ตอนที่159 เอาไงกับมันดีเนี้ย!!!!!!
ขอบพระคุณที่ติดตามนะคราบบบบบบบบบบบบบบบ
กรูโสดเว้ยยยยยยยยยยยย
ผมพูดในใจคนเดียว
แล้วก็นั่งดูเงียบๆคนเดียว ปะชดชีวิต
ผมดูโหลดเจมส์บอนมาดูตั้งแต่ภาคแรก ยันภาคปัจจุบัน รวมๆก็24ภาคแล้ว ผมชอบหนังงแนวนี้อะ พอๆกับไอ้นัดเลย แต่คราวนี้ผมหนีมาดูคนเดียว
ออกมาจากโรงหนังก็ปาไปทุ่มกว่า เลยนั่งรถเมล์กลับหอ
ล้วงเอากุญแจออกจากกระเป๋ากางเกงก็........
“อ้าว ลืมไปเอาตังกับแม่นี่หว่า”
เลยจะไปหาแม่
นั่งวินมอไซออกไปปากซอย จ่ายตังปุ๊ป มุ่งหน้าสู่สะพานลอยเพื่อนจะข้าม ไปขึ้นรถเมล์
ผมก้าวขึ้นสะพานลอยได้ก้าวเดียวเอง มองเห็น BM สีขาว เลยหยุดมองแปป เพราะมันคุ้นตามาก ไม่รู้ว่าใช่ป่าว เท่านั้นแหละ รถนั่นมันจอด ไม่ต้องเดา ผมรู้รุ้เลย ว่าใคร ผมวิ่งขึ้นสะพานลอยที่ละสามขั้นเลย
รอรถเมล์ไม่ถึงสามนาทีรถก็มา ต้องรีบโบก เพราะคันหลัง มันรถไอ้นัด (มันไปกลับรถยังไง ไวจังวะ)
ทันทีที่ประตูรถเมล์ปิด ผมรู้สึกเหมือนโชคจะเข้าข้างผม
แต่โชคดีที่คนแน่นเลย(เพราะเค้าก็ลงเพิ่งเลิกงาน เลิกเรียนมามั๊ง) มันคงมองไม่เห็นผมหรอก
ทุกคนบนรถเมล์ก็มีโลกส่วนตัวกันทั้งนั้น กดโทรศัพท์ยิ๊กๆเลย
ระหว่างติดไปแดงผมก็เอาโทรศัพท์ออกมา หวังจะโทรหาแม่
ชี๊!!!!!!!!!!!!!!!!! (เสียงประตูรถเมล์ ป .อ ก็เปิด)
ใครมาลงกลางสี่แยกวะ ผมก็ไม่ได้มันไปมองหรอก กดเบอร์แม่อยู่หันหลังให้ประตู
ตุ๊บ!!!!!!!
โทรศัพท์ผมตก ผมกำลังจะหันไปดูหน้า ใครวะวันรีบหนานั้น (แต่เอ๊ะ ชนแล้วยังจับแขนผมไว้อีก)เลวจิง
“ลงมา”
“.................”อึง!!!!!! จะก้มเก็บโทรศัพท์ ก็เกรงใจ เพราะมันอยู่ใต้กระโปรงนักศึกษาที่ยืนอยู่พอดี
“ลงมาดิ”ทุกคนบนรถเลิกสนใจสั่งที่กดอยู่ในมือ แล้วผมก็ตกเป็นเป้าสายตา บนรถเงียบมาก (ตอนแรกเสียงคุยกันดังลั่นเลย)
“อะ อะไร ของเมิง เมิงทำอะไรเนี้ย”
“ลงมาก่อน”
“ไม่ เมิงไปตามทางของเมิงเหอะ”ผมพยายามพูดเบาๆอายคน
“เค้าขอโทษ”
“พูดอะไร รู้จักกันหรอ”
“อยากให้คนอื่น เค้ารู้หรอ ว่าเราเป็นผัวเมียกันห๊ะ”ไอ้สัส ผมอาย10กระโหลกแล้ว รถก็เริ่มเคลื่อนตัวแล้ว
ลงก็ลงวะ กำลังจะก้มลงไปเก็บโทรศัพท์ แต่ผู้หญิงคนนั้น ยื่นให้ผมซะก่อน ผมปล่อยมือจากเสาเพื่อที่จะรับโทรศัพท์ ไอ้นัดไวกว่า หยิบจากมือคนนั้นก่อน
แต่อีกมือมันก็ยังไม่ปล่อยแขนผมนะ
“น้อง ลงไปทะเลาะกันนอกรถไมไฟเขียว เดี๋ยวพี่คืนเงินไง”แร๊งมากกระเป๋ารถเมล์
ผมเลยเดินลงจากรถ แล้วไอ้รถเมล์นั้นก็ไปดีนะ ที่เค้าไม่ด่าแรงกว่านี้อะ
“......................”
“.....................”ผมมองหน้ามันนิ่ง อยู่ริมฟุตบาท
“เค้าขอโทษ เค้ารู้ว่าเค้าผิด”
“.........................”
“กลับบ้านเหอะนะ”
“ไม่ เมิง ไปไหนก็ไปเหอะนัด กรูเบื่อวะ”
“เค้าขอโทษ เค้าจะไม่ทำอีกแล้ว”
“หึหึ เมิงกูดแต่แบบนี้อะนัด บอกไม่ทำๆ แต่มันก็มีเรื่องใหม่ๆมาให้เมิงทำอีกอยู่ดูอะ”
“เพื่อนเค้ามันชวน เค้าคิดว่าแก้วเดียวก็กลับ แต่............”
“แต่ หึ กรุมันไม่สำคัญเท่าเพื่อนเมิงหรอกนัด ถ้ากรูมีความสำคัญสักเซี้ยวนึงของเพื่อนเมิง เมิงก็คงไม่ทิ้งกรูไว้ป้ายรถเมล์กลางป่า โดยที่ไม่มีตังสักบาทแบบนั้นหรอก กรู้ทั้งโดนยุงกัด กลัว เป็นห่วงเมิง แต่เมิงก็ทำกับกรูได้ลง นี่หรอนัดที่เมิงบอกว่ารักกรู แค่ไม่กี่ชั่วโมงที่เมิงบอก เมิงก็ลืมกรูแล้วอะ นี่หรอ ที่เมิงเรียกมันว่าความรักอะ หะ”มันร้องไห้แล้วคับ ผมเห็นน้ำตามัน ผมเองก็กลั้นไว้ไม่อยู่เหมือนกัน”
“......................”ได้ยินแต่เสียงมันร้องไห้
“เมิง ยังเด็กเกินไปมังนัด เมิงยังไม่พร้อมที่จะรักใครจิงๆจังๆหรอก”
“รา ร รักดิ เค้า รัก ต ตัวเอง ไง”มันพูดไปพร้อมเสียงสะอื้น
“รัก รักแล้วทิ้งๆคว้างๆก็อย่ารักเลย กลับไปที่ของเมิงซะนัด”
“ไม่ ตัวเอง ป ไป ก กับ เค้า ด ดิ”
“พอเถอะเลิกบีบน้ำตาเหอะ กรูไม่กลับ”ผมกำลังจะหันหลัง เดินไปป้ายรถเมล์ใกล้ๆ
“ห ให้เค้า ท ทำยังไง ตะ ตัวเองถึงจะ หะ หายโกรธอะ”
“ไม่ต้องหรอก กรูเจ็บแล้วจำ”
“ห ให้เ ค้า ก กราบก็ยอมมมม”ผมกำลังจะเอี้ยวตัวหันกลับ แต่เซี้ยววินาทีเท่านั้น
ไอ้นัด ล้มลงไปกราบผมจริงๆด้วย ริมฟุตบาทเลย คนขับรถผ่านก็มอง ดีนะ ที่รถติด ยาว ยังไม่ถึงที่ผมยืนอยู่
“ไอ้นัด เมิงทำอะไรเนี้ย ศักดิ์ศรี เมิงไปไหนหมดเลย”ผมรีบกระชากแขนให้มันลุกขึ้น
“ค เค้า ไม่ต้องมีก็ได้ ถ้าตัวเอง หายโกรธอะ นะนะ”
“...................................”
“ให้โอกาสเค้าอีกครั้งได้ไม”
“แล้วกรูจะเชื่อใจเมิงได้แค่ไหนนัด นี่กรูก็ว่ามันเยอะเกินความอดทนกรูแล้วนะ”
“นะนะ”ผมก็เริ่มเขวแล้วสิคับ มันทำขนาดนี้
“ไม่แล้วนัด เยอะเกินแล้ว”แต่ผมก็บอกตัวเองไม่ได้ ว่าผมจะเอายังไง รักก็รัก โมโห ก็โมโห
“ถ้างั้น กรูจะบอกแม่กรู บอกแม่เมิงด้วย ว่าเราเป็นผัวเมียกันแล้ว จะบอกว่ากรุเยสกันกับเมิงทุกวันด้วย”เอาแล้วไง มันง้อได้ไม่นานหรอก ไอ้นี่ ผมรู้สันดานมันดี
ผั๊ว!!!!!!!!!!
มันเซไป ชนกับเสาไฟข้างหลังมัน
“นี่ปากเมิงหรอนัด นี่คือคนที่กรูรู้จัก ที่กรูใช้ชีวิตด้วยมาตั้งหลายปีหรอวะ กรูเสียดายเวลานั้นวะ”มีรถหลายคันที่ขับผ่านไปแล้วยังเหลียวหลังกันกลับมามองผม
“เค้า เค้าโทษ”มันยังไม่มองหน้าผม
“หึหึ พูดง่ายนะสัส คำพูดบางคำพูด ที่คนพูดไม่ได้คิด มันก็ทำให้คนฟังเสียความรู้สึกไปเลยนะนัด”
“อือ ต่อยเค้าอีกดิ ถ้า มันทำให้ตัวเองหายโกรธอะ”
“กลับบ้านกันเถอะนะ”มันเงยหน้ามา ตาแดงเลย
“ก็ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่ากรูจะหายโกรธเมิงนะนัด”
“คับ”
มันจูงมือไปที่รถ
“ไม่ต้องกรูเดินเองได้”มันก็เปลี่ยนเป้าหมาย เป็นไปเปิดประตูแทน
“.........................”ผมไม่พูดอะไร แต่ก็มุดเข้าไป มันก็ปิดประตู มันอ้อมไปด้านคนขับ
“........................”
“กลับรถเข้าหอก่อนนัด เอาของไปเก็บก่อน”
“คับ”
“.........................”
“.........................”ถึงหอยังไม่มีใครพูดอะไรสักคำ ผมก็ลงจากรถ ขึ้นหอไปเลย โดยมีมันเป็นหมาคอยวิ่งดักหน้าดักหลัง
ผมเอาโทรศัพท์ของพี่ วางไว้ที่เดิม เอากุญแจไปฝากยามไว้
แล้วก็กลับ
“.........................”
“.........................”ในรถเงียบจนเสียงแอร์ยังได้ยินเลย 5555 จะมีก็เสียงไฟเลี้ยวที่ดัง กลิกแกล็กๆ บ้าง
“กินอะไรไม ตัวเอง”เกือบถึงบ้านแล้วมันค่อยถาม
“ไม่”
“เข้าเซเว่นไม”
“ไม่”
“เดินตลา.........”
“ไม่”ผมรีบดักมันก่อน ไม่มีอารมณ์ไปไหนทั้งนั้น
“อยากจะไปไหนไม”
“เมิงอยากจะเอากรูไปทิ้งไว้ที่ไหนอีกละ ป่าช้าเลยดีไม”
“อย่าพูดเลย เค้ายอมรับผิดทุกอย่าง”
“รู้นี่ เมิงก็รู้อยู่แก่ใจ เมิงยังทำไมได้ลงนะนัด ทำอยากกับกรูเป็นผักปลานะ จะทิ้งก็ทิ้ง”ผมพูดเสร็จก็เปิดประตูรถ เดินขึ้นห้องเลย
เจอยามเค้าก็ถามว่าหายไปไหนมา ไอ้นัดตามให้วุ่นเลย ผมก็บอกแค่ว่านอนบ้านเพื่อน
ไม่นานมันก็ตามมา
“หิวอะ ทำไรให้เค้ากินหน่อยดิ”มันเดินลูบท้องแบนๆของมันมานั่งข้างผม ที่นั่งดูทีวีอยู่
“............................”ไม่ตอบแต่ก็เดินเข้าครัว
ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงข้าวก็สุกได้ไข่เจียว หมูทอด
“เสร็จแล้ว”ผมเดินผ่านมันไปเข้าห้อง เพื่อนที่จะอาบน้ำ นอน
“ไม่กินด้วยกันหรอ”
“ไม่” ผมปิดประตูดัง ปึ้ง!!!!!
อาบน้ำเสร็จ ผมก็นอนเลย เพราะมันดึกแล้ว เดี๋ยวก็ต้องไปเรียนอีก ปล่อยมันไปตามเวรตามกรรมมันแล้วกันแล้วผมก็ไม่ลืมที่จะเอาหมอนข้างมาวางตรงกลาง
(ปกติมันจะอยู่ฝั่งใดฝั่งผม เพราะตอนกลางคืนผมชอบก่าย แล้วตื่นมามันก็ตกไปอยู่ที่พื้นทุกคืนเลย5555)
มันกินข้าวเสร้จก็เข้ามา(ได้ยินเสียงประตู) ผมก็นอนหันหลังให้มัน
“รังเกียจเค้าขนาดนั้นหรอ”
“.........................”ผมไม่ตอบแต่นอนหันหลังท่าเดิมนิ่งๆ ยังไม่หลับหรอก
มันก็ไปอาบน้ำ
“เค้านอนข้างล่างก็ได้”แล้วผมก็ไดยินเสียงหมอนกระทบพื้น
แล้วไฟในห้องก็ได้ดับลง
มันนอนพื้นจิงๆด้วย
กว่าผมจะหลับได้ลงก็นานพอสมควร เพราะคิดเยอะ
รู้สึกตัวตอนกลางดึก เหมือนมีคนมากอดผมเลย
ผมลืมตาในความมืด แต่ไม่ขยับนะ
รู้เลยว่ามันเลื้อยขึ้นมาบนเตียง สงสัยจะหนาวเพราะมีผ้าห่มผืนเดียว แล้วผมก็ห่มอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
ผมแกะมือมันออก
ไม่ถึงนาที มันก็มาใหม่
เอาออกอีก มันก็มาอีก
ผมเลยเลยเดินออกไปนอนที่โซฟาหน้าทีวี เพื่อที่จะให้มันรู้ว่าผมยังโกรธมันอยู่
ไม่ถึง5นาที มันก็มานอนคว่ำบนขอบโซฟา(ผมนอนบนโซฟา มันนอนบนขอบ) แล้วมือมันก็กอดผมอีก
“นัด เมิงจะกวนทีนกรูไปถึงไหน”หลังจากที่ผมเดินไปเปิดไฟ ก็ตะโคกใส่มันเต็มที่เลย มันทำหน้างัวเงีย มึนๆ ใส่ผมอีก
ผมมองมามันนิ่ง ด้วยความโมโห
“อาราย” ดู!!!! มันยังมีหน้ามาอะไรอีก
“เมิงจะนอนไหน”
“นอนกับตัวเอง”
“นัด เมิงอย่าปัญญาอ่อน เมิงทำตัวเองนะ”
“ตัวเองก็หายโกรธเค้าดิ”
“เมิงจะนอนไหน”
“ตรงนี้ มันชี้ไปที่โซฟา”
“งั้นกรูไปนอนในห้อง”
“งั้นเค้าก็ไปนอนในห้อง”
“งั้นกรูกลับหอกรู แล้วกัน”
“ไม่นะๆ เค้าขอโทษๆหายโกรธนัดนะ นิว”
“ไม่”
“กรูถาอีกครั้ง คำถามเดิม จะนอนไหน”
“นอนนี่ก็ได้ ตัวเองไปนอนข้างในก็ได้ จะได้หลับสบาย”หน้ามันสลดมาก เห็นแล้วก็สงสารมันเหมือนกัน
“เออ”ผมก็เดินเข้าห้องไปเลย ปล่อยมันให้ยืนอยู่ตรงนั้นแหละ
ผมเข้าไปนอนก็นอนไม่หลับหรอก แต่พรุ่งนี้ก็ต้องไปเรียน ถึงจะเป็นวันหยุดก็เหอะ
กว่าจะหลับได้ก็เกือบเช้าเลย ขี้เกียจตื่นชิบ
อาบน้ำ ไปเรียน
“ไปไหน”มันโผล่หัวมาจากโซฟาถามผม
“เรียน”แล้วผมก็มุ่งหน้าสู่ประตู
“เดี๋ยวไปส่ง”
“ไม่ต้อง รถเมล์มี”
“ไม่ ไปส่ง รอแปป”แล้วมันก็วิ่งเข้าห้องน้ำ 2 นาที ออกมาใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย(ตอนนอนไมได้ใส่) ออกมาเรียบร้อยตามแบบฉบับของมัน ปากแดงพร้อม อืม ยิมรับมันเลยภายในเวลาไม่ถึง2นาที น้ำก็ไม่อาบ ถ้าปกติ ผมด่ามันแล้ว
“ปะ มาช่วยถือ”
“ไม่ ถือเองได้”แค่กระเป๋าหนัง อันดียว เหมือนแฟ้มอะ
มันเปิดประตูให้ กดลิฟท์ให้
“รออยู่นี่นะ เอารถแปบ”
“................”ผมไม่ตอบ แต่ก็รู้
ไม่นานมอไซก็มาเทียบท่า (ถ้ามันปูพรมให้ผมได้คงทำไปแล้ว)
“ตึกไหน”
“ตึกนั้น”
“...............”รถจอดผมก็เดินขึ้นห้องเลย ไม่พูดกับมันสักคำ
เรียน
เรียน
เรียน
เลิก 11โมงกว่าๆ ผมก็ลงมา เจอมันนนอนฟุบอยู่บนโต๊ะหินอ่อน หน้าตึก ผมเห็นแล้วสงสารมันวะ ผมเงยหน้าขึ้นมองเพดาน กลัวน้ำตาไหล
“เรียนเสร็จแล้วหรอ”มันคงได้ยินเสียงคนคุยกันดังเลยตื่น
“อืม หิวยัง”
“อืม นิดหน่อย”
“งั้นขึ้นไปกินบนฟูดส์ก่อนไม”
“อยากกิน...............อะ”ผมไม่ขอบอกยี่ห้อนะคราบ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังต่อจากนี้
“อืม กลับไปโทรสั่งที่บ้านแล้วกัน”
“คราบ”มันยิ้มตาปิดๆให้ผม ผมก็ไม่ยิ้มตอบนะ ทำหน้านิ่งๆเอาไว้
ถึงบ้านมันก็ให้ผมโทรให้
ตกลงอะไรเสร็จก็วางสาย บอกจะมาส่งภายใน40นาที ok รอได้
ผมโทรไปตอน เวลา 11.21 ได้กินก็คงเที่ยงพอดี
เวลา12.25 ทางร้านที่ทำหน้าที่จัดส่งโทรกลับมาบอกว่า พนักงาน ที่ส่ง ทำอาหารหล่นเลยกลับมาทำใหม่ บอกรอเพิ่มอีก10นาที รอได้อยู่แล้ว แค่10นาที
ไอ้นัดนี่เดินวุ่นทั่วห้องเลย ผมก็นั่งมองมัน นั่งพิมตอนที่แล้วอยู่ด้วย มันไม่รู้ว่าผมพิมอะไร เลยไม่ว่า แต่มันคงไม่กล้าว่าหรอกเพราะยังมีความผิดอยู่
เวลา13.07 พนักงานโทรมาอีก บอกมาถึงแล้ว
ผมก็ลงไปรับเอง
พอลงไปถึง เค้าก็ยกมือไหว้ผมใหญ่เลย บอกขอโทษที่มาส่งช้า ผมก็เข้าใจนะ ผมเคยทำงานเบื้องหลัง(อัยย๊ะ ดูดิ) งานแบบนี้มาก่อน
“ขอโทษคุณลูกค้าที่มาส่งช้านะคับ”เค้าแก่กว่าผม เค้ายังยกมือไหว้ผม ผมก็ยกมือไหว้ตอบ
“ไม่เป็นไรคับ ออเดอร์หรอพี่”
“คราบ”
“อ่อ คราบ ไม่เป็นไร ผมเข้าใจคราบ”
“ทั้งหมด361บาทคราบ”ผมก็ยื่นแบงค์500ไป
“มีเหรียญไมคับ ผมไม่มีเหรียญ”เค้าต้องทอน139
“งั้นก็ทอนมาแค่120ก็ได้คราบ”
“อ้อคราบ ขอโทษจริงๆนะคราบ”เค้ายกมือไหว้ผมอีก ผมก็ยกมือไหว้ตอบแทบไม่ทัน
พอมาถึงห้อง ผมกับมันก็รื้อถุงกันใหญ่เลย
ชามะนาวแยกถุงมาให้ น้ำแข็งใส่แก้วมาให้ ผมเปิดแก้วจะเท ชามะนาวลงไป แต่ปรากฎว่านเเข็งเหลือครึ่งแก้ว แล้วน้ำที่ละลายอยู่ครึ่งแก้ว (ไม่เป้นไร ผมเข้าใจ แต่มันก็ไม่ไกลนะจากร้านมาถึงผม เพราคอเซ็ตเตอร์แจ้งแล้วว่าสาขาไหนจะมาส่ง)
ไอ้นัด เปิดกล่องข้าว ของมัน ก็กินไป ส่วนผมเปิดกล่องไก่ทอด ยังไม่มีปัญหา
เปิดเฟรนฟราย เหี่ยว หดไปอยู่ครึ่งกล่อง (ผมเข้าใจ จะให้ร้อนๆเหมือนกินที่ร้านได้ไง)
เปิดดูนักเก็ต ก็เหี่ยว และเย็น(ผมก็เข้าใจอีกนั่นแหละ)
สลัด ก็ok กินได้ ยำไก่ ก็อร่อยอยู่
เลยเปิดไก่ย่างกิน อืม ชิ้นใหม่ดี สมกับที่รอนาน
กินไปๆ เอ๊ะ ทำไมไก้ย่างเหนียวๆวะ
เลยคลายออกมาดู แล้วทิ่ง ดูที่เหลือจากที่กิน
“เหยดเป็ด เห็นกรูเป็นตัวเหี้ยไงวะ เอาไก่ดิบมาให้กรูกิน”ผมบ่นเบาๆ ไอ้นัดได้ยินเลย มองที่ไก่ ปรากฏว่าไก่ยังเป็นนิ่ม ฉีกไม่ได้เลยคราบ (ถ้าไก้สุกจะฉีกเป็นเส้นได้ใช่ไมคราบ แต่นี่ฉีกไม่ได้)
ผมไม่เข้าใจ ว่าทำไม ผมรอตั้งนานแล้ว ทำไม อาหารผมไม่ได้คุณภาพละ ที่บอกว่าพนักงานมาส่งแล้วแต่ทำหก ผมไม่เชื่อหรอก มันเป็นแค่ข้ออ้าง (เพราะผมเคยอยู่เบื้องหลังมาก่อน)
การที่พนักงานส่งอาหารจะทำอาหารหกได้มันเป็นเรื่องยากมาก เพราะกระเป๋าส่งอาหารแน่นหนามาก ไม่มีทางเด็ดขาด เว้นแต่จะโดนรถชน หรือรถล้มเท่านั้น ถึงจะเสียหายได้
แตที่เค้าบอกว่าอย่างนั้นก็เพราะพนักงานไม่เพียงพอต่อการส่ง เลย หาขออ้างให้ลูกค้าไม่โทรไม่โวยวายกำคอเซ็นเตอร์ซึ่ง ถ้าลูกค้าโวยวายไป ทางร้านก็จะมีประวัติ
ผมเลยเอาไก่ไปเวฟใหม่จนเกรียม
ไอ้นัดนั่งขำ ผมทำหน้าตึงใหญ่ มันถึงได้รีบหุบปากแล้วกินเงียบๆไป
แต่ตอนนี้ก็คุยกันปกติแล้วคราบ
ตอนต่อไปจะย้อนกลับไปที่บ้านนอกให้จบนะคราบ