นอนไม่หลับเลยครับผม พยายามโทรหาเจหลายรอบแล้วแต่ไม่มีคนรับสักที ล่าสุดคุยก็บอกว่ามีปัญหาเรื่องงานนิดหน่อยผมเลยไม่กวน แต่...นั่นมันตอนเย็นนี่นา นี่ตีสองกว่าแล้ว ปกติมันน่าจะจัดงานเสร็จแล้ว แต่ถ้างานมีปัญหาก็อาจจะยังไม่เสร็จ โทรไปหาผู้จัดการเขาก็บอกว่าเสร็จแล้วและขึ้นห้องพักกันหมดแล้ว คงกินเบียร์กันอยู่เพราะเห็นสั่งขึ้นไป....เบียร์เนี่ยนะ ไอ้เจมันจะกินกับเขามั้ยเนี่ย อย่าเลยนะ อันตรายสุดๆ
“ครับ”ในที่สุดก็รับแล้วครับ...แต่
“ใครน่ะ แล้วเจอยู่ไหน”เสียงใครไม่รู้ครับ ไม่คุ้นเลย
“ผมเจมส์ครับ เอ็กซ์ใช่มั้ย น้องเจเมาหลับไปแล้ว ผมเห็นโทรศัพท์มันสั่นหลายครั้งเลยรับให้น่ะ มีอะไรฝากไว้มั้ยครับ..อ๊ะเจ..พี่ทำให้ตื่นหรือเปล่า เดี๋ยวก่อนเจ พี่คุยโทรศัพท์อยู่...”ผมวางสายก่อนที่จะได้ยินอะไรอีก เสียงของเจที่อยู่ใกล้ๆ แสดงให้รู้เลยว่านอนใกล้กันขนาดไหน ห้องพักที่จองมีแต่เตียงเดี่ยวทั้งนั้น ผมไม่อยากคิดอะไรที่ทำให้ตัวเองประสาทเสียไปกว่านี้ ผมรีบเปลี่ยนชุด หยิบกุญแจกับกระเป๋าตังค์ ขับรถออกมาเลยครับ ไม่ต้องเดาหรอกครับว่าจะไปไหน ก็ไปหามันน่ะสิ
มาถึงก็เช้าพอดี ให้ผู้จัดการเปิดห้องให้แล้วก็ถามด้วยว่าห้องพักที่จัดน่ะนอนห้องละกี่คน พอรู้ว่าสามคนก็โล่งใจหน่อย ผมก็เลยมานั่งรอบนห้องผม จะหลับก็หลับไม่ลง รอจนเกือบแปดโมงค่อยลงมาข้างล่าง เดินผ่านห้องจัดงานเห็นเริ่มพิธีเช้าอยู่ครับ พวกทีมงานก็ไม่ค่อยมีหรอกครับ เห็นพี่เจมส์ของเจมันยืนคอยประสานงานอยู่...แล้วเจมันไปไหน
ผมโทรไปหาเจอีกรอบ แต่อ้นรับโทรศัพท์ ผมเลยรีบถามเบอร์ห้องแล้วขึ้นไปหา อ้นเดินมาเปิดประตู มองไปบนเตียงเห็นเจนอนหันหลังให้ผมอยู่
“ยังไม่ตื่นเหรอ”ผมถามอ้น
“ไม่สบายครับเฮีย”อ้นตอบพร้อมหลีกทางให้ผมเดินเข้ามาข้างใน มองหน้าเจชัดๆ
“เมื่อวานกินเบียร์กันเหรอ”
“เอ่อ..ครับ พอดีเล่นไพ่กินเบียร์กัน”
“เจได้กินอาหารทะเลรึเปล่า”อารมณ์โกรธๆ ลดลงนิดหน่อย เมื่อเห็นเจนอนกุมท้องอยู่ ถ้าไม่เมามันไม่กินของทะเลอยู่แล้ว
“....ไม่ได้กินนะครับ มีแค่...ปลาหมึกแผ่นเท่านั้นเอง”
“นี่เจต้องลงไปจัดงานอะไรอีกรึเปล่า”ผมนั่งลงข้างๆ เจ ปัดผมที่ชื้นเหงื่อออกจากหน้า
“ความจริงก็แค่ลงไปช่วงงานเลี้ยงน่ะครับ แต่พี่เจมส์เห็นว่าไม่สบายก็เลยบอกว่าไม่ต้อง”ตอนนี้ไม่อยากได้ยินคนชื่อนี้เลย อุตส่าห์ว่าหายโกรธลงไปนิดแล้วนะ อารมณ์ขึ้นอีกจนได้
“เมื่อคืนอ้นนอนกับเจมันหรือเปล่า”
“ครับ แต่พี่เจกับพี่เจมส์มานอนก่อนผม......สักพัก”ผมมองอ้นมันตาเขม็งเลย นึกแล้วว่าฝากมันไม่ได้หรอก
“อือ...พี่เอ็กซ์”เจเอามือมาแตะขาผมเบาๆ
“ไงล่ะ ปวดท้องอีกแล้วล่ะสิ แล้วปวดมากมั้ยเนี่ย”ผมจับมือเจมากุมไว้ เจส่ายหน้ากับหมอน ปรือตามามองผม ถ้าเป็นตอนดีๆ ผมคงแพ้สายตาแบบนี้ แต่ตอนนี้ยังโมโหอยู่
“แล้วกินเบียร์กับปลาหมึกทำไม รู้ว่าแพ้แล้วกินทำไม เบียร์อีก ใครสั่งให้กิน ปกติกินกับพวกพี่ยังต้องบังคับเลย แล้วนี่ใครบังคับ...ไม่มีใช่มั้ย”ปกติก็คงมีแต่พวกเพื่อนๆ กันนั่นแหล่ะที่กล้าจะจับมันกรอกเบียร์น่ะ แต่นี่มีแต่ผู้ใหญ่ทั้งนั้น คงไม่มีใครบังคับมันหรอก นอกจากจะเกรงใจเขาแล้วร่วมวงด้วยน่ะ
“...........”เจซุกหน้าลงกับหมอน ผมเลยจับหน้าขึ้นมา พอเจลืมตาถึงเห็นว่าน้ำตาคลอจะร้องไห้อยู่แล้ว
“......เฮ้อออ.....ไม่เอาไม่ร้องนะ ไม่อายอ้นมันเหรอ”ผมดึงตัวเจขึ้นมากอดเอาไว้ มองไปทางอ้นมันก็หน้าเสียเหมือนกัน คงไม่รู้น่ะแหล่ะว่าเจมันแพ้อะไรหรือกินอะไรไม่ได้ เจซุกหน้าที่ซอกคอผม รู้สึกถึงหยดน้ำตาที่หยดที่ไหล่
“โอ๋ๆๆๆ ไม่ว่าไม่ถามแล้วก็ได้ครับ ไม่ร้องนะ อุตส่าห์ขับรถมาหานะเนี่ย ยังไม่ได้นอนเลย”ผมลูบหลังปลอบเจ ท่าทางจะปวดท้องไม่มาก เพราะถ้าปวดแบบคราวก่อนมันนั่งแทบไม่ได้ ต้องนอนงอตัวตลอด
“ไม่ได้ปวดเพราะปลาหมึก..อย่างเดียวหรอก....เมื่อวานเจลืมกินข้าว กินแค่ขนมแล้วก็กินเบียร์...มันก็เลย”เจถอนหน้าออกมามองหน้าผมนิดหนึ่งแล้วก้มลงไปเหมือนเดิม พอได้ฟังผมสาเหตุที่ปวดท้องผมรีบหันหน้าหนีเลย รู้สึกโกรธเจมากที่ไม่รักตัวเองบ้าง ทั้งๆ ที่ผมรักขนาดนี้แต่มันไม่สนใจตัวเองเลย เวลามันป่วยคนอื่นเป็นห่วงมันแทบตายมันจะรู้บ้างไหมเนี่ย
“อ้นออกไปข้างนอกก่อนไป”ผมบอกอ้นโดยที่ไม่ได้มองมัน จนได้ยินเสียงปิดประตูห้อง รู้สึกถึงแรงกอดรัดที่รอบคอแน่นขึ้น เจคงกลัวผมโกรธ
“เจ..กลัวพี่โกรธเหรอ”เจพยักหน้าตอบที่ไหล่ผม
“ไม่ต้องกลัวเพราะพี่โกรธจริงๆ...โกรธมากด้วย เจก็รู้ว่าพี่รักเจ รักมากขึ้นทุกวัน แต่ทำไมคนที่พี่รักไม่รัก ไม่ห่วงตัวเองบ้าง พี่เคยบอกแล้วครั้งแล้วว่าให้ดูแลตัวเองบ้าง แต่เจก็ไม่เคยทำ ไม่สนใจเลย หือออ..ทำไมครับ”ผมพยายามข่มเสียงให้นิ่งและนุ่มนวลที่สุด แต่เจก็ยังกอดคอผมแน่นเหมือนเดิม โกรธ...ที่เจไม่เคยสนใจตัวเองมากกว่าเรื่องที่เจนอนบนเตียงกับคนอื่น...ใช่แล้ว! ยังเหลือคดีนี้ค้างอยู่อีกนี่นา เห็นที่นอนก็รู้แล้ว ยิ่งสงสัยกว่าเมื่อคื้นอีก บนเตียงมีหมอน ผ้าห่ม แค่ชุดเดียว ผมจำได้ว่าเจบอกว่าจะนอนเตียงเสริม แต่นี่...มันไม่ใช่ แถมเตียงเสริมมันก็ยังไม่มีร่องรอยการนอนเลย ลองเมื่อคืนรับโทรศัพท์เจตอนนอนได้ถ้าไม่นอนบนเตียงด้วยกันแล้วจะทำได้ยังไง
“เมื่อคืนเจนอนกับใคร..บนเตียงนี้”ผมถามไปก็ได้คำตอบเป็นการส่ายหน้าเหมือนเดิม แหงล่ะ เมื่อตอนรับน้องกว่ามันจะจำได้ว่านอนกับผม ว่าจูบกับผมก็ข้ามวันไปแล้ว
“ฮึ่ยย....”ผมกอดเจแน่นกว่าเดิมโดยไม่คิดว่าเจจะเจ็บ ก้มลงกัดที่ซอกคอเจเบาๆ เจเจ็บผมรู้ แต่เจคงรู้ตัวว่าผิดถึงได้ปล่อยให้ผมกัด ผมเปลี่ยนไปไซร้ตามซอกคอขาวๆ เจเลยพยายามเบี่ยงตัวหนี แต่ผมกดเจลงบนที่นอนแล้วรีบประกบริมฝีปากลงไปแนบชิด มือหนึ่งก็จับท้ายทอยเจให้แหงนรับจูบผม อีกมือก็สอดเข้าไปในเสื้อยืดตัวเล็ก สัมผัสไปตามแผ่นหลัง หน้าอก เจดิ้นไม่หยุดและสะดุ้งทุกครั้งที่ผมคลึงฝ่ามือเน้นที่ยอดยก
“อืออ...อ๊ะ”ทันทีที่เจเผยอริมฝีปากผมก็สอดลิ้นเข้าไปทันที เจพยายามเลี่ยงสัมผัสจากปลายลิ้นผมแต่มันกลับยิ่งกระตุ้นความอยากเอาชนะของผมมากขึ้น ปลายลิ้นที่สัมผัสกันในปากร้อนๆ ของเจทำเอาผมแทบคลั่ง ไม่มีครั้งไหนที่ผมได้จูบเจตามใจตัวเองเหมือนครั้งนี้ เพราะผมตั้งใจจะค่อยเป็นค่อยไปและอ่อนโยนกับเจ พยายามที่จะไม่แตะต้องเพราะมันยังไม่ถึงเวลา แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมให้คนอื่นมาแตะต้องเจได้
“อื้ออ.....อืมม...”เสียงหวานๆ ครางออกมายิ่งทำให้ผมได้ใจ ผมไล้ริมฝีปากตามใบหน้า เน้นที่ซอกคอโดยจงใจให้เกิดรอยทิ้งไว้ เจปัดป้องมือผมที่พยายามถอดเสื้อเจออกทำให้ต้องรวบมือเจไว้เหนือศีรษะ เสียงประท้วงไม่ได้หลุดลอดออกมาเมื่อผมประกบปากเอาไว้....ผมรู้สึกว่าเจกำลังสั่น มือเจสั่นเล็กๆ ผมแหงนมองใบหน้าเจที่มีเหงื่อชุ่มและซีดนิดๆ น้ำตาคลอที่หน่วยตา ทำให้ผมต้องหยุดการกระทำตัวเองลง....ไม่ใช่แบบนี้....ผมไม่อยากให้ครั้งแรกของเราเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบที่มาจากความโกรธของผม...ไม่ใช่...ตอนนี้.....ที่สถานะเรายังไม่ชัดเจน
ผมก้มหน้าไปจูบที่ปากเจเบาๆ เพื่อปลอบประโลมให้หายกลัว ปล่อยมือทั้งสองข้างให้เป็นอิสระ จูบที่แก้มและขมับก่อนจะดึงเจมากอดไว้แนบอกเพื่อให้ฟังหัวใจผมที่เต้นดังเสียจนผมรำคาญ เจจะรู้บ้างมั้ยว่าผมต้องควบคุมตัวเองขนาดไหน
“.....พี่หึงน่ะ”ผมกอดเจพลางลูบแผ่นหลังเบาๆ ให้เจหายสั่นจนเจสงบ และเอามือมากอดเอวผมไว้เหมือนเคย ผมไม่ขอโทษและไม่คิดจะถามว่าโกรธมั้ย...ไม่อยากรู้...เพราะทำลงไปแล้ว เรานอนกอดกันสักพักจนอารมณ์ผมเริ่มสงบ ผมถามเจมาลุกไหวรึเปล่าจะได้ลงไปหาอะไรกินกัน เจก็บอกว่าไหว และหิวข้าวด้วย ทำเอาผมอดหัวเราะไม่ได้ เป็นครั้งแรกนี่แหล่ะที่บอกว่าหิว
เจบอกว่าจะแวะไปดูงานก่อนว่ามีปัญหาอะไรรึเปล่า ผมก็เดินตามครับ เจไม่ปวดท้องมาก อาจเป็นเพราะมันเป็นปลาหมึกแห้งไม่ใช่ปลาหมึกสดๆ
“ไงพี่ หายแล้วเหรอ”อ้นมันเดินมาทักเจ
“ค่อยยังชั่ว แล้วงานเป็นไงมั่ง”เจถาม อ้นมันก็เล่าคราวๆ ให้ฟัง พิธีช่วงเช้าเสร็จหมดแล้วก็เหลืองานเลี้ยงตอนเย็น คนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันไปพัก เหลือมันกับพี่อีกสองคนนี่แหล่ะที่รอไอ้เจมส์นั่นอยู่ พูดถึงก็เดินตรงมาข้างเจเลยครับ
“ลงมาทำไมครับ หายดีแล้วเหรอ”เขาถามเสร็จเจมันก็ตอบเหมือนที่ตอบอ้นมันนั่นแหล่ะ ผมหันหน้ามองอ้นที่มองผมอยู่ มันมองไปที่เจแล้วกลับมามองผมสองสามรอบ จนผมต้องหันตาม....ลืมไปครับ...ก็รอยจูบรอยกัดที่คอเจมันชัดแบบนั้น ผมก็ลืมบอกให้ใส่เสื้อมีปก ดีที่ผมมันพอจะปิดได้นิดหน่อย อ้นมันก็ยิ้มล้อๆ ผมเลยยักคิ้วให้มันไปที คิดอีกทีก็ดีครับ ไอ้คนที่ยืนหม้อคนของผมจะได้เห็นเหมือนกัน ผมว่าเขาเห็นนะ แต่คงทำเป็นไม่สนใจ จนคุยเรื่องงานกันเสร็จผมยกมือไปพาดที่บ่าเจให้ใกล้คอและรอยจูบมากที่สุด แตะปลายนิ้วเบาๆ เหมือนเรียกแต่ความจริงต้องการชี้ให้คนตรงหน้าเจเห็นมากกว่า....ได้ผลครับ...มองนิ่งสักพักก่อนจะหันหน้ามามองผม
“กินอะไรกันหรือยังครับ ถ้ายังไงไปกินพร้อมกันดีกว่า”ผมถือโอกาสชวนแกมบังคับซะเลย ก็นั่งกินกันที่ห้องอาหารของโรงแรมนั่นแหล่ะ
“เจกินข้าวไหวมั้ย หรือจะกินข้าวต้ม”ผมหันไปถามเจที่นั่งข้างผม
“ข้าวก็ได้ ปวดไม่มากแล้ว”เจหันมาตอบผม เราสั่งปู กุ้ง ปลาสดๆ แล้วให้ครัวเขาทำเป็นอาหาร ส่วนเจก็สั่งผัดผัก ต้มยำไก่ ทอดมันปลากรายมากิน
“พี่เจแพ้อาหารทะเลหรอกเหรอ มิน่าถึงไม่สบาย”อ้นมันถามทันทีที่เริ่มลงมือกินแต่เจไม่แตะของทะเลสักอย่าง
“เออ ปกติก็ไม่กินหรอก”เจพูดแค่นั้น
“ยกเว้นเวลาเมา”ผมเลยพูดต่อให้จบ
“แต่...เมาแล้วน่ารักว่ะ เพิ่งรู้ว่าทำไมไม่เคยยอมกินเบียร์ด้วยกัน”อ้นยิ้มกว้างเลยครับ อย่านะมึง...กูยังไม่อยากมีคู่แข่งเพิ่ม อุตส่าห์คิดว่าสกัดไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอแล้ว
“พอๆ ไม่ต้องพูด กูอายนะมึง”
“ทีอย่างนี้อาย ไอ้ที่ทำๆ อ้อนๆ ผมกับพี่เจมส์เมื่อคืนนี้ไม่เห็นอายเลย”อืม...ดีมากไอ้อ้น เรื่องที่ผมไม่อยากได้ยิน ออกมาจากปากมันหมด เจมองผมพร้อมยิ้มแหยๆ ไอ้คนที่โดนพาดพิงก็ยิ้มเขินไอ้เจมันอีก.....เซ็งครับ