ตอนนี้ผมกำลังจะเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ เจไม่ติดต่อใครเลยมาอาทิตย์กว่าแล้ว พวกโก้กับตี๋ก็ทำอะไรไม่ได้ มันสองคนทนกลุ้มอยู่เงียบๆ อย่างนี้มาสองปียังไม่ชิน แล้วผม...จะไปชินได้ยังไง ต่อให้ชินได้ก็ไม่ยอมหรอก เรื่องอะไรต้องปล่อยให้หายไปเงียบๆ แบบนี้ ถ้ารู้ก่อนล่วงหน้า ต่อให้ต้องจับขังไว้ก็จะทำ
“เจไม่ติดต่อมึงบ้างเหรอวะ”ผมชวนโมทย์มากินข้าวด้วยกันที่โรงแรม ใจจริงก็เรียกมาถามข่าวคราวของเจ
“ไม่เลยว่ะ มึงก็ใจเย็นๆ เหอะ น้องมันคงอยากไปไหนคนเดียว ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไปนี่หว่า”โมทย์มันก็เป็นห่วงเหมือนกัน แต่ก็พยายามปลอบใจผม วันสองวันแรกผมลองโทรไปตามโรงพยาบาล เผื่อว่าเจมันจะป่วยแต่ก็ไม่เจอ ผมต้องมาทำงานช่วยแม่ที่โรงแรม แต่หัวผมคิดแต่ว่าเจอยู่ไหน เป็นยังไง สบายดีหรือเปล่า ถ้าไม่สบายล่ะ จะกินยารึเปล่า จะฝันร้ายเหมือนทุกครั้งมั้ย ถ้านอนฝันร้ายแล้วใครจะกอด ถ้าร้องไห้แล้วใครจะปลอบ ผมคิดไปต่างๆ นานา
“.....กูคิดถึงเจ”ผมอึดอัดใจจนแทบคลั่ง คำที่อยากพูดอยากบอกก็ยังไม่ได้เอ่ย เพราะรู้ดีว่าเจ้าตัวเขาไม่อยากฟัง ไม่อยากรับรู้ และแกล้งไม่รับรู้ ถ้าได้พูดออกไปก่อนหน้านี้ผมจะรู้สึกดีกว่านี้มั้ย หรือมันจะเป็นยังไง พอรู้ใจตัวเอง การเข้าใกล้เจกลับเป็นเรื่องยาก เพราะผมแคร์ความรู้สึกเจมากเกินไป และ...กลัวมากเกินไป
“มึงกลับเข้าไปทำงานได้แล้วมั้ง นี่ก็บ่ายกว่าแล้ว”โมทย์บอกผม
“มึงรู้มั้ยโมทย์...น้องมึงน่ะ..ใจร้ายกับกูมากเหลือเกิน”ผมก้มหน้าซบลงที่ฝ่ามือ เจมันใจร้ายมากครับ ทั้งๆ ที่ผมจูบมันแล้ว แต่มันกลับทำเหมือนไม่ได้เกิดขึ้น ใบหน้ายิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่ตัวเองเศร้าเสียใจกับเรื่องในอดีต แต่ไม่ยอมให้ใครสงสาร ไม่ยอมให้ปลอบ เข้าหาผมก่อนแท้ๆ แต่พอผมเข้าไปใกล้บ้างกลับถอยหนี...มันใจร้ายจริงๆ
โมทย์กลับไปแล้ว ผมก็กลับเข้ามาทำงานให้ห้องของแม่ผม เป็นผู้ช่วยชั่วคราวนี่ครับ ไม่มีห้องประจำตำแหน่งหรอก ก็แค่เรียนรู้งานไว้ทำงานจริงตอนเรียนจบ
“เป็นอะไรไปลูก แม่เห็นสอบเสร็จแล้วแต่หน้ายังเครียดๆ อยู่เลย หรือว่าเครียดเรื่องงาน”แม่เดินมาลูบหัวผมเบาๆ ที่โต๊ะผม ผมคงเหม่ออีกแล้ว ถึงไม่เห็นมาแม่เดินมา ทั้งๆ ที่นั่งตรงข้ามกันแท้ๆ
“แม่.....ลูกแม่โดนทิ้งแหล่ะ”ผมสวดกอดเอวแม่ไว้ เอาแก้มไปแนบไว้ที่ท้องเบาๆ
“ตายแล้วลูกฉัน โดนทิ้งเป็นกับเขาด้วย เห็นเมื่อก่อนสลัดคนโน้นคนนี้เป็นว่าเล่น”แม่ทำเสียงเหมือนได้ฟังเรื่องเหลือเชื่อ ไม่สงสารลูกตัวเองเลย
“แม่น่ะ...ผมโดนทิ้งจริงๆ นะ คราวนี้...เจ็บสุดๆ เลย”
“จริงเหรอ ทำไมล่ะ ทะเลาะกันเหรอ”แม่ไม่ถามครับ ว่าใคร คบตั้งแต่เมื่อไหร่ คงชินเรื่องผู้หญิงของผม ก็เมื่อก่อนผมทำตัวเสเพลจริงๆ นี่นา แต่คราวนี้น่ะ สงสัยกรรมตามทันแล้วมั้ง
“ไม่ได้ทะเลาะเลยแม่...เขาทิ้งไปเฉยๆ เลย ไม่พูด ไม่สนใจผมสักนิดเลย”
“คุณพระช่วย! มีด้วยเหรอคนแบบนี้ สงสัยเขาคงดูคนเป็นน่ะลูก ปล่อยเขาไปเจอสิ่งที่ดีกว่าเถอะ”แม่ผมยังไม่หยุดเลยครับ ลูกชายสุดที่รักกำลังเศร้านะเนี่ย ผมเลยปล่อยอ้อมแขนออกจากเอว แม่ผมก็หัวเราะร่วนที่แกล้งผมได้ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งบนขอบโต๊ะ หันหน้ามาสนใจผมจริงๆ จังๆ เสียที
“แล้วเขาจะทิ้งเอ็กซ์ไปทำไมล่ะลูก ถ้าไม่ได้ทะเลาะหรือมีปัญหากัน”
“เขาไม่ได้ทิ้งแค่ผม เพื่อนรักเขา เขาก็ทิ้ง ไม่บอกใครสักคนเลยว่าไปไหน ผมกลุ้มจะตายอยู่แล้ว โทรศัพท์ก็ไม่เอาไป ไม่ติดต่อใครเลยสักคน ยิ่งป่วยง่ายๆ ด้วยนะแม่ ไม่รู้จะดูแลตัวเองบ้างหรือเปล่า”
“ท่าทางชอบเขามากล่ะสิคนนี้น่ะ”แม่ถามมาผมก็พยักหน้ารับหนักๆ ไปหนึ่งที...มันยิ่งกว่าชอบแล้วแม่
“แล้วลองโทรไปตามโรงแรมหรือยังล่ะ บางทีอาจจะ..”
“แม่!!! แม่น่ารักที่สุดเลย ผมลืมไปเลย มัวแต่โทรถามตามโรงพยาบาล รักแม่ที่สุด ไหนขอหอมหน่อยเร็ว”ผมยืนขึ้นรวมตัวแม่เข้ามากอดแน่น หอมแก้มซ้ายแก้มขวาจนแม่หัวเราะและตีผมไปด้วย กลัวเครื่องสำอางเลอะครับแม่ผม คนจะอ้อนเสียหน่อย ผมจดชื่อนามสกุลเอาไปให้เลขาโทรเช็คตามโรงแรมหรือรีสอร์ทให้ แล้วก็บอกด้วยว่าห้ามบอกแม่ ก็ถ้าแม่เห็นว่าเป็นชื่อผู้ชายเรื่องมันจะยุ่งนี่นา รออีกหน่อยนะครับแม่...แล้วผมจะบอก
***************************************************************************
ตอนสุดท้ายของคืนนี้แล้วนะคะ บ๊ายบาย