]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ  (อ่าน 305731 ครั้ง)

winnie_the_far

  • บุคคลทั่วไป
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
«ตอบ #900 เมื่อ11-06-2012 19:39:44 »

ฝนตกๆๆ แล้วคิดถึง นะกะซี แล้วจะเป็นไงต่อน๊า มารอๆละ :z3:

toomztamz

  • บุคคลทั่วไป
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
«ตอบ #901 เมื่อ12-06-2012 01:29:45 »

ดราม่ามันจี๊ดดดมาก เรียลสุดๆ เขียนจากเรื่องจริงหรือป่าวนิพี่ต้น
ทำได้แต่ถอดหายใจแรงๆ บอกตรงๆใครไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้
ไม่มีวันรู้หรอกว่ามันบีบคั้นหัวใจแค่ไหน :o12:
( :laugh:พูดเหมือนตัวเองเคย)

ออฟไลน์ pedgampong

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
«ตอบ #902 เมื่อ12-06-2012 19:58:30 »

 :z3: แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยย เกริ่นดราม่ามา แล้วค้าง โอ้ยยยย มาต่อไวๆนะจ้า

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
«ตอบ #903 เมื่อ13-06-2012 09:24:05 »

รอจ้ารอๆ :call:

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
«ตอบ #904 เมื่อ13-06-2012 11:38:58 »

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :m15: :m15:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
«ตอบ #905 เมื่อ13-06-2012 14:19:44 »

ใครอยากอ่านตอนต่อไปของนะกับซีจนถึงตอนจบแบบรวดเดียวเลย ขอคนที่ยังไม่เม้น แสดงพลังเม้นถึงหน้า 32 แล้วจะแปะให้ :P

แบร่ๆ

ออฟไลน์ ohm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
«ตอบ #906 เมื่อ13-06-2012 14:27:36 »

อยากอ่านต่อแล้วค้าบ ลุ้นว่าจะจบแบบ happy ending รึป่าว

ปล. log in เข้ามาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ 555

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
«ตอบ #907 เมื่อ13-06-2012 14:54:26 »

(อ่าว เรานึกว่าเราเม้นแล้วนะเนี่ย 555 เบลอเลย) เห้ย...เหมือนเรื่องจริงเลย พ่อแบบเนี่ยมีอยู่จริง สงสารนะกับซีมากกกกกกก

hexagon1

  • บุคคลทั่วไป
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
«ตอบ #908 เมื่อ13-06-2012 15:16:03 »

รอตอนต่อไป กำลังสนุกเลย!!  o13 o13 o13

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
«ตอบ #909 เมื่อ13-06-2012 15:23:25 »

มารอๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
« ตอบ #909 เมื่อ: 13-06-2012 15:23:25 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Also

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
«ตอบ #910 เมื่อ13-06-2012 17:37:36 »

เอาแล้ว นะกับซีจะจบลงแบบไหน

คุณพ่อก้อแรงเหลือเกิน เฮ้อ~

โชคดีที่แม่เราเค้าเข้าใจและยอมรับในสิ่งที่เราเป็น

ออฟไลน์ aloney

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
«ตอบ #911 เมื่อ13-06-2012 18:08:18 »

บรรทัดสุดท้ายทำเราเม้นไม่ออก

.............................................

ออฟไลน์ prin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
«ตอบ #912 เมื่อ13-06-2012 21:33:46 »

มาม่าจนหัวจะล้านแล้วคร๊าบบบบบ

 :z3:

ออฟไลน์ amito

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-0
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
«ตอบ #913 เมื่อ14-06-2012 10:51:24 »

กำลังถึงจุดที่เป็นปัญหาที่สุด "ครอบครัว" กับ "คนรัก"

หวังว่านะกับซีจะเดินทางปลอดภัยทั้งคู่นะคะ

ออฟไลน์ LittlePrince

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
«ตอบ #914 เมื่อ14-06-2012 11:29:59 »

ถ้าจะให้คอมเมนท์จากใจจริงคงไม่วายด่าพ่อนะอีก
เอาเหอะ ต่างคนต่างใจต่างความคิด (เข้าเพลง...)
ยังไงก็เอาใจช่วยซีกับนะนะครับ หวังว่าคงไม่เกิดอุบัติเหตุ
ถ้าเกิดก็ขอให้ไม่ตาย ไม่พิการ ไม่ความจำเสื่อม เอาแค่ถลอกหนังกำพร้าหลุดพอ
ขอให้ที่บ้านซีเข้าใจแล้วก็รับนะไปอยู่เป็นลูกด้วยเลย
ช่วยกันเยียวยารักษาหัวใจกันหน่อย

(แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุพ่อนะต้องโทษซีแน่เลย...เฮ้อ)

ออฟไลน์ Forget_Me_Not

  • ความศรัทธา ความหวัง และรักแท้ ™
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-13
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
«ตอบ #915 เมื่อ14-06-2012 14:47:49 »

:m15:  เหมือนแทงใจดำตัวเองจริงๆ

ออฟไลน์ prin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 27)
«ตอบ #916 เมื่อ14-06-2012 18:51:14 »

ถึงจะไม่ชอบอะไรที่ดราม่ามาก แต่มันเป็นเรื่อง Realจริงๆครับ

ร้อยละ90 คนเป็นพ่อเป็นแม่ ยังไงก็รับเรื่องนี้ยาก

 :เฮ้อ:

แต่อย่ามาม่ามากนะครับ

 :serius2:


ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
«ตอบ #917 เมื่อ14-06-2012 19:00:34 »

SeeeDz ที่ 28


ตั้งแต่กลับมาถึงบ้านตอนห้าทุ่มจนถึงตีหนึ่งกว่าๆ ผมก็นั่งรอนะอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะง่วงมากแค่ไหนก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ ผมเริ่มรู้สึกว่าเขาใช้เวลานานเกินไปหน่อยแล้ว ผมพยายามโทรหาเขาตลอดแต่ก็ไม่ติดเลยสักครั้ง ไอ้ครั้นจะคิดว่าเขาหลงทางก็ไม่น่าใช่ คิดว่าเกิดอุบัติเหตุก็ดูจะมองโลกในแง่ร้ายเกินไปหน่อย จนกระทั่งเมื่อเข็มนาฬิกาบอกเวลาตอนตีสองตรง ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากเบอร์ที่ไม่รู้จักเบอร์หนึ่ง

“ฮัลโหล ครับ” ผมรับสายงงๆ รู้สึกสงสัยว่าใครกันที่จะโทรมาในเวลานี้

“นั่นซีรึเปล่า”

ผมนิ่วหน้า “ใช่ครับ นั่นใครครับเนี่ย”

“นี่พี่นายพูดนะ”

“พี่นายเหรอครับ” หัวใจของผมเต้นแรงขึ้นทันที นี่เขาจะโทรมาต่อว่าผมอีกคนด้วยหรือไง

“ใช่ พี่เอง” น้ำเสียงของเขาฟังดูไม่ดีเลย “ซี...”

“ครับ...”

“พี่รู้เรื่องทั้งหมดแล้วนะ”

ผมหลับตาลง “ครับ นะบอกผมแล้ว”

“ไอ้นะมันบอกเราแล้วเหรอ” จู่ๆ เสียงของเขาก็แหบพร่าลง “ไม่สิ เรื่องนั้นจะยังไงก็ช่างมันก่อนเถอะ พี่จะบอกว่าพี่ตกใจนะ แล้วก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนั้นด้วย แต่พี่ไม่เหมือนพ่อหรอก พี่น่ะ...” เขาเว้นช่วงหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ผมรอฟังเงียบๆ ว่าเขาจะพูดอะไรต่อ “ซี... ฟังพี่ดีๆ นะ ไอ้นะถูกรถกระบะชน ตอนนี้กำลังผ่าตัดอยู่”

ผมรู้สึกราวกับเลือดในร่างกายถูกสูบจนเหือดหายไปหมด สมองของผมราวกับจะหยุดทำงานไปชั่วขณะ หัวใจกระตุกวูบ มือเริ่มสั่น และริมฝีปากก็แห้งเผือด ผมไม่คาดคิดว่าเขาจะโทรมาเพราะเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว

“อ... อะไรนะครับ”

“ตำรวจบอกว่าอีกฝ่ายขับรถฝ่าไฟแดงมาเสยรถของไอ้นะเขาอย่างจัง คนที่ขับรถผ่านแล้วเห็นเหตุการณ์เป็นคนโทรแจ้งตำรวจ แต่คนขับแม่งเสือกหนีไปได้ ตอนนี้ไอ้นะยังไม่ได้สติ หมอบอกว่ากระดูกหักและร้าวหลายท่อน ซี่โครงหักทิ่มปอด สมองได้รับการกระทบกระเทือนและมีเลือดออกในสมองด้วย หมอบอกว่า...” เขาเว้นช่วง “หมอบอกว่าอาจจะรอดคืนนี้ไปได้ยาก เราอาจจะต้องทำใจเอาไว้ก่อน แต่ถ้าพ้นการผ่าตัดไปได้ก็ยัง 50-50...”

ผมถือโทรศัพท์มือถือในมือนิ่ง หูของผมแทบจะไม่ได้ยินอะไรอีกต่อไปแล้ว คำพูดสุดท้ายของพี่นายที่ผมได้ยินคือโอกาสรอดชีวิต 50-50 หลังจากนั้นเสียงของเขาก็ฟังดูไม่ต่างจากเสียงลมที่ครางหึ่งๆ เบาๆ จากเครื่องปรับอากาศในห้องนอนเลย ภาพรอยยิ้มของนะผุดขึ้นในหัวของผมอีกครั้ง และผมนึกถึงคำพูดที่เขาเพิ่งบอกกับผมเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนี้ขึ้นมาได้

“กูไม่รู้หรอกว่าอนาคตสำหรับมึงจะเป็นยังไง... มึงจะไม่รักกูแล้วก็เรื่องของมึง กูไม่แคร์ แต่กูจะรักมึงไปจนวันตายของกู มึงจำเอาไว้ให้ดีนะ ไอ้ซี จำเอาไว้...”


‘วันตาย’

คำๆ นี้ฟังดูคล้ายความจริงมากยิ่งกว่าการเปรียบเปรยขึ้นทันที

น้ำตาของผมเริ่มไหลรินออกมาช้าๆ

“ซี... ฮัลโหล ฟังอยู่รึเปล่า...”

“ไอ้เหี้ยเอ๊ย!” ผมเหวี่ยงโทรศัพท์ลงบนเตียง กระชากสายชาร์จที่เสียบเอาไว้หลุดออก ผมทรุดตัวลงนั่งกับพื้นและทุบกำปั้นลงบนเตียงหลายครั้ง

“ทำไมวะ!! ทำไม! ไอ้นะ!! ฮืออออออ...อ...ออ...อ!!” ผมร้องไห้ออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

นี่ถ้าหากผมไม่เป็นฝ่ายเดินออกไปคุยกับพ่อของเขาตั้งแต่แรกก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น นี่ถ้าหากว่าผมไม่ลังเลที่จะวกรถกลับไปหาเขาที่บ้าน เขาก็คงไม่เป็นแบบนี้ ทำไมผมถึงได้เป็นตัวซวยที่ทำให้เขาต้องเจอเรื่องแบบนี้อยู่ตลอดเลยวะ!

“ซี! เป็นอะไรไปลูก!” เสียงของแม่ดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง “เปิดประตูซิ ซี!”

ผมพยายามกลั้นน้ำตาและเดินไปเปิดประตูห้องนอนออก พ่อกับแม่ยืนรอผมอยู่ด้วยสีหน้าไม่สบายใจ

“เป็นอะไร ร้องตะโกนเสียงดังเชียว” พ่อถาม

“ซี! เกิดอะไรขึ้น ร้องไห้ทำไม!” แม่ถามด้วยดวงตาที่เบิกโพลง

ผมคว้าตัวของแม่เข้ามากอด “แม่ครับ!! ฮึกก..ก..!”

“เกิดอะไรขึ้น ซี มีอะไรก็บอกแม่สิลูก!” แม่ลูบหัวผมเบาๆ

ประตูห้องของพี่แซ็คกับทรายก็เปิดออกแทบจะพร้อมๆ กัน ทั้งสองคนเดินออกมาจากห้องหน้าตาง่วงนอนและแลดูงงๆ กับภาพที่เห็นตรงหน้า

ผมดันตัวของแม่ออกและใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา “ซี... ซีต้องออกไปข้างนอกอีกครั้งนะครับ”

“ไปไหน” ทั้งพ่อและแม่ถามขึ้นพร้อมกัน

“ในเวลานี้เนี่ยนะ” พ่อถามต่อ

ผมเล่าเรื่องที่นะเกิดอุบัติเหตุให้ทุกคนฟัง และผมก็ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากเพื่อจะพูดประโยคที่ว่าเขาอาจจะไม่รอดออกไป ทั้งสี่คนมีสีหน้าตกใจและพยายามพูดปลอบใจผม บอกผมว่าให้ใจเย็นๆ แต่ผมยืนยันว่าไม่ว่าอย่างไรผมก็จะต้องกลับไปที่นั่นเพื่อไปเฝ้าเขาจนกว่าเขาจะออกจากห้องผ่าตัดและจนกว่าจะฟื้นขึ้นให้ได้

“งั้นเดี๋ยวพี่ขับรถไปให้เอง” พี่แซ็คเสนอ

“เออ แบบนั้นดีกว่า ตอนนี้น้องมันกำลังสภาพจิตใจไม่ดีอยู่ด้วย เดี๋ยวจะเกิดอุบัติเหตุไปอีกคนซะเปล่าๆ” พ่อพูดเสริม

“แต่ว่า...” ผมลังเล

“ไม่มีแต่” แม่รีบขัดขึ้น “ตอนนี้แซ็คกับซีไปกันก่อน แล้วเดี๋ยวตอนเช้าพ่อกับแม่จะตามไปอีกทีก็แล้วกัน นะมันก็เหมือนคนในครอบครัวเรานั่นแหละ แม่ก็เป็นห่วงมันมากเหมือนกัน เฮ้อออ ไม่น่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลยจริงๆ” แม่พูดพร้อมกับบีบมือผมแน่น

“แล้วว่าแต่มันอยู่โรงพยาบาลไหนล่ะ” พ่อถาม

นั่นสินะ ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ทันได้ยินรายละเอียดเรื่องพวกนี้จากพี่นายเลยด้วยซ้ำ เขาอาจจะยังไม่ได้บอกผมหรืออาจจะบอกมาแล้วแต่ผมไม่ได้ยินเองก็เป็นได้ ผมปล่อยมือของแม่ เดินกลับเข้าไปในห้อง แล้วจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจาเตียง พี่นายยังคงรออยู่ในสาย

“ฮัลโหล พี่นายครับ ผมขอโทษครับ คือเมื่อกี้...”

“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ” พี่นายตอบ จากนั้นเขาก็บอกชื่อโรงพยาบาลกับที่อยู่ให้ผมฟัง ผมบอกเขาว่าจะรีบไป แล้วจากนั้นก็วางสายลง

“โรงพยาบาลที่สระบุรีครับ” ผมหันไปบอกทุกคน

“เออ ก็ไม่ไกลเท่าไหร่นี่” พ่อพูด

“งั้นเดี๋ยวพี่ไปแต่งตัวก่อน แป๊บนึง” พี่แซ็คพูดก่อนจะหันกลับและเดินไปยังห้องของตัวเอง

“ไปล้างหน้าล้างตาซะ เตรียมของใช้หรือเสื้อผ้าที่จำเป็นไปนิดหน่อย เผื่อจะต้องค้างคืนที่นั่นนะ” แม่บอกผม

“ครับ” ผมพยักหน้า

“พี่ซี”

ผมหันไปหาทราย “ว่าไง”

ทรายมีสีหน้ายุ่งยากใจ “พี่... พี่นะจะเป็นอะไรมากมั้ยอะ”

ผมลืมไปเสียสนิทเลยว่าทรายมันสนิทกับนะมากขนาดไหน แบบนี้มันเองก็คงจะตกใจไม่น้อยเหมือนกัน

“ถ้าพี่นะเป็นยังไงก็โทรมาบอกทรายด้วยนะ แล้วเดี๋ยวทรายจะตามไปเยี่ยมพร้อมพ่อกับแม่”

ผมวางมือลงบนหัวไหล่ของมัน “โอเค แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะโทรบอกอีกที ไปนอนเถอะ ไม่ต้องกังวล”

ทรายนิ่วหน้า “พี่ซีนั่นแหละที่ไม่ต้องกังวล”

ผมอึ้งๆ ไปนิดหน่อย จากนั้นทรายก็หันหลังเดินกลับห้องของตัวเองไป

“ไปเก็บของเถอะ เดี๋ยวพ่อกับแม่ไปรอข้างล่าง”

ผมพยักหน้าให้กับแม่ แล้วจากนั้นก็เดินกลับเข้าไปในห้อง ผมยัดเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวที่เพิ่งรื้อออกมากลับลงไปในกระเป๋าใบเดิมอีกครั้ง จากนั้นก็เดินลงไปชั้นล่าง พ่อกับแม่กำลังนั่งรอผมอยู่ที่โซฟา ทั้งคู่มองหน้าผมและพยักหน้าส่งสัญญาณให้ผมเดินเข้าไปหาพวกเขา

เมื่อผมนั่งลงแล้ว แม่ก็รวบตัวผมเข้าไปกอดอีกครั้งทันที

“ไม่เป็นไรนะ ซี ทำใจให้สบายๆ นะเป็นเด็กดี เพราะฉะนั้นพระจะต้องคุ้มครองคนดีแน่นอน” แม่พูดเบาๆ ก่อนจะดันตัวผมออก

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงอันอ่อนโยนของแม่แล้ว ผมก็รู้สึกเชื่อว่านะจะต้องไม่เป็นอะไรขึ้นจริงๆ ความอบอุ่นที่ได้รับจากอ้อมกอดของแม่ช่วยมอบความหวังให้แก่ผมอีกครั้ง

“ไปที่นั่นแล้วก็ส่งข่าวด้วยล่ะ พรุ่งนี้พ่อกับแม่จะรีบตามไป”

“ครับ พ่อ”

เมื่อพี่แซ็คเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น พ่อกับแม่ก็หันไปมองหน้ากันครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นยืน

“ถ้างั้นพ่อกับแม่ขึ้นห้องก่อนนะ ขับรถระวังๆ ล่ะ แซ็ค”

“ครับ พ่อไม่ต้องห่วง พาแม่ขึ้นไปนอนก่อนเถอะ เดี๋ยวแซ็คดูแลไอ้ซีเอง” พี่แซ็คหันมามองหน้าผมแล้วพยักหน้าเบาๆ “ไปกันเถอะ”

หลังจากเราออกจากบ้านได้ไม่นาน ผมก็โทรบอกพี่นายว่าผมกำลังเดินทางไปโรงพยาบาล ผมถามอาการของนะ แล้วคำตอบที่ได้ก็ไม่ต่างจากเดิม นั่นคือเขากำลังรับการผ่าตัดอยู่ ซึ่งหมอหรือพยาบาลก็ยังตอบอะไรตอนนี้ไม่ได้ แต่คาดว่าการผ่าตัดน่าจะเสร็จในช่วงรุ่งเช้า ผมมองดูนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาตีสองครึ่งแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ

“ใจเย็นๆ ไอ้นะมันต้องไม่เป็นอะไรหรอก เชื่อแบบนั้นเอาไว้สิวะ” พี่แซ็คพูดขึ้น

“ซีรู้ แต่เมื่อกี้พี่นายบอกว่าอาการมันยังน่าเป็นห่วงอยู่เลย มันก็อดกังวลไม่ได้อะว่ะ”

“แต่กังวลไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาใช่มั้ยล่ะ นะมันอยู่กับหมอแล้ว เราก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหมอไป”

“เรื่องนั้นมันก็จริง...”

ผมเห็นด้วยหางตาว่าพี่แซ็คเหลือบมามองหน้าผมแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ผมจึงหันไปหามัน “มีอะไร”

มันยักไหล่เบาๆ “ไม่รู้ดิ พี่แค่เป็นห่วงแกว่ะ ไอ้ซี พี่รู้ว่าแกสนิทกับมันมาก รักมันมาก...”

ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำๆ นั้นออกจากปากของมัน

“แต่พี่ก็ไม่อยากเห็นแกต้องเป็นทุกข์มากขนาดนั้น กำลังใจมันเป็นสิ่งสำคัญนะเว้ย” พี่แซ็คพูดจนจบ
ผมส่ายหน้า “พี่แซ็คไม่เข้าใจหรอก”

“พี่ว่าพี่เข้าใจว่ะ”

ผมนึกถึงคำพูดของนะประโยคนั้นแล้วก็รู้สึกเหมือนจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ผมไม่อยากให้เขาจากไปทั้งๆ ที่ยังคิดว่าผมเป็นฝ่ายเดินจากเขามาก่อนแบบนั้นเลย

“ไม่...” ผมหลับตาลงและเอนหัวพิงเบาะรถ “พี่แซ็คไม่เข้าใจ ถ้าหากว่าเป็นก่อนหน้านี้ ซีก็คงไม่เครียดมากเท่าตอนนี้หรอก”

“ไอ้ซี...” พี่แซ็ควางมือลงบนไหล่ของผม “พี่เข้าใจจริงๆ เว้ย” เขาย้ำ

บางอย่างในน้ำเสียงที่ได้ยินทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นและหันไปมองหน้ามัน

แววตาของพี่แซ็คตอบทุกคำถามที่ผมไม่จำเป็นต้องพูดออกไป “ใช่ พี่รู้ ยัยทรายก็รู้... รวมทั้งพ่อกับแม่ก็ด้วยเหมือนกัน”

ผมรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวจนต้องรีบหันหน้าหนีและก้มหน้าหลบตาของมัน

มันตบบ่าผมเบาๆ ก่อนจะละมือออกไปจับพวงมาลัยไว้เหมือนเดิม “พี่ก็ไม่รู้หรอกนะว่าตอนที่แกไปบ้านไอ้นะมาแล้วเกิดปัญหาอะไรหรือไปทะเลาะอะไรกันมา แต่พี่รู้ว่าแกรักมันมากแค่ไหนว่ะ ไอ้ซี”

ผมหลับตาแน่น น้ำตาหนึ่งหยดค่อยๆ ไหลออกมาจากดวงตา ผมรีบยกมือขึ้นปาดมันออกเพราะไม่อยากให้พี่แซ็คเห็นว่าผมกำลังจะร้องไห้

“อย่าคิดมากเลยเว้ย พ่อกับแม่รับได้ พี่เองก็รับได้ ไอ้นะมันก็เป็นเด็กดี ดูแลแกมาตั้งเยอะ ทำให้คนเหลวไหลอย่างแกตั้งใจเรียนขึ้นได้ขนาดนี้ พวกเราจะไม่รักมันกันได้ยังไงวะ จริงมั้ย”

คำพูดของพี่แซ็คยิ่งทำให้ผมอยากร้องไห้มากขึ้นไปอีก ร่างกายของผมกระตุกเบาๆ และน้ำตาก็เริ่มไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ จนผมไม่สามารถห้ามมันไว้ได้อีกต่อไป

ถ้าหากว่าพ่อและพี่ชายของนะเข้าใจเราได้เท่ากับครอบครัวของผม ถ้าหากว่าพวกเขายอมรับในตัวของผมได้เหมือนกับที่พ่อและแม่ยอมรับในตัวของนะแล้วล่ะก็ เรื่องทั้งหมดนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น

ผมเพิ่งเข้าใจก็วันนี้เองว่าอานุภาพความรักของครอบครัวที่มีให้แก่กันนั้นแท้จริงแล้วมันยิ่งใหญ่มากขนาดไหน

ผมไม่ถามด้วยซ้ำว่าพวกเขาทุกคนรู้เรื่องของผมกับนะตั้งแต่เมื่อไหร่และรู้ได้อย่างไร แต่ผมเริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่บ้านของนะให้พี่แซ็คฟัง เมื่อผมเล่าจนจบ เราสองคนก็นั่งเงียบๆ กันอยู่พักหนึ่ง จนสุดท้ายมันก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน

“เราสองคนโชคดีนะ ที่เกิดมาเป็นลูกของพ่อกับแม่น่ะ...”

“อืมมม...”

“น่าเสียดายและน่าสงสารไอ้นะมันเนอะ”

ผมไม่ตอบ ทำได้แค่ถอนหายใจเบาๆ

“แต่พี่เชื่อว่ามันจะต้องไม่เป็นอะไรว่ะ ไอ้ซี นี่ไม่ได้แค่พูดให้กำลังใจเล่นๆ นะเว้ย แต่พี่คิดจริงๆ ไอ้นะมันแข็งแรงจะตาย พี่ว่ามันต้องรอดแน่ๆ”

ผมหันมองออกไปนอกหน้าต่างรถแล้วได้แต่หวังว่าสิ่งที่พี่แซ็คพูดจะเป็นความจริง ถึงแม้ลึกๆ แล้วจะรู้ว่ามันแค่กำลังปลอบใจผม เพราะความแข็งแรงของร่างกาย ก็คงไม่ได้ช่วยอะไรเลยถ้าหากคุณถูกรถชนจนกระเด็นไปไกลเกือบสิบเมตรแบบนะ

ความคิดเมื่อครู่ทำให้ผมรู้สึกหนาวสั่นขึ้นเล็กน้อย ผมจึงหลับตาลงและพยายามบอกตัวเองว่าไม่ให้คิดมาก ทุกอย่างจะต้องโอเค ทุกอย่างจะต้องไม่เป็นไร ถ้าหากว่าเราสองคนเกิดมาเพื่อคู่กันจริงๆ เราจะต้องผ่านอุปสรรคนี้ไปให้ได้ ผมจะต้องได้บอกเขาอีกครั้งว่าผมรักเขาไม่ว่าจะตอนนี้หรือในอนาคตอีกนานแค่ไหนก็ตาม เขาจะต้องฟื้นขึ้นมา และเราก็จะต้องแก้ปัญหาเรื่องพ่อของเขาไปให้ได้ด้วยกัน

เมื่อไปถึงที่โรงพยาบาล พี่แซ็คก็บอกให้ผมรีบเข้าไปในโรงพยาบาลก่อนในระหว่างที่มันจะเอารถไปวนหาที่จอด และเมื่อผมขึ้นไปถึงที่ห้องผ่าตัดแล้วก็เห็นพี่นายและพ่อของนะกำลังนั่งรออยู่ที่เก้าอี้ด้านหน้า แต่เมื่อพ่อของนะเห็นหน้าผม เขาก็รีบลุกขึ้นและเดินตรงเข้ามาหาผมทันที

“แกมาที่นี่ทำไม!” เขาชี้หน้าผม

“นายเป็นคนโทรบอกน้องมันเอง” พี่นายรีบลุกเดินตรงเข้ามาด้วยอีกคน

พ่อของนะรีบหันกลับไปหาลูกชายของเขาทันที “เพื่ออะไร!! ไม่ใช่เพราะมันรึไง น้องชายแกถึงต้องนอนอยู่ในห้องผ่าตัดแบบนี้น่ะ!!” เขาชี้ไปที่ประตูห้องผ่าตัด

ตอนนี้พยาบาลที่ประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์เริ่มหันมามองที่พวกเราเป็นตาเดียวกันแล้ว

“นายว่าพ่อใจเย็นๆ ก่อนเถอะครับ อย่าโทษน้องมันเลย น้องมันไม่ผิดสักหน่อย คนผิดคือไอ้คนที่ขับรถชนไอ้นะไม่ใช่รึไง” พี่นายพยายามปกป้องผม

“ไม่ผิดเหรอ! นี่แกพูดแบบนั้นออกมาได้ยัง นาย!”

“ก็มันเป็นเรื่องจริงไม่ใช่เหรอ พ่อ”

“ใช่ เรื่องจริง!” พ่อของนะหันกลับมามองหน้าผม “การที่มันทำให้ไอ้นะต้องเจอกับอุบัติเหตุแบบนั้นไง ที่เรียกว่าเรื่องจริง! แบบนี้แล้วแกจะยังโทรตามไอ้ตัวปัญหาอย่างไอ้เด็กคนนี้มาที่นี่อีกทำไม!!”

“เรื่องที่เกิดขึ้นกับไอ้นะมันเป็นอุบัติเหตุ และเราก็จำเป็นต้องบอกให้เพื่อนที่มหาวิทยาลัยของมันรู้ไว้ด้วยเหมือนกันไม่ใช่รึไงครับ”

“แล้วคนอื่นไม่มีรึไง ทำไมถึงต้องเป็นมัน!” เขาชี้หน้าผมอีกแล้ว “แกลืมไปแล้วรึไงว่าที่ไอ้นะต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะมันคนเดียว!!”

ผมยืนกำหมัดแน่น คำพูดแต่ละคำของเขายิ่งตอกย้ำให้ผมรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก ผมได้แต่ยืนถามตัวเองว่าถ้าหากตอนนั้นผมวกรถกลับไปหาเขาที่บ้าน มันจะยังเกิดเหตุการณ์แบนนี้ขึ้นมั้ย ถ้าหากตอนนั้นผมไม่เป็นฝ่ายเปิดประตูห้องออกไป หรือถ้าผมไม่ได้ไปที่บ้านของเขาตั้งแต่แรกล่ะ...

ผมพยายามสะบัดความคิดเหล่านั้นออกไปและมองหน้าชายที่อยู่ตรงหน้า ไม่ใช่เขาหรอกหรือที่เป็นคนไล่นะออกจากบ้าน จึงทำให้เขาต้องขี่มอเตอร์ไซค์ฝ่าสายฝนและพายุออกไปแบบนั้น เขานั่นแหละที่เป็นต้นเหตุของปัญหา เป็นเพราะเขาที่ไม่ยอมรับในตัวของลูกชาย เป็นเพราะเขาที่ขับไล่ไสส่งเราทั้งสองคน และเป็นเพราะเขาที่...

“พอได้แล้วครับ!”

เราทั้งสามคนหันไปมองยังที่มาของเสียงพร้อมกันทันที พี่แซ็คกำลังเดินตรงเข้ามาหาผมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ผมขอโทษนะครับ แต่ลิกโทษน้องชายของผมแบบนั้นสักทีเถอะ ทำแบบนี้ไปก็ไม่ได้ช่วยให้นะฟื้นขึ้นมาหรอก จริงมั้ยครับ และที่นี่ก็โรงพยาบาลด้วย ผมว่าคุณอาไม่ควรส่งเสียงดังแบบนั้นนะครับ” พี่แซ็คเดินเข้ามาหยุดยืนข้างๆ ผม

“แกเป็นใคร”

“ผมเป็นพี่ของซีครับ และเป็นคนที่พามันมาที่นี่คืนนี้ด้วย”

“อ้อ แล้วแกรู้มั้ยว่าน้องชายของแกมันทำอะไรกับลูกชายฉันไว้บ้าง!”

“เท่าที่ผมรู้มาก็มีแต่เรื่องดีๆ ไม่ใช่เหรอครับ ทั้งสองคนดูแลกัน ช่วยกันเรียน ช่วยกันอ่านหนังสือสอบ ไม่เห็นจะมีอะไรไม่ดีตรงไหนนี่”

พ่อของนะมองหน้าพี่แซ็คราวกับเพิ่งโดนตบหน้าเข้าอย่างจัง

“ขอโทษนะคะ” พยาบาลสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเราท่าทางกล้าๆ กลัวๆ  “ถ้ายังไงรบกวนลดเสียงนิดนึงได้มั้ยคะ รบกวนคนไข้ท่านอื่นน่ะค่ะ รวมทั้งหมอและพยาบาลที่กำลังปฎิบัติงานอยู่ด้วย”

พ่อของนะดูท่าทางหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมเสียอีก แต่สุดท้ายเขาก็เดินกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ตามเดิม

พี่แซ็คโน้มตัวเข้ามากระซิบที่หูของผม “พี่พอรู้แล้วว่ะว่าแกเจอกับอะไรมาบ้าง คนเหี้ยอะไรใจแคบชิบหาย...”

“แต๊งกิ้วว่ะ พี่แซ็ค”

มันยักไหล่ “พี่แค่พูดเรื่องจริงว่ะ”

เราสองคนเดินไปนั่งกันอยู่ที่เก้าอี้อีกฟากหนึ่งของห้อง นางพยาบาลมีอายุคนหนึ่งเดินเข้ามาตักเตือนพวกเราอีกครั้งเรื่องการส่งเสียงดัง พ่อของนะชักสีหน้าไม่พอใจก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินผ่านพวกเราออกไป

พี่นายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเงยหน้าขึ้นมองผมสลับกับพี่แซ็ค

“พี่ชายของซีเหรอ”

“ครับ” พี่แซ็คยกมือขึ้นไหว้เขา “หวัดดีครับ”

พี่นายยกมือขึ้นรับไหว้ “เรียนจบรึยัง”

“ยังครับ”

เขาพยักหน้า “...พี่ขอโทษแทนพ่อด้วยนะ พ่อเค้าก็เป็นคนอารมณ์ร้ายแบบนี้แหละ เค้ากำลังเสียใจน่ะ แต่เวลาปกติเค้าใจดีมากนะ”

ผมถอนหายใจเบาๆ “ผมรู้ครับ พี่นาย... ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจดี” ผมดูนาฬิกาข้อมือจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปมองไฟเหนือห้องผ่าตัด

“น่าจะอีกราวๆ สองชั่วโมงน่ะ กว่าจะเสร็จ” พี่นายพูดขึ้นราวกับอ่านใจผมออก “ก่อนซีจะมาถึงพี่ถามพยาบาลที่เดินออกมา เค้าบอกว่าอาการยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โชคดีที่นะมันใส่หมวกกันน็อค แต่แม่งแย่ตรงมันได้รับการกระทบกระเทือนค่อนข้างแรง แล้วก็เสียเลือดมากด้วย” พี่นายพูดพลางกำมือทั้งสองข้างที่ประสานกันอยู่แน่น

ผมรู้สึกว่าหัวใจของผมบีบแน่นจนแทบทนไม่ได้ ผมหลับตาลงและกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

“แล้วคนขับรถคนนั้นล่ะครับ” พี่แซ็คถามขึ้น

“ตำรวจบอกว่าจับได้แล้ว มันหนีไปได้ไม่ไกลจากแถวนั้นเท่าไหร่หรอก สรุปคือแม่งเมาน่ะ เดี๋ยวพอนะออกจากห้องผ่าตัดแล้วพี่กับพ่อก็ต้องไปที่โรงพักเหมือนกัน”

อีกไม่นานถัดมา พ่อก็เดินกลับมานั่งลงข้างๆ พี่นายอีกครั้ง เขาสองคนพูดคุยบางอย่างกันเบาๆ แล้วหลังจากที่เวลาผ่านไปได้ราวๆ สิบนาที พวกเขาก็ลุกออกไปคุยกันที่อื่นต่อ แต่ผมไม่สนใจเลยแม้แต่นิดเดียวว่าเขาจะคุยอะไรกัน ไม่สนด้วยว่ามันจะเกี่ยวกับผมหรือเปล่า เพราะสิ่งเดียวที่ผมกำลังเป็นห่วงอยู่มากที่สุดในตอนนี้คือคนที่ผมรักที่กำลังนอนไม่ได้สติอยู่ในห้องผ่าตัดต่างหาก

หลังจากที่พ่อของนะกับพี่นายกลับมา พวกเราสี่คนก็ไม่ได้พูดอะไรกันออกมาอีกเลย ความเหนื่อยอ่อนกับความตึงเครียดตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้งวันทั้งคืนเริ่มทำให้ประสาทของผมอ่อนล้า ผมอยากจะหลับตาลงและพักสมองสักหน่อยแต่ก็ทำไม่ได้ พี่แซ็คที่เห็นว่าสภาพของผมคงไม่ไหวแล้วจริงๆ ลุกเดินออกไปซื้อกาแฟกระป๋องมาให้ มันหายไปเกือบครึ่งชั่วโมง และเมื่อกลับมา ป้ายไฟเหนือประตูก็ดับลงพร้อมๆ กับประตูห้องผ่าตัดที่ถูกเปิดออก

ผมรีบเดินตาหลังพ่อกับพี่นายไปที่หน้าห้องด้วยความกังวล นาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังสีขาวของโรงพยายาลบอกว่ายังเหลือเวลาอีกตั้งเกือบหนึ่งชั่วโมง ก่อนที่การผ่าตัดควรจะสิ้นสุดลง

การที่การผ่าตัดเสร็จเร็วกว่ากำหนดนี่มันหมายความว่ายังไงกัน

“ลูกผมเป็นยังไงบ้างครับหมอ เค้าปลอดภัยใช่มั้ย”

หมอหนุ่มในชุดเสื้อกาวน์สีเขียวส่ายหน้าและถอนหายใจ

ผมรู้สึกว่าหัวใจของผมแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และร่วงหล่นลงสู่พื้นทันที ใบหน้าของพี่นายซีดเผือด ส่วนพ่อของเขาเองก็มีสีหน้าที่ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ พี่แซ็คยกแขนขึ้นโอบบ่าผมเอาไว้จึงทำให้ช่วยประคองตัวผมเอาไว้ได้พอดี ผมรู้สึกราวกับตัวเองกำลังจะทรุดลงและพร้อมที่จะร้องไห้ออกมาได้ทุกมื่อ

“หมอมีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายครับ” หมอพูดต่อ ผมจึงรีบเงยหน้าขึ้นไปมองเขาและตั้งใจฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด “ข่าวดีคือตอนนี้ลูกชายของคุณพ้นขีดอันตรายแล้ว เรายื้อชีวิตเขาไว้ได้ครับ”

พ่อของนะทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้นและร้องไห้ออกมาเบาๆ “ขอบคุณครับ... ขอบคุณ... ขอบคุณจริงๆ...”

พี่นายย่อตัวลงช่วยพยุงพ่อของเขาให้กลับลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง

“แต่หมอเสียใจที่ต้องบอกว่า สมองของคนไข้ได้รับการกระทบกระเทือนที่จุดสำคัญ คนไข้มีอาการสมองบวมและมีเลือดออกมาก ถึงเขาจะรอดชีวิต แต่ก็อาจจะเป็นเจ้าชายนิทราไปตลอด หรือถ้าเขาฟื้นขึ้นมา ก็มีความป็นไปได้สูงมากที่อาจจะเสียความทรงจำไป... หมอเสียใจด้วยจริงๆ ครับ”

ผมรู้สึกราวกับถูกมีดด้ามใหญ่แทงเข้ากลางลำตัว หัวใจแทบจะหยุดเต้น ลมหายใจติดขัด ใบหน้าของผมชาวาบ มือทั้งสองข้างเย็นเฉียบ และขาก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะพยุงร่างกายอีกต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-12-2013 09:48:40 โดย ExecutioneR »

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
«ตอบ #918 เมื่อ14-06-2012 19:06:39 »

SeeeDz ที่ 29

“จริงๆ ก็ไม่ใช่อาการ ‘เจ้าชายนิทรา’ หรอกครับ เพราะแกนสมองเค้าได้รับการกระทบกระเทือนที่รุนแรง ซึ่งเค้าอาจจะหลับอยู่อย่างนี้ไปตลอด ไม่ใช่เจ้าชายนิทราหรือภาวะผักที่ผู้ป่วยจะรู้สึกตัวบ้าง กะพริบตาได้ หาวได้ แต่กรณีนี้คือเค้าจะไม่รู้สึกตัวเลยและต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ตลอด”

ความหวังที่เพิ่งได้รับมาเมื่อครู่ถูกทำลายลงไปอีกครั้งราวกับถูกค้อนขนาดยักษ์ทุบจนแหลกละเอียด ผมยืนมองหน้าหมอที่พูดเรื่องแบบนั้นออกมาได้นิ่งเฉยราวกับกำลังบอกว่าเขาอยากกินอะไรเป็นมื้อเช้า สีหน้าของหมอไม่ได้มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความเศร้าหรือความเห็นใจอยู่เลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่สิ่งที่เขาเพิ่งพูดออกมานั้นกำลังทำลายความสุขและความหวังแทบทุกอย่างที่เหลืออยู่ของเราไปจนหมดสิ้น

“ตอนนี้ทุกอย่างยังเป็นแค่การสันนิษฐานเท่านั้นนะครับ เพราะเราก็ไม่ค่อยเจอเคสแบบนี้บ่อยมากนัก แต่หมอต้องเรียนตรงๆ ว่าก่อนหน้าที่เขาจะรับการผ่าตัด โอกาสรอดชีวิตก็เรียกได้ว่าต่ำมากแล้ว เราพยายามช่วยเขาเอาไว้ได้ก็จริง แต่อย่างที่บอกว่าหลังจากนี้ เปอร์เซ็นต์ที่เขาจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลยก็เป็นไปได้สูงมากถึง 80% เราคงต้องดูอาการเขาอย่างใกล้ชิดไปเรื่อยๆ ล่ะครับ ถ้าสัญญาณทุกอย่างดีขึ้น ก็อาจจะยังพอมีความหวังอยู่บ้าง”

“ผ... ผมจะไม่ได้ลูกชายคนเดิมกลับคืนมาอีกแล้วอย่างนั้นเหรอ หมอ” พ่อพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูห่างไกล

หมอไม่ตอบแต่แค่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนออกมาอีกครั้ง “ผมขอตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะพาคนไข้ไปห้องไอซียูให้ รายละเอียดอื่นๆ ก็รอคุยกับพยาบาลแล้วกันนะครับ”

เมื่อหมอเดินจากไป พ่อก็หันมาหาผม ใบหน้าของเขาอาบไปด้วยน้ำตา และดวงตาคู่นั้นกลับฉายแววอาฆาตมุ่งร้ายมาที่ผมอย่างเต็มเปี่ยม

“แก!!!” เขาตะคอกพร้อมกับคว้าคอเสื้อของผมขึ้น “เป็นเพราะแกคนเดียว!! ฉันจะต้องเสียลูกชายไปอีกคนเพราะ แก คน เดียว!!

ผมมองเห็นหมัดที่ถูกเหวี่ยงขึ้นด้วยหางตา แต่ว่ามันก็เกิดขึ้นเร็วมากจนผมไม่สามารถหลบได้ทัน สิ่งถัดมาที่ผมรู้สึกก็คือความเจ็บปวดบนแก้มซ้ายเพราะกำปั้นที่กระทบเข้าสู่ใบหน้าของผมอย่างแรง หัวของผมหันสะบัดไปตามแรงกระแทกจนเข่าแทบทรุด

“เฮ้ย!!” พี่แซ็ครีบพุ่งตัวเข้ามาขวางระหว่างพ่อของนะกับผมทันที ส่วนพี่นายก็รีบคว้าตัวพ่อของเขาเอาไว้

“พอได้แล้ว พ่อ! น้องมันไม่ผิดสักหน่อย!!”

“นาย! แกปล่อยพ่อ! เรื่องทั้งหมดนี่เป็นเพราะไอ้เด็กเวรนี่คนเดียว! ถ้าไม่มีมัน เราก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้!!”

“ไม่ใช่!!” พี่นายตะคอก “เรื่องทั้งหมดนี่มันเป็นเพราะพ่อต่างหาก!!”

พ่อของนะชะงักไป เขาหันไปมองหน้าลูกชายของตัวเองราวกับไม่เชื่อสิ่งที่เพิ่งได้ยิน

“แกว่าไงนะ”

“พ่อ ยอมรับความจริงสักทีเถอะว่าเรามันก็ผิดทั้งคู่นั่นแหละที่ไล่นะออกจากบ้านไป เราผิดที่ไม่เข้าใจมัน ไม่ให้โอกาสมัน สุดท้ายมันเลยเลือกที่จะไปหาคนที่รักและเข้าใจมันที่สุด” พี่นายพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ “นายรู้ว่าครอบครัวเราสูญเสียกันมาเยอะแล้ว แต่ตอนนี้เรายังไม่ได้เสียนะไปนะครับ พ่อจะให้โอกาสมันและให้โอกาสตัวเองอีกสักครั้งได้มั้ยล่ะ!”

เพี๊ยะ!!

ใบหน้าของพี่นายสะบัดไปตามแรงตบจากพ่อของเขา ทั้งสองคนยืนนิ่งกันอยู่อึดใจหนึ่ง พวกเขาต่างก็มีน้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม ผมยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยหัวใจที่ปวดร้าว และตอนนั้นเองที่ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าเราต่างก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยพยาบาลและเจ้าหน้าที่ของพยาบาล 4-5 คนที่มามุงดู

ถ้าหากว่านี่เป็นในละคร พ่อของนะก็คงจะโดนคนเหล่านั้นเข้ามาแยกและล็อคตัวเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว

“แก...!!” พ่อชี้หน้าพี่นาย แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อจู่ๆ สีหน้าโกรธขึ้งของเขาเริ่มเปลี่ยนไป ดวงตาของเขาเบิกโพลงขึ้น คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากัน เขาลดมือที่ใช้ชี้หน้าลูกชายตัวเองลงจับที่หน้าอกพร้อมกับทรุดตัวลงกับพื้น

“พ่อ!!” พี่นายร้องขึ้นด้วยความตกใจ

พยาบาลและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่เคยยืนดูอยู่ห่างๆ วิ่งกรูกันเข้ามาประคองตัวพ่อเอาไว้ พวกเขาเริ่มส่งเสียงโหวกเหวกเรียกขอหมอ ขอเตียง และเริ่มตรวจดูอาการของเขาอย่างวุ่นวาย สุดท้ายเขาก็ถูกพาขึ้นเตียงเข็นไปยังห้องฉุกเฉินโดยมีเราสามคนวิ่งตามไปด้วย และเมื่อได้คุยกับหมอ เราถึงได้รู้ว่าที่พ่อทรุดลงไปนั้นเป็นเพราะความดันที่ขึ้นสูงประกอบกับความเครียดจัด

เมื่อบุรุษพยาบาลพาพ่อออกจากห้องฉุกเฉินเข้ามานอนรักษาตัวในห้องผู้ป่วยเดี่ยวเรียบร้อยแล้วก็เป็นเวลาหลังหกโมงเช้านิดหน่อย หลังจากที่ความวุ่นวายทั้งหมดจบลง พี่แซ็คก็แนะนำให้ผมไปพักผ่อนที่โรงแรมใกล้ๆ นี้ก่อน มันบอกว่ามันโทรจองห้องเอาไว้ให้แล้ว แต่ผมไม่อยากทิ้งนะไปนานๆ และก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองจะสามารถหลับลงด้วย ดังนั้นผมจึงตัดสินใจที่จะแค่ไปอาบน้ำแปรงฟันที่โรงแรม แล้วจึงรีบกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง

พี่นายยืนรอรับผมอยู่ที่หน้าโรงพยาบาลในเวลารุ่งสางด้วยสภาพอิดโรย ผมเพิ่งสังเกตว่าเขาดูแตกต่างจากคนที่เคยอารมณ์ดีและมีเสียงหัวเราะอยู่ตลอดเวลาราวกับเป็นคนละคน

“จริงๆ นะต้องอยู่ห้องไอซียูอีกอย่างน้อย 2-3 คืน” พี่นายบอกผม

“แต่...”

“แต่ว่าห้องเต็ม หมอเลยต้องอนุญาตให้มาอยู่ในห้องเดี่ยวได้เลย”

ตอนแรกผมก็รู้สึกดีใจอยู่เหมือนกันที่จะได้เห็นหน้าและดูแลเขาอย่างใกล้ชิด อย่างน้อยๆ ผมจะได้จับมือหรือสัมผัสร่างกายเขาได้บ้าง แต่ผมก็ยังรู้สึกกังวลนิดหน่อยอยู่ดีว่าแบบนี้มันจะปลอดภัยสำหรับเขาแน่หรือเปล่า

“หมอบอกว่าไม่เป็นไรน่ะ เพราะยังไงนะมันก็จะแค่หลับอยู่แบบนั้นอยู่แล้ว...” พี่นายพูดด้วยน้ำเสียงและแววตาที่เจ็บปวด “แต่ถึงไงก็จะมีพยาบาลคอยเดินเข้าเดินออกและคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษแทบจะตลอดเวลาน่ะนะ”

“แล้วพ่อพี่ล่ะครับ”

“หมอให้ยาไปก็เลยยังหลับอยู่ คงยังจะหลับไปอีกพักใหญ่ๆ เลยล่ะ พี่ก็เลยปลีกตัวออกมาได้ ส่วนตอนนี้แฟนพี่กำลังมา คงใกล้จะถึงแล้วล่ะ เดี๋ยวเค้าจะมาช่วยดูแลพ่อให้เราอีกแรง...” เขาถอนหายใจ ทำให้ดูแก่ลงไปอีกหลายปีทีเดียว

“ไปกันเถอะ พี่จะพาไปหานะ”

“ครับ”

ในระหว่างที่กำลังเดินไปที่ลิฟท์และขึ้นไปยังห้องที่นะนอนอยู่นั้น เราก็คุยกันถึงเรื่องพานะย้ายออกจากโรงพยาบาลที่นี่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เราพูดกันถึงเรื่องการพยายามตามหาหมอที่เก่งที่สุดที่น่าจะช่วยให้นะกลับมาเป็นปกติให้ได้ ความคิดนี้เป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวของเราที่ทำให้เราเชื่อว่าเราจะได้เขากลับคืนมา แต่สุดท้ายแล้วเราก็เห็นพ้องตรงกันว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นะคงต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่นี่ไปอีกพักใหญ่ๆ จนกว่าร่างกายจะฟื้นตัวดีพอที่จะเคลื่อนย้ายได้

พี่นายพาผมเดินขึ้นมาถึงหน้าห้องของนะ แต่ก่อนที่เราจะเปิดประตูเข้าไป เขาก็หันมามองหน้าผมตรงๆ อีกครั้งก่อน

“ซี... พี่มีเรื่องนึงที่อยากจะบอกให้เรารู้ไว้ก่อนว่ะ”

“เรื่องอะไรครับ”

“พี่... พี่ขอโทษนะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เมื่อก่อนนี้พี่ก็ขอโทษไปทีนึงแล้ว”

“ไม่ใช่ ครั้งที่แล้วพี่ขอโทษแทนพ่อพี่ แต่หนนี้พี่ขอโทษสำหรับตัวพี่เอง พี่ขอโทษจริงๆ ตอนนั้นที่พี่รู้ความจริง พ่อพี่เค้าก็กำลังเสียใจมาก พี่เองก็ตกใจ พี่ไม่เคยเห็นไอ้นะทะเลาะกับพ่อแบบนั้นมาก่อนเลย พี่ก็เลยพลั้งปากบอกให้มันออกจากบ้านไปก่อน แต่จริงๆ พี่ไม่ได้มีเจตนาจะไล่มันออกจากบ้านเพราะเรื่องที่มัน... ที่มันกับเราเป็นแฟนกันหรอกนะ ซีต้องเชื่อพี่นะเว้ย พี่ไม่เคยคิดจะโกรธหรือรังเกียจน้องคนเดียวที่พี่เหลืออยู่เลยจริงๆ” เขาพูดด้วยเสียงที่แตกพร่าและเบาจนผมแทบไม่ได้ยิน

“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่” ผมส่ายหน้า “ตอนนี้คงไม่มีประโยชน์ที่เราจะมานั่งโทษตัวเองหรือโทษใครแล้วล่ะครับ ใช่มั้ย”

“ก็จริง...” เขาถอนหายใจ “พร้อมจะเจอนะรึยัง”

ผมนิ่วหน้างงๆ

พี่นายมีสีหน้าค่อนข้างลำบากใจที่จะพูด “เอาเถอะ ยังไงก็ทำใจไว้หน่อยก็แล้วกัน...” เขาหันไปเคาะประตูเบาๆ 3-4 ครั้ง ก่อนจะเปิดมันออก

ผมเดินตามเขาเข้าไปในห้อง พยาบาลที่ยืนอยู่ตรงปลายเตียงหันมามองเราสองคนก่อนจะก้มหน้ากลับลงไปจดอะไรบางอย่างลงบนบอร์ดที่ถืออยู่ในมือเหมือนเดิม และเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้ถึงที่เตียงจนเริ่มเห็นสภาพของชายเพียงคนเดียวที่ผมเคยเรียกว่า ‘คนรัก’ ที่กำลังนอนหลับอยู่แล้ว ผมก็แทบจะหมดแรงก้าวขาต่อเลยทันที

ถ้าหากผมไม่รู้มาก่อนว่าคนที่กำลังนอนอยู่นี้คือนะแล้วล่ะก็ ผมคงไม่มีทางบอกได้แน่ๆ ว่านี่เขาคือเขาจริงๆ ร่างกายของเขาถูกพันระโยงระยางไปด้วยสายน้ำเกลือและสายไฟ ศีรษะของเขามีผ้าพันแผลสีขาวพันอยู่รอบ บนใบหน้ามีแต่รอยบวมและฟกช้ำจนไม่เหลือเค้าโครงหน้าเดิมของคนที่ผมรู้จักดีและเคยเห็นแทบทุกวันอยู่เลย เขาจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และยังมีผ้าพันแผลพันอยู่รอบแขนทั้งสองข้าง มีเฝือกที่ข้อมือขวากับขาซ้าย และผิวหนังส่วนที่ผมสามารถมองเห็นได้ก็มีแต่รอยฟกช้ำหรือไม่ก็ผ้าก็อตแปะแผลอยู่เต็มไปหมด

ใบหน้าหล่อๆ และรอยยิ้มขี้เล่นของเขากลายเป็นแค่เพียงความทรงจำที่แลดูเลือนลางไปโดยปริยาย ผมเดินเข้าไปจับราวเหล็กข้างเตียงแล้วน้ำตาก็ค่อยๆ ไหลออกมา ผมอยากให้เขาลืมตาขึ้น หันมายิ้มให้ผม และพูดว่า ‘กูไม่เป็นไรสักหน่อย ไอ้ตี๋’ ด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและเปี่ยมไปด้วยกำลังใจเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ ดวงตาฟกช้ำทั้งสองข้างของเขาปิดสนิท ลมหายใจก็แลดูแผ่วเบาจนแทบไม่เห็นหน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างช้าๆ ริมฝีปากเรียวบางคู่นั้นแลดูซีดเซียว รอยยิ้มของเขาที่อยู่ในความทรงจำของผมกลับยิ่งทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก ผมยื่นมือออกไปหมายจะสัมผัสที่แก้มของเขาเบาๆ แต่สุดท้ายก็ต้องชักมือกลับ มือของผมสั่นเทา และสุดท้ายน้ำตาก็ไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ

“ไอ้นะ..” ผมพยายามกลั้นน้ำตา แต่ก็อดที่จะสะอื้นเบาๆ ออกมาไม่ได้

ผมนึกถึงตอนที่เราเจอกันครั้งแรก ผู้ชายร่างสูงใหญ่กำยำคนนี้มีเสน่ห์และรอยยิ้มที่ทำให้ผมจดจำเขาได้ในทันที และเมื่อเราเริ่มรู้จักกันมากขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มและความเป็นกันเองที่เขามีก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกสบายใจที่ได้ใช้เวลาอยู่กับเขามากขึ้นไปอีก เขาเป็นคนดี เป็นคนซื่อ แลดูบริสุทธิ์ราวกับเด็กๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเข้มแข็ง อ่อนโยน และความเป็นผู้นำที่แฝงอยู่ก็สามารถเอาชนะใจผมไปได้ในที่สุด เขาทำให้ผมรู้สึกว่าเขาคอยปกป้อง ดูแล และเติมเต็มผมได้อย่างที่ไม่เคยมีใครทำให้แก่ผมมาก่อน
เขาเคยบอกกับผมว่าความรักของเรามันก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ แต่งดงาม เป็นเหมือนเมล็ดพันธุ์ที่ค่อยๆ เติบโต เรามีความใกล้ชิดเป็นเมล็ด มันถูกปลูกลงในกระถางที่ชื่อว่าหัวใจ เรามีมิตรภาพเป็นสารอาหาร มีความเชื่อใจเป็นดั่งแสงอาทิตย์อันอบอุ่น เมื่อกาลเวลาผันผ่านไป เมล็ดพันธุ์เมล็ดนั้นก็ค่อยๆ เติบโตขึ้น ลำต้นที่เติบใหญ่ขึ้นเปรียบเป็นดั่งความสัมพันธ์ของสองเรา และในที่สุดหน่ออ่อนเล็กๆ ที่ชื่อว่าความรักและความผูกพันก็เริ่มออกดอกงดงาม แต่ดูเหมือนว่าเราสองคนจะมีโอกาสได้ชื่นชมความงามของมันอยู่ได้เพียงไม่นานเท่านั้น เพราะในตอนนี้ต้นรักของเราสองคนกำลังจะเหี่ยวเฉาตายไปเพียงเพราะว่าเราอาจจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วอย่างนั้นน่ะหรือ...

ไม่ ผมจะยังไม่ยอมทิ้งความหวังที่ว่าเขาจะฟื้นตื่นขึ้นมาอีกครั้งเป็นอันขาด และต่อให้เขาฟื้นขึ้นมาแล้วจำผมหรือจำเรื่องระหว่างเราไม่ได้ ผมก็จะสร้างความทรงจำใหม่ๆ ให้แก่เขาเอง ผมจะยืนอยู่เคียงข้างเขาและไม่มีวันยอมทิ้งเข้าไปเด็ดขาด ผมจะรอจนกว่าวันที่ผมได้ยินเสียงของเขาพูดคำว่า ‘รัก’ กับผมอีกครั้ง

แต่การพยายามมองความหวังอันแสนริบหรี่และยึดเหนี่ยวมันเอาไว้ในขณะที่ความเป็นจริงมันช่างแสนโหดร้ายแบบนี้ก็ช่างทำได้ยากเย็นเสียเหลือเกิน

“กูรักมึงนะเว้ย ไอ้นะ กูขอโทษ... กูขอโทษ...” ผมก้มหน้าลง น้ำตาไหลจากแก้มหยดลงบนหลังมือของผม ผมหันหลังให้กับเตียง เดินผ่านพี่นายที่นั่งอยู่บนโซฟา แล้วจากนั้นก็สาวเท้าไวๆ เดินออกจากห้องไป

ผมมุ่งหน้าตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุด จากนั้นก็ขังตัวเองอยู่ในนั้น ผมยืนเอาหลังพิงประตูห้องน้ำและปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ออกมาโดยไม่พยายามฝืนอีกต่อไป ผมไม่สนใจอีกแล้วว่าใครที่เดินเข้ามาในห้องน้ำจะได้ยินเสียงของผมหรือเปล่า ผมไม่สนใจว่าผมร้องไห้เสียงดังขนาดไหน ผมกำหมัดแน่นและทุบลงบนประตูหลายครั้งราวกับคนบ้า ความเป็นจริงที่ว่าเขาอาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกแล้วมันเจ็บปวดและทรมานเกินกว่าที่ผมจะทนได้ ถึงผมจะบอกพี่นายว่าเราไม่ควรจะโทษตัวเองอีกแล้ว แต่ผมกลับไม่สามารถห้ามความคิดนั้นได้เสียเอง ผมทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง คำถามว่า ‘ทำไม’ นับสิบนับร้อยคำถามผุดขึ้นในหัวของผมอย่างไม่รู้จบ

ทำไมเขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย

ทำไมผมถึงหาเรื่องไปคุยกับพ่อของเขาก่อน

ทำไมผมถึงได้ขับรถออกมาจากบ้าน

ทำไมคืนนั้นผมไม่กลับไปหาเขา

ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับเรา ความรักของเรามันผิดมากขนาดนั้นเลยเหรอ

ทำไมพระเจ้าหรือเทวดาไม่เห็นใจเราบ้าง

ทำไมต้องเป็นเขา ทำไมไม่ใช่ผม

ทำไมหมอถึงช่วยเขาไว้ไม่ได้

ทำไมพ่อของเขาถึงยอมรับเราไม่ได้

ทำไม... ทำไม... ทำไม... ผมควรจะเดินข้างหน้าต่อไปอย่างไรดี

ผมหลับตาลง นึกถึงภาพที่เขาส่งยิ้มให้ผม เวลาที่เรากอดรัดเล่นกันแบบเด็กๆ ผมนึกถึงครั้งแรกที่ผมเห็นเขาแก้ผ้าอาบน้ำ ครั้งแรกที่เราได้สัมผัสร่างกายของกันและ ครั้งแรกที่เราจูบกัน ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของเขา เสียงหัวเราะ ความสุข ความทรงจำ ภาพทุกอย่างมันพังทลายไปจนหมดสิ้นเมื่อภาพใบหน้าฟกช้ำของนะที่ผมเห็นเมื่อครู่เข้ามาแทนที่ เสียงของหมอที่บอกว่าเขาจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกแล้วดังก้องขึ้นในหัวของผมอีกครั้ง และมันก็ทำให้ผมร้องไห้ออกมาอีกรอบ

เขาคือส่วนเติมเต็มในชีวิตของผมที่ผมตามหามาโดยตลอด เขาคือคนที่ทำให้ผมมีความสุขอย่างแท้จริง เวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ผมเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองและได้รู้จักกับคำว่า ‘ความรัก’ และ ‘ความผูกพัน’ ในมุมมองที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แต่นับจากนี้ไป ผมจะไม่มีเขาเดินอยู่ข้างกายผม ไม่มีเขาคอยให้กำลังใจ ไม่มีเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ความอบอุ่น ไม่มีคนที่จะรับฟังและให้คำปรึกษา ไม่มีอะไรอีกแล้ว ไม่มีอีกเลย...

แล้วผมจะเดินต่อไปได้อย่างไร

ตลอดเวลาที่ผมขังตัวเองร้องไห้อยู่ในห้องน้ำ ผมได้ยินเสียงฝีเท้าเดินผ่านไปมาก็หลายครั้ง แต่แล้วจู่ๆ เสียงฝีเท้าหนึ่งก็เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องน้ำที่ผมนั่งอยู่ เขาเคาะประตูเบาๆ และเรียกชื่อผม

“ซี...”

ผมรีบลุกขึ้นจากพื้นและใช้แขนเสื้อปาดน้ำตาออกจากหน้าอย่างรวดเร็ว “พ่อ”

“เปิดประตูซิลูก”

ผมหันไปดึงทิชชู่ออกมาเช็ดหน้าเช็ดตาแล้วจากนั้นก็เปิดประตูห้องน้ำออก พ่อที่ยืนรอผมอยู่มองหน้าผมด้วยดวงตาที่อ่อนโยนและแลดูปวดร้าว

“พ... พ่อมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ แล้วพ่อรู้ได้ไงว่าซีอยู่ในนี้” ผมสูดจมูกพลางใช้ทิชชู่ซับน้ำมูกที่คอยแต่จะไหลออกมา

“พ่อเพิ่งมาถึง แซ็คมันบอกพ่อว่าเราอยู่ในนี้เพราะมันได้ยินเสียงของเรานั่นแหละ” พ่อตอบก่อนจะถอนหายใจเบาๆ “พ่อรู้เรื่องทั้งหมดแล้วนะ...”

“ครับ...” ผมก้มหน้า

“ซี...” พ่อใช้มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าของผมให้เงยขึ้นสบตากับเขา “เข้มแข็งไว้นะลูก จำไว้ว่าอย่าละทิ้งความหวัง และอย่าละทิ้งความรักที่มี ถ้าหากว่านะเป็นคนสำคัญกับเราจริงๆ เราต้องเข้มแข็งและห้ามทิ้งมันไปเด็ดขาด”

น้ำตาของผมเริ่มไหลออกมาอีก

“คร... ครับ พ่อ...” ผมตอบกลับไปด้วยเสียงที่สั่นเครือ

“พ่ออาจจะไม่ได้พูดแบบนี้กับซีบ่อยมากนัก แต่พ่อรักลูกนะ รักมาก และพ่อก็รักคนที่ลูกรักด้วยเหมือนกัน”

ผมดึงตัวของพ่อเข้ามากอดและร้องไห้ลงบนบ่าของเขา พ่อลูบหลังผมเบาๆ ในชั่วเวลานั้นเองที่ผมรู้สึกราวกับตัวเองกลับไปเป็นเด็กเล็กๆ อีกครั้ง ผมไม่ได้กอดพ่อแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ โดยเฉพาะการที่ได้ร้องไห้ต่อหน้าพ่อแบบนี้แล้วยิ่งนานมากกว่า ผมอดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าผมช่างเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อกับแม่ และยิ่งอดคิดไม่ได้เข้าไปอีกว่าถ้าหากนะได้เกิดมาในครอบครัวที่เข้าใจเขามากกว่านี้ล่ะก็ เราทั้งคู่ก็คงจะ...

“ไปล้างหน้าล้างตาแล้วออกไปข้างนอกกันเถอะ แม่เค้าเป็นห่วง” พ่อดันตัวผมออกแล้วตีแก้มผมเบาๆ 2-3 ที

เมื่อผมกับพ่อเดินออกมาจากห้องน้ำ แม่ที่ยืนรออยู่ก็ดึงผมเข้าไปกอดทันที ถึงผมจะคุ้นเคยกับการกอดแม่มากกว่าพ่อ แต่ทุกๆ ครั้ง อ้อมกอดของแม่ก็ยังคงอบอุ่นเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง

น่าแปลกเหมือนกันนะ การที่ผมนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวเป็นชั่วโมงๆ ยังไม่ทำให้ผมรู้สึกสบายใจเท่ากับการได้กอดพ่อกับแม่อีกครั้งแบบนี้เลย

“ไปเถอะ พาแม่กับพ่อไปหานะหน่อย” แม่จับมือผม

ผมเดินนำพ่อ แม่ ทราย และพี่แซ็คไปที่ห้องของนะ เมื่อผมเปิดประตูห้องเข้าไป พยาบาลก็มองมาที่พวกเราด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจ เธอบอกพวกเราว่าคนไข้ยังอยู่ในสภาพที่ต้องการการดูแลจากหมอและพยาบาลอย่างใกล้ชิด จึงควรจะได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่และไม่ควรถูกรบกวนบ่อยมากนัก ผมจึงสวนกลับไปทันทีว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่คือคนที่รักและห่วงนะ และจากประสบการณ์ของผม การที่พยาบาลเข้ามาคอยวุ่นวายตรวจวัดนั่นวัดนี่คนไข้บ่อยๆ นั่นแหละ ที่เรียกว่า ‘การรบกวน’
นางพยาบาลมองหน้าผมอย่างไม่ค่อยพอใจ ก่อนจะกระแทกเท้าเดินออกจากห้องไป

ผมหันไปหาแม่ที่ยืนหน้าหงิกอยู่

“ก็มันเรื่องจริงไม่ใช่เหรอครับ”

“ย่ะ” แม่ตีแขนผมเบาๆ

พี่นายเดินเข้ามาไหว้พ่อกับแม่และกล่าวขอโทษที่ต้องรบกวนพวกเขา จากนั้นพ่อกับแม่ก็เดินเข้าไปดูอาการนะใกล้ๆ ในขณะที่ทรายยืนตัวแข็งอยู่ที่ปลายเตียง เมื่อแม่เห็นสภาพของนะแล้วก็ร้องไห้ออกมาเบาๆ พ่อจึงต้องโอบไหล่แม่แล้วพาเดินไปนั่งลงบนโซฟาในขณะที่พี่นายเล่าเหตุการณ์และสิ่งที่หมอบอกให้พวกเขาฟังอีกครั้ง ส่วนผมก็เดินเข้าไปโอบบ่าน้องสาวของผมเอาไว้

“พี่นะจะไม่เป็นไรใช่มั้ย พี่ซี” เสียงของยัยทรายเองก็สั่นเครือน้อยๆ

“อืออ...” ผมตอบได้แค่นี้จริงๆ

ผมอยากให้นะตื่นขึ้นมารับรู้จริงๆ ว่าครอบครัวของผม... ครอบครัวของ ‘เรา’ ทุกคนเป็นห่วงเขามากขนาดไหน

“เดี๋ยวผมขอตัวแป๊บนึงนะครับ” จู่ๆ พี่นายก็พูดขึ้น ผมจึงหันไปหาเขางงๆ พี่นายที่กำลังยืนขึ้นพร้อมกับถือโทรศัพท์มือถือไว้ในมือหันมาหาผม “ตำรวจโทรมาน่ะ พี่ขอตัวออกไปคุยข้างนอกก่อนนะ”

“ครับ” ผมพยักหน้า

เมื่อพี่นายเดินออกจากห้องไปสักพัก พ่อก็พูดขึ้นว่าจะต้องหาทางช่วยเหลือนะให้ได้ พ่อจะถามเพื่อนๆ ที่เป็นหมอ อาจารย์ที่รู้จัก ใช้เส้นสายทุกเส้นที่มี และจะพยายามทุกวิถีทางที่จะพานะไปรักษาตัวในกรุงเทพฯ ที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุดกับหมอที่เก่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม่เองก็เห็นด้วยและยังถึงขั้นเอ่ยปากว่าถ้าหากครอบครัวของนะมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย แม่เองก็ยินดีที่จะช่วยเหลือเท่าที่ช่วยได้เลยด้วยซ้ำ

“เฮ้ออ... พ่อว่าพวกเราออกไปกินข้าวกันก่อนดีกว่ามั้ย เดี๋ยวค่อยกลับมาใหม่อีกครั้ง”

“นั่นน่ะสิ เดี๋ยวพอกลับมาแล้วจะได้แวะไปเยี่ยมพ่อของนะด้วยเลย” แม่เห็นด้วย

“ซีไม่ไปอะครับ พ่อกับแม่ไปเถอะ ซีอยากอยู่ที่นี่”

“แต่แกจะไม่กินอะไรเลยไม่ได้นะเว้ย ไอ้ซี” พี่แซ็คพูด

“นั่นน่ะสิลูก ยังไงก็ไปหาอะไรรองท้องหน่อยเถอะ”

ผมส่ายหน้า “ไม่เป็นไรครับแม่ พ่อกับแม่แล้วก็ทรายไปกินข้าวกับพี่แซ็คเถอะ เดี๋ยวซื้อนมหรืออะไรนิดหน่อยติดมือมาให้ซีรองท้องก็พอ ซีกินไม่ลงครับ”

“แต่ว่า...” แม่ทำท่าจะประท้วง แต่พ่อกลับเป็นฝ่ายห้ามเอาไว้ก่อน

“เอาเถอะๆ ถ้างั้นเดี๋ยวพ่อซื้ออะไรขึ้นมาฝากก็แล้วกัน ไปกันเถอะแม่ แซ็ค ทราย”

“ขอบคุณนะครับพ่อ”

ผมยืนมองพวกเขาที่กำลังจะเดินออกจากห้องไป แต่แล้วก็รีบวิ่งไปจับประตูเอาไว้แล้วดึงตัวแม่มากอดอีกครั้ง แม่ดูตกใจนิดหน่อยแต่ก็กอดผมกลับเหมือนทุกทีราวกับเป็นสัญชาติญาณของคนเป็นแม่

“ขอบคุณนะครับแม่ ซีรักแม่มากนะครับ”

“แม่ก็รักลูกจ้ะ”

ผมดันตัวเองออกและหันไปกอดพ่ออีกคน “ซีรักพ่อนะครับ ขอบคุณครับ ซีขอบคุณแทนไอ้นะด้วย ขอบคุณจริงๆ”

พ่อลูบหัวผมเบาๆ “ไม่มีพ่อคนไหนที่ไม่รักลูกหรอก จำไว้” เขาดันตัวผมออกและจูบลงบนหน้าผากของผมเบาๆ เหมือนเมื่อตอนผมเป็นเด็ก “ไปเถอะ เดี๋ยวพ่อกับแม่ขึ้นมาใหม่”

“ครับ” ผมปิดประตูห้องลง จากนั้นก็เดินกลับมายืนอยู่ข้างๆ เตียงของนะอีกครั้ง

ผมลากเก้าอี้มานั่งลงข้างๆ เขาแล้วก็ใช้ปลายนิ้วลูบบนหลังมือของเขาอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวว่าเขาจะเจ็บ

“ไอ้นะ...” ผมพูดขึ้น  “มึงจะได้ยินกูมั้ยวะ กูไม่รู้ว่ามึงจะได้ยินเสียงของกูรึเปล่านะ แต่ว่า...” ผมเว้นช่วงก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ “หึๆ นึกๆ แล้วก็ตลกว่ะ ทั้งๆ ที่กูกำลังพูดอยู่กับมึง แต่ก็เหมือนกูพูดอยู่คนเดียวแบบนี้น่ะ กูเองก็ไม่รู้ว่าเสียงของกูจะไปถึงมึงมั้ย แต่กูอยากบอกมึงจริงๆ ว่า กูรักมึงมากนะเว้ย รักมากกว่าใครๆ กูอยากให้มึงรู้ไว้... ไม่ว่าจะตอนมึงหลับหรือตื่น กูก็อยากจะให้มึงรู้เอาไว้ว่ากูจะอยู่เคียงข้างมึงเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม กู... กูสัญญา...” ผมก้มหน้าลงและกำหมัดแน่น น้ำใสๆ เริ่มไหลมาคลออยู่ที่ริมขอบตา “นับจากนี้กูจะบอกรักมึงทุกวัน กูจะรักมึงให้มากขึ้นยิ่งกว่าที่เคย... กูจะไม่มีวันมีคนอื่นมาแทนที่มึงเด็ดขาด กูจะเป็นคนที่ดีขึ้น จะตั้งใจเรียนแทนในส่วนของมึง และจะทำทุกๆ อย่างเพื่อให้มึงกลับมา กู... กูจะรอจนกว่าที่เราจะได้เจอกันอีกครั้งนะเว้ย เพราะฉะนั้น... เพราะฉะนั้นมึงต้องกลับมาหากูนะ ไอ้เชี่ยตูด มึงได้ยินกูมั้ย... ได้ยินกูมั้ย มึงต้องกลับมานะ... รับปากกับกูสิ ไอ้เหี้ย... ฮึกก...ก...”

ผมก้มหน้าลงฟุบกับขอบเตียง พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเงยหน้ากลับขึ้นมองใบหน้าของชายที่ผมรักอีกครั้ง เขายังคงหลับสนิทและไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำพูดของผมเลยแม้แต่นิดเดียว

สิ่งที่เรียกว่า ‘ความหวัง’ มันช่างเจ็บปวดเกินทนจริงๆ

ในขณะที่ผมกำลังนั่งมองหน้าของเขาอยู่นั้น จู่ๆ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ผมจึงรีบใช้นิ้วชี้ปาดน้ำตาออกทันที บุรุษพยาบาลคนหนึ่งเข็นรถเข็นพาพ่อของนะเข้ามาในห้อง สีหน้าของพ่อแลดูซีดเซียว และเมื่อเขาเห็นว่าผมอยู่ในห้องคนเดียว เขาก็ถอนหายใจเบาๆ

“ส่งผมแค่นี้ก็ได้ ผมเดินไหว” เขาพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน

“ให้ผมช่วยนะครับ”

“ไม่ต้อง ผมไม่เป็นไร คุณออกไปเถอะ ผมอยากอยู่กับลูกชายผมตามลำพัง”

บุรุษพยาบาลพยักหน้ารับและเข็นรถเข็นกลับออกไป และเพราะประโยคที่ผมได้ยินเมื่อครู่ ผมจึงตัดสินใจที่จะเดินออกจากห้องตามเขาไปด้วยอีกคน

“ไม่ต้อง อยู่ที่นี่แหละ...” พ่อพูดขึ้น

ผมหันไปมองเขางงๆ ในขณะที่เขายืนอยู่ข้างเตียงและจับราวกั้นเตียงเอาไว้แน่น สายตาของเขาไล่ตั้งแต่ใบหน้าของลูกชาย ไปยังสายน้ำเกลือและสายไฟที่ระโยงระยาง ร่างกาย แขน ขา แล้วจึงย้อนกลับขึ้นมาที่ใบหน้าอีกครั้ง เขายกมือขึ้นลูบหัวของนะอย่างเบามือ ผมมองเห็นร่างกายของเขากระตุกน้อยๆ แล้วจากนั้นก็ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ

“นะ... ลูกพ่อ... พ่อขอโทษ นะกลับมาหาพ่อเถอะ พ่อขอร้อง พ่อไม่อยากสูญเสียลูกหรือใครไปอีกแล้ว...” เขาพูดเพียงสั้นๆ ก่อนจะนิ่งไปครู่หนึ่งและก้มลงจูบลงบนหน้าผากของนะอย่างแผ่วเบา “ให้อภัยพ่อด้วยนะ ชนะชัย ลูกรักของพ่อ... พ่อรักลูกมากนะ”

ผมนึกถึงคำพูดที่พ่อเพิ่งบอกผมเมื่อกี้ขึ้นมาทันที “ไม่มีพ่อคนไหนที่ไม่รักลูกหรอก...”

“ซี” พ่อของนะเหยียดตัวขึ้นตรง แต่ยังคงไม่ได้หันมาหาผม

“ครับ...”

“รักนะมากแค่ไหน”

“รักมากครับ” ผมตอบอย่างไม่ลังเล “มากพอที่จะไม่มีวันทิ้งเค้าไปเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”

“งั้นเหรอ...” พ่อหันมามองหน้าผมด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า เขาแลดูแก่ชราและเหนื่อยอ่อนยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมาเสียอีก “แล้วพ่อจะคอยดู”

ผมสังเกตว่าสรรพนามแทนตัวเองที่เขาใช้กับผมเปลี่ยนไปอีกครั้ง ซึ่งมันก็ทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นอีกเล็กน้อย

“ครับ” ผมรับคำด้วยความมั่นใจ

.
.
.

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
«ตอบ #919 เมื่อ14-06-2012 19:08:29 »

อีกสองสัปดาห์ถัดมา ผมก็ยังคงพักอยู่ที่โรงแรมไม่ไกลจากโรงพยาบาลที่นะรักษาตัวอยู่ ข่าวดีคือหมอประจำตัวของนะและทางโรงพยาบาลยินยอมที่จะให้มีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปรักษาตัวต่อที่กรุงเทพฯ ได้ แต่ยังต้องรอจนกว่าสภาพร่างกายของนะจะดีขึ้นอีกสักพักหนึ่ง อีกเรื่องคือเพื่อนๆ ของพวกเราที่มหาวิทยาลัยต่างก็รู้ข่าวเรื่องของนะกันหมดแล้ว รวมทั้งยังรู้ด้วยว่าผมกับนะเป็นแฟนกัน จากเรื่องในครั้งนี้ทำให้แม้แต่ไอ้ก้องที่เคยหายหัวไปยังโทรมาถามไถ่และขอโทษผมสำหรับเรื่องทั้งหมดที่มันเคยทำลงไปด้วยเลย เพื่อนบางคนก็อุตส่าห์ขับรถมาเยี่ยมพร้อมกับให้กำลังใจผมว่านะจะต้องฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง แต่น่าแปลกที่สำหรับผมในตอนนี้ คำพูดเหล่านั้นมันกลับแลดูว่างเปล่าและไร้ความหมายอย่างหาคำอธิบายไม่ได้ บางครั้งผมก็รู้สึกเชื่อว่านะจะต้องฟื้นขึ้นมาส่งยิ้มให้ผมเหมือนเดิม แต่ก็มีบางครั้งที่ผมนอนไม่หลับและต้องแอบร้องไห้เงียบๆ อยู่คนเดียว ในบางคืน ความฝันที่ผมฝันถึงเขามันช่างสวยงามและอบอุ่นจนทำให้ผมต้องเจ็บปวดและเสียน้ำตาในยามตื่นนอน แต่โดยรวมแล้ว ผมก็รู้สึกว่าผมเริ่มทำใจได้ดีขึ้น ความหวังว่าเขาจะต้องกลับมายังคงไม่ลดลง แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็เริ่มเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่กับความจริงที่ว่าผมอาจจะทำได้แค่นั่งจับมือเขา และมองดูใบหน้ายามหลับของเขาแบบนี้ไปตลอดด้วยเช่นเดียวกัน

“วันนี้หมอมาตรวจและบอกพี่ว่าภายในหนึ่งเดือนนะ...” พี่นายพูดกับผมหลังจากที่ผมเพิ่งเดินเข้าไปในห้อง “หมอบอกว่ารายงานจากคลื่นสมองและอื่นๆ แสดงว่านะยังอาการทรงตัว แต่ก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นทีละน้อยๆ เพราะฉะนั้นหมอเลยคิดว่า นะอาจจะสามารถฟื้นขึ้นมาได้ภายในหนึ่งเดือนนับจากนี้น่ะ”

เรื่องที่ผมได้ยินนับเป็นข่าวดีที่สุดในรอบหลายวันที่ผ่านมาเลยทีเดียว แต่ทว่าสีหน้าของพี่นายกลับไม่มีวี่แว่วของความสุขอย่างที่ควรจะเป็นอยู่เลย ดังนั้นผมจึงรอให้เขาพูดต่อก่อนที่จะเผลอรู้สึกดีใจออกไป

“แต่... เปอร์เซ็นต์ก็ยังคงต่ำกว่า 20 หรือ 30% อยู่ดีว่ะ ดังนั้นเราจึงยังไม่ควรจะหวังอะไรมากนัก เพราะโอกาสที่นะจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลยก็ยังมีอยู่สูงมากกว่า 70% โดยเฉพาะถ้าผ่านพ้นสองเดือนไปแล้วล่ะก็โอกาสมันก็คงจะยิ่ง...”

ผมคิดว่าหมอคนนี้นี่แม่งโคตรเก่งในเรื่องการทำลายความหวังของคนอื่นจริงๆ นั่นแหละ

“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่นาย ผมเข้าใจและผมรับได้...” ผมหันไปมองใบหน้าหลับสนิทของนะ “ถึงจะยังไม่ยอมแพ้ แต่เราก็ต้องหัดยอมรับความเป็นจริงและเผื่อใจไว้บ้าง จริงมั้ยล่ะครับ”

“นั่นสินะ...” เขาหันไปมองน้องชายเพียงคนเดียวของตัวเองก่อนจะถอนหายใจอีกครั้งและลุกขึ้นยืน “ถ้างั้นพี่ไปทำงานก่อนนะ แล้วเดี๋ยวเย็นๆ พี่จะพาพ่อมาเยี่ยมเหมือนเดิม”

“ครับ”

“ซี” เขาวางมือลงบนไหล่ของผม “พี่ขอบใจมากนะ ขอบใจจริงๆ”

ผมเงยหน้าขึ้นไปยิ้มให้เขา เขายิ้มจางๆ ตอบกลับมาแล้วจึงเดินออกจากห้องไป

ผมลุกออกจากเก้าอี้ เดินไปเปิดผ้าม่านออกให้แสงสว่างสาดส่องเข้ามาในห้อง จากนั้นก็ลากเก้าอี้มานั่งลงที่หัวเตียงใกล้ๆ เขา
รอยฟกช้ำบนใบหน้าของเขาเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย อาการบวมลดน้อยลง ริมฝีปากก็ดูมีเลือดฝาดมากขึ้นกว่าเมื่อในวันแรก ผมใช้หลังมือลูบแก้มเขาเบาๆ แล้วจึงหันไปหยิบกระถางต้นไม้เล็กๆ ที่มีโฮย่าหัวใจปักเอาไว้อยู่ขึ้นมาดูก่อนจะวางมันกลับลงไปที่เดิมอีกครั้ง

“เฮ้อออ... อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะเปิดเทอมแล้วว่ะ มึงต้องรีบๆ หายดีแล้วไปเรียนกับกูนะเว้ย ไอ้นะ ไม่งั้นกูคงเหงาแย่...” ผมกุมมือเขาเอาไว้ “เอ้อ เมื่อเช้ากิ๊กมันโทรมาหากูด้วยนะ บอกว่าจะมาเยี่ยมมึงแต่ยังไม่มีเวลาเลย กูว่ามันคงรู้แล้วล่ะว่าเราเป็นแฟนกันน่ะ แม่งเลยทำตัวไม่ค่อยถูกมั้ง ไม่รู้ดิ” ผมยักไหล่

ผมนั่งมองใบหน้าของเขาที่หลับอย่างสงบอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันหยิบหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงขึ้นมาเปิดออก หนังสือเล่มนี้คือวรรณกรรมแปลเกี่ยวกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องพัดพรากจากพ่อ แม่ และน้องสาวของตัวเอง และต้องพบกับการผจญภัยมากมายในการตามหาครอบครัวอันเป็นที่รักของเขา ผมเจอหนังสือเล่มนี้โดยบังเอิญที่ร้านหนังสือแห่งหนึ่งเมื่อสี่วันก่อน และผมก็อ่านมันให้เขาฟังมาตลอดนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

“โอเค มา เดี๋ยวกูจะอ่านต่อจากที่อ่านค้างไว้เมื่อคืนให้มึงฟังล่ะนะ” ผมหันไปยิ้มให้กับเขา “ตั้งใจฟังด้วยล่ะ ไอ้ตูด ถ้าแอบหลับแล้วปล่อยให้กูพูดอยู่คนเดียวล่ะ โดนแน่นะมึง”

บางครั้งผมก็รู้สึกนะว่าโชคชะตานี้ช่างเล่นตลกและโหดร้ายกับผมเสียเหลือเกินที่ทำให้ผมกับคนที่ผมรักต้องเป็นแบบนี้ แต่พอมาลองคิดดูอีกที ผมก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนแล้วที่ได้เกิดมารักคนๆ หนึ่งที่ทำให้ผมสมบูรณ์แบบที่สุดเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน เขาคือชิ้นส่วนชิ้นสุดท้ายที่ผมตามหา ผมรักเขา และเขาก็รักผม ไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบัน เราก็ยังคงเป็นคนรักที่รักกันมากที่สุด นั่นคือสิ่งสำคัญที่ผมจะลืมไม่ได้เด็ดขาด และในอนาคตนับจากนี้ ผมก็จะรักเขาให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ผมจะไม่มีวันทิ้งเขาไปอย่างแน่นอน ไม่ว่าเขาจะกลับมาหาผมหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปแล้ว เพราะผมรู้ดีว่าเรายังคงมีกันและกัน และจะเป็นอย่างนี้ไปอีกนานเท่านานจนกว่าลมหายใจของเราจะหมดลง

เขาเปรียบเป็นดั่งดวงใจของผมที่ยังคงเต้นอยู่ตามทุกจังหวะของลมหายใจ ไม่มีอะไรที่จะมาทำลายความรักของเราลงได้ และไม่มีใครที่จะมาแทนที่เขาได้ด้วยเช่นกัน เพราะหัวใจของเราสองคนคือดวงเดียวกันมาตั้งนานแล้วนี่นา

หลังจากที่อ่านหนังสือไปได้หลายหย้าผมก็อ้าปากหาวและปิดหนังสือลงก่อนจะเหยียดแขนขึ้นบิดขี้เกียจ

“กูเริ่มง่วงแล้วว่ะ ขอนอนพักสักงีบแล้วกันนะเว้ย...” ผมวางหนังสือกลับลงไปที่เดิมและชะโงกตัวเข้าไปหอมแก้มเขาเบาๆ อย่างทะนุถนอม “กูรักมึงนะ ชนะชัย... แล้วก็ขอบใจที่มึงเองก็รักกูเหมือนกัน ขอบใจจริงๆ”


.....................................................จบ .....................................................


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
« ตอบ #919 เมื่อ: 14-06-2012 19:08:29 »





ออฟไลน์ Paracetamol

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-2
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
«ตอบ #920 เมื่อ14-06-2012 19:29:43 »

 o22 ...
!!!!!!!!!!
what the hell !!!?

ออฟไลน์ netkung

  • เป็ดกูรู
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
«ตอบ #921 เมื่อ14-06-2012 19:38:16 »

หักมุมมากกกกกกกกกกกกกก  สแลกโค้งเลยทีเดียว

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
«ตอบ #922 เมื่อ14-06-2012 19:55:26 »

รอจ้ารอ ^^

kisz

  • บุคคลทั่วไป
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
«ตอบ #923 เมื่อ14-06-2012 20:01:38 »

จบ!!?!

ไม่ได้จบจริงๆใช่มั้ย? แค่จบตอนเนอะ o.O

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
«ตอบ #924 เมื่อ14-06-2012 20:21:08 »

จบจ้ะ จบแล้ว ^___^

ก่อนหน้านี้มีโจทย์ว่า "อยากได้นิยายที่มีครบหลายอารมณ์ แต่ไม่ยาว" + "ตอนจบที่ประทับใจ แต่ไม่ตาย เศร้า แต่ไม่พรากจากกัน ยังรักกันอยู่"

เลยออกมาแบบนี้ครับ หวังว่าคงจะเกลียดขี้หน้าไอ้ต้นไปตามๆ กัน 55555

ปล. ตอนพิเศษขอสำรองไว้สำหรับตอนรวมเล่มนะครับ ^^

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
«ตอบ #925 เมื่อ14-06-2012 21:14:23 »

จบแล้วจริงๆหรอ ใจหายอ่ะ แบบเศร้าสุดๆ (ปล.พี่ต้นไม่ไหวอ่ะค้างเกิน..ไม่ได้ค้างที่พี่เขียนนะ พี่ต้นเขียนจบซึ้งมาก เคลียร์ทุกอย่าง แต่ที่ค้างคือความอยากรู้อยากเห็นส่วนตัว ว่านะฝืนมาจะจำซีได้ไหมและเค้า2คนจะเป็นไง ถ้ามีภาคต่อก็ดีนะ ^^)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-06-2012 22:46:12 โดย namtarn11 »

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
«ตอบ #926 เมื่อ14-06-2012 21:22:14 »

อยากร้องเพลงนี้ให้กับคุณต้น



"ทำไมถึงทำกับฉันได้" :sad4:

ออฟไลน์ ruby

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 477
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-3
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
«ตอบ #927 เมื่อ14-06-2012 21:31:01 »

บอกได้คำเดียวว่า"สุดยอด" ประทับใจตั้งแต่ต้นจนจบ
เห็นตอนที่บอกว่า28-29ก็เอะใจนิดๆว่าทำไมลง2ตอน
พร้อมกันเลย ค่อยๆอ่านช้าๆที่ละบรรทัดกลัวพลาด
เนื้อหาสำคัญไป จนถึงประโยคสุดท้าย "จบ"
เล่นเอาอึ้งไปพักนึง เฮ้ย จบจริงดิ 555
แต่จบแบบนี้ก็โอเคนะ สุขๆเศร้าๆเคล้าน้ำตา
เรื่องนี้คงเป็นนิยายอีกเรื่องที่ประทับใจตอนจบมาก :กอด1:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
«ตอบ #928 เมื่อ14-06-2012 21:43:45 »

กรีดร้อง คลุ้มคลั่งมากมาย :z3:
เศร้าอะเศร้า มากๆ :monkeysad:
การรอคอยแบบนี้ คนรอมันทรมานนะคะ เป็นกำลังใจให้ซี เข้มแข็งเพื่อนะนะ :กอด1:
ไม่มีอะไรจะพูด...นอกจากพี่ต้นใจร้ายที่สุด :o12:

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 28-29)
«ตอบ #929 เมื่อ14-06-2012 22:06:22 »

 :m15: ดูเค้าจบดิ!

ตอนพิเศษที่ว่าอยู๋ในเล่มนั่น นะคงจะฟื้น

ไม่แน่ใจว่าจะได้ซื้อหรือเปล่านะครับ

แต่... :เฮ้อ: ตอนนี้นอยด์จัง

ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องดีๆนี้นะครับ

ผมดีใจที่ได้ตามเรื่องนี้มาตั้งแต่แรกๆ

แม้ว่าตอนจบจะไม่ได้สมหวัง

ผมก็ดีใจที่ได้อ่าน

ขอบคุณมากนะครับ  :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด