STEP 48
ผ่านพ้นคืนวันคริสต์มาส ที่ร่วมเฮฮากันที่ร้านของน้องจีน และแปลงร่างกันเป็นเหล่าซานต้ามาบันดาลความสุข ก็มาถึงเทศกาลที่หลายคนรวมถึงผมรอคอย แท่น แทน แท๊น...เทศกาลส่งท้ายปีเก่า และก้าวเข้าสู่ปีใหม่ครับ เมื่อก่อนผมก็กลับไปหาครอบครัวบ้าง หรือบางปีก็อยู่เมาหัวทิ่มกับผองเพื่อน ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะนัดหมายอะไรกันยังไง แต่ปีนี้ยังไงก็ไม่ได้บินกลับไปหาที่บ้าน ก็ตามสเต็ปเลยครับ...
คนอื่นก็ยกขโยงกันมาที่คอนโดพี่เภา ยึดเป็นศูนย์บัญชาการวางแผนสำหรับปีใหม่ ถกเถียงกันอยู่ร่วมชั่วโมง ใจความสำคัญคือต้องเคาท์ดาวน์ด้วยกัน ใจความรองลงมาคือ จะกินเหล้าฉลองบ้าง จะไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลบ้าง
“เคาท์ดาวน์ปีใหม่เสร็จ แล้วตอนเช้าก็ไปไหว้พระกัน” พี่เภาสรุปเป็นมติเอกฉันท์
“อันนั้นกูรู้อยู่แล้วไอ้เภา แต่ประเด็นคือ...”
“ใครจะเป็นสปอนเซอร์สนับสนุนค่าเหล้า”
“เออ! ใครจะเป็นเป็น เอ๊ย เหี้ยแล้ว!! กูไม่ได้หมายถึงสปอนเซอร์ไอ้ห่าเชน กูหมายถึงพวกมึงจะเคาท์ดาวน์กันบ้านใคร” พี่จอมด่าพี่เชน ที่ทำเสียเรื่อง ประชุมกันยิ่งกว่าวาระระดับชาติ
พี่เภากับผมครองโซฟา แบบไม่แคร์สายตาเจ้าของบ้าน ที่ลงไปนั่งอยู่กับพื้น ไอ้เวย์ยึดเกมส์เพลย์ของพี่จอม ไปนั่งเล่นอยู่มุมห้องกับน้องจีน ที่ดูจากสภาพแล้ว เหมือนน้องจีนกำลังเพลี่ยงพล้ำโดนไอ้เวย์ใช้ท่าไม้ตายโจมตี จนได้ยินเสียงโวยวายมาเป็นระยะ
“ขี้โกง!! ทำไมใช้แต่ท่าไม้ตายวะ” น้องจีนชักเดือดที่แพ้ติดกันมาหลายตา
“อ้าว ใครไม่ใช้ท่าไม้ตายก็โง่ละ” นอกจากไม่เดือดร้อน มันหันมายักคิ้วใส่ แล้วซัดตัวน้องจีนลงไปหมอบ จนขึ้น K.O. เต็มหน้าจออีกต่างหาก
“โหย...ไม่เล่นละ ไปเล่นกับพี่แทนเลยไป”
ไอ้เวย์มันหัวเราะก่อนจะยักไหล่ แล้วหยิบจอยของน้องจีนส่งให้ไอ้แทนที่นอนเลื้อยอยู่ข้างๆ ไอ้แทนผงกหัวขึ้นมาดูก่อนจะรับจอยมากด แล้วเลือกตัว ส่วนน้องจีน...เดินหายไปหาของกินเรียบร้อย
“ตกลงจะจัดงานบ้านใครเนี่ย” พี่จอมถามเป็นรอบที่ล้านแปด
“มีตั้งแปดบ้าน มึงจะเอาบ้านใคร มึงก็เลือกเอาสิ” พี่เชนตอบกวนๆ วอนตีนพี่จอมมาก
“พวกที่อยู่คอนโดอย่างไอ้น้องแอลนี่ตัดทิ้งไปได้เลย บ้านไอ้จีนก็ตัดทิ้ง” ไอ้เวย์ที่นั่งเล่นเกมส์อยู่หันมาออกความเห็นบ้าง
“กูอยากกินแต่ขี้เกียจเก็บล้างหว่ะ อยากเมาแล้วหลับเลย” ไอ้แทนมันออกไอเดีย แต่เล่นเสนอมาแบบนี้ ตัวเลือกก็เหลืออยู่ไม่เยอะแล้วล่ะครับ
“ถ้างั้นก็มีผู้ผ่านเข้ารอบสามคน บ้านคุณชายเภา บ้านคุณชายจอม และบ้านคุณชายเพียว”
สามคุณชายมองหน้ากัน แล้วก็ทำหน้าแบบว่า...กูว่าแล้ว งานนี้ยังไม่ต้องมีโหวตตามหลักประชาธิปไตย ก็มีอาสาสมัครเสนอตัวทันทีครับ จะใครซะอีกล่ะครับ...แฟนผม แฟนผมเอง แมนสุดๆ
“ถ้าพวกมึงจะแดกกันจนหลับก็ไปแดกบ้านกูเนี่ยแหล่ะ”
“โอ้โห! เพื่อนกูอาสาเองเลยครับ ใจป้ำหว่ะ”
“เปล่า เผื่อเมาแล้วขับรถกลับไม่ได้ กูไม่อยากให้แฟนกูไปค้างบ้านคนอื่น”
“น้อยๆหน่อยมึงไอ้เภา กับเพื่อนกับน้องยังหวงอีกนะ”
“เออ! จะกับใครกูก็หวงทั้งนั้นแหล่ะ คราวนี้ใครให้แฟนกูแดกเบียร์อีกนะ กูจับกระทืบแม่งเลย” พี่เภาพูดเสร็จแล้วก็หรี่ตามองเพื่อนสามตัวของผมเป็นเชิงคาดโทษ
ผมก็นั่งเฉยฟังอย่างเดียว พูดมากเดี๋ยวความจะแตก ได้แต่นั่งเนียนๆ ไม่มีปากมีเสียง หลีกเลี่ยงการสบตากับผู้สมรู้ร่วมคิดทุกๆคน อย่าได้ขุดคุ้ยเรื่องกินเบียร์คราวก่อนขึ้นมาเลย
“เออๆ สรุปเคาท์ดาวน์บ้านมึงนะเภา แล้วจะแดกอะไรกันดีล่ะ” พี่จอมรีบดึงกลับเข้าประเด็นเดิม
“จัดบลู เลเบิ้ลให้น้องหน่อยๆสิ” ไอ้เวย์มันเสนอ ผมก็ตาลุกวาวทันทีครับ
“สัด กูหมายถึงจะแดกของคาวอะไรกัน ไม่ได้ถามถึงเหล้า” พี่จอมด่าไอ้เวย์เข้าให้ ผมเลยรีบหดคอกลับมา แต่พี่เชนไม่วายสานต่อ
“มึงนี่ล่อของแพงเลยนะ ตอนนั้นที่มึงซื้อมายังเหลืออยู่สองลิตรนี่เภา จัดหน่อยไหมมึง”
“แดกโกลด์ไปก็พอ กินของแพง กินเสร็จก็เยี่ยว เปลือง” พี่เภามันตอบหน้านิ่งๆ
ไอ้เวย์กับผมนี่ตาละห้อยเลย แต่ผมนั่งแอบอยู่ข้างหลังพี่เภา พื่เภาเลยไม่เห็น จะทำยังไงกันได้ล่ะครับ เหลือตัวช่วยสุดท้าย...ตัวไหนเหรอ ตัวกูนี่ไง ไอ้เวย์ก็ขยิบตาส่งซิกให้อยู่นั่นแหล่ะ
“พี่เภา...แอลอยากกินบลูมั่ง โกลด์อ่ะ แอลกินบ่อยแล้ว” ไม่พูดอย่างเดียวนะครับ ทำตาประจบประแจงเข้าใส่อีกต่างหาก ไม่ใจอ่อนให้มันรู้กันไป เพื่อน้องบลู พี่แอลทำได้อยู่แล้ว
“แอลอยากหรือไอ้เวย์มันอยาก”
“แอลก็อยาก ไอ้เวย์ ไอ้แทน ไอ้เพียวก็อยาก...นะๆๆ”
“ให้ลิตรเดียวพอ ไม่มีเบิ้ล กินเสร็จ ห้ามขี้ห้ามเยี่ยว”
“เหยด!! พ่อมึง กินแล้วไม่ให้ขี้ให้เยี่ยว กูคนนะเว้ย มึงเสียดายมาก เก็บเยี่ยวกูไปบ่มต่อไหมล่ะ” พี่เชนโวยทันที
ผมก็หัวเราะขำเป็นแบ็คอัพ ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย พี่เภาแม่งบ้า กินเหล้าก็ฉี่บ่อยจะแย่ นี่มาสั่งไม่ให้ฉี่ เอาตาตุ่มคิดเหรอไงวะเนี่ย พี่เภาได้ยินเสียงผมหัวเราะ เลยหันมาหรี่ตามองดุๆ
“แล้วตกลงของกินนี่พวกมึงจะแดกอะไรกัน หรือมึงจะแดกกันแต่เหล้า” พี่จอมนี่ให้อารมณ์ประมาณหัวหน้าห้องมากๆ คอยควบคุมคนอื่นไม่ให้แตกแถว ส่วนผมนี่คงอารมณ์เด็กหลังห้องล่ะครับ
“หมูกระทะ บาร์บีคิว สุกี้ เอาอะไรดีล่ะพี่ ที่มันกินง่ายๆ” ไอ้เพียวเสนอความเห็น
“สุกี้!! แอลอยากกินสุกี้”
ไอ้เวย์หันมาตบหัวผมด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะกัดเบาๆ
“เค้าไม่ได้ขอความเห็นมึงคนเดียวนะไอ้น้องแอล รู้จักไหม ประชาธิปไตยน่ะ”
“ตกลงเอาเป็นว่ากินสุกี้นะ” พี่เภามันตัดบทเรียบๆ ผมเลยหันไปยิ้มเยาะไอ้เวย์ทันที
“ประชาธิปไตยอะไรของมึง รู้ไว้ซะบ้างว่าใครใหญ่” ผมหัวเราะใส่หน้ามันเลย นี่ไง หัวเราะทีหลังดังกว่า
“กูลืม ว่าประชาธิปไตยใช้กับผัวมึงไม่ได้ เพราะพี่เภามันลัทธิเผด็จการ”
เออ!...อันนี้กูไม่เถียง กูเห็นด้วยเลยครับเวย์ โคตรแห่งความเผด็จการเลย
.
.
ความจริงแล้วกินสุกี้ก็เป็นความคิดที่ดีนะครับ เพราะไม่ต้องเตรียมการอะไรมาก นอกจากซื้อของสดอย่างเดียว โชคดีอีกอย่าง ช่วงปีใหม่ครอบครัวพี่เภา ความจริงต้องบอกว่าป่าป๊าม่าม๊า และพี่เพิร์ลไปต่างประเทศกัน พวกผมเลยครองบ้านกันเลยครับ
ก่อนวันสิ้นปี ผมกับพี่เภาก็ไปส่งป่าป๊าม่าม๊า และพี่เพิร์ลที่สนามบิน เสร็จแล้วก็กลับมาเก็บข้าวของที่คอนโด เพราะจะย้ายมาอยู่บ้านพี่เภาเป็นการชั่วคราว เพราะพี่เภาไม่อยากปล่อยให้ไอ้ภามอยู่บ้านคนเดียว ไม่ใช่ว่าห่วงภามนะครับ แต่พี่เภาบอกว่าห่วงบ้านต่างหาก เหอะๆๆ ถ้าภามรู้เข้า มันคงโวยอีก
ภามมันได้ใบขับขี่มาแล้วเรียบร้อย แต่ยังไม่มีรถ ช่วงนี้ที่ไม่มีใครอยู่บ้าน มันเลยยึดเอารถพี่เพิร์ลไปใช้เรียบร้อย เห็นป่าป๊าบอกว่า รอให้ภามมันเข้ามหาวิทยาลัยก่อน ค่อยมาคุยกันเรื่องรถอีกที พี่เภาก็เป็นพี่ชายที่แสนดี จะยกรถของตัวเองให้น้อง พอถามว่าแล้วของตัวเองจะใช้อะไร พี่แกบอกว่า...
“ว่าจะถอยคันใหม่ คันเก่ายกให้ไอ้ภาม” เท่านั้นแหล่ะ ไอ้น้องภามมันโวยเลยครับ
“เฮ้ย!! ไม่เอาอ่ะ ภามจะเอาคันใหม่ ภามเล็งไว้เรียบร้อยแล้วนะ”
“เล็งอะไร เดี๋ยวกูให้ป๊าซื้อควายให้มึงขี่ไปเรียนเอาไหม เท่ห์สัดๆอ่ะ ลดโลกร้อนและอนุรักษ์ธรรมชาติด้วยนะมึง” พี่เภามันกวนตีนกลับ ไอ้ภามเลยเลิกคุยด้วยเลย
พี่เภาก็ถามไอ้ภามเหมือนกัน ว่าจะอยู่เคาท์ดาวน์ด้วยกันหรือเปล่า แต่อย่างว่าแหล่ะครับ หนุ่มโสดแถมยังเนื้อหอมอีก มันบอกว่ามีนัดเคาท์ดาวน์กับเพื่อนๆเรียบร้อยแล้ว เลยขอบาย พี่เภาก็สั่งมันนักหนาว่าถ้าจะไปเมา ไม่ต้องเอารถไปเด็ดขาด
ตอนผมกับพี่เภาออกจากบ้านมาตอนเที่ยง ภามมันก็ยังอยู่บ้านนะครับ พี่เภาเลยสั่งย้ำอีกทีว่า ถ้าจะออกจากบ้านให้โทรมาบอกด้วย เพราะผมกับพี่เภาต้องออกมาซุปเปอร์ซื้อของสดไปใส่ลงหม้อสุกี้กัน แต่พวกอุปกรณ์อะไรหลายอย่างก็ให้แม่บ้านที่บ้านพี่เภาเตรียมให้แล้วครับ ผมกะจะทำน้ำจิ้มสุกี้เองด้วย ไม่ได้ทำนาน แค่คิดก็เปรี้ยวปากอยากกินฝีมือตัวเองทันที นี่แหล่ะครับความสุขของคนทำอาหารเป็น กินขี้มือใคร ก็ไม่อร่อยเท่าขี้มือตัวเอง
พอเข้ามาถึงซุปเปอร์ ผมก็ลากพี่เภาเดินปรี่มาตรงโซนผักเลย เดี๋ยวนี้พี่เภาพัฒนาแล้วนะครับ นึกย้อนไปถึงวันแรกที่เจอกัน และเป็นวันแรกที่ผมมาซื้อของสดกับพี่เภาแล้วก็ยังขำไม่หาย พี่เภาตอนนั้นเป็นพวกห่างมีดห่างกระทะ ความสามารถในการทำครัวติดลบ จนผมแอบด่าในใจไปหลายรอบ ตื่นเต้นกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำ จนเหมือนเป็นคนละคนกับผู้ชายที่กำลังเข็นรถเข็นเดินตามผม
ไม่ใช่แค่ผมที่เปลี่ยนไป พี่เภาเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน...
ความรักเปลี่ยนแปลงเราสองคน...ไปในทางที่ดีขึ้น“ยิ้มอะไร?” พี่เภาเดินมาหาผมที่กำลังยืนถือเห็ดอยู่เต็มสองมือ
“นึกถึงวันแรกที่เจอนะ แอลด่าพี่เภาในใจไปเยอะมากเลย ทำห่าอะไรก็ไม่เป็น หุงข้าวยังหุงไม่เป็นเลย”
“ก็รู้อยู่แล้วว่าอีกหน่อยจะต้องสบาย มีคนทำให้ทุกอย่าง”
ผมหรี่ตามองพี่เภา ความจริงอยู่กันไปนานๆ นี่ก็เริ่มเป็นตัวของตัวเองกันสุดๆ ทำให้ได้รู้อะไรหลายๆอย่างมากขึ้นเหมือนกัน พี่เภาที่คนภายนอกเห็นกับที่ผมรู้จักนี่ อย่างกับผู้ชายคนละคน ไอ้ที่อยู่กับคนอื่นน่ะ มันตัวปลอม แค่คนหน้าเหมือนพี่เภาทำเก๊กมาดเนี้ยบเท่านั้นแหล่ะ ของจริงน่ะ ต้องหื่นๆแบบที่อยู่กับผมนี่
“พี่เภา ตอนนั้นน่ะ อยากได้แม่บ้านจริงๆเหรอ” ผมเลือกผักไป ตาก็แอบเหล่พี่เภาไป เห็นพี่เภาชะงักไปนิดนึง ไม่รู้ล่ะ เป็นไงเป็นกัน วันนี้จะต้องจับพี่เภามากะเทาะเปลือกออกให้ได้
“อยากได้ความจริงหรือสิ่งที่อยากให้รู้ล่ะ”
“แสดงว่าสิ่งที่อยากให้รู้ไม่ใช่ความจริง” เหมือนมานั่งถกปรัชญากันหน้าตู้แช่เลยครับ
“แม่บ้านน่ะ ไม่อยากได้หรอก อยากได้แม่ของลูกมากกว่า”
“เออ! งั้นไปหาเอาข้างหน้านู่นเลย เพราแอลท้องให้ไม่ได้”
เกือบลืมตัว จะเอาหัวไช้เท้าฟาดหัวพี่เภา ดีที่พี่เภารู้ตัวคว้ามือไว้ได้ก่อน ผู้ชายตัวโตๆที่คนอื่นกรี๊ดนักกรี๊ดหนา ตอนนี้มายืนดึงแก้มผมเล่นไม่อายสายตาชาวบ้าน ขอโทษผู้หญิงหลายๆคนด้วยนะครับ ที่ต้องผิดหวัง เพราะบางทีสิ่งที่เห็นก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด มันอยู่ที่ว่าผู้ชายที่พวกคุณรู้จักจะคิดได้ตอนไหน อ้าว...จะทำครอบครัวเขาแตกแยกแล้วไหมล่ะกู
“ล้อเล่นนิดเดียว ไม่อยากรู้เรื่องแล้วเหรอ”
“อยากเล่าก็เล่า” ไม่ง้อครับ ไม่ง้อ แต่ถ้าไม่เล่า...หึหึ
“ก็พี่ชอบแอลมาตั้งนานแล้ว ถ้าไม่ทำแบบนี้ จะได้อยู่ใกล้ๆเหรอ พออยู่ใกล้กันเราเลยสปาร์คกันเลยเห็นไหม”
“ไม่เห็นรู้เลยว่าชอบ” ผมทำหน้างงๆ ไม่รู้จริงๆนะ พี่เภาถอนหายใจยาวเลยครับ
“รู้ก็แปลกละ ไอ้เพื่อนสามตัวของแอลมันกันท่าจะตาย โดยเฉพาะไอ้เวย์นั่นแหล่ะตัวดี”
ผมคิดตามก็ต้องยอมรับว่าจริง มีแต่คนบอกว่า...พวกมันชอบทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์ผม แต่สุดท้ายก็ไอ้หัวหน้าองครักษ์นั่นแหล่ะครับ ที่จับผมประเคนใส่พานถวายพี่ชายมัน ตกลงมันจะกีดกันหรือสนับสนุนกันแน่เนี่ย
“ไอ้เวย์มันแทบจะจับแอลประเคนให้พี่เภาเลยนะ”
“นั่นมันตอนหลังต่างหาก ว่าแต่เมื่อก่อนเวลามีคนมาสารภาพรัก แอลต้องอาละวาดแล้วนี่ กับพี่ไม่เห็นอาละวาดเลย ทำไมล่ะ...”
“พี่เภาอยากรู้เหตุผลจริงๆเหรอ” ผมถาม แต่ไม่ยอมสบตาพี่เภา
“บอกมาเหอะ จริงๆแล้วแอลก็แอบชอบพี่ตั้งแต่แรกเหมือนกันใช่ไหม” โคตรหลงตัวเองเลยหว่ะ เดี๋ยวจะช่วยปลุกให้ตื่นจากฝันหน่อยละกัน
“เปล่า เพราะพี่เภาเป็นนายจ้างเป็นคนจ่ายเงินเดือนต่างหาก แอลกลัวว่าอาละวาด แล้วเดี๋ยวพี่เภาไม่ยอมจ่ายเงินเดือน แต่จริงๆแล้วตอนที่พี่เภารุกอ่ะ แอลก็แอบด่าพี่เภาในใจตลอดเลยนะ” ผมยิ้มหวานตบท้าย พี่เภาแทบจะลงไปกอง ทำหน้าเหมือนหมดแรงทันที ได้ยินพี่เภาพึมพำเบาๆว่า
“ไม่น่าถามเลยกู”
.
.
ซื้อของกันเสร็จ ผมกับพี่เภาก็หอบข้าวของกลับมาบ้าน ผมก็ให้พี่เภาหิ้วของเข้ามาไว้ในครัว ให้แม่บ้านเอาผักกับเนื้อสัตว์ที่ต้องล้างไปล้างให้สะอาด ส่วนตัวผมก็จะมานั่งหมักเนื้อหมูกับไก่และทำน้ำจิ้มสุกี้ ส่วนพี่เภา มีหน้าที่อันสำคัญยิ่งยวด
“พี่เภา ไปเตรียมเครื่องดื่มเลยนะ” แน่ะ ทำเป็นทำหน้างง “น้องบลูของแอลอ่ะ”
“เมรีขี้เมาจริงๆ ถ้าเมานะ คืนนี้จะจับปล้ำ”
เว้ย! ไม่กลัวหรอก แต่จะมาพูดตอนอยู่ในครัวทำไม ไม่เห็นเหรอว่าแม่บ้านมองกันใหญ่ หมด...หมดกัน ภาพพจน์ของผม พี่เภาหัวเราะหึๆแล้วก็เดินออกไป ผมเลยได้ที ตะโกนสั่งตามหลังไปอีก
“เตรียมเครื่องเสียงกับกีตาร์ลงมาด้วยนะพี่เภา เอาทุกอย่างที่มีเลย”
เอาหมูมาหมักนมสด แล้วก็คิดถึงครั้งแรกที่ทำอาหารให้พี่เภากิน จำได้เลยว่า พี่เภาร้องเสียงหลง ที่ผมเทนมใส่หมู นึกแล้วยังขำไม่หาย เดี๋ยวนี้ไม่มีปากเสียงอะไรทั้งสิ้น ผมทำอะไรให้กินก็กิน เลี้ยงง่ายดีชะมัด
พอหมักหมูกับไก่เสร็จเรียบร้อย ผมก็ลงมือทำน้ำจิ้มสุกี้ ซอยพริกกับกระเทียมแยกเอาไว้ต่างหาก เผื่อใครอยากจะไปปรุงเพิ่มก็ตามสบาย เสร็จแล้วก็ไปดูความเรียบร้อยอย่างอื่น จัดเรียงผักใส่ตะกร้า แล้วก็เอาลูกชิ้นสารพัดอย่างที่ซื้อมา มาใส่ลงทัปเปอร์แวร์ พอเห็นว่าเรียบร้อยก็เดินออกมา
เดินออกมาจากห้องครัว ก็เจอพี่เภาที่เดินกอดกล่องเหล้ายิ้มกริ่มลงมา ช่วงนี้พี่เภาดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะเป็นช่วงวันหยุด ส่วนใหญ่เราก็ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอด ผมทำเนียนเข้าไปช่วยพี่เภาถือน้องบลู เลเบิ้ล พี่เภาแอบเหล่หน่อยๆ แต่ก็ไม่ว่าอะไร
.
.
[มีต่อนะคะ]