นิรันดร์..รักนี้บันดาลผ่านฟ้า
ตอนที่ 8
“ปรายนี่น้องธารนะ น้องที่ฟ้าเคยเล่าให้ฟังไง ธาร นี่พี่ปรายนะ เป็นเพื่อนกับพี่ตั้งแต่มหาลัย”
ธาราธารยกมอไหว้อย่างรู้กาละเทศะ แต่ความรู้สึกในอกเหมือนกำลังร้องไห้ ไปรยาไม่ใช่คู่แข่งที่ธาราธารจ้องจะตาต่อตาและฟันต่อฟันอย่างว่านน้ำ ท่าทางเป็นกันเอง และกริยาอย่างที่ผู้ดีควรทำนั้นขับให้ ไปรยาดูสูงค่า เมื่อรวมกับการดูแลเอาใจใส่ที่ใต้ฟ้าปฏิบัติต่อเธอด้วยแล้วทำให้ธาราธารรู้ว่าน้ำตาตกในเป็นยังไง
“สวัสดีค่ะ เรียกพี่ปรายก็ได้นะ ตอนแรกถ้าไม่รู้มาก่อนว่าฟ้ามีน้องชายมาอยู่ด้วย คิดว่ามีดารามาโชว์ตัวที่ร้านซะอีก น้องธารน่ารักแล้วก็ออร่ามากๆเลย ดูออกเลยว่ามาจากในเมืองหรือเป็นเด็กนอก มาอยู่ไร่แบบนี้หมองลงนี่เสียดายแย่ ฟ้าอย่าใช้งานน้องหนักนะ”
“ฟ้ายังไม่ได้ให้ธารทำอะไรเลย มาถึงก็ป่วยโชว์ซะแล้ว ที่ฟ้าหัวหมุนวิ่งรอกระหว่างไร่กับในเมืองก็เพราะเรื่องนี้แหละ ธารเค้ายังปรับตัวไม่ได้”
ใต้ฟ้าแนะนำและออกตัวแทนเด็กในปกครองอย่างอารมณ์ดี ปากพูดสายตาเค้าสบกัน มีรอยยิ้มส่งต่อเนื่องให้กันไม่ขาดสาย มือส่งต่อเมนูให้เลือกกับข้าวอย่างรู้ใจและรู้จังหวะกันเป็นอย่างดี ไม่มีตรงไหนให้สะดุดหรือประหม่าแม้แต่นิด
นี่หรือเปล่า เหตุผลที่ทำให้ใต้ฟ้าเลือกที่จะมาบุกเบิกที่นี่ ไปรยาเป็นเพื่อนร่วมมหาลัยในกรุงเทพ แต่มาเป็นครูอยู่ที่นี่ มันช่างบังเอิญและเหมาะเจาะพอดีกันเกินกว่าจะคิดเป็นอื่นได้ ความเหมาะสมของหญิงกับชายทำให้ธาราธารหน้าสลดวูบลงจนใต้ฟ้าสังเกตเห็นเพียงแต่เจ้าของไร่หนุ่มไม่รู้ว่าธาราธารกำลังอยู่ในความรู้สึกแบบไหนเท่านั้นเอง
ใต้ฟ้าขมวดคิ้วและเอียงคอมองเด็กในปกครองตัวเองอยู่นาน ธาราธารเรียบร้อยผิดปกติ ไม่มีแววตาเจ้าเล่ห์หรือกำลังล้อเล่นอย่างที่เคยทำให้ใต้ฟ้ากังวลใจบ่อยๆว่ามันคือสัญญาณที่จะทำให้เด็กหนุ่มก่อเรื่อง ธาราธารไล่มองเมนูอาหารแต่ไม่ได้หยุดมองเมนูไหนเป็นพิเศษ พอเขาเอ่ยถามว่าเด็กหนุ่มจะสั่งอะไรก็ได้รับการส่ายหน้าแล้วธาราธารก็หันไปยิ้มอย่างเกรงใจกับไปรยาและผายมือเชื้อเชิญเหมือนให้อีกคนเลือกเมนูอาหารได้ตามใจ
“เดี่ยวธารขอตัวไปล้างหน้าล้างมือก่อนนะครับ เพิ่งมาจากตลาดกลางยังไม่ได้ล้างเอาฝุ่นออกเลยครับ เหมือนมันจะเหนียวๆไงไม่รู้”
สายตาธาราธารตั้งใจจะสื่อสารกับไปรยามากกว่าคนที่มาด้วยอย่างใต้ฟ้า เจ้าของไร่หนุ่มเหมือนจะดีดตัวเดินตามโดยอัตโนมัติเมื่อรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของธาราธาร แต่พอเห็นว่าไปรยาสังเกตและมองเขาทั้งคู่อยู่ก็ทิ้งตัวลงนั่งตามเดิม
“คนนี้เหรอฟ้าที่บอกว่าสร้างเรื่องจนคุณปู่ต้องส่งตัวมาอยู่ที่นี่”
“อืม ธารเหลวไหล ไม่ยอมเรียน เที่ยวแล้วก็มีแฟนน่ะ”
“ก็เป็นธรรมดาของเด็กวัยรุ่นนะ ตอนเราเรียนมหาลัยแบบธารเราก็เป็นนี่นา เที่ยว เมาหัวราน้ำ แต่พอถึงเวลาเราก็รู้จักหน้าที่ความรับผิดชอบ”
“สิ่งที่ธารไม่มีคือรู้หน้าที่และรับผิดชอบเนี่ยแหละที่คุณปู่กับฟ้ากลุ้มใจ แล้วก็เรื่อง ธารมีแฟนเป็นผู้ชาย”
เจ้าของไร่หนุ่มลากเสียงท้ายประโยคกลืนหายเข้าไปในลำคอเหมือนไม่อยากพูดถึง แววตาสลดวูบจนเพื่อนสาวต้องยื่นมือไปบีบเอาไว้ให้กำลังใจ
“ฟ้าดูกังวลในตัวน้องธารมากเลยนะ”
“เราเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กน่ะ”
“แค่นั้นเหรอ”
“ไม่รู้สิ มันเหมือนผูกพัน เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ฟ้ารู้สึกผูกพัน เป็นห่วงธารมากกว่าเพื่อนเล่นตามปกติอะ อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนั้นฟ้าไม่มีเพื่อนเล่นมาก่อนมั้ง ไม่มีน้องด้วย เหมือนได้ทั้งสองอย่างมาพร้อมกันเลยฝังใจเป็นพิเศษ”
“อืม แต่ปกติเพื่อนที่สนิทกันตอนเด็กๆแล้วห่างกันไปหลายๆปี โดยเฉพาะเป็นสิบๆปีแบบนี้มันควรจะห่างเหินกันนะ แต่ฟ้าไม่มีความรู้สึกนั้นเลยใช่มะ”
“ไม่เลย ฟ้าไม่รู้สึกว่าห่างเหิน แต่ธารน่ะเป็นกับฟ้าล่ะ จนดูเหมือนตอนที่เจอหน้ากันครั้งแรกหลังจากที่ห่างกัน ธารเค้าจะไว้ตัวแล้วก็ปิดทุกการเข้าหา”
“ฟ้าเองก็วางมาดผู้นำใส่น้องก่อนหรือเปล่า”
“ก็มีบ้าง ฟ้าต้องดูแลเขาก็ต้องทำตัวให้น่าเชื่อถือสิ”
“เวลาฟ้าเก๊ก ฟ้าก็น่าหมั่นไส้นะปรายว่า แต่ปรายก็เข้าใจนะ ฟ้าเป็นนายคนตั้งแต่อายุยังน้อย ตอนนี้มีน้องธารมาอยู่เป็นเพื่อน ฟ้าเริ่มเหมือนนายใต้ฟ้าตอนเรียนละ”
“ฟ้าดูลดอายุตัวเองไปขนาดนั้นเลยเหรอ”
“เค้าเรียกว่าผ่อนคลายเถอะค่ะพ่อเจ้าของไร่สุดหล่อ แล้วที่บอกว่าอยากให้ปรายมาดู มาดูอะไรเหรอ”
“มาดูธารอะดิ ปรายคิดว่าธารเป็นไงบ้าง”
“น้องธารหล่อ น่ารักดี มองแล้วเคลิ้ม เป็นเด็กมีมาด มีเสน่ห์อะ ไม่รู้สิ ทำไมเหรอ”
“ไม่ใช่ๆ หมายถึงธารดูเป็นเด็กมีปัญหามั้ย”
“จะบ้าเหรอฟ้า น้องเค้าเพิ่งเจอปรายครั้งแรก เค้าวางตัว เค้ายังไม่ปล่อยตัวของตัวเองออกมามันตัดสินยากว่าน้องเป็นยังไง ทำไมอะ กลัวน้องเค้าเป็นเกย์เหรอ”
“ก็เปล่า”
“แล้วฟ้ากลัวอะไร”
“กลัว เอ้อออออออ ไม่รู้สิ บอกไม่ถูกอะ”
.
.
.
ธาราธารมองหน้าตัวเองในกระจกแล้วจ้องอยู่นานเหมือนเจอคนแปลกหน้า หลายต่อหลายครั้งที่เฝ้าถามตัวเองว่าต้องการอะไรและกำลังทำอะไรอยู่ หลายต่อหลายครั้งที่สั่งให้ตัวเองเลิกทำเรื่องพวกนี้ แต่พอนึกถึงความสุขที่เคยมีและเคยได้รับจนฝังใจตอนเด็กๆแล้วก็ตอบตัวเองว่า ธาราธารอยากมีความสุขเหมือนในอดีตอีกครั้ง เท่านั้นเอง
แต่พอมาเจอใต้ฟ้าและไปรยาในบรรยากาศที่ทุกอย่างดูลงตัวขนาดนี้แล้วสำนึกดีกลับร่ำร้องให้ล้มเลิกทำอะไรบ้าๆอีกครั้ง ย้ำกับตัวเองว่าหากรักใต้ฟ้าอย่างที่บอกตัวเองจริงๆจะต้องไม่ทำอะไรที่มันขัดต่อธรรมชาติอย่างนี้ โดยเฉพาะตอนที่ได้เห็นแล้วว่าสองคนนี้กำลังมีความสุขและเหมาะสมกันมากแค่ไหน
หากธาราธารจะอยากมีตัวตนและมีค่าต่อใครสักคนขึ้นมาจริงๆแล้วล่ะก็ คำตอบก็อาจจะเป็นสายที่ระดมโทรเข้ามาหนักหน่วงอยู่ตอนนี้ก็เป็นได้
หากคนที่โทรมาเป็นโทมัส?
ธาราธารตั้งคำถามให้ตัวเองในใจ แล้วใจตัวเองก็ตอบออกมาว่าให้เด็กหนุ่มสูดหายใจเรียกพลังให้ยาว และเป็นตัวของตัวเองอย่างที่ผ่านมา
“Hi”
“กล้าดียังไงถึงได้ทิ้งกันมาอย่างนี้ห๊ะที่รัก รู้ไหม พรุ่งนี้ผมจะตามไปหาคุณที่เมืองไทยแล้วนะ”
“ขอโทษครับ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ที่รักใจเย็นๆนะ พอดีมีปัญหาให้ต้องเคลียร์ด่วนน่ะ ผมไม่อยากให้คุณต้องไม่สบายใจเลยกลับมาเคลียร์อยู่นี่ไงล่ะ”
“เรื่องในครอบครัวของยูน่ะเหรอ ทำไมล่ะ คนไทยไม่ยอมรับชาวต่างชาติ เขาห้ามรักกับชาวต่างชาติหรือไงที่รัก”
ธาราธารมองเห็นเค้าลางของความยุ่งยากขึ้นมาทันที นึกว่าการเอาน้ำเย็นเข้าลูบจะทำให้ระดับความร้อนในตัวโทมัสเบาบางลง ที่ไหนได้ กิ๊กที่ธาราธารไปโปรยเสน่ห์เอาไว้จนติดหนึบดันเข้าใจผิดไปกันใหญ่
คนไทยไม่ได้ห้ามหรือต่อต้านชาวต่างชาติหรอกโว๊ยยยยยยย!!!
แต่ไอ้ที่เป็นปัญหาอยู่เนี่ยเพราะมึงเป็นผู้ชายครับสัด ฮึ่ย!!
“ธาร”
ใต้ฟ้าร้องเรียกเมื่อเห็นว่าคนที่หายมาล้างมือเสียนานกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดผ่านทางกระจกส่องหน้า เสียงเรียกของเขาดังพอที่จะทำให้เด็กหนุ่มตกใจยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋าจนลืมบอกลาปลายสายเสียด้วยซ้ำ
ธาราธารตาแดงก่ำไม่รู้เป็นเพราะโกรธหรือเสียใจ
พิรุธที่ธาราธารมีตอนที่ใต้ฟ้าตะโกนเรียกนั้นทำให้เจ้าของไร่หนุ่มขมวดคิ้วสงสัยจนปิดไม่มิดและมันทำให้อีกคนลนลานอยู่เล็กๆ
“ใครโทรมาเหรอธาร ทำไมรีบวางล่ะ”
ปกติแล้วใต้ฟ้าไม่เคยล่วงละเมิดชีวิตส่วนตัวของใครแต่คราวนี้นอกเหนือจากความใคร่รู้แล้วใต้ฟ้าอยากรู้ว่าธาราธารจะตอบเขาว่ายังไง
“แฟนโทรมาครับ รีบวางเพราะธารขี้เกียจอธิบาย”
เหมือนฟ้าผ่ากลางแสกหน้า ใต้ฟ้าเตรียมใจมารับกับคำแก้ตัวเพื่อจับผิดอีกฝ่ายมากกว่า แต่พอได้ยินอย่างนี้แล้วมันอึดอัดในอกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก มันก้ำกึ่งมากระหว่างไม่พอใจกับเสียใจ
ธาราธารไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่านี้ เด็กหนุ่มเดินนำหน้าคนที่มาตามไปยังโต๊ะอาหารเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อันที่จริงแล้วเด็กหนุ่มเองก็สับสนอยู่ในหัวไม่น้อยเลยกับทางเดินข้างหน้าของตัวเอง
ตั้งใจจะเห็นแก่ตัวเพื่อความสุขของตัวเอง ตั้งใจจะยัดเยียดแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้เบี่ยงเบนทางเพศเหมือนที่ตัวเองเป็น แต่พอรุกขึ้นมาจริงๆแล้วมันยาก ตอนที่วางแผน ตอนที่คิด มันไม่ได้เห็นชีวิตของอีกฝ่าย ไม่เห็นหน้า ไม่รู้ท่าที แต่พอได้มาอยู่จุดนี้จริงๆแล้วโคตรสับสนเลยให้เมืองไทยมีแผ่นดินไหวพร้อมๆกับหิมะตกแข่งกับลูกเห็บเถอะ
ถ้าธาราธารชนะแต่ได้มาแค่ตัวหรือความสะใจมันใช่วัตถุประสงค์จริงๆ นอกเหนือจากเสียหน้าในวัยเด็ก โกรธ แค้น ตัวเองต้องการอะไรมากกว่าเอาคืนคำพูดทำร้ายใจของคนๆนี้
เอาชนะ กับ เอาชนะใจ ความหมายโคตรจะต่างกันเลย
เด็กหนุ่มสะบัดหัวไล่ความฟุ้งซ่านของตัวเองได้เฉียดฉิวก่อนจะมาถึงโต๊ะ ไปรยานั่งยิ้มกว้างอยู่แล้ว ไม่มีสายตาตำหนิหรือสงสัยอะไรกับการหายไปนานเกินควรของธาราธาร ขนาดใต้ฟ้าเองยังทิ้งเพื่อนเพื่อเดินไปตาม
“ขอโทษทีนะครับพี่ปรายที่ธารหายไปนาน พอดีมีโทรศัพท์เข้ามาพอดีน่ะครับ”
พอเอ่ยถึงเหตุผลที่ทำให้ผู้ใหญ่ต้องรอแล้วก็นึกขึ้นได้ ธาราธารล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอีกครั้งแล้วปิดสวิตซ์เพื่ออฟไลน์โทรศัพท์เสีย
รอยยิ้มของคนที่เจนสังคมมาโชกโชนของเด็กหนุ่มทำให้คุณครูสาวมองเพลิน เธอทำวิจัยเกี่ยวกับชีวิตวัยรุ่นสมัยนี้เพื่อเปรียบเทียบพัฒนาการที่ก้าวกระโดดกับวัยรุ่นในสมัยตัวเองและย้อนหลังไปกว่านั้น สิ่งเดียวที่หญิงสาวพอจะสันนิษฐานเอาไว้เพื่อนำไปสู่หนทางของคำตอบก็คงจะไม่พ้นปมในใจและปัญหาครอบครัว ส่วนใหญ่วิธีการแสดงออกของวัยรุ่นก็จะเหมือนๆกัน แต่เด็กสมัยนี้ก้าวกระโดดไปจากวัยของเธอเองทั้งที่ห่างกันไม่ถึงสิบปีก็คงเกิดมาจากเทคโนโลยีที่พัฒนาจนตามไม่ทัน เด็กเรียนรู้เร็วและกว้างขึ้น มีอิสระทางความคิดมากขึ้น ไปรยาจับรอยวูบไหวในหน่วยตาของธาราธารได้ แววตาของเด็กคนนี้คือหน้าต่างบานเดียวที่เปิดเผยความในใจ นอกจากนั้นแล้ว ธาราธารคือเด็กรุ่นใหม่ที่กระฉับกระเฉง เป็นตัวของตัวเองและเป็นคนหวงอิสระของชีวิตมากที่สุด มากขนาดที่แสดงบุกลิกภาพออกมาอย่างมั่นใจ และมันก็น่ามองอย่างที่เจ้าตัวตั้งใจให้คนรอบข้างมองจริงๆ
“พี่ปรายไม่มีปัญหาเลยค่ะ แต่ผู้ปกครองน้องธารสิคะ ถึงกับลุกขึ้นไปตาม”
“กลัวจะหายไปทำร้ายหรือมีเรื่องกับใครเขาหรอก ธารใจร้อน ถ้าใครทำอะไรขัดใจแล้วเขาไม่ค่อยยอม”
แก้วน้ำที่ธาราธารยกขึ้นจ่อริมฝีปากชะงักค้างอยู่แค่นั้น เด็กหนุ่มหรี่ตามองคนพูดเพื่อจับความรู้สึกของอีกฝ่าย เสียดายที่ใต้ฟ้ากำลังก้มหน้ามองข้าวในจานตัวเองพอดี ไม่เช่นนั้นแล้ว เขาก็อดเกิดแรงฮึดขึ้นมาอีกไม่ได้ว่าใต้ฟ้าจดจำทุกอย่างที่เป็นธาราธารได้ แสดงว่าเจ้าของไร่ขี้เก๊กนี่ก็สนใจตัวเองอยู่เหมือนกัน ทั้งๆที่จิตใจฝ่ายดีกำลังชนะจิตฝ่ายต่ำและแนะนำให้ธาราธารถอยไปอยู่ในมุมที่ตัวเองเป็นอยู่แล้วเชียว
อันที่จริงแล้วคุณครูสาวสนุกกับการจับความรู้สึกและท่าทีของเพื่อนตัวเองมากกว่าคนที่เพื่อนเอามาให้ช่วยศึกษาแล้ววิเคราะห์ออกมาด้วยความร้อนใจเสียอีก สำหรับธาราธารกับครั้งแรกที่พบกัน ไปรยาบอกได้คำเดียวว่าเด็กคนนี้วางตัวดีมาก เป็นเด็กที่อยู่ในสังคมพบปะผู้คนอยู่ประมาณนึงเลยทีเดียว เด็กหนุ่มไม่เก้อเขิน ไม่สงวนท่าที แต่ก็ไม่มีอะไรที่แสดงให้จับพิรุธได้ว่าเด็กคนนี้มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศหรือไม่
ธาราธารไม่กรีดกราย
ไม่เรียบร้อยจนต้องใช้คำศัพท์แทนกิริยาแบบนี้ว่า ‘สาว’
สำหรับครั้งแรกที่พบกันนี้ ไปรยาคงให้คำจำกัดความได้แต่ว่า ธาราธารเป็นเด็กหนุ่มสมัยใหม่ที่มั่นใจตัวเองและทันแฟชั่น แค่นั้น
“น้องธารคิดยังไงถึงได้มาอยู่ที่ไร่แห่งหุบเขาลึกลับนั่นคะ พี่ปรายนะถ้าให้เข้าไปที่ไร่น่ะ ยังคิดแล้วคิดอีกเลย”
“ก็นี่ไง เวลาจะมาเจอปรายฟ้าก็ออกมาหาทุกครั้งอยู่แล้วนี่ โหย อะไรกัน ทำขนาดนี้แล้วยังจะบ่นอีก”
“ปรายพูดกับน้องธารนะคะนายใต้ฟ้าขา อย่าเพิ่งตัดพ้อสิ”
ลำบากมากเลยนะ สำหรับการสะกดใจให้เต้นตามปกติของส่วนเกินที่ต้องมองเค้าหยอกล้อกัน นอกจากรอยยิ้มที่ใต้ฟ้าเผื่อแผ่มาแบบบังเอิญหรือช่วยไม่ได้แล้ว ใต้ฟ้าในโมเม้นท์ของคนธรรมดา ธาราธารก็เพิ่งจะได้เห็นเอาวันนี้แหละ และมันเป็นโมเม้นท์ที่ตอกย้ำว่าธาราธารเองก็เป็นคนธรรมดา มีความรู้สึกเจ็บและอิจฉาปั่นรวมกันอยู่ในอกจนอึดอัด
“ว่าไงคะน้องธาร มีคนคั่นจังหวะไป ขอโทษทีนะคะ”
“ธารไม่ได้คิดอะไรหรอกครับ มีคนคิดและวางแผนให้เสร็จสรรพอยู่แล้ว”
“ใครกันที่ใจร้ายกับน้องธารขนาดนี้ อยู่ดีไม่ว่าดีก็ส่งมาลำบาก คนที่เคยสบายแบบสบายมาทั้งชีวิตจริงๆถ้าลองมาเจอแบบนี้ พี่เข้าใจนะว่านี่คงเป็นนรกเลยล่ะ”
“คุณปู่ธารน่ะครับ เค้าส่งธารมาดัดสันดาน”
“เราก็พูดเกินไป คุณปู่เขาแค่อยากให้ธารมาเห็นมุมอื่นๆของชีวิตบ้าง ในเมื่อธารรู้จักคำว่าอิสระและความสบาย ธารก็ควรจะรู้จัก
ความลำบากและการจำกัดขอบเขตบ้าง ธารจะได้รู้ว่าตรงกลางคือที่ๆเราควรจะใช้ชีวิตอยู่มากที่สุด พี่ก็เคยสบายไม่ต่างจากธาร แล้วธารรู้มั้ย ทำไมพี่ถึงยอมมาลำบาก”
บรรยากาศสดใสเริ่มมีหมอกสีเทามาเจือจางบางๆ คุณครูสาวปรับบรรยากาศด้วยการตักกับข้าวบริการชายหนุ่มทั้งสองที่เหมือนจะตั้งแง่ใส่กันอยู่ จากที่เคยคิดว่าจะช่วยใต้ฟ้าเพราะความเป็นเพื่อน แต่ตอนนี้คุณครูสาวชักจะสนใจชีวิตของคนคู่นี้ขึ้นมาจริงๆเสียแล้ว ไปรยาแน่ใจว่าหลายปีที่รู้จักและสนิทกันมา ใต้ฟ้าไม่เคยหลุดฟอร์มแบบนี้มาก่อน
“ธารไม่ใช่ผู้แทนราษฎรหรือผู้ใหญ่บ้านนะครับที่จะต้องสนใจชีวิตของทุกๆคน”
“แล้วการที่ธารสนใจแต่ชีวิตของตัวเอง เอาแต่หมุนรอบตัวเองแบบนี้ มันมีอะไรดีบ้างล่ะ”
“แล้วธารควรจะสนใจใครบ้างล่ะครับ ในเมื่อคนที่เราสนใจเขาก็ไม่ใยดีอะไรด้วยซะหน่อย ไม่ใยดีและไม่สนใจแล้วธารจะกลับมาสนใจแค่ตัวเองกลายเป็นความเห็นแก่ตัวใช่มั้ยครับ”
ธาราธารเห็นใจบุคคลที่สามพอที่จะใช้น้ำเสียงปกติธรรมดาในการถาม เก่งกาจถึงขนาดที่ว่าตอนที่พูดไปนั้น ธาราธารกวาดตามองและสนใจที่จะตักอาหารใส่จานตัวเองด้วยอีกต่างหาก
“ปรายเห็นแล้วใช่มั้ยล่ะ ว่าทำไมฟ้าถึงได้ดุธาร”
“จริงๆน้องก็มีเหตุผลนะฟ้า เป็นปรายๆก็ทำอย่างน้องธาร ถ้าปรายให้ความสนใจหรือเอาใจใส่ใครมากๆแล้วเขาไม่สนองตอบกลับมา ปรายก็เฟลแล้วก็ไม่สนใจใครคนนั้นอีกเหมือนกัน”
“อ้าว เป็นงั้นไป”
ธาราธารเจ็บจี๊ดในใจเมื่อเห็นว่าคุณครูสาวยิ้มออดอ้อนเพื่อง้อและเอาใจใต้ฟ้าด้วยการจับมือแล้วบีบเบาๆจนเจ้าของไร่เปิดยิ้มออกมาได้ อะไรๆที่ปรากฎให้เห็นทำให้ธาราธารตัดสินใจบางอย่างง่ายขึ้น อย่างน้อยคนที่เขาคิดจะหลีกทางให้ก็ดีพอและคู่ควร
หากไม่ใช่ไปรยา หากผู้หญิงคนนั้นคือว่านน้ำ
ธาราธารก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ชายใจตุ๊ดที่รังแกผู้หญิงแน่ๆ แล้วเด็กหนุ่มก็มั่นใจด้วยว่าตัวเองจะทำ
อาหารมื้อนี้ผ่านไปอย่างราบรื่น ถึงจะเป็นการกินข้าวเคล้าน้ำตาตกในแต่อย่างน้อยธาราธารก็ควบคุมตัวเองได้ดี เด็กหนุ่มกินข้าวอิ่มถึงจะอกกลัดหนองแค่ไหน เป็นไปได้ว่าอาหารมื้อนี้ถูกปากและแปลกน้อยที่สุดแล้วสำหรับการมาอยู่ที่นี่
หนทางกลับไร่ไม่ได้ผ่านไปเร็วหรือรู้สึกว่ามันใกล้อย่างที่ใครๆเขาว่ากันไว้เลยสักนิด ไหนว่าเราจะรู้สึกว่ามันไกลแค่ครั้งแรกของการเดินทางเท่านั้น หลังจากนั้นแล้วมันจะใกล้เพราะเราเริ่มจะเคยชิน
ต้นไม้ใหญ่สองข้างทางทิ้งใบเหลือแต่ดอกสีสดพราวไปทั้งต้น ตอนขามาฟ้ายังไม่สว่างจ้าขนาดนี้และมีหมอกคลุมมาตลอดทาง พอขากลับธาราธารถึงได้มองข้างทางแทนการคิดนู่นคิดนี้ฟุ้งซ่านและปิดกั้นการสนทนาระหว่างเขากับคนขับรถด้วย
“ทำไมพอกลับบ้านแล้วไม่ร่าเริงเลยล่ะธาร”
ใต้ฟ้าชวนน้องชายในนามคุยเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มเงียบจนผิดปกติและสนใจข้างทางมากจนผิดนิสัยของหนุ่มในเมืองแห่งแสงสีไปไกลลิบขนาดนี้
“เวลานักโทษถูกนำตัวไปคุมขังหลังจากได้มาเปิดหูเปิดตานี่ควรจะดีใจเหรอครับ”
“โกรธที่พี่คุยกับพี่ปรายจนหมดเวลาพาธารไปซื้อของหรือเปล่า”
“ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกครับ ต่อให้พี่ใต้ฟ้าพาไป ก็ใช่ว่าจะมีของที่ธารจำเป็นต้องใช้ ห้างของที่นี่ไม่น่าจะมีแบรนด์พวกนั้น”
“ถ้าธารเรียนรู้งานในไร่ได้ดี พี่จะสั่งซื้อจากกรุงเทพมาให้นะ”
“ไม่รบกวนดีกว่าครับ ธารเกรงใจ แค่พี่ใต้ฟ้ารับภาระมาจากปู่ก็น่าจะพอแล้ว”
“ทำไมพูดแบบนั้น คนงานในไร่ยังมีค่าจ้าง มีเงินเดือน ธารมาที่นี่ มาทำงาน ธารก็จะมีเงินเดือนเหมือนกัน ถ้าไม่อยากใช้เงินพี่ ก็เอาเงินเดือนธารซื้อก็ได้นี่”
ธาราธารอยากจะตะโกนกรอกหูอย่างร้ายๆว่าเลิกเอาใจใส่พร่ำเพรื่อให้เขาต้องเข้าใจผิดเสียที การที่ใต้ฟ้าใจดีด้วยโดยไม่คิดอะไรเป็นพิเศษแบบนี้ ใจดีตามหน้าที่แบบนี้ มันไม่ต่างอะไรกับที่ใต้ฟ้าทำให้เขาตอนเด็กๆจนคิดไปไกลจนเกิดเป็นโมเม้นท์สวมแหวนหมั้นอะไรนั่นเลย
ใต้ฟ้าไม่ชอบความรู้สึกของตัวเองที่เป็นอยู่ตอนนี้เลย ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมและเพราะอะไร เขาพยายามชวนธาราธารพูดคุยดีๆ พยายามผูกมิตรและทำดีกับเด็กคนนี้อย่างที่เคยทำมาตลอด แต่ดูเหมือนเวลาใต้ฟ้าชวนธาราธารพูดดีๆทีไร ก็มักจะเจออาการต่อต้านแบบนี้ทุกที
สายตาที่เด็กหนุ่มตวัดมองมานั้นล้วนแต่หงุดหงิดและไม่พอใจ ปกติแล้วธาราธารจะต้องโวยวาย แต่เด็กหนุ่มกลับเลือกที่จะเงียบและมองข้างทางเหมือนเดิม แต่ถ้าจะให้ใต้ฟ้ากลับไปเย็นชาอย่างที่เจอหน้ากันครั้งแรก ใจก็พาลให้รู้สึกเสียดายเวลาที่ห่างกันไป ระหว่างทิ้งระยะห่างกับทดแทนเวลาที่หายไป ทำไมใจถึงเทคะแนนไปให้อย่างหลังมากกว่า
หรือว่านี่จะเป็นบุคลิกที่เขาปรับเปลี่ยนจนเกินที่ธาราธารจะปรับตัวได้ทัน
ธาราธารแยกตัวกลับห้องทันทีที่กลับถึงไร่ ส่วนใต้ฟ้าก็มีงานให้ต้องสะสางหลังจากหายไปทั้งวัน ทุกอย่างเลยเหมือนจะจบตรงที่ต่างฝ่ายต่างก็บึ้งตึงใส่กัน
“ว่าไงคะนายใต้ฟ้า ไม่เห็นโทรมาติดตามผลเลยอะ ปรายรอวิเคราะห์อยู่นะ”
คุณครูสาวโทรเข้ามาหลังจากที่รู้สึกว่ารอสายของอีกฝ่ายนานเกินไปแล้ว ใต้ฟ้าบอกว่าจะโทรมาหาหลังจากกลับถึงบ้าน แต่นี่มันจะล่วงเลยไปสู่วันใหม่แล้วเจ้าของไร่หนุ่มก็ยังไม่โทรมา
“โทษทีนะปราย ฟ้าต้องกลับมาเคลียร์งานอะดิ บานเลยเนี่ย ทั้งงานไร่ทั้งงานฟาร์ม”
“อ้าวไหงเป็นงั้นล่ะ ปกติฟ้าจะเคลียร์งานทุกครั้งก่อนเข้าเมืองไม่ใช่เหรอ ถ้างานไม่น่าไว้วางใจฟ้าจะไม่มีวันทิ้งมานี่นา”
“พอดีฟ้าเห็นว่าธารมาขลุกอยู่ที่นี่หลายวันแล้ว แถมยังมาป่วยอีก เดี๋ยวจะร่ำร้องกลับบ้านน่ะ เลยพาออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”
“ฮั่นแน่ ตรงๆเลยนะฟ้า ในฐานะที่เราสนิทกัน ปรายว่าคนที่น่าศึกษาเป็นฟ้าต่างหาก น้องธารเค้าปกติดี แต่คนที่ผิดปกติมันคือฟ้า”
“เว่อไปละคุณครูคนเก่ง ฟ้าแค่ไม่อยากให้คุณปู่ทุกข์ใจ ตอนนี้ฟ้าก็เหมือนจะเหลือญาติผู้ใหญ่คนนี้แค่คนเดียวแล้วนะ”
“แค่นั้นจริงๆเหรอคะเจ้าของไร่ ปรายยังจำวันที่ฟ้าบอกว่าอยากสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาด้วยตัวเองได้เลยนะ แค่ปรายบอกว่าที่นี่มีทีทางที่ไม่แพงแต่ทุรกันดารมากหากจะมาทำไร่ลงหลักปักฐานที่นี่ต้องบุกเบิกกันยกใหญ่ แต่สุดท้ายฟ้าก็มาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จนได้ จนใครๆก็คิดว่าฟ้าหนีตามปรายมาเลยนะเนี่ย”
“ว่าไปนั่น ฟ้าก็แค่อยากจะมั่นใจว่าตัวเองเป็นผู้นำแล้วก็มีฐานะพอที่จะดูแลใครได้เท่านั้นแหละ มรดกที่ได้มามันพิสูจน์อะไรไม่ได้หรอก บรรพบุรุษเค้าสร้างเค้าเตรียมไว้ให้เราไม่ต้องทำอะไรเลยแล้วมันดูไม่แมนอะ”
“จ้า พ่อสุภาพบุรุษ ผู้โชคดีคนนั้นคือใครเหรอ”
“หึ ยังหาไม่เจอเลยน่ะสิ”
“หาไม่เจอหรือฟ้าไม่หา จะว่าไปแล้วฟ้าก็ไม่ค่อยจะจีบสาวเลยนะ เสียดายหน้าตาว่ะ ถ้าฟ้ากะล่อนนะ ก็รุ่งพอๆกับที่ฟ้าจริงจังในชีวิตนั่นแหละ”
“โหย ก็ตอนนั้นมีแต่เก่งเกินหญิงแบบปรายทั้งนั้น ฟ้าไม่กล้าหรอก กลัวจีบแล้วจะมาชวนกันเล่นงัดข้อ”
“เหนื่อยมั้ยฟ้า การที่ต้องวางฟอร์มเป็นเจ้าของไร่อะ”
“เหนื่อยนะ แต่ชินแล้ว”
“ระวังนะ อย่าหลุดจนคนงานจับได้ล่ะ ว่านายดุไม่จริง”
“ฟ้าก็ไม่ได้ดุนะ”
“แต่ฟ้าเจ้าระเบียบแล้วก็เข้าถึงยาก”
“จริงเหรอ ฟ้าเป็นแบบนั้นเหรอ”
“จริง ฟ้าเป็นคนสองบุกลิกนะ เป็นคนที่เป็นตัวของตัวเองแล้วใส่หน้ากากอะ”
“มันก็ต้องอย่างนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“มันก็ไม่แปลกหรอก แต่อย่าให้สิ่งที่ไม่ใช่เรากลืนกินความเป็นเรานะฟ้า จริงๆแล้วปรายก็เพิ่งรู้นะว่า ฟ้าก็มีมุมที่อบอุ่นน่ะ”
“ตอนไหนเหรอ”
“ตอนที่ห่วงใยน้องธารไง ตาของฟ้าดูผ่อนคลายมากกว่าหนักอึ้งเพราะแบกความกังวลเอาไว้นะ”
“จริงอะ”
“จริงที่สุด ส่วนเรื่องน้องธาร ก็ค่อยๆรายงานพฤติกรรมน้องเขาให้ปรายฟังก็แล้วกัน แล้วปรายจะหาคำตอบให้ โอเค๊”
“โอเค ขอบใจนะปราย”
“ถ้าธารเป็นเด็กดีแล้วพี่ใต้ฟ้ารักหรือเปล่าล่ะ”
“รักสิ ถ้าธารเป็นเด็กดีพี่จะต้องรักธารแน่ๆ”
“จริงๆนะ อย่าโกหกนะพี่ใต้ฟ้า ปู่บอกธารว่า ลูกผู้ชายพูดคำไหนต้องคำนั้น”
“อยู่แล้ว”
“สัญญาก่อนสิ ต่อให้ไม่มีใครรักธาร พี่ใต้ฟ้าก็จะรักธารใช่มั้ย”
“แน่นอน”
“งั้นธารหมั้นพี่ใต้ฟ้าไว้ก่อน โตเป็นผู้ใหญ่เมื่อไหร่ เราแต่งงานกันนะ”
หลังจากวางสายกับเพื่อนสาวลงไป เจ้าของไร่หนุ่มก็อดที่จะหวนคิดไปตอนเป็นเด็กๆไม่ได้ ตอนนั้นเขาตกใจสลับกับอยากจะหัวเราะออกมาเพราะขบขันไม่ได้เมื่อเห็นว่าเพื่อนเล่นต่างวัยเพียงคนเดียวที่มีในตอนนั้นเอาต้นหญ้ามาพันกันจนเป็นแหวนแล้วขอหมั้นเขาเอาไว้เพียงเพราะอยากให้เขารัก
ตอนนั้นธาราธารไม่ต่างอะไรจากเด็กแก่แดดที่รู้มาก ส่วนเขาเองเลยวัยที่จะจมอยู่กับจินตนาการหรือนิทานก่อนนอนแบบเด็กๆอีกต่อไปแล้ว
ในขณะที่ผู้ใหญ่มักจะเออออไปกับเด็กในวัยธาราธารแทนที่จะสอนความเป็นจริง เขากลับคิดต่างกัน ในเมื่อสักวันหนึ่งธาราธารต้องเรียนรู้ความถูกต้องในชีวิตของมนุษย์ ธาราธารก็ควรจะรู้ว่าเขากับตัวเองนั้นแต่งงานกันไม่ได้
ในตอนนั้นยังไม่มีใครเข้าใจความหมายของคำว่าเกย์ ไม่มีตัวอย่างให้เห็นว่ามีผู้ชายกับผู้ชายแต่งงานกัน ใต้ฟ้าจึงปฏิเสธออกไปอย่างนั้น แต่ความทรงจำดีๆที่เขามีกับธาราธารยังจำติดตราและฝังตรึงในใจมาตลอด และมันมากพอที่จะทำให้เขากระตือรือร้นที่จะรับรู้ความเป็นไปของธาราธารที่คุณปู่พนาเล่าให้ฟัง
แต่แล้วโอกาสดีๆที่วิ่งเข้ามาหา โอกาสดีๆที่เขาอยากจะชดเชยเวลาที่หายไปนั้น ธาราธารกลับต่อต้านมันซะ และยิ่งได้พูดคุยกับไปรยาแล้ว มันก็ตอกย้ำว่าที่ผ่านมาเขามัวแต่สนใจธาราธารจนลืมจีบผู้หญิงอย่างที่วัยนั้นเขาทำกันจริงๆ
๐ จริงๆบอกว่าจะลงตั้งแต่เมื่อวาน แต่เพราะกลัวคนอ่านจะตกใจหรอกนะที่ลงเร็วเกินไปเลยเอามาลงวันนี้ (เพื่อ!!!) ห่างกันแค่สองวันเองเนอะ
๐ เมื่อวานมีเรื่องให้ต้องวางแผนงานนิดหน่อยค่ะ พอดีหนังสือคุณเซ็งเป็ดร้านรวงเริ่มส่งคำตอบที่จะส่งงานมาบ้างแล้ว เราเลยต้องจัดตารางงาน ระยะมานี้ยิ่งมีแผนงานก็ยิ่งช้าอะ เป็นงี้ไปได้ไงเนี่ย
๐ เรื่องนายโลมที่กำลังรวมเล่ม หน้าที่คนเขียนจบแล้วล่ะ เหลือแค่คนวาดเค้าวาดโดจินแล้วเท่านั้น ไม่กล้าทวงมาก เนื่องจากเข้าใจว่างานศิลปกดดันไปเดี๋ยวคนวาดลมโต๊ะกลางคันนี่คนเขียนตายได้เลยนะ เงินคนอ่านอยู่ที่คนเขียนแล้วด้วย
๐ พอดีคนเขียนให้คนวาดเค้าครีเอทเนื้อหาออกมาเป็นโดจินเอง ให้อิสระสุดๆ เลยไม่รู้ว่าจะออกมาในแบบที่โรงพิมพ์รับทำมั้ยนะคะ ถ้าโรงพิมพ์ไม่ไหว คนเขียนก็ต้องแยกเล่มออกไปพิมพ์ ดังนั้น ใครที่จองนายโลมรอบหลังวันที่ 15 ก็ภาวนาให้ยัดอยู่ในเล่มนิยายได้ก็แล้วกันค่ะ จะได้กันทุกคนเนอะ
๐ ขอบคุณทุกคนเช่นเคย ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมานานค่ะ ขอบคุณเรื่องคำผิดด้วยค่ะ มีให้ตรวจทุกเรื่องทุกตอนเลยทีเดียว
๐ หนูนัตซึหายไปไหนคะ ติดต่อรับนาฬิกาด้วยจ๊ะ ส่งไปรษณีย์ไม่ได้หนา มันพัง นู๋มารับที่ร้านกาแฟนะคะ หากเขิน แจ้งวันมารับได้เลยค่ะ วันนั้นคนเขียนจะได้ไม่เข้าร้านนะคะ
๐ หากมีอะไรผิดพลาด ขออภัยด้วยนะคะ ช่วงนี้คนเขียนลงนิยายเองแล้ว เซกินางไม่บ้านิยายอย่างแต่ก่อนเลยเป็นหน้าที่คนเขียนไป แต่เพื่อนๆเซกิยังพีเอ็มมาได้นะคะ คนเขียนไม่เปิดอ่านหรอก เป็นคนดีมีมารยาท (ทั้งๆที่ใจอยากรู้

)
๐ หากใครสนใจจองนายโลม จิ้มรูปเลยค่ะ
๐ ทางเข้าแฟนเพจ