ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นมากนะคะ ช่วงแรกๆเห็นเราอัพบ่อย อย่าเพิ่งได้ใจค่ะ 555
เพราะเดี๋ยวจะสอบไฟนอลแล้ว คงหายไปสัก 2-3 อาทิตย์เลย ว้า 
แต่จะพยายามหาเวลามาแต่งต่อนะคะ ฝากติดตามกันต่อไปด้วย อย่าเพิ่งหายไปไหนน้า 55
ก่อนเริ่มบทที่ 4 จะขอพูดถึงชื่อตัวละครนิดนึง ชื่อทุกตัวเป็นชื่อไทย ที่เป็นคำยืมจากบาลี-สันสกฤตค่ะ
แล้วก็ ชื่อของทุกตัวมีความหมายหมดเลย ไปดูกันค่ะว่าแต่ละชื่อหมายถึงอะไรบ้าง
เตชัส = อำนาจ
รเณศ = จอมทัพ
เปมทัต = ผู้ให้ความรัก
จารวี = ผู้งดงาม
ณิชา = สะอาด บริสุทธิ์
เตชินท์ = เป็นใหญ่ด้วยเดช---------------------------------------------------------
บทที่ 4
ละเลย
“ส่งข้าตรงนี้แหละ” เปมรีบรั้งก่อนที่ปักษายักษ์จะบินเข้าเขตหมู่บ้านชายฝั่ง เพราะเขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าหายไปอยู่กับเจ้าชาย แถมยังก่อเรื่องไว้เยอะแยะอีกด้วย
“ข้าอยากแวะบ้านเจ้า”
“จะไปทำไม”
“ได้ข่าวว่าเจ้ามีพี่สาวสะสวยอยู่ด้วย”
“อย่าคิดมายุ่งกับพี่ข้า”
คราวนี้คนตัวเล็กเป็นฝ่ายเอ่ยปากเสียงเย็น แต่ก็ไม่ได้ส่งผลให้เตชัสรู้สึกเกรงเลยแม้แต่น้อย กลับเรียกเสียงหัวเราะจากท่าทีหวงพี่ที่ดูน่ารักน่าชังนี้เสียมากกว่า เตชัสขยับเข้ามายีหัวเปมจนผมเผ้าไม่เป็นทรง ทำเอาหอยนางรมตัวน้อยต้องร้องออกมาอย่างไม่พอใจ
“โอ้ย อย่ามายุ่งกับข้า” เปมรีบสะบัดตัวออกห่างจากเตชัสก่อนจะใช้นิ้วสางผมยุ่งๆของตัวเองและติดที่หนีบผมของณิชาใหม่ให้เข้าที่เข้าทาง
“นี่อะไร ข้าเพิ่งสังเกต”
“ที่หนีบผมไง”
“ก็แล้วเหตุใดเจ้าถึงต้องติดที่หนีบผมเหมือนเด็กสาวอย่างนี้ด้วยเล่า”
“พะ.. เพราะ คนรักของข้าให้มาต่างหาก ข้าไม่ใช่เด็กสาวนะ!”
“คนรักของเจ้า?” เตชัสเลิกคิ้วสูงพลางโอบตัวเปมไว้จากทางด้านหลังและรั้งให้แผ่นหลังบางแนบกับอกตัวเอง
“ก็ใช่น่ะสิ”
“เจ้าอย่าโง่นักเลย แม่นั่นคงโอ้โลมเจ้าเพียงเพราะตัวเจ้าหวานอร่อยน่ะสิ สักวันเจ้าก็จะต้องถูกจับกินเป็นแน่”
“อึ๊ย!” ไม่พูดเปล่าแต่เตชัสกลับรั้งแขนที่โอบเอวบางให้กระชับขึ้นก่อนจะโน้มหน้าลงไปเลียไล้ความหอมหวานที่ว่าจากแก้มเนียนของคนตัวเล็ก เล่นเอาเปมถึงกับผวาจนหน้าถอดสี
“คนรักของข้าไม่ใช่พวกสัตว์กินเนื้อจอมกะล่อนอย่างเจ้าสักหน่อย!” เปมรีบชิงจังหวะหนึ่งผละตัวออกมาจากเพชฌฆาตจอมเจ้าเล่ห์ที่เอาแต่แสดงความหิวต่อหน้าตนเองอยู่เรื่อย
“อ้อเหรอ”
“ใช่ คนรักของข้าชื่อณิชา เป็นลูกครึ่งสาหร่ายทะเล”
“สรุปว่าชุมชนชายฝั่งมีแต่พวกอ่อนแออย่างนั้นสิ”
“ใช่สิ พวกข้าใช้สมองดำเนินชีวิต ไม่ใช่พวกตัวโตแข็งแรงอย่างฉลาม...หรือปลาหมึกยักษ์”
“เจ้าลงไปเลยไป”
เตชัสส่งเสียงไม่พอใจในลำคอก่อนจะส่งสัญญาณให้นกยักษ์ร่อนลงเทียบพื้นหินและรีบออกปากไปเปมทันทีที่พูดถึงปลาหมึกยักษ์ขึ้นมา ดูเหมือนเจ้าตัวเล็กนี่จะมีความสุขกับการกระตุ้นอารมณ์ร้ายของเขาเสียจริง
“เจ้ากลับบ้านถูกแน่นะ”
“เออ”
เปมเริ่มส่งเสียงรำคาญระหว่างที่กำลังพยายามพาตัวเองลงจากนกยักษ์ และเตชัสเองก็ไม่ได้นึกคิดจะช่วยเขาเลยแม้แต่น้อย กลับพาตัวเองลงไปยืนผิวปากรออย่างสบายอารมณ์ที่พื้นแล้ว จนเมื่อเปมกระโดดลงมาได้ก็คิดที่จะรีบลาไปให้ไกลจากเจ้าชายบ้าๆนี่สักที แต่ไม่วายมือใหญ่ยังตามมารั้งข้อมือเข้าไว้อีกจนได้
“เปม..”
“อะไรอีก?”
“มาเป็นองครักษ์ให้ข้าเถอะ”
ไม่เลิก... ตั้งแต่เมื่อคืน เตชัสก็เอาแต่พูดเรื่องที่จะขอให้เปมไปเป็นองครักษ์ของตัวเองมาตลอด โดยไม่สนใจว่าคนตัวเล็กจะปฏิเสธหัวชนฝาขนาดไหน ที่สำคัญก็คือเปมไม่ได้มีฝีมือการต่อสู้ และไม่รู้วิธีใช้พาหนะจำเป็นอย่างเช่นม้าหรือนกด้วยซ้ำ แล้วจะเอาอะไรไปปกป้องเจ้าชายที่คงจะก่อเรื่องได้ทุกวันเช่นนี้
“ขอปฏิเสธ”
เปมไม่ใส่ใจคนตัวใหญ่ที่พยายามรั้งเขาไว้ กลับสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมและวิ่งเข้าไปตามทางเดินที่ทอดทะลุป่าขนาดย่อมเพื่อออกไปสู่หมู่บ้านแถบชายฝั่ง โดยไม่ได้สนใจที่จะหันกลับมามองหน้าเตชัสด้วยซ้ำ จึงไม่ทันได้เห็นว่าคนตัวสูงกำลังมีสีหน้าเจ็บปวดขนาดไหน และก็ไม่ทันได้ยินน้ำเสียงที่ดูแหบพร่าผิดกับความเป็นเจ้าฉลามเพียงใด
“เปม... ข้าไม่ชอบเลย... ภาพของแผ่นหลังที่ค่อยๆหายไปเช่นนี้”
แกร็บ...
เสียงเหยียบใบไม้แห้งดังขึ้นใกล้ๆทำให้เตชัสรีบกวาดสายตาไปรอบๆอย่างระแวง ในใจก็กลัวว่าจะเป็นรเณศ เพราะแม้เปมจะรักษาแผลให้แล้วแต่มันก็หนักหนาเกินไป จนยังไม่หายดี ถ้าต้องสู้กับไอ้หมึกนั่นอีก ครั้งนี้คงได้ตายสมใจมันจริงๆแน่
“เปม นั่นเจ้าหรือเปล่า?”
“...”
“เป..”
“เจ้าเป็นใคร แล้วทำอะไรน้องชายข้า?”
เสียงแหลมอย่างโกรธเกรี้ยวดังขึ้นมาจากมุมหนึ่งของป่า ก่อนที่ร่างเพรียวของสาวผมยาวสีน้ำตาลอ่อนแซมเขียวจะโผล่พ้นลำต้นของไม้ขนาดใหญ่ออกมา เธอยกมีดเล่มเล็กขึ้นชี้ไปที่เตชัสหวังจะเค้นคำตอบก่อนจะค่อยๆขยับเข้าใกล้ชายหนุ่มที่บัดนี้เริ่มมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้าด้วยว่าเข้าใจในสถานการณ์ตอนนี้แล้ว
“ข้าคือเจ้าชายฉลามขาว นามว่าเตชัส ยินดีที่ได้รู้จักพี่สาวของเปม”
“ห๊ะ! เจ้าชาย!?”
“อื้อ” เตชัสยิ้มร่าในขณะที่วีกลับลนลานเสียจนทำมีดในมือตกแถมยังเริ่มพูดจาตะกุกตะกักอย่างควบคุมไม่ได้
“อะ อะ อะไร ท.. ทำไม โอ้ย!”
“ฮ่าๆ เจ้านี่น่ารักนะ”
เป็นเหมือนทุกครั้งที่พบหญิงงาม เจ้าชายจอมกะล่อนรีบเข้าไปรวบตัววีไว้แนบอกก่อนจะรั้งข้อมือบางไว้แน่นและก้มลงมอบจุมพิตทักทายให้แม่หอยแมลงภู่คนสวย วินาทีต่อมาวีก็รีบผลักตัวเตชัสที่เอาแต่ยิ้มอย่างพอใจออกพร้อมกับรีบหลบสายตาเจ้าเล่ห์นั้นทันที เพราะไม่ต้องการให้เห็นว่าตอนนี้นางเองก็หน้าขึ้นสีชัดเจนจนหน้าอับอาย ก่อนที่วีจะได้วิ่งหนีกลับเข้าไปในป่า เสียงกวนๆก็ดังไล่หลังมาอีกครั้ง
“ข้าชักสนใจเจ้ามากกว่าน้องชายเจ้าแล้วสิ”
“เปม! เจ้าหายไปไหนมา” เสียงแรกที่ดังขึ้นหลังจากที่เปมโผล่หน้าออกมาจากแนวป่าก็คือเสียงใสที่เต็มไปด้วยความกังวลใจของณิชา
“เอ่อ.. ข้าออกไปเดินเล่น แล้วบังเอิญหลงป่า”
นั่นคงเป็นคำโป้ปดที่แย่นัก ถึงอย่างนั้น แม่สาวก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อเพียงแต่รี่เข้ามาปัดเนื้อปัดตัวให้ชายที่รักอย่างเป็นห่วง ทำเอาเปมใจชื้นขึ้นมาก ทั้งคู่รีบกลับไปที่บ้านเพื่อพบพ่อของเปมที่กำลังร้อนใจและอธิบายเรื่องราว (หลอกๆ) ให้ฟัง
ทุกอย่างควรจะคลี่คลายด้วยดี ยกเว้นเพียงแต่พี่สาวคนสวยที่ยามเมื่อกลับมาถึงบ้านก็รีบรุดเข้ามาฉุดตัวเปมเข้าไปในห้องและไต่ถามถึงเรื่องเจ้าชายเตชัสอย่างโจ่งแจ้ง คนเป็นน้องก็ถึงกับใบ้กินด้วยสงสัยว่าวีไปรู้เรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างไร
“นี่เจ้ารู้ได้อย่างไร”
“ก็ข้าไปตามหาเจ้าในป่า แล้วก็พบกับเจ้าชายเข้าน่ะสิ”
“ห๊ะ แล้วเตชัสได้ทำอะไรเจ้าหรือเปล่า”
แค่รู้ว่าพี่สาวรูปงามของตนได้พบกับเจ้าชายวิตถารนั่นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงออกหน้าออกตา เพราะรู้ดีว่าอย่างเตชัสคงไม่ปล่อยให้สาวสวยระดับนี้หลุดมือไปได้ด้วยเพียงแค่การพูดคุยตอบโต้เป็นแน่
“ทะ.. ทำอะไร ป..เปล่าสักหน่อย!”
เปมเลิกคิ้วสูงอย่างสงสัยในท่าทีลนลานระคนเขินอายของพี่สาวคนนี้ ทั้งที่ปกติก็ออกจะเย่อหยิ่ง ทำไมวันนี้ดูราวกับนกน้อยเช่นนี้ ไม่ต้องเดาอะไรให้มากความ ขอตัดสินเลยแล้วกันว่าต้องโดนเตชัสทำอะไรเสื่อมๆเข้าให้อีกแล้วแน่ๆ
“ไอ้เจ้าชายนั่นทำอะไรพี่รึ?” เปมขยับเข้าใกล้วีและรั้งข้อมือเธอไว้พลางถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนแม้แต่วีเองก็ยังตกใจ สุดท้ายก็ได้แต่ก้มหน้างุดและตอบเสียงแผ่ว
“จ..จู บ.. ”
“ฮึ่มม...”
เปมสะบัดมือพี่สาวออกด้วยแรงโกรธในตัวเตชัส แต่เหมือนดั่งฟ้าจงใจขีดชะตาแสนตลก เมื่อพ่อเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับแขกผู้มาเยือน แขกที่สามารถปะทุความรู้สึกในอกของทั้งสองพี่น้องให้แตกออกได้ในคราเดียว ทั้งความเคืองโกรธของเปม และความเขินอายของวี
“วี มีคนมาหาเจ้าน่ะ”
“นี่เจ้าจะมาทำไมไม่ทราบ!” เปมรีบออกหน้ารับก่อนทันที แต่ดูเหมือนเตชัสจะไม่ได้สนใจชายตัวเล็กคนนี้สักเท่าไรแล้ว เพราะตอนนี้สายตาของเขากลับจ้องมองไปที่วีซึ่งเอาแต่หลบสายตาไปมาอยู่ทางด้านหลัง
“ข้ามาหาพี่สาวเจ้าต่างหาก”
“อะไรนะ?”
เตชัสไม่ตอบแต่กลับเดินผ่านตัวเปมไปที่วีซึ่งเอาแต่ก้มหน้าก้มตาจนไม่ทันเห็นว่าเจ้าชายบ้าอำนาจได้เข้าไปประชิดตัวถึงขนาดนั้นแล้ว กว่าที่จะรู้ตัวเตชัสก็ลากข้อมือของวีออกไปจากห้องโดยที่ไม่แม้แต่จะขออนุญาติจากพ่อสักคำ ท่ามกลางความงุนงงของทุกฝ่าย เปมดูจะเป็นคนเดียวที่ไม่สงสัยกับการกระทำเอาแต่ใจตัวแบบนี้ แต่อารมณ์ที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นในใจเด็กหนุ่มกลับเป็นความโกรธเคืองเสียมากกว่า ไม่รู้ว่าจะโกรธเพราะมายุ่มย่ามกับพี่สาวตน หรือเคืองที่ถูกลดความสำคัญลงกันแน่
ฝ่ายวีที่ถูกถูลู่ถูกังให้ขึ้นนกยักษ์ตรงไปที่ปราสาทก็ได้แต่ใบ้กินไม่สมกับนิสัยดั้งเดิมสักนิด ไม่รู้ว่าเพราะเกิดอาเพสจากรอยจูบเมื่อแรกพบหรือเกิดถูกใจเจ้าชายองค์นี้เข้าแล้วจริงๆ แต่ที่แน่ๆก็คือตอนนี้เธอได้มาเหยียบปราสาทใหญ่ของพวกฉลามเสียแล้ว
“อยู่ทานอาหารเที่ยงเป็นเพื่อนข้านะ” เตชัสเลื่อนเก้าอี้ทรงสูงที่มุมหนึ่งของโต๊ะขนาดยาวในห้องอาหารและกดไหล่วีให้นั่งรอ ก่อนที่ตัวเองจะเดินไปสั่งรายการกับเด็กรับใช้
“เจ้าเห็นปราสาทข้าเป็นอะไร ถึงได้พาใครต่อใครเข้าออกไม่เว้นวันแบบนี้” เสียงใหญ่ๆดูองอาจของกษัตริย์เตชินท์ดังขึ้นด้านหลัง ทำให้เตชัสต้องรีบหันกลับไปก้มหัวน้อยๆเป็นการทักทายผู้เป็นพ่อ
“ข้าก็ได้นิสัยท่านมานั่นแหละ”
“ไอ้ลูกเวร! แค่ผู้หญิงที่มาเป็นเครื่องบรรณาการยังไม่พออีกหรือไง”
“ไม่ใช่ไม่พอ แต่ไม่ถูกใจ แล้วถึงได้มาสุดท้ายไอ้รเณศคนโปรดของพ่อก็คาบไปกินทุกที”
“ก็เพราะแกไม่ดูแลของของตัวเองให้ดีนั่นแหละ ถึงได้ถูกแย่งไปหมดเช่นนี้” กษัตริย์เตชินท์เริ่มลดระดับเสียงลงด้วยว่าเบื่อหน่ายที่จะต้องต่อล้อต่อเถียงกับไอ้ลูกชายคนนี้เต็มที
“ใช่ ถูกแย่งไปหมด รวมทั้งเวลาของพ่อด้วย”
“...”
“...”
“แล้วไอ้เด็กผู้ชายเมื่อวานไปไหนซะแล้วล่ะ?” เมื่อผู้เป็นพ่อพยายามเปลี่ยนเรื่องอย่างเห็นได้ชัด เตชัสก็ได้แต่ถอนใจบางเบาและพยายามไม่สนใจบทสนทนาไร้สาระเมื่อครู่อีก
“เปมน่ะเหรอ กลับบ้านไปแล้ว”
“เจ้าคิดจะปล่อยไอ้เด็กนั่นไปงั้นสิ”
“ใครบอก”
“เฮอะ แล้วคิดจะเก็บไว้ในฐานะอะไรล่ะ ของเล่นหรือของกิน?”
“ก็กำลังคิดๆอยู่เหมือนกัน ว่าจะให้เป็นของกิน.. หรือของเล่นดี”
พึ่บ พึ่บ
เปมรีบสะบัดหัวไล่ความคิดที่เตชัสอาจจะทำอะไรแผลงๆกับพี่สาวตัวเองถึงได้ไม่ยอมมาส่งจนดึกดื่นขนาดนี้ ก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองบนฟ้าตามเสียงลมที่แรงผิดปกติ แล้วก็ต้องตกใจจนลูกตาแทบกระดอนออกมากลิ้งเล่น เมื่อสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าตอนนี้คือปักษายักษ์ที่มีขนสีขาวนวลดูองอาจยิ่งนัก แถมยังค่อยๆร่อนลงตรงหน้าของเปมด้วยเสียนี่ แม้อยากจะรีบหนีเข้าบ้านตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว เมื่อเจ้านกขนสวยกำลังย่างเข้ามาใกล้และจิกเอาชายเสื้อของเปมไว้เหมือนต้องการจะสื่ออะไรบางอย่าง
“อะ อะไร”
เจ้านกยักษ์ค่อยๆดึงชายเสื้อเปมแรงขึ้นจนคนตัวเล็กไม่เป็นอันยืน ในที่สุดมันคงทนไม่ไหวกับความซื่อบื้อของเปมถึงได้ใช้จะงอยปากแข็งแรงขนาดใหญ่จิกเอาเสื้อยืดที่เปมใส่อยู่และออกแรงเหวี่ยงเจ้าหอยนางรมตัวน้อยให้ขึ้นไปอยู่บนหลังของมันและเริ่มกระพือปีกทะยานขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้ง
ไม่นานนักเจ้านกยักษ์ขนขาวก็ค่อยๆร่อนลงที่หน้าบ้านหินหลังเล็กๆแต่ถูกตกแต่งอย่างเรียบหรูซึ่งซ่อนตัวอยู่ในป่าใกล้เขตปราสาท เจ้านกไม่รอให้เปมลงจากหลังดีๆแต่กลับเอียงตัวอย่างจงใจให้ชายหนุ่มไหลลงมากองอยู่กับพื้นจนต้องลูบก้นป้อยๆด้วยความปวด
เปมหันมาส่งเสียงดุเจ้านกอย่างว่างมาดผู้เหนือกว่า แต่ก็ถูกนกยักษ์ส่งเสียงขู่ต่ำทำเอาใจหายแล้วยังใช้จะงอยปากดันหลังให้เปมเข้าไปในบ้านหลังนี้เสียอีก
เมื่อเปมเปิดประตูบ้านออกช้าๆด้วยใจกล้าๆกลัวๆก็ค่อยๆปรากกภาพของชายหนุ่มร่างงามที่ไม่ได้อยู่ในชุดเต็มยศเหมือนเคย กำลังนอนพิงผนังด้านหนึ่งอย่างหมดเรี่ยวแรง เหงื่อผุดตามร่างกายเต็มไปหมด อีกทั้งกลิ่นคาวเลือดก็คละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
เปมรีบใช้สองมือขึ้นปิดปากเพื่อกั้นเสียงร้องของตัวเองเมื่อเห็นรเณศกำลังนอนจมกองเลือดโดยที่ทั่วใบหน้าและตัวยังเต็มไปด้วยรอยโคลน แต่ที่แย่ก็คือเนื้อหนังบวกกับเครื่องในตรงส่วนท้องของรเณศน่ะ หายไปหมด!! เหมือนกับว่าถูกสัตว์ร้ายควักเอาไปทั้งสดๆอย่างนั้นแหละ!
“รเณศ!!”
ไม่มีเสียงตอบกลับจากคนที่ถูกเรียก แต่เปมก็ไม่ได้สนใจรีบเข้าไปช่วยปฐมพยาบาลอย่างเต็มที่ แต่ไม่ไหวหรอก เพราะแผลนี้มันหนักหนาเกินไป จะอาศัยแค่ลมอุ่นๆคงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ในสถานการณ์แบบนี้คงต้องจำใจยอมใช้ไอ้นั่น...
“รอก่อนนะ จริงๆแล้วยารักษาที่ดีที่สุดเกิดจากน้ำลายของข้าน่ะ ข้าต้องใช้เวลาสักครู่ผลิตไข่มุก เพื่อเอามาเป็นเม็ดยาให้กับเจ้า” เปมรีบอธิบายทั้งๆที่ใบหน้าเริ่มขึ้นสีระเรื่อเพราะไอ้การที่ยาชั้นเลิศที่สุดผลิตมาจากน้ำลายนี่มันฟังดูงี่เง่าและน่าขยะแขยงชะมัด
“..อื..อ...”
“ช่างน่าอับอายจริงๆ ข้าต้องใช้น้ำลายสร้างเม็ดยาเหรอเนี่ย”
“เร็ว..เถอะ..เจ้าน่ะอาย..ต.. แต่ข้า จะตายแล้วนะ...”
“ขะ.. เข้าใจแล้ว”
เปมนิ่งเงียบไปและเริ่มขยับกรามไปมาท่ามกลางเสียงหอบและครางอย่างเจ็บปวดของคนข้างๆ เวลาผ่านไปสักพักไข่มุกที่ใต้ลิ้นก็เริ่มเข้าทรงเป็นเม็ดกลมได้ที่ เปมจึงรีบหันมาพยักหน้าให้รเณศเป็นสัญญาณให้เขาเบาใจ แต่ทั้งๆที่คนตัวเล็กกำลังจะคายไข่มุกในปากออกไปล้างน้ำก่อนจะเอามาให้รเณศกิน พ่อปลาหมึกยักษ์กลับฝืนดันตัวเองขึ้นและคว้าเอาร่างบางมาชิดตัวจนเสื้อเปรอะไปด้วยเลือด วินาทีต่อมารเณศก็เข้าครอบครองริมฝีปากของเปมเสียแล้ว
ทางด้านเปมเมื่อถูกผู้ชายเข้าประกบปากก็ได้แต่อัมพาตกิน ภายในหัวขาวโพลนไปหมด ดูเหมือนจะตกใจมากจนสติล่องลอยไปไกลแล้ว กว่าที่จะรู้สึกตัวแผลขนาดใหญ่ของคนด้านล่างก็ค่อยๆหายดี พร้อมกับลิ้นอุ่นที่ถูกสอดเข้ามาในปากของเปมอีกครั้งทั้งๆที่มันไม่ควรจะมีอะไรแล้ว!
“อ..อื้อ!”
เปมพยายามดันตัวเองออกห่างจากรเณศ แต่คนตัวใหญ่กลับใช้มือกดหัวเขาไว้ พร้อมทั้งแขนอีกข้างก็รั้งตัวเปมให้ยิ่งแนบชิดกับตนเข้าไปอีก แม้จะทุบตีเท่าไรก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย รเณศเริ่มรุกไล่ควาญหาความหวานไปทั่วทั้งโพร่งปากของเจ้าหอยนางรม ก่อนที่จะเริ่มแปลงแขนใหญ่ให้กลายเป็นหนวดปลาหมึกยั้วเยี้ยอยู่ตามแนวสันหลังของคนตัวเล็ก สักพักไอ้หนวดเจ้าเล่ห์ก็ถูกสอดผ่านเข้าไปในกางเกงของเปมทำเอาร่างบางถึงกับผวาสุดตัวรีบรวบรวมกำลังทั้งหมดต่อยไปที่แก้มของรเณศเต็มแรง
“ฮ..แฮ่ก..”
“ถ้าจะกล่าวโทษ ก็จงไปโกรธเอากับเตชัสเถอะ”
“ว่าไงนะ!” เปมขึ้นเสียงและยิ่งขยับออกห่างจากรเณศที่ตอนนี้เริ่มลุกขึ้นยืนได้แล้ว
“จงกล่าวโทษเตชัส ที่ปล่อยปละละเลยตัวเจ้าเช่นนี้...”
-------------------------
โอ้ยตายตาย แอบเทใจให้รเณศค่ะ 55555 