ตอนที่ 33กัส“ตกลงกัสไม่ได้บอกนายวินใช่มั้ยว่าจะไปหาเนี่ย” มิคเดินมาส่งผมยังรถยนต์ที่จอดรอหน้าบ้านพัก
“อืม อยากเซอร์ไพรส์วินน่ะ” ระหว่างที่ตอบมิคนั้นผมเดินไปส่งกระเป๋าเดินทางให้พี่ศรคนขับรถบ้านวินที่รอรับของอยู่
“แหม ชอบจริงนะเซอร์ไพรส์เนี่ย นิสัยไม่เปลี่ยนเลย ฮิๆๆ” มิคแซวแกมหยอกถึงเหตุการณ์เซอร์ไพรส์นองน้ำตาครั้งก่อน มันกระทบใจจนผมอยากจะโกรธเพื่อนตัวแสบสักครั้ง แต่ก็รู้ว่ามิคแค่ล้อเล่นจึงแค่ทำหน้าบึ้งเหวี่ยงค้อนให้รู้ว่าผมจะงอนถ้ามิคไม่รีบง้อ
“โอ๋ๆๆ มิคแซวเล่นน่ะไม่งอนนะ นายวินไม่กล้าให้เกิดเรื่องซ้ำรอยเดิมหรอก ออกจะรักจะหวงคู่หมั้นตัวเองขนาดนี้ แต่ที่แน่ๆกัสคงต้องง้อวินหนักหน่อยละมั้ง ก็เล่นไปโกหกว่าไม่ว่างไปอวยพรวันเกิดให้นี่ ระวังเถอะจะต้องง้อจนหมดตัวแน่ ฮิๆๆ โอ๊ย! มิคเจ็บนะกัส ไม่เอาแล้วรีบไปเลยเดี๋ยวไม่ทันเวลาเซอร์ไพรส์นะ”
เพื่อนตัวแสบรีบเบี่ยงเบนความสนใจเพราะเจ็บตัวจากการถูกผมตีแขนที่มาแกล้งแซวให้ได้อาย ก่อนผมจะเอ่ยลาและฝากฝังเรื่องงานให้มิคทำแทนช่วงที่ผมลาไปหาวิน เหตุที่ต้องลางานครั้งนี้ก็เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของวิน ซึ่งก่อนหน้านี้วินก็โทรมาขอร้องให้ผมลางานไปหากันที่กรุงเทพฯเพราะตัววินเองช่วงนี้งานยุ่งมากปลีกตัวมาหาผมไม่ได้ แต่เป็นผมเองที่ปฏิเสธไปอยากแกล้งให้เจ้าของวันเกิดกระวนกระวายใจเล็กๆบ้าง ด้วยผมตั้งใจลางานไปหาคนรักอยู่แล้วเพราะเมื่อวันเกิดของผมวินก็ลางานมาอยู่ฉลองวันเกิดให้ถึงที่ทำงาน วันนั้นวินตื่นเช้ามากเพื่อมาทำอาหารใส่บาตรให้ขณะที่ผมนอนอุตุไม่รู้ตัว ก่อนจะปลุกผมให้มาใส่บาตรทำบุญด้วยกัน แถมช่วงเย็นวินยังทำอาหารที่ผมชอบให้เองอีกทั้งๆที่ผมบอกว่าไปทานกันข้างนอกก็ได้แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอม จะว่าดีใจผมก็ดีใจนะที่วินมาอยู่ร่วมฉลองวันเกิดด้วยกัน แต่ผมรู้สึกว่าวินจะมีความสุขมากกว่าตัวผมเองซะอีก เพราะคืนนั้นผมต้องเปลืองตัวให้คนเจ้าเล่ห์ที่ให้เหตุผลมาว่า ‘วันเกิดกัสวินจะทำให้กัสมีความสุขที่สุด’ ส่วนผมก็ดันเคลิ้มไปกับคนมากเล่ห์จนได้
ทำให้วันต่อมาเราทั้งคู่ลงมาสายเพื่อนตัวแสบที่คอยจับผิดอยู่แล้วถึงกับเอ่ยแซว และตั้งแต่นั้นมามิคก็จะแซวผมเรื่องนี้ตลอดจนได้อายไปหลายรอบแล้วอย่างวันนี้ก็ไม่เว้น ผมไม่ต้องการปิดบังอะไรกับเพื่อนสนิทเพราะไหนๆเราก็หมั้นกันแล้ว แต่ความอายมันห้ามกันไม่ได้นี่หน่า คิดแล้วเริ่มไม่แน่ใจว่าที่ผมแกล้งวินครั้งนี้มันดีจริงๆรึเปล่า เพราะท้ายสุดคงต้องเป็นผมที่เสียเปรียบให้วิน อยู่ดี แต่ถึงไม่ทำแบบนี้ผลก็คงไม่ต่างกันนักหรอกมั้งครับ ความสัมพันธ์ของเราสองคนก็ราบรื่นดีและออกจะหวานจนเลี่ยนหลังจากเรามีคืนแรกที่ลึกซึ้งกันแล้ว วินพ่อคนเจ้าเล่ห์ที่แต่ก่อนตอดเล็กตอดน้อยกับผมอยู่แล้วกลับเป็นหนักขึ้นเมื่ออยู่กันสองคน จนผมต้องปรามออกไปซึ่งเจ้าตัวก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง วินไม่ได้มีแต่ความเจ้าเล่ห์หรอกครับเรื่องน่ารักๆก็มี อย่างเช่นวินจะรีบมาหาผมทันทีที่ตัวเองว่างจะอยู่ด้วยหลายวันและคอยดูแลเอาใจใส่ตลอด ผมแทบไม่ต้องหยิบจับอะไรเลย และเรื่องคำรักคำหวานหูวินก็มีให้ไม่ขาด ซึ่งผมก็เชื่อในสิ่งที่คนรักพูดเพราะเวลาได้พิสูจน์มาแล้ว
พอวันเกิดวินเจ้าตัวก็เลยอยากให้ผมไปอยู่ด้วยแต่พอรู้ว่าผมไปไม่ได้ ปากก็บอกว่าเข้าใจแต่ผมรู้ว่าวินคงแอบน้อยใจอยู่ ก่อนผมออกมาได้โทรไปก็คุยด้วยแป๊บเดียวก็ขอวางวินอ้างว่างานยุ่งคงงอนผมไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งวินไม่ได้รู้เลยว่าผมกำลังไปหาและรถที่นั่งอยู่ก็เป็นรถที่คุณแม่วินส่งมารับ โดยที่ผมโทรไปปรึกษาคุณแม่เรื่องฉลองวันเกิดให้วินและก็เป็นคุณแม่เองที่อยากแกล้งลูกชายช่วยวางแผนให้ แถมเป็นแม่งานจัดงานเล็กๆที่บ้านให้อีกต่างหาก ตามแผนผมต้องไปรับเจ้าของวันเกิดถึงที่บริษัทซึ่งผมก็ไม่เคยไปซะด้วยไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง
....................................
ตึกสองชั้นทรงโมเดิร์นมีต้นไม้ใหญ่ปลูกโดยรอบ โดยพุ่มไม้สูงแค่ระดับเอวและปลูกเป็นแนวรั้วกั้นอาณาเขต มีที่จอดรถอยู่ด้านข้างตึกซึ่งมีรถจอดอยู่เต็มแล้ว หนึ่งในนั้นก็มีรถของวินจอดอยู่ด้วยให้สบายใจว่าคนที่ผมตั้งใจมาเซอร์ไพรส์นั้นอยู่ที่นี่แน่ ผมเดินลงจากรถและให้คนขับรถกลับบ้านไปก่อนเลยเพราะตั้งใจจะกลับกับวินอยู่แล้ว เมื่อเข้ามาในบริษัทก็สัมผัสถึงความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ภายในตกแต่งด้วยโทนสีครีมสบายตามีเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นและตรงหน้าผมมีโต๊ะประชาสัมพันธ์ที่มีผู้หญิงนั่งก้มหน้าทำงานอยู่
“ขอโทษครับ ผมมาขอพบคุณวินครับ” ผู้หญิงตรงหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์เงยหน้าขึ้นมองผมนิ่งๆก่อนยกยิ้มมาให้
“ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรคะ และนัดไว้รึเปล่า” เธอถามกลับเสียงนิ่งแต่หน้ายังประดับยิ้มน้อยๆอย่างไว้ตัว ผู้หญิงคนนี้ดูดีไม่น้อยในสายตาของผมด้วยรูปหน้าเรียวยาวแต่งหน้าสวยยิ้มเก๋แม้จะดูหยิ่งนิดๆก็เถอะ
“เอ่อ ไม่ได้นัดครับ เรื่องชื่อผมไม่สะดวกจะบอกแต่ผมเป็นเพื่อนสนิทของคุณ วินนะครับ ขอเข้าพบเลยได้มั้ยครับ” เธอได้ฟังแล้วหุบยิ้มทันทีก่อนขมวดคิ้วใส่ผม
“ดิฉันคงให้คุณเข้าไปพบไม่ได้หรอกค่ะเพราะคุณไม่ได้นัดไว้และไม่ยอมบอกชื่อด้วย ดิฉันเลยไม่รู้จะแจ้งไปทางเลขาคุณวินได้ยังไงว่าใครมาพบ ส่วนเพื่อนสนิทคุณวินดิฉันรู้จักทุกคนแต่ไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อนนี่คะ ไม่รู้ว่ามาแอบอ้างขอพบคุณวินรึเปล่า” ตอบอย่างขึงขังไม่ยอมให้ผมได้เจอวินง่ายๆและดูท่าทางเธอคงคิดว่าผมมาหลอกลวงอีกต่างหาก ผมคงต้องโทรปรึกษาคุณแม่ก่อนแล้ว เพราะถ้าผมบอกชื่อไปก่อนได้เจอวินก็ไม่เซอร์ไพรส์น่ะสิ
“แต่ผมสนิทกับวินจริงๆนะครับขอเข้าพบไม่ได้หรอครับ” ผมพยายามดูอีกสักครั้งเผื่อเธอจะเปลี่ยนใจ
“คงให้เข้าพบไม่ได้ค่ะ คุณจะบอกชื่อมั้ยล่ะคะดิฉันจะแจ้งไปทางคุณเลขาให้ ว่าคุณวินจะให้คุณเข้าพบมั้ย หรือจะนั่งรอจนคุณวินเลิกงานก็ได้ค่ะ ทางนู้นมีโซฟารับแขกอยู่” แววตาเริ่มไม่พอใจที่ผมยังคงเซ้าซี้ ผมได้แต่ถอนใจที่สุดท้ายคงต้องรบกวนคุณแม่หาวิธีให้ได้เข้าไปพบวินโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวซะแล้ว
ผมเอ่ยขอบคุณประชาสัมพันธ์สาวที่ตอนนี้หน้าไม่รับแขกแบบผมซะแล้ว และแอบได้ยินเธอบ่นเบาๆว่า ‘เจอมาหลายคนแล้วแบบนี้ที่อยากพบคุณวิน จะมาตกเหยื่อคุณวินของฉันเหรอ ฝันไปเถอะ ชิ’ เฮ้อ นี่อย่าบอกนะว่าลูกน้องสาวคนนี้หวงเจ้านายตัวเองและคอยกันคนที่มาสนใจวิน ความจริงมันก็ดีที่คนอื่นที่มาสนใจวินเข้าหาวินยากเพราะเธอคนนี้คอยกันท่าให้ แต่ถ้าเป็นลูกค้าที่มาติดต่องานจริงๆบริษัทคงเสียหายมากแน่ๆแต่เรื่องนี้เอาไว้ก่อน ขอโทรบอกคุณแม่ก่อนเดี๋ยวจะไม่ทันเวลา ผมกดโทรศัพท์หาคุณแม่และบอกถึงปัญหาว่าเข้าพบวินไม่ได้ คุณแม่ร้อนใจทันทีจะขอคุยกับประชาสัมพันธ์สาวที่กำลังก้มหน้าทำงานต่อทำเป็นไม่สนใจผมทั้งๆที่เธอแอบมองผมเป็นระยะ แต่ผมขอร้องท่านซะก่อนว่าอย่าเอาเรื่องเธอคนนี้เลยเพราะเธอแค่ทำตามหน้าที่ และตอนนี้ผมอยากเจอวินมากกว่าเพื่อทำตามแผนที่วางไว้ ซึ่งคุณแม่ก็ยอมและบอกว่าให้นั่งรอก่อนเดี๋ยวท่านจะจัดการให้เอง ผมจึงวางสายและนั่งรอตามคำสั่งท่านและก็ยังเจอสายตาสอดส่องจากแม่สาวประชาสัมพันธ์ที่ขยันส่งสายตาไม่ไว้ใจมาให้ พักหนึ่งผมก็เห็นสาวสวยในชุดเดรสเข้ารูปสีกรมเข้มท่าทางกระฉับกระเฉงเดินส่งยิ้มตรงมาทางผม
“สวัสดีค่ะ ใช่คุณกัสรึเปล่าคะ” ผมรีบยกมือรับไหว้หญิงสาวที่มาใหม่ทันทีและส่งยิ้มรับไปให้สาวสวยตรงหน้า
“ดิฉันชื่อ ‘ออย’ เป็นเลขาคุณวินค่ะ คุณอิงอรโทรมาให้ดิฉันลงมารับคุณกัสค่ะ และต้องขอโทษเรื่องพนักงานของเราด้วยนะคะ เชิญทางนี้เลยค่ะ” อิงอรเป็นชื่อของคุณแม่วิน ท่านคงโทรตามคุณเลขาให้มาพาตัวผมไปพบวินนั่นเอง
“ครับ ไม่เป็นไรครับ” ผมยิ้มให้คุณออยได้สบายใจว่าผมไม่ได้คิดอะไรมาก เราเดินผ่านหน้าโต๊ะประชาสัมพันธ์ที่ตอนนี้คนที่นั่งหลังโต๊ะลุกขึ้นยืนมือกุมไว้ด้านหน้าทำหน้าตาสงสัยมองมาทางผม และคุณอรก็หยุดตรงหน้าเธอก่อนเอ่ยเสียงนิ่งติดดุ
“จิ๊บ นี่คุณกัสเป็นคู่หมั้นคุณวิน ให้ทำความรู้จักไว้ต่อไปจะได้ไม่เสียมารยาทกับคุณกัสอีก”
“สะ สวัสดีค่ะคุณกัส” สาวจิ๊บยกมือไหว้หน้าซีดตกใจเมื่อคุณออยแนะนำผมแล้ว ผมจึงยกมือรับไหว้และยิ้มอ่อนๆส่งไปให้ อดเห็นใจเธอไม่ได้เพราะรู้ว่าทำตามหน้าที่แม้จะดูมากเกินไปนิดในสายตาของผม
“พรุ่งนี้ขึ้นไปพบพี่ที่ห้องหน่อยนะ / ค่ะ” หลังคำสั่งคุณออยก็มีเสียงตอบรับของจิ๊บทันที เธอก้มหน้าตอบเสียงสั่นจนผมเริ่มรู้สึกสงสาร
“เชิญทางนี้เลยค่ะคุณกัส คุณวินเข้าประชุมกับฝ่ายศิลป์อยู่ค่ะแต่ใกล้เสร็จแล้ว” คุณออยพาผมขึ้นบันไดไปชั้นสองที่ซึ่งเป็นห้องทำงานของวิน ให้ผมนั่งรอด้านในจัดหาเครื่องดื่มและของว่างมาให้เสร็จจึงออกไปนั่งทำงานต่อด้านนอก อุณหภูมิเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศโซฟานุ่มน่านอน พอได้เอนหลังพิงพนักบวกกับความอ่อนเพลียจากการเดินทำให้ผมหลับไปแบบไม่รู้ตัว
...............................
สัมผัสเปียกชื้นไล่จากเปลือกตาไปผิวแก้มจนมาถึงริมฝีปาก ก่อนสิ่งนั้นจะรุกล้ำเข้ามาในโพรงปากทำให้ผมสะดุ้งตื่นและทันได้เห็นดวงตาคู่คุ้นเคยสบตากันนิ่งในระยะประชิด แต่ริมฝีปากนุ่มก็ไม่ยอมผละออกกลับเพิ่มแรงกดบดคลึงเพื่อให้ผมยอมเปิดรับ รวมกับแววตาออดอ้อนเว้าวอนที่ได้สบพาลทำเอาผมใจอ่อน ยอมให้อีกฝ่ายควานหากวาดต้อนลิ้นนุ่มตามแต่ชอบใจ สัมผัสเคลิบเคลิ้มที่ได้รับทำให้ผมโอบแขนรอบคอแกร่งเพื่อโน้มคอให้จูบได้ลึกซึ้งและลูบไล้ท้ายทอยอย่างเพลินมือ
“อืม” ผมหลุดครางเสียงหวานออกมาจนตัวเองยังสะดุ้ง และเริ่มรู้สึกตัวถึงมือหนาที่สอดลูบไล้บริเวณหน้าท้อง จึงจับใบหน้าคนปล้นจูบไว้และเบี่ยงหน้าออก
“พะ พอก่อนนะครับ” เอียงหน้าซบโซฟาหลบมาหอบหายใจเพื่อหนีจูบร้อน แต่ก็หนีปากซุกซนไม่พ้นยังโดนจูบร้อนไล่จากแก้มถึงซอกคอ
“วิน พอก่อนนี่ที่ทำงานนะ” ลูบผมหนาให้เจ้าของได้รู้ตัวก่อนได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของคนข้างบนอย่างพยายามตัดใจ วินซบหน้านิ่งกับอกผมจึงส่งมือลูบหลังปลอบโยน จนกระทั่งคนหน้าหล่อทำใจได้เงยหน้าขึ้นสบตา และดึงเราทั้งคู่ให้นั่งพิงโซฟา ผมยิ้มใส่ตาเจ้าของดวงตาดุอย่างเอาใจก่อนเอื้อมมือลูบแก้มสากแผ่วเบา และโน้มหน้าชิดหูเพื่อกระซิบ
“เซอร์ไพรส์ครับที่รัก” ผมพรมจูบที่ใบหูก่อนผละออกมาดูผลงาน วินยังเก๊กหน้านิ่งทั้งๆที่แววตาสั่นระริกอย่างยินดีปิดไม่มิด ดูก็รู้ว่าถ้าผมอ้อนอีกนิดคนขี้เก๊กคงทนไม่ไหวแน่นอน
“เลิกงอนกัสนะครับ วินอยากให้กัสมาหาก็มาแล้วนี่ไง หืม เลิกหน้ายุ่งนะแฟนใครเนี่ยไม่หล่อเลย” เอื้อมมือบีบจมูกโด่งไปมาเบาๆอย่างมันเขี้ยวและส่งยิ้มหวานให้อย่างเอาใจ ดูสิผมอุตส่าห์ง้อขนาดนี้แล้วถ้ายังไม่เลิกงอนก็ให้รู้กันไป ผมย่นจมูกส่งเป็นสัญญาณให้วินรับรู้ว่าเลิกงอนได้แล้ว
“กัสแกล้งหลอกวินทำไมครับว่ามาไม่ได้ วินน้อยใจกัสมากเลยรู้มั้ยครับ” คนขี้เก๊กหลุดเสียงอ้อนออกมาจนได้ก่อนที่ผมโดนจูบแก้มไปฟอดใหญ่ และวินก็หันมาทำปากยื่นหน้างอนให้แทน เห็นแบบนี้แล้วก็อยากจะหัวเราะดังๆให้กับคนตัวโตแสนงอนของผม
“คิกๆ หน้าวินตลกจัง เลิกน้อยใจนะถึงยังไงกัสก็มาหาวินถึงนี่แล้ว อยากให้ วินตกใจเล่นนี่หน่าเมื่อเห็นกัสที่นี่ แต่ไม่น่าหลับเลยแถมโดนใครไม่รู้ลักจูบด้วย” วินยิ้มกว้างหายงอนและตาพราวระยับเมื่อโดนผมหยอกเรื่องจูบ
“วินตกใจจริงๆครับที่เห็นกัสนอนมาอยู่ที่นี่นึกว่าตัวเองตาฝาด เลยจูบพิสูจน์ไงแล้วก็รู้ว่าเป็นกัสตัวจริง” วินส่งสายตาหวานมาให้เล่นเอาผมแก้มร้อนซู่ขึ้นมาเมื่อนึกถึงจูบเมื่อครู่ จนต้องรีบเปลี่ยนประเด็นและเป็นภารกิจหลักในการเซอร์ไพรส์ครั้งนี้
“สุขสันต์วันเกิดนะครับ กัสขอให้วินมีความสุขและก็....ก็รักกัสให้มากๆด้วย” พูดจบซบหน้ากับบ่าแกร่งซ่อนอาย ผมต้องข่มความอายอย่างมากกว่าจะพูดประโยคสุดท้ายไปได้ ท่าทางของผมทำให้เจ้าของบ่าหัวเราะเสียงดังอย่างถูกใจ
“ฮึๆๆ ขอบคุณครับที่รัก ถึงกัสไม่บอกวินก็รักกัสมากขึ้นทุกวันอยู่แล้ว” วินเชยคางผมขึ้นให้เราได้สบตากันก่อนประทับจูบนิ่งนานและกดริมฝีปากย้ำๆหลายที จนผมเผลอหัวเราะก่อนดิ้นรนออกจากอ้อมกอดคนขี้แกล้ง
“ใครเป็นคนคิดแผนการแกล้งวินครับ อย่าบอกนะว่าเป็นกัส นั่นแน่ๆ ต้องมีแม่ของวินด้วยแน่ๆใช่มั้ยครับ”
“คิกๆ” ผมพยักหน้าพร้อมกลั้วหัวเราะแทนการตอบ วินทำหน้ายู่เพราะขัดใจได้ตลกมาก
“แม่นะแม่แกล้งลูกชายตัวเองได้ เห็นลูกเสียใจและหงุดหงิดที่เมียไม่มาคงมีความสุขล่ะสิ” วินบ่นพึมพำเบาๆกับตัวเองหน้ายุ่งแต่ผมก็ยังได้ยินคำแทนตัวผมว่า ‘เมีย’ ทำเอาเขินแกมโมโหพ่อตัวดีคนนี้จริงๆ แม้มันจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะแต่ถ้าใครมาได้ยินเข้าผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน
“เพี้ยะ / วินพูดอะไรน่ะ กัสได้ยินนะ” ผมฟาดแขนแกร่งเต็มมือด้วยใบหน้าร้อนฉ่า ก่อนชี้นิ้วใส่หน้าคนเจ้าเล่ห์ที่ยกยิ้มกวนโมโหมาให้
“ครับๆ แต่มันเป็นเรื่องจริงนี่ อ๊ะๆ วินไม่พูดแล้วครับ แล้วกัสหิวมั้ยกลับบ้านกันเลยดีกว่า” วินรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะรู้ว่าขืนยังล้อผมมากกว่านี้ได้เจ็บตัวกว่าที่โดนไปแน่
“ยังไม่ค่อยหิวหรอกเพราะคุณออยหาของว่างมาให้เพียบเลย แล้ววินทำงานเสร็จแล้วเหรอ” ผมชวนคุยขณะที่วินเข้ามาโอบตัวผมไปพิงอกและคลึงนิ้วมือที่หลังมือของผมเล่น
“เสร็จแล้วครับ แต่ถึงไม่เสร็จก็เอาไว้ก่อนเพราะตอนนี้แฟนมาหาไม่มีใจทำต่อแล้ว / ฟอด” คนข้างหลังโน้มตัวมาขโมยแก้มผมไปฟอดใหญ่หลังพูดจบ ก่อนวินจะส่งยิ้มหล่ออย่างอ้อนๆมาให้
“วินครับ กัสลืมเลย นี่ครับสุขสันต์วันเกิดนะครับ” ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมให้ของสำคัญ จึงปลดแขนแกร่งก่อนเอื้อมตัวไปหยิบกล่องของขวัญที่ใหญ่กว่าฝ่ามือไม่มากส่งให้วิน คนที่ได้รับของขวัญฉีกยิ้มกว้างแววตาพราวระยับอย่างดีใจจ้องหน้าผมตาไม่กระพริบ
“ขอบคุณครับกัส จริงๆของขวัญไม่ต้องเลยแค่มีกัสอยู่กับวินในวันนี้ก็พอแล้ว งั้นวินแกะเลยนะครับ” ผมพยักหน้าให้ผู้ใหญ่ตัวโตที่กำลังทำท่าดีใจเป็นเด็กๆ ก้มหน้าแกะกระดาษห่อของขวัญอย่างทะนุถนอม วินมองของขวัญในมือตาโตยิ้มพราวด้วยถูกใจกับของที่ได้รับ คนให้แบบผมก็อดจะภูมิใจไม่ได้ที่คนรักชื่นชอบของขวัญที่ตัวเองพยายามสรรหามาให้
“กัสไปหานาฬิกาเรือนนี้มาจากไหนครับ รู้มั้ยวินหานานมากเลย” วินยกนาฬิกาขึ้นส่องมองมันอย่างถูกใจและส่งยิ้มตาหยีมาให้ ก่อนจะส่งนาฬิกาเรือนใหญ่มาให้ผมเพื่อสวมให้และเอาไปเทียบคู่กับเรือนที่อยู่บนข้อมือของผม
มันเป็นนาฬิกาคู่ที่ตัวเรือนหรูวาววับล้อแสงไฟด้วยหน้าปัดสี่เหลี่ยมแบบเข็มและสายหนังแท้ ซึ่งของผมสายหนังจะเป็นสีน้ำตาลอ่อนของวินเป็นสีน้ำตาลเข้ม ผมได้เรือนบนข้อมือมาจากวินเมื่อวันเกิดที่ผ่านมาคอลเล็กชั่นนี้บริษัททำออกมาสองสี วินซื้อมาให้ผมเพราะถูกใจในดีไซน์ที่เรียบหรูแต่เรือนที่คู่กันนั้นขายไปก่อนแล้ว ก่อนนี้วินพยายามตามหาอยู่หลายร้านแต่ก็ยังไม่เจอบ่นมาตลอดว่าอยากใส่คู่กัน ผมนั้นได้เรือนนี้มาจากความช่วยเหลือของเพื่อนสมัยเรียนมหาลัยที่ทางบ้านมีร้านขายนาฬิกาแบรนด์ดังหลายตัว ซึ่งกว่าผมจะได้มานั้นต้องสั่งตรงถึงที่บริษัทแม่ในต่างประเทศเลยทีเดียว
“วินชอบมั้ยทีนี้เราก็ได้ใส่คู่กันแล้ว” วินพยักหน้าให้ผมระรัวราวกับเด็กๆที่กำลังถูกใจ และยื่นข้อมือมาเทียบนาฬิกาตัวเองกับนาฬิกาที่ข้อมือผมก่อนยิ้มร่าอย่างภูมิใจ
“ขอบคุณครับที่รัก วินรักกัสมากนะ” คนที่เพิ่งสนใจนาฬิกาหันมามองหน้าผมและบอกรักกันดื้อๆ จนผมต้องยิ้มกว้างพยักหน้าให้คนปากหวานก่อนลูบแก้มสากของเจ้าของวันเกิด และเอ่ยคำที่อยู่ในใจให้อีกฝ่ายได้ชื่นใจ
“กัสก็รักวินเหมือนกัน” หลังคำพูดผมเราต่างยิ้มให้กัน ก่อนจะโน้มหน้าเข้าหากันจะจูบซ้ำๆย้ำๆยืนยันคำรักที่เรามีให้กัน
........................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^O^
หวานซ้า

และความหวานก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แถมตอนหน้าร้อนนิดๆด้วย 555 มาติดตามกันว่า
เพื่อนๆให้อะไรเป็นของขวัญวิน บอกได้คำเดียวว่า
วิน "ถูกใจมั่กมาก"

+1และเป็ดให้นะคะ

ทุกการติดตามค่ะ