ตอนที่ 13
ศรัยเดินเข้ามาที่ห้องทำงาน ยังไม่ทันจะนั่งลง เพื่อนตุ้มกับเพื่อนเฟื่องก็เปิดประตูห้องตามเข้ามา
“โห สายสืบมึงนี่ทำงานดีจริงๆ นะ กูเหยียบเท้าเข้าห้องปุ๊บ มึง 2 ตัวมาปั๊บ แล้วไอ้เฟื่องทีเรื่องอื่นทำเฉื่อยเรื่องนี้ทำว่องนะมึงนะ” ศรัยบ่นยืดยาว แกล้งพวกอยากรู้เรื่อง แต่ทั้งเพื่อนทั้งลูกน้องพากันหัวเราะ
“ขอคุณพี่เขาหรือยังน่ะ พาน้องมาเปิดตัวที่ทำงานเนี่ย” ตุ้มถาม
“ไม่ได้ขอ เมื่อคืนกูนอนห้องปชา เช้าเดินมาห้องนี้ เขามีเรียนสายก็เลยพามานี่ก่อน ทอรุ้งลงกลางทาง”
“ระวังพี่เขารู้ มึงจะโดนหมัดซ้ายทะลวงตับ” ตุ้มทำท่าล้อเลียน
กำลังคุยกันเสียงดังลั่นห้อง หญิงสาวแต่งกายเรียบหรูเปิดประตูก้าวเดินเข้ามา เสียงส้นสูงเคาะพื้นเป็นจังหวะ ตุ้มหันไปยิ้มรับ
"คุณวาวา วันนี้มาเองเลยหรือครับ เชิญที่ห้องผมดีกว่ามั้ย"
"ไม่เป็นไรค่ะ วาวาต้องขอโทษคุณตุ้มที่เดินเข้ามาเอง" หญิงสาวหันไปหาชายวัยกลางคนที่เดินเข้ามาด้วย "พอดีคุยกับผู้จัดการเสร็จ เดินผ่านได้ยินเสียงคุ้นๆ ก็เลยเข้ามาคุยด้วย"
"กำลังแซวหัวหน้าศรัยจีบเด็ก" ตุ้มทำหน้าตาระรื่นมีความสุข ขณะที่ศรัยมีสีหน้านิ่งเฉย
"อ้อ...มีแฟนใหม่แล้วหรือคะ เร็วมาก แต่ถ้าเก๋รู้คงยินดี เพราะทางนั้นเป็นห่วง กลัวคุณเสียใจ คิดมาก"
ตุ้มยิ้มกว้าง กางแขนในลักษณะเหมือนโอบเอววาวาให้เดินออกไปนอกห้อง ขณะที่ปากก็ชวนคุยเรื่องงานไปเรื่อย
พอประตูห้องปิดลง ทุกคนก็พากันถอนหายใจยาว
ลูกน้องคนหนึ่งของศรัยบ่นให้ได้ยินกันในกลุ่ม
"เชื่อได้เลย ว่าที่เดินเข้ามาเพราะจะมาถามเรื่องเด็กหัวหน้า ไม่ใช่มาหาพี่ตุ้มหรอก"
"ถามเพื่อ" คนที่นั่งโต๊ะใกล้กันหันไปถาม
"เพื่อไปเม้าท์ไง" อีกคนหันไปช่วยตอบ
ส่วนเฟื่องหันมาหาศรัย "ไม่ใช่ตุ้ม ทำไม่ได้นะเนี่ย แมร่งหักเปลี่ยนเรื่องทันที"
ศรัยยิ้มมุมปาก หันไปชวนทุกคนในห้อง "ไว้ไปกินเหล้าห้องปชากัน"
"หลังนิทรรศการมึงแล้วกัน" เฟื่องบุ้ยปากไปที่โมเดลตัวใหญ่บนโต๊ะ "แล้วทำไมไม่เลี้ยงที่บ้านมึง หรือที่ร้าน แค่ไอ้พวกนี้นั่งก็แน่นห้องแล้ว"
แต่ศรัยยังหันไปมองที่ประตูห้อง "ดูไปดูมาไอ้ตุ้มมันวิ่งแก้ปัญหาของกูล้วนๆ เลยนะเนี่ย"
"เออ" เฟื่องตอบรับ เดินไปแง้มประตูมอง แล้วหันมาบอก "ทางสะดวก กูไปละหัวหน้าไร เดี๋ยวเที่ยงเจอกัน"
ศรัยหันมาเคาะปลายดินสอกับงานบนโต๊ะ "สรุปว่าครึ่งเช้า กูได้งานอะไรเป็นเรื่องเป็นราวกับใครเขาบ้างมั้ย"
เมื่อก้าวเข้าไปในรถคันใหญ่ วาวากดโทรศัพท์หาเก๋ เล่าว่าศรัยมีคนรักใหม่แล้ว ทั้งยังพามาที่ทำงานด้วย
เก๋ก็มีคำถามเหมือนกับทุกคน ว่าเป็นใครกัน ทำไมถึงได้ไวนักเพราะเพิ่งเลิกรากันไปเมื่อไม่นานมานี้เอง วาวาเองก็ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับคนรักใหม่ของศรัยมากนัก เพราะได้ยินแว่วๆ ว่าศรัยพาแฟนมาเปิดตัวกับที่ทำงาน แล้วก็พาไปส่ง ทั้งเหมือนจะมีพี่ชายขี้หวงด้วย
ขณะที่เก๋พูดอย่างจริงใจ "ศรัยเขาเป็นคนตัดสินใจเด็ดขาด ก็ดีแล้วนี่คะ ที่เขาจะมีความสุข"
"ไม่เสียดายหรือคะคุณน้อง"
"เสียดายเรื่องอะไรละคะ ตอนนี้เราเลิกกันแล้ว แล้วเก๋ก็คบกับบวรอยู่"
"ก็แหม เผื่อไว้ไงคะ ยังไงบวรนั่นมันก็แค่พนักงานระดับเดียวกับคุณน้องนะคะ แต่ศรัยน่ะระดับหัวหน้าแล้ว เงินเดือนก็มากกว่า เกิดวันข้างหน้ามีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังเผื่อเป็นทางเลือก ศรัยเครซี่คุณน้องจะตาย"
ก่อนที่วาวาจะพูดไปเรื่อย เก๋ก็ขัดขึ้นว่า ยังอยู่ในชั่วโมงทำงาน คุยโทรศัพท์นานจะโดนหัวหน้าดุเอาได้
"นั่นไงคะ บริษัทของคุณน้องน่ะมันโรงงานนรกชัดๆ"
"พี่วาวาคะ ขออนุญาตวางสายนะคะ หัวหน้ามองมาแล้ว"
หญิงสาวจิ๊ปากขัดใจโยนโทรศัพท์ใส่กระเป๋าหรูแล้วขับรถออกมา
วาดเลิกเรียนกลับมาที่คอนโดฯ ในตอนเย็น ทอรุ้งกลับมาถึงก่อนแล้ว และกำลังทำความสะอาดห้องพัก ทั้งที่ยังอยู่ในเครื่องแบบนักศึกษา
วาดวางหนังสือไว้ที่โต๊ะ แล้วเดินไปหาพี่สาว
"พี่ทอ"
"อือ...."
"พี่ไม่อยากให้ผมคบกับพี่ศรัยใช่มั้ย"
"หือ อะไรนะ ใครว่าอะไรมา" ทอหันมามองน้องชาย สีหน้าทั้งตกใจและไม่เข้าใจ
"มันไม่ใช่ใครหรอก แต่ผมคิดว่าทุกคนไม่อยากให้ผมคบกับพี่ศรัย"
ทอดึงมือน้องชายให้มานั่งที่เก้าอี้ "เกิดอะไรขึ้น อยู่ดีๆ ก็กลับมาถามคำถามนี้กับฉัน"
วาดพลิกมือจับมือพี่สาวไว้แน่น "ไม่รู้เหมือนกัน นั่งรถกลับมาบ้าน อยู่ดีๆ ผมก็เก็บที่ทุกคนพูดถึงพี่ศรัยกับผมมาคิด ทั้งพี่เขียน พี่ปชา พี่ตุ้ม พี่ทอ ไปถึงไอ้เกียรติ ไอ้นก แล้วสายตาคนที่มองผมมาตลอดหลายปี"
"แล้วคนไหนที่พูดคำว่า ไม่อยากให้แกคบกับพี่ศรัย"
วาดส่ายหน้า พี่สาวเลยจิ้มหน้าผากจนหน้าหงาย
"ประสาทว่ะแกน่ะ อยู่ดีๆ ก็คิด"
"ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ก็คิด แต่ทุกคนเตือนผมเรื่องนี้ตลอดเวลา ไปช้าๆ ดูให้ดี คิดให้รอบคอบ มันทำให้ผมกลัวยิ่งกว่าตอนที่เพิ่งเกิดเรื่องขึ้นมาเสียอีก แล้วพอถามตัวเองว่าผมคิดทำไม เอาคำพูดทุกคนมาคิดทำไม ทำไมถึงกลัว เราตกลงคบกันแล้วหรือไง...." วาดพูดแล้วเงียบ ทำให้พี่สาวต้องเอียงหน้ามอง
"แล้วไง แกอย่ามาอ้ำอึ้งกับฉัน"
"รู้ละว่าเพราะอะไร"
"ก็เออนั่นแหละ มันอะไรของแกวะ เดี๋ยวปั๊ด ไม่เครียดตามแกซะดีมั้ยเนี่ย" ทอรุ้งโวยวายจนน้องชายเก้อ
"เออ ไม่เครียดก็ไม่เครียดตามใจเหอะ ผมไปอาบน้ำก่อนนะ" วาดลุกหนีเข้าห้องไปดื้อๆ
"ไอ้วาด ไอ้เพี้ยน มาทิ้งนอยด์ใส่ฉันแล้วหนีได้ไงวะ" พี่สาวโวยวาย แล้วหันไปหยิบโทรศัพท์
สองทุ่มกว่าศรัยถึงได้เข้ามาที่คอนโดฯ เจตนาเดินไปทางห้องของปชาก่อน
"เป็นไงบ้าง" ศรัยถามทันที
"ไม่เจอทั้งคู่ เดี๋ยวกูจะลงไปกินข้าวร้านหน้าคอนโดฯ เผื่อจะรู้ว่าไปไหนกัน"
"ดูมิเตอร์ไฟแล้วเหรอ"
"ดูแล้ว แต่มันวัดอะไรไม่ได้หรอก เพราะยังไงก็ต้องเสียบปลั๊กตู้เย็น แมร่ง ยิ่งคิดนะ กูยิ่งรู้สึกว่ากูโง่ฉิบหาย"
ศรัยพยักหน้า "ยังไงมึงก็ระวังตัว ค่อยๆ ถอยห่างออกมา คนมันเคยทำมาแล้วครั้งหนึ่ง ถ้ามึงแสดงตัวว่ามึงรู้ทัน มึงน่ะแหละจะไม่ปลอดภัย"
"เออ ขอบใจที่เตือน" ปชาบอกแล้วเดินออกมาพร้อมกับศรัยที่ถือถุงอาหารมาด้วย "กูว่ามึงขอแม่ย้ายมาอยู่กับกูเลยเหอะ"
"น้อยหน่อยพี่" ศรัยทำเสียงล้อเลียน "เมื่อเช้ากูเพิ่งได้เบอร์โทรเขาเอง"
เดินมาถึงหน้าลิฟต์ ปชาก็รีบบอก "ไม่ต้องรีบกินนัก สักสามทุ่มก็ได้"
"ไม่ดีหรอก ทอรุ้งอยู่ด้วย น้องเป็นผู้หญิงเขาเสียหาย"
"คนเสียหายไปแล้วไม่เป็นไรใช่ปะ" ปชาทำหน้าระรื่น ทำให้ศรัยชักศอกใส่
“แรงไป คนเลวน่ะกูไม่ใช่เขา อย่าพูดถึงเขาแบบนี้”
"พี่มาดึก" วาดทักทันทีที่เปิดประตูห้อง ส่วนทอรุ้งเงยหน้าจากหนังสือมาทักทาย
"ขอโทษนะทอ พี่มาดึก"
"ไม่เป็นไรค่ะ แต่หนูขออนุญาตไปอ่านในห้องนอนนะคะ"
วาดดึงถุงอาหารจากมือของศรัยไปใส่จานวางบนโต๊ะ แล้วเตรียมเครื่องดื่มให้ ขณะที่ศรัยเดินมาล้างมือแล้วเตรียมกินอาหาร
ไม่มีบทสนทนาตามเคย มีแต่สายตามที่มองมากับท่าทางขัดเขิน
จนกระทั่งอาหารในจานใกล้หมด วาดถึงได้บอก "ผมคุยไม่เก่ง"
ศรัยยิ้มกว้าง เห็นมาตลอดว่าคนนี้ใช้สายตากับท่าทางแทนคำพูดมาตลอด
"ก็ไม่เห็นเป็นไร แค่นั่งอยู่ด้วยกันก็ดีแล้ว"
"แล้ว...ผมทำให้พี่เสียงานหรือเปล่าฮะ"
"ไม่หรอก เลิกงานพี่ก็ต้องกลับบ้านเหมือนกัน ถ้ามีงานเร่งพี่ต้องกลับดึก หรือว่าต้องค้างพี่ก็โทรบอกที่บ้าน เขาจะได้ไม่ต้องห่วง แต่เมื่อเช้ามีคนโทรผิดมา เมมเบอร์ไว้แล้วคิดว่า ถ้าต้องกลับดึกหรือมาไม่ได้ก็จะโทรบอกเขาเหมือนกัน แต่บังเอิญว่า ช่วงงานเร่งเพิ่งผ่านไป และคาดว่ามันจะมาอีกใน 1 หรือ 2 อาทิตย์ข้างหน้า ก็เลยยังไม่ต้องโทรบอกใคร"
นึกแล้วเชียว ว่าถ้าพูดยาวๆ วาดจะทำตาโตจ้องมองมาเหมือนพี่กำลังเล่านิทาน ศรัยก็เลยพูดไปเรื่อยจนกระทั่งกินเสร็จ วาดก็ลุกเก็บไปล้างให้ ส่วนศรัยเดินไปเข้าห้องน้ำแล้วมานั่งเหยียดขาอยู่ที่โซฟาหน้าโทรทัศน์
"ไม่กลับไปห้องละฮะ" วาดรีบบอกทันทีที่ศรัยหยิบรีโมทเปลี่ยนช่องโทรทัศน์
"แป๊บเดียว รอปชามันกินข้าวเสร็จก่อน"
"อ้าว...." วาดทำตาโต "พี่ปชากลับมาแล้ว แล้วทำไมไม่ไปกินข้าวกับพี่ปชาล่ะ"
"ก็ซื้อมาแล้ว บอกคนห้องนี้ไว้แล้วว่าจะมากินข้าว ก็ต้องมาสิ"
ดวงตาที่มองมาหวานเชื่อมจนวาดไม่กล้าสบตา ศรัยที่นั่งอยู่เลยดึงมือให้มานั่งลงข้างๆ หนุ่มตัวเล็กหันไปมองประตูห้องพี่สาวทันที
“วาด”
“ฮะ”
“ไม่สบายใจเรื่องอะไร”
วาดทำตาโตหันไปมองประตูห้องพี่สาวอีกที
“วาด”
“ไม่มีเรื่องอะไร”
“งั้นแสดงว่ามันต้องเกี่ยวกับพี่”
“ไม่เกี่ยวกับพี่”
ศรัยถอนหายใจยาวเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ไม่ได้พูดอะไร
“พี่ฮะ...”
“ครับ”
“เรา....คบกันอยู่หรือเปล่า”
“ใช่”
แก้มใสแดงเรื่อแต่วาดกลับรู้สึกว่ามือเย็นเฉียบ “เราไม่คบกันได้มั้ยฮะ”
“ไม่ได้”
น้ำเสียงของศรัยห้วนจนผิดหู ทำให้วาดต้องหันมามอง แววตาระยิบ หัวใจกลับเต้นแรงเหมือนดีใจที่พี่บอกว่าไม่ได้ แต่สมองกลับสั่งให้พูดอีกอย่าง
“ก็ผมบอกพี่แล้วตั้งหลายครั้งว่า พี่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เพื่อจะรับผิดชอบผม”
“นั่นมันข้ออ้างของพี่ต่างหาก เราคุยกันแล้วนะวาด”
“ฮะ ผมรู้ เราคุยกันแล้ว จนเหมือนเป็นหัวข้อที่เราจะคุยกันทุกครั้งที่เราพบกัน”
“แล้ววันนี้เกิดอะไรขึ้น เกียรติพูดอะไร”
หนุ่มตัวเล็กอึ้งไปชั่ววูบ เพราะถูกศรัยเดาความคิดได้ตลอดเวลา
“มันบอกว่า มันเป็นหลานของคนนั้น ทุกคนในครอบครัวช่วยกันปิดพี่ บอกว่าพี่เป็นคนดี แต่ว่า.....”
ศรัยเลิกคิ้วสูงรอให้วาดพูดต่อ
“แต่ว่า คนนั้นเป็นผู้หญิง ส่วนผมเป็นผู้ชายนะฮะ”
รอยยิ้มจางๆ ติดอยู่ที่มุมปากสวย “แล้วไง”
“ผมไม่ใช่ผู้หญิง ไม่อ่อนหวาน กระดูกผมก็แข็งๆ จะอกจะเอวก็ไม่มี มีแต่ลูกกระเดือกเนี่ย แถมยังต้องโกนหนวดอยู่ทุกเช้า” วาดกะพริบตากลมมองคนที่กำลังยิ้มเหมือนเรื่องที่กำลังพูดอยู่เป็นเรื่องตลก “พี่ไม่เข้าใจ”
“พี่เข้าใจ”
“เข้าใจว่าอะไร”
“วาดกำลังเปรียบเทียบตัวเองกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ และพี่ก็ไม่ได้ต้องการวาดที่เป็นไปไม่ได้คนนั้น”
“อะ อันนี้ผมไม่เข้าใจ” ที่จริงก็เข้าใจอยู่หรอก แต่สมองมันดื้อเกินกว่าที่จะยอมรับได้
“พี่รักวาด แบบที่วาดเป็น ไม่ใช่รูปลักษณ์ภายนอก”
วาดอึกอัก รู้สึกเหมือนกำลังพูดในสิ่งที่ตรงข้ามกับใจอีกครั้ง
“แต่ผมยังไม่รู้เลย เราแยกกันสักพัก ไม่เจอกันสักพักดีมั้ยฮะ”
“ไม่ได้”
หัวใจที่เต้นแรงบอกว่าดีใจที่พี่ปฏิเสธ แต่คำพูดกลับไปอีกทาง
“พี่บังคับให้ผมรักพี่ไม่ได้หรอก”
“ทำไมถึงคิดว่าพี่บังคับไม่ได้”
ทั้งรอยยิ้มและแววตาของพี่ บอกว่าพี่รู้ทัน ว่าคนตัวเล็กกำลังหนีเข้ามุม เพื่อที่จะไปจนมุมตัวเองเหมือนที่ผ่านมา
“ผม...ไม่ได้.....”
มันแปลกที่คำพูดต่อไปมันกลับไม่มีเสียงออกมา เหมือนโดนแววตาสีเข้มคู่นั้นสะกดไว้
“ผม...ผม...ผม....”
ศรัยเหยียดแขนโอบเอวบางเข้ามาใกล้ วาดก็รีบผลักหนี แต่กลายเป็นโดนรวบกอดไว้แน่น
"มะ ไม่ ไม่ ไม่"
"ชู่ว~~" ศรัยยกนิ้วแตะที่ริมฝีปาก "อย่าเสียงดัง เดี๋ยวทอรุ้งได้ยิน"
"พี่ก็ปล่อยสิ จะกอดทำไม"
"แล้ววาดจะหนีทำไม"
"แล้วพี่กอดทำไม"
"ก็วาดหนีทำไมล่ะ"
วาดอ้าปากจะตอบด้วยประโยคเดิม แต่พี่ก็คงตอบประโยคเดิมกลับมาเหมือนกัน
"ปล่อยเถอะฮะ นั่งคุยธรรมดาก็ได้"
แต่แขนแข็งแรงยังคงรัดแน่น เว้นแต่ใบหน้าคมเข้มที่มองมามีรอยยิ้มอ่อนระบายอยู่
“พี่เคยล้อเลียนตุ๊ด ล้อเลียนกระเทยมั้ยฮะ”
“ไม่เคย แล้วอย่าลืมว่าตุ้มน่ะเป็นเพื่อนพี่ ส่วนผู้กองหมอกนั่นก็เป็นเกย์”
วาดกะพริบตากลม “อะ จริงน่ะ”
“จริง”
“ไม่น่าเชื่อเลย” วาดนึกถึงนายตำรวจตัวหนา คนที่พบเจอหน้าคอนโดฯ แล้วขึ้นมาตรวจสอบห้องพักอีกฝั่งหนึ่งในวันที่พี่มีนตาย ดุยังไงก็ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนที่ชอบผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
"วาดอาจเคยเจอคนที่เขารังเกียจรับไม่ได้ อาจเคยโดนล้อเลียน หรือโดนแกล้ง แต่มันไม่ใช่เหตุผลที่เราจะคบกันไม่ได้”
“ก็พี่ชอบผู้หญิง”
“ตอนนี้ชอบผู้ชาย”
“แล้วจะกลับไปชอบผู้หญิงมั้ย”
พี่นิ่งคิดเรียบเรียงคำพูดที่มันชัดเจน แต่วาดกลับก้มหน้าซุกอยู่ที่ไหล่กว้าง
“พี่อย่าเงียบนานสิ คนฟังใจเสีย”
“ก็ดูคำถามเขาสิ เกิดตอบไม่เคลียร์ ท่าทางจะเรื่องยาว มันก็ต้องคิดให้ดีก่อน ตอบว่าไงดีนะ”
“ช่างเหอะ ไม่ต้องตอบก็ได้”
ศรัยแตะนิ้วที่ริมฝีปากสวย "ตอนนี้พี่กอดใครอยู่"
"กอด...ผม แต่ว่า พี่คบกับเขามาตั้งนาน ผมมาทีหลัง มันคือความจริง"
ริมฝีปากหนาก้มลงหาแล้วแตะปิดสนิท เพียงชั่ววินาทีที่วาดนิ่งขึงศรัยก็แทรกลิ้น
มือขาวซีดกำเสื้อพี่ไว้แน่น
หอมหวานเหมือนผลไม้พาให้ใจสดชื่น และลุ่มหลง
เมื่อพี่ละจูบวาดถึงกับหอบหายใจ
ศรัยยิ้มๆ "แย่จริง อย่างนี้ต้องจูบบ่อยๆ แล้ว"
หนุ่มตัวเล็กกระแทกเสียงในคอ "ผมจะฟ้องพี่เขียน ให้โดนชกอีกสักหลายๆ หมัด จะได้จำได้ว่าตกลงอะไรไว้"
"จำได้ แต่พออยู่ใกล้กันอย่างนี้แล้วมัน..เหมือนจะหลงลืมว่าตกลงอะไรกันไว้"
วาดเหลือบตามองริมฝีปากสวย แล้วต้องหันไปมองทางอื่น
ทั้งที่ใจไม่ต้องการ และรู้ว่าสิ่งสำคัญคือความแน่ใจ แต่ร่างกายกลับจำสัมผัสได้
ทั้งความรุนแรง ก้าวร้าว และ...อ่อนโยน...
“นอกจากเรื่องนั้น ผมยังกลัวว่าจะทำให้พี่ผิดหวังในตัวผมด้วย”
“หือ ยังไง” ยิ้มอ่อนๆ ของพี่ กับมือที่ไล้อยู่ที่แก้มใสทำให้วาดหยุดคิดที่จะหลบหนีความรู้สึกของตัวเองสักครั้ง
“พี่กับพี่เขียนต่างก็ผิดหวังเพราะรักมาเหมือนกัน อาการเข้าขั้นสาหัสทั้งคู่ ถึงการแสดงออกจะไม่เหมือนกันก็เถอะ”
ศรัยหัวเราะหึหึ
“ผมก็กลัวว่าผมอาจเป็นแค่คนชั่วคราวแล้วพี่ก็ไป หรือไม่ ถ้าวันหนึ่ง....ผม...ทำให้พี่เสียใจเหมือนคนนั้น....”
“ก็รู้ว่าพี่จะเสียใจแล้วจะทำ ทำไม”
“รักได้ก็หมดรักได้”
“เขียนบอกใช่มั้ย”
“ไม่เห็นต้องพี่เขียนเลย ใครๆ ก็พูดกัน”
“คนนั้นคงเป็นคนใจกว้าง แต่พี่เป็นคนใจแคบ เมื่อพี่มีรักพี่อยากให้มันเป็นรักเดียวและรักครั้งสุดท้าย พี่ถึงพยายามอย่างเต็มที่”
“แล้ว...คนก่อนๆ หน้าผม พี่พยายามอย่างนี้มั้ย ต้องมาเจอกันเช้าเย็นแบบนี้หรือเปล่า ต้องพยายามอธิบายซ้ำๆ แบบนี้หรือเปล่า”
“ไม่เคยเลย”
....ไม่เคยเลยสักครั้ง ก็แค่นั่งฟังอีกฝ่ายพูดความในใจ ถ้าเบื่อมากๆ ก็เดินหนีไปสูบบุหรี่....ไม่เคยพยายามทำความเข้าใจขนาดนี้มาก่อนเลย...
“ก็พี่รักเขา พี่ก็ต้องพยายามสิฮะ” วาดย้อนจนศรัยต้องก้มลงจูบแก้ม
“พี่คงพยายามรักเขา มากกว่าพยายามทำความรู้จักกับเขาน่ะ”
“พยายาม...รัก...หรือฮะ ก็พี่เสียใจขนาดนั้น”
“ถ้าวาดพยายามทำบางอย่างให้มันดี แต่นอกจากผลลัพธ์จะออกมาไม่ดีแล้วมันยังโดนใครไม่รู้ทำลายไปอีก วาดจะเสียใจมั้ย”
หนุ่มตัวเล็กพยักหน้าช้าๆ
“ขอบคุณที่พยายามอธิบายให้ผมเข้าใจ”
“ด้วยความยินดี ขอเพียง...”
“อะไรฮะ”
“อย่าพูดว่าขอแยกกัน ไม่ให้พี่มาหา ถ้าพี่ทำให้เสียใจ หรือไม่พอใจ มีคำถามต้องบอกกับพี่ตามตรง” ศรัยก้มลงกระซิบที่ข้างหู “เราไม่ได้แค่กำลังคบกัน แต่วาดเป็นเมียพี่”
“ยังไม่ใช่สักหน่อย” วาดอ้อมแอ้มตอบ
ศรัยยกยิ้มมุมปากแล้วต้องร้องลั่นเพราะโดนหยิกเอว
“โอ๊ย เจ็บนะเนี่ย หยิกเจ็บชะมัด”
“ก็พี่อะ”
คราวนี้พอจะก้มลงจูบ วาดก็รีบยกมือปิดปากไว้
"ขอจูบอีกทีได้มั้ย แล้วพี่จะกลับไปห้อง"
วาดยืดตัวขึ้นมองไปทางประตูห้องของทอรุ้ง "พี่ทอได้ยินแหง"
"แล้วใครทำเสียงดัง"
"แล้วใครเป็นต้นเหตุเสียงดังละ"
"ใครเสียงดัง"
"ใครเป็นต้นเหตุ"
"อ๊ะ เริ่มพัฒนาแล้วนี่หว่า" ศรัยบีบจมูกสวยเบาๆ แล้วลุกขึ้นยืน "พี่กลับห้องแล้ว พรุ่งนี้ 6 โมงครึ่งเจอกัน"
วาดลุกขึ้นเดินมาส่งที่หน้าประตู
คนตัวโตเปิดประตู แต่ก่อนที่จะก้าวออกไปก็หันมาหอมแก้มใส "รักวาดนะครับ"
========จบตอนที่ 13=====
ขอบคุณที่ติดตาม และให้คำแนะนำครับ
พบกันวันอังคารครับ
ไจฟ์