ตอนที่ 21บ้านพักขนาด 2 ห้องนอน 3 หลังตั้งเรียงกัน หันระเบียงรับลมทะเล หลังกลางคือบ้านพักของเขียน ทอรุ้ง และวาด หลังขวามือคือบ้านพักของศรัยกับลูกน้อง 2 คน และหลังซ้ายมือเป็นบ้านพักของตุ้มกับลูกน้องส่วนที่เหลือ ทั้งยังเป็นที่ตั้งของโต๊ะใหญ่ กับเตาเผา ทำให้มีพื้นที่ว่างหน้าบ้าน 2 หลังสำหรับกิจกรรมอื่นได้สบาย
หลังอาหารมื้อบ่ายจัด ทอรุ้งก็ชวนวาดลงไปเล่นน้ำทะเล ขณะที่คนอื่นเล่นบอลโกลหนูริมชายหาด มีเพียงตุ้มที่เดินไปสั่งอาหารค่ำที่ร้านอาหารแล้วกลับมานอนอยู่ที่เก้าอี้ยาวบนระเบียง
เวลาผ่านไปไม่นานนัก 2 พี่น้องก็กลับเข้าบ้านพักไปอาบน้ำ แล้วมานั่งคุยกับตุ้มไปพลางกินผลไม้ไปด้วย เสียงหัวเราะดังมาให้ได้ยินเป็นระลอก หันไปอีกทีบรรดานักเตะกำลังหมดแรง ชวนกันเลิกเล่นไปอาบน้ำ แล้วนัดกันมาล้อมวงเล่นกีตาร์ แกล้มเหล้ากัน
วาดคว้าขวดน้ำเปล่า 2 ขวดมาส่งให้กับเขียนและศรัย ส่วนตุ้มร้องตะโกนมาจากหน้าระเบียง
“เดินมากินกันเอง อย่าหวังว่ากูจะถือไปให้พวกมึง”
ศรัยหันไปคุยกับเขียน “ผู้บัญชาการ”
“ถูก” เขียนเห็นด้วย
“ผมจะฟ้องพี่ตุ้ม” วาดพูดแทรกคนที่กำลังเห็นดีเห็นงามตามกัน แล้ววิ่งตื๋อมาหาตุ้ม “พี่ตุ้มๆ”
ยังไม่ทันจะได้ฟ้อง ศรัยก็ล็อคกอดเอววาด ยกอุ้มไปต่อหน้าต่อตาพี่ชาย
“ผมขอน้องชายนะเขียน”
“กลับมาให้ครบ 32 ห้ามมีร่องรอย”
ศรัยหัวเราะร่วน ขณะที่วาดหน้าตาตื่น
ส่วนตุ้มทำเป็นชี้นิ้วกราด “บาป นะครับคุณบาป”
ด้านศรัยพอเข้าห้องก็ปล่อยวาด แล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ ออกมาอีกทีวาดนั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่ห้องกลางกับลูกน้องคนหนึ่งของศรัยที่อาบน้ำเสร็จก่อน
ลูกน้องแสนดีรู้งาน พอหัวหน้าออกมาก็ร้องบอกเพื่อนที่ยังอาบน้ำอยู่แล้วเดินออกไป ศรัยเดินเข้ามานั่งข้างๆ แล้วกลายเป็นล้มตัวลงนอนตัก
พอเงยหน้าขึ้นมองก็เป็นอย่างที่คิด วาดกำลังทำหน้าตาตื่นเหลียวมองซ้ายขวา
ศรัยทำเป็นถอนหายใจยาว
“ก็คนเยอะแยะ” วาดบอกแต่ยังหันกลับไปมองในห้องพักอีกห้อง “เราออกไปหาพี่ตุ้มกันเถอะ”
“หาทำไม เจอกันอาทิตย์ละ 5 วัน”
“แต่พี่เจอผมทุกวันเลยนะ”
“มันเหมือนกันซะที่ไหน”
วาดดึงแขนพี่ให้ลุกขึ้น “เดี๋ยวพี่เขียนก็ไม่ให้มาด้วยกันอีกหรอก”
“แล้วเมื่อไหร่เราจะได้มาด้วยกัน 2 คน”
วาดอึ้งๆ เหมือนคิดตามไม่ทัน จูบหน้าผากทำให้วาดหน้าแดงไปถึงหู “ไปขอพี่เขียนสิ”
“โห....” ศรัยทำเสียงดัง “รู้มั้ย ว่าเขียนมันให้พี่รอตั้งปี”
“ไหนบอกว่ารอได้”
“รอได้ กลัวแต่ว่าในหนึ่งปีเนี่ย จะมีคนตุกติกน่ะสิ” คนตัวโตบอกแล้วยักไหล่ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราติดสินบนไอ้ตุ้มไว้ก่อน”
มีเสียงกระแอมที่หน้าประตู ชายหนุ่มตัวโตสวมแว่นตายืนอยู่
“ผมไม่ตุกติก ถ้าคุณเล่นตามกติกา”
ศรัยลุกไปหา “ผมน่ะแฟร์ๆ กล้าทำกล้ารับ”
เขียนทำกอดอกรู้ทัน “ที่ทำไปแล้ว ยังรับโทษไม่หมด ถ้าทำผิดซ้ำโทษเพิ่มเท่าตัว”
ศรัยทำเป็นชะโงกมองข้ามไหล่เขียนไปมองคนที่กำลังชวนทอรุ้งไปเดินเล่นภายในรีสอร์ท เขียนก็ดักไว้อีก
“คนนั้นน่ะ ชอบตั้งกำแพงว่ารักเสรี แต่เพราะเขาเป็นคนใจดียังไงก็ยังห่วงทอกับวาด เพราะฉะนั้นอย่าเอามาเป็นข้อต่อรอง”
“จะเอาไงคุณพี่ชาย” ศรัยทำท่าเหมือนเป็นต่อ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าวาดกลัวพี่ชายมากขนาดไหน สมควรเอาใจพี่ชายมากกว่าต่อรองกันแบบนี้
พี่ชายพยักหน้าบอกน้องชาย “ตุ้มกับทอจะไปเดินเล่นดูกวาง ดูม้าลายที่เขาเลี้ยงไว้ในรีสอร์ท วาดไปเป็นเพื่อนหน่อย”
“ฮะ”
พอวาดเดินผ่านไป เขียนถึงได้พูด “น้องผมน่ะไม่ทันเหลี่ยมคุณหรอก แต่ที่ให้น้องๆ มาเที่ยวกับคุณเพราะผมเห็นด้วยกับที่ทอบอกว่า เราควรรู้จักคุณให้มากขึ้นไม่ใช่ห้ามจนไม่ฟังอะไรเลย แต่คุณเคยทำให้เขาเสียใจมาแล้ว” พี่ชายแสนดีมองศรัยตรงๆ “ยังไงวาดมันก็ผู้ชาย แล้วคุณก็มีประสบการณ์มาแล้ว คุณทำให้น้องผมยอมคุณได้”
ศรัยรู้ดีว่าเขียนหมายถึงอะไร ทั้งรู้ทันว่าเขียนก็ใช้ประสบการณ์ของตัวเองทำให้ตุ้มคนที่ประกาศว่าไม่พร้อมที่จะมีแฟนยอมตามมาจนถึงชายทะเลด้วยกัน
...ก็ต่างคนต่างรู้ทันกันน่ะแหละ...
“ผมไม่ได้อยากชี้โพรงให้กระรอก แต่ผมขอสัญญาข้อเดียว ถ้าวาดบอกให้หยุด คุณต้องหยุด”
ศรัยยิ้มกว้าง “ผมให้มากกว่าคำสัญญานั่น ไม่ใช่เพราะหลง ทิฐิ หรือเรื่องน้ำเน่าทั้งหลาย แต่เพราะผมรักเขาและไม่อยากเสี่ยงที่จะต้องเสียเขาไป”
หลังอาหารค่ำ วาดกับทอแยกเข้ามาดูละครด้วยกันในห้องกลาง แต่ดูเหมือนว่าจะมีแต่ทอที่ดูละคร เพราะวาดมัวแต่แชทกับเพื่อน
“พี่ทอ ไอ้เกียรติมันจะคุยกับพี่แน่ะ ถามว่าพี่ไม่ออนหรือ”
“ไม่อะ จะดูละคร” ทอดูละครจริง เพราะสายตาไม่ละไปจากหน้าจอสักนิด อินกับเรื่องราวเหมือนเป็นญาติกับนางเอกในเรื่อง
“เช~~งั้นผมบอกเกียรติ” วาดพิมพ์ตอบไป แล้วถามต่อ “มันบอกว่า ขอมาเที่ยวด้วยแต่พี่ไม่ให้มา”
“มาทำไม”
วาดหันมามองหน้าพี่สาว มือที่จะพิมพ์ตอบเพื่อนยังค้างอยู่ “จะให้ตอบอย่างนั้นจริงน่ะ”
“เออ จะตอบว่าอะไรก็ตามสบายเถอะ พรุ่งนี้บ่ายก็กลับแล้ว”
“พี่ทอ อะไรจะไม่มีเยื่อใยขนาดนั้น”
ทอรุ้งยังคงตอบทั้งที่ยังตั้งใจดูละคร “ก็จะให้พูดยังไงล่ะ พี่มาเที่ยวก็เพราะไม่อยากให้แกมาตามลำพังกับพี่ศรัย ซึ่งจะว่าไปมันก็ไม่จำเป็น แต่เพื่อไม่ให้พี่เขียนต้องเครียด ห่วงแกห่วงฉัน มันก็ต้องพ่วงกันมาทั้งหมดแบบนี้ แล้วแกจะให้พี่ชวนเกียรติมาด้วยทำไม”
วาดมองหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วถามพี่สาว “แล้ว...พี่คิดว่านานแค่ไหนพี่ถึงจะไปเที่ยว...แบบนี้กับเกียรติ”
ทอนิ่งคิด “ปีนึงมั้ง ลอกบรรทัดฐานพี่เขียน” พูดแล้วทอก็หัวเราะคิก “แต่ตัวเขาเองน่ะถึง 2 เดือนมั้ยน่ะ”
“พี่ทอ~~~” วาดพลอยหัวเราะตาม
ทอพูดกลั้วหัวเราะ “ตั้งแต่พี่ยังเด็ก แม่บอกเสมอว่า ผู้หญิงน่ะเสียแล้วเสียเลย มันซ่อมไม่ได้ยังไงก็ไม่เหมือนเดิม ใจเรา ตัวเรา ก็แค่ฟังไว้ พอโตขึ้นมาเห็นพี่ๆ น้องๆ คนอื่น เห็นพี่เขียน เห็นแก เราก็รู้ว่าความรักมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลา แต่มันอยู่ที่ใจเราน่ะแหละว่าคลิ๊กมั้ย”
วาดพูดช้าๆ “สรุปคือพี่ไม่คลิ๊กไอ้เกียรติ”
ทอส่ายหน้า “พี่บอกเขาไปแล้ว เสียเวลาเปล่า”
เขียนขมวดคิ้วแน่น ขณะที่ก้าวลงมาจากบันไดระเบียงที่พัก เจอกับตุ้มที่ยืนรออยู่ด้านหลัง
“คุณมีพี่น้องที่รักกันดีเนอะ” หนุ่มหน้าสวยยิ้มกว้าง ท่าทีร่าเริงจนคนที่กำลังเครียดรู้ตัว เดินมาจูงมือไปนั่งที่บันไดระเบียงบ้านพักอีกหลังที่เป็นที่พักของตุ้ม มองดูลูกน้องศรัยเล่นกีตาร์อยู่ ขณะที่ศรัยหันมามองเขียนแล้วหันไปมองที่บ้านพักหลังกลาง สีหน้าเหมือนมีคำถาม แต่เขียนก็แค่ส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรหรอก มันดูละครกัน” บอกกับศรัยไปแล้ว เขียนก็ลดเสียงลงพูดกับตุ้ม “ไหวมั้ย”
“อะไรไหว น้องๆ ของคุณน่ารักจะตาย พวกลูกพี่ลูกน้องผมที่บ้านนอกน่ะ ไม่เห็นมันจะรู้จักคิดเหมือนน้องคุณเลย ส่วนคุณน่ะมันแก่เกินแกงต้องปล่อยไปตามยถากรรม”
เขียนหมั่นเขี้ยวคนพูด แต่มือที่เงื้อจะดึงจมูกกลับหยุดค้าง เพราะเคยเล่นแบบนี้แล้วตุ้มร้องลั่น อำว่าไปทำจมูกมา ก็เลยลดมือลง
“คุณนี่มันน่าปวดหัว”
“ปวดหัวแล้วมารักทำไม”
“ก็มันรักไปแล้วนี่หว่า แก่เกินแกงแล้ว ต้องปล่อยไปตามยถากรรม”
ตุ้มทำตาขวางใส่ “แก่น่ะมันคุณ ไม่ใช่ผม”
เขียนหัวเราะหึหึ
“คุณนี่แปลก เวลาคุณอยู่กับทอกับวาด คุณจะออกสาวมากกว่าสาวแท้ๆ อย่างทอเสียอีก แต่เวลาอยู่กับผม หรืออยู่ในกลุ่มศรัย คุณก็ดูไม่ต่างจากคนอื่น”
ตุ้มยักไหล่ “จะตอนไหนมันก็คือผมทั้งนั้นแหละ ไม่ได้แอ็กติ้ง สวมหน้ากากอะไรหรอก คุณตอนนี้ก็ไม่เหมือนเวลาที่คุณอยู่กับน้องๆ ของคุณเหมือนกัน”
เขียนพยักหน้าเห็นด้วย ตุ้มเอียงตัวมาซบไหล่ “จะว่าไปคุณในวันนี้ ก็อ่อนลงกว่าวันแรกที่ผมพบคุณตั้งเยอะแล้ว มันแทบไม่น่าเชื่อที่คุณฟังน้องคุยกันเงียบๆ แล้วเดินกลับมาโดยที่ไม่ได้ออกคำสั่ง หรือสอนอะไรน้องๆ คุณก่อน”
“ก็อย่างที่คุณเคยว่า ผมเลี้ยงน้องเหมือนไข่ในหิน พอมาเจอปัญหา วาดเลยกลายเป็นคนที่แก้ปัญหาไม่ได้”
“นั่นมันในมุมของคุณ” ตุ้มเถียงทันที เหมือนเป็นพี่ชายของวาดเสียเอง “คุณคิดว่าการที่วาดแก้ปัญหาด้วยการบอกซ้ำๆ ว่ามันไม่มีอะไรคือวิธีการที่ไม่ถูกต้อง แต่ในมุมของผม ผมว่าไม่เลว เพราะวาดไม่เลือกที่จะทำร้ายใครเลยสักคน ถึงตัวเขาเอง ก็ไม่ถือว่าทำร้าย มันอาจดูลังเลพะวักพะวน แต่นั่นก็เพราะเขาไม่ต้องการทำร้ายใคร”
เขียนทึ่งจัด “คุณเข้าใจน้องผมดีกว่าผมเสียอีก”
“เพราะผมมองจากคนนอกไง ไม่ได้เอาความหวังดีแบบสุดโต่งของคุณเข้าไปจับเรื่องนี้ แล้วว่าที่จริง นี่มันก็คืองานที่ผมทำอยู่ทุกวัน มองข้ามข้อด้อยและปัญหา เห็นแต่เป้าหมายแล้วก็ทำให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้”
“เป้าหมายของคุณคือ ทำให้ศรัยทำงานให้เสร็จ” เขียนพูดขรึมๆ “ฟังดูใจร้าย”
“ผมใจร้ายมากกกกกก” ตุ้มพูดแล้วหัวเราะร่วน จนเขียนส่ายหน้า
“ผมเพิ่งโฆษณากับศรัยไปว่าคุณใจดี”
ตุ้มยักไหล่กึ่งๆ ยอมรับว่าใช่และไม่ “ช่วยไม่ได้ที่ใครๆ ก็พูดแบบนี้”
พอห้าทุ่มเขียนก็ลุกไปที่บ้านหลังกลาง พูดเสียงดังตั้งแต่ระเบียงบ้าน
“วาด แกไปนอนห้องพี่”
มีเสียงโห่แสดงความไม่พอใจดังมาจากด้านหลัง แต่พอหันไปมอง คนที่คิดว่าจะไม่พอใจกลับหัวเราะขำ ส่วนต้นเสียงโห่คือตุ้ม ที่ยังคงล้ำหน้าโวยวายไปเรื่อย
“คุณพี่ประหลาดหวงน้องชายมากกว่าน้องสาว”
เขียนยักไหล่เลียนแบบตุ้ม
“ผมแค่ไม่อยากนอนคนเดียว” คนตัวโตสวมแว่นบอกแล้วเดินเข้าบ้าน แต่ยังได้ยินเสียงตุ้มโวยมาจากระเบียงบ้านหลังริม
“ไอ้ห่าไร มึงแน่ๆ เจ้าเล่ห์แพรวพราวแบบนี้ มึงแน่ๆ”
“อะไรของมึงน่ะ โทษกูตลอด” ศรัยยังอารมณ์ดีเหมือนเดิม
ห้าทุ่มแล้ว เสียงกีตาร์และเสียงร้องเพลงเงียบลง เพราะเกรงใจคนที่มาพักในบังกะโลหลังอื่นๆ ศรัยลุกจากกลุ่ม เดินไปเคาะประตูห้องตุ้ม แล้วดึงตุ้มให้ลุกออกมาจากเตียง
“มาทำหน้าที่ของมึงเลย”
“ห่าไร หน้าด้านหน้าทน แล้วมาทำให้กูเป็นไปกับมึงด้วย”
“อย่ามาเยอะ ถ้าเขียนตื่นมาแล้วไม่เจอวาด เป็นเรื่องแน่”
“ก็รู้ว่าเป็นเรื่องแล้วจะทำ ทำไม”
“เขียนให้กูรอตั้งปี”
“มึงไม่รอหรอก กูรู้ นิสัยอย่างมึงน่ะ” ตุ้มขืนตัวไว้เมื่อมาถึงระเบียงหน้าบ้านพักหลังกลาง
ศรัยยอมรับ “เออ แต่กูกับเขียนก็มีข้อตกลงกันไว้เหมือนกัน ก็....เอาเป็นว่าคืนนี้มึงนอนห้องนี้ก่อน”
“ห่าไร มึงนะ ไม่เคยพ้นกูเลย” ตุ้มยังคงบ่นไปเรื่อย
“เอาน่า ยังไงตื่นมาเจอมึงนอนอยู่ข้างๆ เขาจะได้โกรธน้อยหน่อย”
ตุ้มเตะเข้าที่ข้อเท้าเพื่อน “โกรธมึงน้อยเพราะมาลงกับกูก่อนน่ะสิ”
“หรือมึงไม่ชอบ ระวังเหอะเรื่องเยอะนัก เขาไปลงกับคนอื่นมึงจะเครียด”
“สัด!” ตุ้มด่าใส่เต็มหน้าหล่อๆ ของศรัย “พูดห่าไม่เป็นมงคล”
คนตัวโตดึงเพื่อนขึ้นไปบนบ้าน เคาะประตูห้องนอน คนที่มาเปิดประตูดูงงๆ ที่โดนดึงออกมาจากห้องทันทีแล้ว
“มีอะไรฮะ” วาดถามเมื่อเห็นตุ้มโดนผลักเข้าไปแทนที่
ลูกน้องของศรัยคนที่ยังเล่นหมากรุกกันอยู่หันมามองยิ้มๆ แล้วก็หันไปเล่นหมากรุกกันต่อ แต่มีคนที่นอนหลับอยู่ข้างๆ
“พี่ ผมนอนกับพี่ทอก็ได้ ของอยู่ห้องนั้น” คนตัวเล็กยังพยายามอธิบาย
“วาดง่วงหรือยัง ไปเดินเล่นกับพี่”
วาดหันไปมองท้องทะเลตอนกลางคืน เงาของแสงไฟ และแสงจันทร์สะท้อนบนผืนน้ำ “ฮะ”
แต่บอกว่าเดิน ก็คือเดินจริงๆ เพราะศรัยเพียงจับมือไว้แล้วก็เดินไปด้วยกัน ไม่ได้พูดคุยอะไร มีคู่รักหลายคู่นั่งคุยกันอยู่ชายหาด บ้างก็เดินเล่น
ตอนอยู่บ้านก็ได้เดินเล่นด้วยกันตามห้าง หรือที่มหาวิทยาลัย ได้อยู่ด้วยกันที่คอนโดฯ แต่มันไม่เหมือนกับการเดินเล่นด้วยกันแบบนี้เลยสักนิด
ทั้งที่ชายหาดยังมีคนอยู่ประปราย ไม่ได้มีอะไรที่เป็นส่วนตัว แต่กลับรู้สึกว่าที่นี่มีเราเพียงสองคน....
เมื่อกลับมาถึงที่พักก็ไม่มีใครอยู่ที่โต๊ะอาหารหน้าบ้านแล้ว ศรัยดึงมือวาดเดินขึ้นไปที่บ้านพักของตัวเอง
“ผม นอนกับพี่ทอก็ได้”
ศรัยแค่ยิ้มๆ “วาดเข้าห้องน้ำก่อน พี่จะออกไปปิดบ้าน”
“พี่ ผม...”
แต่คนตัวโตเดินออกไปจากห้องแล้ว จนกระทั่งวาดจัดการธุระส่วนตัวเสร็จกำลังจะออกไปรอนอกห้อง ศรัยก็กลับเข้ามา
“ขอโทษ ต้องเดินไปปิดบ้านทั้ง 3 หลัง แต่ละคนวางใจกันมาก”
คนตัวโตเหมือนจะเดินผ่านแต่กลับเอียงหน้าลงมาหอมแก้มใส แล้วเดินไปห้องน้ำ
กลับออกมาใหม่ วาดก็ยังพูดคำเดิม
“ผมไปนอนกับพี่ทอก็ได้”
ศรัยไม่ตอบ แต่จับน้องเหมือนกำลังเล่นหุ่นยนต์ให้น้องล้มตัวลงนอนก่อน แล้วตัวเองก็เดินไปปิดไฟ กลับมานอนข้างๆ
เพียงแค่ขยับเข้าหาวาดก็ตัวแข็งทื่อ ดวงตากลมโตวาววับสะท้อนแสงไฟจากด้านนอก
“วาดครับ”
ศรัยกระซิบที่ข้างหู ขณะที่ยกตัวขึ้นคร่อมอยู่ครึ่งตัว มือผอมบางที่จับต้นแขนพี่สั่นไหว รับรู้ไปถึงหัวใจใต้อกบางกำลังเต้นแรง
ศรัยบอกตัวเองว่าต้องช้าลงกว่าเดิม กดจูบแผ่วที่หน้าผากแล้วค่อยเพิ่มน้ำหนักเมื่อจูบที่ขมับ พวงแก้มใส คางสวย วนกลับมาที่ริมฝีปาก ดูดเน้น จูบย้ำแล้วเรียกชื่อ
“พี่รักวาด”
จูบแก้มแล้วขบที่ใบหูเบา ๆ เพียงรั้งเสื้อนอนขึ้นวาดก็จิกข้อมือพี่ไว้แน่น ริมฝีปากกดแน่นที่ลำคอขาว มือใหญ่สะกิดที่ยอดอกบางจนแข็ง “รักวาดนะครับ”
ศรัยบอกแล้วเลื่อนจูบลงมาที่ยอดอกสีอ่อน คนผอมบางหายใจติดขัด มือที่ไหล่พี่ไร้แรงผลักออก
ลิ้นนุ่มเลียรอบยอดอกบางแล้วขบเบาๆ
มือใหญ่ลูบไล้ต้นขา ขึ้นมาถึงสะโพกแล้วรั้งขอบกางเกงนอนลง วาดผวายื้อขอบกางเกงไว้แน่น
“พี่....”
ศรัยยกตัวขึ้นจูบปาก แทรกปลายลิ้นเกี่ยวแล้วดูด ยั่วเย้าให้วาดทำตาม
วาดหลับตาแน่นขณะที่เรียวลิ้นเคลื่อนไหวไปตามแต่พี่จะพาไป ร่างกายอุ่นร้อน ภาพในสมองเลือนหาย
รู้ตัวอีกทีเสื้อนอนก็หลุดพ้นศีรษะ กางเกงนอนร่วงไปอยู่ที่ปลายเตียง
ศรัยพรมจูบไล่ลงมาหาหน้าท้อง วาดบิดตัวหนีแทบเป็นเกลียว ยิ่งมือใหญ่บีบนวดที่สะโพกยิ่งหอบหายใจแรง
ดวงตาสีเข้มมองขึ้นสบตาคู่หวาน ขณะที่มือใหญ่กอบกุมแก่นกายแล้วแตะริมฝีปากที่ส่วนปลาย
วาดเงยหน้าจนสุดตัว กัดริมฝีปากแน่น
ริมฝีปากสวยครอบแก่นกาย ตวัดลิ้นโลมเลียสลับดูดแรง
วาดรู้สึกถึงมวลความต้องการที่ขยายตัวจากหน้าท้องลุกลามไปทั่วตัว คล้ายจะถึงฝั่งได้ทุกเมื่อ
มือใหญ่กระชับที่สะโพกบางแล้วเลื่อนนิ้วแตะที่ช่องทางอ่อนไหว
เพียงแค่แทรกนิ้ววาดก็ร้อง “อ๊ะ เจ็บ”
ศรัยลุกไปหยิบเจลและถุงยางจากกระเป๋า มาวางลงบนเตียงกวาดตามองผ่านแก่นกายที่กลับมานอนสงบด้วยความเจ็บ วาดรีบหุบขาไว้แน่น ทั้งกระถดตัวหนีทันทีที่พี่นั่งลงบนเตียง
“งั้นทำแบบนี้”
ศรัยตามกอดวาดจากทางด้านหลัง “ช้าๆ นะครับวาด” จูบไซ้ที่ต้นคอแล้วดันใบหน้าหวานให้หันมารับจูบ มือใหญ่ขยี้ที่ยอดอกบาง แต่อีกมือฟอนเฟ้นที่หน้าท้องแล้วรูดรั้งแก่นกายให้
มือที่อกบางเลื่อนผ่านผลแฝดไปแตะที่ช่องทางด้านหลัง
วาดรู้สึกถึงความเย็นจากเจล รู้ว่าร่างกายกำลังต้องการมากขึ้น รู้สึกถึงความแข็งขึงของพี่ที่กดอยู่ด้านหลัง แต่กลับยังมีบางสิ่งที่รบกวนในใจ สิ่งที่ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร
“เจ็บ ผม เจ็บ...”
ศรัยขยับตัว เลื่อนจูบไล่จากแผ่นหลังลงมาหาแก้มก้นขาว วาดกระถดตัวหนี แต่ศรัยคว้าเอวบางไว้ จูบแรงที่ก้นกบแล้วลากลิ้นลงมาหารอยแยก
วาดเกร็งไปทั้งตัว มือขาวซีดจิกหมอนไว้แน่น
ศรัยปาดลิ้นผ่านช่องทางอ่อนไหวแล้ว กดเน้น ช่องทางยังคงคับแน่นปิดสนิทจนศรัยต้องเงยหน้าขึ้นมอง
วาดส่ายหน้า น้ำตาร่วงพรู “ผมบอกพี่แล้ว ว่า...ผมยังไม่ได้เป็นเมียพี่...”
ศรัยยกตัวขึ้นสวมกอดวาดไว้แน่น
“วาดครับ....” อยากทำเป็นพูดตลกฉวยโอกาสว่า วันนั้นยังไม่ได้เป็นแต่เป็นวันนี้ก็ได้ แต่เสียงสะอื้น กับร่างกายผอมบางที่ซุกอยู่ในอกทำให้พูดไม่ออก ได้แต่ลูบหลัง ลูบผมจนเสียงสะอื้นเบาลง
ศรัยจูบปากอีกครั้ง แล้วกลายเป็นแลกจูบร้อน บดสะโพกเข้าหากัน
“ข้างนอกนะครับ”
พอวาดพยักหน้า ศรัยก็ขยับตัวลุกนั่งแล้วจับวาดนั่งคร่อมดึงสะโพกบางเข้ามาหาเบียดแก่นกายเข้าหา มือใหญ่จับรวบแล้วรูดแรง
ร่างกายผอมบางผวาเฮือกฉีดน้ำสีขาวจนถึงอก ศรัยก้มลงเลียให้ ขณะที่รูดให้ตัวเองจนเสร็จตาม
พอศรัยทิ้งตัวลงนอนข้างๆ วาดก็รีบลุกขึ้น “ผมไปล้างตัวนะฮะ”
“ไปล้างด้วยกัน” คนตัวโตจะลุกตาม แต่วาดส่ายหน้าแล้วรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำ กดล็อกประตูทันที
ศรัยได้แต่นั่งมองประตูห้องน้ำ ใจรับรู้ว่ามันมีบางอย่างที่มันผิดปกติ
บางอย่างที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร รอจนวาดกลับออกมาแล้วแต่งตัว “ผม...กลับไปนอนห้องพี่ทอนะฮะ”
“ทำไมล่ะ นอนที่นี่เถอะ”
ดวงตาที่ช้อนมองพี่ดูเหมือนคนร้องไห้ แต่พอจะพูด วาดก็ชิงพูดขึ้นก่อน
“นอนก็ได้ พี่ไปล้างตัวสิฮะ”
“อย่าไปไหนนะ”
ศรัยรอจนวาดล้มตัวลงนอนห่มผ้าแล้วถึงได้กลับมาอาบน้ำแล้วกลับมานอนข้างกัน
คราวนี้เสียงสูดจมูกชัดเจนท่ามกลางความมืด
“วาด ร้องไห้ทำไม”
วาดพลิกตัวกลับมากอดแขนพี่ไว้ แก้มที่แนบกับต้นแขนเปียกชื้น
“กอดผมหน่อย...”
ศรัยเปลี่ยนให้วาดนอนหนุนแขนแล้วกอดไว้
“กลัวพี่หรือ”
“ไม่ได้กลัวหรอกฮะ แค่อยากให้กอด...”
======= จบตอนที่ 21 ======
ขอบคุณที่คุณชอบเรื่องนี้ และติดตามมาโดยตลอด ขอบคุณที่สละเวลาแสดงความเห็น และให้คำแนะนำ
ง่วงปะ เที่ยงนี้กินอะไรดี
อย่าเพิ่งเครียดไปกับวาด วาดมันเพี้ยน แต่คนเขียนหล่อ
คำพูดเด็ดๆ ของทอมาจากยายผมมั่ง พี่สาวผมมั่ง
ส่วนบางพล็อตที่มันแทรกเข้ามา ป๋าเอามาจากข่าวนั้น ข่าวนี้ คนหล่้อจำไม่ได้ละว่าบุคคลในข่าวตัวจริงเป็นใครกันมั่ง
เที่ยงนี้กินอะไรดีหนอ~~~
พบกันวันพฤหัสบดีนะครับ
ไจฟ์กับทีครับ