เรื่องที่11
เจ้านายครับ... มึงเป็นผัวกูนะ!! 2
“สวัสดีครับมิสเตอร์ชาง ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้ต้องรอ...”
“อ่า... ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร... ผมเองก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน เชิญนั่งก่อนสิครับ”มิสเตอรชางเชื้อเชิญให้ผมนั่งลงทางฝั่งตรงข้าม ผมค่อมหัวลงขอบคุณเล็กน้อยแล้วนั่งลงโดยมีเลขาค่อยยืนอยู่ด้านหลัง การเจรจาธุรกิจเป็นไปได้อย่างราบรื่น... จนเวลาผ่านไปพักใหญ่
“อ่า... ผมมีธุระตอนกลางวันต่อ คงต้องขอตัวแล้วล่ะครับ”ผมวางผ้าเช็ดปากไว้ข้างตัว ก่อนจะมิสเตอร์ชางจะหัวเราะเบาๆ
“เอาเลยๆ แค่คุณให้เกียรติมาทานข้าวกับผมแค่นี้ก็ดีแล้วล่ะ”ผมยิ้มรับน้อยๆก่อนจะเรียกเช็คบิล พอเสร็จการล่ำลาเรียบร้อย ผมกับเลขาก็ได้เวลากลับไปเตรียมตัวต้อนรับแขกอีกคนในช่วงกลางวัน ... จะถามผมว่าทำแบบนี้แล้วพรตไม่สงสัยผมเหรอ... ผมแถเก่งครับ แถได้เรื่อย มันจับไม่ได้สักที
“คุณนัทพงศ์มาแล้วครับ”ผมพยักหน้ารับก่อนที่เลขาจะเปิดประตูอ้าออกกว้างต้อนรับคนมาเยือน...
“เฮ้ย!!! / มึง!!”ผมสะดุ้งพรวดถอยหลังสามก้าวเลยครับ จนเลขาที่ยืนอยู่ริมประตูถึงกับมองผมด้วยความงง ทั้งผมทั้งคนมาใหม่ต่างหลบหันหลังด้วยกันทั้งคู่... รู้รึเปล่าครับว่าใคร... มัน... ไอ้บ้าครับ!!! ไอ้บ้าที่หายหัวไปสามเดือนที่แล้วหลังจากกลับมาพักบางครั้ง คราวนี้มาพร้อมชุดสูทจัดเต็มเลยครับ...
“อ่า... เอ่อ... เชิญครับคุณนัทพงศ์”ผมยังขอภาวนาให้เป็นแค่คนหน้าเหมือนนะ... แล้วผมก็ทำใจกล้าเชิญให้คนที่ยืนอยู่หน้าประตูเข้ามานั่ง
“อ่า... ขอบ... ขอบคุณครับ”ทางนั้นก็กระตุกไม่ต่างกัน ทำเอาผมใจแป้ว ตกลงมันไม่ใช่คนบ้า... ซวยโคตรๆ ผมกุมขมับทันทีเลย โลกกลมพรมหม(ไม่)ลิขิตจริงๆ
“อะ... เอ่อ... ทางเรายินดีเป็นอย่างยิ่งเลยครับ ทะ... ที่ได้ต้อนรับคุณนัทพงศ์มาเยี่ยมชม อะ... เอ่อ... โรงงานของเรา”แง... ขอผมไปร้องไห้ก่อนได้ม้าาาาาาา... พูดไม่เป็นภาษาคนแล้วทีนี้
“งะ... ง่า.... ทะ... ทางเราก็ ระ... รู้สึกเป็นเกียรติเหมือนกันครับ”ต่างคนต่างสะดุด ผมกำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อแล้วนะ
“อิม... มีอะไรเหรอ”คนที่ยืนคุมด้านหลังไอ้บ้ามันพูดเบาๆครับ แต่ตอนนี้ผมโคตรหูผีล่ะ ให้กระซิบนินทาผมกี่โยชน์ผมก็ได้ยินแล้ว
“เปล่าอ่า... กูกำลังคิดว่านี่ใช่คนที่กูรู้จักหรือเปล่า”ชัดครับ... ชัดเจนมาก... ใครก็ได้เอามีดกรีดหน้าผมที มันจะได้จำหน้าผมไม่ด้ายยยยย... ไอ้บ้ามันเพ่งพินิจพิเคราะห์หน้าผมอยู่พักใหญ่ กระซิกๆ ตกลงมันจำผมได้จริงๆใช่มั๊ยเนี่ย
“ลุงค่อมเป็นไงบ้าง”
“ก็สบายดี เฮ้ย!!”เผลอครับ... ผมเผลอ... มันทำหน้าชั่งใจก่อนจะถอนหายใจเบาๆ ชีวิตผม... ไร้คำบรรยาย โดนจำได้ซะแล้ว ฮือๆ
“พี่ต๊อก... นี่มันเรื่องอะไรครับ”ผมกำลังจะโดยฆาตกรรมใช่มั๊ย!! ไอ้บ้ามันเป็นฆาตกรคร้าบบบ ถ้าผมตาย พวกคุณๆเอาตำรวจมาจับมันทีนะ... กระซิกๆ
“ง่า... แล้วเราทำไมมาที่นี้ได้ แฟร์ๆนะ ถ้าพี่บอก เราก็ต้องบอกเหมือนกัน”เอาครับ... ถ้ามันจะซักผม ผมก็ขอซักมันก่อนแล้วกัน สงสัยเหมือนกัน มันไม่น่าเป็นพนักงานบริษัทได้นะ มันบ้าไม่ใช่เหรอ
“ก็แบบ... มันมีเรื่องจำเป็นมากๆแบบเล่าสามวันไม่จบน่ะ แต่รู้แล้วเหยียบไว้นะ... อย่าบอกใครล่ะ”มันกระซิบกระซาบพร้อมยกมือไหว้ปะหลกๆ เอ่อ... ไอ้บ้าครับ คนด้านหลังมึงน่ะ มันจะฆ่ากูแล้ววววว... สายตาอัมหิตจริงๆ
“ง่า... กูก็เหมือนกัน เอาเป็นว่า เราไม่ต้องรู้กันหรอกเนอะ เนอะๆๆ แล้วก็เหยียบให้จมดินเลยนะ”ผมขอร้องมันบ้าง สุดท้ายมันยอมพยักหน้าครับ... ผมกำลังจะให้มันไปดูโรงงานแล้วเชียว แต่เสร่อนึกสิ่งสำคัญขึ้นมาได้ซะก่อน!
“เดี๋ยว... เดี๊ยวววววว ไอ้บ้า มึงรู้รึเปล่าว่ามีใครทำงานที่โรงงานน่ะ”ผมถามมันทันทีเลยครับ ถ้าลืมนี่ซวย ทั้งผมทั้งมันนั่นแหละ
“หือ... ก็พนักงานไงพี่ หรือโรงงานพี่ใช้หุ่นยนต์ทำงาน”มันหัวเราะ เอ้า! กวนเข้าไป
“ไอ้พรต... มันทำงานอยู่ที่โรงงานนี่”หึหึ... สะดุ้งสิครับ ไอ้ที่หัวเราะๆอยู่ก็เงียบกริบเลย
แอ๊ด!!
“ขออนุญาตครับ”ผมเงยหน้ามองคนที่เข้ามาใหม่ ใครมาขัดจังหวะตอนนี้นะ ผมไม่ได้เรียกซะหน่อย สงสัยต้องเตือนกันบ้าง ไม่รู้หรือไงผมมีแขกอยู่เนี่ย
“คะ.. ไอ้พรต...”ตั้งท่าจะพูดว่าแต่พอเห็นว่าเป็นใคร เสียงที่กำลังจะพูดออกก็กลายเป็นแผ่วเบาทันที...
“ผมแค่มาตามตรัยรัชไปกินข้าวกลางวัน แต่ดูท่า... ผมคงมาผิดเวลา ขอโทษด้วยนะครับ”มันพูดเสียงเรียบ เรียบ... จนผมใจหาย
“พรต!!!”ผมลุกขึ้นเรียกทันที ไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น... มันไปแล้ว... หัวใจของผม...
“พรต!! ฟังต๊อกก่อน”ผมฉุดมือมันเอาไว้หลังจากวิ่งตามมาได้พักใหญ่ มันเดินไปที่เครื่องจักรก่อนจะคว้าเสื้อคลุมแล้วหันมามองผม
“ขอโทษครับ คุณคงจำคนผิด ยังไงซะ ผมขอลาออกนะครับ ค่าแรงผมไม่เอาก็ได้... ขอบคุณนะครับที่ให้ผมทำงานที่นี้มาหลายปี”มันพูด... ดูมันพูด... แบบนี้ฆ่าผมเลยผมยังไม่เจ็บเท่านี้...
“พรต... ต๊อกขอโทษ แต่ช่วยฟังต๊อกก่อนได้มั๊ย ขอร้องล่ะ... นะ”ผมสวมกอดมันไว้ก่อนจะพร่ำบอกมันไม่ขาด มันดันผมออกเบาๆ แล้วมองหน้าผม... แววตาของมันนิ่งสนิทไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ จากนั้น... น้ำตาหยดหนึ่งก็ไหลออกมา...
“ผมว่าเราคงหมดเรื่องที่จะเกี่ยวข้องกันแล้วล่ะครับ”มันว่า... แล้วเดินจากผมไป... ผมจะพูดอะไรดี... ใครก็ได้... จับมันไว้ก่อนได้มั๊ย อย่าให้มันเดินไป ขอร้องล่ะ... ไม่งั้นผมคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้... ก็มัน... เป็น ‘หัวใจ’ ของผมนี่หน่า...
ผมเดินกลับมาเรื่อยๆ ก่อนจะถึงบ้านของเรา บ้านที่ผมได้อยู่กับมันอย่างมีความสุข... ประตูบ้านที่เปิดออก มันใกล้จะพังไม่พังแหล่ แต่ผมไม่เคยกลัว ถ้าใต้หลังคานี้จะมีมัน...
“ต๊อก... พรตมันไปแล้วนะ... กลับมาแล้วก็เก็บเสื้อผ้าออกไปเลย”ลุงค่อมพูดเบาๆให้ผมได้ยิน... โธ่เว้ย!! ใครก็ได้มาฆ่าผมเลยจะได้มั๊ย อย่าให้ผมเจ็บอยู่แบบนี้ได้รึเปล่า มันทรมาน!! ได้ยินมั๊ยว่ามันเจ็บ!!
“ลุงค่อม... ไปอยู่บ้านผมกัน”ลุงค่อมไม่ว่าอะไรนอกจากจะเดินไปเก็บของแค่สองสามชิ้น แต่ก่อนหน้านั้น ผมต้องไปรับก้อยก่อน ถึงพรตจะหนีผมไป แต่ถ้าจะให้ก้อยต้องไปด้วยคงลำบาก...
“เดี๋ยวผมมารับนะลุง”ใจผมยังภาวนา... อาจจะดลให้ผมกับมันได้เจอกัน แค่โอกาสในการอธิบาย... ผมขอโอกาสนั้นให้ผมบ้างได้มั๊ย ผมเดินๆวิ่งๆไปจนถึงหน้าโรงเรียนของก้อย... เหลืออีกหนึ่งชั่วโมงโรงเรียนจะเลิก มาสิ... พรต... ขอร้อง... มึงมาหากูทีได้มั๊ย
ไม่นานเกินรอ เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง... มันเดินเข้ามา นิ่งเงียบ... จนดูเป็นคนละคน มันเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว... แต่มันไม่สนใจผมเลย... เหมือนไม่เห็นผมในสายตา
“ขอโทษนะ... กูขอโทษ... กูก็แค่อยากอยู่กับมึง ไม่อยากถูกมึงไล่ไปไหน ยอมทำตัวจนๆก็เพราะกูรักมึงนะ”ผมพูดตรงๆ และเงยหน้าสบตามัน... รับรู้ความรู้สึกของผมสักที...
“ขอโทษนะ...”มันพูดกลับมา... มัน... มันยอมยกโทษให้ผมแล้วใช่มั๊ย แววตาผมเป็นประกาย ก่อนที่เตรียมตัวจะลุกไปกอดมัน
“ผมไม่รู้จักคุณ”พูดแค่นั้นก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้ผมทรุดนั่งลงอย่างเดิม... มาเพื่อซ้ำ เพื่อย้ำให้ผมเจ็บขึ้น... ไม่ใช่ผมไม่รู้จักนิสัยคนอย่างมัน แต่ผมก็แค่หวังว่ามันจะเข้าใจผมบ้าง...
โรงเรียนเลิกแล้ว พรตเองก็หายไปไหนไม่รู้จนก้อยเดินเข้ามาหาผมเอง... ผมจูงก้อยให้กลับไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้าน... บ้านที่ไม่มีมันอยู่ ผมก็ไม่รู้จะอยู่ทำไมเหมือนกัน ผมโทรไปที่บ้านของผมก่อนจะสั่งให้เขาเอารถมารับ
“พ่อต๊อก... นี่บ้านใครคะ ใหญ่จัง”ผมพาลูกสาวตัวน้อยกับลุงค่อมเดินเข้ามาในบ้าน แม่บ้านหลายคนโค้งหัวให้ผม ก่อนที่ผมจะพยักหน้ารับเบาๆ
“บ้านพ่อเองครับ ชอบรึเปล่า หืม...”ผมหันไปส่งกระเป๋าให้คนรับใช้นำขึ้นไปเก็บ ก่อนจะพาลุงค่อมและก้อยไปที่ห้องรับแขก...
“ผมมีเรื่องต้องเคลียร์กับพรต คงไม่สะดวกวิ่งไปวิ่งมาหลายทาง ลุงค่อมมาอยู่ที่นี้แล้วกันนะครับ เดี๋ยวผมให้คนใช้จัดห้องด้านล่างไว้ให้ ลุงจะได้ไม่ต้องขึ้นลงบันไดให้เมื่อย...”ผมพูดกับลุงค่อมที่มองโน่นมองนี่ไปเรื่อยเปื่อย
“เอาเถอะ... อายุข้าก็ปูนนี่แล้ว จะอยู่ที่ไหนมันก็ไม่ต่างกันนักหรอก... ว่าแต่เอ็งเถอะ... ข้าไม่รู้หรอกนะว่ามีเรื่องอะไรกับไอ้เจ้าพรตมัน แต่มันเป็นคนที่โกรธยากแต่โกรธแล้วหายยากเหมือนกัน เอ็งรู้ใช่มั๊ย”ลุงค่อมบอก ผมพยักหน้าก่อนจะตอบกลับ
“แต่ผมจะทำให้มันหายโกรธผมให้ได้ ถึงจะต้องทำอะไรก็เถอะครับ”ผมส่งก้อยให้คนรับใช้อีกคนก่อนจะหอมแก้มเบาๆ
“ไปอาบน้ำก่อนจะครับคนดี แล้วเดี๋ยวพ่อขึ้นไปหาบนห้องนอนนะครับ”ผมหอมแก้มลูกสาวเบาๆแล้วหันไปหาลุงค่อมอีกครั้ง...
“เวลาผมไม่อยู่ ถ้าลุงอยากได้อะไรก็บอกคนอื่นได้นะครับ บางทีผมอาจกลับดึกเหมือนกัน”ผมบอกแล้วก็ขอตัวให้คนรับใช้พาลุงค่อมไปดุห้องที่ต้องใช้พัก หลังจากนั้นก็เดินไปในห้องของตัวเอง ลูกสาวตัวน้อยกอดตุ๊กตากระต่ายตัวใหญ่ที่ผมตั้งใจซื้อไว้ให้เมื่อตอนที่ทั้งคู่เข้ามาที่บ้านนี้แล้ว...
“ชอบรึเปล่าครับ หืม...”ผมจับตุ๊กตากระต่ายเบาๆ ตัวเล็กพยักหน้ารัวๆ
“ชอบค่ะ คุณกระต่ายตัวนิ่มมาก หนูชอบ”ก้อยกอดแล้วรัดตัวกระต่ายไปมา พร้อมรอยยิ้มที่สดใส...
“ก้อยครับ พ่อไปหาพ่อพรตก่อนนะครับ หนูทำการบ้านแล้วนอนก่อนเลยนะครับ”ผมลูบหัวลูกสาวเบาๆแล้วยิ้มจางๆ ก่อนจะเดินออกมานอกห้อง... เอาล่ะ... ที่นี้ก็ถึงเวลาการง้อของผมแล้ว
“ซู้ด... ฮึบ!!” เตรียมพร้อมเต็มที่! คราวนี้ต่อให้มันด่ายังไงผมก็ไม่เสียใจเด็ดขาด... ง้อให้ได้ลูกเดียว ไม่งั้นสุดท้ายผมนี่แหละจะตายเอา... ไอ้ต๊อก!! ไฟท์ติ้ง!!
แล้วผมก็เริ่มมหกรรมตามคนคนรัก เริ่มจากที่บ้านพักไปจนถึงริมเสาไฟฟ้า ไม่เจอมันผมไม่เลิกล่ะ เอาสิ! จะยอมมันก็ให้มันรู้ไป ผมเดินไปเดินมาอยู่ร่วมห้าชั่วโมง ฟ้าที่สว่างก็เริ่มมืดในที่สุด ของช่วงกลางคืนเริ่มทยอยออกมาขายจนผมเดินไปที่ซอยข้างบ้านผม ขอทานที่นั่งซุกอยู่ในลังกระดาษเปล่าๆช่างคุ้นตา ตัวของเขาสั่นด้วยอากาศที่หนาวเย็นในช่วงเดือนพฤจิกาแต่ทำไม... มันช่างคุ้นตากับร่างตรงหน้าซะจริง ผมเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะตัวสั่นเทิ้มด้วยความดีใจ คนที่ผมตามหามานาน อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม ใกล้... จนผมคิดไม่ถึง
“พรต...”ผมลงไปนั่งข้างๆมัน ส่วนมันก็กระเถิบตัวหนีไม่พูดอะไรกับผมสักอย่าง...
“มึง... อย่าเสร่อมาจีบกันแถวนี่ได้ม่ะ กูจะอ้วก... ไอ้พวกตุ๊ดพวกแต๋ว... เหอะ... ไอ้พวกวิปริต”ผมเงยหน้ามองกลุ่มคนที่เดินผ่าน พวกมันกว่าสิบคนส่งเสียงอื้ออึงตอบรับคำพูดของหัวหน้า ผมมองด้วยความโกรธ แต่ช้ากว่าคนข้างกาย
ผลัวะ!!
“เป็นตุ๊ดเป็นแต๋วแล้วมันหนักหัวแม่มึงรึไง!! คิดว่าพวกมากแล้วเจ๋งเหรอ!!! ถึงกูจะตุ๊ด กูก็ไม่ใจหมาอย่างพวกมึงแล้วกัน”แร๊งส์... ไอ้นี่มันแรงครับ แต่สงสัยคำพูดเมื่อกี้จะไปกระตุกต่อมของพวกมันซะแล้ว ผมสองคนถูกพวกมันตีกรอบล้อมทั้งหน้าและหลัง ไม่มีทางหนีไปไหนได้เลยสักทาง...
“ไอ้นี่ปากดี... เดี๋ยวกูก็ตบคว่ำหรอก...”มันเงื้อมือขึ้นจะตบพร้อมๆกับไอ้พรตที่เงื้อหมัดขึ้นจะต่อย... ส่วนผมยืนคุมเชิงด้านหลังของมัน... อีกห้าคนก็จ้องผมตาไม่วาง กะว่าถ้าผมเข้าไปช่วยมันเมื่อไรไอ้ห้าตัวนี่พุ่งใส่ผมแน่...
“ปากดีแบบนี้ กูอยากรู้จริงเวลาโดนอัดตูดมันจะร้องยังไงวะ เหอะ... พวกมึง... จับตัวแม่งไว้แล้วเอาไปที่ร้าน”สัดครับ!! สัดหมาเลย ผมหันตามเสียงที่มันเรียกก่อนจะเห็บห้าคนด้านหลังพุ่งใส่ไอ้พรตที่กำลังป้องกันตัวเต็มที่... พร้อมกับอีกห้าตัวที่มันพุ่งใส่ผม ทั้งหมัดทั้งตีน ประเคนมาไม่ยั้ง ผมแทบทรุดครับ... ส่วนไอ้พรต... มันทรุดแล้วครับ... กำลังโดนไอ้พวกนั้นจับลากอยู่เลย ผมสะบัดตัวหนีจากพวกที่รุมอยู่ก่อนจะพุ่งไปกอดตัวมันเอาไว้... หน้าไอ้พรตสะบักสะบอมจนไม่น่าดู... ไอ้พวกนั้นมันกระทืบผมอยู่นั่นแหละครับ ไอ้พรตมันหรี่ตาขึ้นมองผมก่อนจะน้ำตาไหล...
“ขอโทษนะ... กู... กูก็แค่รักมึง... กูอยากอยู่กับมึง... กูรู้ว่ากูไม่ควรแก้ตัว แต่สิ่งเดียวที่กูไม่เคยหลอกมึงเลยคือมึง... เป็นหัวใจดวงเดียวของกูนะ”ผมพูดกระท่อนกระแท่นเพราะแรงส้นตีนที่ย้ำอยู่บนหลังผม เจ็บมาก... จนอยากจะสลบลงไปทุกๆนาที แต่เพราะคนที่อยู่ใต้ร่าง ทำให้ผมยอมทนแรงพวกนี้ต่อไป ดูเหมือนไอ้พวกนั้นจะกระทืบผมจนเหนื่อย มันถอยหลังออกจนเหลือแค่หัวหน้ามันขึ้นเดินเข้ามาดู
“หึ... รักกันมากงั้นสิ... แบกแม่งไปทั้งคู่นั้นแหละ จับขายมันทั้งคู่ ดูสิว่ายังจะรักกันอยู่มั๊ย ถ้าเห็นแฟนมันไปนอนให้คนอื่นเอา!”ว่าแล้วก็มีหลายมือมากระชากตัวผมออกไป แม้ผมจะยื้อเท่าไรแต่สุดท้ายผมก็ถูกลากออกไปขึ้นรถตู้คันหนึ่งโดยมีไอ้พรตถูกยัดตามมาติดๆ... ไม่นานรถก็แล่นออกไปพร้อมกับสติผมที่เริ่มหายไปทุกที... แต่สิ่งสุดท้ายที่ผมทำได้... คือจับมือของมัน... ‘ หัวใจของผม ’ ไว้ให้แน่นที่สุด...
ผมลืมตาขึ้นช้าๆในห้องนอนสีขาวมีคนสองสามคนกำลังเช็ดตัวของผมจนสะอาด... แล้วคนที่ผมคุ้นหน้าก้เดินเข้ามานั่งข้างเตียง
“ไอ้บ้า... มึงมาได้ไง!”ผมสะดุ้งพรวดก่อนจะเอนตัวลงเพราะความเจ็บระบบไปทั่วร่างกาย ไอ้บ้ามองสำรวจตัวผมก่อนจะหัวเราะน้อยๆแล้วพึมพำพอให้ได้ยินเบาๆ
“ไม่ออมแรงเลยนะ”ผมมองมันด้วยสายตางงงวย สักพักมึงถึงยอมหยุดหัวเราะแล้วตอบคำถามผม
“นี้มันที่คลับของผม... พี่ต๊อกกับพี่พรตกำลังจะโดนเอามาขายพอดี... โชคดีที่ผมลงไปเห็นซะก่อน... ไม่งั้นป่านนี้พี่โดนทำอะไรไปแล้วก็ไม่รู้... แต่ถ้าเป็นแบบนั้นคง... ผมไม่กล้าคิดอ่ะพี่ต๊อก...”มันหัวเราะขำๆ ไอ้บ้า... กูจะเอาคนมาถล่มคลับมึง! มันเลว...
“ไอ้พรตล่ะ”ได้แต่คิด... พูดไม่ได้ ไม่งั้นเดี๋ยวผมจะซวยเอา ยิ่งไม่มีแรงอยู่ด้วย
“ห่วงเมียจริงนะพี่ รายนั้นไม่เจ็บมากเท่าที่คิดหรอก... นอนหลับอยู่เตียงๆข้างๆน่ะ พี่หันไปมองดิ...”ผมหันไปตามนิ้วของมันก่อนจะเห็นไอ้พรตกำลังนอนหลังอย่างสบาย... เฮ้อ... ดีจังนะ...
“แล้วว่าไง...”ผมหันไปมองมันที่อยู่ๆก็ถามขึ้นมาก่อนจะทำหน้างง
“โหยย... ก็ง้อไง สำเร็จยัง”มันถามเหมือนเป็นเรื่องน่าสนุก ผมถอนหายใจแล้วส่ายหัวเบาๆ... มันทำหน้างอก่อนจะมองผมแบบเซ็งๆ
“อะไรเนี่ย... เห็นออกตัวปกป้องซะขนาดนั้น พี่ต๊อกรู้เปล่า ขนาดตอนพี่สลบ พี่ยังไม่ยอมเปล่ามือพี่พรตจนลูกน้องผมมันอารมณ์เสียเลยรู้มั๊ย... เอางี้! ตอนนี้ห้องนี้ไม่มีคนใช้ พี่รอพี่พรตตื่นแล้วพี่ก็รีบง้อเลยนะ ผมไม่กวนล่ะ บายครับพี่ต๊อก...”มันโบกมือท่าทางอารมณ์ดีก่อนจะโฉบหายไปพร้อมกับคนสองสามคนที่คอยดูแลผมอยู่เมื่อครู่... ผมแบกร่างอันหนักอึ้งมานั่งอยู่ข้างเตียงของคนที่นอนหลับอยู่
“รักนะครับ... รักจริงๆนะ... ขอโทษนะครับพรต...”พูดไม่ออกถึงขั้นจุกครับ ความผิดผมเพิ่มมาเรื่อยๆ โกหกมัน ดูแลมันไม่ได้ ทำให้มันต้องเจ็บตัว... บางทีผมก็เสียใจมากเหมือนกันนะ...
“รัก... เหมือนกัน... พอแล้วล่ะ”มันหันตัวมาทางผมแล้วลูบหน้าผมเบาๆ
“ขอบคุณ... ที่รักคนจนๆคนนี้นะ...”มันจ้องไปในตาของผม ก่อนจะโน้มตัวมาสัมผัสเบาๆที่ริมฝีปาก มันเป็นแค่จูบแบบเด็กๆ จูบแบบที่ทำให้ผมรู้สึกดีที่สุด...
“ยังไงก็รักครับ... พรตรักต๊อกนะ”ผมน้ำตาไหลเป็นทางเลยครับ ยิ่งมันพูดผมยิ่งร้องไห้ ความรู้สึกมันเหมือนกับคนที่ดีใจมากๆจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้วน่ะ... แค่คำเดียวเลยว่าผมเองก็รักมันจริงๆ...
“ไม่โกรธผมแล้วใช่มั๊ย... ขอโทษนะครับ ขอโทษจริงๆนะ”ผมได้แต่พร่ำขอโทษมันอยู่อย่างนั้นจนมันดึงมือผมขึ้นไปลูบเบาๆ
“ไม่ต้องขอโทษแล้วล่ะ... ผมไม่ชอบ รู้ใช่มั๊ยหืม...”มันยิ้มจางๆ ก่อนจะพยุงตัวให้ลุกขึ้นแล้วกอดผมแน่น... ทั้งเสื้อบริเวณไหล่ทั้งของผมและมันเปียกชุ่มไปหมด... เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาของเราทั้งคู่...
ผมกลับมาทั้งบ้านแล้ว... บ้านหลังใหญ่ที่มีพร้อมทั้งลูกสาวและแฟนของผม... ไอ้พรตยังดื้อจะกลับไปทำงานที่โรงงานเหมือนเดิม... ใช่ว่าผมจะหวงห้ามอะไร แต่มันดันบอกให้ผมไปบริหารอย่างเดียวไม่ต้องลงมาอยู่กับมัน ได้ไง... ผมไม่ยอมหรอก... สุดท้ายทุกอย่างก็กลับไปเหมือนเดิม ยกเว้นแค่ตอนนี้เวลาเราสองคนไปที่ไหน ทุกคนก็จะรู้ว่าผมเป็นประธานบริษัท ส่วนมัน... เป็นเมียประธานบริษัท เล่นกันง่ายๆแบบนี้ แต่ทุกคนก็ยังทำงานกับผมเหมือนเดิมไม่ค่อยเกร็งเท่าไร ไอ้พรตยอมย้ายมาอยู่บ้านของผมพร้อมกับย้ายโรงเรียนของก้อยให้มาเรียนที่ที่ดีกว่าเดิม...
“พรต... มานี่ดิ กูมีไรให้ดู...”ผมเอาผ้าผูกตาพรตก่อนจะพามันเดินเข้าไปในห้องๆหนึ่ง... ก่อนจะแก้ผ้าผูกตาของมันออก...
“สวยมั๊ยครับ”ผมกระซิบถามมันเบาๆ ผมจ้างช่างมาทาสีใหม่ในห้องพร้อมกับแต่งห้องด้วยโทนสีสว่างแบบที่มันชอบ... หัวเตียงมีภาพของผมกับมันที่เคยถ่ายในปีที่แล้วที่มันบ่นๆว่าอยากอัดใส่กรอบไว้สักทีถ้ามีบ้านหลังใหญ่ มันยิ้มแล้วหันมากอดผม
“ขอบใจที่จำได้นะ” ผมกอดตอบมันก่อนจะก้มลงกระซิบที่ข้างหู
“Happy 13 year Anniversary ยินดีที่ได้รักนะครับ”
“อืม... 13ปีแล้วนะ... ขอให้พวกเรารักกันไปนานๆนะครับ” มันตอบกลับมาก่อนจะโน้มหน้าผมไปรับจูบจากมัน อ้อยอิ่ง เชื่องช้า และ... ยาวนาน...
การโกหกเป็นสิ่งไม่ดี... มันเกือบทำให้ผมเจ็บหนักมาแล้ว จากนี้ไปผมขอสัญญา คำว่ารักระหว่างเราสองคน... จะมีแต่ความ ‘จริงใจ’ ที่มอบให้กัน...
ความรักที่ไม่พิเศษ มันจะพิเศษ... เมื่อเราได้มอบให้ใครสักคนดูแล... และตอนนี้ผมก็เจอแล้ว... คนๆนั้นที่ผมจะมอบหัวใจของผมให้ดูแล... ดูแลหัวใจของผมให้ดีๆนะครับ... คนพิเศษของผม...
…The End…
เรื่องสั้นที่ยาวที่สุด... เรื่องนี้เหมือนจะฮานะ... แต่ทำไมมันเศร้า... และทำไมแต่งไปจะพยายามให้มันหวาน... แล้วมันหวานรึเปล่านะ...
เรื่องตอนไปภาครวมของซีรีย์คำว่ารักฯ... ไอ้พวกแสบจะทำยังไงถ้าต้องไปเที่ยวด้วยกันแล้วเกมพิศดารก็พาปวดหัว... พรุ่งนี้เย็นๆจะมาลงให้นะครับ!
ปล.ทำไมกดเป็ดแล้วคะแนนชื่นชมผมยังเท่าเดิมล่ะ...
ปลล.คราวนี้ก็ขอ+เป็ดด้วยนะครับ
ปลลล.ขอเม้นท์สักหน่อยก็ดีนะครับ บางทีอ่านๆเม้นท์ทุกคนไป คนแต่งก็มีอารมณ์อยากแต่งเพิ่มนะครับ><
ปลลลล.รักทุกคนครับ
ปลลลลล.ขอบคุณที่หลงมาอ่านนะครับ...