“ถ้ากูร่านเพราะมาแหกขาให้คนอย่างมึง”ผมพูดแล้วเดินออกเงียบๆ
ผมไม่เคยคิดหรอกว่าจะมาคบกับผู้ชายแล้วต้องมาเป็นแบบนี้
แต่เมื่อมันคบแล้วมันก็โอเคถึงแม้มันจะดูเสียศักศรีไปบ้าง
คำแบบนี้สำหรับผมแรงไปหน่อย...บางทีอาจจะจริงก็ได้แต่ช่างมันเถอะ
“เต้ยพี่ไม่ได้ตั้งใจพูดออกไปแบบนั้น”คุณต้องเหมือนจะขอโทษ...แยกไม่ออกเดินมาทำไม
“ช่างมัน...คนเราถ้ามันไม่คิดอะไรมันคงไม่พูดออกมาหรอก”ผมสตาร์ทมอไซทำท่าจะออกไป
คุณผู้ฉลาดดันมาขวางหน้ารถอีกประมาณว่าไม่ให้ไป
“เดี๋ยวเต้ยจะไปไหน”
“จะไปรู้ได้ไงถอยเกะกะ” ผมบอกแล้วบิดมอไซแต่อีกข้างยังเบรกไว้ก่อน
เหมือนให้เห็นถ้าขวางอีกผมปล่อยเบรกแน่การฆ่าคนรักสำหรับกูไม่ถือเป็นเรื่องบาป
เป็นไปตามคาดไม่ยอมถอยหนีจริงผมเลยปล่อยเบรคแล้วจับใหม่
คุณต้องคงตกใจเลยขยับหนีผมเลยอาศัยจังหวะแว้นออกมาทันที
ปัญหาอยู่ที่จะไปไหนนี้ดิกลับกรุงเทพก็เย็นแล้ว...ไปนอนค้างใครดี
...รู้สึกเหมือนชีวิตเข้าวงจรเดิมเลยอนาตมากมาย
ผมเลยไปที่ๆผมเดาว่าน่าจะปลอดภัยที่สุดคือเจ้าของบานต้องไปโทรไปบอกแน่นอนว่าผมอยู่ที่ไหน
“ห้องว่างไหมวันนี้” ผมถามคนที่นั่งดูทีวีอยู่...คงงงเหมือนกันเพราะผมไม่ได้โผล่มานานมาก
“ว่างอยู่แล้วถ้ามึงมาไปทำไรมาถึงหนีมานี่” คนที่นั่งอยู่ปิดทีวีแล้วปัดเบาะเหมือนให้ผมมานั่งตรงนี้
“เปล่าไม่ได้หนี” ผมไปนั่งข้างๆอีกฝ่าย...ไม่ได้หนีแค่ยังไม่อยากเจอหน้าตอนนี้
“แบบนี้แหละพวกปากเก่งแต่ข้างในร้องไห้แล้ว”
“...ขอโทษคับไม่รู้จะไปไหน” ผทพูดเบาๆแต่ผมรู้ว่าคนี่นั่งด้วยต้องได้ยินอยู่แล้ว
“อยู่ที่ไหนก็ได้ที่มึงสบายใจ” เป็นประโยคที่เหมือนชินปากของคนพูดไปแล้ว
Ps. ...200ตูมาได้ถึงขนาดนี้
