ตอนที่ 26ธี“เฮียติณห์ส่งเพื่อนผมให้ถึงบ้านด้วยเหอะ” ผมจ้องสบตาเฮียติณห์หนุ่มหน้าเข้มเพื่อรอคำตอบยืนยันว่าเพื่อนผมต้องถึงบ้านห้ามพาแวะไปไหนต่อ ถึงมนจะดูเป็นสาวห้าวสามารถดูแลตัวเองได้แต่ก็เป็นผู้หญิงและเป็นเพื่อนที่ผมรักมาก ผมจะห่วงก็ไม่แปลกหรอกครับใช่มั้ย
“ฮึๆ ครับพี่ส่งมนถึงบ้านแน่นอน” เฮียติณห์ยิ้มขำและยืนยันคำตอบมาให้ผมได้มั่นใจ
เมื่อผมได้ยินคำตอบที่น่าพอใจแล้วก็หันไปทางคู่ซี้ที่ยืนกอดอกยิ้มมุมปากอยู่ก่อนแล้ว ผมพยักหน้าให้เพื่อนขึ้นรถของหนุ่มหน้าเข้มรอจนรถเคลื่อนตัวออกไปแล้วจึงได้หันหลังมาเจอกับไอ้หมอภีมหน้าขาวที่อมยิ้มอยู่เต็มหน้า
“เราก็กลับ ‘บ้านของเรา’ บ้างเนอะ” มันว่าแล้วก็คว้าข้อมือผมเดินลิ่วกลับรถ ดึกแล้วสมองผมประมวลผลช้ากว่าปกติ กว่าจะรู้ตัวว่า ‘บ้านของเรา’ ที่มันพูดคือที่ไหนผมก็ขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว ผมหันทั้งตัวไปทางคนขับที่นั่งยิ้มระรื่นแบบทำเนียนอย่างน่าหมั่นไส้
“เฮียส่งผมที่บ้านด้วย รับมาก็ต้องส่งให้ถึงที่ดิ” ไอ้หมอภีมมันหันมายิ้มกับคำพูดของผมก่อนหันไปขับรถต่อทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่ผมพูด
“เฮีย! เฮียภีม ได้ยินที่ผมพูดปะ ผมจะกลับบ้าน” ผมพูดเน้นทีละคำเพื่อให้เข้าหูไอ้คนขับหน้ามึน เหมือนมันได้ยินแต่แกล้งไม่สนใจกันมากกว่า หรือว่ามันจะฟังภาษาคนไม่ออกถึงไม่ยอมตอบผมเลย ‘ต้องให้ผมพูดภาษาอะไรวะครับมันถึงจะรู้เรื่องเนี่ย’ จนผมเริ่มโมโหจริงๆแล้วแต่ยังไม่ทันได้ประทุษร้ายคนทำมึน ไอ้หมอภีมก็พูดแทรกซะก่อน
“ธีกลัวจะอยู่กับพี่สองคนเหรอ หืม” เสียงเยาะเย้ยปนท้าทายถูกส่งมาให้ผมและมันก็ได้ผลเหมือนทุกครั้ง เพราะผมไม่ชอบให้ใครมาท้าทาย ‘ไอ้หมอบ้าจะรู้ดีกว่าตัวกูมากไปแล้วนะโว้ย’
“ใครกลัว ไม่ใช่ผมหรอก ไปดิจะพาไปไหนก็ไป” จบประโยคของผมไอ้หมอภีมมันหัวเราะเจ้าเล่ห์ออกมาทันที ทำเอาผมชักไม่แน่ใจที่ท้าทายมันกลับไปแบบนั้น สายตาวาววับของมันที่ผมได้เห็นทำเอาขนลุกจนต้องเขยิบตัวไปชิดประตู ไม่อยากไว้ใจสายตาที่ได้สบด้วยเลยครับแต่คงสายไปแล้ว เพราะดันปากไวรับปากมันไปแล้วด้วยสิ
ห้องกว้างอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันบนคอนโดหรูกลางเมือง แม้ไม่อยากคุ้นเคยแต่ห้องนี้มันก็อยู่ในความทรงจำของผมไปแล้ว ไม่อยากจะคิดถึงคืนวันที่เมาไวน์จนเผลอตัวและเสร็จไอ้เจ้าของห้องไปเลยครับ แต่ภาพเหล่านั้นมันเริ่มไหลเข้าสู่หัวผมเป็นฉากๆจนต้องหลับตาเพื่อสงบสติอารมณ์ลง สัมผัสอุ่นรอบเอวทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นก่อนจะก้มมองแขนขาวที่ถูกสอดมาจากข้างหลัง ไม่ได้หันไปมองหน้าเจ้าของมันเพราะแรงกดที่หัวไหล่ทำให้รู้ว่าไอ้หมอภีมเอาคางเกยไหล่ผมอยู่
“เป็นอะไรครับ ยืนนิ่งเชียว” เสียงอ่อนโยนแสดงความห่วงใยดังขึ้นชิดหู ผมสัมผัสได้ถึงไออุ่นและสัมผัสนุ่มที่กระทบข้างแก้ม
สัมผัสอ่อนโยนจากหมอตัวโตที่ได้ใกล้ชิดเมื่อไหร่ผมมักมีอาการใจเต้นแรงร่างกายผิดปกติไปซะทุกครั้ง และครั้งนี้ก็ไม่เว้น ผมได้แต่ส่ายหน้าเป็นคำตอบ ไอ้อาการปากดีที่เคยมีก็ไม่ยอมทำงาน ผมแพ้ท่าทางอบอุ่นใส่ใจจากไอ้หมอภีมเข้าแล้วครับ
“ธี ยังดื่มไหวมั้ยครับ ดื่มเป็นเพื่อนพี่อีกหน่อยนะ” ไอ้หมอภีมมันพูดชิดหูผมด้วยเสียงออดอ้อนก่อนจูบที่ข้างขมับ และไม่รอคำตอบจากผมแต่จูงข้อมือผมไปที่ระเบียงนอกห้องแทน
ผมนั่งมองวิวยามค่ำคืนบนคอนโดสูงเสียดฟ้า ท้องฟ้าสีดำสนิทไม่มีแม้แต่แสงดาวแต่มีดาวบนดินที่เกิดจากแสงไฟและรถยนต์ที่วิ่งผ่านให้ชมแทน ลมเย็นพัดผ่านผิวกายทำให้รู้สึกสบายและผ่อนคลายกว่าเดิม แม้จะดึกมากแล้วแต่ผมยังไม่รู้สึกง่วงอาจจะเพราะผมนอนมาตลอดบ่ายก็เป็นได้ ความเย็นที่มากระทบแก้มอย่างฉับพลันทำเอาผมสะดุ้งก่อนหันไปเห็นกระป๋องเบียร์ที่ถูกยื่นมาให้จากไอ้หน้าหล่อที่หายตัวไปพักหนึ่งเพื่อหาเจ้านี่มาให้
“ธี ดึกแล้วหนาวมั้ย หรือจะไปนั่งข้างในกันดีครับ” ไอ้หมอภีมมันยืนก้มหน้าถามผมส่วนมือที่ว่างของมันก็วางแหมะบนหัวผมและออกแรงลูบเบาๆ
“นั่งนี่แหละเฮีย เย็นกำลังดี” พูดจบผมก็เปิดกระป๋องเบียร์และยกจิบ สัมผัสที่หัวหายไปทำให้ต้องหันไปมองก็เห็นไอ้หมอภีมนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัว ก่อนมันจะเปิดประป๋องเบียร์และทำกิริยาไม่ต่างกับผม
ผมหันกลับมามองวิวเบื้องหน้าระหว่างเราไร้ซึ่งเสียงพูดคุย ต่างซึมซับกับอากาศเย็นยามดึกและรับรู้ถึงไออุ่นจางๆจากกายของอีกฝ่ายที่แผ่ออกมา เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ครับรู้แต่ว่ากระป๋องเบียร์ในมือผมเบาโหวงแล้ว
“คืนนี้ค้างกับพี่นะครับ” เสียงนุ่มดังขึ้นทำให้ผมต้องหันไปมองต้นเสียง สายตาอ่อนโยนเว้าวอนที่ได้สบทำให้สิ่งที่ตั้งใจจะปฏิเสธถูกกลืนลงคอและเสหลบสายตาตรงหน้าแทน
ผมใช้ความเงียบเป็นคำตอบ ถ้าคนข้างๆมันรู้จักผมดีพอต้องรู้ว่าผมหมายความว่ายังไง คนแบบผมถ้าไม่เต็มใจคงได้โวยวายออกไปแล้วครับ แต่จะให้ผมพูดออกไปโต้งๆมันก็ยังไงอยู่ ไอ้ที่จะเอ่ยปากตกลงนอนค้างกับผู้ชายด้วยกันเนี่ยมันกระดากครับ แม้เราจะได้ชื่อว่าเป็นแฟนกันแล้วก็ตามแต่ผมก็ยังไม่ชินนี่หน่า มืออุ่นถูกยื่นมาวางบนหัวของผมและลูบไปมาอย่างแผ่วเบา ก่อนผมจะโดนรั้งคอให้ไปชิดกับเจ้าของมือตามมาด้วยสัมผัสหยุ่นที่หน้าผาก
“ขอบคุณครับที่ตามใจพี่” ผมไม่กล้ามองหน้าเจ้าของเสียงนุ่มที่ดังข้างหูได้แต่เดินตามแรงจูงกลับเข้าห้อง ‘นี่กูง่ายไปมั้ยว้า’
แสงสีส้มนวลตาจากไฟหัวเตียงและอุณหภูมิที่เย็นกำลังดีจากเครื่องปรับอากาศ สำหรับคนอื่นบรรยากาศนั้นคงแสนโรแมนติคจนพร้อมกระโดดขึ้นเตียงกว้างเพื่อพลีกายให้ไอ้หมอหน้าหล่อที่ยืนยิ้มละมุมตรงหน้า แต่ผมที่เพิ่งสำนึกได้ว่าตัวเองยอมเดินลงหลุมด้วยตัวเองซะแล้ว หลุมที่ไอ้หน้าหล่อมันขุดล่อไว้ด้วยท่าทางอ่อนโยนแววตาออดอ้อน ผมที่ทำอะไรไม่ได้แล้วได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ตามองเตียงกว้างที่คลุมด้วยผ้าปูสีน้ำเงินเข้ม ‘คืนนี้ผมคงไม่รอดแล้วใช่มั้ยครับเนี่ย’ กำลังคิดเพลินต้องสะดุ้งกับเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นใกล้ตัว ก่อนจะมีผ้าขนหนูสีขาวสะอาดยื่นมาตรงหน้า
“ฮึๆๆ อะไรครับธี จ้องเตียงพี่ขนาดนั้นอยากนอนขนาดนั้นเลยเหรอ พี่หวงเตียงมากเลยรู้มั้ยคนไม่อาบน้ำห้ามขึ้นเตียง ฮึๆ ไปครับอาบน้ำก่อนจะได้มานอน ดึกมากแล้ว” แววตารู้ทันของไอ้หมอเจ้าเล่ห์ถูกส่งมาล้อเลียนผมเพราะรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร แต่ยังดีที่มันพูดแค่นั้นเพื่อไม่ให้ผมได้อาย
ผมจึงแยกเขี้ยวใส่มันไปทีก่อนคว้าผ้าเช็ดตัวเดินตรงเข้าห้องน้ำหลบหน้าคนรู้ทัน เปิดประตูเข้ามาหน้าอ่างล้างหน้าก็เจอเข้ากับแปรงสีฟันที่บีบยาสีฟันไว้พร้อมวางอยู่ ทำให้ผมต้องยิ้มให้กับความเอาใจใส่เล็กๆน้อยๆที่ไอ้หมอภีมมันทำให้ ก่อนจะคว้าด้ามแปรงสีฟันใส่ปากและสั่งให้ตัวเองหุบยิ้ม หลังจากนั้นผมก็จัดการธุระตัวเองให้เรียบร้อยมองหาเสื้อผ้าหวังว่ามันจะเตรียมไว้ให้อย่างแปรงสีฟันแต่ก็ไม่เจอ จึงตัดสินใจพันผ้าเช็ดตัวรอบเอวออกมาจากห้องน้ำ สายตาคมของคนที่แต่งตัวด้วยชุดนอนเรียบร้อยแล้วพุ่งตรงมาที่ผมตาไม่กระพริบ ไม่รู้ว่าไอ้หมอภีมมันไปอาบน้ำมาจากที่ไหนสงสัยเป็นห้องน้ำข้างนอก สายตาเข้มจ้องผมไม่กระพริบจนผมเริ่มทำอะไรไม่ถูกกับสายตาคู่นั้น
“เสื้อผ้าที่จะให้ผมใส่อยู่ไหน” ผมใช้เสียงเข้มกลบเกลื่อนความไม่มั่นใจที่เริ่มก่อตัวขึ้นพร้อมกับการที่ไอ้หมอภีมเปิดยิ้มกว้าง และลุกจากเตียงเดินตรงมาหาผม ก่อนมันจะฉกจมูกลงมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่แบบไม่ให้ตั้งตัว
“อืมมม หอมแล้วนอนเตียงพี่ได้แล้วครับ” แขนแกร่งถูกส่งมากอดรัดผมไว้ทั้งตัว ปากและจมูกโด่งของมันก็ไล้แผ่วพิสูจน์กลิ่นกายผมที่ใบหูและซอกคอ ผมขยับหนีทั้งๆที่ขนลุกเกรียวไปทั้งตัว แต่ผมไปไหนได้ไม่ไกลเพราะแขนที่พันธนาการไว้
“เฮียยย” นั่นเสียงผมเหรอครับทำไมมันสั่นพร่าขนาดนั้น และคนที่ได้ฟังมันคงได้ใจเพราะมือและปากมันสัมผัสร่างกายผมไปทั่ว ผมใช้มือดันหน้าผากไอ้หมอภีมจากอกตัวเอง มันเงยหน้ามาสบตาผมด้วยแววตาที่เหมือนจะกลืนกินผมทั้งตัว หน้าร้อนผ่าวไปทั้งหน้าเมื่อได้สบสายตาคู่นี้ มันเงยหน้ามาสบตาผมก่อนมันจะแนบหน้าผากมาชนกันและหลับตาลงหายใจยาวๆอยู่หลายทีเหมือนคนตรงหน้ากำลังข่มใจอยู่ ผมได้แต่ยืนลุ้นกลั้นใจรอว่าไอ้หมอภีมจะพูดอะไร ยอมรับล่ะครับว่าตอนนี้ไม่มีแรงแม้แต่จะพูด
“พี่ขอโทษครับ พี่อดใจไม่อยู่ ก็แฟนพี่ทั้งหอมทั้งน่ากอดขนาดนี้นี่ครับ” เสียงออดอ้อนดังจากปากที่แทบจะแตะกันของเรา และสายตาหงอยปนอ้อนที่ได้เห็นทำให้ผมอดยิ้มออกไปไม่ได้
“ยิ้มอะไรครับ ดีใจที่เห็นพี่ทรมานเหรอ หืม” เสียงกระเง้ากระงอดแกล้งทำของคนตัวโตที่ไม่ยอมผละห่างยิ่งทำให้ผมอารมณ์ดี จนหัวเราะออกมาให้อีกฝ่ายได้ยิน
“หึ้ยยย ยั่วกันเหรอครับ แบบนี้มันต้องโดน” ผมไปยั่วมันตอนไหนกันครับ ระหว่างที่ผมกำลังเหวออยู่มันก็อุ้มผมทั้งตัวทุ่มลงเตียง มือผมรีบคว้าปมผ้าเช็ดตัวที่ผูกไว้ทันที และมันคงอาศัยจังหวะที่ผมเผลอเอานิ้วมาจี้เอวกัน ‘นั่นน่ะจุดอ่อนของผมเลยนะครับ’
“เฮ้ยยย ฮ่าๆๆ ฮะ เฮียยย ฮ่าๆๆ หยะ หยุดดดด ฮ่าๆๆ” ผมที่บ้าจี้ก็ทั้งดิ้นทั้งหัวเราะออกมาและพยายามหนีนิ้วที่จิ้มเอว
ด้วยจังหวะชุลมุนร่างใหญ่ของไอ้หมอขี้แกล้งก็ล้มทับผมไว้ทั้งตัว ปากเราชนกันอย่างจังทำเอาผมต้องยกมือกุมปากเพราะรู้สึกเจ็บจากแรงกระแทก
“ธี ไหนให้พี่ดูหน่อย เป็นแผลเลยเจ็บมั้ยครับ หืม” เสียงตกใจของไอ้หมอภีมมาพร้อมความวุ่นวายที่มันพยายามจะดูแผลที่ริมฝีปากผม ก่อนที่มันจะทำผมตกใจกว่าเดิมเพราะสิ่งที่มันทำ
ลิ้นนุ่มถูกยื่นมาเลียที่ริมฝีปากที่มีรอยแผลอยู่ ผมชะงักอย่างตกใจยอมอยู่นิ่งให้ไอ้หมอเถื่อนมันรักษา ลิ้นนุ่มยังวนเลียไปรอบกลีบปากทั้งๆที่บริเวณนั้นไม่มีรอยแผลอยู่ เสียงกระซิบเรียกชื่อผมดังแผ่วอย่างออดอ้อน จนผมเคลิ้มและยอมเปิดปากรับเรียวลิ้นที่อยู่ด้านนอกให้เข้าไปสัมผัสกันให้ลึกซึ้งขึ้น จูบอ่อนโยนดื่มด่ำแปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรงแบบที่ไม่มีใครยอมใคร ฝ่ามือร้อนสัมผัสผิวกายของกันและกัน คนด้านบนที่คร่อมตัวผมอยู่ผละออกเพื่อถอดเสื้อยืดออกเหนือหัว สายตาร้อนแรงของมันไม่ละจากร่างของผมที่เปิดเปลือยต่อหน้ามัน ก่อนมันจะปลดเปลื้องพันธนาการของมันจนหมด ผมที่ได้เห็นร่างเปลือยถึงกับทนมองต่อไปไม่ไหวรู้สึกได้ว่าหน้าร้อนฉ่า ในหัวเห็นแต่สายตาคู่สวยที่สื่อว่าอยากจะกลืนกินผมที่ไล่จากใบหน้าลงต่ำของมัน ไอ้หมอภีมขึ้นมาคร่อมตัวผมไว้ก่อนจะจับหน้าผมให้หันไปสบตากัน
“ให้พี่รักธีนะครับ” สายตาออดอ้อนจริงจังถูกส่งมาให้ ผมจ้องกลับและมองมันอย่างค้นคว้าก่อนตัดสินใจ
ครั้งนี้สติผมครบถ้วนแม้จะดื่มแต่ไม่เมา ถ้าตัดสินใจทำตามที่มันขอจะไปโทษว่าเพราะแอลกอฮอล์ทีหลังก็ไม่ได้ อยู่ๆคำพูดของเพื่อนสนิทก็ดังขึ้นมาในหัว ‘ขอให้ทำในสิ่งที่เรามีความสุข’ และมันทำให้ผมตัดสินใจได้ ผมคลี่ยิ้มให้กับเจ้าของตาคู่สวยที่มีสายตารอคอยคาดหวังตรงหน้า ก่อนจะคว้าคอแกร่งลงมาหารอยยิ้มจากปากแดงถูกผมประทับปิดและกดย้ำเพื่อแสดงให้ไอ้หมอภีมมันรู้คำตอบของผมว่าผมนั้นพร้อมเปิดใจและเปิดทางให้มันเดินหน้าต่อแล้ว
แรงบดขยี้ที่ริมฝีปากผมบ่งบอกอารมณ์คนอีกคนได้ว่ามันอัดอั้นจนเก็บความยินดีไว้ไม่ไหว จึงต้องแสดงออกมาให้ผมรู้ถึงความรักที่มี ฝ่ามือหนาลูบขย้ำเนื้อตัวผมไปทั่วอย่างมันเขี้ยว แรงขบกัดไม่แรงแต่ทำให้เสียวซ่านที่ริมปากล่าง ต้นคอ หัวไหล่ และยอดอก ทำให้ผมกลั้นเสียงครางไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
“อ๊าๆๆ ซี้ดดด ฮะ เฮียยยย” เสียงผมคงกระตุ้นให้ไอ้หมอภีมระดมทั้งปากและจมูกฟอนเฟ้นมาที่หน้าอกผมไม่ยั้ง ความเสียวซ่านพุ่งสูงต้องครางไม่หยุด
ฝ่ามือร้อนกุมกระชับธีน้อยและขยับแรงๆเร่งอารมณ์ผมให้กระเจิง ปากอุ่นชื้นดูดกลืนที่ยอดอกอย่างหิวโหยจนผมต้องแอ่นตัวขึ้นและกดหัวที่มีกลุ่มผมดำเข้าหาตัว เพราะอยากได้ความอุ่นร้อนที่กำลังดูดดึงอย่างเร้าอารมณ์นี้มากกว่าที่เป็นอยู่
“อ๊าๆๆๆ” เสียงครางยาวหลุดจากปากผมเมื่อทั้งบนและล่างได้รับการตอบสนองอย่างที่ต้องการจากไอ้คนข้างบนที่ปรนเปรอได้ถึงอารมณ์
ผมขยับสะโพกสวนมืออุ่นที่ขยับเร็วแรงเร่งอารมณ์ของผมให้สูงขึ้น จนถึงขีดจำกัดที่ผมไม่อาจทนได้อีกต่อไป สมองขาวโพลนตัวลอยล่องอยู่กลางอากาศ ก่อนจะค่อยๆร่วงหล่นตกลงมาพร้อมหลังที่ได้สัมผัสกับเตียงนุ่ม ผมรู้สึกเหนื่อยมากจนต้องหอบอากาศเข้าปอดทางปาก ตาปรือมองเมื่อรับรู้สัมผัสแผ่วที่ข้างแก้ม และก็เจอกับไอ้หมอภีมที่ส่งยิ้มหล่อละลายใจมาให้กัน ปากแดงๆตรงหน้าเลื่อนเข้าหาและกัดเข้าที่แก้มผมไม่แรงนัก ก่อนมันจะพูดพร้อมรอยยิ้มพิฆาตส่งมาให้
“พร้อมนะครับ” สายตาสื่อความหมายชัดขนาดนั้นทำไมผมจะไม่เข้าใจ แต่ไม่อยากตอบมันไปครับ
ผมเบี่ยงหน้าหนีซุกหมอนหนีมันเท่าที่ทำได้และพยักหน้าชิดติดหมอนเป็นคำตอบ เสียงหัวเราะเบาอย่างถูกใจดังขึ้น ทำให้ผมต้องเตรียมตัวเตรียมใจรับทุกสิ่งที่ไอ้หมอหน้าหล่อร้ายมันจะเริ่มต่อจากนี้
.....................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ >O<
อย่าเพิ่งน้อยอกน้อยใจว่าเราไม่รักนะคะที่ตัดตอนแบบนี้
เพราะในตอนหน้าจะมาต่อให้ แหมๆตี๋น้อยยอมเฮียทั้งที
ตอนเดียวเอาไม่อยู่ค่ะ ใครที่ได้อ่านตอนนี้คงแทบไม่เชื่อ
ว่าตี๋จอมโวยจะน่ารักได้ถึงเพียงนี้ ธีเปลี๊ยนไป! 555
ปล.+1ทุกเม้นท์แล้วนะคะ ตอนหน้ามาอีกทีวันอังคารน้า
ปล.2ไม่แน่ใจว่าพรุ่งนี้(วันจันทร์)จะอัพแม็คนัทได้มั้ย
ถ้าทันจะรีบปล่อยของ(ไม่แพ้คู่พี่)ในตอนสุดท้ายให้นะคะ
ยังไงจะแจ้งให้ทราบอีกทีค่ะ
และ
ทุกการติดตามค่ะ