…หลังจากนั้นอีกราวๆครึ่งปีต่อมา สุริยะมณฑลก็ได้ทำตามสิ่งที่คิดไว้ ด้วยการขอคนรักแต่งงานในคืนพระจันทร์เต็มดวง เหนือน่านฟ้าเกาะฮ่องกงทั้งเกาะ แถมวิธีการก็ไม่ได้แค่เซอร์ไพรส์แม่ของลูกคนเดียว แต่ยังเซอร์ไพรส์ชาวฮ่องกงทั้งเกาะ!...ด้วยการออกคำสั่งให้ทุกบริษัทในเครือของชายหนุ่มรวมถึงตึกสำคัญๆบนใจกลางเมืองฮ่องกงติดตั้งไฟสปอร์ตไลท์บนดาดฟ้า แล้วสาดแสงส่องขึ้นฟ้าเรียงตามลำดับ ให้สามารถอ่านได้เป็นตัวอักษรสี่ตัวเรียงกัน...
‘ W Y M M ?’
คือสิ่งที่พระจันทร์มองเห็นได้อย่างชัดเจนจากบนหน้าต่างเครื่องบินลำหรู
...‘Will You Marry Me?’…
คำพูดมีค่าที่พระจันทร์ได้ยินชัดถนัดหูสะท้อนก้องอยู่ในห้องโดยสารของเครื่องบิน ทั้งห้องถูกจัดให้เป็นที่รโหฐาน มีแค่พระจันทร์และสุริยะมณฑลเท่านั้นที่อยู่ภายในห้อง เพราะฉะนั้นถ้าพี่ยะไม่ได้ถามจันทร์แล้วจะถามใคร...
การเซอร์ไพรส์ในครั้งนี้ทำให้พระจันทร์ถึงกับหลุดปากออกไปว่าไม่ต้องจัดงานแต่งงานจริงๆหลังจากนี้แล้วก็ได้ เพราะแค่นี้มันก็ยิ่งใหญ่เพียงพอกับการเฉลิมฉลองพิธีสำคัญสำหรับพระจันทร์อยู่แล้ว...แต่ระดับเจ้าพ่อจะให้รามือแค่นี้ได้อย่างไรกัน...ถึงจะเห็นคนรักแทบจะจุกอกสำลักความหวานตาย แต่สำหรับสุริยะมณฑลแค่นี้มันยังไม่พอ...ภรรยาเพียงหนึ่งเดียวของเจ้าพ่อแห่งเกาะฮ่องกงจะให้น้อยกว่านี้ได้หรือ...
เขาไม่คิดที่จะปิดบังเรื่องของพระจันทร์ต่อสื่อมวลชนอยู่แล้ว คนภายนอกจะคิดเห็นอย่างไรเรื่องที่จู่ๆเขาก็เปิดตัวลูกเมีย แถมยังเป็นเมียที่เป็นผู้ชายอีกต่างหากก็ไม่เห็นจะเป็นปัญหา เพราะจุดสำคัญสำหรับชายหนุ่มอยู่ที่ว่าครอบครัวของเขาเข้าใจและสนับสนุนความรักครั้งนี้เป็นอย่างดีก็ถือเป็นที่สุดแล้วของสุริยะมณฑล...เขาไม่ได้จัดเป็นงานแถลงข่าวอะไรอย่างเป็นทางการ แต่เกือบทุกบริษัทในเครือและบริษัทอื่นๆที่ร่วมทุนด้วยต่างก็ส่งการ์ดเชิญมาแสดงความยินดีตั้งแต่ช่วงสองสามอาทิตย์แรกที่พวกเขาย้ายกลับมาอยู่ที่ฮ่องกง และหลังวันที่พวกเขาจัดงานแต่งงานอย่างเป็นกันเองที่บ้านที่พระจันทร์คุ้นเคยดีแล้ว ก็มีกองของขวัญมากมายทั้งของเด็กและของผู้ใหญ่ส่งมาให้ถึงบ้านอย่างล้มหลาม
พระจันทร์รับของเหล่านั้นไว้แต่ไม่ได้นำมาใช้ เขาเลือกวันเกิดของลูกในวันครบรอบหนึ่งขวบ นำสิ่งของที่ได้รับมาไปบริจาคให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่อยู่ใกล้บ้านที่สุด และขอสุริยะมณฑลรับอุปถัมภ์สถานเลี้ยงเด็กแห่งนั้นด้วยการสนับสนุนด้านเงินทุนหลังจากที่เห็นสภาพสถานที่รวมไปถึงบุคลากรที่ทำงานอยู่ที่นั่น พระจันทร์ยังตัดสินใจพาลูกชายไปสถานเลี้ยงเด็กแห่งนั้นอาทิตย์ละครั้งในระหว่างที่ยังไม่ได้เริ่มเรียนต่อ เพื่อเอาเวลาว่างที่ต้องอยู่กันสองคนลูกเพื่อรอสุริยะมณฑลกลับมาจากงานตอนเย็นไปใช้งานให้เป็นประโยชน์ ด้วยการไปสอนเด็กๆวาดรูป และเพื่อให้ดอร์น หรือรุ่งอรุโณทัยได้มีเพื่อนเล่นในวัยเดียวกันบ้าง ซึ่งดูท่าทางเด็กชายจะมีความสุขไม่ใช่น้อยยามที่พระจันทร์พามาเปลี่ยนสถานที่เล่น
สรุปได้ว่าชีวิตของเขาตอนนี้เริ่มเข้าที่...ทุ่มเทเวลาทั้งหมดตอนนี้ให้กับลูกและเลือกเรียนออนไลน์เก็บหน่วยกิตไปด้วยอีกสองคอร์ส เขาปรึกษากับพี่ยะไปแล้วว่าเขาจะเริ่มกลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัยใหม่ในเทอมหน้า และจะพยายามเรียนจบให้เร็วที่สุด เนื่องจากการที่เขาจำต้องหยุดเรียนไประยะหนึ่ง ทำให้ต้องยอมหลุดทุนที่เคยได้ไป แต่นั่นกลับกลายเป็นพี่ยะที่ดีใจใหญ่ เพราะจะได้สร้างบุญคุณกับเขาเพิ่มขึ้น ด้วยการกลับมาทำหน้าที่ผู้ปกครองจ่ายค่าเทอมให้เมียตัวเองตามเดิม
พระจันทร์นั่งมองใบหน้ายามหลับของลูกชายด้วยรอยยิ้ม ตอนแรกเกิดเจ้าตัวน้อยยังผิวเหี่ยวๆ ตัวแดงๆอยู่เลย แต่ดูตอนนี้สิ อ้วนท้วน จ้ำม่ำ สมบูรณ์ กินเยอะ โตเร็วจนแพทย์ประจำตัวยังทัก แต่ก็ไม่น่าแปลกเท่าไหร่หรอก...ก็ในเมื่อพ่อของเขาตัวโตสูงใหญ่ขนาดนั้น จะให้ลูกออกมาเล็กสั้น เตี้ยม่อต้ออย่างเขาได้อย่างไร
มือขาวบางเอื้อมไปดึงของเล่นที่เจ้าตัวน้อยชอบกอดเอาไว้ยามหลับ มันเป็นตุ๊กตาเต่านินจาที่ได้รับมาอีกทีจากหนูน้อยไวโอลิน...เขาสังเกตหลายครั้งแล้วว่า ดอร์นมักจะชอบเล่นของเล่นของหนูลินที่ได้รับมา มากกว่าของเล่นใหม่ๆที่คุณปู่คุณย่าชอบส่งมาให้ เด็กน้อยเลี้ยงง่าย ร้องเป็นเวลา และกินไม่เลือก
ส่วนตัวเขามีอาการเป็นมาเธอร์นิตี้บลูแค่เพียงช่วงสองเดือนแรกหลังลูกคลอดเท่านั้น หลังจากนั้นเมื่อพี่ยะเห็นว่าทั้งเขาและดอร์นแข็งแรงดีขึ้นแล้วก็ตัดสินใจพากลับมาอยู่ฮ่องกง เริ่มต้นชีวิตคู่กันอย่างจริงจังบนแผ่นดินเดิมที่พวกเขาคุ้นเคย
เขายังจำวันแรกที่ได้กลับมาเจอป้าแหม่ม ชิวชิว ซิมบ้า และไอ้ตัวเล็กได้ดี ป้าแหม่มไม่ถามเขาสักคำว่าดอร์นเป็นลูกใคร แสดงอาการดีใจจนร้องไห้เมื่อพี่ยะเอ่ยปากบอกว่าฝากป้าแหม่มให้ช่วยเลี้ยงดูเด็กคนนี้ด้วย แกบอกว่าแกเฝ้ารอวันที่จะได้เลี้ยงลูกของคุณหนูของแกมาทั้งชีวิต ไม่คิดว่าจะได้มีวันนี้เข้าจริงๆ ส่วนสามสัตว์หน้าขนมันเอาแต่มาคลอเคลียวนเวียนอยู่ใกล้ๆพวกเขาไม่ห่าง วันไหนพี่ยะออกไปข้างนอก มันก็จะทำหน้าที่แทนบอดี้การ์ด มาห้อมล้อมวนเวียนอยู่รอบเบาะ เขาจำได้ว่าแอบเห็นชิวชิวพยายามจะสอนให้ลูกเขาคลาน ส่วนซิมบ้าก็ยอมทำตัวเป็นม้า ให้ลูกเขาปีนป่ายขี่เล่นเอาตามแต่ใจ ส่วนเจ้าตัวเล็กก็กลายเป็นเพื่อนร่วมพัฒนาการ เพราะดูเหมือนว่าการพยายามรักษาตาของคุณหมอที่พี่ยะฝากให้ช่วยดูแลนั้นจะได้ผลดี ดวงตาที่เคยมืดบอดของเจ้าตัวน้อยค่อยๆเริ่มมีแสงสว่าง และมีแววตาที่เขาสังเกตเห็นถึงความสุขอยู่ภายใน
ชีวิตและบรรยากาศเก่าๆถูกบรรทึกไว้เป็นรูปถ่ายในอัลบั้มเล่มใหญ่ในมือ แต่ละหน้าที่พลิกมองสร้างแต่รอยยิ้ม และยิ่งยิ้มมากขึ้นอีกเมื่อเห็นเรือนร่างสูงที่สวมเพียงกางเกงแพรเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมชื้นถูกเช็ดจนหมาด แล้วโยนผ้าขนหนูที่ใช้แล้วไว้บนเตียงลวกๆ
“ทิ้งไว้ให้ใครเก็บ...” พระจันทร์แสร้งทำเสียงดุ
“…เมีย...” ชายหนุ่มตอบเสียงสบายใจ เดินไปมองลูกที่นอนอยู่ในเปลติดกับเตียงแล้วเลิกผ้าที่คลุมเปลอยู่ออก
“พี่ยะ หอมเบาๆนะเดี๋ยวตื่น” เด็กหนุ่มรีบออกปากเตือน เรือนร่างสูงโน้มลงไปในเตียงครู่หนึ่งก็ถอยออกมาปิดผ้าคลุมไว้อย่างเดิม ใบหน้าหล่อเหลาแต้มยิ้มมุมปากอย่างมีความสุข
ชายหนุ่มหันกลับมาที่เตียงแล้วทิ้งตัวลงนั่งใกล้ๆพระจันทร์ ชะโงกหน้ามองอัลบั้มรูปหน้าที่พระจันทร์เปิดค้างไว้ มันเป็นภาพที่ดอร์นกำลังนอนคว่ำ ขนาบซ้ายขวาด้วยเสือขาวกับสิงโตดำตัวใหญ่ นำอยู่ข้างหน้าด้วยเจ้าหมาน้อยตาบอด สัตว์เลี้ยงแสนรักของภรรยาเขา ภาพนี้ถ้าเดาไม่ผิดคนถ่ายก็คือแม่ของดอร์นนั่นแหละ วันๆถ่ายแต่รูปของลูก ถ่ายเสร็จก็ส่งไลน์ส่งเฟสไปให้เขาเพื่อยั่วให้อยากกลับบ้านเร็วๆ
…แน่นอนว่ามันได้ผลเกินคาด เขาไม่เคยอยู่บริษัทได้เกินห้าโมงสักทีสิน่ะ...
จะมีก็แต่วันนี้ล่ะที่เขากลับดึก เนื่องเพราะจำต้องไปร่วมงานเลี้ยงสำคัญในฐานะตัวแทนของบิดา ผู้ที่ปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างกลับลงมาบนบ่าเขาตามเดิมเรียบร้อย
“งานเลี้ยงเป็นยังไงบ้างครับคุณ” พระจันทร์เอ่ยถาม ขยับมือปิดอัลบั้มรูปแล้วยกวางคืนไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ขยับไปนั่งพิงที่หัวเตียงดีๆเพื่อที่จะได้เตรียมรับร่างสูงใหญ่ให้ลงมานอนซบอกเหมือนอย่างที่ทำเป็นประจำแทบทุกคืน
“น่าเบื่อ อยากกลับบ้านมาหาลูกหาเมียเร็วๆ...”
“ปากหวาน...ไม่ชอบเหรอมีสาวๆสวยๆมาล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด”
“หืม เห็นในทีวีเหรอ” ชายหนุ่มซบใบหน้ากับอกอุ่น รู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้กลับบ้านมานอนกอดภรรยาแบบนี้ เพิ่งรู้ว่าชีวิตที่มีครอบครัวรออยู่ที่บ้านมันดีขนาดนี้นี่เอง
“อื้อ ลูกสาวรัฐมนตรีเอย หลานสาวบริษัทอสังหาฯเอย เจ้าของร้านเพชรเอย...”
“หึงก็บอกว่าหึง คนแก่แล้วแปลความคำพูดซับซ้อนไม่ค่อยออกหรอกนะ”
พระจันทร์ทำเสียงหึออกมาเบาๆ ใช้มือนวดหูแล้วก็ไหล่ให้คนที่มานอนชาร์จแบตบนตักให้พอเพลินๆ นิ่งรอรับฟังอีกฝ่ายเล่าสิ่งที่ประสบพบเจอในแต่ละวันให้ฟังเหมือนเคย
“มีแต่คนถามถึงดอร์น อยากให้พี่พาไปออกงาน...ทั้งที่บอกไปแล้วนะว่าดอร์นเพิ่งจะขวบกว่าๆ จะให้พาไปออกสื่อได้ยังไง แสงแฟลชวูบวาบขนาดนั้นลูกเราสายตาเสียกันพอดี”
“แล้ว...เขาไม่ถามกันหรือครับว่าดอร์นน่ะลูกใคร” พระจันทร์ถาม และสุริยะมณฑลก็ตอบกลับทันควัน
“ไม่มีหรอก มีแต่คนตื่นเต้นที่พี่มีลูกมากกว่า เขาคงเข้าใจไปเองว่าพี่คงรับเด็กมาเลี้ยง ก็เลยไม่มีใครสงสัยที่มาที่ไปของดอร์น” เอ่ยจบสุริยะมณฑลก็ได้ยินเสียงถอนหายใจยาวของพระจันทร์ เขารู้ว่าคนรักกังวลเรื่องนี้มาก ก่อนที่ตัดสินใจจะพาครอบครัวย้ายกลับมาที่นี่เขาก็เคยคุยเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง รวมทั้งปรึกษามังกรด้วยว่าควรจะบอกสังคมถึงที่มาของดอร์นอย่างไร แต่ทั้งพ่อและมังกรก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอำนาจที่พวกเขามีล้นเกาะฮ่องกงจะทำให้ผู้คนไม่มาสนใจที่มาของดอร์นแน่หากว่าเขาไม่ต้องการ และการปกปิดความลับเรื่องกลุ่มคนไข้พิเศษกลุ่มนี้ของทางโรงพยาบาลเองก็อยู่ในขั้นดีเยี่ยม เขาเลยพอโล่งใจได้ไปเปราะหนึ่ง
“อย่ากังวลไปเลย มีพี่อยู่...จะไม่มีใครกล้ามารังแกดอร์นได้แน่ๆ”
“จันทร์ไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ แต่พี่ยะเป็นบุคคลที่สังคมให้ความสนใจมาก ยิ่งเรื่องของดอร์นก็คงเหมือนกัน...จันทร์กลัวว่าเราจะปิดเรื่องนี้ไปไม่ได้นาน...ค่าผิดสัญญากับทางโรงพยาบาลไม่ใช่น้อยๆเลยนะครับ”
“อ๋อ...ที่แท้ก็กลัวผัวจน”
“ก็ใช่น่ะสิ ใช้เงินน่ะต้องประหยัด จะได้มีเงินส่งลูกเรียนสูงๆ”
“…มีความคิดอย่างคนเป็นแม่เต็มขั้นเลยนะพระจันทร์”
“แน่สิคุณ พอมีลูก...มันถึงได้รู้ ว่ารักอะไรก็ไม่ยิ่งใหญ่ เท่ารักที่พ่อแม่มีให้กับลูก มันทั้งห่วง ทั้งกังวลไปสารพัด...”
“แล้วห่วงกังวลแต่กับลูก แต่ไม่ห่วงพ่อของลูกบ้างเลยเหรอ”
“โอ๊ย...ห่วงจนไม่รู้จะห่วงยังไงแล้ว นี่ถ้าตามไปทำงานด้วยได้จันทร์ไปแล้วนะเนี่ย” เด็กหนุ่มเย้าคนรัก ก้มลงไปเอาจมูกปัดกับปลายจมูกโด่งเสียหนึ่งที และเพราะท่าทางน่ารักนั่นเขาเลยได้รับจูบกลับมาเป็นรางวัลตอบแทนเสียหนึ่งทีเช่นกัน
“ก็ไปด้วยกันสิ พี่นะอยากพาลูกเมียเข้าไปนั่งประชุมด้วยใจจะขาด พี่ว่า...ประชุมไป ดูลูกเราคลานทั่วโต๊ะไป คงมีความสุขจนจุกอกแน่...”
“สุขแต่คุณน่ะสิ คนอื่นเขาคงจุก...ก็ลูกเราซนน้อยกว่าลูกชาวบ้านเขาที่ไหน”
“เอ้า ไม่พาไปประชุมก็ได้ แต่พี่พูดจริงนะเรื่องอยากให้จันทร์ไปทำงานกับพี่ด้วย อย่าลืมที่สัญญาไว้นะเรื่องฝึกงาน ต้องที่บริษัทพี่เท่านั้นนะห้ามเป็นที่อื่น...”
“…ถ้าเป็นที่อื่น พี่จะไปยิงถล่มให้มันพังลงมาทั้งตึกเลย” พระจันทร์แสร้งทำเสียงใหญ่ เอ่ยเลียนแบบคำพูดที่เขาได้รับฟังมาเป็นหนที่ร้อยได้แล้ว
“…” สุริยะมณฑลแสร้งทำเสียงคำรามดังฮืมในลำคอ ยิ่งนับวันยิ่งกล้าหาญชาญชัยขึ้นทุกทีแล้วเมียเขา
“…วันนี้พี่บอกเราไปรึยัง ว่าพี่รักจันทร์...กับลูกมากแค่ไหน”
“บอกแล้วบอกอีกก็ได้...จันทร์ไม่เบื่อฟังหรอก”
“พี่อาทิตย์รักพระจันทร์...แล้วก็รัก...พันธนาการตัวน้อยของเราสองคนมากที่สุดในโลกเลย”
“หืม? แต่จันทร์รักลูก แล้วก็พ่อของลูกมากเท่าฟ้าเลย”
“งั้นพี่รักเท่าจักรวาล...”
“อ้าว แล้วจันทร์จะรักพี่มากกว่านี้ได้ยังไง” เสียงเง้างอดเล็กๆดังอยู่ข้างหูน่ารัก
“ไม่ต้องบอกว่ารักพี่มากแค่ไหนก็ได้...พิสูจน์ด้วยการกระทำจากใจ ให้พี่เห็นก็พอ”
รอยยิ้มที่มีอยู่บนใบหน้าของคนทั้งคู่ค่อยๆเลื่อนเข้าหากัน ริมฝีปากบรรจงจุมพิตลงเบาๆ ไม่มีแรงราคะ ไม่มีความหวามไหว มีเพียงความอ่อนหวาน นุ่มนวล และความรักจากใจ ที่มอบให้กันและกัน ตราบนี้จนนานเท่านาน...
You are sunlight and I moon, Joined by the gods of fortune
เธอเหมือนตะวันฉันดั่งเดือน โชคพาล่องลอยคล้อยเคลื่อนมา
Midnight and high noon, Sharing the sky, We have been blessed, You and I
ได้ผ่านพบสบตาร่วมเรียงฟ้ากว้าง สวรรค์สรรค์สร้างฉันคู่เธอ
You are here like a mystery, I'm from a world that's so different,
เธอฉันเจอกันได้อย่างไร ไม่เคยคิดฝัน เราไม่เหมือนกันดังสองโลกแสนไกล
From all that you are, How in the light of one night, Did we come, So far
คืนแรกได้ใกล้ชิด ก็เปลี่ยนชีวิตไปเพียงไร
Outside day starts to dawn, Your moon still floats on high
รุ่งสางเริ่มต้นยามเช้า แต่จันทร์เจ้ายังนวลตา
The birds awake, The stars shine too
นกน้อยตื่นนอน ดวงดาวยังส่องสว่างจ้า
My hands still shake, I reach for you
ฉันใกล้ประคอง
And we meet in the sky!,
เพียงเราสองบนฟากฟ้า
You are sunlight and I moon
เธอเหมือนแสงตะวัน ฉันดังเดือน
Joined here, Bright'ning the sky
ร่วมใจให้รักฉายส่องท้องนภา
With the flame, Of love, Made of Sunlight Moonlight*
ด้วยเปลวไฟแห่งรัก ที่สร้างจากแสงตะวัน แสงเดือน
The End
———————————————-
*Song lyric : Sun And Moon (Ost. Miss Saigon)