เรื่องสั้นจบในตอน "คุณค่า.....ที่คุณคู่ควร"
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องสั้นจบในตอน "คุณค่า.....ที่คุณคู่ควร"  (อ่าน 9514 ครั้ง)

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 


คุณค่า...ที่คุณคู่ควร
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันควรจะเป็นไปในทิศทางใด ไม่รู้ว่าคำตอบมันควรจะออกมาแบบนี้หรือไม่ ฉันเหมือนคนที่อยู่ตรงทางแยก ทางที่บังคับให้ฉันต้องเลือกเดิน ทางที่ไม่เคยคิดว่าในวันนี้ฉันจะได้เลือกมัน ไม่เคยคิดว่าจะได้ตัดสินใจ ทางที่เคยเดินร่วมกันมาตลอด ๕ ปี แต่สิ่งที่ฉันกำลังจะตัดสินใจ ฉันเองก็ไม่รู้ว่านี่คือคำตอบที่ดีที่สุดของชีวิตหรือไม่
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ พิมพ์ หรือ พิมพ์ลภัส ชื่อของฉันหมายความว่า คนที่มีลาภคือรูปงาม ฉันไม่เคยคิดว่าฉันสวย แค่พอไปวัดไปวาได้ก็เท่านั้นเอง แต่หลายๆคนก็บอกว่าฉันเองสวย แต่เรื่องนั้น ช่างมันเถอะ ถึงจะสวยไม่สวยแต่ถ้าหากว่าเราไม่เห็นคุณค่ามันหรือไม่มีคนเห็น ในความคิดของฉัน แล้วเราจะสวยไปทำไม เรื่องของฉัน ไม่ใช่สิ เรื่องของเรามันเริ่มตั้งแต่ตอนไหนนะ อืม คงจะตอนนั้นเอง ตอนขึ้นปีสอง
   “พิมพ์แกไปเดินแพลตตินั่มกะฉันป่ะ อยากได้รองเท้าใหม่น่ะ นะนะ ไปเป็นเพื่อนหน่อย” วารินทร์เพื่อนสนิทของฉันเองค่ะ เราสนิทกันตั้งแต่ปีหนึ่ง ฉันเรียนอักษรฯที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง วารินทร์เป็นคนตัวเล็กกว่าฉันมาก ฉันเองสูง ๑๗๓ มีคนเรียกฉันโย่งด้วยนะ ยิ่งตอนเรียนมัธยมโดนล้อจนเสียความมั่นใจ แต่พอเรียนมหาวิทยาลัย มีคนสูงกว่าฉันเยอะ ยิ่งในคณะของฉันเอง มีสูงกว่าฉันอีกหลายคนเลยล่ะ
   “อะไรแก วันก่อนก็ไปซื้อมาจากสวนแล้วไม่ใช่เหรอ จะซื้อไปถมบ้านไง”
   “อะไรล่ะแกก็ คู่นั้นมันกัดเท้าฉันอ่ะ จะไปถอยมาใหม่ ไปงานวันเกิดยัยอรไง แกเองก็ไม่ดูคู่ใหม่ไปบ้างเหรอ”
   “ฮื่อ ไม่เอาอ่ะ คู่เก่าฉันก็ยังใส่ได้” “ผ้าใบคู่นั้นแกเนี่ยนะ โหยแก ไปงานวันเกิดยัยอร ไม่แต่งตัวไปเดี๋ยวมันก็โวยหรอก” เรื่องการแต่งตัวของฉันนี่ก็เป็นที่ตำหนิของเพื่อนๆในกลุ่มเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากฉายา “อีเบ๊อะ” ยังมี “อีเฉิ่ม” ฉันแต่งตัวไม่เก่ง หน้าไม่เคยแต่งเลย ทาแต่แป้งเด็กบางๆพอไม่ให้หน้ามัน ฉันไม่ได้รู้สึกอายหรือไม่พอใจเวลาทีเพื่อนๆล้อ เพราะฉันเองก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ฉันยอมรับโดยดุษฎี
   “จะมาโวยอะไรล่ะแก ไปก็ไปแล้วไง แค่ไม่แต่งตัวเปรี้ยวๆเหมือนพวกแกน่ะเหรอ มันรู้หรอกน่าว่าฉันเป็นคนยังไง”
   “ค่า แม่คุณ สวยอ่ะเนอะพูดได้ซี้ อย่างแกน่ะ ไม่ต้องแต่งหน้า ไม่แต่งตัว พวกผู้ชายก็ตอมกันหึ่ง”
   “นี่ยัยวา คนนะไม่ใช่ขี้ แหมแก” ตกลงแล้วฉันเองก็ต้องพาวารินทร์ไปเดินแพลทตินั่มจนได้
   “แหมๆ ไหนบอกไม่เอาๆ ดูดิ แกก็อดไม่ได้อยู่ดีล่ะ” เดินเป็นเพื่อนวารินทร์อยู่นานฉันเองเลยอดใจไม่ไหว ซื้อเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งสีสดๆมาตัวหนึ่ง
   “ก็มันไม่แพงนี่แก ใช้จ่ายมากไม่ได้หรอก เดี๋ยวแม่ด่าเอา”
   “แหมแกจะประหยัดไปไหนเนี่ย สอนพิเศษก็สอน จะเก็บเงินไปทำไรยะ” ตัวฉันเองเป็นคนราชบุรี อยู่กับแม่ มีน้องชายอีกหนึ่งคนกำลังเรียนชั้นมัธยมปลาย ฉันสงสารแม่ที่ต้องหาเงินส่งเสียเราสองคนเรียน เพราะแม่ฉันเองเป็นแม่ค้าในตลาดขายผัดสดเท่านั้น ฉันเองพอสอบเข้าที่มหาวิทยาลัยได้ก็ต้องใช้เงินเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าจะเช่าหอพักอยู่กับเพื่อน คือวารินทร์และ กาญจนา แต่นั่นมันก็เงิน ถึงแม้จะหารกัน พอเรียนไปได้เทอมหนึ่งฉันจึงรับสอนพิเศษตามบ้าน ก็เท่านั้นเอง
   “กินเตี๋ยวไหมแก ซื้อไปฝากไอ้กาญมันด้วย” ฉันเอ่ยปากชวนวารินทร์
   “เอาดิ อยากกินอยู่เหมือนกัน” หอพักของเราอยู่แถวบ่อนไก่ ผู้คนพลุกพล่าน ที่เลือกที่นั่นก็เพราะมันไม่แพงมาก อีกทั้งเดินทางไปมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากนัก
   “พิมพ์ๆ มีคนมองแกว่ะ” กาญจนาสะกิดบอกฉันตอนเย็น หลังจากที่เราเดินออกมาจากหอสมุด
   “บ้าเหรอแก เขาไมได้มองฉันหรอกย่ะ มองแกนั่นล่ะ”
   “จริงอ่ะ อุ้ย หน้าฉันโอยังแก เติมแป้งหน่อยไหม หน้าผากมันป่ะ”
   “เวอร์จริงๆ สวยจ๊ะ สวยมาก” “อิอิ ค่อยมั่นใจหน่อย” กาญจนาเล่นหูเล่นตากับชายคนนั้น ท่าทางน่าจะเป็นรุ่นพี่
   “เอ่อ น้องครับ ชื่อไรครับ น่ารักจังเลย” ฉันไม่ได้สนใจคำที่เขาถาม แต่กาญจนาดูสนใจมากเป็นพิเศษ
   “เอ่อ ชื่อกาญค่ะ” กาญจนาอายม้วนไป เอาสีข้างมาถูกับตัวฉัน
   “แล้วน้องล่ะครับ” เขาคงหมายถึงฉันใช่ไหม ฉันเลยหันไปมองเขา
   “ใครคะ หนูเหรอพี่” ฉันถามเขาแบบงงๆ
   “ครับ เรานั่นล่ะ น่ารักจังครับ” ฉันมองหน้าเขาแปลกๆทันที กาญจนาเองก็ทำท่าอารมณ์บูดขึ้นมา
   “ว่าแล้ว อารมณ์เสีย แหมไอ้บ้า ฉันล่ะนึกว่าจะมาเหล่ฉันซะอีก เห็นไหมแก แกนั่นล่ะๆอยู่ก็ไม่เชื่อ” กาญจนาโวยวาย ฉันเองไม่ได้คิดอะไร ฉันไม่ใช่ทอมค่ะ ไม่เคยคิดชอบผู้หญิง แต่ก็ยังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนที่ฉันสามารถบอกได้ว่า ฉันชอบเขา ยังไม่มี
   “แกอย่าไปสนใจเลย หน้าตาประหลาด ท่าทางจะเด็กวิทย์ แว่นตาฉันล่ะนึกว่าแว่นขยาย แกลองนึกดูดิ ถ้าเขาถอดแว่นขึ้นมา เขาจะมองอะไรยังไงวะแก” เราสองคนหัวเราะกันคิกคัก
   “นี่ยัยพิมพ์ อย่าบอกนะว่าแกจะแต่งตัวแบบนี้ไปงานยัยอรน่ะ ต๊าย จะปิดไปไหนยะหล่อน เปิดบ้างอะไรบ้าง ให้เขาเห็นบ้างสิวะแก ขาขาวๆสวยๆน่ะ มีดีก็ไม่อยากโชว์ เป็นฉันหน่อยไมได้ ฮึ” วารินทร์ทำเสียงสูงตอนที่ฉันแต่งตัวเสร็จ
   “เออ อะไรของแกนะพิมพ์ ใส่เป็นแต่ยีนส์เหรอแก ใส่กระโปรงบ้างดิ ฉันให้ยืม นะนะ ลองใส่หน่อย”
   “นั่นดิ ของฉันก็มีสวยๆตั้งหลายตัว ขาแกสวยจะตายไป” วารินทร์กับกาญจนารบเร้าอยู่นาน ฉันจึงยอม ใส่กระโปรงตัวที่ยาวที่สุด ฉันเป็นสาวค่อนข้างหัวโบราณเหรอ ไม่หรอก แต่ฉันแค่คิดว่าไม่รู้จะใส่ไปอวดใคร ขาฉันไม่ได้สวย ฉันไม่มั่นใจ ถึงแม้มั่นใจแต่ฉันคงคิดว่าไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะได้ดูมัน นี่มันคือความคิดของฉัน
   “ว้าย ฝนตกแน่ๆคืนนี้ ยัยพิมพ์ใส่กระโปรง” พอไปถึงงาน เจ้าของงานก็กรี๊ดออกมาเสียงดัง ฉันอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ตรงไหนดี คือกระโปรงนิสิตก็ใส่แบบพลีทยาวตลอด และชุดนักศึกษามันไม่เหมือนกับชุดข้างนอก เพราะชุดข้างนอกฉันไม่เคยใส่กระโปรงเลย
   “เบาๆหน่อยสิยะแก ฉันอายเขานะ” ต้องลากแขนอรไปปรามไม่ให้มันเสียงดัง แต่คงไม่ทันแล้ว
   “ว้าย จริงด้วย ต๊าย ใส่กระโปรงก็หวานไปอีกแบบนะเนี่ย ทำไมไม่รู้จักใส่บ้างนะยัยพิมพ์”
   “แต่จะยาวไปไหนเนี่ย โบฮีเมียนเหรอยะหล่อน ขาสวยๆก็อวดบ้างสิ ให้หนุ่มๆน้ำลายหกหน่อยสิยะ” เสียงใครต่อใครดังเซ็งแซ่ ฉันเองก็อายหน้าแดงก้มหน้าท่าเดียว เดินเข้างานไปเพื่อนๆก็แซวตลอดงาน อรเองมีเพื่อนเยอะมาก เพราะเห็นคนที่หน้าตาไม่คุ้นเลยก็มี ผู้ชายก็มีไม่น้อยเหมือนกัน นั่นมันยิ่งทำให้ฉันอาย
   “ไม่เคยใส่กระโปรงเหรอครับน้อง เห็นเพื่อนๆแซวกันใหญ่เลย” ตอนที่ฉันไปเข้าห้องน้ำแล้วตอนเดินออกมา นั่นเป็นตอนที่ฉันได้รู้จักกับเขา
   “ใครคะ หนูเหรอ”
“ไม่ใช่ครับ คนข้างหลังน้องต่างหาก” เขามองเลยแผ่นหลังฉันไป ฉันหันตามไป เอ๊ะ ไม่มีใครนี่นา อย่าบอกนะว่าเขาเห็นคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน
   “อะไรอ่ะพี่ ใครอ่ะ ไม่เห็นมีใคร” ฉันเริ่มระแวง หน้าซีดลงทันที
   “อ้าว ก็คนที่สวยๆ ผมยาวๆ ที่ยืนใส่กระโปรงยาวๆอยู่นี่ไงครับ” เขาบุ้ยปากไปทางกระจกหน้าทางเข้าห้องน้ำ
   “อ่านะ” จากที่ระแวงและกลัว กลายเป็นรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที ก็กระจกมันส่องสะท้อนเงาฉันอยู่นี่คะ
   “พี่ชื่อจเรนะครับ” เขายิ้ม ฟันเขาสวยดีนะ คงจะดัดมาตั้งแต่เด็ก
   “ค่ะ คุยกับใครคะ หนูหรือว่าคนข้างหลัง” ฉันตอบเขาไป ไม่ได้คิดจะตั้งแง่กวนหรืออะไรนะ
   “ฮ่าๆ น้องนั่นล่ะครับ คนข้างหลังเขาบอกให้ถามน้อง”
   “หนูหิวจัง ขอตัวก่อนนะคะพี่” อย่าเพิ่งคิดว่าฉันหยิ่งหรือท่าเยอะนะคะ แต่ฉันไม่ชอบผู้ชายที่ทำความรู้จักกับผู้หญิงด้วยลักษณะอย่างนี้ ไม่รู้สิ สำหรับฉันคงเพราะที่ไม่เคยด้วยล่ะมั้ง
   “พี่ก็หิวพอดีเลยครับ งั้นไปกินด้วยกันไหม พี่นั่งตรงโน้น”
   “ไม่ดีกว่าค่ะ หนูมากับเพื่อน หนูไม่รู้จักพี่ด้วย เพื่อนพี่ด้วย ขอบคุณนะคะพี่”
   “ถ้าไม่ทำความรู้จัก ก็จะไม่มีวันได้รู้จักกัน ไม่ใช่เหรอครับ น้อง” ฉันจากที่หันหลังกำลังจะก้าวเดิน หยุดกึกลง
   “หนูชื่อพิมพ์ค่ะ พิมพ์ลภัส ยินดีที่ได้รู้จักนะคะพี่ จเร” ฉันยิ้มให้เขาแล้วรีบเดินหนีมาทันที เขารู้หรือเปล่าไม่รู้ว่าฉันเรียนอักษรฯ แล้วเด็กอักษรฯก็มักจะปลื้มคนที่เขามีคารมคมคายหรือเปล่าไม่รู้ แต่สำหรับฉันคำพูดของคนมันสื่ออะไรหลายอย่าง ฉันชอบคนที่ใช้คำพูดเป็น ไม่ต้องพูดให้มากความแต่มีควาหมายประมาณนั้น
   “อุ้ยแก พี่คนนั้นใครอ่ะ โครตหล่อ อ๊าย หล่อมาก มองมาทางนี้ด้วย” พอไปนั่งกับเพื่อนๆ ทุกคนก็หันไปทางเดียวกัน ยกเว้นฉันคนเดียว เพราะเรื่องผู้ชายส่วนมากไม่ค่อยได้รับการสนใจจากฉันสักเท่าไหร่นัก
   “ว้ายจริงด้วย หล่อจังแก ใครอ่ะ ไม่เคยเห็น” เพื่อนๆในกลุ่มรุมเจ้าของงานกันใหญ่
   “อ้อ พี่เรน่ะ เรียนวิศวะนะแก เป็นเพื่อนกับพี่ตู่แฟนฉันไง เลยชวนมาให้พวกแกกรี๊ดเล่นๆ”
   “กรี๊ด แก หล่อจริงอะไรจริง เขามีแฟนยังอ่ะ” กาญจนาดูเหมือนจะอยากรู้กว่าใคร
   “พี่ตู่บอกโสดจ๊ะพวกเธอ เพิ่งเลิกกับแฟนไปเมื่อเดือนที่แล้ว”
“ว้าย ฉันสนเธอ ด่วน แนะนำให้รู้จักเลย” ฉันเริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ ถึงไมได้มองหันหลังกลับไปดูว่าเพื่อนๆพูดถึงใครกัน แต่ก็พอจะเดาออก คนอะไร ชื่อจเร
   “นี่ๆ พวกเธอ นี่พี่เร พี่เรคะ นี่เพื่อนๆของอรค่ะ คนนี้ กาญ คนนี้ดาว วา”
“แล้วก็พิมพ์” ฉันร้อนวูบวาบที่หน้าทันทีเพราะเขาชิงพูดแล้วยิ้มมาที่ฉัน
   “เอ่อ พิมพ์คะ” เพื่อนๆหันมาจ้องฉันเป็นตาเดียว ฉันเองก็เม้มปากก้มหน้าลงทันที
   “พี่รู้จักน้องพิมพ์เมื่อกี๊นี่เองครับ เห็นแซวน้องพิมพ์กันจัง พี่ขอนั่งร่วมโต๊ะด้วยได้ไหมครับ” แล้วใครจะบอกปัดไปในเมื่อเพื่อนๆทุกคนอยากจะรู้จักเขาเต็มแก่อยู่แล้ว
   “มานี่เลยแก บอกมานะ ไปรู้จักพี่เขาเมื่อไหร่” กาญจนาลากฉันออกมาจากโต๊ะ เกือบจะทันทีที่เขานั่งลง
   “อะไรแก ก็เมื่อกี๊ไง เขาถามเมื่อกี๊ล่ะ”
“ว้าย หล่อนะแก ฉันว่า แกน่ะ ดวงมาแล้ว” ท่าทางของกาญทำให้ฉันงง
   “ดวงอะไรมายะ” “ดวงเนื้อคู่ไงแก หล่อมากแกพิมพ์ งาบเลยนะ แกไม่เอาฉันเอานะยะ” ฉันหัวเราะออกมา ท่าทางของกาญจนาทำให้ฉันนึกถึงดาราตลกในโทรทัศน์
   “บ้าเหรอแก นั่นคนนะ ไม่ใช่มะม่วง จะให้งาบได้ไง” ถามฉันว่าเขินไหม เขินนะ ทำไมตอนนี้หัวใจฉันมันเต้นแรงเหลือเกิน เขาหล่อฉันยอมรับ ไม่ใช่ว่าไม่เคยเจอคนหน้าตาดี ถ้าให้เทียบกับใครหลายคนที่ฉันเคยเจอผ่านตามา เขาเองก็ไม่ได้หน้าตาดีไปกว่าคนพวกนั้นสักเท่าไหร่นัก แต่ทำไมเขาน่ามองจังเลย
   “นี่พวกหล่อน นี่วันเกิดฉันนะยะ ไม่ใช่เชิญมาถือศีล ชนแก้ว” เจ้าของงานเริ่มมอมเหล้า ฉันเองไม่ดื่มอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่เพื่อนมันไม่ยอมจึงต้องจิบไวน์แดงที่อรให้เด็กในร้านเอามาเพิ่ม แต่พอจิบก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ร้อนตามใบหน้าและลำคอทันที
   “พี่ตู่ขา ไปเจอยัยอรยังไงคะเนี่ย” ตอนนี้โต๊ะของเรามีเพื่อนร่วมโต๊ะเยอะกว่าเดิม กลุ่มของเขาก็เหมือนจะย้ายมานั่งรวมกัน เสียงหัวร่อต่ะอกะรซิกกันดังเป็นระยะ เพราะตอนนี้ประเด็นอยู่ที่เขาและแฟนของอร
   “พี่เจออรที่งานสัปดาห์หนังสือน่ะครับ เห็นก็ชอบเลย น่ารักดี” แฟนของอรพูดแล้วหันไปยิ้มให้อร
   “บ้าพี่ตู่ก็ อายเพื่อนบ้างสิคะ” พวกเราทุกคนตั้งใจฟังที่อรกับพี่ตู่เล่า
   “บอกมาเลยๆ ยัยอร” เพื่อนๆก็เชียร์กันใหญ่ จนอรและพี่ตู่อายม้วนไป ฉันเองก็หัวเราะไปกับเพื่อนๆ แต่เหมือนมีสายตาของเขาจ้องมองฉันอยู่ตลอดเวลา รอยยิ้มที่เคลือบมากับแววตานั้นทำให้ฉันต้องคอยหลบตา
   “แล้วนี่กลับยังไงกันครับน้อง” เขาถามตอนที่พวกเรามายืนออกันอยู่หน้าร้าน กาญจนาเมาเละเทะฉันกับวารินทร์ต้องหิ้วปีกคนละข้างเลยทีเดียว
   “นั่งแท็กค่ะพี่เร” วารินทร์ตอบไป
   “ไม่ดีมั้งครับ งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งดีกว่านะ แล้วพักอยู่ตรงไหนครับ”
   “บ่อนไก่น่ะค่ะพี่” “อ้าว จริงเหรอ บ้านพี่อยู่กล้วยน้ำไทพอดีเลย ป่ะงั้นเดี๋ยวพี่ไปส่ง” ฉันมองหน้าวารินทร์ แต่วารินทร์เองมังแต่ยิ้มอยู่ ฉันเลยสะกิด
   “จะดีเหรอแก” “หือ ดีอะไร ดีซิยะ ไม่ต้องเปลืองเงิน แกยิ่งงกๆอยู่ไม่ใช่เหรอ” วารินทร์ตอบกลับมามันทำให้ฉันเงียบไป ที่ฉันถามเพราะว่าการที่ให้คนที่ไม่รู้จักไปเห็นสถานที่พำนักมันจะดีแล้วหรือ ก็แค่นั้นเอง
   “ท่าทางจะเมามาก น้องวาไปนั่งพยุงน้องกาญหน่อยสิครับ เดี๋ยวอ๊วกนะ”
   “ไม่เป็นไรวา เดี๋ยวฉันเอง” ฉันรีบชิ่งบอกรับอาสาพยุงกาญจนาไปนั่งเบาะหลัง
   “ฟังเพลงหน่อยไหมครับ” “แล้วแต่พี่เรเลยค่ะ พี่เรใกล้จบแล้วสิคะเนี่ย เรียนวิศวะนี่ต้องหล่อกันด้วยทุกคนหรือเปล่าคะ” วารินทร์ตั้งหน้าตั้งตายิงคำถาม เขาเองก็หัวเราะแต่สายตาของเขามองกระจกมองหลังตลอดเวลา ฉันไม่อยากเข้าข้างตัวเอง มันไม่มีอะไรหรอก
   “แล้วน้องวาเรียนอักษรยากไหมครับ เห็นคนบอกว่าอักษรที่ที่เราเรียนหินสุดๆ”
   “ยากค่ะ วาน่ะไม่เก่งหรอกค่ะพี่เร โน่นค่ะ ยัยพิมพ์โน่น ตัวแม่”
   “จริงเหรอครับ แต่พี่ว่าท่าทางจะจริง หน้าตาให้นะเนี่ย” เขายิ้มให้ฉัน แต่ประโยคนี้ทำให้ฉันจ้องหน้าเขาตอบ เขาไม่ควรพูดแบบนี้ออกมา หน้าตาฉันมันยังไงเหรอ
   “ตัวจริงค่ะพี่ ขยันอีกต่างหาก พอเรียนเสร็จก็ต้องไปสอนพิเศษ” “วา” ฉันปรามออกไป แต่ดูเหมือนวารินทร์จะไม่สนใจในคำพูดของฉันเลย
   “โห จริงดิครับ เก่งจังเลย แบบนี้แฟนรักตายเลยดิ” เขาละลาบละล้วงเกินไปแล้ว ฉันจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ไม่พอใจ เขาเองก็เหมือนจะรู้แต่เขากลับทำทีท่าไม่สนใจ ยิงฟันให้ฉันอยู่
   “โอ้ย พี่เร นังนี่มันไม่มีแฟนหรอกค่ะ มันไม่สนผู้ชาย” “เฮ้ย” “วา”
   “อิอิ เปล่าหรอกค่ะ คือพิมพ์มันบอกว่ามันยังไม่เจอตัวจริงน่ะคะ มันเลยไม่ชายตาแลใครเลย คนมาจีบทุกคณะได้มั้ง” ฉันไม่พอใจในสิ่งทีเพื่อนสาธยายออกไป แต่มันก็แค่สิ่งที่ฉันรู้สึก เขาถามถึงฉันนี่ไม่ใช่เหรอ แล้วจะให้วารินทร์ตอบเกี่ยวกับใครถ้าไม่ใช่ฉัน แต่ก็นั่นล่ะ ถ้าหากจะโกรธเพื่อน ฉันก็คงทำได้แต่เพื่ออะไร ในเมื่อหัวใจของฉันแท้ที่จริงมันดีดร้องอยู่ภายใน รู้สึกยินดีกับการทีเพื่อนเป็นคนเอ่ยถึงฉันบ้าง กับเขา
   “ไม่เชื่อหรอกครับ สวยออกขนาดนี้”
   “ถึงแล้วค่ะพี่ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” ฉันชอบนะ แต่ก็อึดอัด แต่ก็อดที่จะแปลกใจตัวเองไม่ได้สักที อึดอัดเขา ไม่พอใจวารินทร์แต่ทำไมเวลาที่ฉันอยู่คนเดียว ฉันถึงยิ้มให้กับตัวเองและคิดถึงหน้าของเขา รอยยิ้มของเขา
   “สวัสดีครับน้องพิมพ์” ผ่านมาไม่ถึงวัน ตอนเย็นก็มีโทรศัพท์เข้ามาเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย ปกติฉันจะไม่รับสายแต่เหมือนในใจลึกๆแล้วฉันเองก็รออยู่
   “เอ่อ สวัสดีค่ะ ใครคะ” ฉันถามทั้งๆที่จำเสียงของเขาได้
   “อ้าว น้องพิมพ์สั่งของไว้ไม่ใช่เหรอครับ เนี่ยพี่อยู่ข่างล่างหอของน้องพิมพ์แล้วนะ”
   “ของ ของอะไรคะ หนู เอ่อ พิมพ์ไม่ได้สั่งค่ะ ผิดคนแล้วมั้งคะพี่”
   “ไม่ผิดหรอกครับ ลงมารับของหน่อยครับ พี่รอที่หน้าร้านข้าวนะ” เขาวางสายไป ฉันอยากลงไปแต่ไม่ใช่เรื่อง เขาโทรขึ้นมาอีกหลายครั้งแต่ฉันก็ไม่รับสาย
   “แกลืมอะไรเหรอวา” เป็นวารินทร์ที่เปิดประตูห้องเข้ามา วันนี้มีเรียนตอนเช้า ฉันเรียนเสร็จแล้วรอที่จะไปสอนพิเศษช่วงเย็น
   “ลืมหนังสือ” “ว้าย” พอหันไปก็ต้องตกใจ เพราะคนที่อยู่ข้างหลังวารินทร์คือเขานั่นเอง เขาถือช่อดอกไม้ช่อใหญ่ แต่ฉันใส่กางเกงขาสั้นเสื้อยืดธรรมดา เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่เห็นขาอ่อนฉัน
   “เอ่อ ขอโทษครับ” เขารีบถอยหลังออกไปจากห้อง เพราะฉันเองรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ มันไม่ใช่เรื่องน่าอายสำหรับยุคนี้สมัยนี้ แต่ก็ฉันไม่เคยกับฉันเองมันไม่แปลก เพราะฉันทำแบบนี้ตั้งแต่เล็กจนโตแล้ว
   “อะไรน่ะแก” ฉันตะโกนถามวารินทร์ออกไปจากข้างในห้องน้ำ
   “พี่เรน่ะ เขามาหาแก แต่แกไม่ยอมลงไป ฉันออกไปถึงแยกศาลาแดงแล้วเถอะ เนี่ยต้องกลับเข้ามา”
   “บ้าแล้วแก ทำไมพาเขาเข้ามาในห้อง ฉันไม่ชอบนะ”
   “เออๆ ขอโทษ แกออกมาได้ยัง สงสารพี่เขานะแก รอแกอยู่นานเนี่ยดอกไม้เหี่ยวหมดแล้ว”
   “อย่าทำแบบนี้อีกนะแก” ฉันตำหนิวารินทร์แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่ วารินทร์รอฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็เดินออกไปตามเขาเข้ามา
   “เอ่อ พี่ขอโทษนะครับน้องพิมพ์” เขาเอ่ยออกมาเสียงเจื่อนๆ
   “งั้นฉันไปก่อนนะแก” วารินทร์ทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง
   “บ้าเหรอแก งั้นฉันไปด้วย” วารินทร์หันมามองแล้วเหมือนด่าฉันในใจ
   “เดี๋ยวก่อนสิครับ เอาดอกไม้ใส่แจกันก่อนดีไหม มันเริ่มจะเหี่ยวแล้ว” เขายื่นดอกไม้ให้ฉัน
   “ขอบคุณแทนวาด้วยนะคะพี่” ฉันรับดอกไม้มาจากเขา
   “พี่ให้เรานั่นล่ะครับ น้องพิมพ์” เขายิ้ม แต่ฉันหลบหน้าเขาไม่อยากมองในตอนนี้เพราะฉันเริ่มอาย หลังจากที่เอาดอกไม้ใส่แจกันเสร็จเราก็ออกจากห้องมาพร้อมกัน
   “แกฉันต้องมีเรียนนะ แกไปกับพี่เรดิ” วารินทร์เองหาทางไปจนได้
   “ไม่อ่ะ ฉันจะกลับไปเตรียมการสอน เย็นนี้มีสอนพิเศษ”
   “งั้นพี่ไปส่งนะครับ” “ไม่เป็นไรค่ะพี่ ขอบคุณนะคะ” “ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ พี่จะเลยกลับบ้านพอดี”
   “นั่นดิแก ดีกว่านั่งรถเมล์นะยะ ร้อนจะตาย” เพื่อนรักก็ยุ คงไม่เป็นอะไรถ้าจะให้เขาไปส่ง นี่วันกลางวันแสกๆ ท่าทางของเขาก็น่าจะไว้ใจได้อยู่ เว้นแต่สายตาของเขาที่คอยจ้องมองอยู่ตลอดเวลา
   “ไม่อยากให้พี่มาส่งเหรอครับน้องพิมพ์” เขาถามขึ้นในรถ
   “เอ่อ” “อึดอัดเหรอครับที่พี่อยากรู้จักเรามากกว่าคำว่า เพื่อน” เขาดูจริงจังมากกับคำถาม ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ฉันอึดอัดใจมากเหลือเกิน
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
เอ่อ ปะ เปล่าค่ะพี่” “แต่ทำไมเหมือนน้องพิมพ์ไม่อยากรู้จักพี่ล่ะครับ” เขาหันมาจ้องเต็มตาตอนที่รถติดไฟแดงตรงแยกสวนลุมพินี
   “พิมพ์ไม่ชินน่ะค่ะพี่” เสียงตอบที่แทบเหมือนจะครางออกไป ฉันเองก็พยายามจะสู้สายตาของเขา
   “พิมพ์ พี่ชอบพิมพ์นะ พี่ขอจีบพิมพ์ได้ไหม” เขาพูดออกมา ทุกถ้อยคำเน้นเสียงไม่แตกต่างกันเลย คำพูดที่หนักแน่น แววตาที่มุ่งมั่น เขาจ้องฉันจนแทบจะละลาย เหมือนกับอยู่ในภวังค์ที่เบาหวิว ใจฉันเต้นแรงจนรู้สึกว่าเสียงที่ดังในอกนั้น มันดังสะท้อนขึ้นมาจนหูทั้งสองข้างได้ยินแต่เสียงเต้นของหัวใจ
   “เอ่อ” เขาไม่หยุดเพียงเท่านั้น เขาเอื้อมมือมาจับมือฉันที่วางอยู่ที่ต้นขา ฉันตกใจจะชักมืออกแต่เขากลับดึงค้านมันไว้และค่อยๆดึงมันขึ้นไปจ่อกับริมฝีปากของเขา
   “พี่” ที่ผู้หญิงพลาดท่าให้ผู้ชายก็คงอยู่ในอารมณ์ประมาณนี้สินะ ฉันรู้สึกเหมือนตกจากที่สูง มันหวิวๆแต่ก็รู้สึกดีดดันในใจไปพร้อมๆกัน ฉันชักมือกลับมาแล้วเมือนหน้าหนี
   “พี่ขอโทษ พี่แค่ชอบเรามาก มากจริงๆ แค่เห็นพี่ก็ชอบเรามากๆแล้วนะพิมพ์” เขาเหมือนรู้สึกตัวว่าเขาทำไม่ถูกต้องกับฉัน
   “พี่ไม่ได้จะละลาบละล้วงเรานะ พี่ขอโทษ” เขายังคงวนเวียนพูดขอโทษอยู่อย่างนั้น เพราะฉันไม่พูดอะไรออกมา ใบหน้าก็ยังเมินออกไปนอกกระจก มองทุกสรรพสิ่งที่ตัวรถเคลื่อนที่ผ่าน แต่เหมือนกับว่าสายตานั้นมันจะจดจำอะไรไม่ได้เอาเสียเลย ภายในสมองตอนนี้ประมวลผลแต่เรื่องที่เขาเพิ่งกระทำลงไปเมื่อครู่นี้
   “พี่ทำแบบนี้กับผู้หญิงบ่อยไหมคะ” ฉันเอ่ยขึ้นตอนใกล้ๆจะถึงหอพัก
   “ไม่ครับ พี่ไม่ใช่คนแบบนั้น พี่จะทำแบบนี้กับคนที่พี่ชอบเท่านั้นนะครับ น้องพิมพ์”
   “กี่คนแล้วล่ะคะ” ฉันไม่น่าถามอะไรโง่ๆพรรค์นั้นออกไปเลย แต่ทำไมกลายเป็นคนปากไวแบบนี้นะ
   “แฟนคนก่อน คนเดียว แล้วก็เรา” เขาถอนหายใจออกมาแล้วค่อยตอบ ฉันเองก็รู้สึกว่าทำไม่ถูก
   “ขอโทษค่ะพี่ พิมพ์ไม่ได้ เอ่อ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” ฉันรีบเปิดประตูรถแล้วออกไปทันที
   “พิมพ์ เดี๋ยวสิ” เขาตามออกมา ฉันหยุดไม่ได้หันกลับไปหาเขา
   “พี่ขอจีบพิมพ์นะ พี่อยากเป็นแฟนพิมพ์” เขาตะโกนออกมา คนบ้า คนออกเยอะแยะ ฉันรู้สึกหน้าร้อนผ่าวๆจึงรีบวิ่งขึ้นหอพักไปทันที พอเข้าห้องได้ฉันก็แทบจะกรี๊ดออกมา จากใจฉันนะ ฉันดีใจมาก มากเหลือเกินที่เขาขอจีบ ฉันชอบเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตอนนี้ความรู้สึกเหมือนฉันกำลังขึ้นประกวดเทพีอะไรสักอย่าง แล้วคนที่ได้ตำแหน่งคือฉัน มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายยังไงถึงจะถูกต้อง รู้แค่ว่าฉันยิ้มได้แม้กระทั่งกับสิ่งที่น่าเกลียดที่สุด ฉันมองเห็นสิ่งต่างๆเหล่านั้นเป็นสิ่งสวยงามไปเสียหมด
   “เดี๋ยวพี่ไปรับนะครับพิมพ์” พอนานวันเข้า จากที่เคยเขินอายหรืออึดอัด ก้กลับกลายเป็นเริ่มชินที่เขาโทรมา ชินที่ได้ไปไหนกับเขา หรือเขามารับ ฉันไม่เล่นตัวแล้ว เพราะถ้าเขาไม่มาฉันก็คงจะทรมานใจอยากจะเจอหน้าอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
   “วันนี้ไปกินข้าวกันนะพิมพ์ เดี๋ยวพี่พาไปกินร้านที่พี่ชอบไปกับเพื่อนๆ” เขาเอ่ยชวนในตอนเย็นวันหนึ่ง ฉันเองก็ไมได้ปฏิเสธ ไม่ว่าเขาจะชวนไปดูหนัง ไปเดินเล่นถ้าไม่แบ่งเวลาของการเรียนหรือสอนพิเศษไปฉันก็จะยินดีไปกับเขาเสมอ
   “เราเป็นแฟนพี่แล้วนะ” เขาย้ำไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง และทุกครั้งฉันเองก็จะยิ้มออกมาอย่างดีใจที่สุด
   “ทำไมพี่ถึงชอบพิมพ์คะ”
   “พิมพ์น่ารักนี่ อีกอย่างพี่ว่าพิมพ์ไม่เหมือนกับวัยรุ่นทั่วๆไป” ฉันมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ
   “ยังไงคะ” “ก็พิมพ์ดูไม่หวือหวา พิมพ์เหมือนผู้หญิงสมัยเก่าๆน่ะ พี่ว่ามันดูมีคุณค่าดี” ฉันพยายามไม่คิดว่าเขากำลังต่อว่าฉันว่าฉันเป็นสาวทึนทึก แม้จะพอใจคำตอบในตอนท้าย แต่ก็นั่นล่ะ เขาบอกว่าเวลาเรามีความรัก ตาเรามักจะบอด ฉันเองก็คงตกอยู่ในคำพูดนั้น เพราะยังไม่มีความผิดใดที่ฉันมองเห็นจากผู้ชายคนนี้
   “พอพี่เรียนจบ ขอพี่ทำงานสักปีนะพิมพ์” เขาเอ่ยออกมาหลังจากที่พามาส่งที่หอพัก
   “ทำไมคะพี่ เรียนจบแล้วก็ต้องทำงานสิ”
   “พี่จะมาขอพิมพ์แต่งงานไง” เหมือนฉันหูฝาด ฉันหันขวับไปมองหน้าเขาชัดๆอีกครั้ง คำพูดเมื่อครู่นี้ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดเพียงไม่กี่คำมันจะทรงอิทธิพล ทำให้ฉันหุบยิ้มแทบจะไม่ได้ หัวใจมันเริงร่าเหมือนผีเสื้อที่ได้เห็นมวลบุปผชาติงาม
   “เอ่อ แต่พิมพ์ก็เรียนยังไม่จบนะคะพี่” ฉันค้านออกมา แม้จะดีใจแต่จุดประสงค์ของการมาเรียนของฉันไม่ใช่แบบนี้ ฉันเองก็อยากมีหน้าที่การงานที่ดีทำเหมือนกัน คนที่รออยู่เบื้องหลังทั้งแม่และน้องฉันเรียนจบแล้ว ก็ยังคงต้องดูแลกันต่อไป
   “ก็หมั้นไว้ก่อนไงพิมพ์ พอดีกันล่ะ พอพิมพ์จบออกมาเราก็แต่งงานกัน” ดูเขาจริงจังกับคำพูดมาก จนเมื่อครู่ที่หัวใจฉันดีดดิ้นดีใจ มันกลับกลายเป็นรู้สึกแปลกประหลาด ความคิดที่แตกกระจายออกเป็นหลายแขนง มันแทรกซึมเข้ามาโดยที่ไม่รู้ตัว ฉันชอบเขามากก็จริง แต่เขาจะเป็นคนที่ฉันต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยทั้งชีวิต การที่เพิ่งคบกันได้ไม่กี่เดือนมันพิสูจน์อะไรไม่ได้หรอกนะ สำหรับฉันแล้ว
   “พิมพ์ว่า เราค่อยๆเรียนรู้กันไปดีกว่าไหมคะพี่เร พี่ก็ยังเรียนอยู่เลย พิมพ์ก็ยังเรียนอยู่ ตอนนี้ พิมพ์ว่าเราต่างดูแลกันและกันไปก่อนดีไหมคะ” ฉันพูดออกไป
   “พิมพ์ไม่เชื่อใจพี่เหรอ” ฉันไม่ชอบคำๆนี้เลยจริงๆ ถ้าฉันไม่เชื่อใจจะยอมมาด้วยไหม ที่ถามแบบนี้ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร แต่ถ้าจะเรียกร้องให้ฉันตอบออกไปว่า “พิมพ์เชื่อใจพี่ค่ะ” มันคงไม่ใช่หรอกนะ
   “ก็พิมพ์ถึงบอกไงคะ ว่าให้เรียนรู้กันไปก่อน พี่เรมองเห็นอนาคตเหรอคะ วันข้างหน้าจะเป็นยังไงพิมพ์ไม่รู้ แต่พิมพ์รู้ว่าตอนนี้พิมพ์คบอยู่กับพี่ และถ้าวันนี้ของเรามันดี พรุ่งนี้มันก็คงต้องดี ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” วันนี้ฉันไม่ค่อยพอใจกับการสนทนาของเรามากนัก ฉันไม่ได้คาดหวังอะไรมากนะจากความสัมพันธ์ของเรา แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหวังอะไรไม่ได้เลย เขาน่าจะพูดลอยๆก่อนให้ฉันแค่ดีใจ แต่จริงจังเกินไปฉันเองก็ทำตัวไม่ถูก ความคิดในตอนนี้มันเข้ามาเป็นฉากๆ จากนี้ไปในวันข้างหน้าจะเป็นยังไง ฉันวาดฝันตามลมปากของเขาไปแล้ว มันห้ามไม่ได้ แม้ฉันจะบอกเขาออกไปแบบนั้น แต่ฉันเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะคิดฝันไปเอง วาดวิมานงดงาม งดงามเหลือเกินระหว่าง ฉันกับเขา
   “ยินดีด้วยนะคะพี่เร” วันที่เขาสำเร็จการศึกษาก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ฉันยินดี เขาเป็นคนที่สม่ำเสมอ ดูแลเอาใจใส่ฉันดีเสมอมาตลอดระยะเวลาปีกว่าๆที่ผ่านมา ฉันรักเขาหมดทั้งใจ เขาเองก็คงรู้สึกไปไม่ต่างจากฉันมากนัก เขาพาฉันไปพบครอบครัวของเขาหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งมันก็ยิ่งทำให้ฉันมั่นใจ ว่าเขานี่เองที่จะเป็นคนที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับฉันไปจนวันตาย เราเริ่มวาดฝันอนาคตไว้ร่วมกัน
   “พี่ได้งานแล้วนะพิมพ์ บริษัทออกแบบบ้าน” เขายิ้มเต็มดวงหน้าเมื่อได้งาน ฉันเองก็ดีใจมากเช่นกัน ตอนนี้ฉันอยู่ปีสามแล้ว อีกไม่กี่ปีฉันเองก็ต้องจบไปหางานทำเช่นกัน
   “ดีจังค่ะพี่เร พิมพ์ดีใจด้วยนะคะ”
   “พี่จะเป็นคนออกแบบเรือนหอของเราเอง เขาให้เงินเดือนเยอะเหมือนกันนะพิมพ์ เขาบอกว่าถ้ามีผลงานเงินเดือนก็จะเพิ่มขึ้นด้วย” เขาดูกระตือรือร้นที่จะทำงานมาก ฉันเองก็คอยเป็นกำลังใจให้เขาตลอดมา พอเขาได้ทำงาน ตอนแรกฉันเองก็กลัวว่าเขาจะมีเวลาให้ฉันน้อยลง แต่มาคิดๆดูแล้ว ตอนที่เราคบกัน ฉันทั้งเรียนทั้งสอนพิเศษ เวลาที่จะได้เจอกันต้องเป็นเวลาที่ฉันไม่มีกิจกรรมการงานเหล่านี้จริงๆ ฉันนี่ก็เห็นแก่ตัวไม่น้อยเหมือนกันนะ แต่เขาไม่ใช่แบบนั้นเลย ถึงแม้เขาจะทำงาน พอเลิกงานเขาก็จะแวะมาหาฉันอยู่เสมอ
   “ฉันว่าแก ไม่ย้ายออกไปอยู่กับพี่เขาเลยล่ะพิมพ์” วารินทร์เอ่ยขึ้นตอนเย็นก่อนที่เราจะนอน หลังจากที่เขากลับบ้านไป กาญจนาเองย้ายออกไปอยู่กับแฟนแล้ว เหลือเราแค่สองคน
   “บ้าแก ไม่เอาหรอก แค่เป็นแฟนนะ ไม่ใช่สามีภรรยา จะต้องอยู่ด้วยกัน”
   “ว้ายแก หัวโบราณจริงๆ เดี๋ยวนี้เขาก็แบบนี้ทั้งนั้นล่ะย่ะ ดูยัยกาญสิ ก็ดูมีความสุขดีออก”
   “ถ้าฉันไป แล้วแกล่ะ ไม่เอาหรอก ยังไงฉันก็ไม่ทิ้งแก” ฉันคิดแบบนี้จริงๆ
   “ขอบใจนะแก แต่ฉันเห็นแกกับพี่เรแล้วฉันสงสาร รักกันออกจะตายไปทำไมไม่ไปอยู่ด้วยกัน ไปมาหาสู่ก็จะได้ง่ายๆ สะดวกพี่เขาด้วยไงแก”
   “อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย เรียนก่อนๆ จบมาค่อยคิด” ฉันตัดบทไป เพราะถึงแม้คุยกันถึงเช้าก็คงไม่มีคำตอบอะไรมากไปกว่า รอดูไปก่อนหรอก
   “พิมพ์ พ่อพี่ซื้อคอนโดให้แถวที่ทำงานนะ จะได้สะดวกในการเดินทาง เอ่อ พิมพ์ย้ายไปอยู่กับพี่ไหม” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ฉันเองก็ดีใจนะที่เขาชวน แต่ก็อย่างที่บอก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ฉันยังไม่พร้อม
   “รออีกหน่อยได้ไหมคะพี่เร ตอนนี้วามันอยู่คนเดียว พิมพ์สงสารวาค่ะ”
   “แล้วไม่เห็นใจพี่เหรอ” เขาทวงจนได้
   “แหมพี่เรคะ ก็ถ้าว่างๆเดี๋ยวพิมพ์ไปหาพี่เรบ่อยๆก็ได้นี่คะ รอให้พิมพ์เรียนจบก่อนดีไหม เพราะถ้าไปอยู่กับพี่เรตอนนี้ พิมพ์เกรงว่ามันจะไม่เหมาะ” ฉันบอกความจริงจากใจออกไป อย่างน้อยก็ให้เขารู้ว่าฉันเองคิดยังไง
   “ครับ พี่จะรอ งั้นอยากไปดูคอนโดพี่ไหม ตกแต่งเสร็จแล้วนะ”
   “เห็นไหมพิมพ์ คอนโดพี่ติดรถไฟฟ้านะ เวลาพิมพ์ไปเรียนก็นั่งรถไฟไปได้เลย สะดวกจะตาย” เขาพยายามยกข้อดีของที่พักของเขามาอวดอ้าง เพื่อให้ฉันคล้อยตาม ฉันเองก็เห็นแต่ข้อดีของที่นี่ เว้นแต่ คำว่ามันไม่เหมาะสมนี่เอง
   “ทำไมพี่ไม่เคยเห็นพิมพ์ใส่กระโปรงสั้นๆ หรือกางเกงขาสั้นบ้างเลยล่ะพิมพ์” เขาเอ่ยถามตอนที่มาส่งที่หอพัก
   “พิมพ์ไม่ชอบนี่คะ” “ครับ แต่พี่ว่าพิมพ์ขาสวยนะ น่าจะอวดใครๆบ้าง เขาจะได้รู้ว่าพี่มีแฟนสวย” ฉันมองหน้าเขาเพราะไม่เข้าใจ เป็นแฟนกันแทนที่จะหวงไม่อยากให้ใครๆได้เห็น หรือว่านี่คือความภาคภูมิใจของเขาหรือ กับการที่คนมองฉันมากๆเวลาเราไปไหนมาไหนด้วยกัน
   “พี่ยินดีด้วยนะครับพิมพ์” วันที่ฉันรอคอยก็มาถึง วันที่ฉันได้รับพระราชทานปริญญาบัตร ทั้งแม่และน้องรวมถึงเขาและเพื่อนๆก็ต่างร่วมยินดี เขาเป็นเจ้ามือพาครอบครัวเราไปเลี้ยงที่บางขุนเทียน แม่ฉันเองก็เคยเจอเขาบ้างแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยไปส่งฉันที่บ้านที่ราชบุรี เขาเข้ากับแม่และน้องชายได้ดีทีเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันดีใจมาก
   “พ่อเรนี่เขาน่ารักนะพิมพ์ เคยเห็นยังไงก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น นี่เราคบกับพี่เขากี่ปีแล้วล่ะลูก” แม่เอ่ยถามตอนที่เขากับน้องชายไปดูปลาในตู้
   “สามปีกว่าแล้วค่ะแม่” “อืม ดูแลกันดีๆนะลูก” แม่ฉันพร่ำสอนเรื่องต่างๆ ฉันเลยลองถามเรื่องที่เขาชวนไปอยู่ด้วย
   “ถ้าลูกมั่นใจ คิดดีแล้วก็ไปเถอะ พี่เขาก็ดูไม่ใช่คนเห็นแก่ได้อะไร แต่ก็ต้องดูนะพิมพ์ ถ้าเรายังไม่พร้อม อย่าให้มีน้อง” ฉันรู้สึกอายหน้าแดงขึ้นมา เรื่องแบบนั้นฉันเองก็เคยคิด ถ้าไปอยู่ด้วยกันหญิงชาย อีกทั้งเราสองคนยังเรียกกันว่าแฟน เรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นแน่ๆ แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องปกติ แต่ฉันรู้สึกอายจัง
   “นี่ครับ คุณผู้หญิง กุญแจบ้าน และนี่สมุดเงินฝากของพี่” วันที่ฉันตกลงใจย้ายเข้าไปอยู่คอนโดกับเขา ก็เมื่อฉันได้งานที่โรงแรมแห่งหนึ่งตรงข้ามโรงพยาบาลย่านมหาวิทยาลัย เพราะวารินทร์เองก็ไปสมัครพร้อมกัน ฉันได้ตำแหน่งพนักงานต้อนรับที่สวมชุดไทย ส่วนวารินทร์ได้ตำแหน่งพนักงานหน้าเคาท์เตอร์
   “สมุดเงินฝาก ทำไมคะพี่เร” ฉันเองก็ตกใจที่เขายื่นสมุดเงินฝากส่วนตัวของเขาให้ฉัน ห้องหับเตรียมพร้อมสำหรับฉันมานานแล้ว
   “ก็ต่อจากนี้ เราสองคนจะเป็นคนๆเดียวกันแล้วไงครับพิมพ์ พี่ให้พิมพ์ดูแลทุกอย่าง” เขาตอบออกมา คำตอบที่ทำให้ฉันอายและอมยิ้ม ครั้งแรกของฉันก็ผ่านไปด้วยดี ฉันไม่คิดเสียใจที่ปล่อยตัวปล่อยใจให้เขาหมดแบบนี้ เพราะไม่ว่าวันใดวันหนึ่ง เรื่องแบบนี้มันก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี อีกทั้งหญิงชายนอนเตียงเดียวกัน ถึงฉันจะไม่ยอมเขาก็คงต้องหาวิธี แต่นั่นมันไม่ใช่ประเด็น แต่สำหรับฉัน ฉันให้เขาป้องกันเสมอ แลกด้วยเหตุผล เราต้องสร้างเนื้อสร้างตัวกันก่อน ตอนแรกเขาก็ทำสีหน้าไม่พอใจ แต่ฉันเองก็ยึดมั่นในคำสอนของแม่ เขาจึงยอมและก็ไม่เคยว่าอะไรอีกเลย
   “พิมพ์ ทำไมน้องไม่ไปลองสมัครเป็นแอร์ดูล่ะ เนี่ยภาษาก็ดี สูง สวย ครบองค์แบบนี้ลองเลยน้อง พี่ว่าน้องได้แน่ๆ” พี่ที่ทำงานแนะนำ ฉันเองก็ไม่เคยคิดเรื่องแบบนี้เหมือนกัน
   “แต่จะดีเหรอคะพี่” “ต๊ายนี่หนู แอร์น่ะมีแต่คนอยากเป็น นี่ถ้าพี่ไม่มีผัวซะก่อนนะ พี่ก็คงไปสมัครอยู่หรอก พิมพ์ลองไปเถอะ เชื่อพี่ ไปสอบโทอิกก่อน”
   “วา แกว่าเราไปลองสมัครแอร์ตามที่พี่เขาบอกไหม” ฉันถามวาตอนพักกินข้าว
   “ฉันก็ว่าจะมาชวนแกอยู่พอดี แกหยุดวันอังคารใช่ไหม งั้นฉันจะลา เราไปสอบโทอิกกันแก” ฉันกับวารินทร์นัดแนะกัน จนไปสอบโทอิก ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ
   “พี่เร พิมพ์ว่าจะไปสมัครเป็นแอร์ พี่เรว่าดีไหม” ฉันถามเขาในตอนเย็น
   “จริงดิพิมพ์ เยี่ยมไปเลย คราวนี้ล่ะพี่จะได้มีแฟนเป็นแอร์ โว้ย ดีใจ” เขาตะโกนออกมา ท่าทางของเขาทำให้ฉันยิ้ม
   “แต่แหม ยังไม่ได้ไปซะหน่อยนะพี่เร ดีใจอะไรขนาดนั้น” ฉันแซวเขา เขาเองก็กระโจนเข้าหาฉัน จากวันนั้นถึงวันนี้ฉันมีความสุขเสมอมา ความสุขที่มันไม่เคยตกหล่น ไม่เคยลดน้อยถอยลงเลย ฉันรักเขามาก มากจริงๆ
   “อย่าเสียใจไปเลยนะแก ไม่ใช่มีแค่สายการบินเดียว ลองอันใหม่ก็ได้” ฉันปลอบใจวารินทร์เมื่อรู้ผล
   “ใช่สิ ก็แกได้นี่” วารินทร์แว้ดออกมา ฉันเองก็ตกใจ แต่ไม่นานวารินทร์ก็เปลี่ยนสีหน้า
   “ดีใจด้วยนะแก ฉันว่าแล้ว แกน่ะต้องได้แน่ๆ ป่ะไปฉลองกัน” ฉันไม่คิดว่าฉันมีอะไรโดดเด่นกว่าใคร ฉันไม่เคยมองในจุดนี้ แต่ฉันก็อดดีใจไม่ได้ที่ได้งานเป็นแอร์อย่างที่อยากจะเป็น การคัดกรองพนักงานบนสายการบินเป็นไปอย่างเข้มงวด นั่นมันก็ทำให้ฉันรู้ว่า อย่างน้อยฉันก็ผ่านเข้าไปได้
   “ดีใจจังเลยพิมพ์ พี่ดีใจจังเลย” เขากอดฉันแล้วยกตัวฉันสูงขึ้น เขาดูมีความสุขมาก ฉันเองก็เช่นกัน แต่อาชีพนี้เวลาที่เคยมีค่ามากที่สุดก็เหมือนกับว่าฉันจะต้องเจียดให้มันมากกว่าสิ่งไหน ช่วงเวลาเข้ารับการอบรมเพื่อที่จะเริ่มงานนั้น หนักหน่วงเข้มข้นเหลือเกิน ทั้งภาคปฏิบัติและทฤษฎี ฉันกลับถึงคอนโดก็หลับเป็นตาย
   “วันหยุดไปดูหนังกันดีกว่านะพิมพ์ พี่เห็นพิมพ์เหนื่อยมาหลายอาทิตย์แล้ว” เขาชวนในวันที่ฉันหยุดและเขาเองก็หยุด ความจริงฉันไม่ได้อยากออกไปไหนเลย เพราะเหนื่อยล้าจากการฝึกเหลือเกิน แต่ก็เห็นใจเขา
   “วันนี้แต่งตัวสวยๆเดินกับพี่หน่อยสิ นะครับพิมพ์” เขาอ้อนวอน ฉันเองก็ไม่อยากยึดติดกับอะไรนอกกายแล้ว เพราะถ้าได้ทำงานบนเครื่อง ยูนิฟอร์มที่ใช้ก็เป็นกระโปรงเหนือเข่าอยู่ดี เพราะเป็นสายการบินต่างชาติ ฉันยอมแต่งตัวสวยอย่างที่เขาต้องการจะให้ฉันแต่ง กระโปรงบานลายดอกไม้สีหวาน กับเสื้อยืดตัวเล็กทับด้วยเสื้อคลุมถักตาข่ายโตๆ ฉันแต่งหน้าทั้งที่วันหยุดฉันจะไม่เคยแต่งเลย
   “เห็นไหม สวยออก พี่ดีใจจังที่ได้เดินกับแฟนสวยๆอย่างพิมพ์” เขาคอยประคองบ่าฉันไปตลอดเวลาที่ถึงห้าง ฉันเองก็ดีใจที่เขาดูหวงแหนฉัน
   “คนมองพิมพ์ใหญ่เลย คงจะอิจฉาพี่ ที่พี่มีแฟนสวย” เขาพูดอยู่แต่แบบนี้ จนฉันไม่คิดอะไรได้แต่ยิ้ม
   “พิมพ์ พิมพ์ว่าเราไปซื้อบ้านที่รังสิตดีไหม เพื่อนพี่แนะนำมา โครงการนี้สวยนะ พี่มีโบรชัวร์ให้ดูด้วย”
   “โห ตั้งหลายล้านนะคะพี่เร เก็บตังค์แล้วค่อยๆดูไปก่อนดีไหม” บ้านเดี่ยวที่ราคาสูงลิบลิ่วทำให้รู้สึกหวาด
   “อืมก็ได้ครับ หรือพี่จะออกแบบเองดีกว่าไหมพิมพ์ เรือนหอของเรา เพราะพี่ก็ดูที่ไว้อยู่เหมือนกัน”
   “ก็ดีค่ะ บ้านของเรา เราสร้างมันด้วยมือของเรา”
   “พี่รักพิมพ์นะ” เราโอบกอดกันอย่างเป็นสุข หน้าที่การงานนั้นมันหนักหน่วงก็จริง แต่พอกลับมาถึงที่ที่เราอยู่ ได้เจอคนที่เรารักความเหนื่อยเหล่านั้นมันก็มลายหายสิ้นไปทันที
   “พี่เร พิมพ์ได้บินแล้ว ไฟลท์แรกไปดูไบ สามวันแน่ะ พี่เรอยากได้อะไรไหม” หลังจากที่บินระยะใกล้มาสักพัก โอกาสก็เข้ามา เมื่อฉันได้บินไฟลท์ต่างประเทศ และเป็นครั้งแรกที่ฉันจะบินหลายวันติดกัน
   “ดูไบเหรอ เขามีอะไรน่าสนใจบ้าง แต่พิมพ์ไปหลายวันแบบนี้พี่ก็เหงาแย่ดิ” เขาทำหน้าหงอยๆ ฉันเลยเข้าไปกอดเขา ใจจริงก็ไม่ได้อยากไปนานหลายวันนัก แต่บินต่างประเทศค่าตอบแทนมันก็สูงกว่า
   “ก็พิมพ์ไปทำงานนี่คะ ไม่ว่าพิมพ์จะไปไกลแค่ไหน พิมพ์ก็ต้องกลับมาหาพี่เรอยู่ดี เพราะใจพิมพ์อยู่ที่นี่”
   “พิมพ์ พี่ดีใจนะที่พี่ได้รักพิมพ์ พี่รักพิมพ์มากนะ” เขาย้ำคำว่ารัก ให้ฉันได้ซาบซึ้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ทุกครั้งฉันก็รู้สึกมีความสุขและรับรู้ได้ถึงความรักนั้นมากขึ้นทุกทีที่ได้ยิน
   “พี่เร อาทิตย์นี้พิมพ์บินยุโรปนะ เป็นอาทิตย์เลยอ่ะ” จากที่เคยสามสี่วันก็นับว่านานมากแล้ว แต่พอเริ่มนานวันเข้าก็เริ่มเป็นอาทิตย์ เพราะไฟลท์ต่อหลายเมือง มีการสับเปลี่ยนตารางแทนหน้าที่กัน ฉันเองก็ไม่เคยบ่นที่โดนสับเปลี่ยนตาราง แต่ก็เห็นใจเขาอยู่มาก แต่พอหลายครั้งเข้า ก็เหมือนเขาจะเริ่มชิน
   “เหรอครับ กลับเมื่อไหร่ล่ะพิมพ์” “วันศุกร์เย็นค่ะพี่เร เดี๋ยวพิมพ์จะซื้อรองเท้าให้ใหม่นะ คู่เก่ามันเยินแล้ว”
   “รู้เบอร์เท้าพี่เหรอเราน่ะ” ฉันนั่งลงกับพื้นแล้วจับเท้าเขาเบาๆ
   “รู้สิคะ ก็พิมพ์เป็นแฟนพี่เรนี่” เขายิ้มแล้วประทับรอยจูบบนริมฝีปากฉัน ชีวิตของแอร์อย่างฉัน อนาคตมันไม่แน่นอนหรอก ฉันวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะทำอีกอย่างมากสองปี เก็บเงินให้ได้มากที่สุด รอให้เขาขอแต่งงาน แล้วฉันก็จะหางานอื่นทำ งานที่มีเวลาให้เขา ชดเชยกับช่วงเวลานี้ที่ขาดหายไป ฉันอยากจะมีครอบครัว ครอบครัวที่มีเราพ่อแม่ลูก
   “อ้าวพิมพ์ ฉันนึกว่าพี่มีนซะอีก เปลี่ยนกับแกอีกแล้วเหรอ” บีม เป็นสจ๊วตในทีมเดียวกับเรา ฉันเองก็ค่อนข้างสนิทกับบีมเพราะเขาเป็นเกย์ ฉันว่าเกย์มีเสน่ห์นะ คุยสนุก ไม่เคยละลาบละล้วง นั่นคงเป็นเพราะรสนิยมทางเพศที่แตกต่างกัน
   “อืม ก็ไฟลท์หน้าฉันก็ไม่มาไง แกไปทำไรมาเนี่ย หน้าตาเหมือนคนอดนอน”
   “เมื่อคืนหนักไปหน่อยแก นี่ๆ เมื่อคืนฉันได้เด็ก มหาฯลัยมาล่ะแก แซ่บเวอร์” ท่าทางของบีมทำให้ฉันอดหัวเราะไม่ได้ เวลาบีมพูดคุยออกสีหน้าท่าทาง ทำเสียงสูงต่ำ สนุกดี
   “ไปหลอกอีท่าไหนล่ะ เด็กมันถึงยอม”
   “ว้าย หลอกอะไรยะ ดูอย่างฉันสิ ไม่สวยตรงไหน แหมแก แค่บอกเป็นสจ๊วตนะ อีเด็กพวกนี้ขี้คร้านจะถวายตัวเรียงคน ฉันล่ะเบื่อ เกิดมาสวย นี่ๆ มาดูรูป เป็นไง” บีมล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดรูปภาพอวด ในรูปเป็นบีมเองกำลังคลอเคลียอยู่กับเด็กหนุ่มรุ่นน้อง หน้าตาหล่อเหลาเอาการเลยทีเดียว
   “อืม หล่อดีนี่แก” “ไม่หล่อธรรมดานะจ๊ะ แซ่บมากด้วย” ฉันหัวเราะชอบใจ ทริปนี้เป็นทริปที่สนุกมาก เพราะได้บินกับบีม เราจากที่สนิทกันอยู่แล้ว ยิ่งสนิทกันมากกว่าเดิมอีก

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
“หัวแหลมจะดีเหรอแก แฟนแกไม่ใช่เกย์นี่” พอวันที่พัก เราก็ออกเดินหาซื้อของฝาก ทั้งบรรดาเพื่อนพ้องฝากบ้าง ซื้อให้คนในครอบครัวบ้าง ร้านรองเท้าหนังในมิลานเป็นที่ที่ฉันชวนบีมให้ไปเลือกช่วย
   “เหรอ เกย์เขานิยมแบบนี้เหรอ แต่คู่นี้สวยดีนะแก”
   “แกไม่เอาคู่นี้ล่ะ ผู้ชายธรรมดาเขาใส่กัน” บีมเป็นคนแนะนำ ฉันเองก็เออออตาม แล้วบอกขนาดกับคนขายไป
   “แกจะแต่งงานเมื่อไหร่ล่ะพิมพ์” บีมถามขึ้นตอนที่เราแวะจิบกาแฟพักเหนื่อย
   “ก็รอให้เขาขออ่ะ น่าจะภายในปีสองปีนี้”
   “ว้าย เริ่ด แล้วพอแต่งงานแกจะยังบินอยู่ป่ะ”
   “คิดว่าไม่อ่ะแก ฉันว่าจะหาอย่างอื่นทำ” “อืม น่าเสียดายนะ แกน่ะสวย ยังบินได้อีกหลายปีนะแก ไม่บินๆไปก่อนล่ะเก็บเงิน พอมีลูกมีเต้าแล้วค่าใช้จ่ายมันเยอะนะ”
   “ไม่รู้สิ เดี๋ยวค่อยคิดแก ก็ตอนนี้เขายังไม่ขอ”
   “ค่ะ สวย แกๆ ฉันเห็นเสื้อร้านโน้นสวยๆเยอะ ไปดูกันไหม” ถ้าให้คิดถึงอนาคต ฉันเองก็วาดมันร่างๆไว้บ้างแล้ว เขาคือคนที่ฉันวาดฝันจะใช้อนาคตร่วม ตั้งแต่คบกันมาไม่มีสิ่งไหนที่เป็นที่น่าตำหนิ เขาเป็นคนดี เขาเป็นคนที่ฉันเลือกแล้ว
   “ใส่ได้ไหมคะพี่เร” พอกลับมาฉันก็ให้เขาลองรองเท้าคู่ใหม่
   “พอดีเลยจ๊ะ สวยจัง เข้าใจเลือกนะเนี่ยพิมพ์”
   “พิมพ์ให้เพื่อนช่วยเลือกน่ะค่ะ เลือกยากเหมือนกันนะรองเท้าผู้ชายเนี่ย”
   “สวยดี หนังดีด้วยนะเนี่ย” ดูเขาพอใจกับรองเท้าคู่ใหม่ ฉันเองก็เป็นสุขใจ
   “พี่เร พิมพ์ขอใช้คอมหน่อยนะคะ ขอเช็คตารงแป๊บ” วันที่ไม่ได้บิน คือวันที่ฉันรู้สึกมีความสุขที่สุด ได้อยู่กับห้อง ทำความสะอาด ทำนั่นทำนี่ ซักผ้าให้เขา เหมือนฝึกเป็นแม่บ้านไปในตัว
   “อะ อ้อ แป๊บนะพิมพ์ พี่ปิดงานของพี่ก่อน” เขารีบวิ่งมาที่คอมพิวเตอร์ ฉันเองก็ไม่ว่าอะไร แต่ท่าทางของเขาดูลนลานยังไงพิกล
   “แอบทำไรป่ะเนี่ยพี่เร” “เฮ้ย บ้า ไม่ๆ พอดีพี่ทำเสร็จแล้วล่ะ ก็โครงร่างงานลูกค้าน่ะพิมพ์ อ่ะ ใช้ได้เลยครับ ที่รัก” ฉันนั่งลงที่โต๊ะ แล้วคลิกไปที่ไอคอน
   “พี่เรมีเฟสบุกด้วยเหรอคะ” เพราะหน้าที่มันเด้งขึ้นมาคือเฟสบุก แต่ฉันเห็นแค่ภาพบางส่วน เหมือนเป็นเรือนร่างของผู้ชาย เขารีบวิ่งเข้ามาอีกรอบ
   “อ้อ อันนี้ของที่ทำงานจ๊ะ พิมพ์ พอดีมันมีงานเกี่ยวกับผู้ชายกับบ้านแนวคิดใหม่น่ะ” เขารีบล็อกเอาท์ออกทันที ฉันเองสงสัย แต่ก็นิ่งเงียบไป
   “แก เลิกงานกี่โมง มีของมาฝาก” พอเย็นๆก็นัดเจอวารินทร์ที่ยังทำงานอยู่ที่โรงแรมเหมือนเดิม
   “เหรอ เฟสบุกอะไรวะแก” ความสงสัยกับผู้หญิงเป็นของคู่กัน ความน้อยใจหรือไม่พอใจกับสิ่งเล็กๆก็มาด้วยกัน แต่นี่ฉันแค่สงสัย ไม่ได้น้อยใจอะไร
   “ไม่รู้ดิแก เห็นเขาลนลานปิด แต่เหมือนเห็นแว้บๆเป็นผู้ชาย เขาบอกมันเป็นงานเกี่ยวกับผูชายกับบ้านแนวคิดใหม่” “หือ แล้วรูปผู้ชายยังไง” วารินทร์เองก็สงสัย
   “มองไม่ถนัดว่ะแก มันเร็วเกิน เดี๋ยวถามดีกว่า
   “อย่าเลยแก ถ้าแกถามพี่เขาจะหาว่าแกไม่ไว้ใจเขานะ ค่อยๆดูไปดิ แล้วไหนยะของฝาก” วารินทร์ได้เตือนสติฉัน แต่ฉันเองก็อดคิดมากไม่ได้หรอก ฉันรู้สึกอะไรไม่รู้ในตอนนี้ มันปั่นป่วนไปหมด ฉันอยากจะบอก อยากจะระบายกับวารินทร์มาก แต่ฉันก็ไม่มั่นใจ มันไม่ใช่เรื่องจริง ฉันเชื่อเขา คนรักกันต้องเชื่อใจกัน มั่นใจว่าคนนี้คือคนที่ใช่แล้ว
   “พิมพ์ เราแต่งงานกันไหม” พอตอนเย็นเปิดห้องเข้าไป ฉันก็ยืนอึ้งอ้าปากค้าง ของที่ถือเข้ามาด้วยร่วงลงกับพื้น ในห้องเต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีแดง แสงเทียนวามวับระยับไปทั้งห้อง เขายืนถือช่อดอกกุหลาบช่อใหญ่ไว้ในมือ พอฉันเปิดห้องเข้าไปเขาก็คุกเข่าลง น้ำตาของฉันหลั่งไหลออกมาเกินจะกลั้น
   “พี่เร” ฉันครางออกไปด้วยความดีใจ
   “แต่งงานกับพี่นะครับพิมพ์ พี่รักพิมพ์มากนะ” ฉันทั้งอึ้งทั้งดีใจ น้ำตาไหลออกมามากมายเหลือเกิน
   “พี่เร ค่ะ เราจะแต่งงานกัน” ฉันรอคำขอนี้มานานแล้ว รอมานานจนฉันเองไม่ต้องคิดอะไรแล้ว คำตอบที่มันมีอยู่แล้วในใจฉันยังต้องรออะไรอีก ฉันทรุดตัวลงกอดเขาแน่นแล้วสะอื้นออกมา ลูกผู้หญิงจะมีวันไหนที่เรารู้สึกเป็นสุขใจ ปลื้มใจได้เท่านี้ วันที่รู้สึกว่ามีรักแรกพบ วันที่เขาขอแต่งงาน วันที่สวมชุดแต่งงาน และวันที่คลอดลูก สำหรับฉันตอนนี้ฉันดีใจมาก
   “พรุ่งนี้เราไปดูแหวนกันนะพิมพ์” เขาดูมีความสุขมากเช่นกัน เราคุยกันเรื่องงานแต่งของเราทั้งคืน อนาคตของเราสองคน ไม่มีคำว่า พิมพ์ลภัส หรือ จเร เพียงคนใดคนหนึ่ง แต่มันเป็นเรา เราสองคน แหวนแต่งงานของเราเป็นทองคำขาว ฝังเพชรเม็ดเล็กๆ ด้านในสลักชื่อของเราสองคนและมีรูปหัวใจสองดวงคล้องกันอยู่ เขาสวมให้ฉันทันที
   “ไม่รอวันงานก่อนเหรอคะพี่เร”
   “ไม่ต้องหรอกจ๊ะพิมพ์ ไม่ว่าวันไหน เราก็รักกันอยู่ดี” ทั้งอาทิตย์ฉันและเขาก็ยุ่งวุ่นวายอยู่กับการเตรียมงาน แต่อยู่ในขั้นร่างแผนงานเท่านั้น ยังไมได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะฤกษ์ที่ทางบ้านของเขาบอกว่าดีคือตอนปลายปี เราจึงตระเวนดูแพกเกจแต่งงาน และสถานที่ไปพลางๆ ระหว่างนั้นฉันเองก็มีความสุข เหมือนอยู่ในวิมาน
   “ยินดีด้วยนะจ๊ะพิมพ์ แหวนสวยจัง” ฉันยุ่งกับเรื่องงานแต่งงานของเราเพียงแค่อาทิตย์เดียวก็ต้องกลับไปทำงานต่อ ทริปนี้ไม่เจอบีมแต่เป็นรุ่นพี่อีกคน
   “ขอบคุณค่ะพี่มิ้นท์ แล้วบีมเปลี่ยนไฟลท์เหรอคะ” ฉันถามถึงเขาเพราะอยากจะบอกความยินดีที่มีในใจให้กับเขาได้รับรู้ เพราะฉันถือว่าบีมเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่ง
   “มันเปลี่ยนกับไอ้ตั้มน่ะ มันบอกมันมีนัด ตี้ๆอะไรไม่รู้พิมพ์ แล้วได้ฤกษ์เมื่อไหร่เนี่ย”
   “ปลายปีแน่ะค่ะพี่ ตอนนี้ก็ยุ่งเรื่องหาโรงแรมกับจองแพกเกจ”
   “ใครกันนะโชคดีจัง ได้แต่งงานกับพิมพ์” ในที่ทำงานไม่มีใครเคยเห็นหน้าเขา เพราะฉันเองไม่เคยกล่าวถึงเรื่องส่วนตัวเท่าใดนัก
   “มีรูปไหมอ่ะพิมพ์ อยากดูจัง ใครกันนะ” เพื่อนสจ๊วตอีกคนก็อยากดู ฉันจึงเอาโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปให้เพื่อนๆดู
   “ว้าย หล่อเชียว เหมาะสมกันมากจ๊ะพิมพ์ ว่าแต่เขาทำงานอะไรจ๊ะ” พอมีหนึ่งก็ต้องมีสอง ฉันทำใจไว้แล้ว แต่ไม่มีอะไรน่าอายหรือต้องปิดบังสำหรับเขาและฉัน ฉันควรจะภูมิใจเสียด้วยซ้ำ เพราะถ้าหากแต่งงานกันไปแล้ว ยังไงๆเพื่อนๆก็ต้องรู้อยู่ดี
   “พี่เขาเป็นวิศวะค่ะพี่มิ้นท์” ถ้าให้จัดอันดับอาชีพที่ดูมีคุณค่าในสังคม หรือดูดีคิดว่าวิศวะน่าจะอยู่ในอันดับต้นๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นเอง แต่คนใกล้ตัวเป็นเราก็รู้สึกยินดี เพราะเพื่อนร่วมงานพากันกรี๊ดกร๊าดเหมือนจะดีใจยินดีปรีดากว่าฉันเสียอีก
   “ถึงว่า ขนาดกัปตันจีบพิมพ์ พิมพ์ยังไม่แลเลย เพราะมีหนุ่มวิศวะนี่เอง”
   “ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะพี่มิ้นท์ ก็พิมพ์คบกับพี่เขาคนเดียวตั้งแต่เรียนนี่คะ”
   “ตายจริง น่ารักจังเลยน้องพิมพ์ รักแรก รักเดียว” ฉันรู้สึกปลื้มใจกับคำเยินยอแบบนี้ เขาเป็นรักแรกและรักเดียวของฉันจริงๆ ในวันนี้ฉันพูดได้เต็มปากว่าฉันรักเขา และเขาคือคนๆเดียวที่ฉันอยากจะใช้ชีวิตร่วมด้วยไปจนวันสุดท้ายของลมหายใจ
   “พี่เร วันนี้พิมพ์จะทำกับข้าวให้พี่เรลองชิมนะ พี่เรอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม” พอลงจากเครื่องฉันก็กดโทรศัพท์ไปหาเขาทันที แต่ท่าทางเหมือนเขากำลังนอนอยู่
   “พิมพ์ อ้อ วันนี้กลับแล้วเหรอจ๊ะ อือ ทำไรกินดี”
   “พี่เรไม่ทำงานเหรอคะ เหมือนยังนอนอยู่เลยอ่ะ เอ๊ะ หรือว่าพี่เรไม่สบาย” เกือบจะบ่ายสองโมงแล้ว ฉันไม่ได้คิดอะไรมาก นอกจากห่วงว่าเขาจะไม่สบาย
   “จ๊ะพิมพ์ พี่เวียนหัวนิดหน่อยน่ะ” “งั้นรอพิมพ์แป๊บนะคะ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว” ฉันร้อนใจมาก รีบนั่งรถกลับที่พักในทันที ทั้งที่พี่มิ้นท์ชวนไปกินข้าวก่อนกลับ
   “พี่เร เวียนหัวมากไหมคะ กินข้าวหรือยัง” พอฉันไปถึงก็ปรี่เข้าไปดูเขาในห้องนอน เขายังคงนอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม หน้าตาดูเหมือนคนอดนอนมาหลายวันทีเดียว
   “ค่อยยังชั่วแล้วจ๊ะพิมพ์ พี่ขอโทษนะที่พี่ไมได้ไปรับ”
   “ไม่เป็นไรค่ะ พี่เรไม่สบายนี่ แล้วกินอะไรบ้างหรือยังคะ”
   “ยังเลยจ๊ะ เนี่ยพิมพ์โทรมาพี่เลยตื่น” “งันพิมพ์ทำโจ๊กให้กินรองท้องไปก่อนนะคะพี่เร” ฉันรีบลนลานออกจากห้อง แล้วไปทำโจ๊กกระป๋องให้เขากิน ท่าทางเขาค่อยยังชั่วขึ้นมากแล้ว ฉันเองก็คอยลูบตามเนื้อตัว
   “เหมือนจะตัวรุมๆนะคะ งั้นพิมพ์เช็ดตัวให้นะคะ”
   “เอ่อ ไม่ต้องหรอกพิมพ์ พี่อาบน้ำเองดีกว่า แค่นี้เอง กินยาไปแล้วเดี๋ยวก็หาย”
   “เอางั้นเหรอคะ งั้นอาบน้ำอุ่นเอานะคะพี่เร” ฉันเตรียมเสื้อผ้าให้เขาเพื่อที่จะอาบน้ำ พอเขาอาบน้ำฉันก็เก็บกวาดบ้านที่เหมือนเขาจะไม่ได้ทำเลยตลอดเวลาที่ฉันไม่อยู่ ท่าทางอาทิตย์ที่ผ่านมางานเขาคงจะยุ่งอยู่ไม่น้อย เขาดีขึ้นในวันถัดมา จนหายเป็นปกติ ไปทำงานเหมือนเดิม ส่วนฉันก็ทำงานบ้าน และนัดเจอเพื่อนๆ เพราะคราวนี้หยุดแค่สองวันต้องรีบทำธุระให้เสร็จ ของเพื่อนฝากซื้อก็เยอะแจกจ่ายออกไปให้หมด
   “แล้วเรื่องงานไปถึงไหนแล้วแก แหวนสวยนะยะ” วารินทร์ก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเสมอมา ส่วนกาญจนาตั้งแต่จบ เราก็คุยกันน้อยลง ตอนนี้กาญจนามีครอบครัวแล้ว
   “ยังไม่ถึงไหนเลยแก อีกตั้งปลายปีโน่น”
   “อย่านอนใจไปล่ะแก ไม่ว่ายังไงฉันจองนะยะ เพื่อนเจ้าสาวน่ะ”
   “จ้า ไม่มีใครกล้าแย่งหรอกแก” ตอนขากลับฉันไม่นั่งรถไฟฟ้า แต่เปลี่ยนเป็นนั่งรถเมล์กลับแทน รถเมล์ผ่านบ่อนไก่ที่ที่เราเคยอยู่ กลิ่นอายความทรงจำในอดีตก็เหมือนจะแวบผ่านเข้ามา ตอนนั้นเรายังไม่ประสีประสาอะไรเลย ตอนนี้กำลังจะแต่งงานแล้ว
   “หายไปไหนมาแก” พอไปทำงานก็ได้บินไฟลท์เดียวกับบีม ฉันรู้สึกดีใจมาก พอเจอหน้าก็ปรี่เข้าหา
   “แหมแก จะแต่งงานก็ไม่บอกนะ ไหนยะแหวน เห็นไอ้ตั้มบอกแหวนสวยมากๆ”
   “ก็วันนั้นจะบอกแก แต่แกเปลี่ยนกับตั้มเองนี่ แล้วไงแก หน้าตาเหมือนอดนอนมาอีกแล้วนะ ไปทำอะไรมายะ”
   “ก็ได้ผู้ชายอ่ะแก คนมันสวยอ่ะนะ ว่าแต่ ต๊าย แหวนสวยนะเนี่ย กี่กะรัต” บีมจับมือของฉันขึ้นดูแล้วทำตาโต
   “ไม่มากหรอกแก” “น่าอิจฉาเนอะ” แต่ระหว่างนั้นเราก็เตรียมของ ตรวจดูความเรียบร้อยก่อนที่จะปล่อยให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่อง
   “นี่ๆ พิมพ์ ถ้าไม่ใช่แกนี่ฉันไม่เล่านะยะ” บีมเดินเข้ามากระซิบบอกฉัน
   “อะไรแก” “ก็เรื่องผู้ชายที่ฉันไปซ่ำมาวันก่อนไง แซ่บเด็ดดวงมากแก หล่อมาก ทุกอย่างลงตัว แซ่บเวอร์ ซ่ำกับฉันสามสี่ครั้งแล้ว เขาบอกเขาติดใจ” ฉันหัวเราะไปกับคำพูดและท่าทางของบีม
   “จ้าแม่คนสวย แซ่บ ไปได้มายังไงล่ะยะ” “ก็ในเน็ตล่ะแก คนนี้ฉันสีนานแล้ว เขาเพิ่งมีเฟสไม่นานนี่เอง”
   “หือ หาได้ทางเฟสด้วยเหรอแก” “น้อยไปย่ะ ฉันหาทุกช่องทางล่ะ น้องคนก่อนชิดซ้ายไปเลยนะแก”
   “เทพบุตรขนาดนั้นเชียว ถึงชมไม่ขาดปาก” ฉันไมได้อยากรู้อยากเห็นเรื่องใต้สะดือของบีมสักเท่าไหร่นัก แต่ด้วยที่เขาเป็นคนคุยสนุก ทุกคำพูดมันทำให้ฉันมีรอยยิ้ม และฉันชอบน้ำเสียงและท่าทางของเขาเวลาเล่าเรื่อง
   “ไม่รู้จะบอกยังไง แซ่บอ่ะแก โอ้ย นี่ก็นัดกับเขาอีกนะ ฉันว่าจะแลกไฟลท์กับไอ้ตั้มอยู่ แต่มันไม่ยอม”
   “บ้าแก เสียการเสียงานนะเนี่ย”
   “เสียก็ยอมค่ะเธอ นานๆได้เจอไบหล่อๆที แถมยังติดใจฉันด้วย”
   “ไบ? แปลว่าเขาได้ทั้งชายและหญิงเหรอ” ฉันสงสัย ที่จริงก็พอรู้มาบ้างเกี่ยวกับเรื่องรสนิยมทางเพศแบบนี้
   “ใช่สิแก เขามีแฟนแล้วเป็นหญิง เขาหล่อมากเลยอ่ะ แฟนเขาท่าทางจะสวย ที่สำคัญแซ่บเวอร์ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันได้เป็นเมียน้อย กรี๊ดเบาๆ”
   “อ่านะ ช่วยยกอันนี้ก่อนสิแก” เราคุยกันไปทำงานไป
   “ฉันมีหลักฐานล่ะแก” บีมเอ่ยออกมาตอนที่อยู่ทางเข้าเครื่อง ที่เจ้าหน้าที่กำลังเชื่อมกับเครื่องของเรา
   “อี๋ ถ้าเป็นแบบโป๊ไม่ดูนะแก” “นี่หล่อน ฉันไม่ได้ให้ใครดูง่ายๆนะ ฉันแอบถ่ายตอนเขาหลับ เพราะเขาไม่ยอมให้ถ่าย แกดูสิว่าหล่ออย่างที่บอกไหม” บีมเปิดรูปในมือถือแล้วจ่อมาที่หน้าของฉัน
   “ฮึก” นั่นเป็นเสียงเดียวที่ออกจากปากฉัน เคยอยู่ดีๆแล้วเหมือนโดนไม้แข็งๆหนักๆตีที่หัวไหม มันเหมือนคนขาดอากาศ มันเหมือนหัวใจฉันกำลังจะหยุดเต้น ขนทั่วทั้งตัวลุก น้ำตาเอ่อนองออกมา อยากจะหลับตาลง ไม่อยากจะเห็น ไม่อยากให้มันเป็นเรื่องจริง ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ มันไม่จริงใช่ไหม ฉันไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว ร่างกายมันชาไปทันที
   “พิมพ์” เสียงใครต่อใครเรียกชื่อ ฉันชื่อพิมพ์เหรอ ไม่จริง ฉันไม่ได้ชื่อนี้ ฉันไม่รู้จักกับคนในรูป
   “มะ ไม่มีอะไร” “พิมพ์ แกเป็นอะไร พิมพ์” บีมเขย่าตัวของฉันจนร่างสั่นเทิ้ม แต่ฉันก็เม้มปากแน่น แน่นเสียจนมันชาไปหมด ฉันอยากออกไปจากตรงนี้ ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น
   “ปึ๊ก” พอเราเจ็บ รู้สึกว่าเจ็บมันก็เหมือนว่าสติมันจะไม่มี ฉันเดินชนประตูทางเชื่อมทางเดินจนเซ
   “แก อย่าบอกนะว่า พิมพ์ๆ ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้” ฉันก็ไม่รู้
“ขอดูอีกรอบได้ไหมบีม” ฉันเหมือนครางออกไปจากลำคอ น้ำเสียงที่แห้งผาก
“แก อย่าดูเลย” “เอามา” ฉันขึ้นเสียง แววตาของฉันมันคงทำให้บีมรู้สึกไม่ดี เพราะเขายื่นโทรศัพท์ในมือที่สั่นเทาของเขาให้ ฉันคว้ามันมาดู
“มีคลิปด้วยเหรอบีม” เหมือนโดนเอามีดทิ่มแทงกรีดลากลงกลางใจ บีมพยายามจะแย่งมือถือไปจากฉัน แต่ฉันกำมันไว้แน่น เปิดดูคลิปที่บีมถ่ายไว้ ชายคนนั้นเขานอนหลับสนิท บีมเปิดผ้าห่มที่คลุมร่างกายเขาออก ทุกสัดส่วนในร่างกายที่ฉันเคยคิดว่าฉันเป็นเพียงคนเดียวทีได้เห็นมัน มันไม่จริงเลย เขาเหมือนคนกึ่งหลับกึ่งตื่น เพราะเขายกแขนขึ้นกอดบีม เขากอดคนอื่น ไม่จริงหรอก นั่นมันไม่ใช่เขา ไม่ใช่เขา แต่ทำไมฉันถึงได้เหมือนคนที่กำลังจะขาดใจตายแบบนี้
“แก ฉันขอโทษพิมพ์ ฉันไม่รู้ ไม่รู้จริงๆ” บีมร้องไห้ออกมา ส่วนตัวฉันเองกัดปากตัวเองจนสั่น พอปากสั่น มือก็สั่น ตัวก็เลยสั่นตาม น้ำตามันทะลักออกมาจากสองเบ้าตา ความเจ็บปวดร้าวรานมันถาโถมเข้ามา จนฉันไม่มีสติปัญญาแม้แต่จะพยุงร่างให้ยืนให้ตรง ฉันเซแล้วล้มลง พอร่างถึงพื้นก็สะอื้นออกมาอย่างสุดที่จะทน ฉันไม่มีสติพอที่จะปฏิบัติงานต่อไปได้ ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ที่ห้องพักพนักงาน มีพี่ฝ่ายบุคคลบีบบ่าฉันอยู่ ส่วนตัวฉันเองไม่เคยเป็นแบบนี้ น้ำตาที่มันไหลออกมาพร้อมกับความเจ็บปวด ที่ดันออกมาจากใจ ความแปลบปลาบที่มันเกิดขึ้น มันเร็วเกินไป ไม่ใช่เขา มันไม่ใช่ ร่างกายฉันสั่นไหว
   “ไหวไหมพิมพ์” จะให้ตอบว่ายังไง ไหว แต่ดูสภาพฉันสิ ฉันเหมือนคนสิ้นไร้หัวใจ มีสมองแต่คิดอะไรไม่ได้ประมวลผลอะไรไม่ออก สิ่งที่ผ่านเข้ามามันรวดเร็วจนฉันคิดอะไรไม่ออก มันมากกว่าคำว่าเจ็บ มันไม่รู้จะบอกว่าฉันกำลังรู้สึกอะไรอยู่ ได้โปรดเถอะ ขอให้มันไม่ใช่เรื่องจริง ได้โปรดอย่าให้มันเป็นจริง ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าแต่ละวินาทีที่เดินไปนั้น ทำไมมันไม่เอาความเจ็บปวดที่หมักหมมอยู่ในใจฉันไปด้วยเลย ทำไมแต่ละวินาทีความเจ็บปวดนั้นมันเหมือนกลับจะยิ่งพอกพูน นี่เขาทำอะไรอยู่ นี่เขาทำอะไรลงไป ฉันผิดตรงไหนหรือ ฉันพลาดไปตรงไหนหรือ ใครก็ได้บอกฉันที ฉันควรจะทำยังไงดี
   “ไม่ไหวโทรหาพี่ได้ตลอดนะพิมพ์” ฉันเหมือนคนจิตหลุด พี่ที่ทำงานมาส่งฉันที่คอนโดของเขา ของเขา? คำว่าเรามันหายไปไหน ไม่ได้นะ ฉันต้องถามเขาก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จะถามไปทำไมในเมื่อภาพมันฟ้องอยู่เต็มตาแบบนั้น แล้วฉันควรจะทำยังไงดี
   “มีอะไรก็ค่อยๆพูด ค่อยๆคุย กันนะพิมพ์” นั่นสินะ เรายังไม่ได้ถามเขาเลย ว่าความเป็นมาเป็นยังไง ถ้าคนในรูปมันเป็นหน้าเมือนเขาล่ะ บ้าจริง ทำไมมาตีโพยตีพายไปเองได้เยอะขนาดนี้นะ บ้าไปแล้วเรา
   “พี่เร” เสียงมันสั่นเกินกว่าที่ฉันจะควบคุม ทั้งที่พยายามแล้ว ฉันเม้มปากแน่นจนรู้สึกเจ็บ
   “อ้าวพิมพ์ ไม่บินเหรอ เกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงของเขายังไม่มีความผิดปกติใดๆ เว้นแต่ฉันที่แทบจะระงับความรู้สึกเอาไว้ไม่อยู่ ทำไมไม่ถามเขาให้รู้เรื่องก่อน ทำไมคิดไปเอง
   “พี่เร กลับมาห้องตอนนี้ได้ไหม” “พิมพ์ เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น ร้องไห้ทำไม” ฉันพยายามแล้ว ฉันปล่อยให้โทรศัพท์มันหล่นลงจากมือ เสียงของเขายังคงร้องเรียกชื่อฉันก้องดังออกมา ฉันสะอื้นออกมาอีกครั้ง ยิ่งได้ยินเสียงยิ่งปวดหัวใจ ชายคนนี้คือคนที่ฉันรักหมดใจ เขาคือคนที่ฉันวาดฝันไว้ด้วยกัน เขาคือทุกสิ่งที่ฉันมี แต่ตอนนี้ ฉันไม่รู้ ไม่รู้จริงๆว่าทำไมมันเป็นแบบนี้
   “พิมพ์เกิดอะไรขึ้น” เขามาถึงแล้ว ฉันยังคงนั่งที่เดิม ของทุกอย่างในห้องยังอยู่ในสภาพเดิม แม้แต่โทรศัพท์ที่เขาโทรเข้ามาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่เหมือนเดิม คือ ใจของฉัน ใจที่มันห่อเหี่ยวร้าวรานเหลือเกิน ใจหนึ่งบอกให้รอฟังเขา แต่ใจหนึ่งก็บอกให้คิดอะไรต่อมิอะไรไปก่อนหน้า
   “พิมพ์ ร้องไห้ทำไม เกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงของเขาดูร้อนรน เขาเข้ามากอดฉัน แต่การสวมกอดครั้งนี้ฉันกลับรู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิม มันคงเริ่มที่ฉันเอง ฉันเองที่ขืนตัวไว้
   “พี่เรมีอะไรจะบอกพิมพ์ไหม” ฉันพยายามหยุดคร่ำครวญ เจ็บแทบตายแต่มันจะมีประโยชน์อะไร
   “อะไร หมายถึงอะไรพิมพ์ นี่เกิดอะไรขึ้น” ทำไมไม่ถามตัวเอง ฉันสูดลมหายใจที่มีแต่น้ำมูกเข้าปอด พยายามไม่ให้อะไรๆมันแย่ลงไปมากกว่านี้

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
   “พี่เร มีคนอื่นใช่ไหม” “พิมพ์ บ้าหรือไง พี่มีพิมพ์คนเดียว พี่ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับใคร ทำไมถามพี่แบบนี้ ใครบอกอะไรมา พิมพ์ หา” เขาโวยวายใส่ฉัน ฉันเม้มปากอีกครั้ง น้ำตามันเหมือนจะไม่ยอมหยุดไหลง่ายๆ
   “พี่ไม่เคยมองผู้หญิงคนอื่นนอกจากพิมพ์นะ พูดแบบนี้พี่เสียใจมากนะพิมพ์”
   “แล้วผู้ชายล่ะคะพี่เร พี่ไม่มองผู้หญิง แต่พี่มองผู้ชะ” ฉันต่อไม่ได้ สะอื้นออกมาก่อน มันเสียดใจเหลือเกิน ฉันตะโกนออกมา เอามือซุกหน้าตัวเอง
   “พะ พิมพ์ พิมพ์เอาอะไรมาพูด” เคยเห็นแต่ในละคร ที่เวลาโจรโดนจับได้ว่าทำผิด ทั้งที่บอกออกปาวๆว่าไม่ใช่เขา เขาไม่ได้ทำ สีหน้าเขาเหมือนกับในละครที่ฉันเคยดู มันซีดลงในทันที
   “พี่เร ทำแบบนี้ทำไม”
   “ไม่จริงนะพิมพ์ ใครมันใส่ร้ายพี่ อุบาศก์ ทุเรศที่สุด” เขาสบถออกมา
   “แล้วคนชื่อบีมล่ะคะพี่เร บอกพิมพ์มาเถอะ แค่นี้พิมพ์ก็รู้สึกเสียใจมากแล้ว อย่าโกหกพิมพ์เลย บีมเขาเป็นเพื่อนพิมพ์เอง” เขาอ้าปากค้าง
   “นะ ไหนเขาบอกว่า” “แสดงว่าจริง” ฉันจากที่เสียใจอยู่ เริ่มโกรธเขาขึ้นมา จ้องมองชายคนที่รักด้วยสายตาที่ฉันไม่เคยจ้องมองผู้ใด
   “พิมพ์” เขาได้แต่ครางออกมา
   “เพราะอะไรคะพี่เร เพราะพิมพ์ไม่แต่งตัวเหรอ หรือว่าเพราะพิมพ์ไม่ใช่ในสิ่งที่พี่ต้องการ แล้วพี่เข้ามาในชีวิตพิมพ์ทำไม ทำไม” ฉันเริ่มโวยวายอีกครั้งจิกตีเขา เหมือนเขาเป็นเสาหินไปแล้ว อ้าปากค้างปล่อยให้ฉันจิกตบอยู่จนสาแก่ใจ
   “พิมพ์ พิมพ์จะไปไหน พิมพ์” ฉันวิ่งออกจากห้องมา เขาร้องเรียกฉันแต่ไม่ตาม ฉันอยากจะหัวเราะให้กับตัวเอง ฉันพอจะเข้าใจนะว่าเขาเองก็คงคิดไม่ทัน เขาไม่รั้งฉันไว้เลย
   “แก มาหาฉันหน่อยได้ไหมวา” เพื่อนคือคำตอบที่ฉันคิดออกในตอนนี้ ฉันนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ในสวนลุมฯ ขึ้นแท็กซี่ได้ก็บอกเขา พอเขาบอกว่าถึงแล้วก็ลง
   “พิมพ์ แกเป็นอะไร” พอวารินทร์มาถึง เมื่อเห็นสภาพฉันก็โผเข้ากอด ฉันกอดเพื่อนรักไว้แน่นแล้วปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง ฉันเหมือนจะเสียสติไปแล้ว ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง หน้าตาก็เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ เพราะคงคิดว่าฉันเป็นอีบ้าคนหนึ่ง ฉันพยายามเล่าเรื่องให้วารินทร์ฟัง เท่าที่จะสามารถพูดออกมาเป็นคำได้
   “เลว ทำไมทำแบบนี้ เสียแรงที่ฉันอุตส่าห์เชียร์” วารินทร์สบถออกมา น้ำตาเอ่อนองกอดฉันไว้
   “กลับห้องฉันแก ฉันลางานมาแล้ว” แทนคำขอบใจเพื่อนรัก ฉันโผเข้ากอดวารินทร์อีกครั้ง สะอื้นจนตัวโยน นานแสนนานกว่าฉันจะสงบลงได้
   “ทำไมเหรอแก ฉันไม่สวยเหรอ เพราะฉันไม่ถึงใจเหรอ เขาอยากให้ฉันดูดให้เหรอ ทำไมไม่บอก ทำไม หรือเขาอยากให้ฉันทำอะไรให้ แก” “พิมพ์ หยุดๆ อย่าพูด ขอร้องล่ะ อย่าพูดแบบนี้” พอถึงห้องฉันก็บ้าขึ้นมาอีกครั้ง ยิ่งเริ่มมีสติมันก็จะวกคิดกลับมาเป็นเหมือนเดิม ยิ่งเริ่มมีลมหายใจคิดไปลมหายใจก็เหมือนจะขาดลงรอนๆ
   “ฉันรักเขามากนะแก ทำไม ทำไม” มียาอะไรที่กินแล้วลืมในทันทีไหม ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากจะลืมเริ่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ถ้าเป็นไปได้ขอลบความทรงจำในวันนี้ออกไปให้มันหมด ฉันไม่ได้รู้ได้เห็นอะไรมา เรา มันยังมีเราอยู่เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน มันไม่จริงใช่ไหม
   “แก อย่า” ฉันเอามือขึ้นตบหน้าตัวเองแรงๆ เพื่อย้ำเตือนสติว่านี่ฉันฝันไปใช่ไหม มันไม่ใช่เรื่องจริง
   “ฮือๆ วา ฉันเจ็บเหลือเกิน” “ฉันเข้าใจแก อย่าทำแบบนี้ อย่าทำแบบนี้ ได้โปรดเถอะแก” วารินทร์เองก็ร้องไห้หนักไม่ต่างไปจากฉันเลย ไม่รู้ว่าเนิ่นนานเท่าไหร่ พอรู้สึกตัวอีกทีก็เช้าแล้ว ฉันตื่นขึ้นมาก็ลืมตามองเพดานห้อง นี่มันไม่ใช่ห้องของเรานี่ เราอีกแล้ว พอเถอะ คำๆนี้มันไม่มีเหลืออยู่แล้ว
   “แก มีสติหน่อยสิ อย่าทำแบบนี้” วารินทร์เองเตือนฉันก่อนออกไปทำงาน ทั้งที่วารินทร์พยายามโทรไปลาเขาแล้ว แต่มันปัจจุบันทันด่วนเกินไป คนไม่มีให้ทำงานแทน ฉันไม่อยากทำแบบนี้
   “อืม ขอบใจนะแก” ฉันครางออกไป แล้วล้มตัวลงนอนที่เดิม ฉันหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย จนสะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อมีคนมาเคาะประตู ฉันลุกไปเปิด ไม่มีแรงเหลือแล้ว
   “พิมพ์ พี่ขอคุยด้วยหน่อยสิ” เขามาหาถึงที่นี่ ใช่สิ เพราะฉันมันไม่มีที่ไปนี่นะ ฉันปิดประตูใส่หน้าเขาทันที
   “คุยกันให้รู้เรื่องก่อนนะพิมพ์ พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่แค่อยากลอง พิมพ์พี่ผิดไปแล้ว พิมพ์ยกโทษให้พี่นะ” เสียงเขาตะโกนผ่านประตูเข้ามา ยิ่งได้ยินยิ่งปวดใจ ยิ่งได้ยินยิ่งสะท้านไปทั้งหัวใจ
   “พี่ไม่ได้เป็นแบบนั้นนะพิมพ์ พี่แค่อยากรู้ จริงๆนะพิมพ์ พี่รักพิมพ์มากนะ” เหมือนเขาร้องไห้ออกมา อยากลอง? ลองอะไรหรือ ลองรสนิยมทางเพศแบบใหม่น่ะเหรอ
   “พี่เร กลับไปก่อนได้ไหม พิมพ์อยากอยู่คนเดียว” ฉันตะโกนตอบออกไป เพราะดูท่าเขาจะไม่ยอมง่ายๆ
   “ไม่เอาพิมพ์ พี่ขอร้องล่ะ เรารักกันมากนะพิมพ์ อย่าให้เรื่องแค่นี่มันมาทำลายความรักของเราได้ไหม” ฉันเม้มปากแน่น เรื่องแค่นี้เหรอ?
   “แล้วพี่ต้องการอะไร” ฉันเปิดประตูออกไป จ้องหน้าของเขาเขม็ง เขาผงะไปแต่พอมีสติเขาก็จะโผเข้ามากอดฉัน แต่ฉันจ้องเขาให้หยุดอยู่แค่นั้น
   “พี่ต้องการพิมพ์คืน พี่ขอโทษ”
   “พี่เร ตอนนี้พิมพ์ก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถามว่าพิมพ์เสียใจไหม พี่ก็เห็น แล้วพี่ทำทำไม ทำไมเหรอพี่ พิมพ์ทำอะไรผิดไปเหรอ มีอะไรที่ผิดพลาดไปเหรอ พี่ถึงไปทำแบบนั้น”
   “พี่แค่อยากลองพิมพ์ พี่ขอโทษ”
   “กรี๊ดดด อยากลองเอาตูดเนี่ยเหรอ แล้วพี่คิดถึงพิมพ์บ้างไหม พิมพ์เป็นผู้หญิงนะ พี่คิดถึงพิมพ์ไหม พี่ชอบแบบนี้ พี่เข้ามายุ่งกับพิมพ์ทำไม ถ้าชอบผู้ชาย พี่มาจีบพิมพ์ทำไม ทำไม กรี๊ดด” ฉันเองก็สติหลุดไม่เหลือแล้ว ความในใจที่มันสะสมมานานระเบิดออก ฉันกรีดร้องใส่หน้าเขา เขาเองก็พยายามเข้าหาแต่ฉันไม่ให้แตะตัว
   “ทำไมล่ะพิมพ์ พี่แค่อยากลอง พี่เป็นไบ ใครๆเขาก็เป็นกันทั้งนั้น พี่ผิดตรงไหน” สิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากเขา เขาก็เอ่ยมันออกมา ฉันเม้มปากแน่น
   “แต่พี่รักพิมพ์คนเดียวนะ พี่ขาดพิมพ์ไม่ได้ พิมพ์ยกโทษให้พี่ไมได้เหรอ”
   “ไบ พิมพ์ไม่รู้ว่าพี่เป็นอะไรกันแน่ แต่รู้ว่าสิ่งที่พี่เป็นมันเห็นแก่ตัว พี่คิดถึงพิมพ์บ้างไหม คิดถึงหัวใจพิมพ์บ้างไหม จะเอาอะไร จะชอบอะไรก็เอาสักอย่าง อย่าเห็นแก่ตัว พิมพ์รักพี่คนเดียว พิมพ์ไม่เคยมองใคร ไม่ว่าใคร แล้วทำไม ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้ พี่เร” เราจ้องหน้ากันอยู่นาน เขาเองก็ร้องไห้ ฉันเองก็สะอื้น อยากโผเข้าไปกอดเขาเหลือเกิน แต่ฉันก็ทำใจไม่ได้ ทำไมฉันถึงต้องทำให้มันเป็นแบบนี้ ทำไมเขาถึงต้องทำให้มันแย่ลงแบบนี้ ด้วยคำว่า รสนิยมทางเพศ ที่เขาปันมันไปให้กับคนอื่น ที่เป็นเพศเดียวกับเขา ฉันทำใจไม่ได้ ฉันรับไม่ได้ในตอนนี้
   “พิมพ์ทำผิดอะไรเหรอพี่เร พี่อยากให้พิมพ์ทำอะไรให้ ทำไมไม่บอกพิมพ์”
   “พิมพ์ พี่ขอโทษ พี่จะไม่ทำอีกแล้ว พี่บอกแล้ว พี่แค่อยากลอง”
   “แล้วลองไปกี่ครั้งแล้วคะพี่เร ชอบมันไหม ทำไมเพื่อนพิมพ์เขาบอกว่าพี่ชอบมัน ฮือๆ ถ้าพี่ชอบแบบนั้นมากกว่า จะรั้งพิมพ์ไว้ทำไม พี่จะทำแบบนี้กับพิมพ์ทำไม พิมพ์ก็มีหัวใจนะพี่เร” ฉันสะอื้นหนัก ยิ่งพูดออกมายิ่งทิ่มแทงใจ ยิ่งพยายามรื้อฟื้นยิ่งเสียดเข้าไปถึงจิตวิญญาณ
   “พี่ขอแก้ตัวได้ไหม ให้โอกาสพี่ได้ไหม นะพิมพ์ พี่รักพิมพ์มากนะ รู้ไหม”
   “แล้วพี่เรรู้ไหมล่ะคะว่าพิมพ์ก็รักพี่เรมาก รักมากเหลือเกิน พี่เรคือคนที่พิมพ์วาดหวังว่าจะใช้ชีวิตร่วมด้วย ไปจนวันตาย พี่จะเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวในชีวิตของพิมพ์” ฉันสะอึกน้ำตา พูดต่อไปไม่ไหว
   “พี่ขอโทษพิมพ์ พี่ผิดไปแล้วจริงๆ ยกโทษให้พี่นะ พี่ขอร้องล่ะ”
   “พี่ก็อยากให้ชีวิตกับพิมพ์คนเดียว ครอบครัวของเรา เราไงพิมพ์ จำได้ไหมที่เราเคยสัญญากันไว้” ถ้าฉันจะขอร้องบ้าง เธอจะรับฟังไหม ที่พูดมาทั้งหมดฉันพยายามทำตามคำพูดทุกอย่าง แล้วฉันผิดตรงไหนเหรอ ฉันทำอะไรผิด
   “พิมพ์ขอเวลาสักพักได้ไหมพี่เร พิมพ์อยากคิดอะไรคนเดียว”
   “พิมพ์ แล้วพิมพ์จะให้พี่ทำยังไง พิมพ์ถึงจะยอมยกโทษให้พี่ ไม่เอานะพิมพ์ พี่ไม่เลิกนะ อย่าเลิกกับพี่นะ”
   “กลับไปก่อนเถอะค่ะพี่เร ถือว่าพิมพ์ขอร้อง” ฉันปิดประตูใส่หน้าเขาทันที แล้วครูดตัวลงกับประตูนั่งสะอื้นเป็นอีบ้าอยู่ในห้องคนเดียว ข้าวปลาก็ไม่ต้องกิน กินน้ำตาต่างข้าวไปแทน เจ็บปวดเกินจะบรรยาย ร้าวในใจเหมือนยิ่งสูดลมหายใจเอาเศษเหล็กเศษแก้วเข้าไปด้วย คำถามว่าทำไมๆๆๆ เพราะอะไร มันวนเวียนอยู่ในหัวจนแทบจะระเบิดออกมา
   “แก” พอวารินทร์กลับมาก็รีบปรี่เข้าหา เพราะสภาพของฉันมันคงเหมือนคนใกล้หมดลมเสียเต็มทน ฉันเคยวิจารณ์คนที่อกหักรักคุดในทางไม่ดี ตอนนั้นฉันไม่เคยเชื่อเลยว่ามันจะทรงอิทธิพลได้มากมายเท่านี้ ถ้าหากเราครองสติอยู่ แต่ไหนล่ะสติ พยายามเท่าไหร่ในหัวก็มีแต่ชื่อเขา หน้าเขา เรื่องราวต่างๆที่เราเคยทำร่วมกันมา มันจะจบแล้วเหรอ เพียงแค่เหตุการณ์นั้นน่ะเหรอ ฉันใจแคบไปไหม ฉันควรให้โอกาสเขาไหม ฉันไม่รู้ ตอนนี้ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น
   “แกไหวไหมพิมพ์ เข้มแข็งหน่อยนะแก ฉันเห็นแกแบบนี้ฉันเองก็ไม่รู้จะทำยังไง โว้ย อะไรวะเนี่ย” วารินทร์เองก็คงหงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อย เพราะพิมพ์ลภัสที่เพื่อนๆรู้จักคงไม่ใช่แบบนี้
   “ฉันควรทำยังไงดีแก ฉันควรจะทำยังไง ฉันอายคนเขา” เสียงครางออกมามันแหบพร่า
   “แกคิดให้ดีนะพิมพ์ ไม่ว่าจะยังไง จะตัดสินใจยังไง แกไม่ผิดหรอก จะให้โอกาสเขาหรือไม่ให้ มันก็แล้วแต่แก แต่แกคิดดูให้ดีนะ นี่มันชีวิตทั้งชีวิตเลยนะแก คนมันเคยแล้ว แกคิดว่าเขาจะหันกลับไปลองอีกไหม ฉันไม่ได้ตั้งแง่กับเขานะ แต่ฉันไม่อยากได้ยินว่าแกสองคนต้องเลิกกัน เพราะเรื่องนี้อีก เพราะต่อไปข้างหน้า ถ้าแกมีลูกล่ะแก แกจะทำใจได้ไหม” วารินทร์เตือนฉันให้ได้คิดอีกครั้ง นั่นสินะ ถ้าต่อไปในภายภาคหน้า ถ้าหากว่าฉันมีลูกกับเขา ถ้าหากว่าเขาทำอีกล่ะ ฉันจะทำยังไง ตอนนั้นก็คงทำใจยอมรับได้ เพราะด้วยคำว่าลูก แต่ตอนนี้ ฉันแค่เสียตัวกับเสียใจ เขาคือคนที่ดีที่สุดในชีวิตของฉัน เขาเป็นคนที่ฉันใฝ่หามาทั้งชีวิต แต่ฉันคงลืมไปบางอย่าง ก็นี่มันชีวิตของฉัน เขาเป็นทุกอย่างของชีวิตก็จริง แต่เจ้าชีวิตมันคือฉัน ฉันเองต้องพา ต้องลากชีวิตนี้ให้มันเป็นไปในอย่างที่มันควรจะเป็น ตอนนี้ทางเดินในชีวิตมันขีดแบ่งออกเป็นสองทาง ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องราวแบบนี้มันจะมาเกิดขึ้นกับฉัน เส้นทางแยกที่ฉันกำลังยืนขาสั่นเลือกทางที่จะไปอยู่ ทางหนึ่งฉันพอจะเห็นว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ วัวเคยค้า ม้าเคยขี่ คนมันเคยๆอยู่นี่นะ ไม่ว่าจะยังไงฉันก็เป็นผู้หญิง ให้ฉันไปทำอย่างที่ผู้ชายที่เป็นเกย์เขาทำ ฉันก็คงทำไม่ได้ ถ้าเขาไม่พอใจ หรือยังไม่ประทับใจกับเรื่องนั้น ถ้าอย่างนั้น ฉันคงมีค่าคู่ควรกับคนที่เขาพอใจเพียงเท่านี้ ฉันคงต้องเลือกทางเดินของตัวเองแล้ว
   “พิมพ์ แน่ใจเหรอ ลาพักร้อนก่อนดีไหม นะพี่ขอร้องล่ะ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ” หลังจากที่ร้องไห้ฟูมฟายไม่ไปทำงานมาสามวัน ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ที่ออฟฟิศของสายการบิน ในห้องฝ่ายบุคคล
   “ขอโทษนะคะพี่ออม พิมพ์ อายคนเขาค่ะ” ฉันตอบออกไปเสียงเบา ก้มหน้าลงไม่กล้าสบตา
   “พี่ไม่เซ็นให้นะพิมพ์ ทุกคนเขาเข้าใจพิมพ์ทั้งนั้น พี่ให้เราลาพักร้อนเดือนนึง หยุดไปเลยพิมพ์ เดี๋ยวพี่บอกนายให้ อย่าคิดมาก มันต้องมีทางออก พี่เสียดายคนอย่างพิมพ์ ขนาดพี่เป็นผู้หญิง พี่ยังรู้สึกเสียดาย ผู้ชายพรรค์นั้นน่ะพิมพ์ ให้เขาเวียนว่ายอยู่ในสิ่งที่เขาชอบเถอะ สวยอย่างพิมพ์ นิสัยดีอย่างพิมพ์หาไม่ได้ง่ายๆนะ” ฉันไม่ยินดีกับคำชมนี้ ถ้าสวยจริง นิสัยดีจริง ฉันจะมานั่งก้มหน้าอยู่แบบนี้ไหม เขายังจะอยากลองกับของแปลกอยู่ไหม ถ้าของฉันดีจริง ฉันเม้มปากแน่น ไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา ฉันรู้สึกเบื่อกับน้ำตา เอียนกับหัวใจตัวเองที่พอได้ยินได้ฟังอะไรมาหน่อยก็เสียดก็ปวดขึ้นมา
   “พิมพ์ แก” พอเดินออกมาจากห้องฝ่ายบุคคล บีมก็มายืนดักรอที่หน้าห้อง สีหน้าของเขาดูซีดเซียวเช่นกัน ฉันตกใจอยู่ไม่น้อย เข้าหน้าไม่ติด ฉันอาย
   “ฉันขอโทษนะแก ฉันไม่รู้จริงๆว่าเขา เอ่อ” บีมร้องไห้ออกมา ปรี่เข้ามาบีบมือฉัน ฉันเองถอยออกมาก้าวหนึ่ง ไม่ไว้ใจอีกต่อไปแล้ว
   “บีมไม่ผิดหรอก เพราะบีมก็เป็นแบบนี้ของบีมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เขาเองก็ไม่ผิด เพราะมันเป็นรสนิยมทางเพศของเขา ถ้าจะผิด มันผิดที่พิมพ์เองล่ะ ที่เกิดมาเป็นผู้หญิง ทางเลือกของพิมพ์มันก็เลยไม่เยอะ ถ้าหากพิมพ์เป็นผู้ชาย พิมพ์อาจจะเป็นไบเหมือนเขาก็ได้ ทางเลือกเยอะดี หญิงก็ได้ ชายก็ดี” ฉันพูดออกไปน้ำเสียงเรียบ มองหน้าบีมเหมือนว่าเขาเป็นผนังกั้นห้อง ไม่ได้โกรธเกลียดเขา แค่ไม่ไว้ใจอีกต่อไป
   “พิมพ์ ฉันขอโทษๆ แกอย่าทำแบบนี้เลยนะ ได้โปรดล่ะ อย่าให้ชีวิตครอบครัวแกมาพังเพราะฉันเลยนะ”
   “บีม พอได้แล้ว ไม่พอใจอีกเหรอ นี่พิมพ์เขามาลาออกนะ” เสียงพี่ออมดังก้องออกมา ฉันเดินหนีไปทันที ไม่อยากอยู่ฟัง ไม่มีกะใจจะมายืนให้ใคร เอ่ยคำว่าเห็นใจ สงสาร ฉันสมเพชตัวเองเหลือเกิน
   “พิมพ์” เสียงกรีดร้องของบีมดังลั่น แต่ฉันเองก็รีบออกมาไม่ได้หันกลับไปมอง เขาไม่ผิดหรอกนะ ก็อย่างที่ฉันพูด ไม่มีใครผิดหรอก ประเด็นมันอยู่ที่ใครจะทำใจยอมรับได้ไหมก็เท่านั้นเอง ซึ่งตัวปัญหาหลักก็คือฉัน ซึ่งกำลังทำใจยอมรับมันให้ได้อยู่ในตอนนี้ ฉันลากร่างที่ไร้วิญญาณออกจากออฟฟิศ ในใจคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยมากมาย เมื่อคิดก็อดไม่ได้ที่จะมีน้ำตา แม้แต่เดินถนน นี่ฉันเป็นบ้าไปแล้วหรือ
   “พัทยา สัตหีบ ไปไหนน้อง” เสียงคนรถตู้ร้องเรียก ฉันเดินเหม่ออยู่ริมถนนสุขุมวิท ไม่รับรู้ ไม่สนใจ แต่ฉันก็รู้สึกตัวอีกทีเมื่อตอนถึงสัตหีบ ฉันลงรถมาแล้วยืนหัวเราะให้กับความไร้สติของตัวเอง
   “ไปไหนครับน้อง” นี่ถ้าเขาเป็นคนไม่ดี เขามารถลวงฉันไปไหนต่อไหนได้สบายเลยนะ แต่คนที่ถามคือลุงแก่ๆคนหนึ่ง ฉันไม่ได้ไว้ใจเขาหรอก แต่ฉันก็ไม่มีใครให้ไว้ใจแล้วในตอนนี้ แม้แต่ตัวฉันเอง ที่ความคิดมันแตกแขนงจนแยกแยะไม่ออกว่า ควรเดินหรือทำตามความคิดไหนดี
   “ไปทะเลค่ะลุง พาไป ทะเลหน่อยได้ไหม” ลุงมองหน้าฉันแล้วทำหน้าแปลกๆ เหมือนคนตกใจอะไรสักอย่าง นี่ฉันร้องไห้ออกมาอีกแล้วเหรอ
   “หนู อย่าคิดสั้นนะ” พอลุงส่งฉันที่หาดที่มีแต่โขดหิน มีประภาคารตรงสุดทางหินนั้นด้วย ลุงก็บอกด้วยความห่วงใย ฉันหัวเราะให้กับตัวเอง นี่ฉันดูเหมือนคนคิดสั้นมากขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันเดินไปเรื่อยๆ พอหันกลับก็เห็นลุงยืนอยู่ ฉันเลยวิ่งกลับมาหาลุง
   “ลุงคะ ที่นี่มีร้านเบียร์ไหม ลุงพาหนูไปซื้อได้ไหมคะ”
   “เอ่อ จะดีเหรอหนู บ่ายออกขนาดนี้นะ” “นะคะลุง หนูขอร้อ ฮึก” ฉันพูดไม่จบแต่ก็สะอึกน้ำตาออกมา ทำไม คำว่าขอร้องมันออกมาเยอะจริงๆ ฉันไม่อยากให้ใครมาสงสารฉัน พอได้ไหม พอแล้ว
   “ได้ๆ ไม่ต้องร้องไห้หรอกหนู ลุงพาไป” ฉันขึ้นนั่งบนรถสามล้อ ร้องไห้ออกมา ทุเรศตัวเองเหลือเกิน ลุงพาฉันกลับมาที่เดิมพร้อมกับเบียร์หกขวด ฉันไม่เคยกินมันมาก่อนเลยในชีวิต เคยกินแต่ไวน์แดงราคาถูกในร้านสะดวกซื้อเมื่อตอนงานวันเกิดของอร
   “ขอบคุณมากนะคะลุง” ฉันให้เงินค่าเหนื่อยกับลุงไปพร้อมทั้งยกมือไหว้แก ฉันนั่งลงกับโขดหิน เสียงคลื่นทะเลซัดเข้ากับฝั่งดังอย่างสม่ำเสมอ ฉันยกขวดเบียร์ขึ้นกระดกลงคอ รสชาติมันแย่มากแต่ฉันก็ดื่ม น้ำตาที่หลั่งไหลออกมามากมายเหลือเกิน เพราะตอนนี้กำลังตัดสินใจ สิ่งที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา ๕ ปี มีอะไรที่น่าจะตำหนิไหม ไม่มีเลย เขาเป็นคนสม่ำเสมอ เขาทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่ปิดกั้นตัวเองจากใครๆ ได้รู้จักคำว่ารัก เขาเติมเต็มจนหัวใจมันพองโต แล้วก็มีคำว่า “เรา” นับจากนั้น ก็มีแต่เรา มีอนาคตร่วมกัน เราสร้างทุกสิ่งเพื่อเรา บ้าน รถ อนาคตของลูกๆ ครอบครัวของเรา ให้ตายเถอะ ฉันจุกจนคิดอะไรต่อไม่ได้ ก้มหน้าลงสะอื้น แล้วนี่มันความผิดหนักหนาสาหัสอะไร ทำไมฉันถึงจะต้องเลือกทางเดิน ทำไมฉันจะต้องลำบากใจถึงขนาดนี้ แค่เขามีรสนิยมทางเพศแบบนั้น แค่เหรอ พูดแบบนั้นได้ยังไง นั่นมันจะเป็นชีวิตทั้งชีวิตของฉันเลยนะ ถ้าหากเขาชอบแบบนั้น แล้วฉันมันจะมีค่าอะไร ต่อให้ฉันสวยแค่ไหน ดีแค่ไหน แต่มันก็ไม่ใช่ในสิ่งที่เขาชอบ ถึงเขาจะบอกว่าเขาได้ทั้งสองอย่าง ทำไม ทำไม ทำไมเขามีทางเลือก อยู่กับฉันไม่พอใจก็ไปหาเขาคนอื่นเหรอ แล้วฉันล่ะ ฉันมีหน้าที่ต้องนั่งรอเขาเหรอ แล้วถ้ามีลูกล่ะ ฉันจะบอกลูกว่ายังไง จะบอกลูกว่าพ่อมีเมียน้อยนะลูก เมียน้อยที่เป็นผู้ชายน่ะเหรอ แต่ไม่ว่ายังไง ฉันขอตัดสินใจ ให้อภัยเขา ฉันไม่ยอมให้เราต้องจบลงกับสิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้
   “พี่เร พิมพ์ตัดสินใจได้แล้ว” ฉันรีบกลับไปที่ห้องทันทีเมื่อคิดได้
   “พิมพ์” เขาปรี่เข้ามากอดฉันไว้
   “พิมพ์ยกโทษให้พี่เรทุกอย่าง ที่ผ่านมาพี่เรมีค่ากับพิมพ์มาก”
   “พิมพ์ พี่รักพิมพ์นะ พี่ดีใจที่สุดเลย พี่จะไม่ทำแบบนั้นอีก”
   “ทำได้ค่ะ พิมพ์ไม่ว่า เพราะพิมพ์ยกโทษให้แล้ว พิมพ์เข้าใจพี่เรนะคะ รสนิยมความชอบ มันเปลี่ยนกันไม่ใช่ง่ายๆ พิมพ์เข้าใจค่ะ พี่เรอย่าฝืนเลย”
   “ไม่ใช่อย่างนั้นนะพิมพ์ พี่เป็นไบ พี่ชอบผู้หญิงมากกว่า พี่อยากมีครอบครัวกับพิมพ์นะ พี่จะไม่ทำอย่างนั้นอีก พี่สัญญา” “ไม่เป็นไรค่ะ พิมพ์ไม่ว่า พิมพ์รับได้จริงๆนะคะพี่เร เพราะต่อจากนี้ พิมพ์กับพี่เรจะไม่ใช่แฟนกันอีกต่อไป พิมพ์รับได้ในฐานะน้องสาวค่ะ ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆที่พี่เรมีให้พิมพ์มาเสมอ ขอบคุณมากนะคะที่ทำให้พิมพ์รู้จักคำว่ารัก และอนาคต วันนี้พิมพ์มาเก็บของค่ะ เรายังเป็นพี่น้องกันอยู่นะคะพี่เร”
   “พิมพ์ ไม่นะ” เขาร้องออกมาหน้าซีด ฉันควรจะทำยังไงล่ะ นอกจากปัดเขาออกจากตัวไปแล้วรีบเก็บของ ฉันคิดว่าฉันสวย ฉันมั่นใจใครๆก็บอก ก็ให้มันรู้ไปสิ ว่าคนอย่างฉันมันจะไม่มีผู้ชายแท้ๆมาเอา


                                          จบครับ

ปล. ผมไม่ถนัดเขียนเรื่องสั้น แต่ก็อยากลองเขียนดู ยังไงก็ติชมกันได้เลยนะครับ

ขอบคุณมากครับ

ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook

lunar

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วอึ้งๆๆๆ แล้วปาดน้ำตาป้อยๆ
สงสารพิมพ์และขอชื่มชมที่เข้มแข็ง ไม่ใจอ่อนไปกับเร

อย่าไปเชื่อเรเลย ฟังขึ้นแย่เลยว่าอยากลอง อยากรู้
ของแบบนี้ลองได้ลองแล้ว มีหรือจะไม่ติดใจและก็ติดใจจริงๆ
มีการนัดกันรอบต่อไปเสียด้วย นี่ถ้าความไม่แตกซะก่อน
เรกับบีมคงซ่ำกันฉ่ำอุรา

เมื่อคู่ควรไม่รู้ค่าก็ อยู่คนเดียวแบบมีคุณค่าต่อไป
เริ่ดๆ เชิดๆ  อย่าได้แคร์

 :pig4:





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-10-2012 19:43:01 โดย lunar »

ออฟไลน์ Deeli

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อยากให้ตอนพิเศษ อ่าา  :เฮ้อ:

kanda53

  • บุคคลทั่วไป
ยอมรับว่าอ่านแล้วอึดอัดกับความเป็นพิมพ์...เธอดีเกินไปจริง ๆ
ส่วนเร...เหมือนจะดีแต่สุดท้ายเขาก็ไม่เหมาะที่จะเป็นพ่อคน...
บีม...รักสนุกเป็นบุคคลที่สามก็ยอม....เสียเพื่อนก็สมควรแล้ว...
ต่างคนต่างแยกย้ายไปหา..คุณค่าที่คุณคู่ควรให้เหมาะกับตนเองก็ดีแล้ว.. :เฮ้อ:

 :L2: น้องอิ๊ก  :pig4:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
เรียกว่าเป็นแนวนอกกระแส สำหรับบอร์ดนี้เลย
เรื่องนี้สะกิดใจดี มุมมองจากอีกฝั่ง
ใจเค้าใจเรา ทำอะไรแล้วแต่ อย่าให้คนอื่นเป็นทุกข์

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
 :a5: อึ้ง แต่สะท้อนสังคมได้ดีมากครับ

คนที่เรียกตัวเองว่า "ไบ" ในความรู้สึกผมเป็นคนเห็นแก่ตัวนะ ใช้คำว่าไบเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง เพื่อตัวเองล้วนๆโดยไม่ได้คำนึงถึงว่าจะมีใครที่เจ็บปวดเพราะการกระทำของตัวเองบ้าง  :angry2:

แล้วอีกอย่างไอ้พวกแบบนี้น่ะ ให้ตายมันก็เลิกไม่ได้หรอก เคยถามพี่คนนึงที่เขาเป็นไบรับว่าแต่งงานแล้ว พี่ยังจะมีอะไรกับผู้ชายอีกไหม คำตอบของพี่เขาก็คือ ก็เหมือนเดิม แต่งกับผู้หญิงเพื่อหน้าที่การงาน รักไหมก็รักนิดหน่อย ฟังแล้วทุเรศปนความสมเพช  :เฮ้อ:

พิมพ์ยังดีที่ ว่าที่สามี ไปเป็นสามีคนอื่น ดีกว่าบ้างคนที่สามีฉันเป็นเมียเขา อันนั้นอนาถกว่าอีก  :เฮ้อ:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ N.T.❁

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
อึ้งไปเลยค่ะ  o22

แต่ชอบมากจริงๆ มันสะท้อนอะไรหลายๆอย่างดีค่ะ
เม้นไม่ออกเลยอะ

 o13

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน ขอบอกว่าเธอเก่งมากเลยพิมพ์ เอาชนะใจตัวเองได้ ก็ไม่ต้องเจ็บแบบเดิมซ้ำๆอีก :monkeysad:
ก็แค่เจ็บแต่ไม่ถึงตาย รักตัวเองมากๆนะ ขอให้เจอผู้ชายดีๆ  :กอด1:
เรื่องแบบนี้มันคงมีอยู่จริง ลองนึกเล่นๆดูถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับตัวเอง มันจะเป็นยังไงเนี่ย :serius2:
แต่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะไม่สวยอย่างพิมพ์ :laugh:
ขอบคุณค่ะพี่อิกกี้ :man1:

ออฟไลน์ irksome

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
อ่านเเล้วอิน สงสารพิมพ์  :sad4:
ดีแล้วที่ตัดใจได้เฉียบขาดมาก
เป็นแนวแปลก ไม่เคยอ่าน แต่ก็ชอบนะ  o13

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เจ็บนะแต่ก็ต้องจาก
ความเชื่อใจเมื่อถูกทำลาย ไม่มีทางจะกลับมาเหมือนเดิม
อยากบอกพี่เร ความลับไม่มีในโลก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-10-2012 22:16:50 โดย malula »

ออฟไลน์ badcow

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-10
พี่เรเข้าใจอะไรผิดไปเปล่าวะ
มีรสนิยมเป็นไบไม่ใช่มีสิทธิ์นอกใจนอกกายไปนอนกับชายทีหญิงทีนะโว้ย
.
ความผิดสำคัญคือไม่ใช่การเป็นไบ
แต่มันผิดที่ไปนอกใจไปนอนกับคนอื่น !!

ออฟไลน์ nco1236

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3
ไบ ไม่ได้เห็นแก่ตัวทุกคนนะครับ ระหว่างที่ผมแต่งงาน ผมก็ไม่เคยนอกใจภรรยาเลย จนเลิกกันไปแล้วผมถึงมาซ่ำผู้ชายนะครับ


ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
เจ็บแต่จบดีกว่าเสียน้ำตา
เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งจริงๆๆ o13

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
บอกตามตรงนะ ผมไม่ชอบพวกไบเท่าไหร่ แต่ผมก็เจอแต่แบบนะ มีแต่แบบนี้ แล้วก็ต้องเสียใจเรื่อยไจ :เฮ้อ:


ขอบคุณมากสำหรับเรื่ิงราวจากอีกฝั่งครับ :L2:

biwtiz

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วน้ำตาไหลเลยซึ้งคะซึ้ง


ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Loneliness

  • บุคคลทั่วไป
คนเราควรรักเดียวใจเดียวนะครับ มีที่ละคน คบที่ละคน จึงสามารถเรียกว่า..ความรัก

ออฟไลน์ ♥Täsinä→l3€LL♥

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
สุดจะบรรยาย

ออฟไลน์ snack

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 951
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
อึ้งเลยคิดว่าถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้จริงๆเราจะผ่านมันไปได้อย่าง


ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
ดราม่ามากมาย
เคยดูหนังเกาหลี เขาบอกว่า
ถ้าให้รองเท้าใคร คนนั้นจะจากเราไป

พิมเข้มแข็งมาก ตัดใจ เจ็บ จบ
ดีแล้ว ถ้าใครสามารถนอกใจเราได้ แสดงว่าเขายังรักเราไม่มากพอ
และต่อไปก็จะนอกใจเราอีก

เป็นเรื่องที่ดีค่ะ ขอบคุณ :pig4:
บวกๆ^^

ออฟไลน์ kamikame

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
เลิศค่าาาา
เข้มแข็งมากกกคุณพิม
เป็นเรื่องที่ดีมากเลย สอนอะไรเยอะเลย
ขอบคุณนะฮ๊าฟฟฟฟ

ออฟไลน์ smilymoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 ชอบมากค่ะสำหรับมุมมองอีกด้านหนึ่ง  ผู้หญิงไม่ใช่แค่ตัวละครร้ายๆ ของนิยาย boylove แต่ในความจริงจะมีผู้หญิงแบบพิมพ์ซักกี่คน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด