เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [Last/P.377/7.10.59]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [Last/P.377/7.10.59]  (อ่าน 3281415 ครั้ง)

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
อีตี๋แรดดดดด รักนางงงงง 55555
คิดถึงสุดใจ มาอีกน้าาาาาา กรี๊ดดดดแรงงงงงงง

ออฟไลน์ Junekid

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เพิ่งมีเวลามาคอมเมนท์ค่ะ บอกเลยว่าพอเห็นหมอกตี๋อัพ นี่น้ำตาไหล ฮื่อออ คิดถึงเค้า2คนน :hao5:

ออฟไลน์ cn9095

  • unidentified
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +861/-5
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11222 เมื่อ05-10-2016 16:51:37 »

B.N.32

พี่หมอกมองออกไปที่ด้านนอกกระจกอยู่ตลอด ทำให้ผมเห็นแค่เพียงเสี้ยวหน้าเดียว

ในคันรถที่กำลังทะยานออกไปข้างหน้า พี่หมอกเร่งความเร็วเสียจนน่าตกใจ แต่ขณะเดียวกัน ก็เหมือนไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้

เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นใบหน้านั้นแสดงออกถึงอารมณ์มากมายขนาดนี้ เดี๋ยวก็มุ่นหัวคิ้วเข้าด้วยกัน สักพักก็กัดกรามแน่น เพิ่มความเร็วรถที่น่าหวาดเสียวอยู่แล้วขึ้นอีกนิด จนได้ยินเสียงบีบแตรไล่ตามหลังมา แล้วใบหน้านั้นก็กลายเป็นนิ่งเฉย ไร้อารมณ์ เหมือนครั้งแรกที่ผมได้พบกับพี่หมอก

 “พี่หมอก”

ได้ยินเพียงเสียงเครื่องยนต์

“พี่…”

“…..”

ถึงตัวพี่หมอกจะอยู่ตรงนี้กับผม แต่ความคิดของพี่หมอกก็เดินทางไปไกลกว่าที่ผมจะตามไปถึงแล้ว


………………………………………..
………………………………


รถจอดลงที่หน้าโรงพยาบาล พี่หมอกไม่วนหาที่จอดรถแต่จอดขวางประตูทางเข้าออก ส่งกุญแจให้กับผู้ชายใส่สูทที่เดินมาหาเหมือนคอยอยู่ ผมรีบเปิดประตู วิ่งตามลงไป เห็นพี่เมฆออกมาจากลิฟต์ สวมแว่นกันแดดทั้งๆที่อยู่ในตึก เดินเข้ามาหา
 
“มาแล้วหรอ”

“อยู่ไหน”

“ยังอยู่ที่ห้อง”

พี่หมอกตอบกลับเร็วทับประโยคของพี่เมฆ หน้าพี่เมฆดูซีด ผมได้แต่จ้องมองพวกเขาแลกเปลี่ยนคำกันอย่างเงียบๆ

“ฝนล่ะ”

“กำลังมา”

“รู้รึยัง?”

“…ยังไม่ได้บอก”

พี่หมอกหลุบตาลงมองพื้น พี่เมฆเดินนำไปที่ลิฟต์ ลิฟต์แก้ว เป็นโรงพยาบาลที่ดูคล้ายโรงแรมหรู พนักงานสวมยูนิฟอร์มดูดีคล้ายกัน คนไข้ส่วนมากเป็นชาวต่างชาติ เงี่ยหูฟังไม่ได้ยินภาษาไทยลอยอยู่ในกลุ่มคน

ประตูลิฟต์ปิดลง ขอบคุณที่ไม่มีเงาสะท้อนของพวกเราบนประตู เป็นโฆษณาหรูของโรงพยาบาล

“บอกฝนไปว่าอะไร”

“แค่ให้รีบมา” พี่เมฆเสียงเบาลง แม้เรามีกันแค่สามคนในลิฟต์ แต่ผมที่ยืนอยู่ข้างพี่หมอกก็ได้ยินคล้ายเป็นเสียงกระซิบ “ไม่อยากให้ฝนตกใจ”

กิ๊ง!

ประตูลิฟต์เปิดออกช้าๆ ติวากุลสองคนยังยืนนิ่ง เป็นพี่เมฆสองคนที่ก้าวขาออกไปก่อน พี่หมอกยื่นมือมา ผมยื่นมือตอบกลับไป พบกันที่ตรงกลาง แรงที่จับรอบมือผม เบาเสียจนผมต้องเป็นฝ่ายกระชับมันไว้ โอบอุ้มไม่ให้ร่วงหล่น

แผ่นหลังกว้าง ผมมองเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนหนึ่งอยู่ในนั้น

จับมือผมไว้อย่างสั่นเทา ร้องขอให้ช่วยเหลือโดยไม่มีเสียง

“พี่หมอก”

น้ำตาสองแก้มบนหน้าเด็กคนนั้น นัยน์ตาพี่หมอกสั่น ขมวดคิ้ว ภาพในหัวพี่หมอกคงเดินออกไปไกลแล้วแม้จะยืนหยุดกับที่อยู่ตรงนี้ สองแก้มที่ยังแห้งอยู่ ผมได้แค่มอง

“ผมอยู่กับพี่นะ”

พยักหน้าช้าๆ

“ตี๋”

“ครับ”

“…กู-“

ค้างไว้แบบนั้น เหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง

พี่เมฆเปิดประตูบานแรกที่เรากำลังจะเดินถึง ส่งเสียงเรียกเบาๆ พี่หมอกกลืนคำที่กำลังจะออกมากลับลงไป

ปล่อยมือออกช้าๆ แล้วเดินออกไปเพียงลำพัง

ผมพิงหลังเข้ากับกำแพง มองสองคนนั้นหายเข้าไปในห้อง


…………………………………….
………………………….


ผ่านไปสักครึ่งชั่วโมง ผมนั่งมองทางเดินที่เงียบสงบอยู่บนม้านั่งสีชา มีพยาบาลเดินเข้าออกบ้างบางห้อง นานๆที ทุกเสียงเปิดปิดประตูทำให้ผมสะดุ้งออกจากความคิดของตัวเอง หันไปมอง ถอนหายใจ ไม่ใช่

เสียงลิฟต์ที่มองจากทางเดินไม่เห็น รองเท้าส้นสูงกระแทกลงกับพื้นกระเบื้อง ฝนวิ่งมา เห็นผมที่นั่งอยู่ตรงนี้ก่อน ปลายผมสีน้ำตาลยาวเกือบถึงเอวยังขยับอยู่แม้แต่ตอนที่หยุดเดิน แม้เธอจะมีเครื่องสำอางมากแค่ไหนบนหน้า แต่ผมก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม เหมือนครั้งที่ยังเจอเธอตอนใส่ชุดเครื่องแบบโรงเรียนคอนแวนต์

“ฝน…”

“พี่ตี๋”

ผมยืนขึ้น แล้วเธอก็กอดผมแน่น

“…ไม่จริงใช่ไหม พี่ตี๋”

“…..”

บ่าผมเปียกขึ้นเรื่อยๆ ตัวผมรู้สึกหนัก ไม่ใช่เพราะเธอทิ้งน้ำหนักลงมา ผมโอบกอดแผ่นหลังเล็กๆนั้นไว้

“ฝน..ฝนรับไม่ได้”

“…ฝน”

“พ่อ อย่างพ่อน่ะหรอ?” สะอื้น หายใจไม่ทัน วงน้ำตาที่ชื้นอยู่บนบ่ากระจายตัว “คนเข้มแข็งอย่างนั้น จะเป็นไปได้ยังไง”

ผมไม่มีคำพูดอะไร และรู้ว่าไม่มีคำพูดไหนที่จะปลอบใจได้

ขณะที่ผมมีฝนอยู่ในอ้อมกอด ผมนึกถึงพี่ชายของเธอที่อยู่ในห้อง ไม่รู้จะเป็นยังไง สำหรับคนที่ไม่หลั่งน้ำตาให้ใคร

“ไปกันเถอะ”

“พี่ตี๋ พี่ไปกับฝนได้ไหม”

“ได้สิ”

แม้แต่มือของเธอยังชื้นเหงื่อ นี่เป็นความสูญเสียครั้งแรกของฝน ตอนที่แม่พี่หมอกเสีย ฝนยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจ

ความรู้สึกที่ว่า เรากำลังจะต้องเผชิญหน้ากับความจริงแล้ว ทุกครั้งที่ก้าวเดินพาผมเข้าใกล้ประตูบานนั้น ความรู้สึกนี้ก็ยิ่งกดทับให้ดูเหมือนว่าทางเดินแคบลงบีบอัดเสียจนหายใจไม่ออก

ป้ายชื่อหน้าห้อง ธนินท์ ติวากุล (62ปี) เคาะประตูเบาๆ แล้วเดินตามฝนเข้าไป

ผมเห็นแค่ปลายเท้าที่อยู่ในผ้าห่ม เป็นความสงบนิ่งที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งจะได้รับ หลับตาคล้ายกับแค่เข้าสู่นิทราอันยาวนาน ใบหน้าซีดขาว เครื่องช่วยหายใจทั้งหมดถูกถอดออก เครื่องวัดชีพจรหัวเตียงที่ยังไม่ได้ปิด มีเส้นขีดตรงราบเรียบวิ่งไม่สิ้นสุด แต่ไม่มีเสียงอะไรอีกต่อไปแล้ว

ใบหน้าแห่งอำนาจ ใบหน้าที่เกรี้ยวโกรธหรือหยิ่งยะโส แม่แบบนิสัยที่ตระกูลติวากุลส่งทอดกันมา กลายเป็นเพียงชายชราเกินวัย กลับเข้าสู่ความสามัญที่ได้รับกันอย่างเท่าเทียม

นี่คงจะเป็นสิ่งที่ทุกคนคิดหวังไว้แต่ไม่เคยเฝ้ามองอย่างสังเกต ไม่มีใครคิดว่าเกิดมาจะไม่ต้องตาย เพียงแต่จะมีสักกี่คนที่ขบคิดเกี่ยวกับวาระสุดท้ายของตนเองอย่างจริงจัง

ผมได้แต่ปล่อยให้คำว่าขอโทษ ลอยผ่านจากผมไปสู่พ่อพี่หมอกอย่างเงียบเชียบ ในความคิดของเราสองคน

พี่เมฆยืนอยู่ที่ปลายเตียง มีผู้ชายในสูทอีกสองสามคนที่ไม่รู้จักนั่งอยู่ที่โซฟามุมห้อง ไม่เห็นพี่หมอกจนกระทั่ง “ฝน” เสียงเรียก ตามด้วยพี่หมอกที่ก้าวออกมา

ฝนกระโดดเข้ากอดพี่หมอกแน่นจนเหมือนเธอจมลงไปในอ้อมกอดนั้น ร้องไห้เสียงดังเหมือนเด็กๆ “ต..ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เมื่อเช้า หมอพยายามปั๊มแล้ว” แล้วก็อธิบายเรื่องทางการแพทย์ที่วุ่นวาย หัวใจที่เคยหยุดเต้นครั้งหนึ่ง ถูกช่วยกลับมาอีกครั้ง และอยู่ในภาวะไม่รู้สึกตัวหลายวัน ก่อนจะหยุดอีกครั้ง ไม่มีใครใส่ใจจะฟังจริงๆ มีแค่พี่เมฆที่ดูแลใกล้ชิดอยากจะให้ทุกคนได้รับรู้รายละเอียดพอๆกัน

“พ่อ..ทรมานไหม” ฝนสะอื้นจนน่ากลัว พี่หมอกดึงตัวฝนเข้ามาใกล้ๆ ไม่ให้เห็นร่างบนเตียงชัดๆ พี่เมฆส่ายหัว แต่ตอนนั้นฝนก็ไม่เห็นอะไรนอกจากเสื้อพี่หมอกแล้ว

มีเพียงเสียงร้องไห้ ไม่มีอะไรในห้องนี้ที่ทำลายความเงียบได้อีก

พวกเราฟังเสียงนั้น ชดเชยในสิ่งที่พวกเราไม่ได้ทำ พี่หมอกมองออกไปไกล ผ่านตัวผมราวโปร่งแสง พี่เมฆเหมือนจะจ้องมองร่างบนเตียง แต่ก็ทำไม่ต่างกับพี่หมอก คือมองผ่านไป

 “ต้องรีบจัดการ ก่อนข่าวจะออกไป” พี่เมฆพูดขึ้น นั่นทำให้พี่หมอกขมวดคิ้วทันที

“สำคัญที่สุดตอนนี้หรือไง?”

“ยังไงงานศพก็ต้องจัดอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ต้องระวังเรื่องหุ้น ต้องทำเรื่องบอกผู้บริหารระดับสูง” พี่เมฆมองไปที่ชายชุดสูท “ทำจดหมาย ไม่สิ โทรบอกพวกเขาทีละคน แล้วบอกว่าฉันจะเข้าไปคุยด้วยอีกที อ้อ แล้วก็เรื่องสื่อด้วย อย่าพึ่งให้ข่าวหลุดออกไป” ผู้ชายสองคนนั้นหยิบปากกาจดคำสั่งลงกระดาษทั้งหมด พยักหน้าแล้วลุกออกไปจากห้อง

“เมฆ”

“ทำไม?”

“…มึงสนใจแค่นี้สินะ”

พี่เมฆไม่ได้พูดอะไรต่อ เม้มปาก มือที่จับขอบเตียงซีดลง บรรยากาศรอบตัวพี่หมอกข้นขึ้น จนแม้แต่ฝนก็ผละตัวออกมา ถอยห่างก้าวหนึ่ง

“…กูนึกว่ามึงจะมีความเป็นคนมากกว่านี้ซะอีก”

“หึ…ความเป็นคน อย่างมึงมีหน้ามาสั่งสอนคนอื่นด้วยหรอ” ความเป็นคนบกพร่อง ใครกัน หรือทั้งสองคน “หรือมึงจะบอกว่ามึงไม่เคยคิดว่าอยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น”

“มึงจะเอาจริงๆใช่ไหม เมฆ”

“พี่หมอก!” ฝนตะโกน ผลักพี่หมอกออกไป ดันไว้ไม่ให้เดินเข้าไปหาพี่เมฆ หมอกปัดมือนั้นทิ้ง มือขวาฝนเป็นรอยแดง ลดมือลงช้าๆในขณะเดียวกันก็กำมือแน่นขึ้น

“ทำไม มึงจะทำอะไร” พี่เมฆเดินเข้ามาอีกก้าว เชิดหน้าขึ้น สายตามองกด ไม่เหมือนสายตาที่ไว้มองคนที่มีสายเลือดเดียวกัน “มึงก็ใช้เป็นแต่กำลัง ทำอะไรก็เอาแต่ใจตัวเอง บริษัทจะเป็นยังไง มึงเคยสนใจที่ไหน”

“แล้วการที่กลายเป็นหุ่นเชิดแบบมึงมันดีตรงไหน มึงชอบหรือไง!”

“กูรู้จักหน้าที่ กูมีความรับผิดชอบที่ต้องทำ เงินทุกบาททุกสตางค์ ไม่ใช่แค่ครอบครัวเรา..แต่พนักงานของเราอีกตั้งเท่าไหร่ มึงจะทิ้งพวกเขาไปหรือไง”

“ใช่! กูต้องสนใจพวกเขาด้วยหรือไง!”

“มึงเลยไม่สนใจแม้กระทั่งพ่อตัวเองใช่ไหม! ต้องรอตายก่อนถึงโผล่กลับมา แบบนี้ใช่ไหม!”

รู้สึกเหมือนเส้นด้ายอะไรบางอย่างขาดลง

“พี่เมฆ! ทำไมต้องมาพูดอะไรแบบนี้ตอนนี้ด้วย! พอ พอได้แล้ว ฝนไม่อยากฟังแล้ว!”

ฝนทรุดตัวนั่งลงกับพื้น คู้ตัวเหมือนเป็นเด็กๆ พี่ชายสองคนยืนอยู่ไม่ไกล แต่ไม่มีใครสนใจ

ทั้งหมดดูหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้น

ผมเดินเข้าไป พี่เมฆหลุบตามองผมเร็วๆแล้วผ่านไป “ฝน ไปกันเถอะ” ปาดน้ำตาที่ไหล ทำเอาเครื่องสำอางเลอะเป็นทางยาว หยิบทิชชู่ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงให้เมื่อเธอยืนขึ้น มองหน้าพี่หมอก พี่หมอกจ้องพี่เมฆนิ่ง น่าจะรู้ว่าผมมองอยู่

พาฝนออกมา ไม่คิดว่าพี่หมอกจะมาด้วย พวกเราสามคนเดินไปตามทางเดินเงียบๆ จนกระทั่งบนรถขากลับ ก็ยังไม่ใครพูดอะไร


…………………………………………
……………………………..



“มีอะไรโทรเรียกได้เลยนะ วันนี้พี่คงจะค้างที่นี่”

“อื้อ”

“ฝน..”

“ไม่เป็นไรพี่ตี๋ เดี๋ยวฝนก็ดีขึ้น”

“…อื้อ”

ประตูกำลังจะปิดลงกรอบ เสี้ยวหน้าของเธอกำลังจะหายไปในความมืดของห้องที่ไม่ได้เปิดไฟ เธอยั้งประตูไว้ บอกกับผมเบาๆว่า “ขอบคุณนะคะ” ผมได้แต่ยิ้มตอบเธอไป เท่านั้น ที่ผมพอจะทำได้

เดินกลับไปที่ห้องพี่หมอก บ้านหลังใหญ่ เงียบสงัด ผมว่ามันคงเป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละบ้าน ที่จะมีกลิ่นอายประจำตัวอยู่ ถ้าเป็นที่บ้านผมก็ชวนให้นึกถึงหน้าร้อนที่ไม่ได้ร้อนจนเกินไป มีลมอุ่นๆพัด ประกายแสงที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำของคลองแถวบ้าน หรือจะเป็นพัดลมที่ผมกับเฮียแย่งกันนั่งบัง มีม๊าถือพัดอยู่เก้าอี้ด้านหลัง

คิดถึงเฮียจัง

เฮียเป็นอีกหนึ่งที่พึ่งของผม ที่ผมรู้ว่า ไม่ว่าเรื่องจะยากแค่ไหน แต่ถ้าร้องขอความช่วยเหลือจากเฮียแล้ว เฮียก็จะให้ผมหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์ และจะพาผมพ้นออกจากจุดที่ผมอึดอัดใจได้ ตอนนี้ผมเลยได้แต่นึก ว่าถ้าเป็นเฮีย จะแก้สถานการณ์แบบนี้อย่างไร
จะแก้ไขครอบครัวที่เปราะบางแบบนี้ยังไง…

ติวากุล ที่ให้ความรู้สึกคล้ายฤดูหนาว ยาวนานไม่มีจุดสิ้นสุด เมฆ หมอก ฝน ล้วนแต่ให้อารมณ์อึมครึม

พี่หมอก…

ผมเดินเข้าไปในห้อง ภาพของกีตาร์ และเบส ถูกขว้างลงกับพื้น นาฬิการาคาแพงทิ้งรอยไว้บนโต๊ะกระจก คล้ายใยแมงมุม เศษแก้วตามพื้นคล้ายหิมะตก กลายเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น ของทุกอย่างล้วนอยู่ที่เดิมของมัน โต๊ะตัวใหม่เป็นโต๊ะเหล็ก ตั้งอยู่ตรงมุม เงียบเชียบเหมือนเป็นยามเฝ้าประตูเหล็ก กีตาร์กับเบสหายไปแล้ว เหลือไว้เพียงที่แขวนเดิมของมัน ที่เฝ้ารอวันที่หน้าที่ของมันถูกเติมเต็มอีกครั้ง พื้นไม้เรียบ เหยียบลงไปแล้วไม่ส่งเสียงอะไรตอบออกมา

พี่หมอกนั่งอยู่ที่ปลายเตียง ผมเปิดไฟในห้องให้สว่างขึ้น ถึงจะยอมเงยหน้ามองผม

ผมนั่งลงที่พื้นปลายเท้าพี่หมอก เกยคางไว้กับเข่า เอียงแก้มแนบลงไป มือนั้นก็ตามมา ลูบหัวผมเบาๆ

“..กูนึกว่ากูจะดีใจ”

พูดออกมาในตอนที่ผมจมลงไปกับความเศร้าพร้อมๆกับพี่หมอก เอียงหน้าขึ้นมอง แล้วก็คิดว่าคงจะดีกว่า ถ้าเพียงแค่รับฟัง และสัมผัสสิ่งที่ซ่อนอยู่ในคำพูดโดยไม่ต้องเห็นสีหน้านั้น

เจ็บปวดเกินไป

“..ไปได้สักที” ต่อให้ตายก็อย่ากลับมาให้เห็น “ทำไมกูไม่หัวเราะ ตี๋”

เพราะพี่เสียใจ

“ไม่มีคนมาบังคับให้ทำเรื่องไม่ชอบอีกแล้ว ไม่มีคนที่จะแยกพวกเราออกจากกัน”

พวกเรา…

ผมกับพี่

พี่เมฆกับฝน

“ทำไม…”

ไม่มีใครเสียใจน้อยไปกว่ากัน

ผมไม่เชื่อว่าพี่เมฆจะไม่เสียใจเลย แต่เพราะมีหน้าที่ หน้าที่ที่ทำให้ต้องเข้มแข็งยิ่งกว่าใคร รับบทบาทเดียวกันกับที่พ่อพี่หมอกต้องแบกมาตลอด

ทำไมถึงไม่แสดงออกให้เห็นกันบ้างว่าอ่อนแอ

ความอ่อนแอเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ขนาดนั้นเลยหรอ? ถ้าแสดงออกมาแล้วจะทำให้ความเข้มแข็งทั้งหมดนั่นแตกหัก ความเข้มแข็งที่มีอยู่ก็คงเป็นสิ่งจอมปลอม

อ่อนแอเพื่อเรียนรู้ที่จะเติบโต อ่อนแอเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจ และเข้าใจผู้อื่น

มันคงเป็นบทเรียนที่ยากที่สุดของติวากุล

ผมรู้สึกแบบนั้นในขณะที่รับรู้ว่าพี่หมอกพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้และไม่ต้องการให้ใครเห็นแม้แต่ผม


…………………………………………..
…………………………………….


ค่ำคืนที่ผมกับพี่หมอกมองเพดานอย่างเงียบเชียบ ราวกับเห็นชีวิตที่ผ่านมาทั้งหมดของตัวเองสะท้อนผ่านพื้นหลังสีขาว แสงไฟจากสนามหญ้าด้านล่างพาแสงเงาของน้ำที่เป็นคลื่นเคลื่อนไหวมาด้วย

“พี่หมอก หลับหรือยัง”

ไม่ได้ตอบ แค่ควานหามือผมใต้ผ้าห่ม จับไว้ ผมถามต่อ

พลิกตัว นอนทับแขนตัวเอง มองพี่หมอกที่ก้มมองตอบ เงาจากผมบังแสงไฟจางๆนั้นไว้ ดวงตาสีดำดูดแสงให้หายไป

พิงแก้มไว้ในมือพี่หมอก มือที่อุ่นเพราะอุณหภูมิร่างกายส่วนตัวตัดกับอากาศเย็นในห้อง

“พี่นอนไม่หลับหรอ”

“มึงก็เหมือนกัน”

“อื้อ” เป็นห่วงฝนที่นอนถัดออกไปสองห้อง นอนอยู่คนเดียว เธอคงนอนคิดอะไรบางอย่างในเวลาเดียวกันนี้ มองนาฬิกา ตีสองครึ่ง

“พี่หมอก”

“อะไร…”

“เล่าให้ผมฟังหน่อยสิ”

“..อยากฟังเรื่องไหน”

“เรื่องตอนพี่เด็กๆ ผมอยากฟังอีก”

เงียบไป เหมือนคิดอยู่

“บ้านติดทะเล ที่เป็นของแม่กู พวกเราเคยไปพักด้วยกันตอนเด็กๆ”

บ้านไม้ที่เงียบสงบ ลมพัดกลิ่นเกลือ เรื่องแย่ๆเคยเกิดกับพวกเราที่นั่น

“พ่อเป็นคนพาพวกเราไป ตอนนั้นกูแปดขวบ” ผมนึกภาพเจ้าเด็กหน้าบึ้งออก นึกภาพสามพี่น้อง พี่เมฆสิบขวบ ฝนเด็กกว่าพี่หมอกสี่ปี คงจะกำลังน่ารัก

“พ่อเอาแต่ทำงาน เลยออกมาเดินเที่ยวชายหาดกันเอง กูเอาแต่นั่งดูพระอาทิตย์ขึ้น เมฆกับฝนไปด้วยกัน คิดว่าไม่มีอะไร แต่เมฆก็วิ่งมาบอกว่าฝนหายไป”

“กูกับเมฆช่วยกันหาที่ริมชายหาด กูกลัวว่าฝนจะจมน้ำ” ถอนหายใจ “กลัวจนทำอะไรไม่ถูก เมฆเอาแต่คอยบอกว่าเป็นความผิดตัวเอง ลนลานกันไปใหญ่” ทิ้งท้ายด้วย …โง่ชะมัด พูดเบาๆเหมือนให้ได้ยินคนเดียว

“แล้วหาเจอไหมพี่”

ส่ายหน้า “เมฆเลยต้องกลับไปบอกพ่อที่บ้าน” ผมนึกพ่อพี่หมอกวัยนุ่มกว่านี้ไม่ออก ธุรกิจที่เริ่มใหญ่ขึ้น กับลูกเล็กๆสามคนที่ต้องคอยดูแล แถมแต่ละคนก็ไม่ได้เลี้ยงง่ายเหมือนผมกับเฮียที่วางไหนก็นอนนั่น

“ตอนนั้น..พ่อดูตกใจมาก เมฆโดนตบที่หน้า มันจะร้องไห้ แต่ก็ร้องไม่ออก”

พี่หมอกนิ่งไป มองเงาสะท้อนผิวน้ำบนเพดาน ผมฟัง เสียงหัวใจเต้นช้าลง

“โกรธเพราะเสียใจ…กูไม่คิดว่าเขาจะมีด้านนั้น”

“…พี่คงลืมมันไป”

“ใช่”

เหรียญมีสองด้าน

ถ้าจะมองแต่ด้านใดด้านหนึ่ง คงไม่ยุติธรรมต่ออีกด้าน

“แล้วเจอฝนได้ยังไง”

“วิ่งกลับมาเอง มันวิ่งตามรถขายไอศกรีมไป”

“โถ่ ฮ่าๆๆๆ”

พี่หมอกไม่ได้หัวเราะ แต่บรรยากาศดูผ่อนคลายลง ยังจำความรู้สึกนั้นได้ชัดเจนดี ผมรู้สึกแบบนั้น ความรู้สึกโล่งใจเมื่อได้สิ่งสำคัญคืนมา ผมซบลงไปกับตัวพี่หมอก นิ้วเกลี่ยปลายผมเบาๆ รู้สึกสบายจนทำให้หลับตาลง

“มันนานจนทุกคนเปลี่ยนไปแล้ว”

จะห้ามสิ่งเหล่านี้ได้ยังไง

ผมถามตัวเอง อยากจะถามพี่หมอกด้วย แต่มันคงไม่มีประโยชน์อะไร

“ตอนนี้พี่ยังโกรธพ่ออยู่ไหม”

“…กูไม่รู้ว่ากูรู้สึกยังไง ควรรู้สึกยังไง”

“กูเกลียดเขา”

“กูไม่อยากเป็นอย่างเขา”

“แต่กูก็ยังเสียใจ”

“เพราะอะไร ตี๋ คนที่เข้าใจง่ายอย่างมึง เข้าใจมันว่าอะไร”

“เพราะพี่รัก..พี่ถึงรู้สึกแบบนี้”

“ในความรักมีความเกลียดได้ด้วย?”

“ได้สิ”

“กูไม่เคยรู้สึกแบบนั้นกับมึง”

ได้แต่หัวเราะเบาๆ ผ่อนลมหายใจออกมา “ผมคงเป็นเหมือนเป็นข้อยกเว้นสำหรับพี่ล่ะมั้ง”

พี่หมอกคลายหัวคิ้ว ไม่รู้ตอนนี้มองที่เงาอันไหน ผมมองตาม เหมือนคลื่นของวันก่อนถูกวาดลงตรงหน้า “..คงเป็นแบบนั้น”
เงียบกันไปพักใหญ่ เสียงลมหายใจพี่หมอกสม่ำเสมอ ผมไม่กล้าขยับ คิดว่าพี่หมอกคงหลับไปแล้ว

“ตี๋”

รีบหันไปมอง

“มีอะไรหรอ?”

“..กอดกู”

ได้เลย

ขยับตัวขึ้นไปนอนอยู่ระดับเดียวกัน พี่หมอกเขยิบตัวลง ดึงตัวผมเข้าไป ก้มหน้าลงมอง ซุกหน้าลงบนผมนุ่มๆของพี่หมอก มีกลิ่นเสื้อผมติดอยู่ในนี้

“สักนาที..”

“..กี่นาทีก็ได้”

ตัวพี่หมอกอุ่น เรากอดกันแน่นเหมือนเป็นเครื่องผลิตความอุ่นหนึ่งเดียวในโลก

“ตี๋”

“ครับ?”

“กู…”
พี่หมอกเรียกผมแบบนี้อีกครั้ง เหมือนตอนที่กำลังเดินออกจากลิฟต์วันนี้ เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แล้วกลืนกลับลงไป แต่มันก็ท้นไปหมด จนผมสัมผัสได้

“พี่จะทำอะไรก็ได้ ผมไม่เห็นหรอก ผมจะกอดพี่อยู่อย่างนี้แหละ”

พี่หมอกกระชับกอดแน่นขึ้นอีก จนกลัวว่าจะหายใจลำบาก

หลังพี่หมอกสั่น

ผมได้แต่ลูบแผ่นหลังนั้นขึ้นลงเบาๆ มองเหม่อไปนอกเตียง ฟังเสียงลมหายใจที่ดังขึ้นกว่าปกติ จนกว่าพวกเราจะหลับไปเหมือนวันนี้ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น



……………………………………..
…………………………………


พี่หมอกยืนอยู่ในชุดสูท สวมแว่นกันแดดสีดำรูปทรงเดียวกันกับของพี่เมฆ ฝนในชุดเดรสสีเทาเข้ม ดวงตายังเป็นสีแดงจางๆ ขอบตาบวม ผมเห็นผู้ชายที่ผมไม่รู้จักโอบไหล่เธอออกไปคุยกันสองคน ห่างจากศาลา

ในงานคนเยอะแต่ก็ไม่ได้มากเหมือนที่คิดไว้ ดูเหมือนจะเชิญแต่ญาติคนสนิท และครอบครัวผู้บริหารระดับสูงที่ทำงานด้วยกันมานาน ผู้สื่อข่าวรออยู่ที่นอกกำแพงวัดหลวง ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาโดยกลุ่มพี่รปภ.ชุดเข้ม

เฮียกับม๊าไม่ได้มาที่งานนี้ด้วย ตอนเช้า พี่หมอกขับรถพาผมกลับไปส่งที่บ้านเพื่อเปลี่ยนชุด ผมที่เข้าไปก่อนเล่าให้ม๊าที่ออกมายืนรับที่ประตูฟัง ผมขึ้นไปเปลี่ยนชุด ห้องนอนว่างเปล่า เฮียไม่อยู่ ผ้าห่มที่พับไว้ บอกให้รู้ว่าเมื่อคืนก็เช่นเดียวกัน มองลงมาจากหน้าต่างชั้นสอง เห็นม๊ายืนคุยกับพี่หมอกที่รั้ว คุยได้ไม่นานพี่หมอกก็หยิบแว่นกันแดดนั่นออกมาใส่

และไม่ถอดเลยจนกระทั่งตอนนี้

ในงานที่ไม่มีใครหลั่งน้ำตา ภาพหัวหน้าครอบครัวตระกูลติวากุลอยู่ในกรอบรูปเหลี่ยมทอง ล้อมรอบด้วยดอกไม้กลิ่นประหลาด ดอกเบญจมาศที่ไม่มีผึ้งตัวไหนสนใจ หัวหน้าครอบครัวคนถัดไป รับกรอบรูปจากแท่นวางมาถือไว้ นำขบวนเดินรอบศาลาสามครั้ง ฝนถือกระถางธูป พี่หมอกแค่เดินตาม ไม่รู้ว่าคิดอะไร ผมกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆเวลาเจอแดด โลงถูกนำขึ้นศาลา ฝนเริ่มร้องไห้ พี่หมอกวางกระถางธูปให้ที่หน้ารูป

งานเป็นไปอย่างเรียบง่ายและรวดเร็ว คำที่ใช้กล่าวระลึกถึงก็เป็นเพียงคำพูดที่พี่แพนเป็นคนร่าง คนที่รู้จักพ่อพี่หมอกน้อยที่สุดพอๆกับคนนอกคนอื่นๆ ในขณะที่คนในได้แต่กลืนกินคำพูดนับล้านที่อยากพูดลงไป และอยู่กับถ้อยคำเหล่านั้นเพียงลำพัง ราวกับเป็นความทรงจำอันหวงแหนที่ไม่อยากให้ใครได้ยิน

ผมนั่งอยู่ที่เก้าอี้แถวหลังสุด ในมือกำดอกไม้กระดาษไว้ หลายคนทยอยเดินขึ้นบันไดนั่น วางดอกไม้แทนคำอำลา ผมกำเอาไว้แน่น มองไปในงาน เห็นพี่บอลอยู่ไกลๆ เดินเข้าไปหาพี่หมอกที่อยู่บนศาลา พูดคุยกันไม่กี่คำ ตบไหล่พี่หมอกแล้วเดินลงมา พี่แฟง พี่ต้น พี่โก้ พี่กวาง หรือพี่ปิง ก็ยังมากันครบ นั่งรวมกัน คงเพราะไม่มีใครเห็น และผมพอใจกับความเงียบตรงนี้ เลยไม่ได้เข้าไปนั่งด้วย

เปลวไฟร้อน จนคิดว่าถ้าตายไม่จริงก็คงต้องบอกลาโลกเข้าจริงๆ เผลอรู้สึกผิดที่คิดแบบนั้น เดินขึ้นไปเป็นคนหลังๆจึงได้วางดอกไม้จันเข้าไปในเตา ปลายเพลิงเอื้อมมือมาแตะกลีบไม้กระดาษของผมเบาๆ ยืนมองไม่นาน ก็ลุกโชน กลายเป็นกองเถ้าเล็กๆ
ประตูเหล็กบานเล็กๆถูกปิดลง พี่เมฆเป็นคนเดินนำ ดึงให้ฝนเดินตามมา พี่หมอกยืนมองอยู่สักพัก ถือแว่นกันแดดที่ไม่รู้ถอดออกตอนไหนไว้ในมือ หมุนตัวกลับมา ใส่แว่นไว้ที่เดิม

ที่ปลายบันได นอกจากแจกของชำร่วยแล้ว มีชายในชุดสูทสองคน คนเดิมกับที่เจอในโรงพยาบาล ยืนรออยู่ กระซิบบอกกับพี่เมฆ

“เดี๋ยว หมอก อย่าพึ่งไป”

“ทำอะไรอีก”

นัดให้ไปเจอกันที่โรงแรมใกล้ๆ ที่คาเฟ่ของโรงแรม มีคนนั่งรออยู่แล้ว ผมจะขอตัวกลับก่อน แต่พี่เมฆยืนยันให้ผมอยู่ต่อ ผู้ชายที่นั่งอยู่ ผมกลายเป็นสีเทาหมดแล้ว มองพวกเราผ่านแว่นสี่เหลี่ยมกรอบใส หยิบกระเป๋าเอกสารขึ้นมา

“พินัยกรรมฉบับนี้ เป็นพินัยกรรมของคุณธนินท์ ติวากุล โดยมีผมและคุณธนัตถ์เป็นพยานร่วมกัน ถูกเขียนไว้วันที่ 13 ตุลา หรือก็คือหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ ในพินัยกรรมฉบับนี้ ทำการแบ่งทรัพย์สินที่มีอยู่ในปัจจุบันและที่จะมีต่อไปในอนาคตให้กับทั้งหมดสามรายชื่อ คือคุณธนัตถ์ ติวากุล คุณธนัชชา ติวากุล และคุณอัษฏา ติวากุล”

นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมสงสัยว่าทำไมถึงมีแต่พี่หมอกที่ชื่อขึ้นต้นด้วยอ.อ่าง

ส่วนของพี่เมฆ เป็นหุ้นของ T.K. group 35เปอร์เซ็นต์ บ้านหลังใหญ่ที่อาศัยกันอยู่ตอนนี้ รถสะสมทั้งหลาย และธุรกิจที่ฮ่องกง
ฝนได้ หุ้น T.K. group อีก 15เปอร์เซ็นต์ ผมเห็นพี่หมอกขมวดคิ้ว บ้านริมทะเลของพ่อพี่หมอก ธุรกิจนอกเครือบริษัทที่ลงทุนร่วม

“ต่อไปเป็นของคุณอัษฏา”

ลุงทนายเลิกคิ้ว ดันกระดาษออกห่างจากตัวซักหน่อยแล้วกลับมาอ่าน ทำตาหยี

มีแค่บ้านริมทะเลที่เป็นของแม่พี่หมอก

ของขวัญแต่งงานชิ้นเดียวที่ได้รับ ถูกส่งต่อให้ลูกชายคนกลางที่ไม่ได้รับสิ่งอื่นเพิ่มเติม

พี่หมอกหันไปมองพี่เมฆ ซึ่งเขาตอบกลับแค่การพยักหน้า “เดี๋ยวสิ ฝนไม่เข้าใจ มันต้องมีอีกสิ”

“มีแค่นี้แหละ”

“แต่ว่าพี่หมอก-“

“ตอนแรกไม่มีชื่อหมอกในนี้ด้วยซ้ำ”

“…..”

“พี่เป็นคนขอบ้านหลังนั้นไว้เอง”

ฝนจ้องมองกระดาษแผ่นนั้น อ่านซ้ำไปซ้ำมาหลายต่อหลายครั้ง

คงเป็นช่วงนั้น.. ที่พี่หมอกได้กลับไปบ้านหลังเดิม

ความทรงจำของครอบครัวที่ถูกบรรจุไว้ ถูกปัดกวาดทิ้งขว้างราวเศษฝุ่น ตอนนี้มันไม่ได้มีความหลังอะไรซ่อนอยู่ เป็นแค่วัตถุธรรมดาที่จะส่งต่อให้ใครก็ได้

“เท่านี้แกก็ตัดขาดจาก T.K.group โดยสมบูรณ์แล้ว ไม่มีหุ้น ไม่มีตำแหน่งให้แกอีก”

พี่เมฆใช้คำพูดราวกับถอดมาจากพ่อ เหมือนเป็นพ่อพี่หมอกที่ย้อนเข็มนาฬิกาไปสามสิบปี นั่งอยู่ตรงนี้ จ้องมองมาดูจริงจัง แต่ก็เหมือนกับฝน เป็นดวงตาของคนที่ผ่านการร้องไห้ แต่ไม่บอกใคร

“รถสามคันที่บ้านแกจะเอาไปก็ได้ แต่ว่าบ้านหลังนั้นเป็นของฉันแล้ว หมอก แกไม่มีสิทธิเข้าไปนอนในนั้น ของทั้งหมดจะเก็บให้ แล้วอยากให้ไปส่งที่ไหนก็บอกที่อยู่มาแล้วกัน”

“ไล่กันแบบนี้เลยหรือไง”

พี่เมฆหันมามอง บนโต๊ะที่ยังมีคนนอกอยู่สองคน ผมและลุงทนาย พี่หมอกพูดออกมา

“พี่น้องมึงก็ไล่ออกได้เหมือนกันสินะ”

“ใช่”

“….ตี๋ ไป”

“พี่หมอก-“

“ก็ดี พอกันที จบแบบนี้ก็ดี กูเอียนจนจะอ้วกแล้ว”

พี่หมอกลุกจากเก้าอี้ ผมเลยต้องลุกตาม ฝนก็จะตามมาด้วยแต่ถูกพี่เมฆรั้งไว้ “ไม่ต้องตามไปหรอก” ลุงทนายเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พี่เมฆส่ายหัว

BMWเป็นสิ่งที่พี่หมอกชอบชัดเจนกว่าสิ่งอื่นๆ และคันที่พี่หมอกขับอยู่ ก็เป็นหนึ่งในสี่คันที่ยังเหลือ เป็นคันที่พี่หมอกซื้อด้วยเงินของตัวเองหลังจากออกมาจากบริษัท ซึ่งเอากันตามจริง ทุกคนก็รู้อยู่ว่าแม้พี่หมอกจะไม่มีเส้นสายหรือทำงานใน T.K.group ก็สามารถเอาตัวรอดจากฝีมือของตัวเองได้ไม่ต่างกัน

ตอนนี้ ตอนที่พี่หมอกเหลือเพียงของสี่ชิ้นจากติวากุล ผมกลับรู้สึกว่าพี่หมอกมีอิสระมากกว่าตอนไหนๆ

ไม่ต้องอยู่เพื่อพิสูจน์ให้ใครเห็น หรือสร้างความเจ็บแค้นอย่างที่เคยจะทำ

ทุกอย่างมันจบลงแล้ว

และพี่หมอกก็ดูจะเข้าใจจุดประสงค์ของพินัยกรรมนั้นดีกว่าใคร

รถชะลอความเร็วลงขณะที่ไฟแยกสัญลักษณ์ขึ้นเป็นสีแดง พี่หมอกพิงหลังลงกับเบาะ มองออกไปนอกกระจก พูดอะไรบางอย่างที่เบาบางเกินกว่าจะได้ยิน

“ขอบคุณสำหรับทั้งหมดนี้…”

ทั้งเลือดเนื้อ ของทุกชิ้น เวลาทั้งหมดที่ได้ใช้ร่วมกัน แม้จะน้อยนิด และไม่น่าจดจำในบางเรื่อง แต่พี่หมอกก็ยังจำบ่ายวันที่อากาศร้อนอบอ้าว ตอนที่พ่อพี่หมอกกอดเด็กๆของเขาทั้งสามคนเข้าด้วยกัน น้ำตาจากความดีใจที่ยังไม่เสียใครไปไหนได้ดี ราวกับมันพึ่งหยดลงบนบ่าของเขาเป็นครั้งแรก

…………………………………………………
………………………………………..



[B.N.32]
[5.10.59]


เริ่มเขียนตอนแปดโมงเช้า ตอนนี้อีกสี่นาที ห้าโมงเย็น...
สวัสดีทุกคน
ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้ง
/กลับมาแล้วนะ/


ออฟไลน์ natt teng

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 179
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-3
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11223 เมื่อ05-10-2016 17:09:52 »

อ่านทีไรเศร้าทุกทีเลยนะ แม้ตอนแรกจะชอบและมีความสุขไปกับเรื่องที่หมอกกับตี๋รักกัน แต่กลางเรื่องหลังๆมา เศร้า

ออฟไลน์ Zestful

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11224 เมื่อ05-10-2016 17:16:21 »

ในที่สุดก็ได้อ่านต่อแล้ว ฮืออออออ
ขอบคุณที่กลับมานะคะ  :heaven

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11225 เมื่อ05-10-2016 17:29:23 »

"ยินดีต้อนรับกลับ"

รอตั้งนาน แต่มาก็ดีแล้ว.  ขอบคุณนะ ที่ยังไม่หายไปไหน ขอบคุณที่ทำให้หมอกตี๋ กลับมาเจอพวกเราอีกครั้ง

คิดถึง.

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11226 เมื่อ05-10-2016 17:30:15 »

 :hao5: :hao5:

ดีใจมาก

ออฟไลน์ Iamme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11227 เมื่อ05-10-2016 17:32:56 »

 :sad4: ย่อหน้าสุดท้าย อ่านแล้วโคตรสะเทือนใจ เหมือนรักมากแต่ไม่สามารถเลี้ยงดูพวกเขาอย่าอบอุ่นหรือถูกต้องกว่านี้ ถ้าพี่เมฆมีครอบครัวก็ไม่อยากให้เดินตามทางแบบพ่อ

ออฟไลน์ Maii2206

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11228 เมื่อ05-10-2016 17:42:35 »

 :hao5:ไม่จริงใช่มั้ยยยยย พ่อพี่หมอกคะ ถึงพ่อจะดูเหมือนไม่รักพี่หมอก แต่พ่อก้เข้าใจและรักลูกทุกคนจริงๆ ทำเพื่อลูกจนวินาทีสุดท้ายเนอะ น้ำตาจะไหลอ่ะ ฮืออออออออ สงสารทุกคน เกิดเป็นติวากุลไม่ง่ายเลย คิดถึงมากๆ เหมือนจะใช้แค่คำว่าคิดถึงก้คงไม่พอ เรารักเรื่องนี้มากๆค่ะ เมื่อมีตัวละครจากไปเลยรู้สึกเศร้าค่ะ เห้อ อยากอ่านต่อเลยยยยย  :sad4:

ออฟไลน์ โซดาหวาน

  • ชอบเกาหลี , คลั่ง วาย ~ , ♥ รักประเทศไทย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-1
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11229 เมื่อ05-10-2016 17:46:27 »

งื้อออออ ดีใจที่พี่หมอกกับตี๋กลับมาาาา  :mew4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
« ตอบ #11229 เมื่อ: 05-10-2016 17:46:27 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Grouy

  • “I Will Protect You”
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-2
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11230 เมื่อ05-10-2016 17:48:44 »

 :impress2: ในที่สุดก็กลับมา ...รอเสมอค่ะ ดีใจมากที่ได้กลับมาอ่านอิกครั้ง...

ออฟไลน์ megatef4

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11231 เมื่อ05-10-2016 18:16:40 »

ยินดีต้อนรับกลับเล้าเป็ด และโลกของหมอกตี๋นะคะ  :L2:
จะตามอ่านอย่างตั้งใจทุกบรรทัดเลยค่ะ  555
เป็นกำลังใจให้ค่าา  :กอด1:

ออฟไลน์ veeveevivien

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11232 เมื่อ05-10-2016 18:19:40 »

ขอบคุณที่กลับมาค่ะ

รักตี๋ หมอก ตลอดไป

 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11233 เมื่อ05-10-2016 18:41:44 »

มองอย่างไม่เชื่อสายตา ว่าเรื่องนี้กลับมาแล้ว ดีใจค่ะ  :hao5:

หมอกลูกบ้านนี้ป่าวเนี่ย แต่ดีละที่ออกมาได้

ออฟไลน์ Mokuchi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11234 เมื่อ05-10-2016 18:48:14 »

เรื่องราวของตี๋และพี่หมอกกำลังจะดำเนินต่อไปอีกครั้งแล้ว
สไตล์การเขียนยังคงเดิม คิดถึงมากเลยค่ะ :L2:

ออฟไลน์ marisa9397

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11235 เมื่อ05-10-2016 18:50:22 »

ขอบคุณที่กลับมาค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11236 เมื่อ05-10-2016 18:51:24 »

 :sad4: กลับมาต่อก็เศร้าทันทีเลย ตอนนี้อ่านแล้วสะเทือนใจ

ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 827
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11237 เมื่อ05-10-2016 19:08:28 »

ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ พี่หมอกน้องตี๋

แม้จะเจือด้วยความเศร้า




ออฟไลน์ mundoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11238 เมื่อ05-10-2016 19:18:55 »

นั้นซิ ทำไมพี่หมอกชื่อขึ้นต้นไม่เหมือนพี่น้อง
แล้วพี่เมฆนี่จะใจดำไปไหม ไล่กันปุปปั๊ป

ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11239 เมื่อ05-10-2016 19:30:47 »

 :mew3:  :mew3:

ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ....ตอนแรกนึกว่าตาฝาดไปซะอีก
ต่อไปนี้คงเข้าสู่โค้งสุดท้ายของเรื่องแล้วใช่ไม๊คะ...
หลุดพ้นจากปมใหญ่  ในชีวิตแล้ว
  จริงๆคุณพ่อคงคิดว่าให้อิสรภาพกับพี่หมอกนี่แหละ  คือสิ่งที่ดีที่สุด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
« ตอบ #11239 เมื่อ: 05-10-2016 19:30:47 »





ออฟไลน์ diltosscap

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11240 เมื่อ05-10-2016 19:32:08 »

ปกติไม่ชอบอ่านดราม่า แต่ต๊หมอก เป็นข้อยกเว้น เป็นดราม่าที่ วางไม่ลง แต่ละคน ในติวากุล น่าสงสาร มีงินแล้ว้องแบกภาระเหมือนหุ่นยนต์ ขอจนแบบน้องตี๋ ดีกว่า ยังได้มีรอยยิ้มบ้าง

ขอบคุณที่กลับมานะคะ

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11241 เมื่อ05-10-2016 19:41:56 »

เห้ออออออ ศึกพี่น้อง

ออฟไลน์ n2

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1777
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +113/-4
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11242 เมื่อ05-10-2016 19:56:31 »

ดีใจที่ได้อ่านตี๋กับหมอกแล้ว ขอบคุณที่กลับมาเขียนต่อนะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ pp_psj

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11243 เมื่อ05-10-2016 20:00:25 »

นึกว่าฝันไป กลับม่แล้วจริงๆน้องตี๋

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11244 เมื่อ05-10-2016 20:00:50 »

สงสัยเหมือนตี๋ล่ะ
ถึงชื่อเล่นจะแบบเดียวกัน แต่ชื่อจริงไม่เข้ากลุ่มนะ

ออฟไลน์ tulakom5644

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11245 เมื่อ05-10-2016 20:03:01 »

ขอคุณที่กลับมาเขียนต่อ คิดถึงคนเขียนเป็นที่สุดค่าาาาาาาา  :กอด1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11246 เมื่อ05-10-2016 20:13:29 »

รอมาตลอด ดีใจมากกกกก
เพ่งมอง ให้แน่ใจ อีกครั้ง จ๊ากกกก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ขอบคุณไร้ท มากๆ
พ่อ ให้อิสระ ไม่ผูกมัดหมอก แล้ว
หมอก ได้ใช้สมอง ความสามารถทำงานอย่างที่ชอบ
อยากเห็น หมอก จะประกาศศักดาเกรียงไกร
ให้ใครๆ เหวอกันไปเลย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Gwowlu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11247 เมื่อ05-10-2016 20:18:26 »

ยินดีต้อนรับกลับนะคะ ขอบคุณอีกครั้งจากใจจริงเลยค่ะ
... หนู หนูไม่รู้จพูดยังไง แต่เสียใจ เสียใจมากๆ ตั้งแต่โตมาพี่หมอกกับพ่อยังไม่ได้คุยกันดีๆด้วยซ้ำ แล้วนี่อะไร ตัดขาดนั่นพูดจริงๆหรอ.. คุณพ่อใจร้ายมากเลยนะคะ หนูนึกว่าจะมีอะไรให้พี่หมอกเซอร์ไพรส์ซะอีก เสียใจมากจริงๆ ร้องไห้ไม่หยุดเลย แต่แบบคิดอีกที ครั้งนี้พี่หมอกก็ถือว่าเป็นอิสระจริงๆแล้วสินะ ไม่ต้องคอยอยู่ใต้ความกดดันของใคร เป็นตัวของตัวเอง บางทีหนูก็อยากให้ชีวิตพี่หมอกเจอแต่สิ่งดีๆบ้าง ทำไมเป็นลูกคนกลางที่ดูอาภัพจังเลย แต่ก็นะ ความสุขของพี่หมอกก็คือตี๋นี่นา เอาจริงๆคือชอบตรงนี้มากๆ ไม่ง่าจะครั้งไหนที่พี่หมอกอ่อนแอ ข้างๆพี่หมอกก็คือตี๋ ไม่ว่าจะสุขหรือจะทุกข์ก็จะผ่านไปด้วยกัน..
ลึกๆแล้วหนูหวังไว้ว่าในช่วงนาทีสุดท้ายก่อนที่พ่อพี่หมอกจะไป จะมีการพูดคุยหรือร่ำรากันในตอนสุดท้าย แค่สักครั้งที่พ่อพี่หมอกยิ้มให้ตี๋ ฝากพี่หมอกไว้กับตี๋เหมือนที่ม๊าของตี๋ทำกับพี่หมอกบ้าง หนูรู้ว่าคุณพ่อเสียใจมาก แต่ลึกๆแล้วจะโกรธลูกคนนึงได้ขนาดนี้เลยหรอคะ ทำไมเป็นชีวิตจริงที่โหดร้ายจัง ตอนนี้พี่หมอกก็เหมือนนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง พี่เมฆได้พ่อมาเต็มๆจนเราคิดไม่ออกเลยว่าเมื่อก่อนเค้ากับพี่หมอกรักกันแค่ไหนอะไรเป็นตัวทำให้พี่เมฆตัดน้องในใส้ได้ลงคอเหมือนกับที่คุณพ่อทำกับพี่หมอกได้ขนาดนี้ ตอนนี้แบบเศร้าไปหมด ทำอะไรไม่ถูกเลย .. แต่ชีวิตเราคงไม่ได้เจอแต่เรื่องร้ายๆใช่ไหมคะ ไรท์เตอร์คงไม่ใจร้ายกับเราขนาดนั้นหรอกใช่ไหม ขอตี๋นะคะ (ขออธิษฐาน) ให้มีแต่เรื่องดีๆเข้ามาในชีวิตของพวกเค้าบ้าง คิดถึงมากๆนะคะ  :o12: :o12:

ออฟไลน์ chen

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11248 เมื่อ05-10-2016 20:19:51 »

โห คิดถึงมาก
อิสระภาพที่ต้องแลกมาด้วยน้ำตา เอาจริงๆ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ มันจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ไหม
อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีคน2คนที่จะเดินเคียงข้างกันไปใช่ไหม

ออฟไลน์ isBelle__

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [B.N.32/P.375/5.10.59]
«ตอบ #11249 เมื่อ05-10-2016 20:24:04 »

ขอบคุณที่กลับมานะคะ คิดถึงพี่หมอกน้องตี๋มากเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด