ตอนที่329
ตีอะไรไม่รู้ เสียงโทรศัพท์ไอ่นัด ดังขึ้น แล้วก็เงียบไป แล้วมันก็ลุกไปเปิดไฟ
“เปิดไฟทำไม”ผมงัวเงียถามมัน แต่ผมไม่ตื่นนะ เอาผ้าห่มปิดหน้านอนต่อ
“ตัวเองตื่นอาบน้ำได้แล้ว ตี 5.30 แล้ว”
“อือ อาบก่อนเลย” มันก็ไปอาบก่อนจริงๆ แต่ไม่ถึง 5 นาทีนะ ผมรู้สึกได้ เพราะผมหลับอยู่ แต่ไม่สนิท
“ลุกไปอาบน้ำได้แล้ว ที่ รัก เดี๋ยวไม่ทันรถไฟ”
“อืออ”แต่ยังไม่ขยับ ลืมตาปรับสายแปปนึงก่อนจะลุกจิงๆ
รู้สึกแสบตามาก อาการนอนไม่พอเริ่มมาอีกแล้ว
อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ ก็ 6โมงเช้าพอดี
“เอาไปทำไม”ผมถามมันเมื่อเห็นมันสะพายกระเป๋ากีต้าร์ขึ้นหลัง
“เอาไปเล่นไง”
“แบกเองนะ ไม่ช่วยแบกนะบอกไว้ก่อน”
“ไม่หนักสักหน่อย”
“แล้วแต่ แบกกระเป๋าเสื้อผ้าด้วยนะ”
“ได้ นิดเดียวเอง มีเยอะกว่านี้ไม”
“ปากดี”
แล้วเราก็ออกเดินทางไปยัง สถานี รถไฟธนบุรี
แล้วก็มุ่งหน้าไปที่จุดขายตั๋ว ได้ตั๋วฟรีมา 2 ใบ โดยใช้บัตรประชาชนแลกมา
ดูเวลาบนตั๋ว เที่ยว 7.00 น. มองนาฬิกา เพิ่ง 6 โมงนิดๆเอง ง่วงมาก มองหาที่นั่งเพื่อที่จะพักสาย(ทำไมผมถึงใช้คำว่าพักสายตา มันมีที่มา)ก่อน
พอได้ที่นั่ง ผมก็นั่งลง เอาหัวพิงพนักพิง เพื่อที่จะหลับ แล้วก็มีแสงแฟลตเข้าตา
“โทษๆ กะจะแอบถ่าย” ผมลืมตาขึ้น เห็นกล้องจ่อที่หน้าอยู่ จะมีใครทำละ
“ขอนอน แปปได้ปะวะ”
“okๆ ไม่กวนแล้ว นอนเลย” แล้วมันก็นั่งลงข้างๆผมก็หลับตาต่อ แล้วก็ได้ยินเสียรูดซิปยาวๆ
แล้วก็ตามด้วยเสียงกีต้าร์
“พักสายตาเถอะนะคนดี หลับลงตรงนี้ ที่ๆมีแต่เราสองคน” นี่คือที่มาของ “พักสายตา”
“เฮ้อออออออออออออ เฮ้ยยยยยยยยย”ได้แต่ถอนหายใจ เพิ่งคิดได้ว่าโกรธมันอยู่นี่หว่า คุยกับมันไปหลายคำด้วย ทำไงดีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เมื่อคิดได้ก็สายเกินไปแล้ว ช่างมันเถอะ คุยกับมันไปเยอะแล้ว (การนอนไม่พอ ทำให้เราความจำสั้น)
“ไปไหน”มันตะโกนถามเมื่อเห็นผมลุก
“หากาแฟแดรก จะเอาอะไรไม”
“ไม่อะ ยังไม่หิว”
“งั้นก็เฝ้ากระเป๋าอยู่นี่แหละ”
“จ้า”
พอได้กาแฟร้อนกลับมา ก็นั่งซดดังๆข้างๆมันแหละ
มันก็ดีดกีต้า ก๊อกๆแก๊กๆ ของมันไปเรื่อย
มองดูบรรยากาศยามเช้านี่เหมือนจะวุ่นวายดีเนอะ เพราะทางเข้า เป็นตลาดเช้า ผู้คนมาจับจ่ายเยอะพอสมควร
“อร่อยปะ ขอชิมหน่อย”
“ไม่”
“ยังไม่หายโกรธหรอ”
“เออ”ได้โอกาสก็โกรธอีกที
“ต่อไปเค้าจะไม่หยอก หรือแกล้งตัวเองแรงๆอีกแล้ว สัญญา”
“ไม่เชื่อ ”
“เดี๋ยวให้แกล้งคืนเท่าเมื่อคืนเลย เอาปะละ”
“ไม่”
“ให้แกล้งยังไงก็ได้”
“ขอเอามีดเสียบท้องทีได้ปะละ”
“โหดไปป่าว”
“ไม่นะ”
“ก็ได้ ถ้าไม่อยากเป็นม่ายผัวตาย แล้วต้องติดคุกด้วยนะ”มันพูดเหมือนหลอกเด็ก
“ดี จะได้มีผัวใหม่ทั้งคุกเลยสัส”
“ไหวหรอ บางคนฝังมุกด้วยนะ”
“เมิงเริ่มจริงจังไปละ”
“55555555555 กินกาแฟแล้วจะหลับไมเนี่ย”
“ก็จะหลับ แต่มีหมามาแกล้ง ใครจะหลับลง”
“งั้นเดี๋ยวร้องเพลงให้ฟัง …………..ที่นี่ สถานีรถไฟธนบุรี ท่านที่จะเดินทางด้วยขบวนรถไฟ ธนบุรี – หลังสวน กรุณาตรวจดูสัมภาระของท่านให้เรียบร้อย การรถไฟแห่งประเทศไทยขอขอบคุณทุกท่านที่ใช้บริการ สวัสดีคราบบบบบบบบบ..........”มันทำเสียงเลียนแบบ เพลง ของมาลีฮอนน่า ชื่อเพลงว่า”ลัง”
แค่มันพูดจบ ผมก็ขำน้ำตาเล็ดเลย ขำขนตัวสั่น กาแฟหกใส่มือเลย
“ขำอะไรอ่ะ คนมองหมดแล้ว” ผมมองซ้าย มองขวา รีบทำตัวปกติ
“ขำเมิงอ่ะ”
“แสดงว่าหายโกรธแล้วใช่ปะ”
“ไม่”
“เดี๋ยวถึงหัวหิน จะพาไปกิน กุ้ง หอย ปู ปลาหมึก ให้สมใจเลย”
“เหอะๆ เอาของกินมาล่อหรอ”
“ใช่”
“ มุกนี้ไม่ผ่าน” คือยังไงก็ได้กินอยู่แล้วปะ
“หรอ งั้นคืนนี้จัดให้ จนเช้าเลย 3ยก พอไม”
“ให้กรูเอาเมิงบ้างไมละ”
“โห ตัวเองอะ เค้าไม่ถนัดแบบนี้ เห็นใจเค้าหน่อยนะ นะนะ”
“เห็นไม”
“ขออย่างอื่นดิ”
“ช่างมันเหอะ” ตัดบท รำคาน
พอได้เวลาขึ้นรถไฟ ตามเสียงประกาศ มันก็รีบวิ่งขึ้นไปหาที่
ผมเดินตาม แทบไม่ทัน
“รู้ไม ทำไมถึงเลือกฝั่งขวามือ”มันถามผม
“ไม่รู้ ทำไมละ”
“ฝั่งซ้ายแดดจะส่องไง”
“นี่ก็ส่องนะ”
“นี่แดดเช้า ตอนบ่ายจะร่ม”
“ง้อววววววว ทำการบ้านมาดี”
คนน้อยมากกกกก
เพราะมันเพิ่งหมดเทศกาลสงกรานต์ไปด้วยแหละมั้ง
สักพัก มีฝรั่งbackpack(กระเป๋าใหญ่มาก แบกทั้งวันคงปวดไหล่น่าดู ) 4 คน พ่อ แม่ ลูก(วัยรุ่น(หล่อด้วย)) แล้วก็ลูกคนเล็ก น่าจะ10กว่าขวบ มานั่งฝั่งแดดที่จะส่องตอนบ่าย
เค้าก็นั่งแล้วก็ดูแผนที่ แล้วก็ปรึกษากัน
ผมก็อยากไปต่างประเทศแล้วbackpackแบบนี้เหมือนกัน แต่ลองปรึกษาเงินในกระเป๋าแล้วเงินในกระเป๋าไม่เห็นด้วยเลยต้องก้มหน้า ก้มตาทำงานต่อไป
พอรถไฟเริ่มออกเดินทาง คนก็เริ่มหนาแน่น ขึ้นตามสถานีต่างๆ
ร้านค้าก็เช่นกัน ตะโกนแข่งกันมันส์เลย ผมชอบนะ สำเนียงแต่ละคนจะต่างกันออกไป บางคนขายหลายอย่าง ก็จะพูดเร็วหน่อย ออกแนวแร๊พเลย
“ตัวเอง หิวข้าวแล้วอะ”
“ซื้อดิ”
“ป้าๆข้าวหน่อย”มันกวักมือเรียกป้า
“เอาอะไรดีจ้า”
“กระเพรา 2 กล่องครับ”
“หมู ไก่จ้า”
“ไก่ 1 หมู 1 ครับ”
“60บาทจ้า” สมมุติว่ากล่องละ 30นะ จำไม่ได้แล้ว
“อะ ตัวเองกินเลยปะ”
“กินเลยก็ได้”
ผมกิน เหลือบไปเห็นฝรั่งมองพวกผมอยู่ เลยยิ้มให้เขาทีนึง
ประโยคต่อไปนี้ เป็นประโยคที่คุยกับเขา เท่าที่พอจำได้นะครับ ถ้าเขียนผิดก็ขอโทษด้วย ผมไม่เก่งคำศัพท์ พองูๆปลาๆไปได้
“Excuse me”ขอโทษนะคะ
“How may I help you?”มีอะไรให้ผมช่วยไมครับ
“Do you have any recommended dishes? , I like to eat spicy food” คุณมีเมนูอะไรแนะนำไม ฉันชอบกินอาหารเผ็ดๆ
“Rice topped with stir-fried pork or chicken and basil ” กระเพราหมู ไก่ ครับ คือคิดไม่ออกไงตอนนั้น
“ok Great Thank you” สุดยอด ขอบคุณคะ
“That’s all right”ยินดีครับ
แล้วก็หันมาสนใจข้าวตัวเองต่อ
“เขาว่าอะไรอะตัวเอง”
“เขาหิวมั้ง ให้แนะนำเมนูให้”
“บนรถไฟ จะมีเมนูอะไรวะ”
“ก็หลายอย่างนะ ไม่เห็นหรอ เดินกันให้วุ่นไปหมด”
“เค้าจะกินได้หรอ”
“ไม่ได้ ก็ต้องได้อะ เพราะ อาหารแบบประเทศเค้า เราไม่มี”
“ตัวเองเก่งวะ มีผัวฝรั่งได้เลยนะเนี่ย”
“ก็เล็ง ลูกชายเขาอยู่เหมือนกัน ไม่รู้เขาจะเอากรูป่าว เดี๋ยวถามแปป” ผมพูดแล้วมองหน้ามัน มันก็มองหน้าผม
“เอาดิ ถีบลงรถไฟทั้งคู่อะ”
“ก็อะไรที่มันพูดแล้วไม่สบายใจ ก็อย่าพูดก็ได้นะ นั่งแดรกเงียบๆไป”
“เหอะๆ แล้วตัวเองอะ เค้าว่าตัวเองพูดจริงอะ เห็นมองมันจังเลย”
“ก็มองผ่านๆ รวมๆป่าววะ”
“แน่ใจ”
“เออ”
“หนูๆ ฝรั่งจะเอาข้าว พูดกับเขาให้ป้าหน่อย” ป้าขายข้าวคนเดิม เดินกลับมาโดนฝรั่งโบก ดูท่าทางแก่ตื่นเต้นมาก
“ครับ”
“ถามเค้าหน่อย จะเอาอะไร ป้าโง่ จบ ป 2 เอง”
“ครับ”
“What would you like to have?” คุณจะรับอะไรดีครับ
“ Three Rice topped with stir-fried chicken and basil, And one no spicy, please”ฉันอยากกินข้าวกระเพรา 3 ที่ และอาหารไม่เผ็น 1 ที่คะ
“ป้าครับ มีอะไรไม่เผ็ดไม”
“มีหมูกระเทียมไข่ดาว”
“Fried sliced pork with garlic” หมูกระเทียม ผมคิดเอาว่าประโยค มันเป็นอย่างงี้แน่เลย เลยบอกไปงี้ ไม่รู้เขาเข้าใจไม 5555555
“ok”
“ป้า เขาเอากระเพราไก่ 3 หมูกระเทียม 1 ครับ”
“How much are these?”เท่าไรคะ
“ทั้งหมดเท่าไรคับป้า”
“ทั้งหมด120”
“One hundred – twenty baht”120 บาทครับ
“Thank you จ้า ฝรั่ง”ป้าเขาพูดงี้เลย น่ารักดีนะผมว่า
“What would you like to drink?” คุณต้องการเครื่องดื่มไมครับ
“Just water, please” อยากได้น้ำเปล่า
“Do you want to have a few bottles you”รับกี่ขวดดีครับ
“Six please” 6 ขวดคะ
“Wait a moment.”เดี๋ยวรอสักครู่นะครับ
“Thank you”ขอบคุณคะ
“พี่เอาน้ำเปล่า 6 ขวดครับ ” ผมรอคนขายน้ำเดินผ่าน ก็สั่งให้เขา
“How much”เท่าไรคะ
“Sixty baht”60 บาทคครับ
“If not can you help I have a terrible truth” พร้อมกับยื่นน้ำเปล่าให้ผมสอง ขวด จะไม่รับก็ไม่ได้ เหมือนจะเสียมารยาท ไม่รู้เขาถือหรือเปล่า
“Thank you, Enjoy your meal.”ขอบคุณครับทานอาหารให้อร่อยนะครับ
หนังท้องตึง หนังตาเริ่มหย่อน
หาแว่นมาใส่เพื่อปกติดลูกตา เดี๋ยวไอ่นัดแกล้งอีก
นอนได้แปปเดียวเอง ไอ่ต้าร์ก็โทรมา
“ว่าไง”ผมถามไป
“พี่สูตรในExcel บางอันมันไม่ขึ้นอะพี่แก้ให้หน่อย”
“สูตรอันไหน”
“ที่พี่ส่งเมล์ให้อะ ผมไม่รู้สูตรเลย แก้ให้หน่อยนะ”
“okๆ ส่งเมล์มา”ก็ต้องเปิดเมล์ในโทรศัพท์ ดูว่าช่องไหน มันไม่แสดงสูตรคำนวณ
“นัดในกระเป๋ามีกระดาษปากกาไม”
“ไม่มีอะ”
“เวรกรรมแล้วไง”
“ทำไมอะ”
“เขียนงานนิดหน่อย”
“ยืมคนข้างหลังดิ เห็นเข้าใช้อยู่ เมื่อกี้”
“ข้างหลังเราเนี่ยนะ”
“อืมม”
“พี่ พี่ พี่ครับ ขอยืมปากกา กับกระดาษหน่อยได้ไมครับ”
“อ้อได้คะ” เค้ายื่นให้ทั้งเล่ม พร้อมปากกา
“แผ่นเดียวก็พอคับพี่”
“ไม่เป็นไร เอาไปเขียนก่อนเดี๋ยวค่อยฉีดเอาก็ได้เวลาเขียนจะได้ง่ายๆ”
“ขอบคุณครับ
ผมนั่งก้มๆเงยๆระหว่างสมุด กับโทรศัพท์ อยู่ร่วม ชั่วโมง ส่วนไอ่นัดนะหรอ หลับสิ อิ่มแล้วนอนอ้าปากซะกว้างเลย อยากจะเอาคืนมันเหมือนกัน แต่ยังไม่ว่าง
กว่าจะเสร็จเล่นซะเมื่อยคอเลย ถ่ายรูปส่งlineไปให้ไอ้ต้าร์แก้ เพราะผมไม่ได้อยู่หน้าคอม
แล้วก็ได้เวลานอนมั้ง ไม่ไหวแล้วววววววววววววววววววว
ตื่นอีกทีได้ยินเหมือนถึงชะอำแล้ว
หันไปมองไอ่นัดมันออกไปนอกหน้าต่างอยู่ ผมว่ามันต้องแกล้งอะไรผมแน่เลย เพราะมันหันมายิ้มๆให้ผม ยิ่งทำให้ผมระแวงเลย
หันไปอีกฝรั่ง ฝรั่งลงไปหมดแล้ว
“เอ้านัด ฝรั่งลงไปตอนไหน”
“เพิ่งลงตะกี้เอง”
“เอาเหรอ”
“ทำไม เสียใจหรอ”
“ป่าว เสียดายลูกชาย”
เพี๊ยยยยย!!!!
“โอ้ย ลามปามใหญ่แล้วนะ เจ็บไหนบอกจะไม่เล่นแรงๆไง”มันตบหน้าฝากผมซะแรง
“ไม่ได้เล่น อันนี้ตบจริง”
“กรูจะโกรธเมิง”
“เออ ฝรั่งบอกมาว่า”
“ว่า”
“ประมาณว่าพากเขาต้องไปแล้ว แต่อีกประโยค แปลไม่ออก”
“เค้าบอกว่า อะไรละ”
“I…..hope….. we'll…… meet ……again……… sometime อะไรแบบนี้แหละ เพิ่งท่องมากะกี้ ลืมละ”กว่ามันจะคิดออกแต่ละคำ
“อืม”
“อืม แค่ เนี่ย”
“แล้วจะให้กรูบอกว่าอะไรละ”
“แปลให้ฟังมั้งสิ”
“ไม่หัดตั้งใจเรียนบ้างละ”
“ก็ตั้งใจ แต่โง่อะ”
“ทีเรื่องอื่นนะเมิง”
“สรุปแปลว่า”
“เค้าบอกว่า ถ้ามีโอกาส จะยกลูกชายให้ ...เออๆ เอาจริงๆละ(มันง้างมือจะตีผมอีก)....ถ้ามีโอกาส หวังว่าเราคงได้พบกันอีก”
“แน่ใจ”
“เออ I hope we'll meet again sometime. ก็แปลแบบนี้แหละ เปิดเน็ตเอาดิ ถ้าไม่เชื่อ”
พอถึงหัวหินก็บ่ายกว่าๆ
“ที่พักอยู่ไหน”
“เดินไปหรือจะขี่รถ”
“ไกลปะละ”
“ไม่ไกล”
“งั้นเดิน”
ผมก็เดินโง่ๆ ตามมันไป
ผมก็มองที่ช่องตะข่ายข้างกระเป๋า คิดในใจว่ามันก็รอบคอบดีเฮ้ย เอายาสีฟันมาด้วย
“นัด เอามาแต่ยาสีฟันแล้วแปรงอะ”
“ไหน ไม่ได้เอาอะไรมาเลย”
“แล้วข้างกระเป๋าอะ”มันก็ยกมาดู
ชัดเลย ชัดๆ มันคือหลอด เจลหล่อลื่น
“เมิงพกมาทำไม นัดห๊า”
“ก็มาเอากันไง”
“แล้ว ทำไมไม่ใส่ข้างในกระเป๋าวะ เมิงเอามาใส่ข้างกระเป๋าให้คนเขาเห็นทำไม เมิงบ้าปะเนี่ย”
“ก็เมื่อคืนลืม เพิ่งคิดได้เมื่อเช้า ตอนตัวเองอาบน้ำ ให้หยิบมาเสียบไว้”
“โอ้ย เอาเข้าไปเก็บในกระเป่าเลย ไม่งั้นกรูกลับอะ ลองดูดิ”
“okๆ”
“แล้วดูเมิงไว้สิ ตั้งแต่กรุง ยันหัวหินนี่ คนเห็นกี่ร้อนคนแล้วเนี่ย”
“ใครจะมาสังเกต เดินต่อไปเถอะ”
กรูละปวดหัวกับเมิงจริงๆเลย
สรุปมันก็พาผมเดินหลง ไม่เชิงหลงหรอก แต่ไปไม่ค่อยถูก ต้องถาม รปภ โรงแรมใหญ่ๆตรงนั้นเอา
เช็คอินเสร็จ ก็เดินไปดูรอบๆ วิวดีใช่ย่อย ระเบียงยื่นออกไปทะเลเลย แต่ว่าเป็นพื้นไม้ เดินเสียงดังไม่ได้
“นัดเมิงจองผ่านแอพอะไรนะ”
“อะโกด้า เห็นเค้าบอกจองผ่านแอพ มันได้ราคาที่ถูกกว่า เดินหา”
บรรยากาสก็ดีนะ แต่ติดตรงที่พื้นห้องเป็นไม้ มีร่องไม้เต็ม เวลาเปิดแอร์แล้วมันเย็นช้า
“ขอนอนแปปนะนัด จะไปไหนก็ไปขอนอนโง่ๆ อยู่นี่แหละ”
“งั้นนอนด้วย เดี๋ยวค่ำค่อยออกไปหาอะไรกิน”
“อืม ตามใจ”
ตื่นมาอีกที 3 ทุ่มกว่าเลย
ตื่นเพราะได้ยินเสียงน้ำทะเลกระทบทรายใต้พื้นห้อง (น้ำขึ้นพอดี)
เลยเอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋า แล้วอาบน้ำ ปลุกไอ่นัด ไปหาข้าวกิน ประเด็นคือมืดขนาดนี้ จะมีที่ไหนขายหรือเปล่าไม่รู้
“นัด ตื่น อาบน้ำได้แล้ว”
“อือ กี่โมงแล้ว”
“3ทุ่มกว่าแล้ว”
“หรอ เค้าฝันอะ”
“ฝันว่า”
“ฝันว่าอะไรไม่รู้ แปลกๆ จำไม่ได้ด้วย”
“หรอ ช่างมันไปอาบน้ำไป”
“อืมมม”ผมโยนผ้าเช็ดตัวให้มัน
“ตัวเอง”
“ห๊า”
“เค้ารักตัวเองมากนะ เค้ายอมตัวเองทุกอย่าง ตัวเองบอกอะไรเค้าก็เชื่อ เค้ามีตัวเองคนเดียวนะ แล้วจะมีแบบนี้ตลอดไป” แล้วมันก็เดินเข้าห้องน้ำไป
งงไม ผมก็งง
พออาบน้ำเสร็จ ก็ไปถามตรงเคาเตอร์ ซึ่งพี่เขากำลังตีฮอนอยู่
“พี่ครับ เวลานี้แถวๆนี้ มีร้านอาหารตรงไหนนะนำไมครับ หรือตลาดกลางคืนก็ได้”
“เวลานี้หรอ”
“ใกล้ๆ ตลาดฉัตรศิลา ครับ เดินออกไปเลียวขวา เลย 4 แยกใหญ่ไปนิดนึงครับ มีซอยขวามือก็เจอแล้วครับ แล้วก็มีหาดหัวหิน ยังพอมีร้านอาหารเปิดอยู่ แต่ไม่มากเหมือนตอนกลางวัน”
“okครับ ขอบคุณครับ”
เราก็มุ่งหน้าออกเดินไปยังเส้นทางที่เขาบอก เดินมาอย่างไกล ยังไม่เห็นตลาดเลย เลยถามพี่ตำรวจ ที่ยืนดูดบุหรี่อยู่หน้าโรงพัก
พี่เขาก็บอกให้เดินไปอีกนิด เลี้ยวขวา เดินไปเรื่อยก็เจอตลาดอยู่ 2ข้างทางแล้ว
“ตัวเอง พรุ่งนี้เช่ารถมอไซดีกว่า ขี้เกียจเดิน”
“ไหนบอกจะมาแบบประหยัดไง”
“ok ไม่เถียงก็ได้”
“กลับไปกินข้าวเซเว่นดีกว่ามั้งนัด”
“โหหห เดินมาขนาดนี้แล้ว”
“ซื้อไปกินที่ห้องเนอะ มันมีระเบียงอยู่”
“อืมมก็ได้ ตัวเอง เค้าอยากพูดภาอังกฤษได้เหมือนตัวเองอะ”
“ง่ายๆเลยนัด หัดจากการจำคำศัพท์ ที่เราต้องใช้ในชีวิตประจำวัน หรืออ่านป้ายโฆษณา แล้วก็หัดพูดทุกวัน แล้วก็แกรมม่า แล้วทุกอย่าง ต้องมี ประธาน + กริยา + กรรม คือใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร อะไรประมาณเนี้ย ”
“ อันนี้พอรู้ แล้วให้พูดกับใครละ”
“กรูไง ไม่เห็นหัวโด่อยู่นี่หรอ”
“เห็นแต่หัว...ดอ”
“กวนทีนแล้วไมละ”
“555 รักหรอก ถึงหยอกเล่น”
“สรุปจะพูดไมภาษาอังกฤษอะ”
“พูด”
“ต่อไปนี้ จะพูดกระกรูต้องภาษาอังกฤษเท่านั้นนะ ถ้าเรียบเรียงประโยคไม่ได้ก็เอาแค่คำศัพท์นั้นๆ หรือไม่ก็ท่าทาง พูดผิด ถูกก็ไม่เป็นไร เอาที่แบบพอเข้าใจได้ก็okแล้ว ไม่เอาภาษาไทยเด็ดขาด ok ไม”
“ตกลง”
“ตกลงภาษาอังกฤษ ว่าไง”
“ว่าไงละ”
“โอ้ยยยย Yes, OK ,of course, sure”
“Yet”
“Yes ลงท้ายด้วย S ไม่ใช่ T”
“555555555”
“เดี๋ยวกลับกรุงเทพ เดี๋ยวหาหนังสือให้เล่มนึง”
“ok”
“แล้วอีกอย่าง ง่ายๆเลยที่ต้องจำ
มี what? อะไร
where? ที่ไหน
when? เมื่อไร
who? ใคร
how? อย่างไร
how many? เท่าไร
how much? เท่าไร
“ok” คือเมิงจะพูด แค่ yes ok แค่นี้ใช่ไม
กว่าจะเดินถึงตลาดเล่นเอาร้อนเหมือนกัน เดินด้วยพูดด้วย ยิ่งเหนื่อยเลย
“What would you like to eat?” ผมถามมัน
“!?!?!?!?!?!?!?!?!?!?!” หน้ามันเอ๋อ แบบประมาณว่า เมิงพูดอะไร กรูงง
“please speak again slow slow”
“What would you like to eat?”มันสตั๊นไป 10กว่าวิ
“I I I want to eat seafood”
“ไอ ทีเดียวพอไม่ต้องเยอะ ไอเยอะขนาดนี้ไปหาหมอเถอะ”
“ก็ไม่มันคิดไม่ออกอะ”
“Don't worry”
“เขาจะถามตัวกลัว ต้องพูดว่าไงนะ”
“ประโยคเดิมก็ได้“What would you like to eat?” หรือ หลังจากที่เมิงตแบคำถามกลับ ก็สวนกลับไป ว่า เช่น I want to eat seafood, And you แล้วคุณละอยากกินอะไร ประมาณนี้”
“อ้ออ ตอบดิ”
“ถามใหม่”
“งั้นตัวเองตามเค้าใหม่”
“What would you like to eat?”
“I want to eat seafood, And you”
“I agree.”
“คือ”
“เห็นด้วยกับคุณไง”
“ตอบสั้นจัง”
“จะเอาให้ยืดยาวทำไมละ เสียเวลา”
ได้กุ้งเผา หมึกย่าง หอยแครงลวก แล้วก็หอยนางรม ก็กลับกัน
ก่อนเข้าเกสท์เฮ้าส์ ก็แวะเซเว่น ซื้อของใช้ แล้วก็ข้าวเปล่า
“อยากกินเบียร์อะตัวเอง”
“พูดเป็นภาษาอังกฤษก่อน ถึงจะได้กิน”
“I want to eat beer”
“Eat กิน ใช้กับอาหารดีกว่า เบียร์เป็นน้ำ ใช้ Drink”
“I want to drink beer”แล้วมันก็ไปหยิบเบียร์ กับน้ำแข็ง พร้อมแก้วมา (อุปกรณ์ครบ เพราะในห้องไม่มีอะไรเลย มีแค่แอร์ ทีวี แล้วก็กระดาษทิชชู แล้วก็สบู่ก้อนเล็กๆ
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนตัวเอง ปวดหัวแล้ว กลับกรุงเทพค่อยว่ากันใหม่”
“ก็ได้”
ผมเอาของ ไปเก็บในห้อง ส่วนมันเอาอาหารกับเบียร์ไปนั่งรอ ที่ระเบียง ที่ระเบียงก็มีคนนั่งอยู่แล้ว 2โต๊ะ
“ไม่เอากีต้าร์ออกมาด้วยอะ”
“ก็ไม่บอก”
“เดี๋ยวไปเอาเองก็ได้ กุญแจมา”
มันไปเอากีต้าร์ ผมก็จัดการกับอาหารรอมัน
แล้วก็ลงมือกินข้าวกัน
ต่อด้วยเบียร์ ตอนแรก 2 ขวด
พอใกล้หมด มันก็หายไปไหนไม่รู้ บอกแค่ว่าเดี๋ยวมา
แล้วก็กลับมาพร้อมเบียร์อีก 6 ขวด
“คือได้กินแล้วติดหล่มหรอ”
“ใช่ บรรยากาศมันใช่อะ เลยติดหล่ม ตัวเองก็กินได้ เขาอนุญาต แต่ถ้าเขาไม่อยู่ ไม่มีทาง” บรรยากกาศมันได้จริงๆแหละ ถึงจะต้องทนฟังมันร้องเพลงเพี้ยนบ้าง ดีบ้างก็เถอะ แต่ถ้าไม่เพี้ยนก็จะฟินมากนะ
“เหอะ คือกรูต้องขออนุญาตเมิงว่างั้นถึงจะกินได้”
“ใช่ เขาไม่ชอบให้ไปกินห่างหายตา”
“กรูไม่ใช่เมิงนะ ไม่เคยมีประวัติด้วย”
“สาบาน” เอ๊ะ หรือว่ามีวะ
“ช่างเถอะ”
กว่าเบียร์จะหมด ล่อไปเกือบตี1 เมากันทั้งคู่
สรุปKY ที่เอามาก็ไม่ได้ใช้ เซ็งเลย ไม่น่าให้มันเมาเลย 555555555555
ขำๆหน่า
เดี๋ยวมาต่อนะครับ