

“ปู่ดินเป็นรักแรกของผม..”  มันตอบเบาๆ ยังคงคุยกับนิ้วตีนเหมือนเดิม  “..แล้วก็อาจจะเป็นรักสุดท้ายด้วย”

“..........”  แหมนะ ซึ้งซะน้ำตาแทบเล็ด.. ผมเอนหลังพิงพนักพิง แหงนหน้ามองเพดานห้องพลางพ่นควันใส่ ..กรรมอะไรของกูหนอ?

“ผมไม่มีหวังเลยเหรอปู่ดิน?”  เสียงมันถามแผ่วๆ

“จะหวังอะไรอีกล่ะ มึงอกหักไปแล้วไม่ใช่หรือไง?”  ผมห่อปากแล้วปล่อยควันเป็นวงๆ ออกไปอย่างบรรจง

“..ฮึก..”  เสียงกลั้นสะอื้นทำให้ผมต้องละสายตาจากกลุ่มควัน พอมองหน้ามันก็เห็นน้ำตาไหลเรี่ยราดเลยทีนี้

“เฮ้ยมึง!”  ผมตกใจเผลอปล่อยบุหรี่หลุดจากปาก หล่นใส่โซฟา แม่งเอ๊ย! เป็นรอยเลย กูซื้อมาเป็นแสนนะตัวนี้ เหี้ย! ผมลนลานเก็บบุหรี่ไปขยี้ในจานรอง ก่อนขยับไปใกล้ไอ้เก้า ตบหัวมันไปทีดังผั้วะ มันเงยหน้าขึ้นมอง ลืมร้องไปเลย

ถือว่าเป็นวิธีปลอบใจที่ได้ผลชะงัด...หรือเปล่าวะ?  เอาน่ะ ยังไงก็ทำให้มันหยุดร้องได้เหมือนกันล่ะน่า

“ตกลงมึงตุ๊ดจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย? เอะอะร้องๆ ตัวโตซะเปล่า” 

“..........”  มันปาดน้ำตาลวกๆ มองผมตาขวาง ..อ่ะ จะทำไม? จะสวนหรือไง? กูสู้นะเว้ย!

“ถามจริงๆ อะไรทำให้มึงคิดว่ามึงรักกูแบบนั้น?”

“ต้องมีเหตุผลด้วยหรือไง?”  มันตอบสะบัดเสียง เดี๊ยะๆ เดี๋ยวกูซัดเปรี้ยง

“แหงดิ มึงอย่ามาน้ำเน่าบอกว่ารักไม่มีเหตุผล”

“ก็มันไม่มี.. หรือมีแต่ผมไม่รู้ ผมรู้แค่ผมรักปู่ดิน”  ได้ยินมันพูดผมก็ต้องถอนหายใจหนักๆ

“แรกรักมักบอกว่าไม่มีเหตุผล เลิกราแม่งหาเหตุผลได้เป็นเล่มวิทยานิพนธ์”

“ทำไม..”  มันเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย

“มึงคิดว่าสามสิบปีมานี้กูหายใจทิ้งเฉยๆ หรือไง? มึงคิดให้ดีๆ นะไอ้เก้า กูเป็นปู่มึง เป็นผู้ชาย แถมยังแก่กว่ามึงตั้งหลายปี มีอะไรที่บอกว่ามึงควรจะรักกูมั่งไหม?”

“ถึงปู่ดินจะเป็นปู่ผม แต่ก็ไม่ได้มีสายเลือดใกล้ชิดกันขนาดนั้นสักหน่อย ความจริงแล้วเราก็แค่ญาติห่างๆ”  เถียง มันเริ่มเถียงแล้วว่ะ

“แล้วเรื่องที่กูเป็นผู้ชายล่ะ?”

“ผมไม่ได้เป็นตุ๊ดอย่างที่ปู่ดินว่า แต่ผมก็ไม่รังเกียจที่จะมีแฟนเป็นผู้ชายหรอก ..ถ้าผู้ชายคนนั้นคือปู่ดิน”  อ่ะนะ ถ้าเป็นละอ่อนตุ๊ดนี่กูคงลงไปม้วนกับพรมแล้วล่ะ แต่พอดีไม่ใช่ไง แล้วทั้งคำพูดทั้งสายตามึงจริงจังไปไหน?

“กูสามสิบแล้ว แต่มึงเพิ่งสิบเจ็ด อายุห่างกันเกินรอบ”  ผมยังไม่คิดยอมแพ้ 

“ก็ดีไม่ใช่หรือไง? พอปู่ดินสี่สิบ ผมก็ยี่สิบเจ็ด พอปู่ดินห้าสิบ ผมก็สามสิบเจ็ด ยังแรงดีไม่มีตก ปู่ดินน่าจะดีใจนะ”  ยิ่งเถียงเหมือนมันยิ่งมั่นใจ แล้วไอ้รูปประโยคนั่นมันอะไรวะ?

“มึงย้อนกูเหรอไอ้เก้า?”  ผมถามอย่างเอาเรื่อง

“เปล่า.. ผมแค่เห็นว่าปู่ดินคงชอบเด็ก”  มันหลบตา

“เด็กผู้หญิง”  ผมเติมส่วนขยายเพื่อความเข้าใจตรงกัน

“แต่ผมเป็นผู้หญิงไม่ได้”  มันกัดปาก กลับไปสบตากับหัวแม่โป้งตีนเหมือนเดิม ผมถอนหายใจ ความหาบุหรี่มวนใหม่ หือ ทำไมซองมันเบาๆ ..?

“..........”  ห่า หมดแล้วนี่หว่า.. ผมขยำซองบุหรี่ก่อนขว้างทิ้ง แล้วก็ต้องถอนหายใจอีกที และอีกที เรื่องนี้มันจะไม่มีทางออกจริงๆ เหรอวะ? 

เฮ้อออ.. ยุ่งยากชิบหาย


“ปู่ดิน”  เสียงเรียกแผ่วๆ ทำให้ผมหันไปมอง

“อะไร?”  เสียงห้วนเกินพิกัด เพราะชักหงุดหงิดรำคาญแล้ว บุหรี่ก็หมดอีก จิ๊!

“ผม..”  เสียงเบาจนผมต้องเอียงหูไปฟังใกล้ๆ  “..จีบปู่ดินได้ไหม?”

“หา?”  มันว่าไงนะ?

“ผมมาลองคิดๆ ดู ที่ปู่ดินปฏิเสธผมมันก็สมควรแล้ว ก็จู่ๆ ผมเล่นสารภาพรัก แล้วก็ขอปู่ดินเป็นแฟนทื่อๆ เลย เป็นใครใครก็คงปฏิเสธ...มั้ง”

“มันแน่นอนเลยล่ะ”

“ผมรู้แล้วว่าผมข้ามขั้นตอนไป คนเราจะเป็นแฟนกันได้มันต้องเริ่มสานสัมพันธ์กันก่อน”

“หา?!”  มันกำลังพล่ามอะไรของมันอยู่วะ?

“เพราะงั้นผมก็เลยคิดว่าผมจะลองจีบปู่ดินดูสักตั้ง ถ้าสุดท้ายแล้วไม่ติด ผมค่อยมานั่งอกหักต่อ”

“ห๊า?!!”

“อนุญาตให้ผมจีบนะครับ”  แล้วจู่ๆ มันก็เปลี่ยนมาใช้ลูกอ้อนเว้ยเฮ้ย!

“มึง.. คิดได้แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”  ไม่ใช่ว่าคิดอยู่ตลอด แต่ตอแหลบีบน้ำตาใส่กูหรอกนะ ฮึ่ม!

“เมื่อกี๊”  มันยิ้มแฉ่ง ทั้งที่หน้ายังเลอะคราบน้ำตาอยู่เลย เด็ก! เด็กมากๆ 

“..........”  แต่ยอมรับเลยว่าไอ้เด็กคนนี้ทำผมไปไม่ถูก ตามวัยรุ่นไม่ทันจริงๆ มันเล่นไม้นี้แล้วผมจะตอบด้วยไม้ไหนล่ะ? ถ้าบอกไม่อนุญาตมันจะร้องไห้อีกไหม? แล้วผมก็ต้องตบหัวห้ามน้ำตามันอีกงั้นสิ? ผมไม่ชอบเห็นน้ำตามันเท่าไหร่ มันทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก แล้ว...

เดี๋ยวสิ แต่ถ้าผมบอกอนุญาต มันก็จะกลับมาอารมณ์ดีใช่ไหม? แล้วเหตุการณ์ทุกอย่างก็จะกลับสู่ปกติอย่างที่มันเคยเป็นใช่ไหม? ถ้าใช่..แล้วไง? ผมก็ต้องยอมให้มันจีบ? ...งั้นก็เอาดิ ถ้ามันอยากจีบก็ให้มันจีบไป ปล่อยให้มันทำซะให้สบายใจ จะได้ไม่งอแง ส่วนผมก็แค่ทำเล่นตัวยื้อเวลาออกไปเรื่อยๆ เดี๋ยวอีกสักพักมันก็คงหายบ้าไปเอง..ล่ะมั้ง?

เอาวะ! คงไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้แล้วล่ะ


“เออ”

“ครับ?”  มันทำหน้างง กูว่ากูจะไม่พูดออกไปตรงๆ แล้วนะ

“อยากจีบก็จีบ!”

“ปู่ดิน..”  มันอึ้ง...นิ่ง...มุมปากค่อยๆ ยกขึ้น...ยกขึ้นจนเกือบถึงหูแล้ว...แล้วก็โผเข้ามากอดผมทั้งตัว 

“ขอบคุณครับ!”

“เออๆ แต่กูไม่รับประกันว่ามึงจะจีบติดนะ”  ที่อยากจะพูดจริงๆ ก็คือ ฝันไปเหอะไอ้ลูกหมาว่าจะจีบกูติด

“ผมจะพยายามครับ!”  มันยิ้มกว้าง รับคำหนักแน่น ก่อนจะหอมแก้มผมฟอดใหญ่ ..หอมแก้ม?

“เฮ้ยมึง?!”  ผมจะหันไปเอาเรื่อง มันก็ดีดตัวกลับไปนั่งที่เดิมแล้ว

“แหะๆๆ”  ยังมีหน้ามาทำเขินอีก ถีบสักโครมดีไหม?

“กูแค่ให้จีบ แต่ไม่ได้ให้มึงมาทำรุ่มร่ามกับกูแบบนี้นะ”  ผมจ้องหน้ามันแบบคาดโทษ

“ผมแค่ขอเบิกล่วงหน้า”

“ห๊ะ?”

“ถ้าเราเป็นแฟนกัน เรื่องแบบนี้ก็จะเป็นสิทธิ์ของผมใช่ไหม? ผมมั่นใจว่ายังไงก็ต้องได้แน่ แต่วันนี้ขอเบิกล่วงหน้าฟอดนึงก่อนนะ เป็นกำลังใจ ..ไปนอนแล้วครับ คืนนี้ฝันถึงผมด้วยนะ”  แล้วมันก็เขย่งก้าวกระโดดกลับห้องตัวเองไปอย่างอารมณ์ดี

“..........”  ส่วนผมยังอึ้งไม่หาย กำลังสับสนว่าเมื่อกี๊มันหลานชายที่อยู่กับผมมาเกือบสี่ปี หรือไอ้ลูกปลาไหลที่ไหนกันแน่วะ?


เดี๋ยวเหอะมึง เดี๋ยวเหอะไอ้เก้า!

ยังไงก็ได้แน่งั้นเรอะ?!



มึงจะมั่นใจโคตรพ่อโคตรแม่ไปแล้ว!!!











TBC.  :z2:

เรื่องสั้น แปลว่า เรื่องที่อัพทีละสั้นๆ  :laugh:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2013 15:28:39 โดย White Raven »

ออฟไลน์ witchhound

  • เบื่อ เบื่ออ เบื่อออ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
และแล้วน้องเก้าก็ได้(จีบ)ปู่ดินแล้ว ดีใจจัง!
เก้าน่ารักมากอะ ปู่ดินก็เหมือนจะตามเด็กมันไม่ทัน
รู้สึกอยากให้นิยายเรื่องนี้ป็นเรื่องยาววววววจัง
คนเขียนจะได้อัพยาววววววๆ :laugh:

ออฟไลน์ Takarajung_TK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 931
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-2
ปู่ดินปากจัดได้ใจมาก
ชอบๆๆๆๆ  o13


มาต่อเรื่องนี้แล้วอย่าลืมแสงเหนือ กับ อยากจีบฯ น้า

ออฟไลน์ GETIIZ

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-4
วิ้ดวิ้วววววววววววว
ปู่ดินเปิดโอกาสให้น้องเก้าจีบแล้ว 555555555

ออฟไลน์ Tun_Bow

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
อัพทีละสั้นๆแต่อัพบ่อยๆนะคับ  :laugh:

รอเด็กกดปู่

ปล. อยากอ่านป๋าซอลกะอีหนูยูริด้วยอ่าาา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด