บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 88 “ภัทรดิษ”
เวลาที่เรารักใคร ทุ่มเทไปทั้งหัวใจ ไม่แคร์ภายนอกจะมองเป็นเช่นไร จะเดินดินหรืออยู่บนฟ้าก็ไม่สำคัญ เรื่องใจไม่มีเหตุผล หากรักมันพร้อมจะเกิดก็ปล่อยมันไป อยากบอกว่ารักดีๆไม่มีกฎเกณฑ์ที่แท้จริง ไม่ว่าหญิงหรือชายถ้าเธอกับฉันรักกันอยู่ จะมีใครรู้จริงๆเท่าใจของเรา นั่นแหล่ะที่สำคัญจะหวั่นกฎเกณฑ์ไปใย ให้สองคนมั่นคงไว้ในใจก็พอ
“อูย...เจ็บสัด” ผมได้ยินเสียงบ่นของสิงห์ดังอยู่ข้างหู เมื่อคืนนี้ผมจัดหนักสิงห์ไปสามครั้ง หลังจากครั้งที่สองนั้นสิงห์ขอลองบุกผมบ้าง ผมจึงตั้งใจจะทำให้สิงห์หมดแรงไม่นึกอยากจะเอาคืน สิงห์เหมือนรู้ตัวจังขัดขืนบ้างแต่ก็รู้แรงผมไม่ไหว สุดท้ายก็นอนแผ่หมดแรงอยู่ในอ้อมกอดผมจนถึงเช้า
“อยากเข้าห้องน้ำเหรอ” ผมถามเพราะดูอาการกระสับกระส่ายของสิงห์ออก เจ้าตัวไม่ตอบแต่พยักหน้าเบาๆ ผมจังลุกขึ้นนั่งบนเตียง รู้สึกเจ็บแขน ปวดตัวไปหมด โดยเฉพาะช่วงเอว สิงห์นอนหนุนแขนผมทั้งคืนจนรู้สึกร้าวระบม หากนอนเฉยคงไม่ปวดขนาดนี้ แต่เมื่อคืนผมต้องออกแรงใช้แขนรับน้ำหนักขาของสิงห์อยู่นานตอนร่วมรักกัน มันจึงค่อนข้างล้า
“นายลุกไหวไหม” ผมถามทันทีที่สิงห์ทำท่าจะขยับลุกแล้วทรุดลงไปกองกับเตียง หน้าตาสิงห์บ่งบอกได้เลยว่ากำลังเจ็บปวด ผมจึงรีบก้มลงไปประคองร่างของสิงห์เอาไว้ ทำให้ผ้าห่มเลื่อนหลุดออกจากตัวเราสองคน สภาพร่างกายของเราทั้งคู่ในตอนนี้ มีทั้งรอยฟกช้ำ รอยจูบ รอยฟันขบกัด รวมไปถึงรอยข่วนจากเล็บของสิงห์บนไหล่ และหลังของผม ยังไม่นับรวมคราบน้ำกามที่เริ่มแห้งเหนียวไปทั่วตัว เราทั้งคู่ไล่สายตาดูสภาพรอบตัวจนต่างคนต่างหน้าแดงซ่านด้วยความเขินอาย
“เอ่อ...ช่วย...กะ...กูหน่อยสิวะ มองอยู่ได้ เยี่ยวกูจะแตกอยู่แล้ว” ผมห้ามตัวเองที่จะก้มลงไปมองลำของสิงห์ที่เริ่มแข็งตัวด้วยอาการปวดปัสสาวะในตอนเช้าไม่ได้ เจ้าตัวเหมือนจะอายที่โดนผมจ้องอยู่อย่างนั้นจึงชกไหล่ผมเบาๆ แล้วทำหน้าดุใส่ ในใจอยากจะพูดออกไปเหลือเกินว่าเมื่อวานตอนเช้ายังไม่เห็นจะอายขนาดนี้ ทีตอนนี้มีอะไรกันเท่านั้นมาทำเป็นอายไปได้ ดูๆ ไปแล้วสิงห์ก็น่ารักดี
“ฮะ...เฮ้ย...มะ...มึงไม่ต้องอุ้ม กูหนักเดี๋ยวล้ม พยุงกูไปก็พอ” สิงห์ร้องลั่นเมื่อผมช้อนร่างของสิงห์ยกขึ้นมาอุ้มทั้งตัว สองมือของสิงห์รีบคล้องคอผมเพราะกลัวตก ผมไม่ยอมปล่อยสิงห์ลงแม้จะรับรู้ว่าน้ำหนักตัวสิงห์นี่ไม่เบาจริงๆ แต่ระยะทางไปห้องน้ำไม่ได้ไกลเท่าไร เพียงแค่ไม่กี่เมตรก็ถึง ผมอุ้มสิงห์เข้าไปข้างในห้องน้ำ แล้วค่อยๆ วางขาของสิงห์ลงกับพื้น สิงห์พยายามยืนแม้ยังทรงตัวไม่ดีนัก ผมจึงสอดแขนเข้าไปใต้รักแร้สิงห์แล้วรับน้ำหนักเอาไว้
“ขอบใจ วางกูลงกับส้วมนี่ล่ะ แล้วมึงออกไปได้แล้ว กูจะเอาน้ำมึงออก เต็มตูดกูขนาดนี้ ขี้กูจะแตกตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว สัดเอ้ยยย...มิน่า...น้องกูถึงได้ลูกแฝด” ไอ้สิงห์มันบ่นยาวจนผมอดขำไม่ได้ เกือบกะปล่อยก๊ากออกมา มันพูดจาตรงเสียจนผมเริ่มชอบใจในท่าทีของสิงห์แบบนี้ ดูๆ ไปแล้ว การที่ผมมีอะไรกับผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีอะไรเลวร้ายเลย เมื่อคืนนี้ผมยังคิดว่าหากสิงห์จะโกรธผมหลังจากที่มีอะไรกันแล้วผมจะทำตัวยังไง แต่ตอนนี้ผมชักอยากจะรังแกสิงห์อีกสักรอบสองรอบในห้องน้ำนี้เสียเลย
“เฮ้ยยย...กูพูดน่ะได้ยินไหม มายืนเจี๊ยวแข็งทำหน้าหื่นใส่กูแบบนี้ กูขี้ไม่ออก ออกไปได้แล้ว” สิงห์เริ่มโวยใส่ผมทันทีที่พอจะมองความคิดของผมออก ผมได้แต่ขำเบาๆ เบาน้ำในอ่างล้างหน้าให้สดชื่นแล้วออกจากห้องน้ำมา ผมเก็บเตียงของสิ่งก็นึกใจหาย หากให้ใครมาซักผ้าปูที่นอนหรือผ้าห่มนวมผืนนี้ ต้องรู้แน่นอนว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น ผมมองดูคราบเลือดจางๆ แห้งกรังติดอยู่เป็นวงกว้างพอสมควรบนผ้าปูเตียง ได้แต่ยืนคิดว่าจะเอายังไงกับร่องรอยพวกนี้ดี ผมพยายามดึงทิชชู่ชุบน้ำมาถูบนรอยพวกนี้ แต่ท่าทางจะทิ้งเอาไว้นานไปหน่อย รอยมันแห้งเป็นคราบไปหมดแล้ว
“สัด...ทำไมไม่นุ่งผ้าวะ” สิงห์ด่าผมเสียงดังเมื่อออกมาจากห้องน้ำแล้วเห็นผมแก้ผ้าพยายามเช็ดรอยคราบอยู่บนเตียง ผมไม่ได้รู้สึกอายแต่คนพูดกลับยืนหน้าแดงหันไปทางอื่นเสียอีก เมื่อวานยังไม่เห็นมีท่าทีจะอายผมมากขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ หรือเป็นเพราะที่เรามีอะไรกันจึงทำให้ท่าทีของสิงห์เปลี่ยนไป
“ผมกำลังหาทางเช็ดคราบพวกนี้ออกอยู่ ถ้าทิ้งเอาไว้มีหวังซักไม่ออกแน่ๆ สงสัยต้องรีบเอาไปซักเองแล้วล่ะ” ผมบอกสิงห์โดยไม่สนใจจะนุ่งผ้าตามที่สิงห์โวยใส่ เจ้าตัวเดินมาดูคราบเลือดที่ผมกำลังถูด้วยทิชชู่เปียกอยู่ ผมได้ยินเสียงกลืนน้ำลายของสิงห์ดังชัดเจนจึงหันกลับไปมองหน้า
“ทำไมของมึงถึงใหญ่ขนาดนี้วะ แสบตูดชิบ น้องกูรับของมึงเข้าไปได้ไงวะเนี่ย เจ็บโคตรเลยว่ะ” สิงห์บ่นออกมาทั้งๆ ที่ตัวเองยังตอบสนองผมอย่างดีเมื่อคืนนี้ตั้งสามรอบ นึกอยากจะพูดดอกไป แต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวสิงห์จะโกรธ เฮ้ย...นี่ผมแคร์ความรู้สึกของสิงห์มากไปหรือเปล่า เริ่มจะแปลกใจตัวเอง
“เฮ้ย...อะไร...กูพูดแค่นี้ทำเป็นมองหน้านิ่ง กูสิควรจะโกรธไม่ใช่มึง เวรเอ้ย...กูเสือกอยากลองเองแท้ๆ หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ เลยกู มึงอย่าไปบอกใครเข้าล่ะ อายคนตายห่า” สิงห์พูดออกมาเหมือนสั่งผม ท่าทางดูไม่ได้สนใจกับเรื่องที่เสียความบริสุทธิ์ให้ผมเท่าไร ดูๆ ไปเหมือนสิงห์จะไม่คิดมากอะไรเลยกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ผมขอโทษนะที่ทำให้นายเจ็บ นายเป็นไงบ้าง...อาการดีขึ้นหรือยัง ยังเจ็บมากอยู่หรือเปล่าให้ผมพาไปหาหมอไหม” ผมถามอาการสิงห์ด้วยความห่วงใยทั้งสีหน้า และแววตาผมแสดงออกไปอย่างนั้นจริงๆ ดูเจ้าตัวมีอาการดีขึ้นแต่ยังเดินไม่ตรงเท่าไร หากใครสังเกตคงแก้ตัวว่าเป็นอาการเมาค้างได้อยู่ สิงห์มองหน้าผมเหมือนกำลังชั่งใจ แล้วเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าโดยไม่สนใจผมเท่าไร
“ขอบใจ ไม่ได้เจ็บอะไรขนาดนั้นหรอก แค่รู้สึกเหมือนมีอะไรมาคาอยู่ในรูตูดเท่านั้นล่ะ แล้วก็แสบตูดนิดหน่อย สงสัยคงจะเป็นแผล กินยาแก้อักเสบเดี๋ยวก็หาย ไม่ต้องไปหาหมออะไรทั้งนั้นล่ะ มึงไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวกูจัดการเรื่องที่นอนเองไม่ต้องห่วง” สิงห์พูดกับผมโดยไม่มองหน้า ยังคงเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่อยู่ในตู้สักพักก็หยิบเสื้อยืดมาสวม แล้วปลดผ้าขนหนูลงหากางเกงในมาสวม ก่อนจะหยิบกางเกงขาสั้นมาสวมทับ
“นายเป็นอะไรหรือเปล่า ใส่เสื้อผ้ากลับด้านแบบนั้น” ผมมองสิงห์อยู่นาน อยากจะบอกตั้งแต่สวมเสื้อแล้วว่าใส่เสื้อกลับข้าง แต่เห็นเจ้าตัวยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าที่มีกระจกด้วยซ้ำ ไม่นึกว่าจะไม่ทันสังเกต ดูจากอาการก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร ท่าทางจะกำลังคิดอะไรอยู่ในใจจนใส่เสื้อกลับข้างแบบนั้น
“อะ...อ้าว อะไรของกูวะ เจ็บรูตูดก็ไม่น่ากระทบกระเทือนถึงสมองนี่หว่า หรือกูโดนกระแทกชนหัวเตียงมากเกินไป ไอ้นี่...มึงจะขำอะไรนักหนา กูบอกให้ไปอาบน้ำ จะได้ไปกินข้าวกัน” ไอ้สิงห์มันบ่นกับตัวเองไม่กี่คำก็หันมาด่าผมที่ยังยืนขำมันอยู่ด้านหลัง มันคิดอะไรแต่ละอย่างช่างไม่สมตัวของมันเลย ผมได้แต่ส่ายหน้าแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำจนเสร็จก็ออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้า
“แล้วนี่จะหอบไปไหน ไม่กลัวใครจะรู้เหรอว่ามันเลอะอะไรมา” ผมถามทันทีที่เห็นสิงห์หอบผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนกับผ้านวมเอาไว้จนเต็มแขน
“ไม่กลัว กูแก้ไขสถานการณ์เตรียมเอาไว้แล้ว” สิงห์พูดพร้อมยักคิ้วหลิ่วตาให้ผมอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วยืนรอผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็พากันออกไปที่โรงครัว คนงานออกไปทำงานกันหมดแล้ว มีเพียงป้าคำแก้วกับหลานสาวกำลังล้างจานชามอยู่สองคน เมื่อเห็นผมกับสิงห์เดินมาก็รีบไปตักอาหารมาวางไว้บนโต๊ะให้เรียบร้อย
“อ้ายสิงห์กิ๋นข้าวงายบะทัน กิ๋นข้าวตอนเลยละกันเน้อ โวะ...อะหนังหอบผ้าหอบผ่อนมากองกล๋างเติ๋นจะอี้” เด็กผู้หญิงที่น่าจะเป็นหลานป้าคำแก้วร้องทักที่เห็นกองผ้าที่สิงห์วางเอาไว้บนพื้นแบบนั้น ไอ้สิงห์เดินไปกระซิบกับเด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ให้ผมได้ยิน แต่ดันบุ้ยใบ้ชี้มาทางผม พอคุยกันจบก็ยื่นเงินใบละหนึ่งร้อยบาทให้เด็กคนนั้นรับไป เด็กสาวยกมือไหว้แล้วก็ก้มหอบผ้าเข้าไปหลังครัว
“นายไปบอกว่ายังไงเหรอ หรือว่านายเล่าให้ฟังว่าเมื่อคืนผมทำอะไรนาย” ผมถามสิงห์หลังจากที่นั่งลงทานข้าวกันแล้ว สิงห์หันมามองหน้าผมทั้งที่ยังคาบช้อนคาอยู่ที่ปากทำตาโต ใบหน้าแดงซ่านขึ้นทันที หน้าตาสิงห์ตลกดี จนผมต้องขำออกมาอีกแล้ว สิงห์เห็นผมขำแบบนั้นก็ดูจะยิ่งไม่พอใจ
“สัด...กูจะกล้าเล่าให้ใครฟังแบบนั้นได้ไง มึงก็ห้ามบอกใครรู้ไหม” สิงห์ด่าผมเบาๆ แล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ โดยไม่ยอมบอกเล่าให้ผมฟังว่าอธิบายน้องคนนั้นไปว่ายังไงเรื่องผ้าปูที่นอน ผมไม่อยากคาดคั้นจึงยอมกินข้าวต่อแต่โดยดี กับข้าวแบบพื้นเมืองเช่นเคย ซึ่งรสชาติอร่อยใช้ได้ ผมจึงทานได้มากเป็นพิเศษเพราะเมื่อคืนใช้แรงไปเยอะ
“กำกิ๋นปื๊นเมืองจะอี้ อ้ายหนุ่มกิ๋นได้ก่อ” ป้าคำแก้วหันมาถามผมหลังจากที่ล้างจานเสร็จ ท่าทางป้าแก้วดูใจดีมาก เมื่อเห็นผมกินข้าวเกือบหมดจานก็ยิ้มหวานให้อีกที แถมยังเดินไปตักน้ำใส่ขันมาให้ผมอีก
“ขอบคุณครับป้า ทานได้ครับ อร่อยทุกอย่างเลย” ผมยกมือไหว้รับขันน้ำ และออกปากชมรสชาติอาหารอย่างจริงใจ เพราะผมกับสิงห์ทานอาหารจนเกือบจะหมดเกลี้ยงจานกันเลยทีเดียว ป้าคำแก้วยิ้มรับแล้วเดินเข้าไปในครัวเอามะละกอหั่นมาเรียบร้อยแล้วในจานออกมาวางให้อีก
“กิ๋นข้าวแล้วกิ๋นมะก๋วยเตสโตยเน้อ ยังแควนน่อยตี้ยังสบายดี อีปุยมันอู้ว่าคุณเมาฮากแตกฮากแตนเพอะเลอะตี้นอนนายน่อยขนาด” ป้าคำแก้วพูดอะไรเกี่ยวกับผมสักอย่าง ดูแววตามีความเป็นห่วงเป็นใยขนาดนั้น ผมจึงต้องหันไปมองหน้าสิงห์เพื่อขอความช่วยเหลือให้ช่วยแปลให้หน่อย
“บะเป๋นอันหยังแล้วครับป้า ขอบคุณครับ นายรีบๆ กินเถอะวันนี้วันหยุดคนงานที่นี่ ฉันจะพานายไปเที่ยวในตัวเมือง” สิงห์ขอบคุณป้าแก้วแทนผมโดยไม่อธิบายอะไร กลับเร่งให้ผมรีบกินข้าวแล้วจะพาเที่ยวอีก ฟังดูประหลาดยังไงไม่รู้ ท่าทางสิงห์จะปิดบังอะไรผมแน่นอน ส่วนป้าแก้วก็เดินหายเข้าไปในครัวเรียบร้อยแล้ว
“นายไปบอกอะไรปุยกับป้าแก้วกันแน่ ท่าทางจะโยนความผิดอะไรมาใส่ผมแน่นอน ใช่หรือเปล่า” ผมถามสิงห์แบบไม่ใส่ใจนัก เพราะเดาจากสถานการณ์แล้วสิงห์คงโกหกอะไรเกี่ยวกับรอยเลอะบนผ้าปูที่นอนพวกนั้นแน่นอน และที่สำคัญคือผมเป็นผู้กระทำจริง แต่แค่อยากรู้ว่าสิงห์ไปอธิบายอย่างไรก็เท่านั้น
“กูบอกปุยว่ามึงเมาเหมือนหมาแล้วอ้วกออกมาเลอะที่นอน แถมยังมีอารมณ์เงี่ยนก็เลยชักว่าวเลอะที่นอนกูเหมือนคนบ้าอีก กูก็เลยเตะมึงปากแตกเลือดเลอะบนเตียงสลบไปจนถึงเช้า แต่ให้ปุยไปบอกป้าคำแก้วว่ามึงแค่อ้วกใส่ก็พอ แล้วรีบเอาผ้าปูเตียงไปซักก่อนที่พี่ศรจะรู้ว่ากูเตะมึงปากแตก ปุยมันยังบอกว่าเห็นรอยช้ำตามตัวก็รู้แล้วว่าเราทะเลาะกัน จึงแนะนำให้กูพามึงไปเที่ยวในเมืองพี่ศรจะได้ไม่ด่ากู” สิงห์อธิบายออกมาโดยไม่มองหน้าผม
“ทุเรศจริงๆ ถ้าจะบอกแบบนี้ผมขอไปสารภาพดีกว่า บอกว่านายเมาแล้วมาจูบผมก่อนจนมีอารมณ์ แล้วให้ผมรับผิดชอบที่ปล้ำนายเมื่อคืนนี้กับทุกคนยังจะดีกว่า” ผมแกล้งทำท่าโมโหสิงห์ ใจจริงไม่ได้โกรธอะไร กลับรู้สึกตลกด้วยซ้ำว่าสิงห์แต่งเรื่องแบบนั้นออกไปได้ยังไง ฟังดูแล้วเหมือนผมเป็นคนสติไม่ดียังไงอย่างนั้นไปเลย แล้วปุยจะมองผมในแง่ไหนกัน
“เฮ้ย...มึงห้ามบอกใครนะโว้ย กู...กูอายว่ะ มึงให้กูทำอะไรก็ได้แต่อย่าบอกเรื่องกูไปจูบมึงก่อน แล้วเรื่องที่กูเป็นเมียมึงยิ่งห้ามให้ใครรู้เลยนะโว้ย กูขอร้องนะ” ไอ้สิงห์ทำหน้าวิงวอนใส่ผมจนอดขำแทบไม่ได้ ต้องรีบเกร็งหน้าโกรธเอาไว้ก่อน มันยกมือไหว้วางบนหน้าผากตัวเอง ผมมองทรงผมสกินเฮดกับคิ้วเข้มๆ หน้าตาหล่อเหลาแบบมันมาเรียกตัวเองว่าเป็นเมียผม ยิ่งทำให้ผมรู้สึกคันยุกยิกในหัวใจจนบอกไม่ถูก
“นะ นะ นะ ถือว่ากูขอร้อง แลกกับค่าตัวเมื่อคืนนี้แล้วกันนะ มึงไม่ต้องรับผิดชอบกูหรอก กูแมนๆ รับผิดชอบตัวเองได้ มึงจะให้กูทำอะไรแก้ตัวก็ได้กูยอมหมด แต่อย่าไปบอกใครเรื่องมึงได้ตูดกูแล้วกันนะ นี่ๆ กูป้อนให้...เอ้า...อ้ามมม” สิงห์เห็นผมยังนิ่งจึงทำเสียงเล็กๆ เอ่ยอ้อนอย่างน่ารัก แถมยังเอาส้อมจิ้มมะละกอส่งเข้าปากให้ผมอีก พอผมรับเข้าปากไปหนึ่งชิ้น สิงห์ก็ยิ้มจนเห็นเขี้ยวฟันขาวน่ารัก ท่าทางตัวผมจะทนดูความน่ารักของสิงห์ต่อไปไม่ไหวแล้ว
สิงห์ยังจิ้มมะละกอส่งเข้าปากผมพร้อมส่งเสียงร้องอ้าให้ผมอ้าปากกินเหมือนผมเป็นเด็กเล็กๆ จนผมต้องยกมือบอกให้พอ เมื่อสิงห์ยังเห็นผมไม่ตอบรับเรื่อวที่ขอร้อง ก็พยายามบีบนวดไปมาตามแขนหนาแน่นของผม ท่าทางเหมือนอยากเอาอกเอาใจให้ผมใจอ่อนเต็มที่ หากสิงห์ยังดูน่ารักแบบนี้ มีหวังผมได้ปล้ำสิงห์ตรงโรงครัวนี้แน่ๆ
“ก็ได้ ผมสัญญาว่าจะไม่บอกใคร แต่นายรับปากผมแล้วนะว่าผมจะให้นายทำอะไรก็ได้” ผมย้ำกับสิงห์ออกไปด้วยเสียงเข้ม ยังแกล้งทำท่าเหมือนไม่พอใจอยู่ สิงห์ทำหน้าตาน่าสงสาร ส่งสายตาเว้าวอนใส่ผมแล้วรีบพยักหน้าเร็วๆ จนผมแทบจะอดใจไม่อยู่ อยากจะดึงใบหน้านั้นมาจูบประกบปากเหลือเกิน ติดว่าที่นี่มันโล่งแจ้งจนเกินไป หากทำอะไรไม่ดีออกไปผมอาจจะโดนสิงห์เตะปากแตกเข้าจริงๆ ก็ได้
“โอเค ถ้าอย่างนั้นไปในเมืองกันได้แล้ว หากคุณนรศรตื่นมาเห็นรอยเชียวช้ำตามตัวนายกับผมอาจจะไม่จบเรื่องนี้ลงง่ายๆ ก็ได้” ผมรีบขู่สิงห์ทันที เจ้าตัวทำตาโตพยักหน้าเหมือนเห็นด้วย แล้วก็เลยลุกรีบวิ่งเข้าบ้านไป สักพักก็หยิบกุญแจรถปิกอัพมาชูให้ผมดู แล้วตะโกนกวักมือเรียกผมเสียงดังให้รีบไปที่รถ อาการเหมือนกลัวคุณนรศรจะตื่นขึ้นมาจริงๆ ผมอยากจะหัวเราะกับท่าทางของสิงห์เหลือเกิน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิงห์จะอายุมากกว่าผมถึงสองปี บุคลิกหน้าตาที่ยังเด็ก ประกอบท่าทางที่เหมือนเด็กชายวัยรุ่นซื่อๆ เริ่มทำให้ผมรู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับสิงห์มากขึ้นทุกที
“วันนี้ผมอยากไปดูหน้าลูกอีกได้ไหม จากนั้นนายจะพาผมไปเที่ยวไหนก็ได้ นายอุตส่าห์ขับรถพาผมเที่ยวแล้วผมขอออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับวันนี้เองแล้วกัน” ผมร้องขอพร้อมนำเสนอ สิงห์หันมามองหน้าผมยิ้มมุมปากให้น้อยๆ แล้วกัดริมฝีปากเบาๆ ยกแขนซ้ายทำท่าตะเบะพร้อมยักคิ้วให้ผมข้างเดียวอย่างทะเล้น แค่นี้ก็ทำให้ใจผมเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาข้างนอก ท่าทางแบบนี้มันโดนใจผมได้ยังไงก็ไม่รู้