- 13 -
(part2)
เช้าตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย แน่นอนว่าเจ้าของห้องปลุก ใจจริงก็อยากจะนอนต่อแต่ติดที่ว่านี่มันไม่ใช่ห้องผม ผมควรจะเกรงใจ รีบลุกแหกขี้ตาไปอาบน้ำ ผมไม่ได้นอนสบายๆแบบนี้มานานมากแล้ว แบบนอนหลับสนิท ไม่ฝัน ไม่สะดุ้งตื่นอะไรทั้งนั้น หากเป็นเมื่อก่อนตอนที่อยู่ห้องไอ้เหี้ยโทผมคงนอนหวาดระแวงจนไม่เป็นอันหลับ ต้องคอยเตือนตัวเองในหัวตลอดเวลาว่าถ้ามีสัมผัสไม่ชอบมาพากลให้รีบพลิกตัวหนีทันที
ปกป้องปลุกผม 8 โมงเช้า ไม่เช้าแต่ก็ไม่สาย...สำหรับผมนะ แต่ไอ้เด็กนี่มันไม่ไปเข้าแถวเคารพธงชาติรึไง?
“คาบแรกมันโฮมรูม ขี้เกียจฟังจารย์บ่น” ก็แก้ตัวมาอย่างนี้ ผมจะไปเถียงอะไรได้ล่ะครับ
“อืม ยังไงก็ขอบใจมาก ส่วนเงินจะรีบหามาคืนให้” ผมบอกขณะที่กำลังรอรถเมล์หน้าคอนโด
รับปากมากี่ครั้งแล้วนะ แต่ก็หาคืนไม่ได้สักที นี่ยังมาขอที่นอนอีก ทำไมชีวิตผมมันดูไร้ที่พึ่งงี้วะ?
“ไม่ต้องรีบก็ได้ มีค่อยคืน ผมบอกแล้วไง...แล้วคืนนี้โมจะมานอนที่ห้องผมอีกมั้ย?”
“คงไม่ล่ะ แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่”
“แล้วโมจะไปอยู่ไหน” ปกป้องสบตาผม แต่ผมแกล้งทำเป็นมองรถเมล์กลบเกลื่อน
“หอพักเดิมแหละ เดี๋ยวลองไปคุยกับเจ้าของหอดู” อีกอย่างผมยังไม่ได้ย้ายออกอย่างเป็นทางการซะหน่อย แค่ขนของบางอย่างออกมา
“แล้วหอพักนั่นอยู่ตรงไหน?”
“เอ้ย สาย xx มาแล้ว พี่ไปก่อนนะ ไว้จะโทรหา” ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบคำถาม สายตาผมเหลือบไปเห็นรถเมล์ปรับอากาศสายที่ผ่านหน้ามหาวิทยาลัยผมเข้าพอดี ขารีบก้าวขึ้นรถ แต่ก็ไม่วายโบกมือเล็กน้อยให้เด็กนักเรียนม.ปลายที่ยืนอยู่ข้างหลัง
กว่าจะถึงมหาลัยผมก็เกือบเข้าเรียนไม่ทัน แต่ดีที่อาจารย์ยังไม่ได้เช็คชื่อ ผมเดินไปนั่งข้างๆไอ้บูมที่หน้าตามันเปลี่ยนไปนิดหน่อย...ไม่นิดล่ะ มันโกนเคราแพะออกแล้ว ดูดีขึ้นเยอะ แถมเสื้อนักศึกษาพอดีตัว ไม่ได้ใหญ่จนแขนถึงข้อศอกเหมือนเด็กช่าง ใส่กางเกงสแลคปกติ ไม่อยากจะชมแต่ก็ต้องยอมรับว่ามันดูดีขึ้นจริงๆ ว่าแต่ทำไมมันเพิ่งคิดได้ละเนี่ย?
ผมอยากจะถามและก็เล่าเหตุการณ์เมื่อวานให้มันฟัง แต่ติดที่ว่าอาจารย์หน้าห้องนั้นจ้องเขม็งมาที่ผม คงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าผมคุยกับมันตอนนี้
ส่วนไอ้เหี้ยโท สัดหลาม และไอ้จ๊อบมันก็นั่งเรียง 3 คนเหมือนเดิมที่หลังห้อง ผมไม่รู้ว่าพวกมันองผมหรือกระซิบคุยอะไรกันรึเปล่าเพราะผมนั่งอยู่แถวหน้าพวกมัน
หึ ไอ้โทมันเชื่อหลามมากกว่าผมจริงๆด้วย สังเกตจากการที่พวกมันยังนั่งด้วยกันอยู่แบบนี้ เรื่องของมึงแล้วกันไอ้โท จะเชื่อใคร จะทำอะไรก็เรื่องของมึง ขอแค่อย่ามายุ่งกับกูเป็นพอ ส่วนไอ้ตัวเหี้ยที่นั่งข้างๆ...มึงเจอดีแน่
ผมนั่งเรียนอย่างไม่มีสมาธิเพราะมัวแต่คิดหาทางเอาคืนไอ้เหี้ยหลาม มือจดเลคเชอร์ก็จริงแต่ผมไม่เข้าใจไอ้ตัวหนังสือยึกยือๆนี่เลย
“โห่ จารย์คร้าบบบบบบบบบบบ งานกลุ่มไม่ได้เหรอคร้าบบบบ” เสียงโอดครวญจากเพื่อนร่วมภาคทำเอาผมเงยหน้าขึ้นมาแบบงงๆ
“ไม่ต้องมาต่อรองค่ะ งานเดี่ยวคืองานเดี่ยว ขอให้ทุกคนเตรียมมาอาทิตย์หน้าจะเริ่มพรีเซนต์ อาจารย์จะสุ่มไม่เรียงลำดับเพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องความไม่เท่าเทียมนะคะ” พูดจบอาจารย์แกก็วางไมค์แล้วเดินออกจากห้องไปเลย
ห๊ะ!? จารย์สั่งงานตอนไหนเนี่ย
ผมหันไปหาไอ้บูม
“มึง อาจารย์เค้าสั่งงานไรวะ?”
“ก็ที่ให้เลือกธาตุมาชนิดหนึ่งและเชื่อมโยงเข้ากับเรื่องที่เรียน”
“ชิบหายละไง” ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย เรียนก็ไม่เข้าหัว ยังต้องมาเคลียร์ปัญหาบ้าๆนี่อีก
“เออ ไม่ใช่แค่มึง กูก็ชิบหายเหมือนกัน ยังไม่ได้เริ่มสักนิด แต่ช่างแม่ง ไว้ก่อน ปะ แดกข้าว”
ผมกับบูมเก็บของบนโต๊ะ สายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนที่กำลังจ้องผมจากทางด้านหลัง แต่ผมแกล้งทำเป็นไม่เห็น เดินนำไอ้บูมออกมาจากห้อง สักพักมันก็ตามมาทัน ผมได้มีโอกาสสำรวจมันเต็มๆตา
“มึง...อะไรดลใจให้มึงเต็มตัวแบบเป็นผู้เป็นคนวะ?” แค่ถามไม่พอ ต้องเหยียดสายตามองมันตั้งแต่หัวจรดเท้า มันทำหน้ายุ่งนิดหน่อยก่อนจะตอบแบบขอไปที
“เออช่างแม่งเหอะ ว่าแต่มึงจะเอาคืนไอ้เหี้ยหลามยังไง เห็นหน้าแม่งแล้วอยากเอาฝ่าตีนไปประทับ”
“กูก็ยังไม่รู้เลยว่ะ” จนปัญญาจริงๆครับ ผมมันตัวคนเดียว ไม่อยากให้ไอ้บูมเข้ามายุ่งมาก พาลจะเดือดร้อนไปถึงมันเปล่าๆ
“แล้วพี่พลอะ?” ไอ้บูมถามต่อ
กูก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่ะ โอ๊ยยยยยยยยยยยย ถ้าผมเอาคืนทั้งไอ้เหี้ยหลามและพี่พลก็กลายเป็นว่าตัวผมเองก็เลวเหมือนพวกมัน แต่จะอยู่เฉยๆนิ่งๆเงียบๆให้มันเล่นงานผมอยู่ฝ่ายเดียวงั้นเหรอ?
มันต้องมีสักทางสิน่า...
ขณะที่ผมกำลังเดินตรงไปยังโรงอาหารนั้นก็มีคนเรียกด้านหลัง ผมกับไอ้บูมหยุดหันไปมอง
“เห้ยไอ้โม ไอ้บึ้ม” เสียงไอ้จ๊อบนั่นเอง ถ้ามีมันคนเดียวผมคงไม่หันหลังกลับ แต่นี่มันมาพร้อมไอ้โทและไอ้เหี้ยหลาม “รีบไปไหนวะ แดกข้าวด้วยกันดิ” ไอ้จ๊อบชวน
ไอ้บูมหันมามองหน้าผม ผมส่ายหัวเบาๆ
“ไม่อะ พวกมึงไปแดกกัน 3 คนเถอะ” ขนาดไอ้บูมปฏิเสธไปแล้ว แต่คนบางคนยังหน้าด้านมาจับไหล่ผม แล้วบอกว่า
“โหยไรวะ ทำหยิ่ง หรือได้ขึ้นเป็นเบอร์ตองเลยต้องหยิ่งหรา”
ไอ้เหี้ยหลาม!!!!!
ผมทนไม่ไหวกับคำพูดของมัน หันกลับไปหวังจะซัดสักหมัด แต่ไอ้บูมมันรั้งแขนผมไว้ เลยได้แค่มองมันอย่างเคียดแค้น
“อย่ามึง ไม่คุ้ม” ไอ้บูมพูดเตือนสติผมพลางมองไปยังรอบๆ นักศึกษาจำนวนมากเดินพลุกพล่านในเวลานี้ “กูนึกวิธีเจ๋งๆออกแล้ว” มันกระซิบ ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ยอมทำตามที่ไอ้บูมบอก สายตาของไอ้เหี้ยหลามมองผมแบบสะใจที่สามารถเอาชนะผมได้ อีกคนที่ยืนอยู่ข้างไอ้จ๊อบนั่นก็มองมาที่ผมเช่นกัน ใบหน้าหล่อนิ่งของมันยังคงมีผลกับสาวๆเสมอ คนรอบข้างเริ่มให้ความสนใจตรงจุดที่ผมยืนอยู่ หากเป็นเมื่อก่อนไอ้บูมคงเหล่มองนมสาวๆแล้วทำท่าอุบาทว์ๆ หรือไม่ไอ้หลามก็แซวไปเรื่อย ไอ้โทคงยิ้มน้อยๆแต่กระชากใจผู้หญิงทุกคนที่เดินผ่าน
แต่ตอนนี้มันไม่มีอีกแล้ว เหลือแต่สีหน้ายิ้มแย้ม แววตาสะใจของไอ้เหี้ยหลาม ใบหน้านิ่งจนไม่มีใครกล้าเดินเข้ามาทักของไอ้โท ส่วนผมก็ทำตัวเหมือนปกติไม่ได้เช่นกัน
ไอ้บูมพาผมมายังโรงอาหาร จัดแจงให้ผมเฝ้าโต๊ะ ส่วนมันไปซื้อข้าว ไม่รู้ว่ามันไปซื้อข้าวหรือหุงข้าวกันแน่เพราะนี่ก็ปาไปเกือบ 20 นาทีแล้วที่ผมนั่งคนเดียวอยู่แบบนี้ ระหว่างที่นั่งรอผมเห็นพี่พลเดินไปไหนไม่รู้ท่าทางรีบๆ พอเห็นพี่พลแล้วก็นึกถึงรูป ตอนนั้นพี่พลเหมือนกำลังจะบอกอะไรสักอย่างถ้าไม่เหี้ยหลามไม่มาขัดซะก่อน
“รอนานปะมึง” ไอ้บูมมาแล้วครับพร้อมกับข้าวในมือ 2 จาน
“ไม่นานเลย แป๊บเดียวเอง ที่จริงมาช้ากว่านี้อีกสักครึ่งชั่วโมงก็ได้นะ”
“อ่าวเหรอ งั้นเดี๋ยวกูมาใหม่”
ไอ้สัด กูประชด
“กวนตีนละๆ” ผมด่ามันก่อนจะตักข้าวใส่ปาก “ละไหนแผนการเอาคืนเจ๋งๆของมึง ไหนเล่ามาสิ” ผมพูดทั้งๆที่ข้าวเต็มปากนั่นละครับ
“เออ รอกูคอนเฟิร์มแผนการก่อน เดี๋ยวบอกทีเดียว” เอ้าไอ้นี่ มีลับลมคมใน
“บอกก่อนไม่ได้ไงวะ?”
“บอกก่อนก็ไม่เซอไพรส์ดิ” มันยักคิ้วกวนตีนแถมมาให้ด้วย
เดี๋ยวๆ ได้ข่าวว่านั่นมันแผนการเอาคืนของกูนะ
“เออน่า ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก...มั้ง” ท้ายประโยคพูดเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่ผมก็ไม่ได้ทักอะไร มันพร้อมคงอยากบอกเอง “แล้วเรื่องพี่พลมึงจะเอาไงอะ?”
“กูกะไปคุยกับพี่เขาอีกที แบบแมนๆเปิดอกกันไปเลย ว่าทำไมต้องมาหักหลังกูแบบนี้ กูว่าไอ้หลามแม่งต้องเป็นตัวบงการแน่นอน” ผมพูดไปตามที่คิด
“เออ เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน แอบอัดเสียงไม่ให้แม่งรู้ตัวด้วยดีกว่า กันเหนียว”
แล้วเรา 2 คนก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก ก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียวจนหมดจาน แต่จู่ๆไอ้บูมก็พูดถึงเรื่องที่ผมเครียดมากที่สุดในตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องไอ้เหี้ยโทนะครับ แต่เป็น...
“งานอาจารย์กมลมึงมีไอเดียยังวะ?” ผมนี่ชะงักไปเสี้ยววิเมื่อพูดถึงงานที่ต้องพรีเซนต์อาทิตย์หน้า
“มึงคิดว่าหน้าอย่างกูมีไอเดียดีๆให้มึงไหม?”
“ไม่!”
เอออออออออออออ ก็รู้แล้วยังจะเสือกถาม
“แล้วมึงอะ?”
“กูมีตัวช่วย”
“หืมมมมมมมมม” ผมนี่งงเลยครับ ตัวช่วยอะไรของมัน “จริงดิ งั้นแบ่งมาช่วยกูบ้าง”
“เห็นว่ามึงเป็นเพื่อนเลยนะเนี่ย เดี๋ยวกูบอกให้ รู้แล้วเก็บเงียบไว้นะ เดี๋ยวไม่ขลัง” แม่งพูดหน้าตาจริงจังจนผมต้องจริงจังไปกับมันด้วย “ตัวช่วยนี่คือเทพเจ้าทั้ง 4 อันได้แก่ เทพกูเกิ้ล ถามอะไรตอบได้ เทพเฟสบุ๊ค หยั่งรู้ฟ้าดิน เพื่อนฝูงไม่ได้เจอหน้าเจอตากันเป็นสิบยี่สิบปี ยังบอกได้ว่าอยู่ไหน เทพยูทูป หูทิพย์ ตาทิพย์ เทพไลน์ โลกรู้ เพื่อนรู้ เรารู้”
“โธ่ ไอ้สัด มึงไปเล่นตรงโน้นเลยนะ เอาเวลา 1 นาที 15 วินาทีที่กูตั้งจังมึงกลับคืนมา” อันที่จริงผมน่าจะตะหงิดใจตั้งแต่มันบอกว่าเดี๋ยวไม่ขลังแล้วนะครับ
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ แต่มึงก็ต้องพึ่งของพวกนี้ในการทำงานอยู่ดีใช่มั้ยละ เถียงดิว่าไม่ใช่ โด่ววววววว”
เออ กูไม่เถียง
“โอ๋ๆ น้องนะโมอย่างทำหน้าแบบนั้นสิจ๊ะ เดี๋ยวพี่ช่วยงานน้องเอง เห็วมั้ยพี่ดีกับน้องขนาดนั้น ทั้งช่วยงาน ทั้งช่วยแก้แค้น ดังนั้นมาเป็นของพี่ซะดีๆ”
“ไปทำคว-ให้ยาวกว่านิ้วก้อยก่อนแล้วค่อยมาจีบกูนะสัส” ดูมันเล่น ขนลุกเลยครับ เจอผมตอกกลับเข้าไปไอ้บูมทำหน้างอเลย ฮ่าๆ
“เออออ ด้ายยยยยย ใครจะไปใหญ่เท่า...”
“เท่าอะไร?”
“เปล่าๆๆๆ จะบ่ายแล้ว ไปเรียนเหอะ”
เอ้า เปลี่ยนเรื่องซะงั้น อะไรของมันวะ
Talk
จริงๆอยากเขียนให้มันดราม่าไปเลย แต่แพรเขียนไม่ไหวจริงๆอะ มันม่ายช่ายยยยยยยยยยย
สุดท้ายก็ต้องเอาบูมมาให้มันฮาหน่อย ไม่งั้นคนแต่งคงเครียดตาย 555555