● เล่ห์รักฤดูร้อน ●
ยกที่ 50 – พันธมิตร
วัสสานะยืดตัวตรง สูดลมหายใจเข้าออกช้า ๆ อยู่สองสามครั้ง ยกนิ้วชี้ขึ้นถูหัวคิ้วยุ่ง ๆ ให้คลายออก บอกตัวเองว่าเย็นไว้ ปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางแก้ไข ครั้งนี้เธอจะไม่มีวันทำตัวบุ่มบ่ามเที่ยวไปบอกคนอื่นในบ้านให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนกับในอดีตอีกแล้ว ระหว่างนั้นก็ปล่อยคิมหันต์นั่งขยี้ตาจนเหมือนเจ้าตัวจะสงบสติอารมณ์ได้ในเวลาใกล้เคียงกัน
“เราจะไม่บอกป๊า” หญิงสาวกระซิบ
“..เจ้..”
“เราทุกคนในห้องนี้..” เธอย้ำอีกครั้งเสียงหนักแน่นกว่าเก่า กวาดตามองสมาชิกในห้องทุกคน ณ ขณะนั้น ตั้งแต่พ่อน้องชายตัวยุ่งซึ่งนั่งทำหน้าจ๋อยข้างเจ้าหนุ่มหน้าโหดที่ตื๊อตามมาบ้านด้วย ไปจนถึงบงกชสาวน้อยอีกหนึ่งซึ่งเพิ่งยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าเธอเป็นเลสเบี้ยน ตระหนักได้ว่าความปวดเศียรเวียนเกล้าของคนเป็นพี่ไม่มีที่สิ้นสุดจริง ๆ
“ครีม ภพ แบม และตัวพี่เอง...เราจะไม่บอกป๊า..”
เธอเงียบไปอึดใจ กระแอมเบา ๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะต่ออีกหน่อยเพื่อความสมบูรณ์
“..และแน่นอนว่าไม่บอกม้าด้วย”
“แสดงว่าพี่สาเห็นชอบเรื่องให้เราคบกัน” สามภพสรุป เล่นเอาเธอต้องยกมือขึ้นปรามเป็นการเร่งด่วน
“หยุดเลย ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“แล้ว..”
“แค่ไม่บอกใคร”
“งั้นก็คบกันต่อได้”
“ไม่ใช่”
“ผมว่าเจ้งงเองแล้ว” คิมหันต์บ่นงุบงิบ
“เงียบเลยเจ้าตัวยุ่ง เจ้หมายถึงครั้งนี้จะยอมทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปก่อนก็ได้”
“แล้วพี่สิล่ะคะ” บงกชแทรกขึ้นมา “พี่สาจะบอกไหม พี่สิโอเคกับเรื่องแบบนี้หรือเปล่า”
ทุกคนมองหน้ากันไปมาในความเงียบ ยังไม่มีใครกล้าฟันธงแน่นอนก่อนพี่สาวคนโต แต่เมื่อเห็นว่าเอาแต่จ้องหน้ากันนานเกินไปแล้ว สามภพจึงกระแอมเบา ๆ ขึ้นหนึ่งครั้ง
“ถ้าเป็นพี่สิ..ผมว่าเขารู้เรื่องก่อนพี่สาเสียอีก”
“หา!?” สองพี่น้องประสานเสียงพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เป็นอีกครั้งที่สามภพเกิดความคิดว่าช่างสมกับเป็นคนบ้านเดียวกันจริง ๆ
“พี่สิสนิทกับพี่อัน พี่สาจำได้ไหมครับ พี่อันนาที่เธอชอบไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย ๆ น่าจะเคยมาที่บ้านด้วยเหมือนกัน”
“..มะ..มาสิ”
“พวกเขาซี้กันออกอย่างนั้น แถมตอนผมเจอคิมหันต์ครั้งแรกเธอก็มีส่วนในเหตุการณ์ร่วมกับพี่อัน ความจริงแล้วพี่สาตกใจน่ะไม่แปลก” สามภพหยุดพูดไปอึดใจ หันไปเอามือยีผมเด็กหนุ่มข้างกายเบา ๆ อย่างไม่เกรงสายตาพี่สาวเจ้าตัว “แต่เราน่ะ ก็รู้อยู่ว่าสองคนนั้นทั้งสนิททั้งแสบกันขนาดไหน...คิดว่าเขาจะไม่รู้หรือ? ปกติออกจะขี้ระแวง ไม่น่ามองข้ามได้เลยนะ”
คิมหันต์ขยับตัวไปมา อึกอักพูดไม่ออก เป็นความจริงอย่างสามภพว่านั่นเอง เทียบตามมาตรฐานเดิมของตัวเอง เขาไม่มีทางจะไม่สังเกตเรื่องนั้น แต่พอมายุ่งวุ่นวายกับอีกฝ่ายมากเข้า ระยะหลังก็พลอยมองข้ามเรื่องอื่นไปหมด ไม่ค่อยได้ลับเขี้ยวเล็บเสียบ้างจนทื่อหมดแล้ว ตอนนี้แม้จะระลึกขึ้นอย่างนั้นได้ แต่ปากยังไม่วายบ่นหงุงหงิง
“...ก็เจ้สาไม่เคยพูดหรือแสดงท่าทีว่าสงสัยเลยสักนิด..”
“เพราะเขาก็คิดเหมือนพี่สาไง” สามภพเหลือบมองพี่ใหญ่ “...ว่าจะไม่บอกใคร...ผมเดาว่าอย่างนั้น..”
วัสสานะกุมขมับ บ่นออกมาอย่างเหลืออดเหลือทน “อย่าทำพูดเหมือนเป็นคนคุมเกมได้ไหมยะเจ้าเด็กพวกนี้”
“เจ้อ่า..” คิมหันต์ได้ทีก็ลุกขึ้นตรงเข้าไปอ้อน “เจ้ใหญ่คนสวย ผมรู้เจ้ใจดีที่สุด”
“ไม่ต้องมาทำอ้อนเลย” เธอค้อนปะหลับปะเหลือกแต่ก็ลูบผมเขาที่ย่อตัวลงมากอดคอ “..เราน่ะหาแต่เรื่องตลอด”
“กลัวเจ้เบื่อไง”
“...”
“เรารู้กันแค่นี้นะ..ไม่ต้องบอกป๊ากับม้า”
หญิงสาวถอนหายใจเฮือก “ยังไงก็จะไม่เลิกคบกัน ถ้าบอกแล้วจะเหลือไหมล่ะ”
“เจ้น่ารักจังเลย”
“เดี๋ยวสิ! นี่ไม่ได้หมายความว่าจะอนุญาตนะ”
“คร้าบบบ” เด็กหนุ่มลากเสียงยาวเกินจำเป็น เจ้าคนที่เพิ่งทำหน้าจะเป็นจะตายตอนบอกรักผู้ชายอีกคนอยู่เมื่อครู่ไม่รู้หายวับไปตั้งแต่เมื่อไร
บงกชหัวเราะ เบาใจแทนคิมหันต์ลงไปนิดหน่อย จากนี้เธอจะได้มีเวลาสะสางเรื่องปัญหาของตัวเองบ้าง อีกฝ่ายไม่รู้ทันได้คิดหรือเปล่าว่าไปออดอ้อนพี่สาวอย่างนั้น เท่ากับประกาศตัวกลาย ๆ อย่างชัดเจนว่าตัวเองก็เทใจไปกับอีกฝ่ายหมดแล้ว ผิดกับตอนคุยกับเธอที่เอาแต่อิดออดอย่างนั้นอย่างนี้ มัวอ้างไปเรื่อยเปื่อยอยู่นั่น ไม่ได้คบกันบ้างละ ไม่ได้เป็นแฟนบ้างละ แค่ขำ ๆ น่า หรืออะไรทำนองนั้น ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วเป็นไปคนละทางกับอาการที่ออกอย่างสิ้นเชิง ทำมีเลศนัยไม่เข้าเรื่อง
คืนนั้นสามภพค้างที่บ้านโดยนอนห้องคิมหันต์ (เนื่องจากห้องว่างสำหรับแขกเป็นของบงกชอยู่) แต่เจ้าของห้องเองโดนอำนาจมืดของพี่สาวคนโตหิ้วไปนอนด้วย พร้อมกับสายตาค้อนขวับของวัสสานะใส่สามภพ ราวกับจะเยาะเย้ยออกมาทางสายตาว่า ‘ไม่ได้แอ้มน้องชายฉันง่าย ๆ หรอกย่ะ!’ แต่กระนั้นก็นับว่าเป็นเรื่องดีที่เธอไม่ว่าอะไร ทำทีฟอร์มจัดทว่าดูรู้ว่าห่วงความรู้สึกน้องเล็กขนาดไหน ลักษณะนิสัยวัสสานะเองก็คล้ายกับคิมหันต์ในเวอร์ชันที่อ่อนโยนและเข้มงวดกว่านิดหน่อย คือปฏิเสธไว้ก่อนแม้จะแอบเข้าข้างอยู่ตลอดเวลา
สามภพนั่งเท้าคาง มองดูรูปถ่ายครอบครัวบนโต๊ะเจ้าของห้องผู้ถูกลากตัวไปนอนกับพี่สาว สีมันเริ่มซีด แต่ชัดเจนว่าคนในรูปเป็นใครบ้าง นั่นป๊าของอีกฝ่ายตอนยังไม่ลงพุง ม้าตอนยังสาว วัสสานะและสิสิรที่ดูเด็กกว่าปัจจุบันไปสักสิบกว่าปีเห็นจะได้ ส่วนคิมหันต์ตัวเท่าลูกหมาอยู่ในชุดนักเรียนอนุบาล ปีนอยู่บนตักเด็กผู้ชายอีกคนที่ใบหน้าคล้ายกันจนเดาได้ไม่ยากว่าคงเป็นพี่ชายคนโต
“เป็นเกย์..?”
ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง ยกกรอบรูปขึ้นมาดู ขมวดคิ้วแล้วเพ่งมองใกล้อีกนิด นึกไปถึงความหวาดระแวงเจือเศร้าสร้อยในแววตาเด็กหนุ่มเมื่อตอนที่เคยพูดเรื่องเฮียใหญ่ของตัวเองอยู่ครั้งสองครั้ง ประเมินจากบริบทแล้ว เดาว่าเรื่องราวคงไม่ได้จบลงอย่างสวยงามนัก เขาใจหายบอกไม่ถูกเมื่อคิดว่าคนในรูปถ่ายซึ่งหน้าละม้ายกับคิมหันต์คนนั้นไม่ได้มีชีวิตอยู่อีกแล้ว
สามภพวางมันไว้ที่เดิม ก่อนจะถือโอกาสเดินสำรวจในห้อง สภาพไม่ต่างจากห้องของคิมหันต์ในบ้านที่กรุงเทพฯนัก ของใช้กระจุกกระจิกเต็มไปหมด (แม้หากเทียบกันสองบ้านแล้วก็นับว่าที่นี่น้อยและเรียบร้อยกว่ามาก) ตู้เสื้อผ้ามีสองหลัง หลังหนึ่งเป็นตู้ไม้ดูเก่าแก่และท่าทางจะน้ำหนักไม่น้อย ผู้ชายตัวใหญ่อย่างเขาลองพิงไปเต็มแรงยังไม่มีทีท่าว่าจะเขยื้อนสักนิด ลองขยับบานประตูดูจึงได้รู้ว่ามันถูกล็อคไว้ ส่วนอีกหลังขนาดใหญ่พอกัน แต่เป็นลักษณะของเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ร่วมสมัยกว่า
เขาขยับประตูตู้อีกบาน หลังนี้เปิดปิดได้เป็นปกติ ข้างในมีเสื้อผ้าแขวนอยู่เต็ม บางตัวเคยเห็นคิมหันต์สวมใส่ก่อนหน้านี้มาบ้างแล้ว มุมสุดของตู้มีแผ่นไม้ที่ดูเหมือนจะเป็นกระดานวาดรูปวางซุกอยู่อย่างผิดที่ผิดทาง แต่เท่าที่เห็นก็ไม่มีอะไรให้เดาได้ว่าเหตุใดมันจึงมาอยู่ตรงนี้ ชายหนุ่มมองมันเพียงครู่หนึ่งแล้วก็เลิกสนใจ
สิ่งที่ดึงสายตาเขาได้อยู่หมัดคือชั้นหนังสือข้างโต๊ะ จากตอนแรกเห็นว่าไม่มีอะไรมาก แม้หนังสือจะมีจำนวนเยอะกว่าที่เขาคิด ทั้งหมดถูกจัดแยกไว้เป็นหมวดหมู่ ไล่ไปตั้งแต่ตำราเรียน หนังสืออ่านเล่น การ์ตูน นิตยสารเกม จนกระทั่งมองเห็นบางอย่างในชั้นล่างสุด อัลบั้มรูปซึ่งปกเริ่มมีรอยลอกถูกวางแทรกไว้ท่ามกลางการ์ตูนรายสัปดาห์เก่า ๆ
เขาหยิบมันออกมาเล่มหนึ่ง หยุดครุ่นคิดอยู่นานโดยยังไม่ได้เปิดออกดู ลังเลว่าทำเช่นนี้จะเป็นการเสียมารยาทต่อเจ้าของห้องหรือเปล่า ทว่าสุดท้ายแล้ว ความอยากรู้อยากเห็นก็มีชัยชนะเหนือมารยาทจนได้
ทั้งหมดเป็นรูปถ่ายคนในครอบครัวเสียมาก เขาเปิดผ่าน ๆ รอบหนึ่งแล้วก็กลับมานั่งพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้ง สายตาไล่มองหาแต่เจ้าเด็กแสบที่ตัวเองตามมาถึงราชบุรี มีบางส่วนเป็นคนที่เขาไม่รู้จัก ทั้งเพื่อนตัวจิ๋วของคิมหันต์ เฮียใหญ่ของเขาที่หน้าตาคล้ายกันอย่างกับแกะ หรือเด็กผู้ชายอีกคนซึ่งมักปรากฏอยู่ในตำแหน่งข้างกายพี่ชายคนโต
ชายหนุ่มเผลอวาดยิ้มบนริมฝีปาก คนอื่นในนั้นเป็นใครบ้างก็ไม่รู้ แต่สิ่งหนึ่งที่รู้คือ คิมหันต์สมัยเด็กโคตรน่ารัก นึกไม่ออกเลยว่าโตมาเป็นเจ้าเด็กเกรียนอย่างช่วงที่รู้จักกันใหม่ ๆ ได้อย่างไร
สามภพใช้เวลาอยู่ตรงนั้นจนเวลาผ่านไปเนิ่นนานโดยไม่รู้ตัว ทุกคนที่แยกย้ายเข้าห้องไปก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าหลับกันหมดหรือยัง แต่เขาเชื่อว่าคิมหันต์ยังแน่นอน เจ้าตัวเพิ่งส่งสติ๊กเกอร์แช็ตกวนประสาทเขาอยู่เมื่อครู่นี้เอง พิมพ์โต้ตอบกันได้อีกแค่ไม่กี่ประโยค ก่อนอีกฝ่ายจะบอกว่าไม่คุยแล้ว เจ้ใหญ่จ้องตาจะหลุด ถึงกับหลุดขำเพราะเขาเองนึกหน้าสองพี่น้องออกเป็นฉาก ๆ ทีเดียว
‘ฝันดี’ เขาตอบไปสั้น ๆ ว่าอย่างนั้น นานทีเดียวกว่ามันจะขึ้นว่าข้อความได้ถูกอ่านแล้ว ก่อนประโยคถัดมาที่ได้รับจะทำเอาตกใจแทบปล่อยโทรศัพท์หลุดมือ
‘เลิกจีบกันได้แล้วย่ะ!’ “....”
‘เจ้าเด็กพวกนี้นี่’ ตามด้วยสติ๊กเกอร์หมีเดือด
พี่น้องคู่นี้น่ากลัวจริง ๆ เป็นอันชัดเจนว่ามือถือคิมหันต์ถูกวัสสานะเทคโอเวอร์ไปเรียบร้อย ซึ่งก็ดี เพราะเขาไม่คิดปิดบังอะไรอยู่แล้ว เหลือแค่ฝั่งไอ้ตัวแสบนั่นเองว่าจะยอมเปิดเผยตัวเองกับพี่สาวแค่ไหนเท่านั้นเอง
เขาพิมพ์ข้อความลงในช่องว่าง เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ จ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจกดส่ง
‘ขอบคุณที่ให้ผมรักเขาต่อไปได้นะครับ’ “เฮียเพี้ยนส่งอะไรมาอะ”
คิมหันต์เลิกคิ้ว ชะเง้อมาทางเธอด้วยความอยากรู้อยากเห็น อ้อมมากระแซะจากหลังเก้าอี้อย่างมีเป้าหมาย แต่วัสสานะกระแอมหนึ่งครั้ง รู้ตัวเองว่าหน้าร้อนนิดหน่อย กดปิดหน้าจอมือถือแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ
“ไร้สาระน่า”
“เจ้ใหญ่..” พ่อน้องชายทำตาใส เอาแก้มมาถูไถอย่างออดอ้อน “เจ้ใหญ่คนดี”
โดนลูกตื๊อมากเข้า หญิงสาวก็ถอนหายใจเฮือก ส่งโทรศัพท์คืนให้เขาอย่างเสียมิได้ ปากไล่เขาไปนอน มือควานหารีโมทปิดโทรทัศน์พร้อมกับบ่นงึมงำไปด้วย “จริง ๆ เลยเด็กพวกนี้ ฉันละอยากจะบ้าตาย”
คิมหันต์ไม่เถียงอย่างคาด ไร้เสียงตอบรับสักแอะ หันไปมองก็เห็นเจ้าตัวคลานขึ้นเตียงอย่างเหนียม ๆ ใบหูเป็นสีแดงระเรื่อ ก้มหน้าก้มตากอดโทรศัพท์ไว้กับตัว
“จะไม่พูดอะไรหน่อยหรือเรา”
“ฝันดีนะเจ้ใหญ่”
“แค่นั้น?”
“อือ”
เธอโคลงศีรษะ เดินไปหาสวิทช์ไฟ ในใจลังเลว่าควรช่วยเหลือหรือขวางทางพวกเขาดี ตอนนั้นเองคิมหันต์ซึ่งตอนแรกบอกว่าไม่มีอะไรแล้วก็พึมพำขึ้นมา
“ผมรักเจ้ใหญ่นะ”
ลูกอ้อนนี่ไม่เคยขาด “รักเจ้สิแล้วก็ป๊ากับม้าด้วย”
“....”
“แต่ผมก็รักพี่ภพเหมือนกัน” “...ครีม..”
“..เจ้ว่า..มันจะจบแบบเฮียไหม?”
เธอปิดไฟ อาศัยแสงเลือนรางจากด้านนอกพอให้เดินตรงเข้าไปหาเขา ทรุดตัวนั่งลงตรงขอบเตียง เอื้อมมือไปลูบแผ่วเบาบนเส้นผมอ่อนนุ่มของน้องชาย
“ไม่หรอก”
หญิงสาวพึมพำ สงสารเขาจับใจ นึกสงสัยว่าทำไมโชคชะตาจึงได้เล่นตลกกับลูก ๆ บ้านนี้นัก พี่น้องผู้ชายทั้งสองคนจึงได้ไปรักใคร่ชอบพอกับผู้ชายทั้งคู่ หากเธอเกิดเป็นผู้ชายสักคนจะรีบแต่งงานมีลูกให้ป๊าอุ้มหลานที่ใช้นามสกุลตัวเองจบเรื่องรู้แล้วรู้รอด
“เจ้ใหญ่..”
“หืม?”
“...ผมกลัว..” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก วินาทีที่เห็นเขาขดตัวตรงขอบเตียงอีกฝั่ง สั่นน้อย ๆ พอสัมผัสได้จากใต้ฝ่ามือเธอที่วางอยู่ ความลังเลในคราวแรกของเธอก็ราวกับจะหายไปตั้งแต่ตอนนั้น ไม่มีเหตุผลใดเลยจะห้ามพวกเขารักกัน และเธอจะไม่มีทางปล่อยให้มันเป็นเหมือนสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีตเด็ดขาด
“ไม่ต้องกลัว”
วัสสานะสาบานกับตัวเอง ในฐานะพี่สาวคนโต น้อง ๆ จะต้องมีความสุข ชดเชยในส่วนที่พี่ชายของเธอไม่มีโอกาสได้รับ ก็สุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์เธอยังพาเขาไปหามาเลี้ยงโดยไม่ต้องสนใจป๊ากับม้าเลย แล้วครั้งนี้ทำไมจะให้ท้ายเขาอีกครั้งไม่ได้ ในเมื่อมันไม่ใช่เรื่องผิดสักนิด
“เจ้จะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นอีกแน่นอน” วันรุ่งขึ้น ทุกคนตื่นแต่เช้า บงกชหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้ามาวางรอไว้ในห้องรับแขกตั้งแต่มื้อเช้ายังไม่ทันเสร็จ นัยว่าอยากชิ่งหนีแย่แล้ว
สายหน่อยพ่อแม่ของเธอก็มารับกลับบ้าน หลังจากยกมือไหว้ลาพ่อแม่ของคิมหันต์และวัสสานะเรียบร้อย เธอก็หันมาลอบยิ้มให้เพื่อนผู้ร่วมชะตากรรมและชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ข้างกาย นึกขำทั้งสองคนซึ่งดูเหมือนจะมีบางจังหวะที่เก้ ๆ กัง ๆ กันทั้งสองฝ่าย ในเมื่อวานนี้เพิ่งบอกรักกันโจ่งแจ้งต่อหน้าต่อตาพยาน มาทำเขินอะไรกันตอนนี้ดูออกจะช้าไปสักหน่อยจนน่าหัวเราะ แต่ให้แสดงอาการเยาะเย้ยเอาสนุกต่อหน้าผู้ใหญ่ก็ไม่ได้อีก ลำบากต้องเก็บอาการน่าดู
“ไปละนะ” เธอยักคิ้ว
“ฮื่อ” คิมหันต์พยักหน้ารับ “ไว้เจอกัน”
สุชัยเห็นคุยกับถูกคอเช่นนั้นก็ได้แต่ยิ้มแก้มปริ ไม่ทันเอะใจสักนิดว่าความสนิทสนมของหนุ่มสาวตรงหน้าไม่ใช่รูปแบบที่ตัวเองคาดหวังจากความพยายามดึงให้พวกเขามาอยู่ใกล้กันสักนิด เจ้าบ้านยืนพูดคุยกับแขกอยู่ครู่หนึ่งก่อนครอบครัวของบงกชจะขอตัวกลับ มีเด็ก ๆ ยืนส่งสายตามีเลศนัยให้กันเป็นระยะ
“เออ..แล้วนี่ภพ”
เจ้าของชื่อเลิกคิ้วน้อย ๆ ด้วยไม่คาดคิดว่าตัวเองจะเป็นเป้าหมายต่อไปของบทสนทนา ต่อให้เจ้าบ้านจะอารมณ์ดีขนาดไหนก็ตาม
“ครับ?”
“ตกลงว่าดูไว้หรือจะยังไปเที่ยวที่ไหน”
“อ้อ..” เขาพยักหน้า จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้คิดไว้ ในเมื่อมาโผล่ที่นี่ไม่ใช่เพราะตั้งใจมาเที่ยวสักหน่อย แต่กระนั้นก็เออออไปก่อน “คงแถวสวนผึ้งครับ”
อีกฝ่ายทำท่าทางเข้าอกเข้าใจ “ออกกี่โมงล่ะ มัวชักช้าเดี๋ยวก็ไม่ทันได้เที่ยว”
“คิดว่าคงสักก่อนเที่ยงน่ะครับ”
สุชัยพยักหน้าอีกครั้ง หันหลังจะเดินเข้าบ้าน แต่เสียงลูกสาวคนโตดังขึ้นก่อน
“..เมื่อคืนคุยกัน สาว่าจะพาไป”
“หือ?”
“ก็..คือสารู้จักทางมากกว่าน่ะค่ะป๊า” เธออธิบายต่อ หันมาขยิบตาใส่อีกสองหนุ่มให้สงบปากสงบคำไว้ก่อน “ครีมกับภพก็ซี้กันดี ตี๋ก็บ่นอยากไปเที่ยวบ้าง แต่ให้เด็ก ๆ ไปกันสองคนมันน่าเป็นห่วง สาว่าจะตามไปดูแล”
“แล้วร้านเราที่กรุงเทพล่ะ”
“เที่ยวเสร็จกะจะกลับเลยค่ะ ช่วงนี้ยัยสิอยู่บ้านโน้นคนเดียวด้วย ฝากดูแลไอ้ดุ๊กดิ๊กมาหลายวันแล้ว ส่วนครีม..”
“ผมก็ว่าจะกลับกับเจ้เลยครับ” เด็กหนุ่มทำเนียนเป็นปี่เป็นขลุ่ย รีบยกเพื่อนสาวที่เพิ่งแยกกันมาเป็นข้ออ้าง “แบมก็กลับบ้านแล้ว อีกไม่นานคงกลับกรุงเทพฯเหมือนกัน ไปมาหาสู่กันง่าย ๆ ปิดเทอมระหว่างภาคไม่นานมาก เดี๋ยวผมต้องเตรียมตัวของเทอมหน้าด้วย”
“ก็เอาสิ!” สุชัยหัวเราะชอบใจ ดูอารมณ์ดีกว่าปกติเห็นได้ชัด “ว่าง ๆ ชวนแบมไปค้างบ้านโน้นด้วยก็ได้”
วัสสานะพยักหน้าเห็นดีเห็นงาม อย่างไรเสียก็อยากพาเด็ก ๆ ออกห่างจากผู้เป็นบิดาสักหน่อย ใครจะรู้ว่าพวกเขาอาจเผลอตัวมาสบตาทำหน้าแดงใส่กันตอนไหน แม้ยังไม่รู้แน่ชัดว่าควรทำอย่างไรต่อดี แต่เธอจะไม่ยอมเสี่ยงแพร่งพรายความลับโดยไม่แน่ใจสถานการณ์อีกแล้ว
“งั้นเดี๋ยวสากับน้อง ๆ ไปเก็บของนะคะ จะได้รีบออก” เธอแจกแจง ใช้เหตุผลอย่างเดียวกับที่อีกฝ่ายเพิ่งบอก “..มัวช้าเดี๋ยวไม่ทันได้เที่ยว”
พวกเขาได้รับอนุญาตอย่างง่ายดาย ถึงจุดนี้อีกอย่างที่สามภพคิดว่าวัสสานะกับคิมหันต์เหมือนกันคือ พวกเขาช่างหาข้ออ้างหรือเหตุผลมาโน้มน้าวผู้อื่นได้แนบเนียนหากเจ้าตัวต้องการ แถมยังเข้ากันดีเหลือเกิน รับช่วงคำพูดกันไม่สะดุดสักนิด ออกจะเป็นไปในเชิงเจ้าเล่ห์เสียด้วยซ้ำ ตอนแรกเข้าใจว่ามีแต่คิมหันต์ที่ถนัดด้านนี้ ไม่นึกว่าแม้แต่พี่สาวคนโตก็เป็นไปกับเขาด้วย ทั้งที่ภาพซึ่งคุ้นตาเขามาตลอดเป็นคุณพี่ผู้บางครั้งก็เพี้ยน (เขายังจำการพบกันครั้งแรก ตอนเขาหลุดออกจากห้องน้ำบ้านเธอ ด้วยสภาพเหมือนไอ้โรคจิตที่พยายามจะกระทำชำเราเด็กผู้ชายได้) บางทีก็เข้มงวดและจริงจัง แต่โดยรวมแล้วท่าทางจะแสบไม่แพ้กันเลย นับว่าเป็นเรื่องดีที่มีเธอเป็นพวก แม้ตอนนี้เขายังไม่มั่นใจนักว่าเธอเป็นพวกเขาแล้วจริงหรือเปล่า
ไม่นานนักหลังจากนั้น พวกเขาสามคนก็ยืนพร้อมกันอยู่ที่ลานจอดรถของบ้าน ยกมือไหว้ลาสุชัยและเดือนเพ็ญ ผู้เป็นมารดาเดินเข้ามากอดลูกชายและลูกสาวคนละทีก่อนแยกย้าย อาลัยอาวรณ์เป็นพิเศษกับตี๋เล็กที่ป๊าทั้งรักทั้งหวง ก่อนวัสสานะจะสตาร์ทรถ ร้องเรียกคิมหันต์ซึ่งกำลังเดินไปยังวีออสคันเดิมของสามภพด้วยความเคยชิน
“ครีม นายจะไปไหนน่ะ?”
เด็กหนุ่มชะงักกึก หันมาทำหน้าเหวอ ตอบเบา ๆ พร้อมกับเกาท้ายทอยไปด้วยว่า “..ขึ้น..รถ..” ลืมไปเสียสนิทว่าสถานการณ์เช่นนี้ตัวเองควรต้องไปนั่งกับพี่สาวมากกว่า เล่นเอาเธอทำปากขมุบขมิบบ่นยกใหญ่เมื่ออยู่ในระยะปลอดภัยจากสายตาบุพการี ออกจากตัวบ้านมาตั้งไกลโดยมีสามภพขับรถของตัวเองตามหลังก็ยังบ่นไม่เสร็จ
“เผลอเป็นไม่ได้เลย รักนวลสงวนตัวหน่อยสิเรา”
คิมหันต์นั่งจ๋อง เริ่มสงสัยว่าเขาเป็นเด็กผู้หญิงหรืออย่างไร “ผู้ชายน่า..เจ้ก็”
เท่านั้นเอง คุณพี่สาวก็สวนกลับทันควัน “แต่เป็นผู้ชายที่คุณพี่ร่วมคณะจ้องจะงาบอยู่ไง”
“ผมไม่เคยโดนงาบสักหน่อย” เด็กหนุ่มบ่น “ผมจะงาบเขาได้ตั้งหลายครั้งแล้วต่างหาก”
“อย่าบอกนะว่าเคย..” วัสสานะละล่ำละลัก มือถึงกับกระตุกไปนิดหน่อย “...จิ้ม..กันไปแล้ว!?”
“ไม่เค้ยยย!” พ่อน้องชายร้องเสียงหลง “บอกแล้วไงว่าไม่เคยอ้ะ”
“แล้วไป ยังเด็กอยู่แท้ ๆ ว่าแต่ถุงยางที่เจ้ให้ล่ะ?”
“...”
“หืม?”
“..ไม่อยู่แล้ว”
“ไม่อยู่!?” เธอทำตาโต หันมามองเขาแวบหนึ่งช่วงที่รถติดไฟแดงอย่างจ้องจับผิด ยิงคำถามกลับเป็นชุด “หายไปไหน ได้ไง เอาจริง ๆ เลยนะ ไม่ใช่ว่าใช้ไปแล้วใช่ไหม”
คิมหันต์นั่งขดอยู่บนเบาะ อายแทบไหลย้วยลงไปกองกับพื้น “..กะ..ก็บอกว่ายังไม่เคยไง เจ้อย่าจ้องได้ไหมเล่า”
“ตาย ๆ มีน้องชายกับเขาคนก็ปวดหัวเหลือเกิน ดูหน่วยก้านแล้วท่าทางเราจะอยู่ฝ่ายผู้เสียหายซะด้วย”
“เจ้ใหญ่พูดไรเนี่ย”
“อ้าว ก็หรือไม่จริง!?”
“เขาไม่ทำอะไรผมหรอก” เด็กหนุ่มอุบอิบ ก้มหน้าก้มตาจ้องเข่าตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย “..ตกลงกันไว้แล้ว ขนาดยั่วใส่ยังไม่ตบะแตกเลย”
“นี่ไปยั่วเขาด้วยเรอะ!?”
“นิดเดียวน่า”
“...ครีม”
“อย่าห่วง ถ้าฉุกเฉินจริง ๆ ผมจะชิงจิ้มเขาก่อนโดนเองแน่นอน”
“.....”
หญิงสาวอับจนด้วยคำพูดไปอีกครู่ใหญ่ แต่พอได้เริ่มถามถึงประเด็นอื่นหลังจากนั้น และน้องชายสุดที่รักก็เต็มใจบ้างโดนบังคับบ้างจนสารภาพออกมาเกือบหมด ถึงกับทำเธอแทบหวีด (ความจริงก็หวีดไปแล้ว) ออกมาในหลาย ๆ จุด อาจจะด้วยความวิตกจริตเกินเหตุของคนเป็นพี่ใหญ่ นิสัยขี้ระแวงส่วนบุคคลหากเป็นเรื่องของน้องรัก ความกังวลในหน่วยก้านของเขาว่าแห้งอย่างนั้นจะไปจิ้มสามภพไหวได้อย่างไร หรือจะอะไรก็ตาม..
แต่เป็นอันว่าระหว่างทางจากบ้านจนถึงสวนผึ้ง วัสสานะมีเรื่องให้ต้องตะลึงแทบพารถแหกโค้งไปเกือบตลอดเส้นทาง
- หมดยกที่ 50 -
มาอัพแล้วค่าาา โปรดอย่าถามถึงความยาว (อันแสนสั้น) ของตอนนี้ *พรากกกก*
คนเขียนเองก็โดนแดมเมจจากตอนที่แล้วเช่นกันค่ะ ถึงกับปรับอารมณ์ไม่ถูกเลย Orz
แต่ไม่ดราม่าเท่าไหร่(มั้ง?)นะเอ้อ เจ้ใหญ่หนุนหลังออกขนาดนี้ ;w;
//สุขสันต์วันแม่นะคะ ช่วงวันแม่เมื่อปีก่อนเหมือนจะอัพเรื่องคุณแม่กิ่งพลอยของปิ่นหยก...ผ่านไปปีหนึ่งแล้วหรือนี่ ;w;
ของแถมรูปวาดอื่น ๆ อยู่รีพลายถัดไปค่ะ
v
v
v