Telophase“ต่อไปก็ย้ายไปเรียนที่อื่นแล้วสินะ”
“อืม”
“โชคดีล่ะ”
“มึงก็เหมือนกัน”
“……”
“กูคงไม่กลับมาที่นี่แล้ว”
“กูอยู่ที่นี่อีกตั้งสามปี มึงจะไม่กลับมาเชียวหรอ”
“ไม่
กูไม่อยากกลับมา”
“….”
เก็บกระเป๋า แบกขึ้นบ่า
มองห้องที่อยู่อาศัยมาปีหนึ่ง
หลังจากวันนั้น โฮมก็แทบไม่ได้กลับมาห้องอีก วันนี้เป็นครั้งแรกที่กลับมา
วันสุดท้าย ที่ห้องนี้จะมีข้าวของของสองคนอยู่
“ต่อไปนี้ก็หาเมตดีๆหน่อยล่ะ”
“กูคงย้ายห้อง ไปอยู่ที่อื่น”
“….”
“ไม่ถามล่ะ ว่าทำไม?”
“เรื่องของมึง กูไม่ยุ่งหรอก”
“…กูจะไปอยู่คนเดียว”
“….”
“กูไม่อยากมีเมตอีกแล้ว เรื่องวุ่นวายเยอะว่ะ”
“…..”
“แค่มึงคนเดียว..กูก็เหนื่อยจะแย่แล้ว”
“ไม่ใช่เหนื่อยเพราะกูคนเดียวหรอก…สับรางให้ดีๆล่ะ ไม่งั้นจะยุ่งอีก”
“อันนั้นก็จะเลิกแล้วเหมือนกัน เหนื่อย จะเรียนแล้ว”
“…อืม ก็ตั้งใจเรียนแล้วกัน”
“มึงเรียนหนัก ก็รักษาสุขภาพด้วยล่ะ เดี๋ยวกูเดินไปส่ง”
“ไม่ต้องหรอก ส่งกูแค่หน้าห้องก็พอ”
“ยังใจร้ายใส่กูไม่เปลี่ยนเลยนะ”
“ไม่ใช่มึงหรอกที่ต้องพูดคำนั้น”
โฮมไม่ได้พูดอะไรต่อ เดินกันเงียบเชียบไปที่หน้าประตูห้อง
เอื้อมมือจะจับลูกบิด แต่มือของอีกฝ่ายเร็วกว่า
ไม่ยอมเปิดซักที เหมือนจะยื้อเวลา เล่นเกมจิตวิทยาเล็กๆ
“กูขอเถอะ”
“ถึงจะไม่อยากเปิดให้หนีออกไป แต่สุดท้ายก็คงต้องปล่อยไปอยู่ดีสินะ”
“กูไม่ได้หนี มึงไม่ใช่หรอที่หนีไป”
“กูแค่รอเวลาต่างหาก อย่างน้อย ตอนนี้เราก็กลับมาคุยกันได้เหมือนปกติแล้วนะ”
“มึงก็รู้ไม่ใช่หรอ ว่าเราก็แค่พยายามทำให้มันดูปกติ”
“มันเวิรค์ จะไปสนใจเรื่องอื่นทำไม”
“….เปิดประตูสักที เดี๋ยวกูตกรถ”
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ลองบอกกูไหม?”
“บอกอะไร”
“ถ้ามึงยังรู้สึกแบบเดิมอยู่ ลองบอกกูสักครั้งดูไหมล่ะ? ถือว่าลองเล่นๆก็ได้”
น่ารังเกียจ
เป็นคนที่น่ารังเกียจชะมัด
ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจตัวเองสักนิด
ทำไมถึงไปรู้สึกอะไรกับคนน่ารังเกียจแบบนี้ได้
“กูยังชอบมึงอยู่”
“เหลือแค่ชอบแล้วหรอ?”
“ใช่ ต่อไป แม้แต่คำว่าชอบก็คงไม่เหลือ”
“น่าเสียดายจัง” ทำหน้าเหมือนเสียใจจริงๆ จนแยกไม่ออกว่าเป็นแค่ละครหรือเรื่องจริง “ถึงเวลาต้องพูดคำนี้แล้วสินะ…”
“ลาก่อน”สองเสียงที่พูดพร้อมกัน ก่อนประตูจะปิดลง
……………………………………………
…………………………………..
…………………………..
เซลล์ไม่ได้แบ่งตัวเพียงรอบเดียว……………………….
………………………………
……………………………………..
Interphase“บล็อกนี้แม่งอย่างโหด กูเกือบตาย”
“กูจำเส้นเลือดแถวนี้ไม่ได้ว่ะ ชื่ออะไรวะ? ไม่รู้ตอบอะไรไป ลืมไปแล้ว”
พูดคุยกันถึงการสอบที่พึ่งเสร็จ แต่ละคนเดินออกมา หมดแรง
เรียนหนักก็จริง แต่ก็เริ่มรู้สึกใกล้ถึงปลายทางทีละนิด
พยายามอย่างหนัก พยายามให้มากกว่าใคร เพื่อที่จะได้ความรู้มากที่สุด ความรู้ที่จะจำเป็นต่ออนาคต ไม่ใช่เพียงแค่อนาคตของตนเองเท่านั้น
ใต้ตึกเรียน เดินลงมาพร้อมกลุ่มเพื่อนกลุ่มใหญ่ หยิบหนังสือถกเถียงเรื่องที่เห็นในข้อสอบ บางคนทำหน้าผิดหวัง บางคนยิ้มได้เป็นพักๆ
ได้ยินเสียงรถจากถนนข้างนอกดังลั่น
ที่แห่งนี้ไม่เหมือนที่ๆเรียนตอนปีหนึ่ง เงียบสงบ ไม่มีรถเยอะแบบนี้
มองออกไปทางเดิน เห็นแผ่นหลังที่คุ้นตาอยู่
รู้สึกเหมือนหยุดหายใจ
แต่เพราะเห็นแค่เวลาสั้นๆ เลยไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า บอกกับเพื่อน “เดี๋ยวมา” แล้วเดินตามไป
ทั้งๆที่ต่อให้ใช่หรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องของเขาอยู่ดี
ถ้าใช่ ก็คงจะมาหาผู้หญิงแถวนี้สินะ
ไม่เกี่ยวกันกับเขาหรอก
คนที่ไม่ได้ติดต่อกันเกือบสามเดือน คนที่คิดว่าน่าจะลืมกันไปได้แล้ว ถ้าไม่มีความรู้สึกมาเกี่ยวข้อง ก็คงจะไม่จำเรื่องราวเล็กๆน้อยๆที่เคยอยู่ด้วยกันมากมายขนาดนี้
“จูเนียร์”
“….”
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น? เป็นอะไร?”
“เปล่า แค่ตกใจ”
“กินน้ำไหม?”
ส่ายหัว อีกฝ่ายหดมือที่ยื่นแก้วกาแฟพลาสติกออกมาให้
“มาทำอะไร?”
“มาให้คำตอบ”
“คำตอบ?”
“คำตอบสำหรับคำถามที่มึงยังไม่เคยถามกูไง…”รู้สึกเหมือนวันนี้ ท้องฟ้าจะสีครามมากกว่าปกติ
ภาพเซลล์ในหัวที่เห็นผ่านกล้องจุลทรรศน์ รีรัน แบ่งเซลล์ซ้ำไปซ้ำมา แผ่ขยายไม่สิ้นสุด
ความรู้สึกที่เหลืออยู่เพียงแค่เซลล์เดียวเล็กๆ
เริ่มแบ่งตัวอีกครั้งอย่างรวดเร็ว….
……………………………………….
…………………………….
……………………..
[Division : complete]
[29.7.55]
เเต่งเรื่องสั้นแก้เซ็ง
เรียนอะไรกันมากมายขนาดนี้นะ คนเรา จะได้ใช้หมดหรือเปล่า จะเทความรู้ที่รกๆอยู่ในสมองมาถมดินก็ไม่ได้อีก
ไว้เจอกันหลังสอบคับ
คิดถึงเลยมาหา