- STEP 36 -
“ผมไม่ได้ชอบพี่ และผมก็มีแฟนแล้วด้วย แฟนผมขี้หึงมากด้วยครับ”“ถ้าแอลพูดขนาดนี้...พี่ก็คงหมดหวังแล้วล่ะสิ”
เห็นพี่กานต์ทำหน้าเศร้าก็สงสาร แต่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะผมไม่ได้รักและไม่ได้ชอบพี่กานต์ ผมเลยถือโอกาสตบบ่าพี่กานต์
“เอาน่า...พี่กานต์ต้องเจอคนที่ดีกว่าแอลแน่”
พี่กานต์พยายามจะยิ้ม แต่ดูแล้วก็เป็นรอยยิ้มที่ฝืดเฝื่อนเต็มทน ก่อนที่จะปลดล็อคประตูรถ ผมก็ร่ำลาและขอบคุณก่อนจะก้าวลงมา เห็นพี่กานต์นั่งนิ่งอยู่ซักพัก เหมือนจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ก่อนจะยอมออกรถ นี่แหล่ะความรัก...เมื่อมีคนสมหวัง ก็ต้องมีคนผิดหวัง มันเป็นสัจธรรม
อยากจะบันทึกลงกินเนสบุ๊คส์ ชีวิตของผม...ผู้ชายหน้าตาหล่อเหมือนณเดชน์ แต่ดันมีแต่เพศเดียวกันเข้ามาจีบ ถึงจะมีแฟนเป็นผู้ชาย แต่ยังอยากจะยืนยันว่า...ขอเป็นแฟนกับผู้ชายชื่อเภาคนเดียวพอ!! จบนะ
ผมยืนมองส่งรถพี่กานต์จนลับสายตา ก่อนจะก้มลงมองมือมัมมี่ของตัวเอง แค่คิดว่าต้องทำแผลทุกวัน ก็เดินคอตกเข้าคอนโดทันที พอมาถึงห้องก็วางถุงยาแหมะด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ อยากจะลาขาดจากกันเต็มแก่ แต่เพื่อเห็นแก่สุขภาพของมือ คงต้องยอมทน
ผมยัดยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบเข้าปาก กรอกน้ำตาม อยากจะอาบน้ำแต่พอดูสภาพมือตัวเองแล้วก็อยากจะซักแห้งตัวเองทันที ดีนะที่เป็นมือซ้าย ถ้าเป็นมือขวาคงยุ่งตายชัก
ผมยักแย่ยักยัน ความจริงคือเอามือยันผนังห้องน้ำ แล้วจัดการเปิดฝักบัวอาบด้วยความยากลำบาก เสร็จแล้วก็ต้องมาแต่งตัวด้วยความทุลักทุเล นึกสงสารคนมือด้วนทันที นี่ขนาดผมแค่เจ็บมือชั่วคราวนะครับ คนที่มือขาดคงลำบากน่าดู
กว่าจะเรียบร้อยผมก็แทบหมดแรง เลยล้มเลิกความคิดที่จะเปลี่ยนผ้าพันแผล ดีที่แผลเพิ่งทำมา ผมจัดการส่งข้อความบอกพี่เภาว่าจะนอนแล้ว ก่อนจะพาตัวเข้าสู่ห้วงนิทรา พร้อมซุกมือมัมมี่ที่พุงตัวเอง เผื่อคนที่กลับมาตอนดึกเห็นเข้าแล้วจะคลั่ง หึหึ ผมนี่รอบคอบมาก
ผมนอนหลับอยู่นาน ก่อนจะขยับตัวหนีด้วยความหงุดหงิด เมื่อรู้สึกว่ามีคนมารบกวนการนอนของผม แต่ขนาดพยายามหนี อีกคนก็ยังพยายามตาม จนต้องเอามือปัดป่ายด้วยความรำคาญ แต่มันคงเป็นความคิดที่ผิดถนัด เพราะมือมัมมี่ที่ผมยื่นมาปัด ถูกคว้าหมับทันที
“แอล...ตื่นมาคุยกันเดี๋ยวนี้เลยนะ” เสียงดุของพี่เภาดังอยู่ข้างหู แต่...
“อื๊อ จะนอน” ผมตอบเสร็จ แล้วก็ซุกหน้าลงกับหมอนหนีทันที
“แอล...ถ้ายังนอนต่อ พี่จะลักหลับแล้วนะ”เฮือก!! เป็นคำขู่ที่โคตรโรคจิต บอกความเป็นพี่เภามากเลยครับ ผมลืมตาทันที แล้วก็เห็นผู้ชายหน้าตาดี แต่บ้ากามกำลังยืนคร่อมตัวผมอยู่ แต่ตาน่ะกำลังเพ่งมองมือผมเขม็งเลย ผมลองหยิกตัวเองดู เผื่ออาจจะกำลังฝันร้ายอยู่ แต่...มันคือความจริงครับ!!
“นี่อะไร?” เสียงพี่เภาเย็นเจี๊ยบมาก เพิ่งออกมาจากตู้แช่แข็งหรือเปล่าเนี่ย
“มือซ้าย” เออเนอะ...ผมก็ยังมีอารมณ์กวนตีนอีก
“ไปโดนอะไรมา” ชัดเจนเข้าประเด็นกันเลยครับ
“อ่า...ก็...จานมันแตก แล้วมันก็เลยบาด แต่หาหมอทำแผลเรียบร้อยแล้วนะ ฉีดยากันบาดทะยักแล้วด้วย” ผมพูดรัวเร็ว ที่สะลึมสะลืมเมื่อซักครู่ ตื่นเต็มตาเรียบร้อย
พี่เภานิ่ง จนผมกลัว พอสังเกตดูก็เห็นคนที่เพิ่งกลับมายังสวมชุดนักศึกษาอยู่เลย พลิกดูสองทีแล้วพี่เภาก็ปล่อยมือผม เปิดตู้หาของกุกกัก ก่อนจะหยิบเอากล่องปฐมพยาบาลออกมา
“พี่เภา...ที่คลินิกเขาทำแผลมาแล้ว” พอพี่เภาหยิบแอลกอฮอล์ออกมา ผมก็ประท้วงเสียงสั่นทันที
เฮือก!! เกลียดรองจากเข็มฉีดยา ก็แอลกอฮอล์กับเบตาดีนนั่นแหล่ะครับ คอยดูนะ เดี๋ยวจะผมจะโละพวกจานที่ตกแล้วแตกออก เปลี่ยนเป็นจานพลาสติกยกตู้เลย ตัดไฟแต่ต้นลมซะ ฮึ่ม!!
“แต่พอแอลอาบน้ำแล้วไม่ยอมทำแผล” เกลียดคนรู้ทันชะมัด
“อ่า...ก็มันทำไม่ค่อยถนัดนี่นา” ผมอ้างไปนู่น ความจริงจะทำก็ทำได้
“พี่ก็กำลังทำให้อยู่นี่ไง เอามือมา...” เออ! บังคับเข้าไปนะ
พอพี่เภาแกะผ้าพันแผลออก ผมก็หลับตาปี๋เลยครับ ก่อนจะลืมตาโพลง เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นวาบแตะลงที่หน้าผาก พอลืมตาก็เห็นคุณบุรุษพยาบาลยื่นหน้ามาซะเต็มจอ แล้วพูดหน้าตาเฉย
“จูบปลอบขวัญ”
กว่าพี่เภาจะจัดการทำแผลเสร็จ ผมก็แทบจะสะบัดมือออกหลายรอบ ยิ่งตอนที่ลงเบตาดีนนี่ผมแทบจะลุกมาเต้น จนพี่เภาต้องกอดเอวแน่น พอทำแผลเสร็จผมก็ขยับตัวเข้าซุกพี่เภาทันทีเลย พี่เภานั่งกอดผมอยู่นานก่อนจะขยับตัวลุก แต่ยังไม่ยอมไปไหนเสียที
“ไม่อาบน้ำเหรอพี่เภา”
พี่เภาหรี่ตามองมือมัมมี่ของผมใหญ่เลย ผมก็ยิ้มลูกเดียว ได้แต่ขอโทษขอโพยในใจ สัญญาเลยว่า หลังวันเกิด ถามอะไรมาจะตอบทุกอย่างไม่มีปิดบัง ไม่บิดพลิ้วด้วยเอ้า แต่จู่ๆพี่เภาก็ดึงตัวผมเข้าไปกอดแน่นอีกรอบ จนผมหน้าเหวอเลยครับ
“คราวหลังเป็นอะไรต้องบอกพี่นะ ถึงจะเล็กน้อย แต่พี่ก็เป็นห่วง” เสียงทุ้มกระซิบชิดหู ให้ความรู้สึกดีเหลือเกิน อบอุ่นจนต้องยกมือขึ้นกอดตอบ
“ขอโทษครับ แต่แอลไม่เป็นไรแล้วจริงๆนะพี่เภา เดี๋ยวก็หายแล้ว”
“เวลาหยิบจับอะไรก็ระวังด้วยนะ พี่ไปเปลี่ยนจานในตู้เป็นจานพลาสติกหมดเลยดีไหม เวลาตกจะได้ไม่แตกแล้วบาดมือแอลด้วย โละแก้วทิ้งให้หมดด้วย ใช้แบบพลาสติกให้หมดเลย”
เอิ่ม...ถึงผมจะเคยคิดแบบพี่เภา แต่ก็คิดเล่นๆ พอพี่เภามาพูดด้วยหน้าตาจริงจัง เลยรู้สึกว่ามันเวอร์เหมือนกันแฮะ จะให้มาใช้จานชามพลาสติกเหมือนเด็กอนุบาลก็ใช่เรื่อง
“ไม่เป็นไรหรอก คราวหน้าแอลจะระวัง พี่เภาไปอาบน้ำเถอะ”
“ครับ แอลนอนไปเลยนะ ไม่ต้องรอพี่ ฝันดีนะครับ”
ผมยิ้มหลับก่อนจะหลับตาพริ้ม เพราะเริ่มจะเพลียๆง่วงๆขึ้นมาอีกรอบแล้วเหมือนกัน สัมผัสอุ่นแตะลงบนที่หน้าผากเบาๆ ให้ผมได้ยิ้มกว้างกว่าเดิม ก่อนจะหลับสนิทอย่างง่ายดาย เพราะวันนี้ผมเพลียมากเลยนี่นา
.
.
ตื่นเช้ามาพี่เภาก็ดูแลผมดีมาก จนผมต้องรีบบอกเลยว่า
“พี่เภา แอลแค่เจ็บมือ ไม่ได้พิการนะ”
แหม...ก็คุณชายเขาเล่นจะมาช้อนตัวอุ้มผมเข้าห้องน้ำ มากไปครับ ถึงมันจะสบายตัวก็จริง แต่ใครมันจะไม่เขินล่ะครับ ตื่นมาก็โดนอุ้มตัวลอยจากเตียง ด้วยท่าเดียวกับที่ใช้อุ้มเจ้าสาวเข้าห้องหอยังไงยังงั้นเลย
เข้ามาในห้องน้ำ ก็เซอร์วิสพร้อม จนกลัวว่าอาจจะต้องมีให้ทิปกันเลยทีเดียว พี่เภาบีบยาสีฟันใส่แปรงสีฟันให้พร้อม ผมยืนแปรงฟันจนเสร็จ พี่เภาก็ยังไม่ออกไปซะที
“อ้าว...พี่เภา ไม่ออกไปข้างนอกแล้วแอลจะอาบน้ำยังไงล่ะ”
“ไม่ต้องให้พี่อาบให้เหรอ เดี๋ยวน้ำมันโดนแผล แล้วมันจะติดเชื้อ แล้วก็อาจจะอักเสบได้นะ” อย่ามามึนครับคุณชาย ผมไม่หลงกลหรอก
ผมรีบดันพี่เภาออกไปนอกห้องเลย คนตัวสูงก็ดึงดันทำท่าจะช่วยอาบให้ได้ กว่าจะเคลียร์กันได้เล่นเอาเหนื่อย ต้องให้คุณชายเขาไปเตรียมเสื้อผ้ากับทำแซนด์วิชให้แทน เผื่อบางคนจะเริ่มสับสน ผมแค่โดนจานกระเบื้องบาดมือนะครับ พี่เภาทำเหมือนผมง่อยเปลี้ยเสียขา เอะอะเป็นจะจับอุ้มตลอด
ตอนมาส่งผมที่คณะ ก็เรียกไอ้เวย์มากำชับนักหนา จนไอ้เวย์แทบจะเอาตีนก่ายหน้าผาก
“เวย์...แกจดเลคเชอร์แทนแอลให้หมดเลยนะ”
“คร้าบพี่ แต่ไอ้น้องแอลมันเจ็บมือซ้ายนะ ใช่ไหมมึง” มันหันมาถาม ผมก็พยักหน้าหงึกหงัก
“เออๆ นั่นแหล่ะ เผื่อขยับมือขวาแล้วมันจะกระเทือนมือซ้าย”
ทฤษฎีไหนของพี่เภาวะนั่น โชคดีที่พี่แกไม่ได้เรียนหมอ ไปพูดให้หมอได้ยิน มีหวังตกใจ เส้นประสาทระหว่างมือสองข้างมันเชื่อมถึงกันเหรอยังไง
“ถ้าแอลจะไปเข้าห้องน้ำหรือไปไหน แกก็ไปเป็นเพื่อนด้วยนะ”
“ทำไมอ่ะ ทุกทีมันก็ไปของมันเองได้นี่หว่า” ไอ้เวย์เกาหัวแกรกๆ ไม่เข้าใจพี่เภาแบบจริงจัง มันมองมือผมสลับกับหน้าพี่เภาด้วยความสงสัยเต็มแก่
“อ้าว...เผื่อแอลทำอะไรไม่สะดวก แกจะได้ช่วยไง”
“เวลามันจะเยี่ยว ให้ผมจับน้องชายให้มันด้วยเลยไหมล่ะ”
“ไอ้เหี้ยเวย์!!”
“เสือก!! ไม่ต้อง”ไอ้เวย์แม่งหัวเราะร่าเลย พี่เภาชี้หน้ามันเป็นเชิงคาดโทษ ก่อนจะหันมาห้ามผมสารพัดจะห้าม เอาเลยครับ ตามสบาย นี่ขนาดแค่มือเจ็บนะ ไม่ได้เป็นง่อยครับ
.
.
ตอนกลางวันพี่เภาเลยเป็นฝ่ายเดินมากินข้าวที่โรงอาหารวิศวะแทน มาถึงก็คอยประคบประหงมผมยังกับเป็นเมียท้องแก่ จนทั้งเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้องแม่งเป่าปากแซวกันตั้งแต่หน้าคณะยันโรงอาหาร คิดว่าพี่เภาจะแคร์ไม่ล่ะ แฟนผมเป็นคนเปิดเผยที่สุด ยิ้มรับหน้าชื่นตาบานกันเลยทีเดียว เอาเข้าไป
ผมก็นั่งเป็นเมียท้องแก่ มีผัวแสนดีคอยเอาอกเอาใจ แทบจะป้อนข้าวป้อนน้ำให้ กินไปไม่ถึงสามคำก็แทบสำลัก ตอนได้ยินเสียงคุ้นหู
“หวานขอมากินข้าวที่โรงอาหารวิศวะบ้าง คงไม่มีใครว่าอะไรนะคะ”
“แหม...ใครจะไปว่าอะไรได้ล่ะคะ โรงอาหารนี่มันของส่วนรวม ไม่มีใครเป็นเจ้าของ แต่ถ้าเป็นของที่มีเจ้าของอยู่แล้ว ก็ต้องระวังหน่อยนะคะ” นิหน่าพูดหน้ายิ้มๆ แต่เล่นเอายัยน้องหวานสะอึกไปเลย แหม...เพื่อนผมนี่แรงดีไม่มีตก
ยัยน้องหวานอัญเชิญตัวเองมานั่งร่วมโต๊ะกับพวกผมเสร็จสรรพ บอกแล้วว่าคนมีเจ้าของนี่กลิ่นมันแรง น้องเขาเลยเดินตามกลิ่นมาเลยเห็นไหมเนี่ย ผมตอนแรกกำลังอายบวกเซ็ง ที่กำลังโดนโอ๋ต่อหน้าเพื่อนฝูง พอเจอหน้าน้องหวานก็ยิ้มเลยครับ เพราะนึกอะไรดีๆออกพอดี
“พี่เภา แอลอยากกินไก่ แกะให้หน่อย ป้อนด้วยนะ มือเจ็บ”
พี่เภาทำหน้างงๆ แต่พอเหลือบไปเห็นน้องหวานมองมา ก็ถึงบางอ้อทันที แล้วก็ทำให้ผมแบบไม่มีเกี่ยงงอน ผมก็เลยเอาแต่ใจให้เต็มที่เลย ความจริงก็ชอบนะครับ เวลามีคนเอาใจ แต่มันอายเพื่อนครับ แต่คราวนี้ต้องยอมอาย เพราะขนาดบางคนเขายังไม่มียางอายเลย
“แอลไม่ชอบกินหนังไก่อ่ะ เอาออกด้วยนะ” ผมสั่งอีก
“พี่แอล เอาแต่ใจมากๆระวังพี่เภาจะเบื่อนะคะ”
“ขอบคุณครับที่เป็นห่วง แต่พี่ไม่เบื่อแอลหรอก พี่กลัวแอลจะเบื่อพี่มากกว่า แล้วพี่ก็เต็มใจทำให้
‘แฟน’ พี่ด้วยครับ” พี่เภาเน้นคำว่า
‘แฟน’ ชัดมาก ผมงี้นั่งยิ้มกริ่มเลย ชนะใสๆแบบไม่ต้องลงเอง
ตลอดมื้ออาหาร ผมก็ทั้งออดทั้งอ้อนพี่เภา โดยที่มีไอ้เวย์กับนิหน่ามองอย่างหมั่นไส้ ส่วนน้องหวานนี่นั่งค้อนผมตาถลนเลยครับ ผมก็ไม่แคร์ เอาสิ ทนได้ก็ทนไป จะนั่งสวีทให้ดูอย่างนี้แหล่ะ พอกินข้าวเสร็จ น้องหวานก็รีบหนีกลับคณะไปเลยครับ สงสัยคงทนดูแฟนเขาจู๋จี๋กันไม่ได้
เชิญเป็นไปเถอะ นางเอกละครเวทีน่ะ ส่วนในชีวิตจริงคงไม่ต้องให้ตอกย้ำ ว่าใครกันแน่ที่เป็น
‘ของจริง’“น่าชวนน้องหวานมากินข้าวที่นี่บ่อยๆเนอะ” พี่เภาแกล้งเปรยขึ้นมา
“ทำไม?” ผมถามเสียงห้วนเลยครับ คิดอะไรหรือเปล่าเนี่ย
คำตอบคือ...
“หึหึ ก็เวลาน้องหวานเขามากินข้าวด้วย แล้วคนแถวนี้อ้อนเอาๆน่ะสิ พี่ชอบ ปกติแฟนพี่เอาแต่นั่งอายลูกเดียว”
เอิ่ม...ไปต่อไม่ถูกเลยผม เจอพี่เภามาแบบเหนือเมฆ
.
.
[ต่อด้านล่าง]