ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ทุกกำลังใจ และแรงเชียร์นะครับ ขอบคุณจริงๆครับ ส่วนเรื่องที่ว่าพระเอกจะโหดแค่ไหน ผมว่าแค่นี้คงพอแล้วมั้งครับ ถ้ามากกว่านี้จะเป็นตัวร้ายไปเสียเปล่า ( หัวเราะ ) ส่วนน้องกันของเราก็โดนกระทำชำเรามาเยอะ ท่าทางจะรักกันยากจริงๆ แต่ถึงยังๆไง ก็คงมีบางช่วงแหละครับ ที่เขาแอบหวานกันเล็กๆ ประสาพ่อแง่แม่งอน เอาล่ะครับ ผมพูดพร่ำมาเยอะแล้ว ไปต่อกันเลยดีกว่าเนอะ จะได้ไม่เสียอารมร์ครับ
ปอลิง ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกการอ่าน ทุกคอมเม้นท์ที่เข้ามาตอบผมจริงๆครับ ไม่คิดเลยว่าเรื่องที่ผมแต่งจะมีคนติดตามและให้ความสนใจมากขนาดนี้เลย ขอบคุณจริงๆครับ
)))
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากการหายตัวไปอย่างลึกลับของน้องชายร่วมเดือน “กฤษณพล” หรือ “กฤษณ์” พี่ชายแท้ๆของโกสินทร์กำลังนั่งเครียดอยู่
หน้าจอคอมพิวเตอร์ กฤษณ์กำลังค้นหานักสืบฝีมือดีจากโลกไซเบอร์ ตาที่คมเข้มดุจชายไทยจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่กระ
พริบเลยสักนิดเดียว ทำไมเขาต้องมาหานักสืบน่ะหรอ ก็เพราะว่าสน.ที่เขาไปแจ้งความว่าน้องชายหายยังไม่มีการรายงานความ
คืบหน้า โทรไปหาผู้หมวดบีทีไรก็ได้ความแต่ว่า กำลังสืบหาตัวอยู่ กฤษณ์เคยจ้างนักสืบมาแล้วหลายคน แต่กี่คนๆที่เขาว่าจ้างก็
ยังไม่มีการรายงานความคืบหน้าใดๆเลย เขาจึงตัดสินใจเลิกจ้างนักสืบพวกนั้นและมาหานักสืบคนใหม่แทน ตอนนี้เขามีหลายเรื่อง
ที่ต้องคิดมาก ไหนจะเรื่องพ่อที่เข้าโรงพยาบาลเพราะเครียดจัดเนื่องจากยังตามหาโกสินทร์ไม่พบ ไหนจะเรื่องที่เขาจะต้อง
จัดการบริษัทแทนพ่อไปก่อน กฤษณ์ก้มมองนาฬิกาที่จอคอมพิวเตอร์ มันบอกเวลาเที่ยงคืนกว่าๆแล้ว
“เที่ยงคืนกว่าแล้วหรอเนี่ย” กฤษณ์พึมพำกับตัวเอง
“หิวว่ะ ไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า” กฤษณ์พึมพำกับตัวเองอีกที ก่อนที่จะลุกจากโต๊ะคอมพิวเตอร์ เขาเดินลงมาที่โรงรถเพื่อไปนำ
จักรยานออกมาใช้เป็นพาหนะในการเดินทาง
“อ้าว คุณกฤษณ์ครับ ดึกดื่นป่านนี้จะไปไหนล่ะครับ” สมพงษ์ยามเฝ้าประตูบ้านเขาเอ่ยถาม
“ไปเซเว่นหน้าปากซอยหน่อยน่ะสมพงษ์ พอดีเมื่อตอนเย็นกินข้าวไปนิดเดียว”
“ให้ไอ้พลไปเป็นเพื่อนไหมล่ะครับ ดึกๆดื่นๆแบบนี้อันตรายนะครับ เดี๋ยวผมจะไปปลุกมันให้” สมพงษ์เอ่ยถามเจ้านายเขาด้วย
ความเป็นห่วงเป็นใย พลที่ว่านั่นก็หมายถึงลูกชายของสมพงษ์นั่นเอง
“ขอบใจมาก แต่ไม่เป็นไรหรอกสมพงษ์ ปล่อยให้พลมันนอนไปเถอะ ฉันไปก่อนนะ” กฤษณ์พูดก่อนที่ขี่จักรยานออกจากประตู
บ้านไป สมพงษ์มองตามไปด้วยความเป็นห่วง เห้อ คุณกฤษณ์น้อคุณกฤษณ์ เพิ่งเรียนจบมาจากต่างประเทศไม่กี่ปี ก็ต้องทำงาน
แทนคุณท่านที่ป่วยเสียแล้ว ท่าทางจะเหนื่อยน่าดู วันๆไม่เคยอยู่ติดบ้านเลย อายุยังน้อยๆอยู่เลย แฟนก็ไม่เห็นมี ทั้งๆที่หน้าตา
ออกจะดีแท้ๆ ไหนจะคุณหนูที่หายตัวไปอีก คิดแล้วสงสารคุณกฤษณ์จริงๆ สมพงษ์คิด
เมื่อกฤษณ์ได้ซื้อของตามที่เขาต้องการแล้ว เขาจึงขี่จักรยานกลับบ้านทันที ดึกสงัดอย่างนี้นานๆจะมีรถผ่านมาสักคัน ผิดกับ
กลางวันที่มีรถตลอดเวลา กฤษณ์ชอบบรรยายเงียบๆแบบนี้ เพราะมันจะทำให้เขาเกิดความคิดที่ดีหลายอย่าง เขาจึงฮัมเพลง
เบาๆอย่างอารมณ์ดี
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย”เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้นทางด้านหน้าของเขา พร้อมกับการปรากฏร่างของเด็ก
หนุ่มคนหนึ่ง ที่ดูยังไงก็น่าจะเป็นนักศึกษา นักศึกษาคนนั้นวิ่งตรงเข้ามาหาเขา กฤษณ์จึงหยุดรถจักรยานทันที
“เกิดอะไรขึ้นหรอครับ?” กฤษณ์ถามนักศึกษาหนุ่มแปลกหน้า
“มีคนดักปล้นผม เขาจะทำร้ายผมถ้าผมไม่ให้เงินเขา” ไม่ทันขาดคำ พลันก็ปรากฏร่างของวัยรุ่นสองคนที่กฤษณ์จำได้ว่าเป็นเด็ก
ในซอยนั่นเอง เมื่อวัยรุ่นสองคนนั้นเมื่อเห็นกฤษณ์ พวกเขาก็จำได้ทันที่ว่านี่คือคุณกฤษณ์ ลุกชายคนโตของตระกูลมงคลชัยกุล
ตระกูลนักธุรกิจชื่อดังที่มีที่มีบ้านอย่ในซอยนี้
“สวัสดีครับคุณกฤษณ์” วัยรุ่นสองคนนั้นยกมือไหว้กฤษณ์ “เห็นคนวิ่งผ่านมาแถวนี้บ้างไหมครับ”
“คนที่พวกนายจะดักปล้นน่ะหรอ นัท ปลา?”กฤษณ์ถามวัยรุ่นทั้งสอง ทั้งคู่ยิ้มเหยๆ ก่อนจะให้การภาคเสธต่อกฤษณ์
“เอ้านี่ นัท ย้ง แล้วทีหน้าทีหลังอย่าดักปล้นใครอีกนะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ” กฤษณ์พูดพร้อมกับส่งธนบัตรราคาหนึ่งพันบาท
สองใบให้กับวัยรุ่นทั้งสอง พวกเขายิ้มอย่างเริงร่าก่อนที่จะรับเงินจำนวนนั้นไว้โดยที่ไม่ลืมยกมือไหว้ขอบคุณกฤษณ์ และวัยรุ่นทั้ง
สองก็เดินจากไปด้วยความดีใจ
“ขอบคุณนะครับที่ช่วยผมไว้” นักศึกษาคนนั้นกล่าวขอบคุณกฤษณ์เบาๆ กฤษณ์หันหน้าไปมองนักศึกษาหนุ่มคนนั้น ผู้ชายอะไร
เนี่ย หน้าหวานจริงๆ เขาพิจารณาหน้าที่ขาวนวลนั่น ตาโตรับกับจมูกที่ได้รูป อย่างนี้หรือเปล่านะที่เขาเรียกว่าน่ารัก กฤษณ์คิด
“อื้ม ไม่เป็นไร ว่าแต่ชื่อไรล่ะเราเนี่ย ทำไมถึงกลับบ้านดึกแท้ บ้านอยู่แถวนี้หรอ ทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลยล่ะ หรือว่า
ย้ายมาอยู่ใหม่” กฤษณ์พ่นคำถามใส่นักศึกษาหนุ่มน้อยเสียหลายข้อ
“ผมชื่อสุกฤษฎิ์ครับ เรียกสั้นๆว่า เหนือก็ได้ครับ”
“อื้ม ชื่อแปลกดีนะ เหนือ?” กฤษณ์ทวนคำชื่อของนักศึกษาหนุ่มคนนั้นอีกครั้ง
“ครับ ผมเพิ่งย้ายมาอยู่ครับ ผมอยู่ที่หอพักมังคลา ตรงต้นโพธิ์น่ะครับ เลยบ้านหลังใหญ่ๆกลางซอยไปหน่อย”
“อ้อ สะดวกสบายไหมล่ะ ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกฉันได้นะ” กฤษณ์ถามเหนือไป เพราะเขาอยากรู้ข้อมูลจากผู้อาศัยว่าหอของเขา
ที่เพิ่งเปิดใหม่นั้น สะดวกสบายหรือไม่ และควรมีอะไรแก้ไขเพิ่มเติมหรือเปล่า
“เอ๋? ครับ?” เหนือยังไม่เข้าใจสิ่งที่ชายหนุ่มร่างสูงพูดเท่าไหร่นัก แต่เขาก็ตอบรับไป
“มา ขึ้นมาสิเหนือ เดี๋ยวฉันจะไปส่งให้ที่หอ”กฤษณ์พูดเชื้อเชิญหนุ่มน้อย
“จะดีหรอครับ คุณ…….เอ่อ……”
“ฉันกฤษณพล เรียกสั้นๆว่ากฤษณ์ก็ได้ ขึ้นมาเถอะ แถวนี้ไม่มีใครกล้าทำอะไรฉันหรอก”
“ครับ ขอบคุณนะครับ คุณกฤษณ์”
“ขอบคุณอีกครั้งนะครับคุณกฤษณ์ ผมไม่มีอะไรตอบแทนคุณเลย นอกจากนี่ครับ”เหนือพูดกับกฤษณ์ทันทีที่กฤษณ์พาเขามาส่งถึงหน้าหอพร้อมกับยื่นกระดาษใบเล็กๆ ที่ดูเหมือนตั๋วอะไรสักอย่าง
“ไม่เป็นไรหรอก เก็บไว้เถอะ” กฤษณ์พูด
“ไม่ได้ครับ คุณกฤษณ์ต้องรับไว้นะครับ ไม่อย่างนั้นผมคงเสียน้ำใจแย่”
“งั้น ถ้าเหนือพูดถึงขนาดนั้น ฉันรับไว้ก็ได้” กฤษณ์รับพร้อมกับมองดูกระดาษใบนั้น มันเป็นตั๋วละครเวทีของมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นตั๋วระดับเฟิร์สคลาสเลยทีเดียว
“เอ้า เหนือเรียนที่มหา’ลัยนี้หรอกหรอ พี่ก็จบตรีจากที่นี้เหมือนกันนะ รุ่นน้องพี่นี่” กฤษณ์เปลี่ยนสรรพนามที่แทนตัวเองจาก
‘ฉัน’ เป็น ‘พี่’ ทันทีที่รู้ว่าเหนือเรียนอยู่ที่สถาบันเดิมของเขา
“ครับ คุณกฤษณ์อย่าลืมไปดูนะครับ มันเป็นละครเวทีของคณะผมเอง”
“แล้วเหนือเล่นด้วยหรือเปล่าล่ะ?” กฤษณ์ถามอย่างยิ้มๆ
“เล่นครับ”
“งั้นพี่จะไปดูแน่นอน คืนนี้ดึกมากแล้ว ไปนอนเถอะ ราตรีสวัสดิ์ครับเหนือ
“ครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ คุณกฤษณ์ เหนือพูดแล้วยิ้มให้กฤษณ์ ก่อนที่จะเดินขึ้นหอพักของตนไป เหนือรู้สึกดีอย่างประหลาดเขาไม่
เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย ไม่ต่างจากกฤษณ์มากนัก โดยที่ไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่าในอนาคตอันใกล้ของพวกเขานั้นจะเกิดอะไรขึ้น