ตอนที่ 42 Flame
เสียงไซเรนดังก้องไปทั่วถนนหมายเลขที่ 4 รถของหน่วยดับเพลิงและกู้ภัยวิ่งอย่างขวั่กไขว่ หลังจากเสียงระเบิดดังกึกก้องกลางดึกเกิดขึ้นที่หัวมุมถนนเซนต์จอร์จ เสียงผู้คนโวยวาย ร่ำไห้ ปะปนกับกลุ่มไฟที่พวยพุ่ง ร้านอาหารเฟอคอน เดอ เนง เกิดเหตุระเบิดขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ เสียงอันดังอึกทึก ปลุกให้หลายชีวิตตื่นขึ้นด้วยเสียงอันดัง ไปไกลหลายร้อยเมตร แสงไฟและเปลวควันล่องลอยสู่ท้องฟ้า
แรงอัดกระแทกของระเบิดทำให้ร่างสองร่างที่เพิ่งเดินออกมาจากที่เกิดเหตุได้ไม่นานล้มลงทันที เมื่อการปะทุของไฟสงบลงได้หลังจากนั้นไม่นาน หลังจากการสลบแน่นิ่งไปของเจนจิรา ไกด์หอบเอาร่างกันบอบช้ำ ประคองตัวของเธอขึ้น พอดีกับที่หน่วยกู้ภัยและดับเพลิงมาถึงที่เกิดเหตุและเข้าเคลียร์สถานการณ์ และเข้าปฐมพยาบาลทั้งคู่ โชคดีที่ทั้งคู่เดินห่างจากตัวร้ายมาไกลพอสมควร ทำให้แรงระเบิดไม่ได้ส่งผลอะไรมากนัก นอกจากบาดแผลเพียงเล็กน้อย แต่ผลกระทบที่ร้ายแรงกว่า คือ สัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นใหม่ สัญลักษณ์แห่งความหวังทั้งหมดของไกด์ ถูกพังทลายลงต่อหน้า
เจนจิราลืมตาขึ้น หลังจากเจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือเธอ หญิงสาวตื่นตระหนกและลุกขึ้นนั่งทันที เบื้องหน้าของเธอคือกลุ่มไฟที่ลุกโพลง เผาไหม้ร้านเกล็ดหิมะ ผู้คนวิ่งไปมา เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมสกัดเปลวไฟไม่ให้ลุกลามไปยังตึกใกล้เคียง
เธอพยายามตั้งสติทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า มันเกิดขึ้นรวดเร็วเสียจนเธอตั้งตัวไม่ทัน ความจำสุดท้ายก็คือเธอและไกด์เดินเลี้ยวที่หัวมุมถนน หลังจากนั้นเธอก็จำอะไรไม่ได้เลย จนกระทั่งถูกปลุกให้ตื่นขึ้น
“I’m fine,thank you” เธอกล่าวกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแล พลางพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้น อาการเจ็บแผลเกิดขึ้นอย่างเบาบาง เธอใช้กำลังที่เหลืออยู่มองไปรอบๆ บาริสต้าคนนั้นกำลังยืนห่างรถพยาบาลไปไม่ไกลนัก เขายืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างนิ่งสนิท เธอค่อยๆเดินไปหาเขาทันที
เธอมองหน้าไกด์ที่มีรอยเลือดจากการกระแทกพื้น ใบหน้าของบาริสต้าส่องประกายความสิ้นหวัง ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกจนเจนสัมผัสได้ เจนจิราจับแขนของเขาเบาๆ
“ไม่นะ ไม่ ม่ายยยยยย” เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกฝากหนึ่งของฝูงชน เจนและไกด์หันไปตามเสียงนั้น “ไม่จริงนะ ไม่ โธ่ ร้านของฉัน ไม่ ไม่.....”
เจ๊ใหญ่พยายามจะฝ่าวงล้องของผู้คนเข้าไปในตัวร้าน เจ้าหน้าที่จึงต้องดึงตัวเธอไว้ ภาพตรงหน้าสำหรับเจนแล้วนี่เป็นความเจ็บปวดที่เธอสัมผัสได้ ภาพของหญิงสาวที่เพิ่งคุยกับเธอเมื่อเย็นปรากฎขึ้นในหัวสมอง
“สิ่งที่คุณทำมันผิดฎหมายนะคะ” เจนจิรากล่าว
“โอ๊ย คุณคะ” เจ๊ใหญ่กล่าว “ที่นี่เป็นบ้านค่ะ มันมีความหมายกับหลายๆคนมากที่นี่ ฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ที่นี่อยู่ต่อค่ะ ต้องสินบนตำรวจฉันก็ยอม”
เจ๊ใหญ่ดิ้นรนและกรีดร้องอยู่ตรงนั้น ขณะที่ไกด์พยายามกันตัวเธอไว้ เสียงร้องของเธอบาดลึกลงไปถึงหัวใจของเจน
“นั่นคือทางออกจริงๆเหรอคะ” เจนว่า “ฉันไม่คิดว่า...”
“คุณไม่เข้าใจหรอก” เจ๊ใหญ่ว่า “สำหรับฉัน ความตั้งใจของฉันที่นี่คือการได้ช่วยเหลือคนค่ะคุณเจน สำหรับฉันมันเป็นมากกว่าร้านอาหาร ฉันช่วยให้คนีข้าวกินต่อชีวิตไปหนึ่งมื้อ ฉันช่วยให้ที่พักกับคนที่ต้องต่อสู้กับพายุหิมะที่โหดร้าย”
“แต่คนเราต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเองนะคุณ” เจนจิราว่า “เราไม่จำเป็นที่จะต้องช่วยเหลือใคร โดยเฉพาะคนที่ไม่รับผิดชอบชีวิตตัวเอง”
“คุณเจน” เจ๊ใหญ่จับมือของเจนจิรา เธอถึงกับสะดุ้งเบาๆ “ไม่มีใครอยากเจอเรื่องร้ายๆหรอกค่ะ แต่คนบางคนไม่มีทางเลือกกับตัวเองมากนักหรอก คุณอาจจะเข้มแข็ง อาจจะจัดการชีวิตตัวเองได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า คุณจะไม่สนใครนะคะ พี่ปิดร้าน ไม่ทำแล้วก็ได้ แต่พี่เสี่ยง พี่เสี่ยงที่ขะช่วยให้อีกหลายคนมีชีวิตต่อไปค่ะ”
“พวกเขากลับเมืองไทยได้ค่ะ” เจนจิรากล่าว “นั่นเป็นทางออกที่ดีที่....”
“เป็นคุณ คุณจะหันหลังกลับเหรอคะ เมื่อคุณทิ้งทุกๆอย่างมาเพื่ออยู่ที่นี่แล้ว” เจ๊ใหญ่พูด
เจนจิรามองเจ๊ใหญ่ร่ำไห้อยู่ภายใต้อ้อมกอดของไกด์อยู่ตรงนั้น พร้อมกับผู้คนที่อยู่รอบๆตัวเธอ คนที่ทำงานในร้านเกล็ดหิมะ ทุกๆคนมองไปยังความหวังที่ถูกแผดเผาเบื้องหน้า หยดน้ำตาอาบใบหน้าของคนเหล่านั้น เจนจิราก้มหน้าลงกับตัวเอง
....เธอเคยทิ้งทุกๆอย่างมาอยู่ที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง ต่อให้เกิดอะไรขึ้น เธอก็ไม่เคยคิดจะหันหลังกลับ.....
ทั้งๆที่เธอเข้าใจความรู้สึกนั่นอยู่แล้ว เธอเข้าใจมันดีอยู่แล้ว
เธอกัดฟัน พลางมองไปยังร้านเกล็ดหิมะที่ถูกแผดเผา เสียงของเจ๊ใหญ่ ใบหน้าของไกด์ คำพูดของวิน ทุกๆอย่างกำลังตีรวนในหัวของเธอ มันกรีดลึกลงไปในจิตใจที่ก่อกำแพงให้กับตัวเอง นับตั้งแต่เธอเริ่มออกเดินหน้า โดยไม่หันหลังกลับ เปลวไฟตรงหน้า กำลังหลอมละลายความรู้สึกที่เห็นแก่ตัวของตัวเธอเอง
เธอมองทุกๆอย่างผิดไป วิน กำลังทำสิ่งที่เธอเองก็ทำมาก่อน แต่เธอกลับไม่เคยยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ถ้าเธอรู้ซักนิด ว่าสิ่งที่วินพยายามมาทั้งหมด เป็นแบบเดียวกับที่เธอพยายาม ถ้าเธอรู้เพียงซักนิด....
“เจน...” เสียงเสียงหนึ่งปลุกให้เธอตื่นขึ้นจากความคิด เธอหันหลังกลับมา กาย และ นัท นั่นเอง ทั้งคู่ดูตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า เธอมองกายด้วยสายตาแข็งกร้าว พร้อมกับหลั่งน้ำตาเบาๆ
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า เกิดอะไรขึ้น” กายถามพลางเริ่มตรวจดูร่างกายของเธอ “ผมกับนัทเราได้ยินเสียงระเบิด เรากำลังจะไปหาเอิร์ธ แล้ว...”
“เจนทำลายเค้า” เจนจิราพูดเสียงสั่น “เจนทำให้ทั้งหมดนี่เกิดขึ้น”
“เจน” กายเรียกชื่อเธอ
“ทั้งหมดเป็นเพราะเจนเองค่ะกาย” เจนพูดเสียงสั่น “เจนเป็นต้นเหตุ เจน.....เจนผิดเอง”
เธอทรุดตัวลงกับพื้นทันที ความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ กำลังบีบคั้นเธอให้พบกับความจริงที่เธอเอง เป็นต้นเหตุทำให้วินไม่สามารถไปสู่จุดที่หวังได้ ถ้าเธอรับฟังวินมากกว่านี้ เรื่องทั้งหมดนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น เป็นเธอที่ทำลายความหวังของเอิร์ธ เป็นเธอเองทั้งหมด
กายและนัทประคองตัวเธอไว้ได้ทัน
“เจน เจน” กายร้องเรียกเธอ
“We need help,please” นัทร้องเรียกหน่วยปฐมพยาบาลที่อยู่ไม่ไกล เจ้าหน้าที่สองสามคนวิ่งเข้ามาดูอาการของเจนทันที เธอถูกประคองตัวไปนั่งยังรถที่เธอลุกมาเมื่อครู่ เพื่อตั้งสติ กายและนัทดูแลเธออยู่ตรงนั้น
………
สำหรับไกด์แล้ว เขาไม่คิดว่าตัวตนเก่าๆจะกลับมาได้ แต่ตอนนี้ เขารู้ตัวเลยว่าร่างปีศาจที่เขาพยายามซ่อนมันไว้กำลังลุกโชน เสียงของเจ๊ใหญ่ที่ร้องไห้อย่างหนักอยู่ในอ้อมแขนของเขา ทำให้ความโกรธแค้นปะทุขึ้นทุกที
“หมด หมดแล้ว” เจ๊ใหญ่ว่า “แล้วฉันจะทำยังไงดี โธ่….ฉันจะทำยังไงดี”
เจ๊ใหญ่ร่ำไห้สะอึกสะอื้น ไกด์กัดฟันด้วยความแค้น เขามองไปยังเจนจิราที่อยู่ในรถพยาบาล
“พี่โจ้ ดูเจ๊ที” ไกด์เรียกพี่โจ้ ที่คงวิ่งหน้าตาตื่นมาจากบ้านที่อยู่ไม่ไกลกัน พ่อครัวหนุ่มละสายตาจากภาพตรงหน้า และรีบประคองเจ๊ใหญ่แทนไกด์ ชายหนุ่มลุกขึ้นและเดินตรงรี่ไปหาเจนทันที
“ผมต้องการพบพ่อของวิน” ไกด์พูดเสียงดังฟังชัด เมื่อเดินมาถึงรถพยาบาล “เค้าอยู่ที่ไหน”
เจนมองหน้าของไกด์ ตอนนี้เธอแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงใดใดแล้ว
“ผมถามว่าเค้าพักอยู่ที่ไหน” ไกด์แผดเสียงใส่วิน
“เห้ย ใจเย็นก่อนดินาย” กายออกตัวปกป้องเจนไว้ทันที “โมโหไปก็ไม่ได้อะไรหรอก”
“ไม่ได้อะไรเหรอ” ไกด์ว่า “ก็เรื่องทั้งหมดนี่มันเกิดขึ้นได้ ก็เพราะคุณสองคนไม่ใช่รึไง”
เขาจะไม่ยอมอีกแล้ว ถ้านี่จะเป็นทางที่จะทำให้เขาได้วินคืนมา เขาก็จะทำ
“ถ้าคุณสองคนยอมรับข้อเสนอของจีโอตั้งแต่แรก ฟังวินตั้งแต่แรก เรื่องนี้ก็ไม่เกิด” ไกด์ชี้ไปที่ร้านเกล็ดหิมะ “ถ้าคุณฟังเค้าตั้งแต่แรกว่ามันเกิดอะไรขึ้น แค่พวกคุณ....”
“ถ้านี่จะเป็นความผิดของผมกับเจน งั้นคุณก็ผิดด้วยเหมือนกัน” กายแผดเสียง ไกด์เงียบลง “คุณไปอยู่ไหนมาล่ะ ถ้าคิดว่ตัวเองจัดการเรื่องทั้งหมดได้ แล้วมัวไปทำอะไรอยู่ห๊ะ”
กายเดินเข้าไปหาไกด์
“ถ้าคุณเป็นมากกว่าเพื่อนของวินเค้าจริงๆ นี่อ่ะนะ สิ่งที่ใครซักคนจะทำเพื่อนคนรัก” กายว่า “คุณเป็นนักธุรกิจ คุณช่วยเค้าได้ตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ เป็นคุณได้ตั้งแต่แรก แต่คุณก็ไม่ทำ แล้วคุณจะมาเสียใจอะไรเอาตอนนี้”
“ผมช่วยเค้ามาตั้งแต่แรก” ไกด์คำราม “ผมอยู่กับเค้าในเวลาที่ไม่มีใครอยู่ ผมฟังเค้าในเวลาที่ไม่มีใครฟัง ที่นี่เป็นมากกว่าบ้านของผมและวิน ตั้งแต่วินเริ่มทำเรื่องพวกนั้น มันทำลายเค้า มันทำลายทุกอย่างที่ผมกับวินสร้างมา เรื่องพวกนี้ทำลายเรา ทำลายเกล็ดหิมะ พวกคุณทำลายเรา”
กายเงียบเสียงลง สิ่งที่ไกด์พูดไม่ใช่ว่าจะไม่จริง เจนร้องไห้เงียบๆทันที
“บางทีแค่รับฟังอย่างเดียวไม่พอนะนาย” กายพูดเบาๆ พลางหันไปมองนัทที่กำลังโอบตัวเจนเอาไว้ เรื่องในอดีตเตือนสติเขาบางอย่าง “สำหรับคนสำคัญแล้ว เราต้องทำด้วย พิสูจน์สิ่งที่เรารู้สึก ให้เขารู้ว่าเราคือคนสำคัญสำหรับเค้า และเค้าคือคนสำคัญสำหรับเรา”
ไกด์มองหน้ากาย
“ผมว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งโทษว่าใครเป็นต้นเหตุ” กายว่า “ผมเราต้องหาความจริงให้เร็วที่สุด ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้”
ไกด์หลับตาลง หรือว่านี่จะเป็นสิ่งเดียวกับที่จีโอพูดกับเขา มันไม่สำคัญแล้วว่าเขาจะมองว่าสิ่งที่วินทำให้เขาจะเป็นไปได้ไหม
ไกด์มองหน้าเจนจิราที่ร้องไห้เบาๆ เขาเดินตัดตัวกายไปหาเธอทันทีและนั่งลงตรงหน้าเธอ
“คุณเจน” ไกด์พูดชัดถ้อยชัดคำ “ผมต้องพบคุณพ่อของวิน”
ไกด์มองเข้าไปในดวงตาของเธอ
“ผมจะไม่ยอมให้อะไรทำลายผมกับวินได้อีก” ไกด์พูด “ผมไม่สนแล้ว ว่าวินจะทำอะไรอยู่ ตอนนี้ผมมีความต้องการของผมเองแล้ว และผมจะทำมันให้สำเร็จ”
“การไปพบคุณวรพัฒน์ นั่นเท่ากับคุณฆ่าตัวตาย” เจนพูดเสียงสั่น “จากเรื่องทั้งหมดที่วินเค้าทำ คุณไม่ใช่คนที่เขาจะยอมรับได้แน่ ถ้าเหตุระเบิดนี่เป็นฝีมือเค้า ก็ไม่มีอะไรที่น่ากลัวกว่านี้ที่เขาจะทำกับคุณไม่ได้”
ไกด์หลับตาลง
“วินเคยบอกว่า เขาอยากอยู่กับผมตลอดไป” ไกด์พูดทันที เจนจิรามองไกด์ทันที กายถึงกับหันมามองไกด์อีกครั้ง “ความจริงที่อยู่เบื้องหลังการเฟดตัวออกจากงานของเขาคือผมเอง ไม่ใช่แค่การออกมาดูแลที่นี่ แต่เขาจะไปกับผม ไปทุกๆที่ที่ผมไป ที่ที่จะมีแค่ผมกับเค้า เท่านั้น”
เจนมองหน้ากายทันที พลางทำตาเบิกกว้าง
“เป็นไปไม่ได้หรอก” กายว่า “อยู่แบบนั้นน่ะ นั่นมันความฝัน มันไม่มีทา....”
“ผมไม่สนอีกต่อไปแล้ว” ไกด์ว่าพลางเงยหน้ามองกาย “ผมก็เคยคิดแบบคุณ นั่นแหละคือเหตุผลว่าผมหายไปไหน ทำไมผมไม่ทำอะไรซักที เพราะผมก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้ผมไม่สน ผมไม่สนว่าใครจะมองยังไง ผมไม่สนอีกแล้วโอเค้”
ทั้งกาย เจนและนัทเงียบสนิท
“ไม่ว่าวินจะทำอะไรมาได้แค่ไหนแล้วก็ตาม แต่ที่เหลือนี่ผมจะทำต่อเอง” ไกด์ว่า “ผมจะทำเรื่องนี้เอง และผมไม่สนว่าพ่อของวินจะว่ายังไง ผมรักลูกชายเค้า และผมจะไม่ยอมให้เค้าทำอะไรคนที่ผมรักต้องเจ็บปวดอีก”
“คุณไกด์มันไม่ง่าย...”
“เค้าเป็นพ่อลูกกันคุณเจน” ไกด์ว่า “ถ้าเค้ายังหลงเหลือความเป็นพ่ออยู่ เค้าต้องเสียใจในสิ่งที่เค้าทำ พาผมไปพบเค้า ผมขอล่ะ”
เจนมองหน้ากาย ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามมากมาย
“ผมกับนัทจะตามหาเอิร์ธ” กายพูดทันที “วันพุธสิบโมง ยังไงซะการประชุมผู้บริหารก็ต้องดำเนินต่อไป”
“เอกสารของเจนอยู่ในร้าน สัญญาทุกอย่างคงถูกเผาไปหมด” เจนจิราว่า “คุณจีโอไม่รับโทรศัพท์ เจนติดต่อเค้าไม่ได้มาทั้งวัน เจนกับคุณไกด์ก็เลยจะออกไปตามหาเค้าแต่ก็โดนระเบิดกันซะก่อน”
“คุณบอกผมไม่ให้บอกมิกเรื่องนี้ แต่ถ้าเรื่องระเบิดนี่ออกข่าว ผมก็ไม่รู้จะปิดมันได้อีกนานมั้ย” นัทพูดขึ้น “จากเท่าที่รู้มา ถ้ามิกรู้เรื่องนี้อีกคน มันดึงเอิร์ธออกจากเกมส์นี้แน่”
“พวกคุณหาเอิร์ธให้เจอภายในคืนนี้ได้มั้ย” เจนจิราถามกายและนัท ที่มองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจนัก
“ถ้าเค้ายังอยู่ในปารีส เราจะต้องเจอเค้า” กายว่า “เรื่องระเบิดที่นี่น่าจะทำให้เอิร์ธออกมาจากเงามืดบ้าง”
“เราจะหาเค้าให้เจอเจน” นัทตอบเธอ
“ฉันฝากเจนด้วย จะทำอะไรก็รีบทำ” กายพูดกับไกด์ทันที “นัท ไปกับผม”
นัทพยักหน้าก่อนจะตบไหล่เจนครั้งหนึ่ง และออกเดินไปกับกายออกจากกลุ่มผู้คนที่กำลังเดินขวั่กไขว่ ไกด์มองหน้าเจนที่มองไปเบื้องหน้า สำหรับเธอ นี่เป็นเรื่องที่ซับซ้อนเกินกว่าเธอจะนึกถึง เธอไม่แน่ใจนักว่าเธอจะสามารถแก้ไขสิ่งที่ตัวเองทำพลาดไปหรือเปล่า
“จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณได้เจอเค้า” เจนถาม “พ่อของวิน”
“ยังไม่ได้คิดเหมือนกัน” ไกด์ว่า “ก็อาจจะถาม แล้วก็ขอร้องให้เค้าหยุดเรื่องเลวร้ายนี้ซะ”
“คุณว่าเป็นเค้ามั้ย” เจนว่า “เรื่องระเบิดร้าน”
“ผมไม่อยากกล่าวหา” ไกด์ว่า “แต่ผมคิดว่าเป็นเค้า เพราะถ้าเค้ารู้เท่ากับที่คุณรู้ ก็ไม่แปลกที่เค้าจะทำลายที่พึ่งเดียวของวิน”
“แล้วเค้าก็จะทำลายคุณ” เจนว่า “คุณวรพัฒน์เป็นนักธุรกิจที่น่ากลัว เค้าทำให้เงินลงทุนหลายพันล้านหมุนได้ภายในเวลาไม่กี่ปี เค้าทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งตัวเองต้องการ”
“ผมจะแจ้งความ เขาต้องได้รับโทษตามกฎหมาย” ไกด์ว่า
“ได้น่ะได้” เจนจิรา “แต่ก่อนกฎหมายจะถึงตัวเค้า เค้าก็คงไปไกลแล้ว คุณเป็นคนไทย ถ้าเกิดอะไรกับคุณ ปารีสไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรเลย เพราะคุณวรพัฒน์ก็เป็นคนไทย นี่มันก็แค่การขัดแย้งทางธุรกิจของชาวต่างชาติ”
“เกล็ดหิมะจะไม่ถูกเผาไปฟรีๆ” ไกด์พูด “จะไม่มีใครถูกทำลายอีก ก่อนการประชุมนั่นจะเกิดขึ้น”
ราวกับมีใครเตือนสติเจนทันที
“คุณไกด์” เจนจิราจับตัวเค้า “ถ้านี่เป็นฝีมือคุณวรพัฒน์ นั่นหมายความว่าเขากำลังพยายามทำลายทุกอย่างที่เป็นที่พึ่งของวิน”
เธอพูดเสียงสั่นรัว
“จีโอ” ไกด์พูด พลางลุกขึ้นทันที พร้อมกับค่อยๆประคองตัวเธอลุกขึ้น และเดินออกไปจากตรงนั้น
เปลวไฟที่ลุกโชติช่วงยัคงส่องสว่างท่ามกลางความวุ่นวายในคืนนั้น ก่อนทุกอย่างจะสงบลงก็กินเวลาไปเกือบทั้งคืน ไกด์และเจนจิราออกเดินไปยังที่พักของจีโอที่อยู่ไม่ไกลจากร้านเกล็ดหิมะนัก
..................
ในขณะที่เสียงร่ำร้องของเจ๊ใหญ่ค่อยๆสงบลง เหลือเพียงใบหน้าอันโศกเศร้า รายล้อมด้วยเหล่าผู้คนอีกหลายชีวิตที่นั่งมองซากปรักหักพังของความหวังที่ถูกทำลายลง เจ้าหน้าที่ทยอยเก็บของทุกอย่างให้เรียบร้อย และเข้าเคลียร์สถานที่ เจ๊ใหญ่ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น จนกระทั่งเสียงๆหนึ่งปลุกให้เธอตื่นขึ้น
“เจ๊...เจ๊ครับ” เสียงอันสั่นเครือ ดึงให้เธอหันมามองเจ้าของเสียงนั้นทันที เธอมองร่างนั้นด้วยหัวใจที่สั่นไหว
“ว....วิน” เธอร้องด้วยเสียงสั่นเครือ ก่อนจะโผเข้ากอดร่างนั้นทันที “ไม่เหลืออะไรแล้ววิน เจ๊ไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่มีอะไรเหลือเลยจริงจริงวินนนนน”
วินกอดเจ๊ใหญ่ไว้แน่น พลางมองไปยังสร้างปรักหักพังตรงหน้า เขากัดฟันพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบหน้า
“ไม่เป็นไรเจ๊” วินพูดเสียงสั่น “ใจเย็นก่อนนะเจ๊ ไม่เป็นไรนะ”
ความพ่ายแพ้ เป็นสิ่งหนึ่งที่เขาต้องยอมรับ ชายหนุ่มกวาดสายตาไปรอบๆ หวังว่าจะได้พบร่างไกด์ แต่ก็มีเพียงซากที่เหลือจากความพ่ายแพ้นั่นเองที่ตอกย้ำว่า การเดินทางของเขามาสุดถึงปลายทางแล้ว
เขาไม่มีทางหนีพ้นจริงๆอย่างที่พ่อของเขาว่า
สิ่งที่เขาสู้มาทั้งหมดมันก็เป้นเพียงแค่ความฝัน
เอิร์ธพูดถูก สัญญาทุกอย่างเ็นอันยกเลิก
ขอโทษนะไกด์.....เรื่องของเราสองคนคงเป็นไปไม่ได้.....ฉันทำได้แค่นี้จริงๆ
“เจ๊” วินพูดเบาๆ “ผมมีวิธีช่วยครับ....”
.............