อ้อมกอดเด็กช่าง ตอนที่ ๓๒
“อะไรวะ?” ฝิ่นเดินเข้ามาในบ้าน พี่ไม้นั่งดูโทรทัศน์โดดๆอยู่คนเดียว โซฟาตัวยาวมีไอ้โซ่นั่งเล่นมือถือติดกับไอ้เลื้อยภูที่กำลังเอาผ้าเช็ดมุมปากให้ไอ้แก้ว และเพื่อนมันอีกคนนั่งมองอย่างกับลุ้นอะไรอยู่ข้างๆกัน
ถามไปก็ไม่มีใครตอบ ...ฝิ่นถอนหายใจเสียงดังกะว่าทุกคนต้องได้ยิน แต่เฉย เขาจึงเดินไปยืนค้ำหัวพวกมันสามคนที่กำลังสุมหัวกันอยู่ ไอ้แก้วรีบก้มหน้าหลบตา ส่วนไอ้ภูช้อนตาขึ้นมาจิกใส่เขา...รู้สึกคันตีนกับไอ้นี่เหลือเกิน
“เอามานี่ ทำเอง” เขาแย่งผ้าประคบน้ำแข็งจากมือไอ้ภูและมองหน้ามันกลับ มันไม่ได้ยื้อไว้กลับปล่อยผ้าให้ง่ายๆ แต่ที่มันไม่ได้เข้าใจเลยคือเขาต้องการให้มันลุกออกจากตรงนี้ แต่ดันนั่งไขว่ห้างกอดอกเฉย เขาจึงเอาตีนเขี่ยขาอีกคนที่นั่งอยู่อีกข้าง ไอ้นี่ก็มองหน้าแต่ก็ขยับออกให้
“ไม่ต้องทำหรอก” ไอ้แก้วซึ่งยังก้มหน้าอยู่เอานิ้วแตะๆมุมปากตัวเองบอกเขา
“กูจะทำ” เขาจับมือมันมาวางตรงหน้าขาแล้วกดผ้าที่มุมปากแก้วเบาๆ ฝิ่นคิ้วขมวดพลางเม้มปากตัวเองไปด้วย ก็กะน้ำหนักไม่ถูกนี่หว่า แต่พอใจจะทำมีอะไรไหม? ทีพี่มึงทำได้ ทีกูทำบ้างดันมีปัญหา
“บั๊ดดี้เอาตามนี้แหละ มาอยู่กับเฮียถ้าเกิดมีเรื่องอีกทีกูจะได้จัดการได้” ไอ้คนข้างๆชะเง้อหน้ามาพูดกับไอ้แก้วโดยมีเขานั่งคั่นอยู่ตรงกลาง
“ใครวะ” ฝิ่นถามแก้ว
“เฮียโซ่น่ะ เฮียนี่อะ” เพื่อนมันชี้ไปที่ไอ้โซ่ เออ แล้วกูจะรู้ด้วยไหม
“แล้วทำไมต้องไปอยู่กับมัน”
“หมายถึงให้ย้ายสาย” ไอ้ภูบอก
ถึงกับต้องย้ายสายเลยเหรอ
“ยังจะมีเรื่องอีกเหรอ” ฝิ่นจับหน้าแก้วให้เงยขึ้นมาด้วยความรำคาญ เอาแต่ก้มหน้าเพื่ออะไรยังไงๆมึงก็มีความผิดอยู่ดีที่ไม่โทรมาบอกตามที่รับปากแถมยังไปโดนเล่นงานมาอีก
กะแค่รุ่นน้องยังปล่อยให้เขาซ้อมได้ ชีวิตมึงมีค่าอะไรบ้างไหมเนี่ย
“แต่...ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกน่าอีกเดี๋ยวก็จบแล้ว” แก้วพูดมองหน้าเขาแว๊บนึงก่อนจะเบนสายตาไปมองเพื่อนมันเต็มๆ “คือ เดี๋ยวเรียนจบก็ไม่เจอแล้ว”
“โหย มึงก็อย่างนี้ทุกที พี่ภูบอกมันหน่อยสิ นี่แสนเป็นห่วงมันนะท่าทางไม่น่าไว้ใจแล้วด้วย”
ฝิ่นเช็ดมุมปากทั้งสองข้างของแก้วแล้วมองไปยังจุดอื่นของร่างกายพลางยกแขนแก้วสองข้างขึ้นมามองหาร่องรอยเพิ่ม
นอกจากตรงไหล่มีรอยเลือดก็ไม่มีอะไรแล้วนี่หว่า
“อยู่ที่นั่นเหมือนเดิม มึงอย่าหนี คนที่ต้องหลบคือคนที่ทำมึง กูโทรบอกไอ้แชมป์ให้จัดการไอ้ดิวไปแล้ว”
“พี่ภู” ไอ้แก้วสะกิดแขนพี่มันเหมือนปรามไม่ให้พูด
“เกี่ยวอะไรกับไอ้ดิว” แต่เขาดันสะกิดหู
“รักมาก เกลียดมาก มึงรู้จักไหม ขี้อิจฉาอย่างไอ้ดิวถ้ามันไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้เหมือนกัน”
“ไอ้ดิวทำมึงเหรอ” เขาถามแก้ว
“เอ่อ...รุ่นน้องปีหนึ่ง” มันตอบตะกุกตะกักหรุบตาลงต่ำ
“มึงจะปัดความผิดพี่ดิวของมึงทั้งที่รู้อยู่แก่ใจเหรอวะแก้ว ถ้าไอ้ดิวไม่ปล่อยมึงคิดว่าเด็กมันจะกล้าปีนเกลียวไหม”
“หึ ตั้งใจปิดกูว่างั้น”
“ไม่ใช่อย่างนั้น เฮ้อ” ไม่ใช่ได้ยังไงนี่มึงกำลังปิดกูชัดๆ นึกว่าไอ้ดิวจะมองมึงฝ่ายเดียวแต่มึงก็อาลัยอาวรณ์มันเหมือนกันล่ะสิ เขาลุกพรวดทิ้งผ้าใส่โซฟา ไอ้แก้วแหงนมองทันควัน
“พี่ไม้ กลับกัน” ฉุนเว้ย ถ้าไม่ติดว่ามีคนนอกอยู่ด้วยคงได้โวยไปโต้งๆโดยไม่ต้องคิดว่าพวกมันจะสงสัยแล้ว
“รอโฆษณาเดี๋ยวสิ” พี่บอก แต่ตามองจอโทรทัศน์
“งั้นพี่ก็รอคนเดียวละกัน” อยากทึ้งหัวตัวเองโว้ย
“...ฝิ่น” ไอ้แก้วเรียกเสียงเบาแต่กลับกล้าดึงมือเขาไว้ เฮอะ
“มึงมีปัญหาอะไร?”
“อยู่...ด้วยกันก่อน”
“มึงกล้าขวางกูรึไง?”
“เปล่า...ไม่ใช่ ก็แค่...” ไอ้แก้วอ้ำอึ้งช้อนตามอง ..ฝิ่นเลยต้องหน้านิ่งนั่งลงที่เดิม คิดว่ามึงรั้งกูละกัน จะคอยดูซิยังมีอะไรที่มันกั๊กไว้อีก นี่ขนาดเขาพยายามอยู่กับมันให้มากที่สุดเพื่อจะได้รู้ทุกเรื่องราวของมัน ให้คนตามสืบประวัติก็แล้ว ก็ไม่ได้มีอะไรคืบหน้าและรู้จุดอ่อนของมันเพิ่มเลยนอกจากเรื่องไอ้เหี้ยพงษ์เรื่องเดียว ถึงเขาจะชอบมองตามันแต่ใช่ว่าเขาจะเดาได้ทุกเรื่องหรอกนะ คิดยังไงกับไอ้ดิว มันก็ไม่เคยตอบเขาให้เคลียร์เลย ...นั่งฟังไปก่อนก็ได้วะ
“โธ่ ทำเป็น” เสียงไอ้ภู
“ต่อนะ พี่แชมป์ก็จะได้เท่าไหร่เชียว ติดที่เกรงใจพี่ดีตามเคย” เพื่อนมันพูดต่อ
“ยังไงกูก็ไม่ยอมให้ใครรังแกไอ้แก้วแน่วันนี้มันเริ่มเล่นแรง ต่อไปมันจะทำอะไรอีกก็ไม่รู้ ถ้าไอ้พงษ์อยู่กูคงไม่ต้องมาห่วง คนที่อยู่ก็พึ่งอะไรไม่ได้ เซ็งโคตร ” ไม่ต้องมองมาทางกู กูไม่สนใจหรอกว่ามึงจะหลอกด่าอะไรกูอีก ปากจัดชะมัด “โซ่ โซ่”
“หืม?” ไอ้โซ่ก็ไม่ได้ต่างจากพี่ไม้เลย ตาจ้องจอมือถือแต่ยังทำเป็นคุยด้วยได้
“โซ่ช่วยคิดหน่อยสิจะทำยังไงให้ไอ้ดิวมันเลิกยุ่งกับน้องได้”
“โซ่คิดไม่ออกหรอกไม่ใช่เรื่องของโซ่”
“พูดอย่างนี้มึงจะมานั่งอยู่นี่ทำไมให้เกะกะ”
“รักอยู่ไหนโซ่ก็ต้องตามไปเฝ้าสิ แอ๊บนะเราน่ะ ฮะฮะ” มันเงยหน้ากระพริบตาปริบๆใส่ไอ้ภูแล้วยิ้ม
“พอเถอะเฮีย ผมอ๊วกจนใครๆคิดว่าท้องแล้วเนี่ย มันไม่ได้ดูน่าเอ็นดูอะไรเลย ถ้าเป็นพี่ภูเลี่ยนค่อยว่าน่ารักหน่อย”
กูก็จะอ๊วก นี่นะไอ้โซ่ประธานใหญ่โนT เหอๆ สายเขากับ๙Tไม่ใช่อริกันจังๆหรอกแต่ก็เคยเจอกันบ้าง ครึ้งนึงยังเคยถือสปาต้าไล่ฟันกันหน้าสน.เลย แต่เห็นไอ้โซ่สภาพนี้แล้วชวนคลื่นไส้จนเขาต้องส่ายหน้า ...ทำไปได้นะมึงน่ะ
.
.
.
“เป็นอะไรมากรึเปล่า” ไอ้โจ้ขับรถมาส่งตามที่เขาโทรบอกหลังจากพวก๙Tกลับไปหมดแล้ว
เรื่องนี้คงไม่ต้องถึงมือเขาเพราะไอ้แสนเพื่อนมันเป็นคนบอกจะจัดการเอง
ก็ดี...ไม่ได้อยากจะยุ่งสักเท่าไหร่หรอก
แต่ไอ้ดิวมันตัดไอ้แก้วได้เหรอวะ เร็วไปไหมกูไม่ได้ต้องการอย่างนี้สักหน่อย
“ไม่เป็นไรมากหรอก ขอบใจที่เป็นห่วง”
“ใครเขาห่วงมึงวะ” ฝิ่นพูดแทรกเมื่อไอ้แก้วตอบไอ้โจ้ที่เดินมายืนตรงหน้ามัน
“ไหนยืนขึ้นซิขอดูหน่อย” ไอ้โจ้พยักหน้าบอก
“เอ่อ เอ่อ ทำไม”
“จิ๊ พี่ฝิ่น” ไอ้แก้วมันทำตัวมีปัญหาด้วยการไม่ทำตามที่ไอ้โจ้บอก รุ่นน้องมันเลยเรียกให้เขาสั่งแทน
“นั่นดิ ลุกทำไม?” เขาท้าวเอวสองข้างมองหน้าไอ้โจ้
“มึงก็ยืนๆให้ไอ้โจ้มันดูหน่อยจะได้เห็นว่าเหมือนกับไอ้ฝิ่นซ้อมมึงเปี๊ยบ จะได้พอใจสักที”
“อะไรนะ” ฝิ่นหันมองพี่ไม้ซึ่งกำลังสนใจสารคดีสัตว์ป่าในหน้าจอโทรทัศน์แล้วหันมามองหน้าไอ้แก้ว
เขาจับไหล่มันสองข้างให้ลุกยืน แก้วมองหน้าเขาเหมือนกับรู้ตัวว่าทำผิด แต่ก็นั่นแหละ มันจะทำอะไรมากไปกว่ายืนเงียบให้เขาโมโหเล่นได้
รอยรองเท้ากลางท้อง
“ฮึ่ย!” ฝิ่นกัดฟันผลักแก้วให้ล้มลงไปนั่งที่เดิม “ทำไมมึงโง่อย่างนี้วะ”
กูรู้ว่ามึงอ่อนปวกเปียก รู้ว่ามึงสู้ไม่เป็น รู้ว่ามึงอะไรๆก็ยอมไปหมด แต่มึงไปยอมให้พวกนั้นทำร้ายตัวเองได้ยังไง
“องค์ลง พี่ไม้เรากลับกันเถอะพี่” ไอ้โจ้
“เดี๋ยวก่อนตัวอย่างตอนหน้าสิงโตจะตะปบลูกหมาแล้ว”
“พี่ไม้นั่นมันสัตว์ป่ามีลูกหมาที่ไหนห๊ะ” เขาเอ่ยเสียงเหวี่ยงใส่พี่
“ลูกหมาจิ้งจอกไง หึ”
“เอ่อ ผมชงเสร็จแล้ว หมดหน้าที่เราแล้วไปกันเถอะพี่ ยังไม่อยากโดนตะปบเองว่ะ”
“เฮ้ย เดี๋ยวกูดูไม่ทัน” พี่กูเกิดอยากจะงอแง ตั้งใจจะอยู่กวนกันให้ได้ใช่ไหม ใครจะอยู่ก็อยู่ ใครจะไปก็ไป แต่ตอนนี้เขาจ้องหน้าไอ้แก้วไม่วางตา จะทำยังไงกับมันถึงจะสมควรกับที่ทำให้เขาโกรธซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนี้
“ช่างมัน เดี๋ยวผมออกตังค์ซื้อแผ่นไปไว้ให้พี่ดูที่บ้าน จบนะ ไปกันเถอะไอ้โจ้ไหว้ละ”
“หึ มึงก็ไหว้กูปกติอยู่แล้วโจ้เอ้ย”
“ครับพี่ครับ” ไอ้โจ้ยกมือไหว้พี่แล้วดึงแขนพี่ไม้ออกจากบ้าน ทำให้เหลือกันอยู่สองคน ไอ้ที่นั่งอยู่ก็ก้มๆเงยๆยังกับทำตัวไม่ถูก แต่เขานี่สิ โคตรจะทำตัวไม่ถูก โมโห โมโหมากๆ ว่าแล้วก็คว้าหมอนอิงโยนใส่หน้าแม่งไปที
“เจ็บมากไหม!” เขาถามด้วยน้ำเสียงห้วนๆ โดนชกเหมือนที่กูชกมึง โดนถีบเหมือนที่กูถีบน่ะ
“สบายมาก มากกว่านี้ก็เจอมาแล้ว”
“นี่มึงว่ากูเหรอ”
“เฮ้อ ไม่ได้หมายความอย่างนั้น” แก้วลุกยืนมองหน้าเขานิ่งก่อนจะซบหน้าเข้ากับอกเขา “มันก็เจ็บนะ แต่ก็เจ็บไม่มาก เท่ากับ...”
ฝิ่นถอนหายใจกับการกระทำของแก้ว
“เท่ากับ?”
“เท่ากับมึงเขวี้ยงหมอนใส่กูเมื่อกี้”
“นี่มึง! เดี๋ยวนี้มึงกล้าว่ากูเหรอ”
“อย่าเพิ่งผลักเลยนะ” เฮ้ย มีสั่งกูด้วย ถึงจะสั่งด้วยน้ำเสียงสั่นเบาก็เถอะแถมโอบแขนกอดเขาไว้อีก “...ก็ถ้าไม่พูดมึงก็จะว่ากูอีก” ก็เลยหลอกด่ากูเนี่ยนะ ติดมาจากไอ้เลื้อยรึไง
“พอเถอะ มึงไม่ต้องทำเป็นออเซาะหรอก”
“กูไม่เป็นไรถ้าใครจะซ้อมกู เพราะกูไม่ได้ให้ความสำคัญกับคนอื่น แต่กับมึง...แค่มึงมองกูตาขวางก็รู้สึกไม่ดีแล้ว...เพราะ”
“พูดให้จบ” เขาคว้าข้อมือทั้งสองข้างของแก้วมาจับไว้
“...เพราะมึงสำคัญ” แก้วเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาระยิบระยับ
แรกๆไม่ทันตั้งหลักก็ตกใจที่มันชอบเข้าถึงตัว ขอแค่ให้ได้สัมผัสนิดๆหน่อยมันก็ทำหน้าระรื่นได้แล้ว
แต่เขาเพิ่งจะเข้าใจว่ามันคือวิธีปลอบตัวเองของไอ้แก้ว
มันอยากทำเขาก็ปล่อยให้มันทำ ทำให้สบายใจไปเถอะ ถือว่าเลี้ยงใจมันไปละกัน
“หึ จดจำคำของมึงไว้ให้ดีนะ” เพราะสิ่งที่กูต้องการก็คือเป็นที่สุดในชีวิตมึง มากกว่าคนสำคัญ
ปล่อยข้อมือแก้วให้เป็นอิสระ แล้วเดินไปนั่งโซฟา ไม่ต้องสะกดคำว่ารอไอ้แก้วก็เดินเข้ามาหาหากแต่เขาไม่ปล่อยให้มันนั่งข้างๆกลับฉุดมือพร้อมคว้าเอวมันลงมานั่งตัก
“ฝิ่น”
“เดี๋ยวเป่าให้ มึงจะได้หายเร็วๆถูกไหม” กูไม่ให้มึงตายง่ายๆหรอก เพราะกูต้องใช้มึงอีกนาน
ฝิ่นแกะกระดุมเสื้อนักเรียนแก้วทีละเม็ดจนเผยให้เห็นรอยช้ำตรงหน้าท้องเต็มตา
“เหี้ยเอ้ย” เขากัดฟันสบถเบาๆพยายามระงับอารมณ์คุกรุ่นที่กำลังก่อตัวอีกครั้งพลันเบนความสนใจไปที่ริมฝีปากมันแทน “เจ็บก็บอก” ฝิ่นแตะนิ้วเบาๆตรงมุมปากเป็นแผล
“...........” มันส่ายหน้า “ชอบ” สองมือโอบรอบคอแล้วซุกหน้าเข้าที่ไหล่เขา
“หืม?”
“ชอบให้มึงกอด ฮึก ฮึก”
“สะอื้นทำไม”
“เปล่า ฮึก”
“หึ” เขาเบี่ยงไหล่ออกจากใบหน้าแก้วแล้วแตะริมฝีปากที่หน้าผากคนที่กำลังสะอื้นอย่างไม่มีเหตุผล ยิ้มน้อยๆกับอาการเม้มปากกันเสียงสะอื้นไม่ยอมให้เขาได้ยินแต่หลักฐานคลอเต็มเบ้าตา
สภาพอย่างนี้ไม่เจ็บก็เนื้อหนังด้านชาเกินไปแล้ว
ฝิ่นแตะริมฝีปากชนกับปากแก้วครู่เดียวเดี๋ยวมันเจ็บ
การเจ็บตัวของมึงมันทำให้กูลังเล อาจเพราะ...กูต้องมีสิทธิ์ในตัวมึงคนเดียวเท่านั้นไม่ใช่ใครจะทำอะไรกับมึงก็ได้
หรือลังเลเพราะ...
ไม่ กูต้องไม่ลังเล!
...........................................
จะอัพตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่สัญญาณเน็ตหายทุกทีเมื่อเด็กอยู่เต็มบ้าน Y^Y
แล้วก็...รถน้ำตาลไม่ได้คว่ำกลางทางใช่ไหม? ...คนเขียนรู้สึกคล้ายกับ
ชอบเรื่องนี้มากก แต่ไม่อยากให้ดราม่าอะค่ะ
สงสารแก้วว เรื่องนี้เราว่าหวานๆก็ได้นะ
เป็นกำลังใจให้เน้อ
...ซีซั่นคิดว่าตัวเองเขียนแนวกุ๊กกิ๊ก หวานๆ ไม่ถนัดอะค่ะ (เห็นได้จากที่แล้วๆมา) นิยายทุกเรื่องมันก็มีสุขเศร้าเหงากระอักเลือดนะเราว่า ดราม่าเรื่องนี้เป็นเพราะหนักเรื่องชกต่อย ทำร้ายจิตใจมากไปรึเปล่าเลยดูดราม่าละมั้ง แต่ซีซั่นคิดว่าเราไม่ได้เขียนให้มันจมความโศกทั้งเรื่องนะ จากที่วางเรื่องไว้แต่แรกจนถึงตอนนี้ เราลดอาวุธลดพฤติกรรมของเด็กช่างไปบ้างแล้ว เพราะกลัวว่าจะหนักไปนี่แหละค่ะ คนอ่านอย่าคิดว่ามันดราม่าตามที่ห้อยท้ายชื่อเรื่องเลยนะคะ พล็อตมันก็วนเวียนตามแนวนิยายทั่วไปนั่นแหละ คนเขียนอยากแชร์จินตนาการ ซึ่งจินตนาการแต่ละคนมันก็แตกไปได้หลายทางน่ะค่ะ จริงๆมันก็หวานได้ก็ถูกค่ะ(แต่ไม่ใช่ตอนนี้)แต่ที่ออกมาอย่างนี้เพราะคิดว่าตัวเองสนุกที่จะเขียน ลองแล้วมันใช่แฮะ เราว่านิยายจะถ่ายทอดออกมาได้ดีก็ตรงที่มันใกล้เคียงกับคนเขียนนี่แหละ และเราไม่ได้สงสารแก้วด้วย แอร๊ยยย ใครตบเค้า :กอด1:กอดสำหรับกำลังใจจ้าเอิ่มมม ช่วยหาผู้หญิงรุ่นๆ ดีๆ ซักคนมาใส่ในเรื่องหน่อยได้ไหมครับ รู้สึกแย่กับความคิดมิวจน เป็นห่วงนักเรียนผู้หญิงสมัยนี้เลยทีเดียว
...ผู้หญิงดีๆในเรื่องคงเหลือแต่แม่ฝิ่นกับแม่ไม้ละค่ะ
คนอ่านติติงได้เลยนะคะไม่ต้องคิดว่าคนเขียนจะท้อจะไม่พอใจรึเปล่าซีซั่นรับได้ทุกอย่าง (จริงๆอยากจะรุกบ้าง เฮ้อ...)
ขอบคุณทุกคนอ่าน ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ ^^ กอดๆจุ๊บๆ