...จอมร้าย...ตอนพิเศษ Christmas…again and again...หน้า 143 (24/12/2021)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...จอมร้าย...ตอนพิเศษ Christmas…again and again...หน้า 143 (24/12/2021)  (อ่าน 1726730 ครั้ง)

ออฟไลน์ sunshine538

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
อ่านตอนนี้แล้วอย่างฮา ของขวัญกับพี่โตโดนปาปารัสซี่มือฉมังตามเก็บภาพและข้อมูลโดยมีค่าตัวเป็น...ข้าวเหนียวเปียกลำไย  :laugh:

แหม !! คุณยายคุณย่าทั้ง 3 คนนี้ตั้งชมรมวายรุ่นเดอะไปเลยดีไหมคะ ดีนะไม่ชวนคุณน้ำมาฟินด้วย (เอ๊ะ หรือจะฟินอยู่ห่างๆ 555)
เจ้าขนมก็ช่างทำหน้าที่ได้ครบถ้วนดีเสียจริง แถมเป็นปาปารัสซี่ที่ดวงดีมาก เจอช็อตเด็ดตลอดๆ

ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าพี่โตช่างเป็นแฟมมิลี่แมนสุดแสนเพอร์เฟ็ค อะไรจะดูแลกันอย่างเต็มอกเต็มใจได้ยาวนานชนิดไม่มีหมดโปรโมชั่นขนาดนั้น ของขวัญโชคดีสุดๆ ไปเลย  :hao5:

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ จัดมาได้เรื่อยๆ ไม่ต้องเกรงใจค่ะ คนอ่านยินดีตามอ่านอย่างยิ่ง

รออ่านตอนพิเศษตอนต่อไปค่ะ  :call:

ออฟไลน์ neno.jann

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
อร๊ายยยยยยยย อ่านไปเขินไปปปปป คู่นี้หวานกันตลอดดดดดดด ขนมน้อยทำหน้าที่ดีมากลูกกกกก รู้สึกเหมือนตัวเองมีอาการเหมือนป้าสามคนเลย 5555 ตอนพิเศษมาได้เรื่อยๆก็จะฟินมากเลยค่ะ แอร๊ยยยย  :hao7:

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
เป็นแฟนคลับตั้งแต่ถ้วยฟูและพี่ธัน
ไม่เข้าใจพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไง
สนุกมากๆ อ่านไปยิ้มไป
อยากอ่านตอนพิเศษอีกนะ
+1

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8

ออฟไลน์ N.T.❁

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก ฟินมว๊ากกกกกค่ะคุณบัว  :katai1:
อยากเอาหัวทุบคอม อิจฉาน้องขนม กรั่กกกกกกก
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษมากๆนะคะ  :-[

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
ขนมนี่แสบตัวพ่อเลย น่าหยิกแก้มจริงๆ

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
แอร๊ยยย ฟินเว่อร์ค่าาา ขนมเล่าทุกเม็ดเก็บทุกช็อต โตมาไปเป็นอาชีพได้เลยนะ นักสืบเนี่ย ฮ่าๆๆ
ส่วนสามสาวก็ฟังไปหัวใจก็จะ "วาย" ไป  :mew1:

ออฟไลน์ NUTSANAN

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1031
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-3
ฮาแก๊งสามสาวอ่ะ ฟินจิ้นกระจายกันเลยทีเดียว น้องขนมก้ใช้ได้เลยนะลุก ถ้าอยากให้ความลับถุกเปิดเผยนี่ต้องพึ่งน้องขนม 55555

gboykung

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ ไป๋ไป๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ paintshinki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อ่านไปยิ้มไป ชอบครอบครัวนี้ด้วยน่ารักดี55555+
ถ้าอยู่ในสถานการณ์แบบขนมก็เขินเหมือนกัน
ขอบคุณมากนะค่ะ

ออฟไลน์ pinkypromise

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ฮาสามสาวญาตินางเอก คึคึ ฟินกันกระจายยย

ของขวัญน่ารัก เพิ่งตื่นเบลอๆ พี่โตมอนิ่งคิสซะเลย

ขนมนี่กินข้าวเหนียวทั้งหม้อคนเดียวเลยนะ ฮ่าๆๆ อยากกินบ้าง

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกก
ขนมนี่มันแสบจริง ๆ เลย 555

สามสาวนี่ กลายเป็นสาววายเต็มตัวกันแล้วสิ คริ คริ
ของขวัญน่าร๊ากกกกกกกกที่สุดใน 3 โลก ^^

ออฟไลน์ Gottomon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คุณหลานคน(กิน)เก่ง
คุณหลานขนมม ทำหน้าที่ได้คุ้มกับ
ข้าวเหนียวเปียกลำไยหม้อนึงมากๆครับบผม
55555 เล่นซะอาของขวัญจามเลยอะ
สามสาวก็แสบมากมาย แต่ขอบคุณสามสาวนะคะ
ทำอิฉัน FC คนนึง ฟินไปด้วย 555 :hao6:

BizcuitO

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด อยากจะกระโดดเข้าไปร่วมวงฟินกับแกงค์สามสาวญาตินางเอกอะ ๕๕๕๕๕๕๕๕

ขนมน่าร๊ากกกกกกกก เก่งที่สุด

ออฟไลน์ iNklaNd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 663
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
ขนมน่ารักมากๆ เป็นนักสืบรุ่นจิ๋วที่เก่งจริงๆ
จำได้ทุกเม็ด เอามาเล่าให้ 3 ย่าฟินได้ขนาดนี้

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
คุณ 3 แฟนคลับนั่นคงเป็นตัวแทนของเราเลยค่ะ
แบบว่าฟินตาม เพ้อตามเวลาที่น้องขนมมาเล่าเลยค่ะ
แหม น้องน่าจะแถมว่าอาของขวัญอ้อนไม่ยอมตื่นนอนด้วยเนอะ  :-[

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
อ่านจนจบแล้วววว

อยากจจะบอกว่า ฟิน ม๊ากกกกกกกกกกกกกกก

ไม่ไหวแระ จะละลาย >///////<

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
โอ๊ยขำ!!!!!!!
ฮาไม่ไหวแล้ว  :laugh:

น้องขนมเก่งที่สุด  o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ขนมสัมปันนี

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
อ่านนิยายของคุณแล้วมีความสุขจัง :กอด1: :กอด1: :กอด1: บวกเป็ดให้แล้วครับ o13 o13 o13

shockoBB

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วทั้งฮา ทั้งฟินไปเลยค่าาา
เด็กชายขนมความจำดีเลิศมาก เล่าที่เห็นทุกอย่างเลยฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ bkmagic09

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
จะมี ตอน พี่จักร แบบ เต็มๆ ไหม ครับ เนี้ย ^^

ออฟไลน์ sirikanda28

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1758
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-3
ถ้าอาของขวัญรู้นะ
น้องขนมโดนแน่ ๆ :-[ :o8:

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
คิดถึงพี่โตของขวัญ :o8:
คุณอาทั้งสองไม่พาหลานๆไปลอยกระทงที่ไหนเหรอคะ :กอด1:

ออฟไลน์ BaZkon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ฟินได้อีกอ่ะเรื่อง  :m10:
ชอบๆๆๆๆ :m1:
เอาอีกๆๆๆ  :oni2:

ออฟไลน์ tinmai

  • ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูที่ถาวร
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :z3:
แดดิ้นอยู่หน้าจอคอม
ท่านป้าเจ้าขาขอสมัครเข้าสมาคมละครหลังข่าวอีกคน
จิได้ตามติดชีวิตของขวัญกะพี่โต  :impress2:

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
จอมร้าย
ตอนพิเศษ วันพ่อ

…………………………………



   เขาเป็นคนมีบาปกรรมติดตัว


   ครั้งหนึ่ง เขาเคยเป็นต้นเหตุให้อัญญิกาทำแท้งเด็กในท้อง ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นสายเลือดวิมลกิตติหรือไม่ แต่วันนี้…บาปกรรมนั้นตามทันเขาแล้ว บาปกรรมที่เขาเคยทำ ย้อนกลับมาพรากคู่ชีวิตของเขาไปตลอดกาล


   ชายหนุ่มเงยหน้ามองควันขาวขุ่นที่ลอยออกจากปล่องเมรุ ในวัดเงียบสงบ มีเพียงเสียงร้องไห้สะอื้นของญาติผู้ใหญ่ไม่กี่คนที่มาร่วมในงานวันเผา จักรกฤษณ์ไม่มีน้ำตาให้คนตาย แม้ร่างอยู่ในโลงที่กำลังมอดไหม้คือคู่ชีวิตของเขาและเป็นมารดาของลูกทั้งสามคนของเขาก็ตามที


   …บางที เขาคงไม่มีหัวใจ…ไม่มีหัวใจสำหรับการเป็นมนุษย์ ไม่มีหัวใจสำหรับการเป็นสามีที่ดี…ไม่มีหัวใจจริงๆ…


   มือใหญ่หนาที่ทิ้งอยู่ข้างลำตัวถูกแตะเบาๆด้วยมือเล็กๆ ราวกับจะฉุดสติชายหนุ่มออกมาจากภวังค์ที่มืดมัวราวกับควันที่ออกมาจากปล่องเมรุ ชายหนุ่มละสายตาจากท้องฟ้าเบื้องบนลงมองที่ข้างกาย


   เด็กชายตัวน้อยเจ้าของมือเล็กๆที่เกี่ยวมือเขาเอาไว้กำลังเงยหน้ามองเขาตาแป๋ว


   “เข้ม…” ลูกชายคนโตจากสามคนคือลูกคนเดียวที่คุณพัชรียอมให้มาร่วมงานวันนี้ ส่วนอีกสองคนยังเด็กเกินไปที่จะมารับรู้การจากไกลของคนเป็นมารดา


   “คุณย่าร้องไห้ใหญ่เลยครับพ่อ” เด็กชายเข้มร้องบอกเสียงเบา พลางเหลือบตาไปทางคุณย่าพัชรีที่กำลังซุกหน้าอยู่กับไหล่ของคุณปู่ชัยร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด จักรกฤษณ์ก้มลงอุ้มลูกชายขึ้น เด็กชายเข้มใช้แขนหนึ่งโอบไหล่พ่อเหมือนที่คุณปู่โอบคุณย่า แม้แขนของตัวเองจะโอบไหล่พ่อไม่รอบก็ตาม


   “พ่อจะร้องไห้ก็ได้นะ เข้มให้ยืมไหล่” เด็กชายบอกอีกครั้ง จักรกฤษณ์ยิ้มบางทว่ามันเจือแววเศร้าปิดไม่มิด


   “เข้มยังไม่ร้องเลย พ่อเป็นพ่อของเข้ม พ่อจะร้องได้ยังไง”


   “คุณย่าสอนว่าเป็นผู้ชายต้องไม่ร้องไห้ง่ายๆ แต่ถ้ากลั้นไม่ไหวค่อยร้อง แต่ตอนนี้เข้มยังกลั้นไหวอยู่” เด็กชายบอกหน้าซื่อ เจ้าตัวรู้แค่ว่าคุณแม่เดินทางไกลไปอยู่ที่อื่น ไปอยู่บนท้องฟ้า ไปอยู่บนสวรรค์ นับจากนี้จะได้เห็นคุณแม่แค่ในรูปถ่ายเท่านั้น ไม่ได้กอด ไม่ได้สัมผัส ไม่ได้ฟังนิทานจากคุณแม่อีกแล้ว


   …เด็กชายเศร้าสร้อย แต่…พอหันมองรอบตัว ก็พบว่าเขาเพียงแค่จะไม่ได้เจอหน้าแม่แค่คนเดียว แต่เขายังมีย่า มีปู่ มีพ่อ มีอา และมีน้องๆอีกสองคน…พอเห็นว่ายังมีคนอยู่รอบข้างอีกมาก เด็กชายตัวน้อยก็ได้แต่เม้มปากเพื่ออดทนกับความเศร้าตามที่คุณย่าเคยสอนว่าต้องลองพยายามอดทนเสียก่อน เมื่ออดทนไม่ไหวค่อยร้องไห้ออกมา…


   จักรกฤษณ์ยิ้มบางอีกครั้ง เขาโอบศีรษะลูกชายลงซุกกับไหล่แข็งๆของตัวเอง ในขณะที่สายตายังคงอัดแน่นไปด้วยความเจ็บปวดเหลือประมาณ


   …แต่…ลูกผู้ชาย…ต้องไม่ร้องไห้ง่ายๆ…เขาเองก็ถูกคุณพัชรีสอนมาเช่นนี้เหมือนกัน…


   ชายหนุ่มกลืนก้อนสะอื้นลงคอไปพร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลย้อนลงไปเอ่อนองในใจ…ไม่มีวันได้ออกมา


............................


   ไกลออกไปจากอาณาเขตเมรุ ที่ลานจอดรถของวัด ทรงพลก้าวลงจากรถยนต์คันหรูของตัวเอง เขาเงยหน้าขึ้นมองควันสีขุ่นที่กำลังลอยออกจากปล่อง ก่อนจะถอดแว่นดำออก สายตาที่ทอดมองไปยังควันนั้นนิ่งสงบ เขาไม่ได้รู้จักกับเจ้าของควันนั้นเป็นการส่วนตัว และแม้วันนี้จะยุ่งแค่ไหน แต่ทรงพลก็ยัง ‘เผลอ’ ขับรถผ่านมาที่วัดแห่งนี้ เพียงเพื่อจะมายืนอยู่ตรงนี้ และได้มองควันที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า


สายตาของเขานิ่งลึก ในขณะที่ริมฝีปากของชายหนุ่มขยับเบาๆ คำพูดที่ไม่มีใครได้ยินถูกสายลมพัดผ่านไป


   “ไปสู่สุขคติ”


   เขายืนอยู่อย่างนั้นอึดใจหนึ่ง สายตาก็เหลือบไปเห็นแผ่นหลังของใครบางคนที่เขาคุ้นตาดี ใครคนนั้นกำลังอุ้มเด็กชายคนหนึ่งที่เขามองไม่เห็นหน้า แต่ก็พอจะเดาได้ว่าเด็กคนนั้นคือลูกชายของเจ้าตัวกับเจ้าของควันที่ลอยออกจากเมรุ


   ทรงพลยืนมองแผ่นหลังนั้นนิ่งนาน หากแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจหมุนตัวกลับขึ้นรถของตัวเองแล้วขับออกจากอาณาเขตวัดไป


   …ไม่มีอะไรติดค้างกันตั้งแต่แรก และจะไม่มีอะไรติดค้างกันตลอดไป…

   
............................

   เสียงวิ่งตึงตังไปรอบบ้านพร้อมกับเสียงเจี๊ยวจ๊าวดังไม่หยุด ทำเอาจักรกฤษณ์ขมวดคิ้วมุ่น รู้สึกปวดจี๊ดไปทั้งหัว ชายหนุ่มพยายามนวดขมับตัวเองเพื่อผ่อนคลาย แต่กลายเป็นว่าเสียงเจี๊ยวจ๊าวกลายเป็นเสียงแหกปากตะโกนร้องไห้ของลูกชายคนที่สอง ซึ่งกำลังอยู่ในวัยซนเข้าเส้น พอมันเริ่มวิ่งได้ มันก็วิ่งหน้ามืดตามัว ยิ่งวันไหนที่คุณพัชรีและคุณชัยไม่อยู่บ้าน วันนั้นมันวิ่งซะเรือนแทบพัง


   …และมันจะหยุดวิ่งก็เมื่อมันล้มนั่นล่ะ…


   “พ่อบอกแล้วใช่ไหมข้าว ว่าอย่าวิ่ง!!” จักรกฤษณ์ในวัยเกือบสี่สิบโผล่หน้าออกมาจากห้องนอนของลูกชายคนเล็กวัยสามขวบที่กำลังป่วย เพื่อมาดุเจ้าลูกชายคนกลางที่แหกปากร้องอยู่กลางเรือน


   “ข้าวเจ็บ…ฮือ…” เด็กชายชันเข่าข้างที่กระแทกพื้นไม้บนเรือนซึ่งบวมปูดอย่างกับลูกมะนาวขึ้นมาให้ดู


   “ทีหลังจะได้จำว่าวิ่งแล้วล้มก็ต้องเจ็บ!!” จักรกฤษณ์ยืนท้าวเอวดุลูกชายที่ร้องไห้สะอื้นฮักๆ


   “ก็…ก็ข้าวไม่มีเพื่อนเล่น…พี่เข้มก็ไปเข้าค่าย พ่อก็ไม่มาเล่นด้วย…ฮือ…” เด็กชายข้าวเลยเอารถบังคับมาเล่นคนเดียว แต่พอรถวิ่งมาพันแข้งพันขาจนสะดุดเลยเกิดเหตุให้ต้องน้ำตานองหน้าเช่นนี้


   “น้องไม่สบาย จะให้พ่อมาเล่นด้วยได้ยังไง!” น้องอีกคนของเด็กชายข้าวเกิดป่วยตั้งแต่เมื่อคืน ตัวร้อนเป็นไข้ จักรกฤษณ์เลยต้องอยู่โยงเฝ้ายามเพราะทั้งบ้านไม่มีใครอยู่ จะให้เขาโทร.ไปตามจอมขวัญและอธิปมาช่วยดูแล เขาก็เกรงใจเกินกว่าจะทำเช่นนั้น คุณพัชรีและคุณชัยก็เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศตั้งแต่สองวันก่อน กว่าจะกลับก็วันมะรืน ในขณะที่คนรับใช้ก็พากันลากลับต่างจังหวัดพร้อมกันเสียนี่ จักรกฤษณ์เลยอยู่บ้านคนเดียวพร้อมลูกชายอีกสองคน   


   ภาระหนักเลยตกเป็นของเขาที่กลายเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวกะทันหัน ซึ่งแม้จะเสียภรรยาไปเกือบสามปีแล้วก็ตาม แต่เขาไม่เคยเลี้ยงลูกเพียงลำพังเช่นนี้ ซ้ำเวลานี้ ลูกหนึ่งคนก็กำลังป่วย ในขณะที่อีกคนก็หกล้มเข่าถลอกเลือดซิบนั่งอยู่ตรงหน้านี่!


   เด็กชายข้าวเม้มปากจ้องบิดาด้วยความน้อยใจระคนเจ็บปวด เขาก็พอจะรู้ว่าน้องยังเล็ก แต่…เขาเองก็ยังเด็กเหมือนกันนี่นา!! ทำไมพ่อไม่สนใจเขาบ้างล่ะ?!!...


   ลูกชายคนกลางของจักรกฤษณ์แม้จะยังเล็กมากนัก แต่ก็เด็ดเดี่ยวอย่างจอมขวัญไม่มีผิด เจ้าตัวพยายามลุกขึ้นจากพื้นทั้งๆที่อาการเจ็บแผลที่หัวเข่าทำเอาน้ำตาแทบเล็ด จักรกฤษณ์มองลูกชายคนกลางที่พยายามเข็มแข็งแล้วก็ทำเอานึกไปถึงน้องชายของเขาที่ครั้งหนึ่งเจ้าตัวก็เคยเดินผ่านความเจ็บปวดมาด้วยความเข้มแข็งแบบผิดๆ


   …ถึงลูกเขาจะเหมือนจอมขวัญที่พยายามเข้มแข็ง แต่เขาที่เป็นพ่อจะยืนหัวโด่ดูเฉยๆได้อย่างไรกัน!!...


   “นั่นจะไปไหน” เขาส่งเสียงถาม เด็กชายข้าวหันกลับมามองบิดาด้วยใบหน้ากลมที่ยังคงเต็มไปด้วยน้ำตาแต่ริมฝีปากเม้มแน่นไม่ยอมหลุดออกมาแม้แต่เสียงสะอื้น


   สองพ่อลูกยืนจ้องตากันกลางเรือน และเป็นฝ่ายจักรกฤษณ์ที่ก้าวเท้าเข้าไปคว้าร่างลูกชายขึ้นอุ้ม


   “ไปทำแผลกับพ่อ” เขาเอ่ยเสียงเฉียบเด็ดขาด ดวงตาดุยังคงฉายแววเข้มงวดเหมือนเดิม แต่แค่ประโยคเดียวว่า ‘กับพ่อ’ ก็ทำเอาเจ้าลูกชายคนกลางที่รู้สึกว่าตัวเองถูกทิ้งมาทั้งวันถึงกับเบะปากซุกหน้าลงกับไหล่ของบิดาแล้วสะอื้นเสียงดัง


   สำหรับคนเป็นพ่อ ต่อให้แข็งกร้าวแค่ไหน แต่ถ้าเสียงลูกสะอื้นดังเข้าหู ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าลูบหลังปลอบประโลมขณะก้าวเดินกลับเข้าห้องนอนของลูกชายคนเล็ก พร้อมกับเสียงทุ้มที่ดังกล่อมลูกชายคนกลางในอ้อมแขนไปตลอดทาง


   “ไม่เป็นไรแล้ว พ่ออยู่ตรงนี้ ไม่เป็นไร”


...........................


   เพราะลูกชายคนกลางเกิดบาดเจ็บเดินไม่สะดวก ในขณะที่ลูกคนเล็กก็ยังต้องคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวตลอดเวลาเพื่อลดไข้ จึงกลายเป็นงานหนักของจักรกฤษณ์ถึงสองเท่า โชคยังดีที่คุณพัชรีเตรียมอาหารการกินเอาไว้ให้ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ แต่กระนั้นเขาก็ต้องเตรียมอาหารอ่อนๆเอาไว้ให้ลูกชายคนเล็กที่กินอะไรไม่ค่อยสะดวกเท่าเดิม


   “ข้าว ระวังอย่ากินหก เดี๋ยวมดขึ้น” การต้องดูแลลูกถึงสองคนในเวลาที่ทั้งสองคนเกิดเจ็บเกิดป่วยพร้อมกันนั้น ทำเอาไมเกรนหวิดจะขึ้นหัวจักรกฤษณ์หลายครั้ง เขาต้องแหกกฎมารดาที่ห้ามนำอาหารมาทานในห้องนอน ด้วยการตักข้าวราดกับมาให้ลูกชายคนกลางทานในห้องน้อง เพราะเจ้าตัวขาเจ็บ แล้วพอหันมาสั่งเด็กชายข้าวเสร็จ ก็หันกลับมาป้อนข้าวต้มเละๆให้ลูกชายคนเล็กที่แม้แต่นั่งยังสะโหลสะเหลด้วยฤทธิ์ไข้ฤทธิ์ยา


   เด็กชายข้าวมองผู้เป็นพ่อด้วยความสนใจ พ่อของเขามักจะทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ชอบทำเสียงดังเอะอะโวยวาย แต่…เขาไม่เคยเห็นพ่อของเขาโทรมขนาดนี้เลย…


   “พ่อ…ไม่หิวเหรอ” เขาตั้งคำถาม


   “ไม่หรอก เรารีบกินเข้าเถอะ การบ้านทำเสร็จหมดแล้วใช่มั้ย”


   “ครับ” เด็กชายได้แต่ตอบสั้นๆ เมื่อผู้เป็นบิดาไม่ได้หันกลับมามองเขาสักนิด เขาก็พอจะรู้หรอกว่าพ่อเป็นผู้ใหญ่ตัวโตและแข็งแรง แต่…เขาก็เป็นห่วงพ่อนี่นา


   ตอนที่เด็กชายขนมผู้ซึ่งกำลังป่วยกินข้าวเสร็จนั้น เด็กชายข้าวผู้เป็นพี่กินข้าวเสร็จไปก่อนหน้านานแล้ว แต่ก็ยังนั่งมองน้องตัวเองอยู่อย่างนั้น จักรกฤษณ์เก็บรวบรวมจานชามของลูกชายทั้งสองคนเตรียมยกออกไปเก็บในครัว แต่เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเสียก่อน เขาเลยต้องวางจานในมือลงที่เดิมแล้วหยิบขึ้นมารับ


   “ว่าไง” อรรถ ลูกชายเลขานุการคนสนิทที่ก้าวขึ้นมาเป็นเลขาฯแทนผู้เป็นบิดาโทร.มาหา จักรกฤษณ์เดาว่าเป็นเรื่องงาน และถ้าเป็นเรื่องงานในวันที่เขาหยุด ก็น่าจะเป็นงานด่วน


   “งั้นแกส่งรายละเอียดเข้ามาในเมลฉันแล้วกัน เดี๋ยวฉันดูเอง”


   “เออ! รู้แล้ว! อ่านเสร็จเดี๋ยวจะโทร.ไปบอก” เพราะอรรถเองก็สนิทสนมกับเขาไม่ใช่น้อย จักรกฤษณ์เลยขึ้นเสียงใส่ได้อย่างไม่คิดอะไรมากนัก เขาเก็บโทรศัพท์ลงกับกระเป๋ากางเกงตามเดิม ก่อนจะยกจานชามออกจากห้องนอนของลูกชายคนเล็กไป เด็กชายข้าวมองตามบิดา ก่อนจะหันไปทางน้องชายคนเล็กที่บัดนี้กินอิ่มก็นอนหลับไปแล้วเรียบร้อย


   น้องขนมเป็นเด็กร่างกายอ้วนท้วนสมบูรณ์ แต่เวลาไม่สบายทีนึงก็เป็นหนักจนพ่อไม่ได้นอนแทบทั้งคืน แล้ววันนี้…เขายังล้มเป็นแผลถลอกอีก…


   เด็กชายรู้สึกผิดที่เป็นภาระให้พ่อ ทั้งๆที่สัญญากับคุณย่าเอาไว้แท้ๆ ว่าจะช่วยพ่อดูน้องขนม เขาผิดสัญญากับย่า เขาเป็นเด็กไม่ดีเลย…


   เด็กชายตัวน้อยซุกกายลงกับเบาะเก้าอี้ด้วยความเสียใจ


................................


   จักรกฤษณ์วางจานชามที่ใช้แล้วลงในซิงก์ ก่อนจะค้ำสองแขนลงกับขอบอ่างด้วยความเหนื่อยล้า เขารู้สึกมึนศีรษะจนแทบไม่อยากลืมตา แต่เพราะลูกอีกสองคนบนบ้าน ทำให้เขาหลับไม่ได้เป็นอันขาด


   …ถ้าเขาหลับ แล้วเกิดขนมตัวร้อนขึ้นมาล่ะ ถ้าเขาหลับ แล้วเกิดข้าว น้อยใจอีกล่ะ…


   ชายหนุ่มปวดหัว เขาไม่เคยคิดว่าการเป็นพ่อที่เลี้ยงลูกตามลำพังจะเหนื่อยขนาดนี้ ปัญหาสารพัดประเดประดังเข้ามาพร้อมๆกัน ในเวลาที่ไม่มีใครให้พึ่งพาหรือไหว้วาน


   …ถ้าแวววารียังอยู่ก็คงดี…


   จักรกฤษณ์เผลอคิดไปเสี้ยวอึดใจ ทั้งๆที่ปกติไม่ใช่คนคร่ำครวญถึงอดีต ร่างสูงสะบัดศีรษะไปมาเพื่อไล่ความคิดประหลาดและอาการมึนหัวครั่นเนื้อครั่นตัวออกไป ก่อนจะเดินกลับขึ้นบนเรือนไทยอีกครั้ง


   …เขาล้มไม่ได้…เขาเป็นพ่อ…เขาจะหลับตาลงทั้งๆที่ลูกอีกสองคนยังป่วยยังเจ็บได้อย่างไรกัน…

..........................


   วันนี้เป็นวันทำงานของจอมขวัญ แม้ผู้เป็นพี่ชายจะลาหยุดกะทันหันเมื่อเช้าก็ตามที ชายหนุ่มถามไถ่จากอรรถได้ความว่าเด็กชายขนมป่วยตั้งแต่เมื่อคืน จักรกฤษณ์เลยต้องอยู่เฝ้าลูก ทั้งๆที่ตอนแรกตั้งใจจะพาเด็กทั้งสองคนมาที่โรงแรม


   “พี่โต” และพอรู้ว่าหลานชายป่วย จอมขวัญเลยนัดแนะคนรักให้มาหาที่โรงแรมในตอนเลิกงาน เขานั่งรอที่ล็อบบี้จนกระทั่งอธิปมารับที่หน้าโรงแรม ร่างโปร่งจึงรีบวิ่งไปขึ้นรถ


   ทันทีที่อธิปเลี้ยวรถออกจากโรงแรม ร่างสูงก็ตั้งคำถามกับคนที่นั่งข้างเขา


   “ขนมป่วยเป็นอะไรมากรึเปล่า”


   “เห็นว่าเป็นไข้ตั้งแต่เมื่อคืน ไอ้พี่จักรไม่มีโทร.มาบอกสักนิด นี่ถ้าวันนี้ขวัญไม่เจออรรถ ก็ไม่รู้หรอกว่าขนมป่วย” ท้ายประโยคนั้น ดูเหมือนจอมขวัญจะเคืองพี่ชายตัวเองไม่น้อยจนอธิปต้องจับมือคนรักเอาไว้


   “เอาหน่า…ขนมอาจไม่ได้เป็นอะไรมาก ก็เลยไม่บอกของขวัญ”


   “แต่ขวัญเป็นอา หลานขวัญเป็นอะไรก็ต้องบอกสิ!” จอมขวัญยังคงมีสีหน้าบูดบึ้ง ในขณะที่อธิปได้แต่ตบมือลงบนหลังมือคนรักเบาๆ ไม่อยากหยอกเลย…จอมขวัญไม่ได้เป็นแค่อาหรอก แต่เป็นหัวหน้าเด็กต่างหาก ถึงได้เดือดเนื้อร้อนใจขนาดนี้…


   “แวะซื้ออะไรไปเยี่ยมมั้ย”


   “ดีเลย งั้น…เอาพวกข้าวต้มดีมั้ย ขวัญอยากกินยำไข่เค็ม” อธิปเหลือบตามองคนรัก อยากล้ออยากแซวอยู่หรอกว่าจะซื้อไปเยี่ยมหรือซื้อไปกินเอง แต่ตอนนี้จอมขวัญกำลังเคืองพี่ชาย และเขาก็ไม่อยากถูกเคืองไปอีกคนน่ะสิ


   อธิปจอดริมข้างฟุตบาธหน้าร้านข้าวต้ม แล้วปล่อยให้คนรักลงไปซื้อ ตอนแรกเขาก็อดใจอยู่หรอกที่จะไม่ล้อเลียนจอมขวัญ แต่พอรายนั้นกลับมาพร้อมถุงกับข้าวจำนวนมาก ร่างสูงก็อดใจไม่ไหว ต้องเอ่ยปาก


   “ซื้อไปเยี่ยม หรือซื้อไปกินเอง หืม?”


   และแน่นอน…จอมขวัญแถมความเคืองให้คนรักไปอีกคน!!

.............................


   รถของอธิปจอดที่หน้าบ้านเรือนไทย ซึ่งจอมขวัญต้องเป็นคนวิ่งลงไปเปิด เพราะไม่มีใครอยู่สักคน เรือนไทยทั้งเรือนเงียบกริบ ถ้าไม่มีแสงลอดออกจากหน้าต่างที่บอกให้รู้ว่ามีคนอยู่ จอมขวัญรับรองว่ามันจะต้องเป็นที่หมายตาโจรแน่นอน


   ชายหนุ่มร่างโปร่งผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหลังนี้ก้าวเท้าขึ้นบันไดเดินนำอธิปที่หิ้วถุงอาหารตามหลัง กลางเรือนเงียบเชียบจนต้องขมวดคิ้วมุ่น


   …ขนมป่วยคนเดียวไม่ใช่หรือ แล้วข้าวล่ะ? หายไปไหน?...


   “ข้าว? พี่จักร? อยู่รึเปล่า” จอมขวัญเดินร้องเรียก พร้อมกับเดินไปกดเปิดสวิตซ์ไฟ ก่อนจะได้ยินเสียงเปิดประตูดังมาจากด้านหลัง ทั้งเขาและอธิปจึงหันไปมอง


   “ไอ้ขวัญ…” จักรกฤษณ์นั่นเองที่เป็นคนเปิดประตูออกมา


   “พี่จักร” คนเป็นน้อง พอได้เจอหน้าพี่ที่งุบงิบไม่ยอมบอกเรื่องหลานป่วยก็หมายจะเดินเข้าไปเอาเรื่อง แต่ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ ความขุ่นมัวในใจก็แทบจะคลายสิ้นเมื่อเห็นสีหน้าซีดโทรมของผู้เป็นพี่


   “พี่จักร…ทำไม…เอ่อ…นี่ไม่สบายรึเปล่า?” จอมขวัญร้องทัก ก่อนจะส่งมือออกไปแตะแขนพี่ชาย อุณหภูมิรุมๆที่ส่งทอดมาถึงเขาบอกให้รู้ว่าคนที่เคยแข็งแกร่ง มาวันนี้พ่ายแพ้ให้แก่สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆเสียแล้ว


   “ตัวร้อนนี่!”


   “งั้นเหรอ?” จักรกฤษณ์ได้แต่ทวนถาม ทั้งมึนทั้งเบลอไปหมดจนไม่มีเรี่ยวแรงจะลับฝีปากกับน้องชายอย่างเคย


   “แล้วนี่ขนมกับข้าวอยู่ที่ไหน?”


   “ในห้อง” จักรกฤษณ์ตอบแล้วถอยหลังออกห่างจากประตูเล็กน้อยให้น้องชายโผล่หน้าเข้าไปดู และทันทีที่จอมขวัญเห็นเด็กชายข้าวและเด็กชายขนมอยู่ในห้องเดียวกันทั้งๆที่เด็กชายขนมป่วย เขาก็ถึงกับหันขวับมามองพี่ชายตัวเองทันที


   “ทำไมให้ข้าวอยู่ในห้องขนมล่ะ?! เกิดติดหวัดขึ้นมาไม่แย่เหรอ?!!!”


   “ข้าวมันหกล้ม ฉันก็เลย…”


   “ถ้าป้ารีรู้ ป้ารีเฉ่งพี่แน่! แล้วนี่พี่กินข้าวรึยัง? ขวัญกับพี่โตซื้อข้าวต้มมาฝาก ไปกินข้าวก่อนไป เดี๋ยวขวัญดูหลานให้เอง” จักรกฤษณ์ยังยืนนิ่งอยู่ จนจอมขวัญต้องจ้องหน้า คนเป็นพี่เลยยอมเดินออกจากห้องไปยังยกพื้นกลางเรือนที่อธิปกำลังแกะถุงอาหาร และพอจักรกฤษณ์หันกลับไปมองที่ห้องลูกชายอีกครั้ง จอมขวัญก็มุดหัวหายเข้าไปข้างในปิดประตูเรียบร้อยแล้ว



   “คุณจักรดูไม่ค่อยสบาย” แม้จะไม่ได้สนิทสนมกันเสียเท่าไร นับตั้งแต่อธิปกลายร่างมาเป็นคนรักของจอมขวัญ และพอจักรกฤษณ์มีลูกชายสามคน พวกเขาทั้งสองก็แทบไม่ได้พูดคุยเรื่องอื่นนอกจากเรื่องงานเลย หรือถ้ามีเรื่องอื่นที่จะคุย ก็จะเป็นเรื่องของจอมขวัญและลูกของจักรกฤษณ์เสียมากกว่า


   “สงสัยเพราะผมไม่ค่อยได้นอนน่ะ” จักรกฤษณ์เลื่อนชามข้าวต้มเข้ามาใกล้ เขาเหลือบตามองอาหารหลายอย่างที่วางอยู่ตรงหน้า ทั้งยำไข่เค็ม ทั้งคะแหนงหมูกรอบ ทั้งถั่วงอกผัดเต้าหู้ ล้วนเป็นของชอบของจอมขวัญทั้งนั้น


   “นี่ไอ้ขวัญมันซื้อมากินเองเหรอ” เขาเงยหน้าถามอธิป แน่นอนว่าอธิปไม่มีคำตอบใดจะดีไปกว่ารอยยิ้มหนึ่งที ซึ่งเป็นการบอกให้รู้ว่าที่จักรกฤษณ์ถามนั้น ถูกแน่นอน!


   “พี่โต! ขวัญจะพาข้าวไปอาบน้ำ พี่โตมาดูขนมให้หน่อย” เสียงตะโกนโหวกเหวกดังมาจากห้องนอนของลูกชายคนเล็กของจักรกฤษณ์ พร้อมกับที่จอมขวัญโผล่หน้าออกมา อธิปเดินหายลับเข้าไปในห้องนอนของเด็กชายขนม ส่วนจอมขวัญอุ้มหลานชายที่หัวเข่าถลอกกลับไปที่ห้องของเด็กชายข้าวเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จักรกฤษณ์ได้แต่นั่งมองน้องชายจัดแจง


   รายนั้นอุ้มเด็กชายข้าวหายเข้าไปในห้องได้ครู่หนึ่ง ก็อุ้มหลานที่เปลี่ยนเป็นชุดนอนเรียบร้อยออกมาหาเขาที่กลางเรือนเพื่อจัดแจงเขาอีกคน


   “พี่จักร กินข้าวกินยาเสร็จแล้วไปนอนนะ เดี๋ยวขวัญกับพี่โตดูหลานให้เอง” จอมขวัญสั่ง ก่อนจะวางหลานลงบนเบาะอีกฟากของโต๊ะเตี้ยที่วางกับข้าวหลายอย่าง


   “ไม่เป็นไร” จักรกฤษณ์ตอบ แล้วก้มหน้าก้มตาตักข้าวต้มที่เริ่มเย็นชืดเข้าปาก


   “พ่อของข้าวนี่ดื้อจริงๆเลย” จอมขวัญบ่นกับหลานชายแบบให้เข้าหูผู้เป็นพี่ เด็กชายข้าวเงยหน้ามองคุณอาหนุ่มรูปหล่อ ก่อนจะกระเถิบก้นไปนั่งใกล้พ่อ ทว่าจักรกฤษณ์กลับขยับออกห่าง


   “พ่อไม่สบาย ไปนั่งไกลๆ” เด็กชายข้าวจ้องมองผู้เป็นบิดาเงียบๆ ไม่ยอมถอยไปนั่งตามที่ถูกสั่ง แต่กลับยื่นมือไปแตะต้นขาพ่อเบาๆ


   “พ่อไม่สบาย พ่อไปนอนนะ ข้าวไม่ดื้อกับอาของขวัญหรอก ข้าวจะช่วยอาโตดูน้องขนมด้วย” จักรกฤษณ์มองลูกชายอยู่อึดใจหนึ่ง ใจเขาไม่อยากถอยห่างจากลูกเลยแม้แต่น้อย แต่…เขาเริ่มเป็นหวัด และเขาไม่อยากให้ข้าวติดหวัดจากเขาไปอีกคน…


   “พ่อไม่ต้องห่วงนะ ข้าวจะช่วยพ่อดูแลน้อง”


   …บางครั้ง คนแข็งกร้าวอย่างจักรกฤษณ์ก็รู้สึกร้อนวาบไปทั้งกระบอกตาเพียงเพราะคำพูดสั้นๆของลูกชายตัวน้อย เขาคิดว่าบางทีอาจเป็นเพราะอาการไข้รุมๆรวมไปกับสายตาจากดวงตากลมโตของลูกชายที่ทอดแววห่วงใยมาให้เขารับรู้ ถึงทำให้อ่อนไหวถึงเพียงนี้…


   “อาของขวัญ พ่อต้องกินยาอะไรเหรอ ข้าวจะไปหยิบให้” แม้ขาจะยังเจ็บ แต่เพราะพ่อป่วย เด็กชายข้าวจึงเลือกที่จะอดทนกับความเจ็บที่แล่นริ้วทุกครั้งที่ขยับขาแล้วกระถดตัวลงไปยืนที่พื้น จักรกฤษณ์มองความเข้มแข็งของลูกชายคนกลางแล้วรู้สึกแสบร้อนไปทั้งโพรงจมูก


   “เดี๋ยวพ่อหยิบเองข้าว” เขาบอกลูกชาย เด็กชายข้าวไม่มั่นใจนักว่าผู้เป็นพ่อจะไปหยิบยาไหว จึงหันไปมองคุณอาที่นั่งอยู่ด้วยเพื่อขอความเห็น จอมขวัญพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยกับที่จักรกฤษณ์พูด เด็กชายจึงทรุดตัวลงนั่งตามเดิม


   “พาข้าวเข้าไปข้างในเถอะ นั่งตากลมข้างนอกเดี๋ยวก็เป็นหวัดไปอีกคน” จักรกฤษณ์หันไปบอกน้องชาย จอมขวัญจึงลุกขึ้นจะอุ้มหลานพากลับเข้าห้อง ทว่าเด็กชายข้าวกลับเอื้อมมือไปแตะที่ขาของบิดาอีกครั้ง


   “หายเร็วๆนะพ่อ ข้าวรักพ่อนะ” จักรกฤษณ์สบตาลูกชาย เขาอยากบอกว่าเขาเองก็รักข้าวไม่ต่างจากที่ข้าวรักเขา แต่...เขาไม่เคยพูดคำว่ารัก…ไม่เคย…


   “พ่อ…” ชายหนุ่มพูดไม่ออก เขาพูดคำว่ารักไม่เป็น หรือบางทีเขาอาจจะไม่เคยรู้จักคำนี้เลยทั้งชีวิตก็เป็นได้


   “ข้าว เข้าข้างในกับอาเถอะ” จอมขวัญเห็นท่าทีของพี่ชายก็พอจะรู้ว่าจักรกฤษณ์ไม่ถนัดกับการแสดงความรักเป็นคำพูด เขาคิดว่าเรื่องอย่างนี้น่าจะให้เวลาจักรกฤษณ์อีกสักหน่อย ไปเร่งรัดเอาตอนแก่ให้พูดเป็นเดี๋ยวนี้ก็คงเป็นไปไม่ได้


   ร่างโปร่งอุ้มหลานชายขึ้นจากพื้นกลางเรือน ทว่าก่อนที่เขาจะเดินกลับเข้าห้อง เสียงของจักรกฤษณ์ก็ดังไล่หลัง


   “พ่อก็เหมือนกันข้าว…” ทั้งจอมขวัญทั้งเด็กชายข้าวหันกลับไปมองตามเสียง จักรกฤษณ์มีสีหน้าหนักใจกับคำพูดตัวเอง เขาเม้มปากแน่นเหมือนไม่รู้ว่าที่ตัวเองพูดออกไปนั้นถูกต้องหรือไม่ และคนฟังจะเข้าใจหรือเปล่า


   …แต่…ถึงหลานชายจะยังเล็กและไม่เข้าใจ แต่จอมขวัญที่โตมากับจักรกฤษณ์เข้าใจคำพูดประโยคนั้นดี…


   เขากระชับร่างน้อยๆในอ้อมแขนตัวเองให้แน่นขึ้น แล้วกระซิบบอกเด็กชายข้าว


   “พ่อเขารักข้าวมากเลยนะ”


   ในเมื่อคนพ่อพูดจาเข้าใจยาก และคนลูกยังเด็กเกินกว่าจะตีความ อาคนนี้ก็จะคอยช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้


   เด็กชายข้าวหันมองผู้เป็นอา ก่อนจะหันไปมองบิดาแล้วส่งยิ้มกว้างให้จักรกฤษณ์อีกครั้ง


   “ข้าวก็รักพ่อที่สุดเลย!” จักรกฤษณ์ฟังคำบอกจากปากลูกชายคนกลางด้วยใบหน้าซีดที่กลายเป็นแดงก่ำ


   “พ่อ…ก็เหมือนกัน”


   …บางที…นี่อาจเป็นข้อพิสูจน์…จักรกฤษณ์ วิมลกิตติก็มีหัวใจเหมือนคนอื่นเช่นกัน…


.......................................

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-12-2013 22:15:47 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
   “ตัวโตอย่างกับตึก! ดันมาป่วยนอนซม! นี่ป้าลืมไปแล้วนะ! ว่ามันป่วยเป็นกับเขาด้วย!!” เสียงผู้หญิงชัดแจ๋วดังเข้ามาในห้วงหลับ เขาได้แต่ขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด แล้วขยับกายเล็กน้อยอย่างเมื่อยขบ


   “อ้าว! ตื่นแล้วเหรอ?!” จักรกฤษณ์ขยับเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นเล็กน้อย เขาเห็นสตรีร่างอวบที่คุ้นตากันดียืนอยู่ใกล้ๆ แม้ใบหน้าจะติดแววหงุดหงิดงุ่นง่านเล็กน้อย แต่สายตาที่ทอดส่งมาก็เจือแววห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด


   “แม่?...” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแหบพร่า เขาเหลือบตาไปด้านหลังของมารดา ก็เห็นบิดายืนอยู่ไม่ไกลนัก และแน่นอน…สายตาที่ทอดมาจากคุณชัยนั้น ห่วงหาห่วงใยไม่ต่างกัน


   “พ่อ…”


   “ก็ใช่สิจ๊ะ! นึกว่าตายายบ้านข้างๆรึยังไง?!!” คุณพัชรีกัดไปคำ แม้ลูกชายจะนอนซมบนเตียงก็ตาม


   “กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” จักรกฤษณ์ถาม เขารู้แค่ว่าหลังจากทานข้าวต้มที่จอมขวัญซื้อมาก็เข้ามานอนในห้อง แต่พอลืมตามาอีกที สองสามีภรรยาที่ควรจะอยู่ในระหว่างทัวร์ประเทศที่ร้อยยี่สิบ กลับมายืนอยู่ข้างเตียงเสียนี่


   “เพิ่งมาถึงนี่ล่ะ ของขวัญโทร.ไปบอกพ่อแกว่าแกป่วย พวกแม่ก็เลยรีบกลับมา ดีนะ! อยู่ที่หลวงพระบางพอดี เลยกลับมาได้ไวขนาดนี้” คุณพัชรีเป็นคนเล่า จักรกฤษณ์เหลือบสายตาไปมองบิดาที่ยืนอยู่ด้านหลังมารดาของเขาอย่างขอลุแก่โทษ เขารู้ว่าการไปเที่ยวครั้งนี้ของพ่อและแม่ ผู้เป็นพ่อรอคอยมานาน เนื่องจากคุณพัชรีไม่นิยมไปไหนมาไหนแบบไม่พาลูกหลานไปด้วย กว่าครั้งนี้จะยอมไปกับคุณชัยแค่สองคน ก็ต้องให้ทั้งเขา ทั้งจอมขวัญ ทั้งอธิปช่วยกันกล่อม


   “ไข้ยังรุมๆอยู่เลยนะ” คุณพัชรีแตะมือลงกับใบหน้าลูกชาย พลางทำคิ้วขมวดไปมาอย่างห่วงใย


   “ของขวัญบอกว่าแกกินข้าวต้มกับยาไปเมื่อวานตอนเย็น นี่ตีห้าแล้ว เดี๋ยวแม่ลงไปต้มข้าวมาให้แล้วกัน จะได้กินยาอีกรอบ ของขวัญ…ไปนอนต่อไปลูก อุตส่าห์ตื่นมาเปิดประตูให้พวกป้าแต่เช้าเลย” หลังจากสั่งกับลูกชายเสร็จด้วยน้ำเสียงอันเข้มงวด คุณพัชรีก็ทำตัวยุติธรรมเสมอต้นเสมอปลายด้วยการหันไปพูดจาอ่อนหวานกับหลานชายคนโปรดที่ยืนอยู่ข้างประตูห้องในชุดนอนหัวฟู ตาปรือ


   จักรกฤษณ์มองสภาพน้องชายก็พอรู้ว่าไอ้คนที่ไม่ค่อยตื่นเช้าอยากจะหลับเต็มแก่ ทว่าหลานชายดีเด่นแห่งปีอย่างจอมขวัญกลับยิ้มให้หญิงอวบ ก่อนจะกอดเอวอย่างเอาใจ


   “ไม่นอนแล้วดีกว่า เดี๋ยวขวัญช่วยป้ารีทำข้าวต้ม” คุณพัชรีถึงกับหัวเราะร่วน


   “ป้าไม่ได้หวงนะ แต่ให้พี่เรามันเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดาก็พอ อย่าให้มันท้องเสียร่วมด้วยเลย ของขวัญไปช่วยยกของลงจากรถดีกว่า ป้าซื้อของมาฝากของขวัญกับโตเพียบเลยนะ แล้วนี่โตอยู่ไหนล่ะ”


   “พี่โตนอนห้องขนมน่ะป้ารี ขวัญนอนห้องข้าว” จอมขวัญตอบ ขณะเดินตามหญิงวัยปลายออกจากห้องของจักรกฤษณ์ ในห้องจึงเหลือเพียงคุณชัยที่ยืนเงียบมาตั้งแต่ต้น


   “ติดหวัดจากขนมเหรอ” และนั่นคือประโยคแรก ที่คุณชัยมีต่อลูกชาย


   “นอนไม่พอด้วยน่ะพ่อ นี่ลืมไปเลยว่าไอ้อรรถรองาน” จักรกฤษณ์จะลุกไปหยิบโน้ตบุ๊คมาเปิด แต่คุณชัยดันไหล่เอาไว้เสียก่อน


   “เดี๋ยวพ่อดูให้เอง แกนอนเถอะ” คนเป็นลูกได้แต่หันมองบิดาเงียบ คุณชัยนั้นวางมือจากกิจการและธุรกิจไปนานแล้ว พร้อมกับใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบสุขกับสิ่งที่ชอบ ทั้งกอล์ฟ ทั้งต้นไม้ดอกไม้ เขาไม่อยากให้บิดาต้องมานั่งรื้อฟื้นความเคร่งเครียดจากเรื่องงานอีก


   “ไม่เป็นไรพ่อ ผมไหว” คุณชัยหันกลับมามองบุตรชาย พวกเขาสองพ่อลูกสบตากันเงียบๆ ก่อนที่คุณชัยจะถอนหายใจเบาๆ


   “จักร พ่อรู้ว่าแกไหว แต่คนเป็นพ่อไม่จำเป็นต้องรอให้ลูกไม่ไหวแล้วค่อยช่วย” เขาว่าอย่างนั้น ก่อนจะตบบ่าลูกชายแล้วยิ้มบาง ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะทำงานแล้วเปิดโน้ตบุ๊ค จักรกฤษณ์มองแผ่นหลังของบิดาแล้วสะท้อนไปทั้งอก


   …ดูเหมือนทั้งเขา ทั้งพ่อจะเหมือนกัน…ตอนที่ข้าวหกล้ม ทั้งๆที่เขาก็เห็นว่าข้าวลุกไหว แต่…พ่ออย่างเขาก็ยังอุ้มข้าวขึ้นมาเพื่อพาไปทำแผล… ‘คนเป็นพ่อ ไม่จำเป็นต้องรอให้ลูกไม่ไหวแล้วค่อยช่วย’ … บางที นี่อาจจะเป็นนิสัยที่เขาได้รับมาจากพ่อล่ะมั้ง…


   “งานจากอรรถใช่มั้ย” เสียงคุณชัยดังขึ้น ทำเอาจักรกฤษณ์หลุดจากภวังค์ เขาได้แต่พยักหน้ารับ คุณชัยจึงหันไปสนใจโน้ตบุ๊คตามเดิม


   ชายหนุ่มที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงมองบิดาจากด้านหลัง เหมือนเขาเห็นภาพสะท้อนของตัวเองกับลูกชายเหมือนที่เขาเองก็เป็นลูกชายของพ่อ เพียงแต่…ลูกชายของเขายังเด็ก เด็ก…เพียงพอที่จะบอกรักพ่อได้โดยไม่มีนิสัยปากหนักมาขวางแบบที่เขากำลังเป็น…


   จักรกฤษณ์ขยับขาลงข้างเตียง ก่อนจะลุกช้าๆ อาการปวดศีรษะยังคงรุมเร้า แต่ภาพเบื้องหน้าที่เขาจับจ้องทำให้ชายหนุ่มออกแรงก้าวเดินตรงไปอย่างไม่ลังเล


   ชายหนุ่มหยุดยืนที่ด้านหลังบิดา จนคุณชัยต้องหันมามองด้วยความสงสัย ระหว่างพวกเขาสองพ่อลูกมีแต่ความเงียบ พวกเขาสบตากันเพียงเงียบๆ ก่อนที่มือหนาใหญ่จะวางลงบนบ่าของผู้เป็นบิดา 


คุณชัยนิ่งงัน อาจจะนับตั้งแต่ที่จักรกฤษณ์เริ่มขึ้นอนุบาลสาม ที่ไม่ยอมขี่คอเขา อาจจะนับตั้งแต่ที่จักรกฤษณ์เริ่มขึ้นประถมปีที่2 ที่ไม่ยอมให้เขาจูงมือข้ามถนน อาจจะ…อาจจะอะไรก็แล้วแต่…ที่พวกเขาสองพ่อลูกไม่ได้จับมือจับแขนกันมานานมากแล้ว


   …นาน…จนวันนี้ที่ได้รับรู้ถึงไอฝ่ามือของคนเป็นลูก ก็ทำเอาคุณชัยน้ำตาคลอ…


   “ผม…ผม…” จักรกฤษณ์ได้แต่อึกอัก เขาพูดไม่เป็น เขาบอกรักใครไม่เป็น ทั้งๆที่ความรู้สึกจุกแน่นเต็มอก


   คุณชัยได้แต่ยิ้มบาง มือเหี่ยวย่นสั่นน้อยๆขณะเอื้อมมาวางลงบนมือของลูกชายที่อยู่บนบ่าของเขา


   “ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูด พ่อเข้าใจ”


   …ไม่เพียงแค่พ่อหรอก ที่เข้าใจหัวใจของเขา แต่ตัวเขาเองก็เข้าใจหัวใจของพ่อเช่นกัน


   “พ่อก็เหมือนแก…รู้สึกเหมือนแก จักร”



   งานที่ยากที่สุดในชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งคือการเป็นพ่อ

   พ่อ…ผู้ชายที่ถูกคาดหวังให้เข้มแข็งและอดทน…

   พ่อ…ผู้ชายที่พูดคำว่ารักไม่เป็น ใจแข็ง และหยาบกระด้าง

   พ่อ…ผู้ชายที่กุมโลกทั้งใบเอาไว้ด้วยความเข้มงวด แข็งกร้าว และไม่โอนอ่อน

   แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม…พ่อ…ผู้ชายคนนี้…คือคนที่ยกหัวใจของลูกเอาไว้เหนือบ่าของตัวเองจวบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต…

   …พ่อ…

A boy’s first hero, a girl’s first love.



FIN



ตอนวันแม่ก็เขียนสเปวันแม่เนอะ วันพ่อก็เลยตั้งใจเขียนสเปวันพ่อออกมา ตอนแรกคิดว่าจะไม่เสร็จ แต่ก็ปั่นจนออกมาจนได้ (ในขณะที่พันธะหอยต้วมเตี้ยมสุดๆ)

จริงๆแล้ว บัวไม่ค่อยชอบใส่ประโยคภาษาอังกฤษลงในเนื้อเรื่อง เพราะรู้สึกว่ามันไม่ค่อยลื่นเท่าไหร่ แต่รอบนี้เป็นข้อยกเว้นจริงๆค่ะ เพราะว่าบัวดันชอบประโยคนี้มากกกกกก ครั้งแรกที่เห็นประโยคนี้ มันเป็นประโยคที่อยู่บนรูปทหารอเมริกันจูงมือเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง แล้วยิ่งอินมากๆเลยล่ะค่ะ



พรุ่งนี้วันพ่อ สุขสันต์วันพ่อนะคะ

เจอกันอีกที หอยมาแน่

ออฟไลน์ Vavaviz

  • oONaMMOo
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
จิ้มมม

อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยค่ะ

มันซึ้งมากๆ  :hao5: :hao5:

ยังไงเราก็รักพ่อแม่ของเราที่สุดแหละเนอะ!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-12-2013 22:37:20 โดย Vavaviz »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด