อ้อมกอดเด็กช่าง ตอนที่ ๑๓
“พี่ไม้หวัดดีครับ พี่ฝิ่นหวัดดีครับ” ไม้กับฝิ่นยกมือรับไหว้เด็กในสาย
“โจ้ล่ะ” ฝิ่นถามหารุ่นน้องคนสนิท
“ตุนของพี่” เขาพยักหน้ารับรู้ แค่เตรียมไว้แต่ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องใช้
ให้เชื่อไอ้แก้วน่ะเหรอ เขาไม่เชื่อหรอก ยิ่งมันพยายามตีตัวออกห่างกล้าขอกลับไปอยู่บ้านมันเองด้วยแล้ว
ยิ่งเป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งที่เขาเลี่ยงไม่ได้คือต้องปล่อยให้มันไปเรียนตามปกติและรอดูว่ามันจะรักษาคำพูดได้
สักแค่ไหน ...หกโมงเย็นคือคำตอบ
.
.
.
“บั๊ดดี้” แก้วหันตามเสียงเรียก เรียกอย่างนี้ไม่ต้องสงสัย ทั้งโรงเรียนมีแค่คนเดียว เขายกมือไหว้พี่ภูที่เดิน
นำหน้าไอ้แสนมา พี่บุญธรรมที่เผอิญถูกชะตากันตั้งแต่แรกเห็น วันที่พี่ภูขึ้นร้องเพลงแนะนำชมรมดนตรี
สากล
แต่พี่ภูในวันที่เส้นเลือดไร้แอลกอฮอล์เพียงพยักหน้าบึ้งๆตอบแล้วเดินเลยไปนั่งที่ซุ้มหน้าตึกบริหาร
แก้วมองหน้าแสน
“มึงไปทำอะไรให้พี่เขาไม่พอใจรึเปล่าวะ” หน้าเชิดๆนิ่งๆบรรยากาศมาคุตั้งแต่วันแรกซะขนาดนี้
“กูที่ไหนล่ะ โน่นเฮียเลย” แก้วรีบยกมือไหว้พี่โซ่ประธาน๙T แล้วรีบเปลี่ยนเป้าหมายจากซุ้มเดินออกไปให้
ห่างๆ ยังไม่ทันได้พูดคุยกับพี่ด้วยซ้ำ
“มีอะไรกันอีกวะ” ถามไอ้แสนด้วยความเป็นห่วง พี่ภูเดือนโรงเรียน ที่หมายปองของทั้งเด็กช่างเด็กบริหาร
แต่เกิดถูกตาต้องใจประธาน๙Tคนที่ดุที่สุดในเทคโนTเข้า วันๆเห็นแต่ทำให้พี่ทุกข์ใจ
“เฮียเอาไอ้มิวไปกกที่บ้าน พี่ดันไปเจอพอดี สนุกสนานตามเคยบ้านนี้”
“มิว?” คงไม่ใช่คนเดียวกันนะ เขากับแสนเดินไปทางโรงอาหาร หาที่นั่งคุย
“ไม่ต้องสงสัย เมียเก่าไอ้พงษ์นั่นแหละ” แก้วอึ้ง “เห็นว่าตั้งแต่ไอ้พงษ์มีเรื่องมันก็เลิกกันเลย ชิ่งไวฉิบ
หาย” มิวต่างหากล่ะที่เลิกไปคนเดียว แต่ก็อย่างว่าใครจะอยากโดนหางเลขไปกับไอ้พงษ์ ที่เห็นก็มีแต่เขา
นี่แหละ
“อืม แล้วยังไงพี่โซ่เลี้ยงต่อเหรอ”
“เลี้ยงเหี้ยไรล่ะ ไล่กลับแทบไม่ทัน”
“อ้าว อย่างนี้ก็แย่นะสิ” แย่ทั้งกับผู้หญิง ทั้งทำร้ายจิตใจพี่ภูด้วย ถึงว่าพี่หนีไปเมากับพี่แชมป์อีกแล้ว
“มึงอย่าไปคิดแทนเขาเลย ผู้หญิงที่นี่บางคนมันก็เอาใครก็ได้ที่มีอำนาจไว้สร้างบารมีให้ตัวเอง ไม่ต่างจาก
เด็กช่างที่ต้องการเป็นใหญ่หรอก” เขาพนักหน้ารับฟังอย่างผ่านๆ
“แล้ววันนั้นที่ผับมึงเป็นอะไรมากไหม? โทษทีนะเว้ย” ตั้งใจว่าเปิดเทอมเจอกันจะได้ขอโทษมันสักที
เพราะเขาเป็นต้นเหตุแท้ๆเลย
“ไม่เท่าไหร่ว่ะ ดีที่มันตัวตัว ไม่งั้นกูคงไม่ได้ยืนคุยกับมึงอย่างนี้หรอก เออแล้วมึงไปอยู่กับสายนั้นได้ไงวะ”
เบาใจไปหน่อย เขานึกว่าพวกนั้นจะรุมแล้วซะอีก แต่ต้องคิดหาคำตอบมาให้มันน่ะสิ “ไอ้ดิวมา กูไปนะ
เกลียดขี้หน้าแม่งชะมัด” อ๊ะ จะเรียกไว้ก็ไม่ทัน แต่ก็ค่อยยังชั่วพอจะมีเวลาคิดหาข้ออ้างหน่อย
ไอ้แสนลุกออกจากโต๊ะ พี่ดิวก็เดินมานั่งลงข้างๆ
“พี่รอเราที่สายไม่ยักมาสักที นึกว่าจะไม่มาแล้ว”
“ผมมาเช้าน่ะพี่” มีโอกาสออกจากบ้านมันแล้วก็ต้องรีบออก อีกอย่างกว่าจะมาถึงโรงเรียนก็ยังต้องใช้
เวลานานกว่าปกติอีก
“แล้วไอ้ฝิ่นมันเอาแก้วไปไว้ที่ไหน พี่ตามไม่ได้เลยลูกน้องมันเพ่นพ่านเต็มไปหมด” แก้วกลืนน้ำลายลงคอ
เฮือก ถัดจากไอ้แสนก็มาพี่ดิวจนได้
“ไม่เป็นไรพี่ ผมปลอดภัยดี” พยายามเลี่ยงตอบ
“เดี๋ยวเย็นนี้พี่ไปส่งบ้านนะ” แก้วหลุบตาลงต่ำเพื่อหลบสายตาพี่ดิวที่มองเหมือนจับผิด
“ไม่เป็นไรพี่ ผมกลับเองได้” เขาไม่อยากให้ต้องวุ่นวายกันมากกว่านี้ ทุกอย่างกำลังจะเรียบร้อย เขาไม่
อยากเป็นต้นเหตุของการทะเลาะวิวาทให้เกิดเรื่องเกิดราวอีกแล้ว
“ทำไมล่ะ ไหนๆก็กลับทางเดียวกันอยู่แล้ว”
“เอ่อ คือ ผมมีธุระก่อนน่ะ” ก็วันนี้ไม่ได้กลับทางเดียวกันแล้วไงล่ะ แถมจำกัดเวลาไว้ให้แค่หกโมงเย็นด้วย
“อืม ก็เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อนไง” พี่ดิวยังคงเซ้าซี้ไม่เลิก เฮ้อ ...
“ผมลืมไปคืนนี้ผมรับปากไอ้แสนไว้ว่าจะไปค้างบ้านมัน” เอาเพื่อนนี่แหละมาเป็นข้ออ้าง คงไม่น่าแปลก
เท่าไหร่เพราะเขากับไอ้พงษ์ก็เคยไปค้างบ้านมันบ่อยๆ
“นี่แก้วยังไม่เชื่อใจพี่ใช่ไหม ขนาดไอ้พงษ์ฝากแก้วไว้กับพี่ แต่แก้วก็ตีตัวออกห่างตลอด บางทีพี่ก็คิดนะ
ว่าแก้วถูกไอ้ฝิ่นบังคับไปหรือเต็มใจไปกับมันกันแน่” ถึงกับสะอึก พี่ดิวชักจะยุ่มย่ามมากไปแล้ว
“พี่ดิว!” เขารู้สึกไม่พอใจมองหน้าพี่ดิวอย่างตำหนิ เขาจะถูกบังคับหรือจะเต็มใจมันก็เป็นเรื่องของเขา เขา
คิดมาดีแล้ว นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด ไม่ใช่เอะอะจะใช้แต่กำลังเหมือนพี่
“ไม่รู้ล่ะ แก้วหลุดจากมันวันนี้พี่ก็จะไม่ให้แก้วกลับไปหามันได้อีก” พี่ดิวบอกน้ำเสียงหนักแน่นไม่ได้แคร์
อะไรเลย แต่ถ้าเขาไม่กลับไปบ้านมัน เขากลัวว่าไอ้ฝิ่นจะหาเรื่องมาเล่นงานคนอื่นๆอีกน่ะสิ
“พี่ดิว” มองพี่ด้วยแววตาค้าน ยังไงเขาก็ไม่ยอมให้พี่มาทำให้เสียเรื่องหรอก
“หรือจะให้ไอ้พงษ์รู้เรื่องนี้”
.
.
.
พี่ดิว ประธานปี๓ ช่างไฟฟ้า รู้จักกันตั้งแต่วันรับน้อง หลังจากนั้นก็ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ เพราะ
พี่ดิวเริ่มสนิทกับไอ้พงษ์
เขาไม่เคยสนใจว่าพี่ดิวรู้เรื่องเขากับไอ้พงษ์มากน้อยแค่ไหน ด้วยความที่พี่ดิวชอบจู้จี้เซ้าซี้เขาตลอด เขาจึง
ไม่ใส่ใจการมีอยู่ของพี่ดิว แต่วันนี้ วันที่พี่เอาไอ้พงษ์มาอ้าง เขาจึงได้ฉุกคิด พี่ดิวต้องรู้ว่าเขาแคร์ไอ้
พงษ์มากกว่าใครแน่
แก้วถูกดันให้ขึ้นรถประจำทางและเดินไปนั่งเบาะหลังสุดโดยมีพี่ดิวนั่งประกบข้าง ตามด้วยเด็กช่างเต็มคัน
รถที่คอยรับหน้าให้ก่อนถ้าหากเกิดเรื่องระหว่างเดินทาง
ไม่อยากให้ไอ้พงษ์รู้กับไม่อยากขัดคำสั่งไอ้ฝิ่น เขาต้องเลือกสักอย่าง
ถ้าไอ้พงษ์รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนมันไม่อยู่บ้าง มันต้องรีบบินกลับมาหาเขาอยู่แล้ว และนั่นเขาจะต้องทำไอ้
พงษ์เสียอนาคตเป็นรอบที่เท่าไหร่ล่ะ
แต่ถ้าขัดคำสั่งไอ้ฝิ่น มันจะต้องไม่พอใจ จากที่โกรธแค่เขากับเพื่อนมันก็จะลามไปเป็นเรื่องของสถาบัน
ถ้ามีเรื่องกันขึ้นมา คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็อาจถูกลูกหลง
เขาอยากเลือกได้สักทาง แต่...ไม่เลย
ตอนนี้เขาเหมือนคนจนมุม จะไปทางซ้ายก็เหว จะไปทางขวาก็ไฟ ไม่มีทางเลือกสำหรับเขาเลย
“พี่เลยบ้านผมแล้ว” แก้วจะลุกแต่ลุกไม่ได้เมื่อรถวิ่งผ่านซอยเข้าบ้านไปแล้วแต่พี่ดิวดึงแขนเขาไว้
“พี่ปล่อยให้เราอยู่บ้านคนเดียวไม่ได้หรอก” พี่ดิวพูดเบาๆให้ได้ยินกันสองคน ซึ่งนั่นมันลำบากเมื่ออยู่ใน
รถที่เต็มไปด้วยเด็กช่างที่เอาแต่ตะโกนคุยกันลั่นรถ
“ก็ไหนพี่บอกจะมาส่งไง”
“พวกนั้นมันรู้บ้านแก้วนะ เกิดมันอยากจับตัวเราไปอีกพี่จะทำไง ต่อจากนี้ให้พี่ได้ดูแลแก้วแทนไอ้พงษ์
นะ” พี่ดิวเรียกร้องในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้มาได้ยังไง เขาไม่เคยคิดจะเอาใครมาแทนที่ไอ้พงษ์อยู่แล้ว
“แต่ผมดูแลตัวเองได้” เอ่ยค้านด้วยใบหน้าเบื่อหน่าย ไม่ชอบใจ
“เพราะพี่ไม่เลวเหมือนไอ้ฝิ่นใช่ไหมแก้วถึงไม่ให้โอกาสพี่” แก้วใจกระตุกวาบเมื่อพี่ดิวเอ่ยชื่อนี้ขึ้นมา
“อะไรนะ?”
“...พี่เจ็บแค่ไหนที่โดนมันหยามหน้า แก้วไม่รู้หรอก” พี่ดิวมองหน้าเขาจริงจัง คำพูดทั้งตัดพ้อทั้งต่อว่า
แล้วทำไมเขาจะต้องรู้ด้วย
“หยามหน้า?” เรื่องของศักดิ์ศรีอะไรกันอีกล่ะ “พี่จะมีเรื่องอะไรกันก็เรื่องของพี่เถอะผมคงช่วยอะไรใคร
ไม่ได้หรอก” ลำพังเรื่องของตัวเองก็ไม่รู้จะไปถึงไหนเลย
“เรื่องนี้ไว้เราคุยกันที่บ้านพี่ดีกว่า” พี่ดิวตัดบทสนทนาหันไปรับแก้วเบียร์จากเด็กในสายที่ยื่นมาให้พอดี
แก้วมองดูนาฬิกาข้อมือ สี่โมงห้าสิบนาที ถึงยังพอมีเวลาเดินทาง แต่เขาก็ไม่รู้จะออกห่างจากพี่ดิวได้ยังไง
.
.
.
“อ้าว ไอ้แก้ว” แก้วปั้นหน้าให้เป็นปกติทั้งที่ในใจเป็นกังวลหนัก ยกมือไหว้พี่ดีพี่ชายพี่ดิวศิษย์เก่าเทคโนT
ซึ่งตอนนี้เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว
พี่ดิวเดินไปยืนประจันหน้ากับพี่ชายที่ส่งยิ้มให้แก้ว แล้วกลับมาดึงแขนเขาพาเดินผ่านเพื่อขึ้นห้อง
เขาเห็นรอยยิ้มคล้ายนึกสนุกของพี่ดี แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร
แก้วมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง ห้าโมงครึ่ง... ป่านนี้ไอ้ฝิ่นมันจะรู้หรือยังว่าเขาไม่สามารถกลับบ้านมันได้แล้ว
“เสื้ออยู่ในลิ้นชักนะ” เขาก้มเปิดลิ้นชักที่แยกเสื้อผ้าไว้ต่างหาก แต่หยิบเสื้อพงษ์ออกมา บ้านพี่ดิวเป็นที่
สำหรับรวมกลุ่มเด็กปี๓ เพราะพ่อกับแม่พี่ดิวไม่ได้อยู่ที่นี่ เป็นอีกหนึ่งที่ๆไว้ดื่มไว้กินหรือนัดรวมกลุ่มกัน
เวลาจะมีเรื่อง เขากับไอ้พงษ์เคยมาค้างที่นี่บ้างเวลาที่มันเมาจนเขาลากกลับไม่ไหว จึงต้องมีเสื้อผ้าทิ้งไว้
สองสามตัวไม่ต่างจากเด็กในสายคนอื่นๆก็ทิ้งไว้เหมือนกัน
ใส่กางเกงขาสั้นเสื้อยืดสีแดงของไอ้พงษ์เดินออกจากห้องน้ำ
พี่ดิวลุกจากเตียงหยิบผ้าเช็ดตัวพาดบ่าเดินสวนกันแค่มอง แต่ไม่พูดอะไร เขาจึงคิดว่าลงไปรอพี่ข้างล่าง
น่าจะดีกว่านั่งเซ็งอยู่คนเดียว
เดินลงชั้นล่างเห็นพี่ดีถือถุงกับข้าวมาจึงเข้าไปช่วยถือ
“อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอแก้ว” พี่ดีก้มหน้ามาใกล้ๆในจังหวะที่เขารับถุงจากมือ
“ครับ” ที่จริงไม่ต้องถามก็น่าจะเห็นว่าเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนะ
“ไอ้ดิวอาบน้ำอยู่เหรอ”
“ครับ” เขาตอบอีกครั้ง เอาถุงกับข้าววางไว้ที่โต๊ะ พลางขยับตัวออกห่างจากพี่ดี
“เดี๋ยวพี่ตักข้าว เอ็งแกะกับข้าวได้เลยนะ เดี๋ยวมันก็ลงมา” เขาพยักหน้ารับ หยิบถ้วยหยิบจานออกมาวาง
อยู่ๆพี่ดีที่น่าจะไปตักข้าวกลับมายืนช้อนหลังแล้วเอื้อมมือมาหยิบถุงกับข้าวจากมือเขา
“หอม” เสียงพูดเบาๆข้างหู แก้วรู้สึกแปลกๆรีบเหวี่ยงตัวหลบ
“ครับ?” มองหน้าพี่ดีด้วยความข้องใจ
“หอมกับข้าวน่ะ” อ้อ แก้วจึงหยิบกับข้าวถุงใหม่มาแกะ
“ทำอะไรกัน?!” เสียงพี่ดิวมาก่อนตัว พี่ดียักไหล่หน้าระรื่นแกะกับข้าวใส่จานเฉย
“ไม่ช่วยแล้วยังโวยวาย เนอะ” พี่ดีหันมาพยักพเยิดหน้ากับแก้ว เขาจึงเลี่ยงไปตักข้าวแทน
“คนนี้อย่ายุ่ง” เสียงพี่ดิวพูดเบาๆแต่เขาได้ยิน ถึงไม่หันกลับไปมองก็พอเดาออกว่าพี่ดีคงยักไหล่ไม่ก็ตีคิ้ว
กวนน้องชายอยู่แน่เลย
“อย่าเข้าใกล้ไอ้ดีตอนพี่ไม่อยู่รู้ไหม” พี่ดิวพูดขณะเดินขึ้นห้องปล่อยให้พี่ดีล้างจานคนเดียว เห็นพี่ดิวบอก
ว่าวันนี้เวรพี่เขา
“แค่พี่ดีช่วยแกะกับข้าว นี่พี่เป็นอะไรเนี่ย” ชักจะเยอะขึ้นทุกที
“นี่แก้วไม่รู้อะไรเลยรึไง อย่างแก้วน่ะ...เฮ้อ ไอ้ดีน่ะมันจ้องจะแต๊ะอั๋งเราอยู่นะ ถ้าพี่ลงไปช้ากว่านี้มันคงทำ
มากกว่านี้แล้วล่ะ” พี่ดิวก็พูดอย่างกับว่าเขาควรจะสงวนตัวให้มากกว่านี้ยังไงอย่างนั้น
“พี่น่ะ คิดเยอะไปรึเปล่า ผมก็ผู้ชายเหมือนพี่เหมือนพี่ดีนะ กอดคอกินเหล้ากันก็เคยมาแล้ว” แก้วนั่งลงบน
เตียงจัดที่นอน “วันนี้ผมนอนข้างนอกนะ” บอกพี่ดิวเพราะทุกครั้งที่มาเขาจะนอนชิดผนังห้องแล้วมีไอ้พงษ์
คั่นกลางระหว่างเขากับพี่
“ไอ้ดีน่ะ ผู้ชายมันก็เอา” พี่ดิวขึ้นไปนั่งฝั่งตัวเองก่อนจะเอนหลังนอน ...แก้วถึงกับเงียบ แต่พี่ดีไม่น่าจะมา
คิดอะไรกับเขานะเพราะเขาไม่ได้ตุ้งติ้งอะไรสักนิด หน้าตาก็ไม่ได้หวานแหววเหมือนผู้หญิงสักหน่อย ทำไม
พี่ดิวถึงคิดอย่างนี้ได้ ก่อนจะเม้มปาก หันหน้าไปก้มถามพี่ ฮึดพูดออกไป
“แล้วพี่ล่ะ” พี่ที่ทำตัวออกนอกหน้าจนไอ้ฝิ่นมันคิดว่าเขาเป็นเกย์ คิดจะแตะอั๋งเขาตลอดด้วยรึเปล่า
แก้วลุ้นกับคำตอบ
“พี่หวังดีกับเรานะ แค่ได้ดูแล ได้อยู่ข้างๆเราพี่ก็พอใจแล้ว” พี่ดิวมองเขาด้วยแววตาเป็นประกาย อมยิ้ม
พอใจที่ได้พูด แก้วรีบหันหน้าหนี
“นะ นอนเถอะ” ถึงพี่จะตอบอย่างนั้นแต่มันไม่ได้ฟังดูดีไปมากกว่าพี่ระแวงพี่ดีเลย นี่เขาเป็นเกย์อย่างที่ไอ้
ฝิ่นว่าจริงๆเหรอ
แก้วนอนตะแคงหันหลังให้พี่ดิว มือใหญ่ของพี่ลูบเบาๆที่ศีรษะคล้ายต้องการกล่อมให้หลับฝันดี ก่อนที่มือ
อีกข้างจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงไหล่เขาและพี่ยังวางมือไว้ตรงนั้น
แต่ทำอย่างนี้ยิ่งทำให้เขานอนไม่หลับ แก้วนอนนิ่งไม่ไหวติงจนรู้สึกได้ว่าพี่ดิวน่าจะหลับแล้ว
เขาจึงค่อยๆพลิกตัวนอนหงาย จับมือพี่ดิวเบาๆออกจากตัว
แล้วหยิบหมอนลงไปขดตัวนอนกับพื้นข้างเตียง
...........................
ชื่อเล่น แก้ว
อายุ ๑๗ ย่าง ๑๘ ปี
ส่วนสูง ๑๗๒ เซนติเมตร
น้ำหนัก ๔๕ กิโลกรัม
ปวช.๓ สาขาช่างอิเล็กทรอนิกส์
............................
ตอนที่แล้วมึนกันอย่างสนุกสนาน ฮ่าๆ
เช่นเดิม อย่าสนใจตัวประกอบมากนักนะคะ แต่เดินเรื่องได้ทุกตัวสิ เอ๊ะ ยังไง
ตอนที่แล้วมีจับได้ว่าแอบหด ฮ่าๆ ทีตอนยาวๆไม่เห็นทักเค้าเลย เช๊อะ //สะบัดหน้า แอร๊ยยย คอเคล็ด ฮ่าๆ
ปล.อาทิตย์นี้อัพสามวันติดแล้วใช่ไหม (ลืม แต่คิดว่าใช่) กรี๊ดดด สู้ๆ 
:pig4:ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ เห็นคอมเม้นท์แล้วสนุกที่จะเขียนมากเลย^^ กอดๆ จุ๊บ
เง้ออ งอนตัวเองใช้ตัวหนังสือผิดสี ไปเวลดีกว่า 