@@เปิดขยายเวลาโอน@@ 26 ถึง 5 ก.พ นี้ รอบสุดท้ายแล้วเปิดโอนนิยายชุดไตรภาคย์ ตะเกียงพิเศษ จอมใจนักเลง เหยี่ยวหัวใจ
รายละเอียดหนังสือ
1.ปกกระดาษอาร์ต 270 แกรม พิมพ์สี่สี พร้อมเคลือบมัน เข้าเล่มไสกาว
2.เนื้อในกระดาษถนอมสายตา 75 แกรม พิมพ์ขาวดำ
3.ทุกเล่มมีที่คั่นหนังสือแถมให้
4.ขนาดรูปเล่ม ไชร์ 14.8 x 21 เซนติเมตร
5.บล็อกเซท สำหรับใส่นิยายไตรภาคย์ทั้งชุด 5 เล่ม พิมพ์สี่สี่ โชว์สันหนังสือ
ลำดับ จำนวน/เล่ม ราคา/เล่ม ราคารวม ค่าจัดส่ง ราคารวมค่าจัดส่ง
ตะเกียงพิเศษ 2 350 700 50 750
จอมใจนักเลง 2 300 600 50 650
เหยี่ยวหัวใจ 1 350 350 50 400
เทพพิทักษ์ขุนทัพ 1 250 250 50 300
ราคาบล็อกเซท 1 180 180 - 180
ราคารวมทั้งสิ้นทั้งหมด 2,080 บล๊อกเซทราคาเดียวเท่านั้นในรอบสองนี้ 1,700 บาท ฟรีค่าจัดส่ง ไม่รวมเทพพิทักษ์ หากต้องการแยกซื้อต่างหากในราคาเต็ม 3.สำหรับท่านที่ไม่ต้องการบล็อกเซทสามารถแยกซื้อนิยายได้ หากซื้อตั้งแต่ 3 เล่มขึ้นไปฟรีค่าจัดส่งค่ะหมายเหตุ ตะเกียงพิเศษ นับเป็น 2 เล่ม จอมใจนักเลง ก็เช่นกันค่ะ 4.กรุณาโอนให้มีเศษเป็นจุดทศนิยม2ตำแหน่งค่ะ เช่น 1,700.02 หรือ 1,700.03 เป็นต้น เพื่อสะดวกในการเช็คการโอนของท่านค่ะ
หมายเหตุ : การแจ้งโอนขยายเวลาโอนเปิดโอนตั้งแต่บัดนี้ ปิดโอน 26 มกราคม จนถึง 5 กุมภาพันธ์ 55 เป็นครั้งสุดท้าย
รายละเอียดการโอนเงิน:
ธนาคาร.........ไทยพาณิชย์............สาขา แยกท่าเกษตร...................
เลขที่บัญชี......
120-221-608-9...............................
บัญชีออมทรัพย์ชื่อบัญชี....ลักษนารี วิชาลัย (Luksanalee Wichalai)........
หลังจากโอนเงินแล้ว ส่งอีเมล์มาที่
luxilove_19690 แอท hotmail ดอท com พร้อมข้อมูลต่อไปนี้:
Subject: แจ้งโอน ชุดไตรภาคย์ หรือ นิยายเรื่อง.......
ชื่อ+นามสกุล : (ส่งแบบลงทะเบียนรบกวนขอชื่อ-นามสกุลเต็มนะคะ)
จำนวนที่สั่ง : (เช่น 1 ชุด, 2 ชุด etc.)
ที่อยู่สำหรับจัดส่ง : ____________________________
วัน/เวลาที่โอน : ______________________
จำนวนเงินที่โอน : (ถ้าเป็นไปได้ขอให้โอนแบบมีจุดทศนิยม จะได้เช็คง่ายค่ะ เช่น 1,400.10 หรือ 1,400.20 บาท)
หมายเลขอ้างอิงการโอน: ____________________
**หรือจะสแกน/ถ่ายรูปสลิปแล้วแนบไฟล์มาก็ได้ค่ะ
แต่ขอให้เก็บหลักฐานการโอนไว้ค่ะ เช่นslipการโอนจากตู้atmเป็นต้น**
ต่อด้านล่าง
เทพพิทักษ์ขุนทัพ
Part 8
นักล่าหัวใจ?.
.
.
.
“โอย! อืม” เสียงครางของขุนดอน ทำให้ขุนทัพที่หลับฟุบอยู่ข้างเตียงผลุนผลันตื่นขึ้นอย่างเร็ว รีบเข้าไปถามอาการ
คนป่วยเร็วปรื๋อจนแลดูลุกรี้ลุกรนไปเลย
“ดอนๆ เป็นไงมั้งหืม เจ็บตรงไหนบอกกูดิ?” ขุนดอนนิ่วหน้าเม้มปากแน่นคงจะปวดแผลไม่น้อย เพราะยาน่าจะหมด
ฤทธิ์แล้วถึงได้รู้สึกตัวตื่น ก่อนตาคมสวยจะจ้องหน้าขุนทัพนิ่งที่เห็นเจ้านายหน้าตาตื่นออกอาการเป็นห่วงซะยังกะตัวเองเป็น
คนเจ็บเสียเอง
“อืมปวดแผลครับ แต่พอทนได้” ขุนดอนไม่อยากให้ขุนทัพวิตกเกินไป รีบบอกไปแม้จะยังปวดไม่น้อยแต่ก็บอก
ว่ายังพอทนได้เพื่อตัดความกังวลของขุนทัพแทน
“เหรองั้นมึงรอแป๊ปนะ เดี๋ยวหมอก็มา” พูดจบกดกริ่งบนหัวเตียงเรียกพยาบาลทันที ระหว่างรอก็ถามถึงอาการขุนทัพ
ยังกะตนเป็นหมอมาตรวจอาการเสียเองซะงั้น
“แล้วนอกจากปวดแผลแล้ว มึงเจ็บตรงไหนอีก หายใจสะดวกไหมหืม?” ท่าทางของขุนทัพที่แสดงออกทั้งการกระทำ
และคำพูด ทำเอาคนป่วยที่กำลังหน้านิ่วเม้มปากทนเจ็บต้องหน้าแดงก่ำ สาเหตุเพราะคนป่วยอยากหัวเราะคนทำหน้าที่
ยังกับหมอสอบถามอาการตนด้วยความเป็นห่วง แต่ก็กลั้นขำไว้เพราะกลัวหลุดหัวเราะมาแล้วจะยิ่งทำให้ปวดแผลเข้าไปใหญ่
ใบหน้าเลยแดงก่ำอย่างที่เห็น
“แย่แล้วมึง ไข้ขึ้นกะทันหันซะแล้วกูว่า หน้ามึงแดงฉิบหาย” กลับหนักเข้าไปใหญ่เมื่อขุนทัพสรุปเอาเองเสร็จสรรพ
กุลีกุจอพุ่งเข้าห้องน้ำจัดการเปิดน้ำใส่อ่างที่เค้าเตรียมไว้สำหรับเช็ดตัวคนป่วย เปิดน้ำเย็นผสมน้ำอุ่นนำผ้าขนหนูลงแช่
ยกออกมา จังหวะพยาบาลเปิดประตูเข้ามาพอดี
“สวัสดีค่ะ คนไข้รู้สึกตัวแล้วคงจะปวดแผลใช่ไหมค่ะ?” พยาบาลยิ้มหวานให้กับขุนดอน ทำเอาขุนทัพหน้าหดเหลือ
สองนิ้วรู้สึกขัดใจกับท่าทีหน้าระรื่นของพยาบาลสาวอย่างไม่ทราบสาเหตุ รีบเข้าไปประชิดติดเตียงแล้วแย่งตอบ
ยังกะเค้าถามตนไงงั้น
“เพิ่งรู้สึกตัวครับ ปวดแผลมากรบกวนขอยาระงับปวดให้ด้วยครับแล้วก็ยาแก้ไข้ด้วยนะคิดว่าไข้ขึ้นครับ” รายงานทั้ง
ในส่วนของคนป่วยและสั่งจัดยายังกับตนเป็นหมอซะเอง ทำเอาพยาบาลสาวถึงกับอดยิ้มขำต่อท่าทีของขุนทัพไม่ได้ นึกชมอยู่
ในใจว่าทั้งคนไข้และคนเฝ้าไข้ช่างหล่อลากไส้กันทั้งคู่ นับครั้งได้ที่จะเจอผู้ชายหล่อไร้ที่ติอย่างสองคนนี้
“ยาแก้ปวดพอจัดให้ได้ค่ะ คุณหมอท่านบอกไว้แล้วว่าคนไข้รู้สึกตัวคงปวดแผลแน่ ส่วนยาลดไข้คงต้องรอหมอสั่ง
ก่อนนะคะ แต่ยังไงเดี๋ยวดิฉันขอวัดไข้ให้แน่ใจอีกทีหากมีไข้จริงจะเรียนคุณหมอทราบให้หมอสั่งยาให้นะคะ” ขุนทัพได้แต่
พยักหน้ารับ สายตาคมวาวของขุนทัพ ทำให้พยาบาลสาวถึงกับหน้าแดงไปด้วยคนอะไรขนาดทำหน้าดุยังหล่อได้อีก
ตรงข้ามกับขุนทัพที่รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นพยาบาลกำลังจะปลดกระดุมเสื้อของขุนดอนเพื่อนำปรอทวัดไข้สอดเหน็บ
ไว้ใต้จักกะแร้ จนต้องพูดดักขึ้นก่อนว่า
“เหน็บไว้ใต้ซอกคอแทนไม่ได้หรือครับ จะได้ไม่ยุ่งยากปลดกระดุมออกให้เสียเวลาด้วย” พยาบาลจำต้องหันมามอง
หน้าขุนทัพอย่างงงๆ ก่อนจะตอบกลับมาว่า
“ก็ได้เหมือนกันค่ะ คงต้องรบกวนคุณดูไว้ด้วยนะคะ กลัวผู้ป่วยขยับแล้วปรอทจะหลุดตก” จากนั้นจึงหยุดการแก้เชือก
ที่ผูกปมบนเสื้อของขุนดอนทำการผูกกลับคืนให้เหมือนเดิม อกขาวๆหนั่นแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อหนุ่มจึงไม่ทันได้เผยออกมา
ให้เห็น เสร็จเรียบร้อยพยาบาลก็เหน็บปรอทสอดไว้ใต้ซอกคอของขุนดอนแทน ปล่อยให้คนป่วยที่นอนทำหน้านิ่งจ้องมองการ
กระทำและการโต้ตอบไปมาของเจ้านายหนุ่มกับพยาบาลสาวอย่างไม่คิดจะพูดอะไรสักคำ หลังจากพยาบาลเดินลับออก
ประตูไป ขุนทัพรีบวางอ่างที่มีน้ำอุ่นพร้อมผ้าขนหนูลงยังโต๊ะหัวเตียงก่อนจะเดินไปล็อกประตูห้องเสร็จสรรพ กลับมายืน
ข้างเตียงไม่พูดไม่จาลงมือแก้เชือกผูกปมเสื้อขุนดอนหน้าตาเฉย จนคนถูกกระทำต้องนิ่วหน้าด้วยความสงสัยอดไม่ได้เอ่ยปาก
ถามไปตรงๆ ว่า
“คุณทัพกำลังจะทำอะไรครับ?” คำถามขุนดอนไม่สามารถหยุดมือหนาแข็งแรงที่ปลดเชือกออกที่ละอันๆ พร้อมกับ
ปากหยักได้รูปสวยก็ตอบกลับมาอย่างไม่ใช่เรื่องที่ขุนดอนควรถามเลยซะนี่
“ก็กำลังจะเช็ดตัวลดไข้ให้มึงไง มึงมีไข้ก็ต้องเช็ดตัวลดไข้สิวะถามแปลก” คำตอบของขุนทัพ ทำเอาขุนดอน
ไม่สามารถปั้นหน้านิ่งได้อีกต่อไป ต้องขมวดคิ้วขึ้นทันทีแล้วสวนกลับไปว่า
“คุณทัพรู้หรือครับว่าผมมีไข้?” ครั้งนี้ขุนทัพหยุดมือค้างไว้ มองสบตากับขุนดอน ก่อนตอบหน้าตายว่า
“หน้ามึงแดงขนาดนั้นไม่ใช่เพราะตัวร้อนไข้ขึ้นแล้วจะอะไรอีกไม่ต้องถึงมือหมอกูก็พอดูเป็นเหมือนกัน” คราวนี้ขุนดอน
ขี้เกียจจะอธิบายเลยเฉเปลี่ยนคำถามว่า
“แล้วคุณทัพเคยเช็ดตัวให้คนป่วยมาก่อนหรือครับ?” เป็นคำถามพิฆาตขุนทัพเลยก็ว่าได้ เหมือนโดนตีแสกหน้าเข้า
อย่างจัง เพราะตั้งแต่เกิดมาตนเคยเช็ดตัวให้ใครซะที่ไหน ตอนป่วยไม่สบายสมัยเด็กๆ ก็ได้ขุนดอนเป็นคนดูแลเช็ดตัวให้
คิดขึ้นมาแล้วกลายเป็นตนกลับเป็นฝ่ายหูแดงหน้าแดงซะเอง ขุนดอนพอดูออกว่าขุนทัพกำลังเขินอย่างแรง ที่ตนถามไป
แบบนั้น
“เออ!กูคิดว่าไม่ยากหรอก มึงยังเคยทำให้กูเลยตอนกูป่วย พอจำได้ละน่าไม่ต้องห่วง นอนเฉยๆเหอะกูทำเอง” พูดจบ
หันไปจัดการปลดเชือกมัดเสื้อคนป่วยของโรงพยาบาลต่อจนหมดก่อนแหวกสาบเสื้อออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อตึงแน่นขาวเนียน
ของขุนทัพ จนถึงกับแอบกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว รีบเบือนตาหลบหันไปขยำผ้าขนหนูในอ่างน้ำอุ่นบนหัวเตียงแทน ให้รู้สึก
ประหม่าพิกลเมื่อรู้สึกได้ว่าสายตาขุนดอนมองตามการกระทำของตนไม่วางตา ปกติคนเค้าจะบิดผ้าขนหนูให้หมาดเพื่อเช็ดตัว
แต่เพราะขุนทัพไม่เคยหยิบจับทำเรื่องแบบนี้มาก่อน จำผิดจำถูกแต่ก็ไม่กล้าถามจากการบิดเลยกลายเป็นขยำให้น้ำออกจาก
ผ้าขนหนูซึ่งผลลัพธ์มันต่างกันสิ้นเชิง เพราะผ้าขนหนูอมน้ำจนชุ่มแปะลงบนอกขาวผ่องของขุนดอนจนคนป่วยถึงกับสะดุ้งวาบ
แอบเกร็งร่างไม่รู้ตัว เพราะผ้าดันแฉะแปะลงบนตัวจากที่อุ่นมันเย็นทันทีจากอากาศภายในห้องที่เปิดแอร์ด้วยทำให้มันเปลี่ยน
สภาพ ถึงกระนั้นขุนดอนก็ยังนอนปั้นหน้านิ่งจ้องทุกการกระทำของขุนทัพไม่พูดไม่จา เจ้าชายหิมะหน้าหล่อปานรูปสลักอยากรู้
เหมือนกันว่าขุนทัพจะทำได้ดีแค่ไหนกับงานเช็ดตัวคนป่วย แค่เริ่มต้นก็สอบตกซะแล้ว
มือหนาใหญ่ที่จับบนผ้าผืนบางค่อยลูบเบาๆ พยายามไม่ลงแรงให้หนักเช็ดไล่ไปตามหน้าท้องแกร่งก่อนจะวกกลับขึ้น
มายังเนินอกที่มีเม็ดทับทิมสีชมพูสวยประดับอยู่สองข้าง เผลอจ้องมองอดกลืนน้ำลายลงคออีกครั้ง พร้อมกับหูเหอหน้าตาแดง
เข้าไปใหญ่ลามไล้ไปถึงคอขาวของเจ้าตัวแล้ว ระหว่างคนป่วยที่ควบคุมตนเองได้กับคนเช็ดตัวซึ่งบัดนี้ใจเต้นรัวกระหน่ำ มือเริ่ม
จะวนอยู่แต่จุดอ่อนไหวบนยอดอกเข้าให้ จนคนป่วยทนเงียบต่อไปไม่ไหวเอ่ยปากขึ้นมาว่า
“ผมคิดว่าน้ำไหลลงแผลผมแล้วล่ะ รู้สึกแฉะไปหมดเสื้อผมก็ด้วยขุนทัพไม่บิดน้ำทิ้งให้หมดก่อนนำมาเช็ดบนตัว
ผมนี่ครับ” คำบอกด้วยโทนเสียงเรียบทุ้มของขุนดอนทำให้เจ้าตัวที่กำลังเพลินกับการลูบเล่นบนผิวขาวเนียนถึงกับได้สติรีบเอา
ผ้าออกจากเนินอกคนพูด ทิ้งลงในอ่างอย่างเร็วแล้วกุลีกุจอเผ่นเข้าห้องน้ำหยิบผ้าขนหนูผืนใหม่มาซับน้ำให้ขุนดอนมีก้มหน้างุด
คงทั้งอายทั้งรู้สึกแย่ที่หวังดีกลับจะกลายทำให้คนป่วยลำบากเข้าไปใหญ่ จังหวะพยาบาลมาเคาะประตูเพื่อเช็คปรอท ขุนทัพรีบ
ดึงสาบเสื้อของขุนดอนมาปิดเนินอกไว้ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นคลุมทับอีกรอบแล้วเดินหน้าแดงไปเปิดประตูให้พยาบาลคนเดิม
ซึ่งอดชำเลืองมองหน้าหล่อคมเข้มของหนุ่มร่างใหญ่ล่ำที่แดงก่ำแอบสงสัยว่าเป็นอะไร แต่ก็ไม่ได้จ้องนานก้าวตรงรี่เข้าไป
ดึงเอาปรอทออกมาเช็คว่าคนป่วยมีไข้หรือเปล่าสรุปไม่มีไข้ ความร้อนในร่างกายปกติ จึงหันมาบอกกับคุณหมอกำมะลอว่า
“คนป่วยไม่มีไข้ค่ะ และนี่ยาแก้ปวดเพื่อให้คนป่วยทานกินแล้วจะง่วงนอนนะคะ” พูดพร้อมกับวางถ้วยยาเล็กๆทิ้งไว้ให้
บนหัวเตียงก่อนจะเดินกลับออกไป ใบหน้าเปื้อนยิ้มเมื่อเห็นหน้าเหร่อร่าของขุนทัพที่แดงก่ำไม่เลิก
“คะคือ เค้าบอกว่ามึงไม่มีไข้ กูเข้าใจผิดไปเองแล้วทำไมมึงหน้าแดงจังวะตอนแรก?” ขุนทัพถามให้หายสงสัย
ขุนดอนจ้องตอบขุนทัพนิ่ง ก่อนปากสวยได้รูปขยับเอ่ยกลับมาว่า
“ถ้างั้นตอนนี้ขุนทัพคงเป็นไข้แล้วละครับ เพราะคุณทัพหน้าแดงมากลองเข้าไปส่องกระจกดูสิครับ” คำพูดของขุนดอน
พาเอาคนหน้าแดงยิ่งแดงเข้าไปใหญ่ ทำไมตนจะไม่รู้ว่าหน้าแดงเพราะอะไร เลยหาเรื่องเฉไฉเปลี่ยนเรื่องคุยขึ้นมาหน้าตายว่า
“อย่าสนใจกูเลย ว่าแต่มึงยังเช็ดตัวไม่เสร็จเลยนี่ มากูทำให้” พูดจบขยับเข้ามาตลบผ้าห่มที่ดึงคลุมเมื่อกี้ออก
ก่อนจะแหวกสาบเสื้อที่ตนดึงขึ้นมาปิดอ้าออกอีกครั้ง ขุนดอนเลยทักท้วงขึ้นว่า
“คุณทัพไม่ต้องเช็ดแล้วครับ ผมไม่มีไข้แล้วคงไม่ต้องลดไข้หรอก ตอนนี้เสื้อผมแฉะถ้าจะกรุณาหาตัวใหม่มาเปลี่ยน
ให้ผมดีกว่า” คำร้องขอของคุณดอน ช่วยสร้างรอยยิ้มกว้างจนตาคมไหวระริกเกิดขึ้นบนใบหน้าหล่อเข้มของขุนทัพทันที
จนขุนดอนเองก็มองตะลึงอึ้งไปเหมือนกัน เพราะไม่เข้าใจว่าที่ตนบอกไปทำไมขุนทัพต้องดีใจถึงปานนั้น ขุนดอนจะไปรู้ได้
อย่างไรว่าร้อยวันพันปีเคยมีสักครั้งที่ไหน ที่เจ้าตัวจะร้องขอให้ขุนทัพทำอะไรให้เหมือนที่พูดไปตะกี้ เพราะงั้นสำหรับขุนทัพ
กลับเป็นนิมิตหมายอันดีของการเริ่มต้นทางรักที่ได้คาดหวังไว้จึงได้เผยรอยยิ้มสว่างออกมาซะขนาดนั้น
สามวันเต็มๆ กับการดูแลปรนนิบัติของขุนทัพ ที่คอยเอาอกเอาใจเทคแคร์คนป่วยอย่างใกล้ชิด แม้เจ้าตัวจะห้ามปราม
เช่นไรก็ไม่สามารถทักท้วงคนดูแลได้สักครั้ง รั้นแม้กระทั่งป้อนข้าวป้อนน้ำทำยังกับขุนดอนขยับร่างกายไม่ได้เสียเลย ทั้งที่
มือไม้ยังเคลื่อนไหวเป็นปกติแต่ขุนทัพก็ไม่สนใจสักนิด ขุนดอนขี้เกียจจะห้ามเลยปล่อยเจ้านายทำตามความพอใจอยาก
ปรนนิบัติก็ทำไปผิดบ้างถูกบ้างตามประสาคุณชายที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยทำเรื่องเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย แต่ขุนดอนก็ไม่ได้นึก
ตำหนิเลยสักนิด เพราะรู้ดีว่าขุนทัพไม่เคยทำมาก่อน แถมยังอดทึ้งกับพฤติกรรมที่ตีลังกากลับหลังของเจ้านายจอมเหวี่ยง
อย่างเสียไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้กลับตาลปัตรซะขนาดนี้ แอบมีเผลอหยิกหนังท้องตัวเองดูว่ากำลังฝันไปหรือเปล่า แต่ก็รู้สึก
เจ็บยืนยันได้ว่านี่คือเรื่องจริง เลยยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการสงสัยอะไรออกไปยังคงเก็บความรู้สึกไว้ภายใต้
ใบหน้าหล่อเหลือร้ายได้อย่างสงบนิ่งเหมือนเคย แต่นั่นคือบุคลิกที่ทำให้ขุนดอนดูน่าหลงใหลยิ่งนักสำหรับคนที่ได้ใกล้ชิด
สัมผัส เหมือนหนังสือที่ชวนอ่านและวางไม่ลงเพราะคาดเดาเรื่องราวไม่ได้ นี่จึงกลายเป็นเป้าหมายที่ท้าทายสำหรับขุนทัพ
ให้พยายามค้นคว้าเข้าไปใหญ่ ตั้งใจอย่างเต็มที่ว่าตนจะเป็นคนเปิดประตูลั่นบานหัวใจของขุนดอนให้เปิดรับเอาตนเข้าไป
ในนั้นให้ได้
วันที่สี่หลังจากคุณหมอตรวจแผลและให้พยาบาลทำความสะอาดล้างแผลเรียบร้อยแล้ว ก็พูดกับคนป่วยและ
ผู้เฝ้าไข้พิเศษว่า
“วันนี้หมออนุญาตให้กลับไปพักต่อที่บ้านได้เลยครับ เพราะแผลคนป่วยไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วง ไม่เกิดการติดเชื้อ
และก็แห้งดีพอสมควรแล้ว รอครบเจ็ดวันค่อยมาพบหมอตามนัดเพื่อตรวจอีกครั้ง ส่วนไหมที่เราใช้เย็บแผลเป็นไหมละลาย
ผู้ป่วยสามารถล้างแผลได้ตามปกติที่บ้านด้วยตนเองถึงกำหนดจะละลายหายไปเองไม่ต้องมาตัดไหม สำหรับญาติรบกวนให้ไป
ติดต่อขอชำระค่าใช้จ่ายพร้อมกับรับยาที่หมอสั่งให้เอากลับไปทานต่อที่บ้านด้วย จากนั้นก็สามารถกลับได้เลยครับ” หมอหนุ่ม
พูดจบ ขุนทัพก็กล่าวขอบคุณหมอรอจนทั้งหมอและพยาบาลกลับออกไปกันหมดแล้ว จึงหันมาพูดกับขุนดอนว่า
“เดี๋ยวกูโทรบอกนิคมให้เอาเสื้อผ้าของมึงมาให้เปลี่ยนใส่กลับ แล้วกูค่อยไปจัดการค่าใช้จ่ายต่อ มึงอยู่คนเดียวได้นะ?”
คำถามทิ้งท้ายทำยังกับขุนดอนเป็นเด็กดูแลตัวเองไม่ได้ไปซะงั้น ขุนดอนจึงตอบกลับไปว่า
“คุณทัพไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ รบกวนคุณทัพเป็นธุระให้ผมด้วย ครั้งนี้คงต้องลำบากคุณทัพแล้วครับ” ขุนดอนพูด
จากใจจริง กลายเป็นตนกลับมาเป็นภาระให้ขุนทัพซะงั้น ทั้งที่หน้าที่ดูแลเจ้านายตนทำมาตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา เพิ่งจะมี
ครั้งนี้แหละที่ต้องอาศัยขุนทัพจัดการให้ทุกอย่าง คนฟังถึงกับยิ้มไม่หุบก่อนเดินออกจากห้องไป มีหน้าหันกลับมาบอกอีกว่า
“ถือว่ามึงติดค้างกู ไว้กูจะทวงคืนทั้งต้นทั้งดอกเอง” พูดจบเปิดประตูออกไปอารมณ์ดียิ้มไม่หุบ คนที่เดินผ่านไปมา
ถึงกับหน้าแดงที่เห็นหนุ่มหล่อส่งยิ้มให้ทั่วไปหมด นี่ละน่าเค้าถึงว่าอานุภาพความรักเปลี่ยนคนได้ยังกับมนต์วิเศษ
ขุนดอนกลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่คฤหาสน์ของตระกูลเทพพิทักษ์ ภายใต้การดูแลเอาใจใส่อย่างดีเยี่ยมของขุนทัพ
ทั้งลงมือสั่งการเรื่องอาหารกำชับแม่บ้านคนรับใช้ให้ดูแลปรนนิบัติขุนดอนด้วยตนเองอย่างจริงจัง จนลูกน้องถึงกับหยิบยกขึ้นมา
พูดเป็นท็อปฮิตว่านายน้อยของคฤหาสน์กลับจากโรงพยาบาลครั้งนี้เทคแคร์ดูแลเอาใจใส่ขุนดอนเป็นพิเศษจนออกนอกหน้า
แต่ไม่มีใครคิดอคติกันเลยสักคนเพราะทุกคนต่างรักและเอ็นดูขุนดอนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ต่างรอวันที่ขุนทัพจะดีตอบขุนดอน
มาโดยตลอด พอวันนี้มาถึงทุกคนจึงหน้าชื่นพลอยรู้สึกยินดีไปด้วย หารู้ไม่ว่าที่คิดกันไว้เกินกว่าที่พวกเค้าจะรู้ว่านายน้อยของ
เทพพิทักษ์หลงรักรุ่นพี่คู่ปรับเข้าไปหมดหัวใจ คงไม่มีโอกาสถอนตัวกลับได้แล้ว เพราะเรื่องของหัวใจมันพูดกันยาก
ส่วนคนที่ได้รับการดูแล แรกๆ ก็คิดจนหัวหมุนว่าขุนทัพเป็นอะไร พอหลังๆ ชักเริ่มเข้าใจแล้วว่าทั้งหมด
ที่ตนได้รับการดูแลเอาใจใส่ห่วงใยเป็นพิเศษนั้น สาเหตุมาจากอะไรดูได้ไม่ยากเมื่อเจ้านายเล่นขยันส่งสายตาวิบวับให้ตนตลอด
เวลาเมื่ออยู่กันตามลำพัง ขุนดอนแกล้งตีมึนไม่รู้ไม่ชี้หน้านิ่งได้คงเส้นคงวา ในขณะที่ในหัวตีกันวุ่นวายไปหมดเพราะไม่รู้จะนึก
หาทางแก้ไขยังไงแล้ว ยิ่งได้ใกล้ชิดและเห็นมุมน่ารักของขุนทัพฤษีไร้ใจก็อดหวั่นไหวไม่ได้เช่นกัน แม้จะยังคงแสดงสีหน้า
ท่าทางได้เป็นปกติ แต่ก็ต้องยอมรับว่าใจตนเต้นรัวกระหน่ำยามที่ขุนทัพเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ แอบมีลวนลามตอดเล็กตอดน้อย
อย่างตีมึน ซึ่งตนก็ยังทำนิ่งปั้นหน้าไม่รู้ไม่ชี้ได้สนิท ท่าทีของอีกฝ่ายรุกทุกคืบทุกจังหวะที่มีโอกาสในขณะที่อีกคนยังคงรักษา
ระดับของตนไว้ได้ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ขุนทัพก็ไม่ได้ย่อท้อเลยแม้แต่น้อย เพราะอย่างน้อยจังหวะของก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจ
ใต้ฝ่ามือตนซึ่งเต้นรัวแรงจนสัมผัสได้ว่าไม่เป็นปกตินั้นบอกอะไรกับตนได้บ้าง เพียงเท่านี้ก็ทำให้หัวใจของขุนทัพพองโต
ได้อย่างไม่ต้องการคำพูดหรือรอยยิ้มจากเจ้าชายหิมะเลยสักนิด กลับชอบเสียอีกที่สามารถหยอกแกล้งคนหน้านิ่งอย่างสนุก
ไม่นึกเบื่อ นับวันตนยิ่งมั่นใจว่ารักขุนดอนเข้าแล้วจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่ลุ่มหลงเล่นๆ แต่มันเป็นความรักแน่นอน เพราะไม่เคย
มีใครทำให้ตนเกิดอาการหัวใจพองจนล้นได้เหมือนตอนที่ใกล้ชิดอยู่ใกล้ได้สัมผัสขุนดอน เพราะงั้นสายตาเจ้าชู้ไหวระริกวิบวับ
จึงขยันส่งไปให้ฤษีหน้าตายที่คงทำเมินไม่รู้ไม่ชี้กับท่าทีของตนแต่แอบหูแดงจนเห็นชัด นี่จึงเป็นเกมส์ของนักล่ากับราชสีห์
หน้าตายที่สง่างามซึ่งต่างไว้เชิงไม่หลุดฟอร์ม ต้องคอยดูกันต่อไปว่าใครจะยอมวางฟอร์มลงก่อนกัน???
มาต่อให้แล้วนะคะ สำหรับเทพพิทักษ์
หวังว่าตอนนี้คงหวานเบาๆ ให้ได้ชุ่มหัวใจ
เหลืออีกสองตอนจบแล้วนะคะ
เฮงๆ รวยๆ สำหรับตรุษจีนทุกคนค่ะ
Luk.