- 18 -
(part1)
ร้าวไปทั้งตัว ปวดจนไม่อยากขยับ โดยเฉพาะช่วงกลางลำตัว แต่สัมผัสอ่อนนุ่มละกลิ่นหอมๆจากน้ำยาปรับผ้านุ่มช่วยบรรเทาอาการไปได้เยอะ พลิกตัวนิดหน่อยเพื่อหามุมที่ชอบ ก่อนจะซุกหน้าลงไป
ผมยังไม่ตาย...
หรือตายแล้ว? ห้องผมไม่มีอากาศเย็นฉ่ำแถมเตียงและผ้าห่มอุ่นหนาแบบนี้แน่
สมองค่อยๆตื่น แต่ตายังไม่ลืม กลัวว่าพอลืมแล้วสัมผัสและบรรยากาศอบอุ่นรอบตัวจะหายไป พบว่าตนเองอยู่กลางพงหญ้าในซอยเปลี่ยวที่ไร้เสื้อผ้าติดกาย
ผมคงตายแล้วจริงๆ จำได้ลางๆว่าก่อนที่จะหมดสติไป ได้ยินเสียงปืนดังลั่น พวกมันคงเอาปืนยิงหัวผม แล้วทำตามกมลสันดานของพวกมัน
ที่นี่สวรรค์หรือไง? ฮะๆ ตลกตัวเอง คิดอะไรไร้สาระ ทำบาปไปเยอะขนาดนั้นจะมาอยู่บนฟ้าได้ยังไง แถมผมยังไม่ได้แก้แค้นไอ้เหี้ยหลามกับไอ้โทเลย
แล้วผมอยู่ที่ไหน?
เมื่อค่อยๆกระพริบตา ปรือตาขึ้น ก็ได้พบคำตอบ...ห้องนอน...
ห้องนอนใคร? เฟอร์นิเจอร์คุ้นตาเหมือนเคยเห็นมาก่อน ตำแหน่งเตียงที่อยู่ใกล้ระเบียงแบบนี้...
“ตื่นแล้วเหรอ?”
ไอ้โท
ร่างสูงย่างเข้ามาใกล้ ผมเบือนหน้าหนี เสียงฝีเท้าที่เป็นเสียงเฉพาะของผู้สวมใส่สลิปเปอร์ดังเข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งเสียงนั้นหยุดอยู่ข้างกายผม
“เอาข้าวต้มกับยามาให้” เสียงทุ้มที่ผมพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอดกลับดังใกล้ๆหู “อยากจะหนีออกไปจากทีนี่หรืออะไรก็ได้กูไม่ห้าม แต่ขอให้ร่างกายมึงได้พักฟื้นจนหายดีก่อน”
ผมเงียบ มันก็เงียบ
จนในที่สุดเสียงสลิปเปอร์ที่ลากกับพื้นก็ค่อยๆห่างไกลออกไป ผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง เหม่อมองไปยังผ้าม่านตรงระเบียง จู่ๆก็คัดจมูกคล้ายจะเป็นหวัด แต่ผมรู้ดีว่ามันไม่ใช่
น้ำตาผมกำลังไหล หมอนสีขาวเปียกชื้นเป็นดวง ไม่รู้ว่าดีใจหรือเสียใจกันแน่ที่ได้เห็นใบหน้าหล่อๆของมัน เรื่องเมื่อคืนต่อจากนั้นเป็นยังไงผมไม่กล้าคิด
อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ยังหายใจ ยังมีโอกาสได้ปลดปล่อยน้ำตากับความอึดอัดที่เกาะกุม มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ผมยกมือมาปิดปาก กล้ำกลืนฝืนทนไม่ให้เสียงสะอื้นเล็ดรอดออกไปแม้ในใจจะกรีดร้องอย่างเจ็บปวดก็ตาม
เสียงเปิดประตูดังขึ้นอีกครั้ง แต่ผมกลับไม่ได้ยิน ขดตัวเองอยู่ใต้ผ้าห่ม ดวงตาพร่าไปด้วยหยาดน้ำ
“นะโม...”เจ้าของห้องเรียกพร้อมกับความรู้สึกยุบตัวของเตียงนุ่ม
“อะ ออก - ไป “ ผมกลืนก้อนสะอื้นและพูดดังชัด หวังว่ามันคงรู้เรื่อง
ทว่าคนข้างหลังคงไม่เข้าใจภาษาไทย มันถึงได้ตอบปฏิเสธ
“ไม่ไป”
เท่านั้นแหละ ผมปาดน้ำตาแล้วยกตัวขึ้นโดยไม่ดูสารรูปตัวเอง
“โอ๊ย!” สีข้างผมเจ็บแปลบจนต้องเอามือกุม มือหนารีบคว้าตัวผมไว้ทันที
“นอนพักดีๆเถอะ” น้ำเสียงดุไม่ได้ทำให้ผมกลัวเลยสักนิด แต่ด้วยร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวยผมจึงไม่อยากโต้กลับ ลำแขนแกร่งโอบรอบลำตัว ดันให้ผมนอนลงช้าๆ เป็นโอกาสให้ผมได้เห็นว่าชุดนอนที่สวมใส่นั้นตัวใหญ่กว่าจนทำให้ไหล่ตก แขนยาวขายาวเนื้อผ้าดีแบบที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าของใคร ส่วนคนตรงหน้าอยู่ในชุดลำลองสบายๆ
ผมเอนลำตัวตาม บอกตรงๆอยากขืนแต่เรี่ยวแรงมันหายไปหมด สีข้างก็ปวดแปลบๆ แม้ใจอยากจะต่อต้านแต่ร่างกายมันไม่ไหวจริงๆ ฝืนไปก็กลายเป็นดันทุรังพาลจะให้เจ็บตัวหนักกว่าเดิมเปล่าๆ
“ไม่ต้องกลัว...กูจะไม่ให้ใครมาทำร้ายมึงอีก” ท่าทีอ่อนโยนนี่มันอะไรกัน เหอะๆ
“เก็บไว้บอกตัวเองเถอะ”
“ขอโทษ...ขอโทษสำหรับทุกๆอย่าง” ไม่พูดเปล่า ไอ้โทมันสวมกอดผมจากด้านหลัง ผมดิ้นทันที แม้ลึกๆในใจจะรู้ว่าอ้อมกอดนี้ไม่ได้น่ากลัวแบบทุกครั้ง “เมื่อคืน...กูกลัวว่าจะเสียมึงไปจริงๆ...ไอ้พวกเหี้ยนั่น!” ท้ายประโยคมันทำเสียงน่ากลัวแบบที่ผมไม่ได้ยินมานานแล้ว
“มึงเสียกูไปนานแล้วโท ตั้งแต่วันนั้น” ไม่ต้องบอกว่าวันไหน เราทั้งคู่ต่างรู้ดี “ปล่อยกูไปไม่ได้หรือไง ให้ไปตามทางของกู” ผมพูดเบาๆ น้ำใสๆรื้นที่ขอบตาอีกครั้ง
เพราะมึงไม่ปล่อยกู...กูถึงได้ทุกข์ทรมานอยู่แบบนี้
“กูไม่ปล่อย ไม่มีวันปล่อย” อ้อมแขนแกร่งกระชับแน่น
“เห็นแก่ตัวไปมั้ยวะ?” ผมถามมัน “ไม่คิดบ้างเหรอว่าการที่มึงไม่ยอมปล่อยกูมันยิ่งทำให้กูเจ็บช้ำมากขึ้นทุกวันๆ”
“กูรักมึง”
ประโยคนี้...อีกแล้ว ครั้งที่2ที่ผมได้ยิน แต่มันต่างจากครั้งแรกที่ผมไม่ได้ใจสั่นหวั่นไหวไปกับคำบอกรักของมันเลย
“ภาพเมื่อคืนมันยังติดตากูอยู่ ถ้ากูไม่วนรถกลับไปมันจะเกิดอะไรขึ้น...” ลมหายใจแผ่วเบารดต้นคอ น่าแปลกที่ผมไม่ได้ขยับหนี
“เสียงปืนเมื่อคืน...” ผมเกริ่นข้อที่สงสัย
“ปืนกูเอง กูพกไว้ใต้เบาะรถตลอด”
ผมตัวสั่นอย่างไม่รู้สาเหตุทันทีที่ได้ยินคำตอบ ถ้าเกิดวันไหนผมทำอะไรไม่ถูกใจขึ้นมามันไม่เอาปืนมายิงเลยเหรอวะ แต่คิดอีกแง่มันก็ดี...ดีกว่าเป็นที่ระบายอารมณ์ทางเพศของมัน
“ไม่ต้องกลัว” มันปลอบประโลม “กูไม่มีวันใช้กับมึงแน่ๆ”
หรือถ้าใช้อาจจะดีกว่า...
“เรื่องเมื่อคืนอย่านึกถึง คิดซะว่าฝันร้ายที่ตื่นมาก็ลืม พวกมันไม่ได้ทำอะไร..ส่วนสภาพพวกมันตอนนี้เป็นยังไงมึงอย่ารู้เลย”
“ตายรึยัง?”
“ยัง” ไอ้โทมันตอบห้วนสั้นและบอกให้ผมเลิกถาม เลิกพูดถึง นอนพักผ่อนให้ร่างกายแข็งแรงเหมือนเดิม
จากนั้นมันก็ถือวิสาสะนอนกอดผมอยู่ข้างๆ โดยที่ตัวผมหันหลังตะแคงให้มันเหมือนเดิม ไม่มีการคุกคามใดๆทั้งสิ้น แต่ผมก็ไม่ไว้ใจมันอยู่ดี
ก็มือคู่นี้ไม่ใช่หรอที่ทำร้ายผมไม่ต่างจากไอ้สัตว์เดรัจฉาน 4 ตัวนั่น
บอกให้กูลืม คิดว่าเรื่องแบบนี้มันลืมกันได้ง่ายๆหรือไง ไม่ได้โดนกระทำแบบกูซ้ำแล้วซ้ำเล่า มึงเป็นฝ่ายกระทำมึงก็พูดได้
สิ่งที่ผมโดนกระทำจากไอ้เหี้ย 4 ตัวนั่นกับไอ้โทมันต่างกันตรงไหน?
Next Chapter >> - 18 - (part2)สวัสดีปีใหม่ค่าาาาาาาาา
ช้าไปมะ ? ไม่หรอกเนอะ อิอิ
ขอให้ปีนี้มีแต่สิ่งดีๆ อะไรที่มันแย่ก็ทิ้งไว้ในปีเก่า แล้วหันมาเริ่มต้นใหม่กันนะคะ
รักนักอ่านทุกคน ขอให้มีความสุขตลอดปีค่าาา ^_________^
อีกอย่างหนึ่งเลยคือต้องขอขอบคุณที่ทำให้เรื่องนี้ได้ร่วมเข้าชิงรางวัลสาขานิยายดองเค็มแห่งปีด้วยนะคะ เอิ๊กๆ ชอบมารู้ตอนเค้าปิดโหวตกันไปเรียบร้อยแล้ว ขอบพระคุณที่ยังไม่ลืมเรื่องนี้กันค่ะ /กราบแบบไม่แบมือ