Page 22 : โชคดีนะ
Gayscale Magazine ไม่กี่วินาทีที่แล้วบก.ขอคุยมาแล้วจ้า
วันนี้มีเรื่องเล่าเบาๆ ชวนทุกคนมาจิ้นไปพร้อมกัน กับคุณ ม. และคุณ ส. ชายหนุ่มสองคนที่เดินวนเวียนอยู่ในชีวิตบก. คริคริ จริงๆ ก็ไม่มีอะไรมาก แค่วันนี้บก.เห็นว่าคุณ ส. นักเขียน ใส่เสื้อแบบเดียวกับที่คุณ ม. ตากล้องเคยใส่เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว! แอร๊ยยยยย สีเดียวกันลายเดียวกันแบบนี้มันคืออัลไล? “เสื้อคู่” หรือเปล่า? นี่ตั้งใจเปิดตัวกันแล้วใช่มั้ย ตาย ตาย ตาย บก.ฟินสุด ณ จุดนี้!
Lady Moon : จิ้นไม่ออก ขอภาพปรากรอบค่า
S. Beebee : ช้างเท้าหน้ากับควาญช้างหรือเปล่าคะ >.<
Amara K. : บก.มโนเองป่าว ไม่เชื่ออ่ะ ขอหลักฐานด่วน
Gayscale Magazine : ใครอยากเห็นภาพ (เสื้อ) คู่ ช่วยกันโหวตโพลล์ “ชายใน FUN” ที่ปักหมุดไว้ด้านบนกันหน่อยเร๊ววว ยอดโหวตเกิน 500 เดี๋ยวบก.ไปฉกตัวนายแบบมาเลยเอ้า!
"ซวยละ!" นักเขียนที่กำลังนั่งเล่นมือถือในห้องน้ำอุทานเสียงหลง ก่อนจะรีบลุกขึ้นมามองภาพสะท้อนในกระจก เสื้อลายสก็อตสีเลือดหมูสภาพแลคล้ายคนงานตัดอ้อย กำลังทำให้สิปป์ศิลป์ตกเป็นประเด็นสนทนาของบรรดาสาวน้อยใหญ่แฟนคลับเกย์สเกลในเพจอย่างสนุกสนาน ในขณะเดียวกับที่เมตตากำลังอมยิ้มหึหึ เมื่อบก.ร่างทอมมาเรียบๆ เคียงๆ ถามว่า เสื้อตัวที่ใส่เมื่อศุกร์ที่แล้วซื้อมาจากไหน
...ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าพี่เอ้กำลังจิ้นอะไร
"เสื้อยูนิโคล่ครับ" ตากล้องตอบเสียงเรียบ ก่อนขยายความในสิ่งที่บก.ไม่ได้ถาม "ตัวเดียวกับที่ไอ้สิปป์มันใส่นั่นแหละพี่"
"เฮ้ยยยย!" ไม่ใช่เสียงคู่สนทนา แต่เป็นบุคคลในบทสนทนาที่อุทานมาแต่ไกล คนใส่เสื้อลายสก็อตรีบมากระซิบใส่ไอ้คนปากมากทันที "มึงจะบอกพี่เอ้ทำไม๊ แค่นี้กูก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยตายห่าแล้ว"
ฝ่ายบก.ขาจิ้นได้แต่มองผู้ชายสองคนที่กระซิบกันกระหนุงกระหนิง ความฟินที่มากกว่าตาเห็นทำเอามุมปากค่อยๆ ยกยิ้มจนต้องหันหน้าหนี ...ไม่ได้ๆ เดี๋ยวไก่ตื่น!
"แล้วทำไมแกเอาของไอ้เมตมาใส่อ่ะสิปป์" นี่มันยิ่งกว่าเสื้อคู่ แต่มันคือเสื้อตัวเดียวกัน! กรี๊ดดด บก. อยากสกรีมด้วยความฟินจนถึงโลกหน้า!!
สิปป์หันซ้ายหันขวา ด้วยจนปัญญากับคำตอบ จะพูดยังไงให้บก.ผู้จบเอกมโน โทจินตนาการอย่างพี่เอ้ได้หยุดความคิดในหัววะเฮ้ย
"มึงก็บอกเค้าไปสิ" เจ้าของเสื้อตัวจริงพูดแทรกขึ้น "ว่ามึงไปนอนกับกูทุกคืนจนไม่มีเวลากลับมาซักผ้าที่ห้อง"
"........................" เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ นักเขียนได้แต่ทำปากพะงาบๆ ไร้สุ่มเสียงจะโต้ตอบ ส่วนบก.หันหลังกลับ เพียงพอแล้วกับคำตอบที่ไร้ซึ่งการปฏิเสธนั้น
...จบแล้วชีวิตกู มึงนี่ก็ชอบเอาเรื่องจริงมาพูดเล่นอยู่เรื่อย! สิปป์ศิลป์สบถในใจ ก้มหน้าก้มตายอมรับการตกเป็นจำเลยของสังคม และบอกตัวเองให้รีบไปกดซ่อนโพสต์ทุกอย่างของเกย์สเกล เพราะการได้เห็นข้อความสุดมโนของบก.เอ้ที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงขึ้นเรื่อยๆ มันเริ่มทำให้ชีวิตชักจะอยู่ยากขึ้นทุกวัน พาลอยากจะกดปุ่ม Hate รัวๆ ซะให้รู้แล้วรู้รอด
ตั้งแต่ต้นปีมานี้ ดูเหมือนโฆษณาจะวิ่งเข้าชนนิตยสารฟรีก็อปปี้มากขึ้น อาทิตย์ที่แล้วพี่เป็ดก็เพิ่งขายแอดยาวเป็นปีๆ ให้กับเครื่องดื่มยี่ห้อใหม่ ซึ่งเจ้าของเป็นเซเลบดังที่หันมาเอาดีด้านอาหารเสริมความงาม ล่าสุดน้องจีก็ไปคว้าเอาคอนโดที่กำลังเปิดพรีเซลในเดือนหน้า มาลงปกหลังได้สำเร็จ
ที่เล่ามาทั้งหมดนี่ไอ้สิปป์กำลังจะบอกว่า แอดทุกตัวที่ไม่ใช่แอดสำเร็จรูปแบบเปิดไฟล์รีไซส์แล้วจบ มันต้องใช้สมองของคนหล่อๆ อย่างสิปป์ศิลป์ในการกลั่นกรองตัวอักษรนะครับนะ งานเร่งๆ อยู่ดึกๆ แบบนี้จะให้ห้อยโหนรถเมล์กลับหอมันก็ใช่ที่ ในเมื่อคนมีรถมันอาสารอรับก็เลยสนองสักหน่อย แต่ทำไมออกจากออฟฟิศแล้วเลี้ยวไปบ้านมันทุกที...อันนี้ก็ไม่รู้สินะ (ยักไหล่เก๋ๆ)
"ตัวนี้ไม่มีอะไรแล้ว เหลือรอฟีดแบ๊กจากลูกค้าเรื่องสีเฉยๆ สิปป์กลับก่อนเลย เดี๋ยวพี่ดูเอง" พี่เป็ดอ่านอีเมลฉบับล่าสุดจากลูกค้า หลังแก้ๆ เปลี่ยนๆ กลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ สุดท้ายลูกค้าก็โอเค (ซะที)
นักเขียนซึ่งหมดภาระหน้าที่ในวันนี้ทำท่าลังเลเล็กน้อย แต่พอพี่เป็ดยืนยันหนักแน่นว่าส่วนข้อความจบแล้วจริงๆ เลยยอมเก็บของกลับบ้านแต่โดยดี
"ไปมึง" ขายาวเตะเบาๆ กับเก้าอี้ของคนที่กำลังนั่งจัดเรียงไฟล์รูปเงียบๆ คนโดนสะกิดปรายตามอง ก่อนจะกระดิกนิ้วเรียกไอ้คนปากว่าตีนถึงให้เข้ามาหา
"อะไร?" ถึงจะถามอย่างนั้นแต่นักเขียนก็ยอมเขยิบเข้าไปใกล้ ตากลมจึงได้เห็นภาพบนจอคอมพิวเตอร์เต็มตา คนในภาพคือตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย ใบหน้ายุ่งๆ มีเหงื่อซึมเล็กน้อย เส้นผมสีอ่อนปรกใบหน้าขาว และบางส่วนที่เริ่มยาวก็พลิ้วไปตามลม ขณะที่ปากบางกำลังจัดการกับไอติมไข่ (พุ่งปรี๊ด) ในมือ ท่าทางเป็นธรรมชาตินั้นถูกจัดวางอยู่กลางภาพ รายล้อมไปด้วยผู้คนที่ถูกบีบเป็นแบล็กกราวด์และโฟร์กราวด์เบลอๆ
"น่ารักเนอะ" ตากล้องเอ่ยลอยๆ เสียงเบา ส่วนคนถูกชมทำหน้ายุ่งเหมือนในภาพไม่มีผิดเพี้ยน ต่างกันแค่ว่า แก้มขาวๆ ดูจะขึ้นสีแดงระเรื่อมากกว่าภาพถ่ายหลายเท่านัก
ยิ่งเห็นยิ่งหมั่นเขี้ยว เมตตาเลยกระตุกแขนคนเขินให้เข้ามาใกล้ ก่อนสองมือใหญ่จะลูบที่แก้มแดงนั่นเบาๆ เจ้าของแก้มเบิกตากว้าง ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แล่นจากแก้มพุ่งตรงสู่หัวใจ
ยิ่งเห็นปฏิกิริยาอย่างนั้นก็ยิ่งอยากแกล้ง ตาคมจึงจับจ้องที่ตากลมโตของอีกฝ่าย มุมปากยกยิ้ม ก่อนกระซิบ "เขินอะไร กูชมไอติม..."
พูดจบก็ได้ร้อง "โอ๊ย" คำใหญ่ เมื่อถูกคนโดนหลอกทั้งศอกทั้งเข่าใส่แบบไม่ยั้ง ทำร้ายร่างกายอีกคนเสร็จก็สะบัดหน้ากลับไปเก็บของที่โต๊ะ แต่ก็ไม่วายรับรู้ถึงการจับจ้องจากอีกฝ่ายอยู่ตลอด
"มึง" ตากล้องส่งเสียงเรียกเพื่อนสนิทที่ทำหน้ามุ่ย ซึ่งกำลังยัดสมุดลงกระเป๋าเสียงดังโครมคราม คนถูกเรียกทำหูทวนลม แกล้งไม่สนใจ ปล่อยให้เสียง 'มึง มึงงง มึ๊งงง เชี่ย สิปป์ สัส' ดังอยู่ข้างๆ นานหลายนาที จนคนเรียกเงียบเสียงไปนั่นแหละจึงได้เงยหน้าขึ้นมอง
".................." ไร้เสียงพูดจากตากล้องจอมเจ้าเล่ห์ มีเพียงริมฝีปากหยักที่ขยับช้าๆ เป็นคำว่า 'น่า-รัก' พร้อมรอยยิ้มกว้าง เพียงเท่านั้นสิปป์ศิลป์ก็ขว้างทุกอย่างบนโต๊ะใส่ไอ้หน้าเหี้ยมที่เกิดอยากมาพูดคำหวาน แถมยังทำตาหวานๆ ใส่ ...มึงไม่อายแต่กูอายนะเว้ย!
…………. Gayscale Magazine………….
ถึงจะทะเลาะตบตีกันเมื่อสิบนาทีที่แล้ว แต่สุดท้ายนักเขียนก็ต้องมาเป็นตุ๊กตาหน้ารถเหมือนเดิม พลขับฮัมเพลงตามวิทยุที่เปิดอย่างอารมณ์ดี เป็นอาทิตย์แล้วที่ได้ใช้เวลาร่วมกับคนข้างๆ ครบ 24 ชั่วโมง ทั้งๆ ที่ตอนมหา’ลัย ก็มีโอกาสแบบนี้ แต่ไม่เคยรู้สึกเลยว่าแต่ละนาทีมีค่าแค่ไหน เมตตาบอกไม่ถูกว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนนี้คืออะไร รู้แต่ว่าอบอุ่นใจจนอยากให้เป็นอย่างนี้ทุกวัน
"เอาไปซักบ้านกูก็ได้มั้ง" ตากล้องออกความเห็น เมื่อคนข้างกายยืนยันว่าจะกลับไปซักผ้าที่หอ
“ไม่เอาอ่า” คำตอบพร้อมการส่ายหน้าปฏิเสธจนหัวแทบหลุดของสิปป์ศิลป์ เป็นสาเหตุให้เจ้าเต่าเขียวมะกอกต้องมาจอดหน้าหอพัก แทนที่จะได้เทียบหน้าบ้านเจ้าของรถเหมือนเคย
ห้องพักเล็กๆ เปิดต้อนรับเจ้าของเดิมกลับมาพร้อมผู้ชายตัวใหญ่อีกคนข้างกาย สิปป์จัดการเปิดบานเกล็ด ประตูระเบียง และพัดลมเพื่อระบายอากาศด้านใน ส่วนผู้มาเยือนก็ตรงดิ่งไปยังตู้เย็นที่ดูเหมือนจะคุ้นเคยกันดี มือใหญ่หยิบเศษซากของเคยกินได้ออกมากองรวมกันแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
“ทำไมชอบเอาของมาหมกในตู้เย็นเนี่ย ขวดน้ำที่หมดแล้วทำไมไม่เอาไปทิ้ง” เจ้าของห้องที่กำลังลากตะกร้าผ้าไประเบียงทำหน้ายู่เมื่อโดนบ่น
“ขี้เกียจ” ตอบสั้นๆ แต่โคตรจะได้ใจความ ทำเอาแขกของห้องพูดอะไรไม่ออก ได้แต่รวบของทั้งหมดไปโยนทิ้งไว้ที่ถังขยะรวมด้านนอก ก่อนจะกลับมาล้างมือล้างเท้าแล้วกระโดดขึ้นเตียงพร้อมรีโมททีวี
ปึ่ก! อะไรสักอย่างที่ซ่อนอยู่บนเตียงทำเอาหลังที่นอนลงไปแทบหัก เมตตาควานหาต้นเหตุ ก็พบอัลบั้มรูปขนาดประมาณ A4 หมกไว้ใต้ผ้าแพร ซึ่งมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นของที่ระลึกจากรุ่นน้องในเอกที่ทำให้พี่บัณฑิตในวันรับปริญญา
อัลบั้มรูปพิเศษนี้ทุกคนจะได้ไม่เหมือนกัน เนื่องจากน้องๆ จะรวบรวมรูปของพี่บัณฑิตทั้งเดี่ยว คู่ หมู่ กลุ่ม แล้วเว้นพื้นที่ว่างๆ ให้เพื่อนที่ไม่ใช่เจ้าของอัลบั้มได้เขียนความในใจ เหมือนเป็นเฟรนด์ชิพสมัยมัธยมอะไรประมาณนั้น
หน้าแรกของอัลบั้มเป็นภาพเดี่ยวของสิปป์ศิลป์ ซึ่งคนถ่ายก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือเขาเองนี่แหละ ตัวพิมพ์แบบอักษรน่ารักๆ บอกข้อมูลประจำตัวพื้นฐาน มีร่องรอยปากกาเติมเขาเติมหนวดเล็กน้อย ถัดไปคือประวัติพร้อมช่องทางการติดต่อของเพื่อนๆ ในเอก ส่วนที่สามคือการประมวลภาพกิจกรรมที่เพื่อนๆ ได้ทำร่วมกันมา ตั้งแต่ปฐมนิเทศ รับน้อง กีฬาคณะ จนถึงงานบายเนียร์ หน้านี้มักจะโดนละเลงจนเกือบเละ เรียกว่าเอาความเคียดแค้นทั้งหมดตลอด 4 ปีมารวมไว้ที่นี่ที่เดียว
เมตตาไล่สายตาอ่านไปเรื่อยๆ กับข้อความทั้งฮาทั้งซึ้ง ก่อนมาหยุดยังลายมือตัวเองที่เขียนข้อความสั้นๆ ว่า
‘โชคดีนะ’ ซึ่งเป็นประโยคออริจินัลแน่นอน ทว่ามันกลับถูกดินสอขีดฆ่าคำว่า ‘โชคดี’ แล้วมีลายมือของใครสักคนเขียนแทนด้วยคำว่า ‘รัก’ แล้วเติม ‘จุ๊บๆ’ พร้อมหัวใจดวงเล็กๆ ด้วย
ถัดไปเป็นรูปคู่ของเขากับสิปป์ซึ่งทำปากจู๋ดูน่าถีบไม่น้อย ด้านบนมีลายมือน่ารักที่น่าจะมาจากเพื่อนผู้หญิง วาดบับเบิ้ลพร้อมเขียนว่า ‘เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ’ พร้อมการ์ตูนผู้ชายสองคนที่ทำหน้าเลียนแบบพวกเขาในภาพ นอกจากนี้ยังมีข้อความอีกมากมายที่ทั้งล้อเลียนและพยายามยัดเยียดความสัมพันธ์ของสิปป์กับเขาให้ไปในทางที่มากกว่าเพื่อน และถ้าจำไม่ผิด ในอัลบั้มภาพที่เขาได้ ก็มีข้อความคล้ายๆ กันนี้อยู่เหมือนกัน
“ทำไรอ่ะ” เสียงระแวดระวังจากเจ้าของห้องดังขึ้นเหนือเตียงนอน เมตตาพลิกตัวพร้อมชูวัตถุในมือขึ้น สิปป์ศิลป์จึงพยักหน้ารับและไม่สนใจอะไรต่อ ก่อนพาตัวเองไปจัดการกับผ้าที่ปั่นแห้งเรียบร้อยแล้ว ผู้มาเยือนอาศัยจังหวะเหมาะ รีบคว้าปากกาที่หัวเตียงมาเขียนบางคำเติมลงไปตรงที่ว่างในหน้านั้น เสร็จแล้วก็ผิวปากอย่างอารมณ์ดี ขณะลุกจากเตียงไปยืนเกาะขอบประตูมองอีกคนสะบัดผ้าเพื่อเตรียมตาก
“อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย...” คนกำลังตากผ้าพูดลอยๆ
เมตตายักคิ้วยียวน “จีบลูกชายในบ้านท่านเล่น...โอ้ยยยย!!”
สุภาษิตฉบับพี่เมตได้รับการตอบสนองดีเยี่ยมจากไม้แขวนเสื้อในมือของ ‘ลูกชาย’ ที่ว่า ตากล้องกระโดดโหยง หลบมือของคนที่ฟาดมาแบบไม่ดูทิศทาง ก่อนจะรีบแย่งไม้แขวนเสื้ออันนั้นมาช่วยอีกฝ่ายแขวนผ้าแต่โดยดี
“ตัวหนีบหมดอ่ะ มึงดูหลังตู้เย็นให้หน่อยว่ามีเหลือมั้ย” สิปป์สั่งให้คนยืนใกล้ประตูปฏิบัติหน้าที่ คนถูกสั่งไม่ยอมทำตาม แต่คว้าไม้แขวนมาเกี่ยวกับหูอันกลางของกางเกงยีนส์ ก่อนจะดึงเอาเอวทั้งสองด้านมาพาดกับส่วนแขนของไม้แขวน
“เฮ้ย..ทำได้ไงอ่ะ ไม่ต้องใช้ตัวหนีบเลย” สิปป์ศิลป์เอ่ยเสียงตื่นเต้นกับทฤษฎีการตากกางเกงแนวใหม่จากเพื่อนสนิท
คนต้นแบบไหวไหล่เท่ๆ “เฟอร์เฟ็กขนาดนี้ ให้แม่มาขอพี่ดีมั้ยจ๊ะ”
คนฟังทำหน้าหน่ายใจ “ใครเขาจะเอามึ๊ง”
“อ๊ะ..อ๊ะ...อาจจะเห็นคนจีบพี่น้อย แต่จริงๆ คนคอยพี่เยอะนะคร๊าบ” พูดจบก็หัวเราะชอบใจกับมุกเลี่ยนๆ ของตัวเอง ยิ่งได้ยินเสียง “ถุย!” จากอีกคนยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่
“มึงคงไม่รู้หรอก” จอมเลี่ยนเก็กเสียงหล่อ พลางดึงมือของคนที่กำลังตากผ้าชิ้นสุดท้ายมากุมไว้หลวมๆ ตาคมทอดมองคนตรงข้ามด้วยแววตาอบอุ่น...
“ที่โสดเพราะรอคำว่าเรา ส่วนที่เหงาเพราะรอคำว่า...เธอ”
…………. Gayscale Magazine………….
กิจกรรมแม่บ้านยังไม่จบแค่ซักผ้า เพราะไหนๆ ก็กลับมาห้อง แถมยังมีลูกมือติดมาอีกคนหนึ่ง สิปป์เลยถือโอกาสสังคายนาห้องพักชุดใหญ่ หลังเก็บกวาดและจัดเรียงข้าวของเรียบร้อย เมตตาก็หิ้วถังน้ำพร้อมไม้ถูพื้นมาทำความสะอาดพื้นตามที่ได้รับบัญชา ส่วนเจ้าของห้องเองหายเข้าไปในห้องน้ำ จัดการราดเป็ดโปรขวดม่วงจนทั่วแล้วลงมือขัดแบบเอาเป็นเอาตาย
พนักงานถูพื้นปฏิบัติหน้าที่เสร็จก่อน จึงล้างหน้าล้างตาแล้วมานอนผึ่งพุงดูซีรีย์รอบนเตียง เกือบครึ่งชั่วโมงจึงได้ยืนเสียงประตูห้องน้ำเปิดออก พร้อมการปรากฏตัวของเจ้าของห้องที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมา สิปป์เดินอาดๆ มาจับหันพัดลมเข้าหาตัว แล้วเป่าส่วนที่อยู่ใต้ผ้าขนหนูอย่างไม่แยแสต่อผู้มาเยือน
“ไอ้เชี่ย ไอ้ทุเรศ!” เมตตาถีบคนยืนอยู่ปลายเตียงกับกิริยาที่ไร้ซึ่งมารยาทอย่างสูงสุดนั่น
“อ้าวๆ ก็นี่ห้องกู กูมีสิทธิ์นะเว้ย” ไม่พูดเปล่า ยังสะบัดผ้าขนหนูไปมาอย่างสบายอารมณ์อีกด้วย แขกของห้องมองแล้วสุดจะทนกับท่าทางอันทุเรศทุรังนั่น จึงตัดสินใจพุงตัวไปคว้าไอ้ตัวแสบให้หล่นตุ๊บลงบนเตียงด้วยกัน คนลอยหวือสบถเสียงดังด้วยความตกใจกับการต้องมานอนแผ่หลาโดยไม่ทันตั้งตัว
“เตียงเปียก!” ดูเหมือนจะไม่ใช่ประเด็นใหญ่ แต่สิปป์ศิลป์ก็จำเป็นต้องพูดออกไปเมื่อรู้สึกว่ารับมือกับดวงตาระยับแสงที่จ้องมาไม่ไหว
“เดี๋ยวมันก็แห้งน่า” ใบหน้าที่สิปป์ชอบค่อนแคะว่าโฉด โหด และเถื่อนกำลังคืบเข้ามาใกล้จนปลายจมูกสัมผัสกัน
...จากอีแจ๋วบทคนใช้ขัดห้องน้ำ ทำไมกูกลายเป็นนางเอกหนังอีโรติกได้วะเฮ่ย??
จะบทอะไรก็ตาม ตอนนี้ริมปีปากหยุ่นก็ประทับนิ่งอยู่บนปากของตนเองเรียบร้อย แถมการแต่งกายอันล่อแหลมก็พาให้ชวนคิดไปว่าคงไม่แคล้วจะ ‘เสีย’ มากกว่า ‘ได้’ และไอ้คนที่น่าจะได้ คงไม่ใจดีปล่อยให้รอดตัวเหมือนช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา
สิปป์หลับตาลง เปิดใจรับการประทับจูบจากริมฝีปากอุ่นอย่างเชื่องช้าและอ่อนหวาน ผิวกายที่พราวหยดน้ำเย็นฉ่ำกลับร้อนรุ่ม มือใหญ่ไล้ตามผิวขาวอย่างอ่อนโยน ก่อนจมูกโด่งจะจรดลงกับซอกคอและแตะจูบบางเบาที่ลาดไหล่
หอม... หอมจนแทบหยุดใจไว้ไม่ไหว
เมตตาจ้องมองใบหน้าของคนที่หลับตาพริ้มในอ้อมแขน นิ้วเรียวเกลี่ยที่กลีบปากชื้นซึ่งขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างน่ามอง จนอดไม่ได้ที่จะแตะแต้มอีกครั้งและอีกครั้ง
“ดะ...เดี๋ยว...เดี๋ยว” เสียงแหบพร่าจากคนที่ถูกช่วงชิงลมหายใจไปหายใจดังขึ้น คนถูกขัดดจังหวะขมวดคิ้วมุ่นด้วยความขัดใจ
“อะไร...” ปากก็ถาม แต่ปลายจมูกยังไม่ห่างจากผิวกายของคนร้องห้าม
“อื้อ...เชี่ย! ขอกูหายใจหน่อยยยย” สิปป์ศิลป์พยายามตะกายตัวออกจากอ้อมแขนแข็งแรงนั่น รู้สึกเหมือนอากาศในห้องมีน้อยจนแทบไม่พอใช้
“ห้า....” อยู่ๆ คนที่ทาบทับอยู่บนตัวเจ้าของห้องก็เริ่มนับเลข
“อะไรวะ” คนตัวเล็กกว่าหันรีหันขวาง ด้วยไม่เข้าใจว่าอีกคนจะทำอะไร
“สี่....”
“อัลไลลลล”
“สาม...”
“กูกลัวมึงนะเฮ่ย”
“สอง....”
“เอ่อ”
“หนึ่ง!”
หลังตัวเลขสุดท้ายจบลง ก็หมายถึงหมดเวลาพักหายใจ เมตตาจัดการคว้าไหล่คนที่พยายามจะลุกหนีให้มาอยู่ในอ้อมแขน ก่อนจะพรมจูบเรียวปากบางนั่นจนหนำใจ คนโดนจู่โจมทั้งทุบทั้งเตะไอ้บ้าหื่นกามที่กำลังทำให้ปากของเขาบวมอย่างบ้าคลั่ง
“อื้อ...พ๊ออออ” หลังถีบตัวออกห่างจนหลังจนฝาผนัง คนที่หอบหายใจหนักก็มองค้อนอีกฝ่ายอย่างคาดโทษ
เมตตาคว้าหมอนมากอด นั่งจุ๊กปุ๊กอยู่กลางเตียง “มึงลองมาเป็นกูเถอะ แค่จูบยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
มึงช่วยเข้าใจหน่อยว่า ถึงมึงจะอยู่นอกเหนือทฤษฎีโค้งเว้า และมีความขาวแบบกระดำกระด่าง แต่ความชอบที่กูมีต่อมึงตอนนี้ ทำให้อะไรๆ ในตัวมึงดูน่าสนใจไปหมด ปากบางๆ แก้มใสๆ ตาโตๆ ...มันทำให้กูกำลังเป็นบ้าแล้ว!
“ไอ้เชี่ยเมต!” แขกของบ้านเอ่ยเสียงลอดไรฟัน เมื่ออีกคนบนเตียงกำลังรุกคืบเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ สิปป์ไม่ได้กลัวท่าทีของเพื่อนสนิท แต่ที่กำลังกลัวคือเสียงหัวใจที่เต้นระรัวและอารมณ์ความปรารถนาของตัวเองที่ดูเหมือนจะควบคุมได้ยากขึ้นทุกที
“มึงอ่า...ขอกอดหน่อย” เสียงออดอ้อนที่ในเวลาปกติคงน่าขนลุกปลุกสิปป์ออกจากห้วงความคิด ดวงตาระยับแสงที่ทอดมองมา พร้อมแขนกว้างที่กางออก ทำให้คนตัวเล็กกว่ายอมกลิ้งไปสู่อ้อมกอดนั้นแต่โดยดี
“ขอมากกว่ากอดนิดนึงได้มั้ย” เสียงทุ้มกระซิบต่อรองที่ข้างหู พลางฉวยโอกาสซุกจมูกลงกับซอกคอนิ่ม ก่อนจะผละลงมาที่ลาดไหล่ขาว สิปป์ศิลป์หลับตานิ่ง ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ได้แต่สัมผัสเส้นผมของคนที่แตะแต้มริมฝีปากบนอกบางของตนเองอย่างแผ่วเบา เมตตาถือว่านั่นคือคำอนุญาต และคงไม่ผิดนัก หากจะทำอะไรๆ มากกว่า ‘นิดนึง’ ที่ได้บอกไว้ไปมากพอสมควร...
…………. Gayscale Magazine………….
สุดท้ายก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของใครบางคนจนเวลาล่วงเลยมาจนเกือบเช้า...
สิปป์ศิลป์เขยิบตัวออกห่างเล็กน้อยพอให้มีที่ได้พลิกตัวเพื่อหยิบโทรศัพท์ แสงไฟจากหน้าจอมือถือที่ลืมปิดบ่งบอกว่าตอนนี้ตีสี่กว่าแล้ว ขณะกำลังวางของในมือลงกับหัวเตียง สายตาก็มองไปเห็นอัลบั้มรูปอันเดิมที่คนข้างกายดูอยู่เมื่อหัวค่ำ สิปป์จำได้ดีว่าเมื่อไรก็ตามที่เปิดอัลบั้มนี้ดู ข้อความแสนจะธรรมดาจากคนบางคนก็พาลให้รู้สึกน้อยใจทุกครั้ง ยิ่งเมื่อรู้ว่าอัลบั้มของเพื่อนคนอื่นๆ ก็ได้คำว่า ‘โชคดีนะ’ จากเมตตาไปเหมือนกัน ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองช่างเป็นเพื่อนทั่วๆ ไป ที่ไม่ได้มีความพิเศษมากไปกว่าใครเลยสักนิดเดียว
มือขาวเปิดโคมไฟโดยพยายามไม่ให้แสงรบกวนอีกคนมากนัก สมุดในมือมีปากกาวางคั่นอยู่ที่หน้าหนึ่ง เมื่อเปิดออกมา ข้อความละลานตามากมายกลับไม่ดึงดูดเท่าลายมือคุ้นเคยในกรอบข้อความมุมล่างซ้าย ซึ่งเขาจำได้ดีว่ามันไม่เคยมีมาก่อน
‘โชคดีนะ...ที่กูมีมึงอยู่ข้างกันจนถึงวันนี้ อยากโชคดีแบบนี้ตลอดไปว่ะ’สิปป์นั่งอมยิ้มกับประโยคง่ายๆ นั่น ...เชี่ยเมตเอ๊ย! จะเขียนใหม่ทั้งที เอาให้มันหวานกว่านี้ไม่ได้หรือไง ไอ้บ้า! ไอ้คนไร้ความสามารถทางการสื่อสารด้านตัวอักษร ...รักสักคำน่ะเขียนไม่เป็นเหรอ ฮะ??
ถึงจะก่นด่าในใจ แต่สิปป์ก็รู้สึกได้ว่ามุมปากของตัวเองยังยิ้มไม่หุบ จนเมื่อปิดไฟล้มตัวนอนลงแล้ว ก็ยังไม่อาจหยุดรอยยิ้มของตัวเองได้ ไม่เคยสักครั้งที่สิปป์จะนึกรำคาญตัวเองขนาดนี้ จนสุดท้ายต้องเอารอยยิ้มบ้าๆ นี่ไปฝากไว้กับแก้มขวาของคนข้างกายด้วยการจุ๊บเบาๆ สองที เผื่อว่าอะไรมันจะดีขึ้น…
แม่ง...ยิ้มหนักกว่าเดิมอีก เฮ้อ!
TBC.
แอร๊ยยยยย...
อยากมีคนให้ยืมเสื้อ
อยากมีคนช่วยตากผ้า
อยากเป็นโชคดีของใครสักคน
วู้ว.... หมั่นไส้พี่เมต และอิจฉาน้องสิปป์รัวๆ
ถ้าเป็นบก.เอ้ จะตามแอบถ่ายไม่ให้พลาดสักช็อตเลยเหอะ!
//ตอนล่าสุดนี้ถูกแก้ไขมาแล้วสามเวอร์ชั่น
เวลาเขียนฉากจวนเจียนจะอีโรติกทีไร คนเขียนต้องขำออกมาก่อนทุกที T^T
อ่านแล้วตะขิดตะขวงใจตรงไหนบอกกันได้นะคะ
เจอกันใหม่ตอนหน้าจ้าา