- ตอนจบ -
“พี่ไทม์….”
“ว่าไง ของครบยัง ไม่ใช่ลืมอะไรนะ ?”
“ครบๆ ไม่พลาด ไม่ขาด ไม่หาย”
“โอเคป่ะ กลับกัน พี่จัดการค่าห้องเรียบร้อยแล้ว”
ไทม์ดึงกระเป๋าใส่ของใช้ส่วนตัวจากมือเดลมาถือไว้ก่อนจะออกเดินนำ ส่วนคนเดินตามก็จ้องมองแผ่นหลังกว้างแล้วขมวดคิ้วจนเป็นปม
“อยากกินอะไรก่อนกลับมั้ย ?”
“ม่ายยยยย”
“เป็นอะไรเสียงหมดอาลัยตายอยากเชียว แล้วทำไมขมวดคิ้วแบบนั้นล่ะเดล”
“พี่ไทม์ เดลมีคำถาม”
ไทม์หยุดเดินหันกลับมาสบตาไอ้ตัวแสบที่ไม่รู้จะมาไม้ไหนอีก แต่เห็นใบหน้าไอ้แสบมีแต่ความกังวล ไม่เข้าใจ แล้วก็สงสัย ก็พอจะเข้าใจว่าเดลอาจจะรู้สึกไม่มั่นคง
“งั้น ไปนั่งเก้าอี้ตรงนั้นแล้วคุยกันดีมั้ย พี่ว่าเดลคงสงสัยเยอะ”
“อื้อ”
“เอาล่ะสงสัยอะไรล่ะเรา”
ด็อกเตอร์หนุ่มยกแขนวางพาดเก้าอี้เหมือนโอบไหล่คนนั่งข้างๆ ปล่อยให้เดลขมวดคิ้วครุ่นคิดประมวลคำถามในหัวไปสักพัก
“พี่ไทม์ .. กลับไทยวันไหนหรอ”
“มะรืน”
“หา .. แล้วไม่คิดจะบอกเดลหน่อยหรอ”
“ก็กะจะบอกตอนขึ้นรถแล้ว”
“ทำไมเร็วจัง …”
“ต้องกลับไปสอนที่มหาลัย งานทางนี้ก็เสร็จแล้ว”
“พี่ไทม์จะคิดถึงเดลมั้ยอ่ะ …”
น้ำเสียงจ๋อยๆเจื่อนๆคล้ายไม่แน่ใจเรียกรอยยิ้มมุมปาก พร้อมแววตาอ่อนโยน แขนที่วางพาดเก้าอี้ยกขึ้นมาโอบไหล่อีกฝ่ายหลวมๆ
“คิดถึงสิ”
“เดลก็คิดถึงพี่ไทม์ คิดถึงมากๆเลย”
“รู้แล้ว …ทำท่าทางตื่นเต้นไปได้”
“เอ่อ … แต่เราจะต้องอยู่ห่างกันแล้วใช่ปะ ?”
“หืม ?”
“ก็เดลอยู่นี่ พี่ไทม์อยู่โน่น คนละซีกโลกเลยอ่ะ มันก็ต้องห่างกันใช่ปะ”
ด็อกเตอร์หนุ่มก็พยักหน้าตามคนพูดช้าๆ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาก็รู้อยู่แก่ใจแต่ที่ยังเงียบอยู่ก็เพราะอยากรู้ว่าไอ้แสบมันจะมาไม้ไหนกันแน่
“แล้ว … เอ่อ … ในฐานะที่ …. เอ่อ เอาเป็นว่าเดลเหมาเอาเองว่าเดลพิเศษสำหรับพี่ไทม์มากกว่าคนอื่นติ๊ดนึงอ่ะนะ”
คราวนี้คนฟังถึงกับหลุดขำออกมาจนต้องแกล้งสำลักกลบเกลื่อนแล้วกลับมาเก๊กหน้านิ่งอีกครั้ง ไอ้เด็กบ้านี่ที่เค้าแสดงออกมันยังไม่พออีกหรือไงว่าไม่ได้พิเศษกว่าคนอื่นแค่ติ๊ดนึงอย่างที่ว่า … มันออกจะมากมาย.. หรือเพราะยังเด็กเลยอยากได้คำพูดที่ชัดเจนมากกว่า อืม
… อาจจะเป็นอย่างนั้น
“เพราะฉะนั้น … เดลคิดว่า … ”
“ว่า ?”
“เดลจะให้พ่อกับแม่ไปขอพี่ไทม์ไว้ก่อนนะ”
“อะไรนะ ?!”
คราวนี้คนขำชักจะขำไม่ออก คนเคยแต่งงานแบบเขาเคยผ่านเหตุการณ์สู่ขอนี่มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไอ้หน้าที่คนไปขอนี่มันก็ต้อง … ฝ่ายเจ้าบ่าว ?
“ก็เดลกลัวพี่ไทม์ไปมีคนอื่นอ้ะ แล้ว .. พี่ไทม์ก็ไม่ได้คุยเรื่องสถานะของเรา เดลเลยคิดว่าพี่ไทม์อาจจะอายไม่กล้าพูด เขินอะไรเงี้ย เดลก็
เลยมาบอกพี่ไทม์ตรงๆเลย ว่าเดลจะให้พ่อกับแม่ไปขอพี่ไทม์นะ พี่ไทม์จะมีปัญหามั้ยอ่ะ …”
“มี มีแน่ๆ พอเลิกคุย เลิกเพ้อ เด็กอะไรฟุ้งซ่านจริง กลับบ้านได้แล้ว มานี่เลย”
ให้ตายเหอะ ! นี่เขาจะโดนเด็กน้อยอายุน้อยกว่าเกือบรอบให้ผู้ใหญ่มาขอ ? ไอ้แสบนี่คิดได้ยังไงเนี่ย เขาสิต้องไปขอ เขาไม่มีทางเป็นเอ่อ .. อะไรที่คล้ายเจ้าสาวอย่างงั้นหรอก
ฝ่ายหนึ่งทั้งฉุนทั้งขำกับความคิดเด็กแสบ แต่ฝ่ายคนมีปมในใจมันก็ทำให้อารมณ์พุ่งปรี๊ดปรอทแตกเลยทีเดียว !
“ปล่อย ! พี่ไทม์รังเกียจเดลทำไมไม่พูดแต่แรก ! ตอนอยู่ไทยก็บอกให้เดลรอ ทำอะไรก็ไม่ชัดเจน พอเดลอยากทำให้มันถูกต้องพี่ไทม์ก็บอกให้เลิกคุย หาว่าเดลเพ้อ ที่ทำแบบเนี้ยมันเจ็บนะโว้ย ! ได้ยินปะโคตรเจ็บ เดลอาจจะเด็กแต่เด็กก็มีหัวใจนะ พี่ไทม์อยากคบเดลเล่นๆก็น่าจะบอกแต่แรกไม่ใช่ปล่อยให้เดลรอแบบนี้ ! ไม่อยากเป็นอะไรกันใช่มะ ? ได้เลย ต่อไปนี้เดลจะไม่รอพี่ไทม์อีกแล้ว ไม่รักแล้ว ไม่คิดถึงแล้ว อยากไปทำอะไรก็เชิญ ไอ้ด็อกเตอร์บ้า ! กลับไทยไปนอนแทะใบปริญญาไป๊ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ไอ้โง่ !”
หลังจากว่าเสร็จก็หยุดหอบมองด็อกเตอร์สุดหล่อที่ตาเบิ่งกว้างด้วยความตกใจ รู้ว่ามันแสบแต่ไม่ได้คิดว่ามันจะระเบิดตอนนี้ .. ขณะนี้ในโรงพยาบาล .. ที่คนมากมายมองเป็นตาเดียว แม้จะฟังไม่ออกก็เถอะ
“เราขาดกัน ! เชิญพี่ไทม์ไปตามทาง ส่วนเดล ขอลา ลาลับ ลาจาก ! ส่วนกระเป๋าเดลเอามานี่ ! เดลถือเอง กลับเองได้ ไม่ต้องรบกวนพี่ไทม์ทั้งนั้น”
คนโมโหเดินไปกระชากกระเป๋าตัวเองคืนแต่ด็อกเตอร์หนุ่มก็ไวพอจะกระชากข้อมืออีกฝ่ายแล้วลากให้เดินตามลิ่วๆออกจากโรง
พยาบาลไปพร้อมกัน
“ปล่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ปล่อยโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
“ร้องไปให้คอแตกก็ไม่ปล่อย อยากเป็นจุดเด่นใช่มั้ย ? ร้องต่อสิ ให้คนมองกันทั้งอังกฤษไปเลย เค้าจะได้คิดว่าเดลบ้าที่กำลังไปเข้าสถานบำบัด”
“นี่พี่ไทม์ขู่เดลหรอ !”
“ไม่ได้ขู่ เอาสิกล้าหรือเปล่า ยอมให้คนมองว่าลูกท่านฑูตมีอาการทางจิตน่ะหา !”
“เดลก็จะฟ้องมั่งว่าพี่ไทม์เป็นด็อกเตอร์อำมหิตจะลวงเดลไปฆ่า !”
“หึ เอางั้นใช่มั้ย งั้นมาดูกันมั้ยว่าด็อกเตอร์ที่บริษัทยักษ์ใหญ่รับรองการทำงาน กับลูกท่านทูตวัยรุ่นใจร้อน คนเขาจะเชื่อใจ !”
“โอ้ยยยย ให้เดลมีปริญญาเอกก่อนเหอะ จะเลี่ยมกรอบทองมาฟาดให้หน้าหันเลยยยยยยยยยยยยยยย”
“คงไม่ใช่วันพรุ่งนี้หรอก หึ !”
สองคนยื้อยุดฉุดกระชากกันที่หน้าโรงพยาบาล สายตาวาวโรจน์จ้องกันไม่วางวายราวกับใครถอนสายตาก่อนเป็นผู้แพ้
“ปล่อย เดลจะกลับบ้าน !”
“กลับพร้อมกัน อย่ามางอแงโตแล้วนะ”
“ไหนตอนแรกบอกว่าเดลเป็นเด็กไง ปล่อยเลยนะ ปล่อยเซ่ !!!”
“เงียบเดี๋ยวนี้ ! ไปคุยกันที่บ้านเข้าใจมั้ย ? คราวนี้เดลต้องเป็นฝ่ายฟังพี่บ้าง หยุดงอแง ห้ามคิดไปเอง”
“ก็ได้”
หลังจากตกลงกันเรียบร้อยท่ามกลางสายตาชาวบ้านร่างสูงก็เรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่บ้านท่านทูต ตั้งแต่เดลเข้าโรงพยาบาลเขาก็
นอนที่นี่ตลอด เนื่องจากคุณหญิงอยากตอบแทนเรื่องที่เขาดูแลเดล
สองคนบนแท็กซี่หันหน้าออกหน้าต่างคนละฝั่งจมอยู่ในความคิดของตัวเอง จนกระทั่งถึงบ้าน ก็ยังไม่มีใครพูดอะไรไทม์วางของแล้วเดินไปกินน้ำ เดลไปนั่งกอดเข่าบนโซฟา
“เดลครับ”
“อือ …”
ร่างสูงเดินมานั่งข้างๆดึงมือเดลมากุมไว้หลวมๆ ไล้เบาๆบนหลังมือไปมา
“เดลว่าพี่อายุเท่าไหร่แล้ว”
“สามสิบสาม”
“แล้วเดลอายุเท่าไหร่ ?”
“สิบเก้า”
“ห่างกันสิบสามปี … พี่เป็นผู้ใหญ่ ผ่านวัยรุ่นมาแล้ว เคยผ่านการแต่งงาน มีลูกสาวตัวเล็กหนึ่งคน เป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ… จบด็อกเตอร์แบบที่เดลว่า ถูกมั้ยครับ”
“ส่วนเดลเป็นเด็กยังเรียนไม่จบ งอแง ง้องแง้ง แบมือขอตังพ่อแม่ใช้ ไม่มีเหตุผล … เป็นลูกคนเล็กโดนโอ๋แต่เกิด เอาแต่ใจก็ที่
หนึ่ง ต่างกันสุดๆ”
คำพูดเหมือนน้อยใจทว่าเจ้าตัวยู่ปากงอนๆ เรียกรอยยิ้มน้อยๆจากคนแก่กว่า
“พี่ขอโทษที่ทำอะไรไม่ชัดเจน .. ทำให้เราคิดมาก แต่เราก็ต้องเข้าใจพี่ด้วย ในวัยนี้แค่ความรู้สึกเฉยๆ .. จะใช้ตัดสินทุกอย่างไม่
ได้ พี่ยังต้องคิดถึงคนอื่น รวมถึงตัวเดลเองด้วย”
“มีเดลด้วยหรอ …”
คนรู้ตัวว่ามีเอี่ยวยอมหันหน้ามาสบตาคมในที่สุด
“ถ้าเดลเป็นคนธรรมดาลูกแม่ค้าขายข้าว หรือ อะไรก็ตาม … มันก็อาจจะง่ายกว่านี้ แต่เดลเป็นลูกชายท่านทูต เป็นเอกอัครราชฑูต ณ กรุงลอนดอน ครอบครัวเดลเป็นฟันเฟืองที่มีความสำคัญในการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างสองประเทศ เดลต้องไปงานเลี้ยงมากมาย ต้องเป็นที่คาดหวังของครอบครัว.. ต่อไปอาจจะมีงานเลี้ยงในวงสังคมอีกเยอะที่เดลต้องไป ในตอนนี้เดลอาจจะมองว่ามันไม่สำคัญ .. แต่ต่อไปเมื่อโตขึ้น .. สายตาคนรอบข้างจะเริ่มเพ่งเล็งมาที่เดลมากขึ้น พี่ไม่อยากให้ใครมองเดลไม่ดี เพราะพี่ให้ความสำคัญกับเดล .. ที่พูดมาทั้งหมดนี่เข้าใจมั้ยครับ”
“อื้อ … งั้นเราก็คบกันไม่ได้ …”
“ไม่ใช่ว่าคบไม่ได้ … แต่เราต้องอดทนอีกหน่อย … รอให้เดลโตกว่านี้ก่อนนะครับ โตจนไปอยู่ไกลสายตาพ่อแม่ได้โดยที่พ่อแม่อนุญาต กลับไปอยู่เมืองไทย ตอนนั้นเดลก็ไม่ต้องออกงาน ไม่มีใครรู้ว่าเดลเป็นลูกท่านทูต”
“แต่นามสกุล …”
“จะมีกี่คนที่รู้ว่าเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอนนามสกุลอะไร ถ้าคนๆนั้นไม่ได้ทำงานในกระทรวงการต่างประเทศ ไม่สิ คนในกระทรวงบางคนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ อดทนอีกสองปีเรียนให้จบแล้วกลับไปหาพี่ที่ประเทศไทย .. กลับไปอยู่บ้านเรา .. พี่จะรอเดลที่นั่น ถึงวันนั้นพี่จะยอมเดลทุกอย่าง”
“พี่ไทม์อย่าไปมีคนอื่นนะ …”
“ไม่มีแน่นอนครับ .. ก็เด็กแถวนี้เอาใจพี่ไปหมดแล้ว คงไม่เหลือให้ใครแล้วมั้ง …”
“พี่ไทม์พูดจาน่ารักอ้ะ …. จุ้บ !”
เดลรีบเขยิบไปจุ้บแก้มสากแรงๆก่อนจะรีบกอดเข่าซ่อนหน้าแดงก่ำเอาไว้ เขินจัง … ส่วนคนโดนหอมไม่รู้ตัวก็ขำน้อยๆก่อนจะหอมแรงๆบนใบหูอีกฝ่าย งับเบาๆเย้าแหย่ ค่อยๆยกมือจับใบหน้าเนียนให้หันมาสบตากัน แล้วประกบจูบแผ่วเบาบนริมฝีปากบางแล้วผละออก
“อะ ….”
“เสียดายล่ะสิ หึหึ … เด็กน้อยอยากให้จูบมากกว่านี้อีกสองปีเอาใบปริญญาไปแลกกับตัวพี่ที่ไทยแล้วกัน นี่จัดโปรโมชั่นสุดๆเลยนะ สินสอดไม่ต้อง เรียนให้จบก็พอ .. แต่ถ้าอยากได้มากกว่าจูบ พี่ขอเกียรตินิยมแล้วกันนะครับ หึหึ”
ฟังค่าตัวที่ไม่แพง แต่คงจะเหนื่อยสุดใจขาดดิ้นแล้วสงสารตัวเอง ไม่น่าเลยเดล .. ไม่น่ามีแฟนเป็นด็อกเตอร์ ให้ด็อกบ้าจะโรแมนติคทั้งทีแม่งยังอุตส่าห์อิงการศึกษา ! หนอยยยยย ก็ได้ อีกสองปีจะตามไปกดให้ลุกไม่ขึ้น คางเหลืองคาเตียงเลยเหอะ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
- - ----------------------------------------------------------------------------------
หลายคนคงจะแบบ เฮ้ยยย !! จบแล้วเรอะ 55555555555 ฉากเค้าสวีทกันล่ะ ????? ฉากคบกันอ่ะ ??? .. ไว้รอตอนพิเศษ อิอิ