]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (จบ) แจ้งข่าว ให้ติดตามในแฟนเพจ  (อ่าน 308177 ครั้ง)

ออฟไลน์ ppanudet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 350
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 21)
«ตอบ #750 เมื่อ05-05-2012 02:22:16 »

ดันๆๆ

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
«ตอบ #751 เมื่อ05-05-2012 23:15:13 »

SeeeDz ที่ 22


ปกติผมกับนะมักมีเรื่องให้คุยกันอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มหาวิทยาลัย เรื่องเรียน เรื่องเพื่อน หนัง เพลง ละคร ข่าว ครอบครัว ชีวิต อดีต อนาคต ความฝัน มากมายเต็มไปหมด ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเรานอนคุยกันจนกว่าจะหลับก็ปาไปเกือบตีหนึ่งแล้ว แต่ในตอนนี้ ขณะที่กำลังนั่งกินข้าวเช้าด้วยกันอยู่ เราก็ยังมีเรื่องให้คุยกันต่ออีก เขาทำให้ผมรู้สึกว่าเรามีเรื่องให้เรียนรู้กันและกันได้อย่างไม่รู้จบ เรามีทัศนคติ ความคิด ความชอบ และสิ่งที่ไม่ชอบคล้ายคลึงกัน ซึ่งผมว่านี่แหละคือเหตุผลที่ทำให้เขาเป็นกันยิ่งกว่าคนรัก แต่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและเป็นเหมือนกับพี่ชาย (หรือบางทีก็น้องชาย) ของผมอีกด้วย

ผมนั่งมองหน้าเขาแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่านานแค่ไหนแล้วนะที่ผมไม่ได้รู้สึกรัก รู้สึกผูกพัน มีความสุขกับการเป็นตัวของตัวเอง และที่สำคัญ... มีความสุขที่ได้ใช้เวลาอยู่กับใครสักคนมากถึงขนาดนี้

“ยิ้มอะไรวะ ไอ้ตี๋” เขามองหน้าผมยิ้มๆ ดูเหมือนว่าเขาเองก็จะพอรู้ล่ะว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่

“ป๊าววว ไม่มีอะไรสักหน่อย”

เขายิ้มกว้าง “กูว่ามึงต้องกำลังคิดเหมือนกูแน่ๆ”

“เหรอวะ งั้นบอกมาดิ๊ว่ามึงคิดอะไร”

“ป๊าววว ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย” เขาย้อน

“กวนตีนนักนะมึง” ผมเตะขาของเขาที่อยู่ใต้โต๊ะ

“โอ๊ยย! เดี๋ยวเหอะมึง กลับขึ้นห้องไปจะจัดให้หนัก!”

“มึงทำลงเหรอวะ ไอ้ตูด กูยังเจ็บอยู่เลยนะ ใจคอมึงยังคิดจะ ‘ทำร้าย’ กูอีกเหรอ” ผมแกล้งเน้นคำ

“อ้าว มึงเจ็บอยู่จริงๆ เหรอวะ เจ็บมากมั้ย” น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปทันที

เขานี่แม่งโคตรซื่อจริงๆ ผมเลยตัดสินใจเล่นตามน้ำต่อไปอีกหน่อย “อือ ก็เจ็บอะว่ะ จริงๆ กูก็ไม่อยากบอกมึงหรอก กลัวมึงจะเป็นห่วงอีก แต่เมื่อเช้าตอนเข้าห้องน้ำ กู...”

“อะไรวะ นี่มึง มึง...” เขาลดเสียงลง สีหน้าเป็นกังวล “มึงอึออกมาเป็นเลือดอีกแล้วเหรอ”

“อือออ...” ผมก้มหน้า “จริงๆ เมื่อคืนกูก็เจ็บแหละ แต่ไม่อยากบอกมึง กลัวว่ามึงจะอารมณ์ค้าง”

“โธ่ ไอ้ซี...!!” คิ้วทั้งสองข้างของเขาขมวดเข้าหากัน “ทำไมมึงต้องทนแบบนี้ด้วย กูเป็นห่วงมึงนะเว้ย!”

“โถๆๆ ดูทำหน้าซิเนี่ย ไอ้ตูดหมึกของพี่” ผมเอื้อมมือไปลูบหัวเขาเบาๆ

นะมองหน้าผมงงๆ ก่อนจะรู้สึกตัวว่าเพิ่งโดนผมอำ “ไอ้เหี้ย! นี่ตกลงมึงเจ็บจริงรึเปล่าเนี่ย!!”

“ชู่วววว!” ผมจุ๊ปาก “กลัวคนอื่นไม่ได้ยินรึไง!” ผมปรามเขา ถึงแม้จะรู้ดีว่าในร้านไม่มีลูกค้าคนอื่นอยู่เลยนอกจากเราสองคนก็ตาม

“นี่ตกลงมึงเจ็บจริงรึเปล่า ไอ้ตี๋ กูเป็นห่วงมึงจริงๆ นะเว้ย”

“เอออ กูเจ็บจริงๆ กูยอมรับก็ได้ แต่ไม่เยอะหรอก มึงไม่ต้องเป็นห่วง เมื่อกี้กูแค่หยอกมึงเล่นเฉยๆ”

“แน่ใจนะ” เขายังคงมีสีหน้าแคลงใจ

“เออ จริงๆ เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้วน่าาา เรียกป้าเค้าเก็บเงินเหอะ จะได้กลับไปนอนดูทีวีบนห้องกัน”

ระหว่างที่เดินกลับหอจนกระทั่งขึ้นขึ้นไปถึงในห้อง นะก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลยจนผมเริ่มไม่สบายใจซะแล้วว่าเขาจะโกรธผมเรื่องที่ผมแหย่เขาเมื่อครู่นี้หรือเปล่า

“เฮ้ยยย” ผมเดินเข้าไปโอบบ่าของเขา “เป็นอะไรวะมึง โกรธกูเหรอ จู่ๆ ก็เงียบไป”

“เปล่า ไม่ได้โกรธหรอก กูแค่คิดอะไรนิดหน่อยว่ะ จริงๆ ก็คิดมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วล่ะ”

“คิดไรวะ”

เขาหันมามองหน้าผมแล้วยิ้มยิงเขี้ยว ก่อนจะโหมตัวดันผมจนเราทั้งคู่ล้มลงไปบนเตียง

“เฮ้ยย!!”

“ร้องทำไม! เมื่อกี้กูบอกแล้วไงว่ารอขึ้นห้องเหอะกูจะเล่นงานให้...!!”

“อะไรของมึงเนี่ย! กูก็นึกว่ามึงงอนอะไรกูซะอีก!” ผมหยิบหมอนขึ้นมาฟาดหน้าเขา

“โอ๊ยย! ไม่ใช่เว้ย กูล้อเล่น เมื่อกี้กูกำลังคิดอะไรอยู่จริงๆ”

“งั้นอะไร บอกมา”

“ก็...” น้ำเสียงของเขาเริ่มจริงจังขึ้น “คิดเรื่องที่มึงเล่าให้กูฟังเมื่อคืนอะ”

“เรื่องไอ้ก้องกับไอ้โตน่ะนะ”

“ใช่” เขากลิ้งตัวลงนอนหงาย

“ทำไมวะ”

“กูว่ามันมีอะไรแปลกๆ นะ”

ผมรอฟัง

“มึงอยากฟังเหรอ...” เขามองหน้าผมด้วยแววตาไม่มั่นใจ “แต่ถ้ากูเล่าแล้วมึงห้ามใจร้อนอีกนะเว้ย”

“เออ ลองพูดมาดูดิ กูไม่อยากคิดอะไรมากแล้วว่ะ ปวดหัวเปล่าๆ”

“โอเค อย่างแรกเลยคือ... จากที่มึงเล่าอะนะ กูสงสัยว่าทำไมไอ้ก้องมันต้องย้ำกับมึงตั้งหลายหนว่าไม่ให้ไปบอกไอ้โต ไม่ให้ไปบอกคนอื่น แถมถ้ามึงมีอะไรก็ยังให้มึงไปคุยกับมันเองตรงๆ มันจะรับฟังเอง อะไรอย่างนั้นด้วยวะ”

“ก็ไม่แปลกมั้ง เพราะมันคงไม่อยากให้กูกับไอ้โตทะเลาะกันอีกนี่หว่า”

“ตอนแรกกูก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ซึ่งกูว่ามันก็อาจจะมีส่วนจริงแหละ แต่...”

“แต่อะไร” ผมพลิกเป็นนอนตะแคงหันไปหาเขา

“ไม่รู้ดิ ถ้าแบบนั้นก็เท่ากับว่าเรื่องของมึงจะมาจบอยู่ที่มันคนเดียวเลยน่ะสิ คนอื่นไม่รู้ว่ามึงคิดอะไรอยู่ ส่วนมึงก็จะไม่รู้ว่าไอ้โตและคนอื่นคิดยังไงเหมือนกัน กูแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมไอ้ก้องมันถึงต้องเป็นภาระแบกรับอะไรขนาดนั้นด้วยอะว่ะ มีอะไรทำไมไม่พูดกันให้มันเคลียร์ๆ ไปด้วยกันทุกฝ่ายวะ”

ที่นะพูดมันก็จริง พอเขาพูดออกมาแบบนี้แล้วจึงทำให้ผมคิดได้ว่าการกระทำอย่างนี้ของไอ้ก้องมันก็แปลกไปจากที่เคยจริงๆ ด้วย เพราะปกติแล้วเวลาพวกเราในกลุ่มมีปัญหาบาดหมางอะไรก็จะเคลียร์กันตรงๆ ทุกครั้ง หรืออย่างน้อยก็จะต้องมีคนรับรู้มากกว่าคนแค่เพียงคนเดียวแน่นอน โดยเฉพาะตัวไอ้ก้องเองจะเป็นคนที่พูดอยู่เสมอว่ามีอะไรให้พูดกันตรงๆ เคลียร์กันให้รู้เรื่อง ไม่ใช่ไปคุยอะไรกันลับหลังอย่างที่มันกำลังทำอยู่ในตอนนี้

“อีกอย่าง กูก็ยังสงสัยอยู่ว่ามันจะถามมึงว่าเราเป็นแฟนกันรึเปล่าทำไม มันได้อะไรจากเรื่องนี้วะ เพราะถึงไงมันก็คงไม่ได้ไปบอกไอ้โตเรื่องที่เราคบกันอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ ยิ่งการที่มันย้ำนักย้ำหนาว่ามันจะเป็นคนรับฟังมึงแต่ฝ่ายเดียวแบบนั้น ก็ยิ่งแปลว่ามันจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกไอ้โตด้วยแน่ๆ เพราะมันไม่อยากทำร้ายเพื่อนมัน ไม่อยากให้ไอ้โตที่กำลังทำใจอยู่คิดมากเข้าไปอีก ถูกมั้ย”

ผมนั่งฟังสิ่งที่นะพูดพร้อมกับคิดตามไปด้วย แล้วผมก็เริ่มคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้พร้อมกับความรู้สึกแปลกๆ ที่เริ่มก่อตัวขึ้นข้างในทีละน้อยด้วยเหมือนกัน

“ไม่รู้ดิ กูอาจจะแค่คิดมากไปเองก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยคือคืนนั้นอะ สุดท้ายแล้วคนที่นอนอยู่กับมึงก็คือไอ้ก้อง ไม่ใช่ไอ้โตอยู่ดีไม่ใช่เหรอวะ ถึงจะลองคิดว่าไอ้โตมันแอบทำอะไรมึงตอนรุ่งสางก็เหอะ แต่มันจะไม่เสี่ยงสำหรับไอ้โตไปหน่อยหรือไง อีกอย่าง กูว่าคนแม่งเมาและกลับเช้าขนาดนั้นอะ ยังไงก็น่าจะอยากนอนมากกว่าทำอย่างอื่นนะ”

ผมลุกขึ้นนั่งทันที “มึงจะบอกกูว่าจริงๆ แล้วคนที่แอบชอบกูอยู่และทำอะไรกูคืนนั้นคือ... ไอ้ก้องใช่มั้ย”

เขาลุกขึ้นนั่งตามผม จากนั้นก็จับมือผมเอาไว้ “มึงโกรธเพื่อนมึงรึเปล่าวะ ไอ้ซี ไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นไอ้ก้องหรือไอ้โตก็ตามน่ะ”

ผมคิดอยู่ครู่หนึ่ง “กูคงโกรธพวกมันมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วว่ะ กูก็ไม่รู้เหมือนกัน”ผมถอนหายใจเบาๆ “แต่สิ่งที่กูรู้แน่ๆ อยู่อย่างหนึ่งก็คือถ้าหากว่าพวกมันพูดความจริงกับกู กูก็คงจะไม่เอาเรื่องอะไรพวกมันหรอก”

“ดีแล้ว”

“แล้วมึงล่ะ”

เขายักไหล่ “กูไม่โกรธแล้วว่ะ กูรักมึงอะ แล้วกูก็เห็นมึงเครียดมาพอแล้ว อะไรที่ผ่านแล้วก็ผ่านไป ช่างแม่ง เพราะถึงไงกูก็รู้ดีว่ามึงรักกูมากแค่ไหน จริงมะ” เขาปิดท้ายประโยคด้วยรอยยิ้มกว้าง ผมจึงชะโงกหน้าเข้าไปจูบปากเขาทันที และเมื่อเราถอนริมฝีปากออกจากกัน เขาก็จับหัวของผมไว้ แล้วแตะหน้าผากของเขาลงบนหน้าผากของผม ทำให้ใบหน้าของเราอยู่ห่างกันแค่ไม่กี่นิ้วเท่านั้น “กูก็แค่คิดว่ามึงควรจะไปคุยกับไอ้โตกูก่อนว่ะ ไอ้ซี ถ้าหากว่ามึงอยากจะรู้เรื่องนี้ให้แน่ชัดจริงๆ น่ะนะ แต่กูอยากให้มึงรู้เอาไว้ว่าคนอื่นมันจะคิดยังไงก็ไม่สำคัญหรอก ตราบเท่าที่เรายังรักกันและเชื่อใจกันแบบนี้ จริงมั้ย...”

เช้าวันจันทร์ ผมตัดสินใจที่จะทำอย่างที่นะแนะนำ เพราะผมคิดว่าการกระทำของไอ้ก้องมันก็พิลึกจริงๆ ดังนั้นหลังจากเรียนคาบแรกเสร็จและทุกคนกำลังเก็บของเพื่อแยกย้ายกันไปกินข้าวกลางวันอยู่นั้น ผมจึงหันกลับไปหาไอ้โตที่นั่งอยู่ด้านหลังของผม

“ไอ้โต กูมีเรื่องอยากคุยกับมึงหน่อยว่ะ ว่างปะวะ”

เพื่อนคนอื่นของเราที่นั่งอยู่ตรงนั้นหันไปมองหน้ากันทันที เพราะพวกมันต่างก็รู้ว่าผมกับไอ้โตตึงๆ ใส่กันมาสักพักแล้ว แต่โชคดีอยู่อย่างหนึ่งที่วันนี้ไอ้ก้องไม่ได้มาเรียนเพราะไม่สบาย ทำให้ผมสามารถดึงตัวไอ้โตออกมาจากกลุ่มได้อย่างไม่มีปัญหามากนัก

มันเดินตามผมออกจากตึกไปยังบริเวณลานจอดรถที่คนไม่พลุกพล่าน เราตรงไปยังโต๊ะหินอ่อนที่ว่างอยู่แล้วนั่งลงพร้อมกัน แต่พอนั่งได้ไม่นาน ยังไม่ทันที่ผมจะเริ่มพูดอะไร ไอ้โตก็ยืนขึ้นอีก มันล้วงเอาบุหรี่ออกมาจุดสูบแล้วก็ยืนอยู่อย่างนั้น

“มีไรวะ” มันถาม

ผมตัดสินใจที่จะพูดตรงๆ ไม่มัวอ้อมค้อมอีกต่อไป “มึงชอบกูรึเปล่าวะ”

ไอ้โตผงะไปทันที “มึงถามเหี้ยอะไรนะ”

“กูถามว่ามึงคิดอะไรกับกูรึเปล่า เปิดอกคุยกันอย่างลูกผู้ชายเลย มีอะไรคุยกันตรงๆ”

“ถุยเหอะ ไอ้เหี้ย!” มันหัวเราะเบาๆ ทำให้ผมรู้สึกผิดคาดกับปฏิกิริยาของมัน “กูก็รู้นะว่ามึงแม่งหล่อและหลงตัวเอง แต่นี่มึงหลงตัวเองได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ ไอ้เชี่ยซี” มันนั่งลงแล้วจ้องหน้าผม “เอาดีๆ ไอ้ส้นตีน อย่ามาพูดเล่นอยู่ เข้าเรื่องได้แล้ว”

“หน้ากูเหมือนพูดเล่นเหรอวะ”

มันจ้องตาผมนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง รอยยิ้มที่เคยมีเริ่มจางหายไป มันดูดบุหรี่เข้าเต็มปอดอีกครั้งก่อนจะดีดทิ้งลงบนพื้น

“เปล่า กูไม่ได้ชอบมึง กูไม่ได้เป็นเกย์ มึงเห็นกูเหมือนคนเป็นเกย์รึไง”

“ไม่เหมือน แล้วมึงคิดว่ากูเหมือนมั้ยล่ะ”

“เฮอะ ถ้าไอ้เพลย์บอยอย่างมึงเป็นเกย์ กูว่าแม่งก็ไม่มีใครแมนแล้ว ไอ้เหี้ย” มันเอนตัวไปด้านหลังทำท่าบิดขี้เกียจ

“กูไม่ได้เพลย์บอยเว้ย และอีกอย่าง กูก็ไม่อยากจะพูดว่ากูเป็นเกย์หรอกนะ แต่กูมีแฟนเป็นผู้ชาย”

ไอ้โตดีดตัวกลับทันที “มึงว่าไงนะ”

“เออ แฟนกูเป็นผู้ชาย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นว่ะ ตอนนี้กูมีเรื่องสำคัญกว่าอยากจะคุยกับมึง มึงอยากจะฟังกูรึเปล่า”

มันตีหน้าแคลงใจ แต่สุดท้ายก็พยักหน้าและบอกให้ผมเล่าให้มันฟังโดยไม่ได้แย้งหรือถามอะไรออกมาอีก
ข้อดีของมันก็อยู่ตรงที่เป็นคนเปิดเผย และเข้าใจอะไรง่ายแบบนี้นี่แหละ

ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้มันฟังโดยตัดข้อมูลเกี่ยวกับสภาพของผมในตอนเช้าวันนั้นออกไป แต่เน้นในเรื่องที่ผมคุยกับไอ้ก้องและสิ่งที่ไอ้ก้องเล่าให้ผมฟัง ซึ่งพอไอ้โตได้ยินว่าไอ้ก้องบอกว่ามันชอบผม มันก็แสดงความโกรธออกมาอย่างชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็บอกให้ผมเล่าต่อไปจนจบโดยไม่ได้พูดอะไรแทรกเลย

“เรื่องมันก็แบบนั้นแหละ เพราะงั้นมึงเข้าใจรึยังว่าทำไมกูถึงได้ไม่พอใจมึงสองคนช่วงหลังๆ นี้ กูไม่ได้จะโทษมึงนะเว้ย แต่กูไม่รู้จะเชื่อใครดีจริงๆ จนเพิ่งเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่แหละที่ไอ้ก้องมันบอกแบบนั้นกับกู ซึ่งกูก็ยังข้องใจอยู่ดี เลยอยากจะคุยกับมึงให้แม่งชัดๆ ไปเลย”

“ไอ้เหี้ย!” ไอ้โตสบถออกมาพร้อมกับคว้ากระเป๋าแล้วยืนขึ้น

“มึงจะไปไหนวะเฮ้ย”

“ไปหอไอ้เชี่ยก้อง ไปคุยกับแม่งให้รู้เรื่อง ถ้าแม่งอยากจะเป็นเพื่อนกูและมึงอยู่ แม่งต้องเลิกตอแหลแล้วโยนเรื่องเหี้ยๆ แบบนั้นมาให้คนอื่นได้แล้ว!”

ผมหยิบสมุดหนังสือของตัวเองขึ้นจากโต๊ะแล้วรีบออกเดินตามมันไป

“นี่แปลว่ามึงไม่ได้ทำอะไรกูและก็ไม่ได้คิดอะไรกับกูจริงๆ ใช่มั้ยวะ ไอ้โต”

มันหันมามองผมด้วยสีหน้าไม่พอใจ “กูไม่ได้คิดเหี้ยอะไรกับมึงเลยเว้ย! กูเป็นผู้ชายนะ ไอ้ซี มึงห้ามมาสงสัยอะไรเหี้ยๆ แบบนั้นกับกูอีก จำไว้เลย”

“เออๆ กูขอโทษก็ได้วะ แต่กูจะไปรู้ได้ไงเล่า...” ผมพูดพลางสังเกตว่ามันเหลือบมองผมด้วยหางตาอยู่ “อะไร”

“มึงชอบผู้ชายจริงๆ เหรอวะ ไอ้ซี ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ถ้าถามว่ากูมีแฟนเป็นผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่ก็... เทอมที่แล้วว่ะ”

“ใครวะ”

“มึงคิดว่าใครล่ะ”

ไอ้โตอ้าปากทำท่าจะถามอะไรบางอย่างออกมาอีก แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจ มันคิดอยู่พักหนึ่ง “...ไอ้นะเหรอวะ”

“เออ”

มันถอนหายใจเบาๆ “ไอ้ห่าเอ๊ยยยย กูไม่เห็นเคยรู้เลยวะเนี่ย”

“มึงจะรู้ได้ไง ก็กูไม่ได้บอกใครสักคน... นอกจากไอ้ก้องเมื่อวันก่อนเนี่ย”

ไอ้โตส่ายหน้า

“เหี้ยไร ส่ายหน้าทำไมวะ มึงรับไม่ได้รึไง” ผมหยุดเดิน

มันที่เดินล้ำหน้าผมไปนิดหน่อยหยุดลงแล้วหันกลับมาหาผม “ไม่ใช่เว้ย ไอ้เหี้ย กูแค่ตกใจแล้วงงๆ นิดหน่อย โดยเฉพาะเรื่องที่ไอ้ก้องพูดน่ะ”

ผมเลิกคิ้วขึ้น ส่วนมันก็เดินกลับมากอดคอผมแล้วลากให้ผมเดินต่อไปพร้อมๆ กับมัน

“กูไม่ได้โกรธมึง ไม่ได้เกลียดมึง และไม่ได้มองมึงในแง่ลบอะไรทั้งนั้นด้วย โอเคปะ มึงเพื่อนกูเว้ย กูรักมึง ง่ายๆ แค่นั้นแหละ จบ”

“แล้วกับไอ้ก้องล่ะ” ผมถาม

ไอ้โตคิดอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งเราเดินมาถึงที่หน้าประตูมหาวิทยาลัย มันก็ยกแขนลงพร้อมกับโบกแท็กซี่ที่กำลังแล่นเข้ามาหาพวกเรา

“หึ... อันนั้นก็ขึ้นอยู่กับคำตอบของมันวันนี้ว่ะ” มันพูดพลางเปิดประตูรถออก

เราสองคนนั่งรถแท็กซี่ไปลงที่หน้าหอของไอ้ก้อง โชคดีที่มีคนกำลังจะเดินเข้าหอพอดี พวกเราจึงเข้าไปพร้อมกับเขาโดยไม่ต้องโทรตามให้ไอ้ก้องลงมาเปิดประตูให้ และเมื่อออกจากลิฟท์ ไอ้โตก็เดินนำผมไปรัวกำปั้นลงบนประตูห้องของไอ้ก้องทันที

“ไอ้ก้อง! อยู่ป่าววะ!!” ไอ้โตถามเสียงดัง

“เฮ้ยๆ อะไรของมึงวะ” เสียงของไอ้เจ้าของห้องดังแว่วมาจากข้างใน

อีกไม่กี่อึดใจต่อมาประตูห้องก็ถูกเปิดออก และเมื่อไอ้ก้องเห็นว่าคนที่มาพร้อมกับไอ้โตคือผม มันก็ผงะไปทันที มันมองเราสองคนด้วยความแปลกใจ แต่ไม่ใช่แค่มันคนเดียวหรอกที่ต้องรู้สึกแบบนั้น เพราะผมเองก็กำลังรู้สึกแปลกใจที่เห็นสภาพโทรมสุดๆ ของมันแบบนี้ด้วยเหมือนกัน

ไอ้โตผลักประตูห้องให้เปิดกว้างจากนั้นก็ดันตัวไอ้ก้องเข้าไปในห้อง “โห ไอ้เหี้ย! นี่มึงอาบน้ำมั่งมั้ยวะเนี่ย สารรูปดูไม่ได้เลยนะมึง แถมยังเหม็นอีกต่างหาก!”

“พวกมึงมีอะไร มาที่ห้องกูทำไม”

“นี่ตกลงมึงป่วยหรือว่าเมาค้างกันแน่วะ ไอ้เชี่ยก้อง” ไอ้โตพูดพลางทำจมูกฟุดฟิดๆ

“เรื่องของกูน่า! สรุปพวกมึงมาที่นี่ทำไม!” ไอ้โตปัดมือของไอ้ก้องที่จับแขนเสื้อของมันอยู่ออก

“มึงเคยคุยอะไรกับไอ้ซีเอาไว้” ไอ้โตพูดตรงเข้าประเด็น

ไอ้ก้องมองหน้าของไอ้โตกับผมสลับกันด้วยแววตาหวั่นๆ ใบหน้าของมันแดงก่ำแถมยังดูมอมแมม ผมมองไปรอบห้องแล้วก็เห็นด้วยกับไอ้โตที่ว่าไอ้ก้องมันหยุดเรียนวันนี้น่าจะเป็นเพราะมันเมาค้างหรือไม่ก็เมาจนไปเรียนไม่ไหวมากกว่า เพราะทั้งบนพื้นห้อง บนหัวเตียง และปลายเตียง ต่างก็มีกระป๋องเบียร์วางกระจัดกระจายอยู่มากจนผมไม่คิดว่าจะเพิ่งเริ่มดื่มมาตั้งแต่เช้าวันนี้หรือแม้แต่เมื่อวานแน่ๆ เพราะเมื่อดูจากจำนวนกระป๋องเปล่าเหล่านี้ ผมคิดว่าอย่างน้อยมันก็น่าจะดื่มเบียร์อยู่แบบนี้มาไม่ต่ำกว่าสองหรือสามวันแล้วล่ะ

เมื่อผมเงยหน้ากลับไปสบตากับไอ้ก้อง มันก็รีบหลบสายตาของผมทันที

“เอ้า มึงมีอะไรจะพูดก็พูดมา พวกกูรอฟังอยู่”

พวกเราสามคนเงียบกันลงไปอึดใจหนึ่ง แต่แล้วทั้งผมและไอ้โตต่างก็ต้องตกใจเมื่อจู่ๆ ไอ้ก้องก็ร้องไห้ออกมา

“ไอ้เหี้ยเอ๊ยยย!!” มันสบถพร้อมกับคว้าคอเสื้อของไอ้โตทั้งๆ ที่น้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม “เอาสิวะ! มึงจะเกลียดกู! จะต่อยกู จะทำเหี้ยอะไรกับกูก็เอาเลย!!”

“เฮ้ย! มึงเป็นเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย ไอ้ก้อง!!” ไอ้โตคว้าข้อมือของเพื่อนมันเอาไว้

ไอ้ก้องสะบัดมือออก จากนั้นก็หันมามองหน้าผมแล้วจึงเดินตรงเข้ามาคว้าข้อมือของผมขึ้น “เอาสิวะ!! มึงก็ด้วยเหมือนกัน! ไหนๆ มึงก็คงเกลียดกูไปแล้วนี่! งั้นมึงต่อยกูเลย!! เผื่อมันจะทำให้กูตาสว่างมากขึ้น!!”

กลิ่นแอลกอฮอล์เหม็นเปรี้ยวที่โชยออกมาจากปากของมันทำให้ผมต้องย่นจมูกและเบือนหน้าหนีเล็กน้อย

“มึงใจเย็นๆ ก่อนได้มั้ยวะ ไอ้ก้อง! มึงเป็นเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย!!” ผมสะบัดมือออก

“ไอ้ก้อง!!” ไอ้โตเดินมาจับหัวไหล่ของไอ้ก้องแล้วกระชากให้หันกลับไปเผชิญหน้ากับมัน และแล้วผมก็ต้องตกใจเมื่อจู่ๆ ไอ้โตก็เหวี่ยงหมัดเข้าใส่หน้าของไอ้ก้องอย่างเต็มรัก ผมได้ยินเสียงดัง ‘พลั่ก’ ของกระดูกข้อมือที่กระแทกเข้าสู่แก้มซ้ายและกรามของไอ้ก้องอย่างชัดเจน ร่างของมันหมุนไปตามแรงหมัดของไอ้โต มันเซเล็กน้อยก่อนจะตั้งหลักได้ทัน แต่แล้วผมก็ต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อจู่ๆ ไอ้ก้องที่ดูเหมือนจะตั้งหลักได้แล้วกลับล้มทรุดลงไปนั่งอยู่บนพื้นเสียเฉยๆ

“เฮ้ยยย จู่ๆ มึงไปต่อยมันทำไมวะ!” ผมเดินเข้าไปนั่งยองๆ ตรงหน้าของไอ้ก้อง คั่นกลางระหว่างมันสองคน

“ก็มันขอเองนี่หว่า แล้วกูก็ไม่ได้ต่อยแม่งแรงขนาดนั้นหรอกน่ะ แค่จะเรียกสติมันเฉยๆ”

ผมส่ายหน้าเบาๆ พลางสำรวจใบหน้าของไอ้ก้องไปด้วย “แล้วแบบนี้จะคุยกันรู้เรื่องมั้ยวะเนี่ย”

“แม่งเมาขนาดนี้คุยยังไงก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดีนั่นแหละว่ะ”

“มันเมาแน่เหรอวะ มึงถามมันแล้วรึไง” ผมหันกลับไปมองไอ้โต

มันอ้าปากจะเถียงผมต่อ แต่สุดท้ายก็ถูกเสียงของไอ้ก้องที่ชิงพูดขึ้นก่อนกลบไป

“กูไม่ได้เมา...”

“แล้วทำไมกลิ่นตัวมึงแม่งถึงได้เหม็นกลิ่นเหล้ากลิ่นเบียร์ขนาดนี้วะ ไอ้ควาย” ไอ้โตถาม

ไอ้ก้องไม่ตอบ แต่กลับนั่งชันเข่าก้มหน้าอยู่อย่างนั้น เราสามคนจึงตกลงสู่ความเงียบอันน่าอึดอัดอีกคร้ง แต่ว่าหนนี้นานกว่าเมื่อครั้งที่แล้วมาก มากจนไอ้โตหมดความอดทนอีกจนได้

“โว้ยยยยย!! เมื่อไหร่จะได้คุยกันวะ! มึงจะเอายังไงก็รีบๆ พูดมาได้มั้ย ไอ้ก้อง!!”

“กูขอเข้าห้องน้ำแป๊บนึง” ไอ้ก้องตอบเบาๆ พลางชันตัวขึ้นยืน

ผมกับไอ้โตมองหน้ากันงงๆ ในขณะที่ไอ้ก้องเดินเข้าห้องน้ำไป ผมเลื่อนตัวขึ้นไปนั่งบนเตียง ส่วนไอ้โตก็ลากเก้าอี้เขียนหนังสือมานั่งอยู่ไม่ไกลจากผม เราได้ยินเสียงน้ำก๊อกที่อ่างล้างหน้าไหล ตามมาด้วยเสียงวักน้ำ และเมื่อเสียงเงียบลงไป ทั้งผมและไอ้โตต่างก็หันไปมองที่ประตูห้องน้ำเป็นตาเดียวกัน

ไอ้ก้องเดินออกมายืนพิงผนังห้องไว้ มันถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยอ่อน

“กูกำลังจะซิ่ว...”

“ฮะ! ว่าไงนะ!” ไอ้โตถามซ้ำ

“และ... ใช่ กูเองแหละ ที่แอบชอบมึงอยู่ ไอ้ซี” ไอ้ก้องพูดต่อโดยไม่สนใจคำถามของไอ้โต

“สรุปคือมึงยอมรับ...” ผมพูดขึ้นบ้าง

“ใช่ กูยอมรับ กูขอโทษ เรื่องทั้งหมดกูทำเอง กูโกหกพวกมึงทั้งสองคน แต่ที่เหี้ยคือกูโกหกตัวเอง เพราะกูไม่อยากให้มึงโกรธและเกลียดกู ไอ้ซี ไหนๆ กูก็จะลาออกแล้ว กูอยากจะ...” มันกลืนน้ำลาย “อยากจะ ‘รัก’ มึง อยากจะให้มึงรักกูบ้าง ถึงแม้ว่ามึงจะคิดกับกูแค่เพื่อนก็ตามเหอะ” น้ำเสียงของมันเริ่มสั่นเครือ “แต่สุดท้ายกูก็ทำพังหมดทุกอย่าง! กูขอโทษ กูไม่ได้อยากให้เราเป็นแบบนี้เลย!”

“เดี๋ยวนะๆ นี่มึงจะซิ่วจริงๆ เหรอวะ ไอ้ก้อง มึงจะออกเมื่อไหร่ ปลายเทอมนี้ใช่มั้ย” ไอ้โตถาม

“ก็คงงั้น...”

“โอ๊ยยยย!! มันอะไรกันนักกันหนาวะเนี่ย!” ไอ้โตลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ มันคว้ากระเป๋าสะพายของตัวเองขึ้นจากพื้นแล้วเดินตรงไปยังประตูห้อง “พวกมึงเคลียร์กันให้เรียบร้อยแล้วกัน กูเหนื่อยแล้วว่ะ”

“อ้าว จู่ๆ มึงจะไปไหนวะ ไอ้เหี้ย” ผมถาม

“หาอะไรแดกอะดิ กูหิว และกูก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วด้วย ไหนๆ ไอ้ก้องมันก็ยอมรับแล้ว งั้นมึงก็คุยกันต่อเองแล้วกัน”

“เออ” ผมรับคำ ถึงแม้จะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นักว่าผมจะยังมีเรื่องอะไรเหลือให้ต้อง ‘เคลียร์’ กับไอ้ก้องอีกหรือเปล่า

“ไอ้ก้อง มึงมองหน้ากู” ไอ้โตพูด “กูบอกให้มึงมองหน้ากูไง”

ไอ้ก้องเงยหน้าขึ้นช้าๆ แล้วสบตากับไอ้โต

“กูเป็นเพื่อนมึงนะเว้ย และมึงก็ยังเป็นเพื่อนกูเหมือนเดิม ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด กูให้อภัยมึง” ไอ้โตพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเดินออกจากห้อง

เมื่อประตูถูกปิดลง ความเงียบก็เข้ามาปกคลุมเราสองคนทันที และหนนี้มันยิ่งน่าอึดอัดกว่าเมื่อสองครั้งแรกเสียอีก

ไอ้ก้องยืนพิงผนังอยู่หน้าห้องน้ำ ส่วนผมก็นั่งอยู่บนเตียง เราต่างก็ไม่พูดอะไรออกมาเลยเป็นเวลาหลายนาที จนในที่สุดไอ้ก้องก็ยอมเอ่ยคำๆ แรกออกมาจนได้

“แล้วไอ้นะล่ะ...”

ผมปรี๊ดขึ้นทันที “มึงจะทำไมวะ แฟนกูมันทำไม เกี่ยวอะไรกับมึงหรือเรื่องนี้!”

“เปล่าๆ ไม่มีอะไร กูขอโทษๆ” น้ำเสียงของไอ้ก้องบาดลึกเข้าไปในหัวใจของผมจนผมรู้สึกผิดที่เผลอใช้น้ำเสียงเมื่อครู่ออกไป

ผมถอนหายใจ “งั้นกูถามตรงๆ เลย ไอ้ก้อง คืนนั้นมึงทำอะไรกู”

“กู... กู...” มันอึกอัก

“บอกมาตรงๆ เถอะว่ะ ก่อนที่กูจะโกรธมึงอีก”

“กูใช้มือให้มึง...” มันพูดเสียงค่อยจนแทบจะเป็นกระซิบ

“แค่มืองั้นเหรอ”

“ใช่...”

“ถ้าแค่นั้นแล้วทำไมมึงไม่สบตากู”

มันเหลือบมองผมด้วยหางตาแวบหนึ่งก่อนจะหลุบตาลงต่ำไปอีกหน “ก... ก็ใช้ปากนิดหน่อย... แต่แค่นิดเดียวนะเว้ย” มันรีบพูดประโยคหลัง “ล... แล้วก็ชักให้มึงจนมึงแตก และพอมึงแตกแล้วกูก็ทำความสะอาดให้ แค่นั้นแหละ” มันเล่าด้วยเสียงที่แทบไม่ต่างจากกระซิบ

“แล้วมึงล่ะ”

“ก... กูทำไม”

“มึงได้ช่วยตัวเองรึเปล่า”

มันดูประหลาดใจกับคำถามของผม “ทำไมมึงถามอย่างนั้นวะ”

“ตอบกูมาเหอะ ตอบกูมาตามตรง”

มันหน้าแดงยิ่งกว่าเดิมเสียอีก “กูชักว่าวเองหลังจากทำความสะอาดให้มึงเสร็จแล้ว”

“ที่ไหน”

“หมายความว่าไงวะ ที่ไหนอะ”

“กูก็หมายความตามนั้นแหละ มึงไปชักว่าวที่ไหน”

“ก็ต้องในห้องน้ำสิวะ”

ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“กูขอโทษ... ไอ้ซี”

“ช่างเหอะ กูไม่อยากคิดอะไรแล้วว่ะ” ผมส่ายหน้า “กูเดาว่าเรื่องทั้งหมด ความรู้สึกของมึงทั้งหมดที่มีต่อกู ก็คงเป็นอย่างที่มึงเคยเล่าให้กูฟังเมื่อตอนนั้น แต่แค่เปลี่ยนจากชื่อของไอ้โตเป็นมึง ใช่มั้ยวะ”

มันไม่ตอบ แต่ผมถือว่านั่นคือคำตอบว่า ‘ใช่’

“เพราะฉะนั้นกูก็รับรู้แล้วว่ามึงเจ็บปวดขนาดไหน แค่นั้นก็น่าจะเป็นการลงโทษมึงที่เพียงพอแล้ว” ผมบอกมัน ซึ่งที่จริงผมก็ไม่ได้คิดหรือทำใจได้ขนาดที่ปากพูดหรอก แต่ผมคิดว่าถ้าเป็นนะ เขาก็คงจะคิดอย่างนี้แน่ๆ “แล้วว่าแต่ทำไมมึงถึงจะซิ่ววะ ไอ้ก้อง... อย่าบอกนะว่าเพราะกูน่ะ”

“เปล่า เพราะพ่อกูเค้าอยากให้กูเรียนที่อื่นคณะอื่นน่ะ”

“แล้วทำไมมึงไม่บอกพวกกู”

“กูจะบอกได้ยังไงวะ ในเมื่อบรรยากาศระหว่างพวกเรากำลังเป็นกันอยู่แบบนี้ และในเมื่อกูทำทุกอย่างให้แม่งพังไปหมดแล้วแบบนี้น่ะ” มันพูดอย่างขมขื่น ร่างกายของมันสั่นเทาน้อยๆ ราวกับกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ได้ทุกเมื่อ

ผมส่ายหน้า “ไม่พังหรอก อาจจะมีรอยร้าวบ้าง แต่ไม่พังแน่นอน” ผมลุกขึ้นจากเตียง “วันนี้คุยกันแค่นี้ก่อนเหอะว่ะ ถ้ามึงอยากจะระบายอะไรอีก ก็บอกมา กูจะรับฟังมึงเอง ยังไงกูกับมึงก็เพื่อนกัน แต่วันนี้มึงไปพักผ่อนเหอะ อาบน้ำอาบท่า แดกข้าวปลาให้เรียบร้อย เลิกแดกเหล้าเบียร์เหี้ยอะไรพวกนี้ได้แล้ว เพราะแม่งไม่ได้ช่วยให้มึงแก้ปัญหาอะไรสักอย่างหรอก และจากนี้ถ้ามึงพร้อมเมื่อไหร่ก็ค่อยโทรมาหากู”

ไอ้ก้องไม่ตอบอะไร มันยังคงยืนก้มหน้าอยู่อย่างนั้น มันในตอนนี้ดูแตกต่างจากไอ้ก้องคนที่ผมเคยรู้จักตั้งแต่ตอนเรียนปรับพื้นฐานด้วยกันราวกับเป็นคนละคน และยิ่งผมคิดแบบนี้เท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกเห็นใจมันมากขึ้นเท่านั้น เพราะมันคงต้องเก็บซ่อนความอึดอัด ความขมขื่นทุกอย่างเอาไว้ในใจเพียงลำพังอยู่คนเดีวอย่างทรมานมานานแล้วจริงๆ

ผมเดินตรงเข้าไปหามัน

“ไอ้ก้อง”

มันเงยหน้าขึ้นมาหาผม

“กูให้ความรักแบบนั้นแก่มึงไม่ได้ แต่กูให้สิ่งนี้มึงได้นะเว้ย”

มันมองหน้าผมงงๆ ผมจึงดึงตัวของผมเข้าไปกอดอย่างแนบแน่น กอดแบบที่เพื่อนผู้ชายกอดกัน ผมตบหลังมันแรงๆ 2-3 ทีแล้วจึงคลายวงแขนออก

“แล้วเจอกันพรุ่งนี้ที่มหาลัย” ผมพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนเดินไปคว้าสมุดหนังสือขึ้นแล้วออกจากห้องไป

ออฟไลน์ Pupay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-1
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
«ตอบ #752 เมื่อ05-05-2012 23:17:08 »

 :z13: :z13:

ตบเข่าฉาด!!! ว่าละต้องเป็นก้อง(หรอยะ)
ปมคลายซะที เพื่อนจะได้มองหน้ากันติด
นะกับซีนี่รักกันดีจังเลย จะมีอุปสรรคอะไรต่อจากนี้เนี่ย ขอให้มันผ่านไป  :กอด1:

 :pig4:นะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2012 23:32:18 โดย Pupay »

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
«ตอบ #753 เมื่อ06-05-2012 00:09:10 »

เคลียร์กันอย่างแมนๆ

ชอบจัง...มิตรภาพผู้ชายเนี่ย

 :m4:

ออฟไลน์ mellowshroom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 976
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
«ตอบ #754 เมื่อ06-05-2012 00:20:36 »



ซี ..นายแมนมากอ่ะ ><!!

ก้อง นายก็สู้ๆ .. :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ aloney

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
«ตอบ #755 เมื่อ06-05-2012 01:19:22 »

เรื่องทุกอย่างเคลียร์แล้ว

หายเครียดสักทีน้าไอ่ตี๋ของไอ่ตูด

ออฟไลน์ Also

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
«ตอบ #756 เมื่อ06-05-2012 01:43:54 »

ได้คุยกันแบบเปิดอกซะที

แอบสงสารก้องนิดๆที่ต้องเก็บความรู้สึกไว้คนเดียว

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
«ตอบ #757 เมื่อ06-05-2012 03:02:59 »

โต...โหดไปมั๊ย?

 :o

ความรักแบบเพื่อนยืนยาวเสมอ  o13

ออฟไลน์ phakajira

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
«ตอบ #758 เมื่อ06-05-2012 03:09:53 »

โต-ก้อง เลออออ ฮิฮิ =///= เราทะโหล่ไปป่ะ?? 5555

ออฟไลน์ pedgampong

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
«ตอบ #759 เมื่อ06-05-2012 05:01:43 »

 o13 เพื่อนกันดีแล้วแหล่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
« ตอบ #759 เมื่อ: 06-05-2012 05:01:43 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






romeno

  • บุคคลทั่วไป
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
«ตอบ #760 เมื่อ06-05-2012 05:27:23 »

โต ♥ ก้อง  :really2:

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
«ตอบ #761 เมื่อ06-05-2012 08:16:33 »

จับโจรลักหลับได้แล้ว

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
«ตอบ #762 เมื่อ06-05-2012 09:29:42 »

เธอๆ มีไรจะกระซิบบอก.... แต่ไปอ่านในแฟนเพจนะ (ฮา)

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
«ตอบ #763 เมื่อ06-05-2012 10:08:41 »

ยังไม่อยากให้จบเลยยยยยย :sad4:


yayee2

  • บุคคลทั่วไป
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
«ตอบ #764 เมื่อ06-05-2012 10:22:27 »

ตอนนี้สะท้อนให้เห็นถึงมิตรภาพความ จริงใจต่อกัน รักกันแบบไม่มีข้อแม้อะไรเลยจริงๆ
ระหว่างคนรักกับคนรัก เพื่อนกับเพื่อน
ชอบจัง

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
«ตอบ #765 เมื่อ06-05-2012 10:26:39 »

นี่ดิลูกผู้ชายตัวจริง ต้องกล้ายอมรับแบบแมนๆไปเล้ย

ออฟไลน์ jeeu

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 688
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
«ตอบ #766 เมื่อ06-05-2012 12:13:55 »

ก้องเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น
ส่วนแฟน ชายนะเค้าจองไว้นานแล้ว
น้องซีไม่ว่างแล้วจ้า

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
«ตอบ #767 เมื่อ06-05-2012 16:47:22 »

นับถือในความเป็นเพื่อนของ ซี นะ และ โต มาก
 o13 o13 o13 o13 o13 o13
ก้องสู้ๆนะ

ออฟไลน์ ppanudet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 350
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
«ตอบ #768 เมื่อ07-05-2012 03:09:44 »

ดีใจมาต่อแล้ว

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
«ตอบ #769 เมื่อ07-05-2012 15:15:54 »

มิตรภาพของเพื่อน... o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
« ตอบ #769 เมื่อ: 07-05-2012 15:15:54 »





neo1of9

  • บุคคลทั่วไป
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
«ตอบ #770 เมื่อ08-05-2012 12:58:05 »

หาอ่านอยู่นานเลย

ออฟไลน์ nong2074120741

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
«ตอบ #771 เมื่อ09-05-2012 03:06:21 »

เป็นเรื่องที่เข้าใจกันดีจริง

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 22)
«ตอบ #772 เมื่อ11-05-2012 23:03:39 »

SeeeDz ที่ 23


ผมคิดไว้ว่าอะไรๆ มันน่าจะดีขึ้น เมื่อไอ้ก้องพร้อม เราจะได้กลับมาคุยเพื่อปรับความเข้าใจกันอีกครั้ง เพราะไอ้โตก็พูดไว้แล้วว่ามันไม่ติดใจและไม่คิดจะเอาเรื่องอะไร ส่วนผมเองก็เช่นกัน แต่อะไรๆ มันกลับไม่เป็นอย่างที่ผมคิด เมื่อไอ้ก้องแทบไม่เข้าเรียนอีกเลย และเมื่อเราเจอกัน มันก็ไม่คุยกับผมและคนอื่นๆ เหมือนอย่างเคย มันปลีกตัวอยู่คนเดียว ไม่สุงสิงกับใคร มันบอกเพื่อนๆ ว่าเป็นเพราะมันกำลังมีปัญหากับที่บ้าน แต่ผมกับไอ้โตรู้ดีกว่านั้น จนในที่สุดมันก็ทำเรื่องลาออกไปตั้งแต่ยังไม่ทันสอบกลางภาคเสียอีก

“คนแต่ละคนก็มีวิธีในการทำใจต่างกันไปว่ะ มึงอย่าคิดมากเลย ไอ้ตี๋” นะพูดกับผม

“กูก็ไม่ได้คิดมากหรอก แต่กูแค่งงๆ ว่ะ กูไม่ค่อยชอบใจหรอกที่มันทำแบบนี้น่ะ ทำไมแม่งต้องทำตัวห่างเหินหรือหนีปัญหาอะไรอย่างนี้ด้วยวะ ยังไงก็เพื่อนกันไม่ใช่รึไง”

“นั่นแหละ มึงอย่าไปใส่ใจ อย่าไปโกรธอะไรมันมากเลย คนเราแต่ละคนก็เข้มแข็งไม่เท่ากัน รับมือกับปัญหาไม่เหมือนกัน ตอนนี้มันอาจจะเลือกเดินออกไปแบบนั้น แต่ในอนาคต พอมันทำใจได้แล้ว มันก็อาจจะกลับมาคุยกับมึงเหมือนเดิมก็ได้นะเว้ย”

“มึงคิดงั้นเหรอวะ”

เขาพยักหน้า “ยังไงมันก็รักมึงไม่ใช่เหรอ และมึงก็เป็นคนดี กูว่าอย่างน้อยมึงก็คงไม่ยอมปล่อยให้ความเป็นเพื่อนระหว่างมึงกับมันต้องหายไปง่ายๆ หรอก จริงมั้ยล่ะ”

“แล้วกูต้องทำตัวยังไงล่ะวะ กูไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนเลยนะเว้ย”

เขายิ้มให้ผม “ก็แค่ทำตัวปกติ เป็นอย่างที่มึงเป็นนั่นแหละ ไม่ต้องพยายามอะไรมากมายหรอก”

“แบบที่กูเป็นเหรอวะ” ผมสงสัย

“ใช่ ตามสบายๆ อย่างที่มึงเป็นนี่แหละ ไม่คิดอะไรมาก ไม่กังวลเรื่องนั้นเรื่องนี้มาก ปล่อยๆ มันไป”

“แล้วแบบนั้นมันจะดีกว่าแน่เหรอวะ กูฟังดูมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนะ” ผมหัวเราะ

“ก็ดีกว่ามึงพยายามมากเกินไปจนไม่ใช่ตัวมึงนั่นแหละ” เขาตีหน้าผากผมดังเพี๊ยะ “ไอ้เหม่งเอ๊ยยย!”

“อะไรเล่า! ก็กูไม่ใช่มึงนี่หว่า กูไม่ได้ใจกว้างปานแม่น้ำเหมือนมึงนะ ไอ้ตูด!” ผมดีดหน้าผากเขาคืน

“ฮ่าๆ กูไม่ได้ ใจกว้างขนาดนั้นหรอก” เขาลูบหน้าผากตัวเองเบาๆ “เพราะบอกตรงๆ แม้แต่ตอนนี้กูก็ยังลืมสิ่งที่กิ๊กทำไว้กับกูไม่ได้ และยังไม่คิดว่าตัวเองจะยกโทษให้มันได้เลย”

“มึงไม่เห็นเคยบอกกูเลยวะว่ามึงรู้สึกแบบนี้อยู่น่ะ”

เขายักไหล่ “ก็มึงไม่เคยถามนี่หว่า และที่สำคัญ กูอยู่กับมึงแบบนี้กูก็สบายใจดีแล้ว ไม่รู้จะไปนึกถึงเรื่องไม่ดีๆ ทำไมว่ะ แต่ถึงกูจะยังยกโทษให้กิ๊กไม่ได้ ยังรู้สึกเสียใจถ้าหากนึกถึงว่าตอนนี้แม่งจะกำลังมีความสุขกับแฟนใหม่ขนาดไหน แต่กูก็ไม่ได้เกลียดมันว่ะ เพราะถ้ามันไม่ทำแบบนั้น กูก็คงไม่ได้คบกับมึงและมีความสุขแบบนี้ จริงมะ”

ผมเขินจนตีหน้าไม่ถูก ยังไงๆ ก็ไม่เคยชินกับการพูดจาแบบนี้ของเขาสักที ไอ้ล่ำนี่แม่งเป็นบุคลิกคนเจ้าชู้โดยสันดานจริงๆ นะเนี่ย!

“ไอ้เหี้ย! ฟังแล้วจั๊กจี้บอกไม่ถูกว่ะ! อึ๋ยยย!!”

“มึงนี่ไม่รู้จักคำว่าหวานกับเค้าเลยนะ ไอ้ตี๋”

“กูไม่หวานแล้วมึงรักกูปะล่ะ”

“รักตรงที่มึงเป็นมึงแบบนี้นี่แหละ หวานมากเดี๋ยวเลี่ยนว่ะ อีกอย่าง ถ้ากูอยากได้แฟนที่มัน ‘เยอะ’ กูก็คงหาแฟนที่กูเอาประตูหน้าได้ ไม่ใช่ประตูหลังแบบมึงไปแล้วล่ะ” เขาจบประโยคด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“เดี๋ยวกูเตะคว่ำเลย!!” ผมพูดพร้อมกับยกเท้าขึ้น

“โอ๊ย อย่าๆๆ ฮ่าๆๆ” เขายกมือขึ้นห้าม “พอๆ ไม่เล่นแล้วก็ได้ กูจะพูดจริงๆ จังๆ มั่งละนะ”

“เรื่องอะไรอีก”

“เรื่องพ่อแม่มึงอะ”

“พ่อแม่กูทำไมวะ”

“ก็ที่กูไปบ้านมึงบ่อยๆ หรือมึงมานอนกับกูบ่อยๆ เนี่ย มึงว่าเค้าจะสงสัยอะไรรึเปล่าวะ”

ผมยักไหล่ “กูก็ไม่รู้ว่ะ แต่คิดว่าคงไม่หรอก เพราะแต่ก่อนนี้กูก็มีแฟนผู้หญิงมาตลอด และมึงก็ไม่ได้เดินตูดบิดตูดเบี้ยวกรีดไม้กรีดมืออะไรให้เค้าเห็นนี่หว่า”

เขาตบหัวผมเบาๆ “ปากดีใช่ย่อยนะมึงเนี่ย”

“อะไรเล่า ก็กูพูดเรื่องจริง ว่าแต่มึงเหอะ ทำไมจู่ๆ ถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา มีอะไรรึเปล่า”

“เปล่า กูก็แค่ถามเฉยๆ แล้วมึงคิดว่าพ่อแม่มึงเค้ารับเรื่องนี้ได้มั้ยวะ”

“ก็ไม่รู้อีกนั่นแหละว่ะ แต่อาจจะได้แหละมั้ง เพราะพ่อแม่กูเค้าหัวสมัยใหม่ว่ะ โดยเฉพาะแม่กูยิ่งแล้วใหญ่”

“เหรอวะ...” เขาก้มหน้า

“ทำไมวะ มีปัญหาอะไร”

“เปล่า ไม่มีปัญหาหรอก... ยังไม่มี กูแค่คิดว่าบ้านกูไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยว่ะ คือกูหมายถึงพ่อกูอะนะ แต่ก็นะ มึงเองก็ไม่ได้เดินตูดบิด หรีดไม้กรีดมือ พูดคะขา หรือเขียนคิ้วกรีดตาให้พ่อกูเห็นสักหน่อย จริงมะ”

ผมหัวเราะ “กูว่ามึงนี่แหละ ไอ้ตัวกวนตีนและปากดีน่ะ แต่กูยังไม่เคยเจอพ่อมึงสักหน่อยนี่หว่า มึงจะกังวลไปทำไม”

“ก็นี่ไง มึงยังไม่เคยเจอพ่อกู แต่กูกำลังคิดจะชวนมึงไปเที่ยวที่บ้านกูตอนปิดเทอมอยู่นี่แหละ อยากไปมั้ย”

“ถ้ากูตอบว่าไม่อยากล่ะ”

“กูก็จะจับมึงมัดแล้วยัดใส่กระเป๋ากลับบ้านแม่งเลยไง!” เขาพลิกตัวขึ้นคร่อมผมแล้วจากนั้นเราสองคนก็กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่อีกพักใหญ่ ก่อนจะต่างคนต่างเหนื่อยจนหอบ เลยต้องยอมสงบศึกกันแต่โดยดี

น่าแปลกที่เมื่อไม่มีไอ้ก้อง ชีวิตของพวกเราทุกคนกลับไม่ได้ดูต่างไปจากที่เคยมากนัก ช่วงเวลาที่เหลืออยู่จนกระทั่งปิดเทอม เราต่างก็ยุ่งกับเรื่องรายงานและการเตรียมสอบ ผมจึงไม่ค่อยได้คิดถึงเรื่องของไอ้ก้องมากนัก ก็มีบ้างที่เราคุยถึงเรื่องของมัน บ่นถึงมัน แต่ก็เพียงแค่นั้น คิดๆ แล้วก็น่าใจหายเหมือนกันนะ ที่พวกเราปรับตัวให้เคยชินกับการจากไปของเพื่อนคนหนึ่งกันได้ไวถึงขนาดนี้ และในขณะที่คนอื่นๆ ยังได้คุยกับไอ้ก้องผ่านทางเฟซบุ๊คหรือช่องทางอื่นอยู่บ้างเรื่อยๆ ผมกลับเป็นคนเดียวที่ไม่เคยได้คุยกับมันอีกเลย แต่ผมก็ไม่เคยคิดที่จะพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังด้วยเหมือนกัน

ส่วนทางฝั่งของนะ นอกจากเรื่องเรียนที่ยากขึ้นแล้วก็ยังมีวงดนตรีที่ต้องหมั่นฝึกซ้อมอยู่บ่อยๆ เราจึงได้เจอกันน้อยลง แต่ผมก็ไม่รู้สึกเหงาสักเท่าไหร่ เพราะว่ามัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาพยายามอ่านหนังสือสอบ เพื่อที่จะได้ทำเกรดดีๆ ส่งท้ายปีหนึ่งให้ได้ เพราะนะให้สัญญากับผมไว้ว่าถ้าหากผมทำเกรดออกมาได้ดีกว่าเมื่อเทอมแรกแล้วล่ะก็ เขาจะให้ของขวัญที่พิเศษสุดๆ กับผม ดังนั้นผมจึงพยายามอย่างเต็มที่

หลังจากที่ผ่านพ้นช่วงอ่านหนังสืออันแสนทรมานและการสอบวันสุดท้ายไปแล้ว ผมก็กลับบ้านแล้วนอนหลับสนิทข้ามวันเหมือนอย่างเคย แต่ครั้งนี้ผมไม่ลืมที่จะบอกนะเอาไว้ก่อนด้วย เพราะไม่อย่างนั้นล่ะก็ เขาจะต้องเป็นห่วงผมมากแน่ๆ

เมื่อผมตื่นขึ้นและเดินออกจากห้องนอนลงไปยังห้องนั่งเล่นในสภาพที่ยังงัวเงียอยู่ ผมก็พบว่าเขากำลังนั่งรออยู่บนโซฟาเหมือนเมื่อครั้งที่แล้วไม่มีผิด แต่ครั้งนี้ผมกลับไม่รู้สึกตกใจเหมือนเมื่อตอนจบเทอมหนึ่งสักนิด

เขาที่กำลังนั่งเล่นกับไอ้เป๊ปซี่อยู่บนโซฟาเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม

“ช่วยบอกเหตุผลดีๆ สักข้อให้กูฟังซิว่าทำไมกูถึงไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่เห็นมึงนั่งอยู่ตรงนี้เนี่ย” ผมยืนกอดอกพิงผนังห้อง

“อืมมม... เพราะกูหล่อมั้ง”

“ถุย! กูจะอ้วก!!” ผมหัวเราะ

“อ้าว ซี ตื่นแล้วเหรอ” เสียงของแม่ดังข้นจากหน้าประตูครัว “นะมารอตั้งนานแล้วเนี่ย”

“ตื่นแล้วครับ หิวอะแม่ มีอะไรให้กินป่าว”

“ไม่มีย่ะ รอมื้อเย็นทีเดียวเลย สมน้ำหน้า นอนกินบ้านกินเมืองขนาดนี้ก็น่าจะหิวอยู่หรอก”

“อะไรเล่า ก็ซีเหนื่อยอะ อดหลับอดนอนตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อทำเกรดดีๆ ให้พ่อกับแม่ภูมิใจเลยนะเนี่ย”

“ไม่ต้องมาทำปากหวานเลย พาเพื่อนขึ้นไปนั่งเล่นบนห้องไป เดี๋ยวข้าวเย็นพร้อมแล้วแม่จะเรียกลงมากินข้าวเอง”

“คร้าบบบ แล้วพี่แซ็คกับทรายล่ะ”

“แซ็คมันไปดูหนังกับเพื่อน ส่วนทรายยังไม่กลับจากเรียนพิเศษ”

“อ๋อๆ โอเค มาได้แล้ว ไอ้ตูด ขึ้นห้อง” ผมพยักหน้าเรียกนะที่นั่งเกาหูไอ้เป๊ปซี่อยู่

เขายักคิ้วกวนๆ ก่อนจะหยิบกระเป๋าขึ้นจากพื้นแล้วเดินเข้ามาหาผม

“นี่มึงมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”

“สักสองชั่วโมงได้แล้ว ก็นั่งคุยกับพี่แซ็คแป๊บนึงก่อนพี่เค้าจะออกไปข้างนอกอะว่ะ”

“อ้าว เหรอวะ แล้วทำไมมึงไม่ขึ้นไปปลุกกู”

“ก็กูอยากให้มึงนอนพักผ่อนไปนั่นแหละ แถมคุยกับพี่มึงก็สนุกดีออก กูรอได้ ไม่เป็นไร”

“แล้วนี่มาอ้อนอะไรแม่กูถึงบ้านอีกล่ะ ไอ้ตูด”

“กูไม่ได้มาอ้อนอะไรแม่มึงสักหน่อย” เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงกระซิบ “แค่คิดถึงเมีย เลยมาหา ไม่ได้รึไง”

“ไอ้เหี้ย! เดี๋ยวแม่ก็ได้ยินหรอก!” ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่เขา

“จะไปได้ยินได้ไง แม่มึงอยู่ข้างล่าง ส่วนพ่อก็อยู่ในสวนนู่น” เขาจับก้นผม

“เฮ้ยย! ไอ้...!!” ผมสะดุ้งโหยง “พอเลย! รีบๆ เข้าห้องมาเลย ไอ้เชี่ยล่ำนี่!”

เขาเดินตามผมเข้ามาในห้อง ผมเดินไปหยิบรีโมทแอร์ขึ้นจากหัวเตียงแล้วกดปุ่มเปิดมันอีกครั้ง

“กูคิดถึงมึงว่ะ” เขาพูดเบาๆ พลางสวมกอดผมจากทางด้านหลัง

“อะไรวะ เพิ่งเจอกันเมื่อ 2-3 วันก่อนนี่เอง”

“สำหรับกูแล้วมันคือ ‘ไม่ได้เจอตั้ง 2-3 วันต่างหาก’ ว่ะ” เขาซุกหน้าลงซอกคอของผม

“อย่าเพิ่งทะลึ่ง กูเพิ่งตื่นนะเว้ย” ผมดันตัวเขาออกและหันไปหาเขา

นะทำหน้าบึ้ง “เพิ่งตื่นแล้วเกี่ยวไรวะ”

ผมแบมือ “มา”

เขานิ่วหน้า “อะไรวะ”

“เอามาาา”

“เอาอะไร”

“ของขวัญที่มึงเคยบอกจะให้กูไง”

“ฮ่าๆๆ กูบอกว่าจะให้มึงถ้าทำเกรดออกมาดีๆ ต่างหาก” เขาปัดมือผมออก

“เออ แล้วกูจะคอยดู มึงเตรียมตัวเสียเงินเอาไว้ได้เลย!”

เขายิ้มกริ่ม “เออ รอเกรดออกก่อนเหอะ แต่ตอนนี้เอารางวัลแรกตอบแทนความพยายามของมึงไปก่อนมะ”

“อะไร มึงจะมาลูกไม้อะไรกับกูอีก”

“ไม่ได้ลูกไม้เว้ย” เขาจับมือผม “แต่... มึงไปเที่ยวบ้านกูนะ กูขอพ่อกับแม่มึงให้แล้ว”

“แล้วพ่อว่าไง”

“เค้าก็อนุญาตสิ กูออกจะไว้ใจได้ขนาดนี้”

“ไม่ใช่เว้ย กูไม่ได้หมายถึงพ่อกู แต่เป็นพ่อมึงต่างหาก”

“อ๋อออ กูบอกเค้าแล้วว่ากลับบ้านหนนี้จะพาเพื่อนไปเที่ยวด้วย เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไร สบายหายห่วงน่า”

“เออๆ โอเค แล้วเราจะไปกันเมื่อไหร่”

“พรุ่งนี้”

“ฮะ!! พรุ่งนี้เนี่ยนะ!!!”

“ช่ายยยย” เขาเดินไปหยิบกระเป๋าของเขาขึ้นจากพื้น “มึงไม่สังเกตเลยเหรอว่าทำไมกระเป๋ากูถึงได้ใบขนาดนี้น่ะ”

“อะ... เออ... จริงด้วย กูเพิ่งสังเกต” ผมส่ายหน้าเบาๆ “นี่กูเมาขี้ตาขนาดนั้นเลยเหรอวะเนี่ย”

“มึงก็เป็นงั้นตลอดแหละ” เขาหัวเราะ “ไปๆ เก็บของเตรียมไว้เลย กูจะช่วยด้วย”

“มึงนี่มันจริงๆ เล้ยยยย ไอ้ตูดดดด!!” ผมเดินไปเตะก้นเขาเบาๆ แล้วจากนั้นเราก็ช่วยกันเก็บเสื้อผ้าของผมลงกระเป๋า

วันถัดมา ผมกับเขาก็ออกจากบ้านกันตั้งแต่เช้า โชคดีที่แม่ใจดีให้ผมเอารถไปขับได้ ไม่รู้เหมือนกันนะว่าแม่ไปถูกใจถูกชะตาไอ้ตูดของผมที่ตรงไหนขนาดนี้ ถึงได้ทั้งรักทั้งเอ็นดูเขาเสียเหลือเกิน

ระหว่างที่ผมขับรถให้เขาอยู่นั้น เราก็คุยกันไปด้วยตลอดทาง และในที่สุดเขาก็ถามถึงเรื่องๆ หนึ่งที่เขาดูพยายามเลี่ยงที่จะพูดมาตลอดจนได้

“นี่... มึงได้คุยกับไอ้ก้องมั่งรึเปล่าวะ”

“ไม่ว่ะ มันยังไม่ติดต่อกูเลย”

“เฟซบุ๊คมันก็ยังไม่แอดกลับมาเหรอวะ”

ผมส่ายหน้า “มันเพิ่งลบกูไปไม่กี่อาทิตย์ก่อนเองนะ กูว่ามันคงไม่รีบแอดกูกลับมาหรอกมั้ง”

“แล้วเพื่อนๆ มึงว่าไง”

“มันก็รู้แหละว่ากูกับมันไม่คุยกัน แต่พวกมันก็ไม่ได้มาไล่บี้ถามอะไรกูน่ะนะ พอกูเฉยๆ ไป มันก็ไม่ถามอะไรแล้วว่ะ และไอ้โตก็ช่วยพูดช่วยกันๆ ให้ด้วยเหมือนกัน”

“แล้วไอ้โตกับไอ้ก้องมันคุยกันปกติมั้ยวะ”

“คุย แต่ไม่ปกติ”

“อืมมม...” เขานิ่งไปพักหนึ่งแล้วจึงวางมือลงบนหน้าขาของผม “ยังเสียใจอยู่มั้ยวะ”

“ไม่ว่ะ” ผมส่ายหน้า “แต่ในขณะเดียวกันพอคิดๆ ดูแล้ว เรื่องนี้แม่งก็ทำให้กูรู้สึกเสียใจอยู่หน่อยเหมือนกันนะ”

“เรื่องอะไรวะ”

“เรื่องที่ทำไมกูถึงไม่ได้รู้สึกแคร์อะไรมันเท่าที่กูเคยคิดว่ากูจะเป็นน่ะสิ”

“กูว่าการที่มึงไม่เสียใจ ไม่ได้หมายความว่ามึงไม่แคร์ไอ้ก้องหรือแคร์มันน้อยหรอก ไอ้ซี แต่น่าจะเป็นเพราะมึงเคยชินกับความรู้สึกนี้แล้วและยังให้อภัยมันหมดแล้วทุกอย่างมากกว่าว่ะ”

ให้อภัยงั้นเหรอ... ก็คงจะจริงอย่างที่เขาว่าล่ะมั้ง

“ว่าแต่พ่อมึงเหอะ กูจะไปอาศัยอยู่ที่บ้านตั้ง 3-4 วันแบบนี้ เค้าจะไม่ว่าอะไรเหรอวะ พ่อมึงเค้าดุรึเปล่าเนี่ย กูก็กลัวๆ นะเว้ย”

“หืมม คนอย่างมึงกลัวอะไรด้วยเหรอวะ”

“อ้าวว ไอ้หมา กูก็เกรงใจเหมือนกันนะเว้ยเฮ้ย”

“หืมมมมม คนอย่างมึงนี่เกรงใจอะไรเป็นด้วยเหรอวะ” เขาหัวเราะ

“ไอ้...!!”

“โอ๋ๆ กูล้อเล่นน่า มึงไม่ต้องห่วงหรอก พ่อกูเค้าเป็นคนนิ่งๆ แต่ไม่ดุ ไม่ว่าอะไรแน่นอน ถ้าเค้าทำท่าจะว่าอะไร กูจะชวนมึงมาทำไมตั้งแต่แรกล่ะ”

“แล้วมึงชวนกูมาทำไมล่ะ”

“ก็กูอยากพามึงมาไหว้พ่อผั... เอ๊ย มาไหว้พ่อกูกับมาแนะนำให้พี่กูรู้จักน่ะสิ”

“แล้วเค้าจะไม่ชอบกูกันรึเปล่าวะ”

“ทำไมเค้าจะต้องไม่ชอบมึงกันด้วยล่ะวะ อย่าคิดมากน่า ไอ้ตี๋ กูยังรักมึงเลย แล้วครอบครัวกูเค้าจะไม่รักมึงเหมือนกูได้ยังไง” เขาหันมายิ้มให้ผม

“มึงคิดงั้นเหรอวะ...” ผมเลิกคิ้วขึ้น “แต่หลายๆ คนเค้าว่ากูเป็นคนหน้าตากวนตีนนะ แถมกูยังเข้าหาผู้ใหญ่ไม่เก่งเหมือนมึงด้วยอะ กูกลัวทำตัวไม่ถูกว่ะ”

“เอาน่า อย่าคิดมากสิมึง ก็จริงอยู่ที่มึงอาจจะเป็นคนหน้าตากวนตีน พูดจาห้วนๆ ไม่ค่อยมีสัมมาคารวะ เข้าหาคนไม่เก่ง หลงตัวเอง...”

“เฮ้ยๆๆ”

“แต่มึงเป็นคนจริงใจ มีเสน่ห์ ใครอยู่ใกล้ก็ต้องรักมึงกันทุกคนนะเว้ย”

“ตบหัวแล้วลูบหลังนี่หว่า ไอ้ตูด”

“ฮ่าๆๆ เปล่าสักหน่อย กูแค่จะบอกว่าให้มึงทำตัวสบายๆ ไม่ต้องเกร็ง เป็นตัวของตัวเองนั่นแหละดีแล้ว กูแน่ใจว่ายังไงๆ พ่อกูก็ต้องรักมึงเหมือนลูกแท้ๆ อีกคนด้วยแน่นอนอะว่ะ”

“แต่นั่นคือเค้าต้องไม่รู้ว่าเราเป็นแฟนกันเท่านั้นใช่มะ”

“อย่างน้อยๆ ตอนนี้ก็ขอกูแนะนำมึงแค่ในฐานะเพื่อนไปก่อนเถอะ” เขาหัวเราะเบาๆ ผมรู้สึกถึงความกังวลที่เจืออยู่ในเสียงหัวเราะนั้นได้เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

หลังจากนั้นเราก็เปลี่ยนเรื่องคุยกันไปเรื่อยจนกระทั่งเริ่มเข้าถึงตัวเมืองจังหวัดนครราชสีมา

“หิวรึยัง” เขาถาม

“นิดหน่อยว่ะ กี่โมงแล้ววะ”

“จะเที่ยงแล้ว แต่รอไปกินข้าวบ้านกูเลยก็แล้วกันนะ อีกนิดก็จะถึงแล้ว”

ผมขับรถไปตามทางที่เขาบอก ถนนที่เคยใหญ่ก็เริ่มเล็กลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเราก็เลี้ยวเข้าซอยหนึ่งที่อยู่ห่างจากตลาดชุมชนไม่ไกลเท่าไหร่ และหลังจากที่เลี้ยวเข้าซอยไปได้ไม่กี่นาที เขาก็บอกให้ผมจอดรถที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง

“นี่บ้านมึงเหรอ หลังนี้เหรอวะ”

“ช่ายย เดี๋ยวกูไปเปิดรั้วให้ รอแป๊บ” เขาพูดพร้อมกับเปิดประตูรถออก

เมื่อเขาเดินลงจากรถไปแล้ว ผมก็ชะโงกมองสำรวจบ้านของเขา บ้านหลังนี้เป็นบ้านสองชั้นขนาดไม่ได้ใหญ่โตเท่าใดนัก แต่มีเนื้อที่สวนกว้างขวาง ต้นไม้ร่มรื่น หน้าบ้านมีรถมอเตอร์ไซค์จอดอยู่สองคัน รถกระบะอีกหนึ่งคัน แปลว่าพ่อของเขาน่าจะอยู่บ้านแน่ๆ

นะโบกมือเรียกให้ผมเลี้ยวรถเข้าไปในบ้าน และเมื่อผมจอดรถดับเครื่องเรียบร้อยแล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านข้างของตัวบ้าน

“เอ้า มาๆ มาไหว้พ่อกูก่อน” เขาเดินเข้ามารับผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แวบแรกผมเผลอคิดไปว่าเขาจะจูงมือผมไปหาพ่อของเขาแล้วด้วยซ้ำ

“มาถึงกันแล้วเหรอ นะ” พ่อของเขาทักขึ้นก่อน

“พ่อฮะ นี่ไอ้ซี เพื่อนนะที่เคยเล่าให้ฟัง”

เขาไปเคยเล่าอะไรเกี่ยวกับผมให้พ่อเขาฟังวะเนี่ย

“หวัดดีครับ พ่อ” ผมยกมือไหว้ชายร่างกายกำยำสูงใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า เขาทำให้ผมนึกไม่ออกเลยว่าเมื่อตอนเด็กๆ นะจะตัวเล็ก อ่อนแอ และขี้โรคอย่างที่เคยเล่าได้อย่างไร ในเมื่อพ่อของเขาดูแข็งแรงขนาดนี้

พ่อของนะมีโครงหน้าที่คมสันไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่นัก แต่สิ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือแววตาที่แลดูแข็งกร้าว ซึ่งในขณะเดียวกันก็สะท้อนความเศร้าสร้อยลึกๆ ที่คงฝังอยู่ข้างในเอาไว้อยู่ด้วยเช่นกัน สิ่งที่ผมนึกขึ้นได้ทันทีเมื่อสบตากับผู้ชายคนนี้คือโศกนาฏกรรมที่เคยเกิดขึ้นกับครอบครัวนี้เมื่อหลายปีก่อนนั่นเอง

“เหนื่อยมั้ยล่ะ ขึ้นบ้านไปนั่งพักกันก่อนไป เดี๋ยวพ่อเก็บของตรงนั้นเสร็จแล้วจะตามเข้าไป”

“ครับพ่อ” นะรับคำ จากนั้นก็พาผมเดินไปที่รถและหยิบกระเป๋าของเราสองคนลงมา

เขาพาผมเดินเข้าไปในบ้านและขึ้นไปยังห้องนอนของเขา ห้องของเขาที่นี่ก็ดูไม่ค่อยต่างจากหอที่กรุงเทพฯ มากนัก ไม่ว่าจะโปสเตอร์นักกีฬารักบี้ อเมริกันฟุตบอล หนังสือนิตยสารกีฬาต่างๆ อุปกรณ์กีฬาสารพัดชนิดไม่ว่าจะเป็นไม้แบดมินตัน ไม้เทนนิส ลูกฟุตบอล ลูกรักบี้ หรือแม้แต่รองเท้าสเก็ตช์ที่วางอยู่ทั่วทั้งห้อง เสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้น ถุงพลาสติก กล่องขนม และยังอะไรอย่างอื่นที่ผมไม่สามารถเอ่ยชื่อได้หมดอีก

“โหหห ห้องมึงแม่งส่งกลิ่นสาปผู้ชายหึ่งเลยว่ะ”

“เกินไป ไอ้ตี๋ เกินไป” เขาวางกระเป๋าลงบนพื้น “ส่งกระเป๋ามานี่”

“ห้องมึงแม่งรกได้อีกนะ ไอ้ตูด” ผมยื่นกระเป๋าให้เขา “มึงเก็บห้องครั้งล่าสุดเมื่อไหร่วะเนี่ย”

“ก็... กลับบ้านครั้งที่แล้วไม่ได้เก็บอะไรมาก แค่ปัดกวาดเช็ดถูนิดหน่อย เพราะงั้นก็คงราวๆ ครึ่งปีได้แล้วมั้ง ฮ่าๆๆ”

“โหหห! ไอ้ตัวซกมก!”

“แล้วนอนได้มั้ยล่ะ”

“ถ้ากูนอนไม่ได้จะให้ทำไง ไปนอนวัดเหรอวะ”

“เออออ ความคิดเข้าท่านะมึงเนี่ย ส่งมึงไปเป็นหมาวัดดูสัก 3-4 คืนก็คงไม่เลวเหมือนกัน”

ผมชูนิ้วกลางให้เขา “ค...ย”

“ฮ่าๆๆ กูล้อเล่นๆ ถ้างั้นมึงลงไปนั่งข้างล่างก่อนก็ได้ ขอกูเก็บกวาดห้องแป๊บนึง โอเคมั้ย”

“ไม่โอเค” ผมตอบทันควัน “ไปเอาอุปกรณ์มา แล้วเดี๋ยวกูช่วยมึงเอง”

“เฮ้ย จะดีเหรอวะ ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวกูทำเอง กูเกรงใจ”

“ป่านนี้แล้วยังจะมาเกรงใจอะไรกันอีกวะ กูช่วยมึงเก็บหอมากี่หนแล้ว หรือว่ามึงมีอะไรที่กูเห็นไม่ได้รึไง”

“เฮ้ย ไม่มีๆ”

“ถ้างั้นก็ไปเลย เร็ว เริ่มทำความสะอาดกันดีกว่า จะได้เสร็จไวๆ” ผมตีก้นเขาให้ออกเดิน

อีกไม่กี่นาทีถัดมา ผมกับเขาก็อยู่ในชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้น พร้อมหน้ากากกันฝุ่นปิดปาก แล้วเริ่มลงมือจัดระเบียบห้องของเขาใหม่ โชคยังดีที่ถึงห้องของเขาจะรก แต่ก็ไม่สกปรก เราจึงแค่จัดวางของให้เข้าที่ รวบรวมของที่ไม่ใช้แล้วใส่ถุงขยะ และปัดกวาดเช็ดถูไม่นาน ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย

“เดี๋ยวเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่ก็เสร็จแล้ว” เขาพูด “ขอบใจนะเว้ย ไอ้ซี”

“เออๆ ไม่เป็นไร” ผมถอดหน้ากากออก รู้สึกหายใจโล่งขึ้นเยอะ “เสียเวลาแป๊บเดียวเอง เห็นมะ คราวหลังก็หัดเก็บกวาดห้องตัวเองบ่อยๆ หน่อยสิวะ ไอ้ตูด”

“ก็นั่นน่ะสิ” เสียงพ่อของนะดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง ทำเอาผมสะดุ้งเบาๆ

ผมรีบหันกลับไปยังที่มาของเสียงทันที ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินคำว่า ‘ไอ้ตูด’ ที่ผมเพิ่งใช้เรียกลูกชายของเขาหรือเปล่า แต่ดูท่าทางแล้วผมว่าน่าจะได้ยินแน่ๆ

“เพื่อนเพิ่งมาถึงเหนื่อยๆ แต่กลับต้องมาช่วยแกเก็บกวาดห้องเหรอวะเนี่ย ไอ้นะ”

“อ้าว ก็...” นะอ้าปากจะเถียง แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าของพ่อแล้วก็จำต้องก้มหน้าลงทันที “ขอโทษครับ...”

“ไม่เป็นไรหรอกครับพ่อ ผมเต็มใจ” ผมออกตัว

“ไม่ได้หรอก ไอ้หมอนี่มันขี้เกียจแถมไม่เคยเป็นระเบียบมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตามใจมันมากไม่ดี”

ผมฟังออกว่าที่จริงพ่อเองก็ไม่ได้กำลังดุหรือด่าว่าอะไรนะจริงจัง แต่ความที่เขาเป็นคนมีน้ำเสียงค่อนข้างทรงพลังและแววตาที่แข็งกร้าวอย่างนั้น จึงทำให้ผมอดรู้สึกหวั่นๆ นิดๆ ไม่ได้

“โห่ พ่ออะ ก็นะไม่อยู่บ้าน จะให้ทำไงล่ะ แถมนะก็บอกไอ้ซีมันแล้วว่าไม่ต้องช่วยหรอก มันยืนยันจะช่วยเองด้วยนี่น่า แล้วก็นี่ไง เสร็จไวขึ้นตั้งเยอะ ไม่ดีเหรอครับ” นะเถียงกลับ แต่ด้วยน้ำเสียงเกรงๆ เล็กน้อย

“ไม่ต้องมาอ้างเพื่อนเลย ไป พาเพื่อนลงไปกินข้าวก่อนเถอะ พ่อเตรียมไว้ให้แล้ว หิวรึยังล่ะ ยังไม่ได้กินอะไรมากันเลยใช่มั้ย”

“ขอบคุณครับ” ผมกับนะตอบพร้อมกัน

หลังจากที่พ่อของเขาเดินจากไป ผมก็หันไปหานะทันที “มึงแน่ใจเหรอวะว่าพ่อมึงไม่ดุน่ะ ไอ้นะ”

เขาหัวเราะเบาๆ “เค้าก็เป็นของเค้าแบบนี้แหละ คือเค้าไม่ใช่คนดุไร้สาระน่ะ แค่หน้าตาโหด เสียงเข้ม ก็เลยเหมือนคนดุไปหน่อยเท่านั้นเอง เดี๋ยวมึงก็ชิน”

“ใช้คำว่า ‘ชิน’ เลยเหรอวะ”

“ฮ่าๆๆ ไปเหอะ ไปข้างล่างกัน” เขาตบบ่าผมเบาๆ จากนั้นก็เดินนำผมออกจากห้อง

ตอนแรกผมก็นึกแปลกใจว่าทำไมเขาไม่กอดคอผมแล้วเดินไปด้วยกันเหมือนอย่างเคย แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเรากำลังอยู่ที่ไหนและต้องวางตัวอย่างไร ผมเองก็ต้องหัดระวังตัวและคำพูดมากขึ้นเหมือนกัน เพราะถ้าไม่อย่างนั้นแล้วเราคงต้องเจอปัญหาใหญ่แน่ๆ

“ไอ้นะ แป๊บนึงดิ๊”

“หืออ” เขาหันมามองผม

“ปกติแล้วพ่อของมึงเค้ารับพวกเรื่องเกย์ กะเทย อะไรอย่างนี้ได้มากน้อยแค่ไหนวะ”

เขาหัวเราะเบาๆ อีกครั้ง แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกถึงอารมณ์ขันเลยแม้แต่นิดเดียว “เอาเป็นว่าเรื่องนี้เป็นหนึ่งในเรื่องที่ไม่ควรเป็นหัวข้อคุยกับพ่อกูตลอดกาลเลยก็แล้วกัน”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-06-2016 17:44:24 โดย ExecutioneR »

ออฟไลน์ Vesi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +204/-3
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
«ตอบ #773 เมื่อ11-05-2012 23:14:41 »

สองคนนี้น่ารักสุดๆ
แต่ปัญหาพ่อแม่ไม่ยอมรับนี่ปัญหาสุดคลาสสิคเลย จะผ่านไปได้ยังไง - -

ออฟไลน์ aloney

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
«ตอบ #774 เมื่อ11-05-2012 23:20:22 »

อุปสรรคชิ้นโตเลยหล่ะ

เรื่องครอบครัว พ่อแม่ไม่ยอมรับ

เป็น 1 ในดราม่าที่ไม่อยากเจอที่สุด รองลงมาก็เรื่อง ผญ

เป็นกำลังใจให้2คน เรื่องร้ายอย่าได้เข้ามา  เพี้ยง!!!!!  >3<

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
«ตอบ #775 เมื่อ11-05-2012 23:35:18 »

พาซีมาเปิดตัวหรอนะ ?

 :laugh3:

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
«ตอบ #776 เมื่อ11-05-2012 23:49:37 »

พ่อนะ น่าเป็นห่วง คงไม่กัดกันคนรักกันหรอกนะคะ พ่อ T_T

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
«ตอบ #777 เมื่อ11-05-2012 23:53:33 »

ประโยคสุดท้ายเป็นประโยคที่น่ากลัวมากๆเลยนะครับ :m29:

คุณต้นอย่าน้อยใจที่คนเม้นน้อยเลยนะครับ

อย่างน้อยผมคนนึงก็ตั้งหน้าตั้งตารอเรื่องนี้อยู่ตลอดละคนนึง

รอตอนต่อไปครับ  :L2:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
«ตอบ #778 เมื่อ11-05-2012 23:59:53 »

นับวันความสัมพันธ์ของซี-นะยิ่งแนบแน่น เข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น
ถึงวันที่อยากแนะนำให้รู้จักกับครอบครัว แต่บ้านนะคงไม่ง่ายเหมือนบ้านซี

ออฟไลน์ phakajira

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
Re: ]Lov3 SeeeDz + :: เพาะรัก (SeeeDz 23)
«ตอบ #779 เมื่อ12-05-2012 00:56:17 »

ตุย แต่ ไม่ปกติ ??

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด