58
คำถาม
……………………………………………………………………………………………………..
วันทำงานอีกหนึ่งวัน วันที่ต้องเอาความรู้ กับแรงงานไปแลกเงินมา ผมเดินหาวปากกว้างลงมาที่ล็อบบี้คอนโด เสื้อกาวน์ของคลินิกพาดอยู่กับไหล่ ผมเรียกเชฟหมิงที่นั่งรอผมตามเคย ช่วงนี้ผมไปส่งเชฟขึ้นบีทีเอสไปทำงานเป็นทางผ่านประจำระหว่างที่รอรถคันใหม่ของเชฟ เหมือนผมนอนไม่พอทั้งๆที่นอนพอแล้วทั้งคืน ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน พี่หมิงลุกขึ้นเดินตามผมไปลานที่ลานจอดรถหน้าตาสดชื่นตามประสาคนตื่นเช้าเป็นนิสัย นิสัยที่ผมทำแทบไม่ได้
“เป็นไง” คำถามทักทายที่ไม่รู้ว่าจะจงใจถามเรื่องไหนกันแน่ถูกถามขึ้นเมื่อผมเริ่มสตาร์ทรถ เป็นไงในที่นี้หมายถึงอารมณ์ของผม หรือเรื่องสุขภาพที่ผมรู้สึกเจ็บคอนิดๆแบบไร้สาเหตุ หรือเรื่องอื่นๆอีกมากมายที่คนอย่างพี่หมิงจะสรรหามาถาม
“ก็ดี เจ็บคออ่ะ กินไรดีจะได้หายไวๆ” คำตอบกว้างๆของผมไม่ได้เจาะจงเรื่องใดเป็นพิเศษเช่นกัน ก็ดีในทุกเรื่องๆ อารมณ์ สุขภาพ เรื่องงาน รวมถึงเรื่องอื่นที่รู้ๆกัน ก็ดี จนรู้สึกไม่แน่ใจ
“เอ้า เป็นหมอมาถามพ่อครัวมันจะได้ไหมล่ะ” เออก็ถูกของพี่หมิง แต่นี่หมอหมาไม่ถนัดรักษาคนยิ่งโดยเฉพาะตัวเองยิ่งไม่อยากรักษา
“นึกว่ามีอาหารสูตรลับกินแล้วหาย”
“ไม่มีเว้ย แล้วกันต์เป็นไง” คราวนี้เสียงถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่จงใจแหย่ผมเต็มที่ จะให้ตอบว่าไงล่ะ
“เหมือนเดิม อย่างที่เคยเห็นนั่นแหละ” ผมยังคงตอบแบบกว้างๆ ต่อไป เรื่องแบบนี้ ไม่อยากจะตอบเลย อาย เขิน ไม่รู้เป็นบ้าอะไรทั้งที่ปกติค่อนข้างจะหน้าหนาหน้าทนเรื่องความรัก แต่คราวนี้ ใครแหย่อะไร สมองผมคิดไปโน่น
“จริงดิ” แน่ะ ยังถามต่ออีก
“ถึงแล้ว” ผมหันไปพูดตัดบทกับพี่หมิง จอดรถริมฟุตบาท โบกมือบ้ายบายให้เชฟต่างด้าวพร้อมรอยยิ้มอย่างผู้ชนะที่รอดพ้นเกมคำถามตอบยาก เชฟหมิงขยับปากบ่นขมุบขมิบก่อนเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปตามฝูงชนผู้เร่งรีบในยามเช้า บ่นได้บ่นไปเหอะพี่ เอาเลย ผมไม่ได้ยิน
อีกครึ่งชั่วโมงก็ฝ่ารถติดชวนหัวเสียมาถึงคลินิก คลินิกยังไม่เปิด แต่เห็นผู้ชายตัวโต กล้ามโต กับรอยสักทั้งแขนมายืนพิงรถมอเตอร์ไซค์ฮาเลย์คันใหญ่อยู่หน้าคลีนิค มีกรงคลุมผ้าวางอยู่ข้างๆ ผมว่านี่อาจจะเป็นผู้ปกครองของคนไข้รายแรกของวันก็เป็นไปได้ ขับรถไปจอดหลังคลินิกก็เดินเข้ามาเจอหมอยศกำลังนั่งดูข่าวอ้าปากหวออยู่หน้าทีวี
“เฮ้ย เห็บหมากระโดดใส่ปากแล้ว” ผมย่องไปด้านหลังแล้วก็เอาเท้าเตะขาเก้าอี้หมอยศจนเจ้าตัวสะดุ้งเฮือก หุบปาก มองหน้าผมอย่างมาดร้ายตามสไตล์สัตวแพทย์จิตๆอย่างมัน
“มึงเงียบๆ ซิกุกำลังดูข่าว” พิลึกครับ ดูข่าว ผมเงยหน้าขึ้นไปมองจอโทรทัศน์ที่หมอยศกำลังดูอยู่ มันเป็นโฆษณา ข่าวตรงไหน สาวขาสวยกำลังทาครีมเลยเนี่ย
“ข่าวไหนของมึง ข่าวมึงอยู่บนต้นขานางแบบเหรอ นั่นแถวบ้านกุเรียกขาวนะไม่ใช่ข่าว” หมอยศยกนิ้วกลางให้ผมอย่างไม่คิดจะหันมองหน้ากันก่อน แล้วถอนหายใจเฮือก
“ข่าวตัววิ่งเว้ย เรียนจบป่ะเนี่ย หมอเถื่อน มึงซื้อปริญากับใบประกอบวิชาชีพใช่ไหม สมงสมองแม่งคิดแต่เรื่องเหี้ยๆนะมึงอ่ะ” ว่าไปนั่น นี่แค่ไม่รู้ว่าอ่านข่าวตัววิ่งยังโดนขนาดนี้ ถ้าผมเกิดโง่เรื่องอื่น มันคงด่าผมว่าขายชาติ
“แหม กุขอโทษนะ” ผมประชดมัน
“ไม่เป็นไร มึงไม่สำคัญ” ไม่พูดเปล่า ยังมีการยกมือขึ้นโบกอย่างไม่ใส่ใจ ไอ้เหี้ยยศ สักวันเหอะ แม่งจะเอางูไปปล่อยในรถมึง ผมไม่สำคัญสำหรับมึงแต่ก็น่าจะสำคัญกับใครสักคนล่ะวะ ไม่ง้อมันแล้ว ผมเข้าไปเคลียสมองพร้อมรับศึกสัตว์เลื้อยคลานสยองโลกดีกว่า เดี๋ยวคลีนิคก็จะเปิดแล้ว
“หมอธามคะ คนไข้มารอแล้วนะคะ” พี่ลินเจ้าหน้าที่ประจำเคานเตอร์เก็บเงินยิ้มหวาน
“พี่โหดน่ะเหรอ” ผมพยักหน้าไปทางประตู ที่มองออกไปก็เจอกับพี่โหดรายเดิมยืนรอคลีนิคเปิด
“งูนะหมอ”
บอกแค่งู ครับ แต่ประเด็นคืองูหลามตัวใหญ่มาก ขอเน้นว่าใหญ่เหี้ยๆ ยาวเกือบสองเมตรได้ เป็นสัตว์เลี้ยงที่เหมาะกับพี่โหดแบบไม่มีอะไรจะเหมาะไปกว่านี้ หมอคนอื่นกับเจ้าหน้าที่ไม่มีใครมาช่วย อย่างแรกพี่โหดแกเคราเฟิ้มรัศมีหน้าเกรงขามอย่างไม่น่ายุ่ง ข้อสองกลัวงูกันทั้งนั้น เพราะนอกจากผมกับหมอยศก็ไม่มีใครพิสวาสสัตว์ชนิดนี้ ดูจากสภาพภายนอกแล้วติดเชื้อเป็นแผลพองๆ อาจจะลอกคราบไม่สำเร็จก็เป็นได้ ผมเปิดกล่อง ใส่ถุงมือยางลากงูออกมาวางบนโต๊ะตรวจ พี่โหดเลื่อนประตูปิดตาม ทั้งห้องเหลือผม พี่โหดและงู
“มันเป็นไงมาไงล่ะครับเนี่ย” ผมดันแว่นขึ้น บีบปากงูให้อ้าออก ข้างในก็มีแผลพองด้วย
“กุ้งกิ้งเขาโดนหนูกัดน่ะครับ ไม่รู้มาจากไหน ยังไง แล้วก็ติดเชื้อ ผมเอายาแต้มแล้วแต่ไม่ดีขึ้นเลยหมอ” ผมเงยหน้าขึ้นยิ้มให้พี่โหด งูหลาม ยาวสองเมตร ชื่อกุ้งกิ้ง กิ้งมากพี่...
“ก็น่าจะติดเชื้อจากหนูแหละครับ เดี๋ยวผมทำแผลนะ จะฉีดยาให้”
“ไม่ตายใช่ไหมหมอ”
“ไม่ตายครับ ถ้าไม่ปล่อยมันทิ้งอดอาหารแล้วก็เอาไม้ทุบมัน ก็ไม่ตายครับพี่” เข้าใจอารมณ์คนพามารักษาว่าเขาก็ห่วงแต่สำหรับหมออย่างผมที่เจอมานับไม่ถ้วน มันรอดแน่ครับแบบนี้ ทีงูพี่กันต์สภาพโคตรวิ่นฝีมือไอ้หมาสี่ตัวยังรอดเลย
“แน่นะหมอ” สายตาพี่โหดมองมาเหมือนจะปรามว่าหมออย่ากวนตีน แต่ก็ยังพอจะให้เกียรติในฐานะผมเป็นหมออยู่บ้าง
“เอาขี้มาปาหมอเลยครับ ถ้าทำตามที่หมอบอกแล้วมันตาย” เผลอพูดหาเรื่องตัวเองไปแล้วไง เกิดตายห่าจริงสงสัยพี่แกขับรถดูดส้วมมาราดแน่ไม่แค่ปา พี่โหดยิ้มแห้งๆจนหนวดกระตุก
“หมอเคยรักษางูไหม” นั่นไง เกิดอาการไม่เชื่อใจกัน ตั้งแต่โกนหนวดโกนเคราแล้วตีหน้าซื่อคนไข้ถามประจำครับว่าผมถนัดด้านสัตว์เลื้อยคลานจริงหรือ หน้าผมอาจจะไม่ให้แต่ก็ใจรักในสายงานด้านนี้นะครับ
“ถนัดไม่ถนัดเพื่อนก็เรียกว่าหมอเหี้ยน่ะครับ สัตว์เลื้อยคลานผ่านมือผมหมดครับคลีนิคนี้” ถ้าไม่บังเอิญติดสัตวแพทย์ผมอาจจะได้เป็นตลกนะ พี่โหดหัวเราะเบาๆ เบามาก จนเหมือนคำราม เอาเป็นว่าผมจะตั้งหน้าตั้งตารักษางูโดยไม่กวนตีนเจ้าของงูอีกต่อไปเพื่อรักษาชีวิตทั้งงูและผม ไม่เหมือนเจ้าของงูตัวรุ่งริ่งครั้งโน้น ที่เหมือนจะเป็นฝ่ายกวนจนผมต้องเงียบเองซิน่า
ผมฉีดยาให้กุ้งกิ้งงูหลามเผือกตัวยาว สอนพี่โหดทายาให้งู พี่โหดแกก็ถามไปเรื่อย จนทำแผลอเสร็จเขียนใบสั่งยาให้เสร็จก็เป็นตากล้องถ่ายรูปพี่โหดคู่กับงูอัพลงโซเชียลเน็ตเวิร์ค เอาเป็นว่าใช้กันคุ้มเงินที่จ่าย
“ขอบคุณหมอ นี่มีเมียยังเนี่ย หน้ายังเด็ก” คิดเอาแล้วกันครับว่ารักษานานขนาดไหน นานจนพี่โหดแกถามเรื่องชีวิตคู่ผม
“ยังครับ ตอนนี้กำลังชิล” ผมตอบกลั้วหัวเราะ ไม่มีหรอกเมียก็ตอนนี้อยู่กับพี่กันต์ก็ชิลดี ยังไม่ได้เป็นอะไรก็ขอนับว่าเป็นรุ่นพี่ที่ผมรักและเคารพไปก่อนแล้วกันนะพี่กันต์
ใกล้เที่ยงท้องร้องโครกครากอย่างไม่น่าให้อภัย รู้สึกว่าอยากลองกัดหมากัดแมวในคลินิกกินรองท้องไปก่อน คนไข้ไม่มี แต่ยังออกไปกินข้าวไม่ได้ ต้องรอเวลาพักอีกหนึ่งชั่วโมง ผมซดกาแฟรอไปก่อน เปิดแอปพลิเคชั่นแชร์รูปภาพขึ้นมา ส่องชีวิตชาวบ้านแก้เซ็งก็เจอยูเซอร์คุ้นเคยกันดี อัพรูปมาล่าสุด kanar. ที่อ่านเป็นภาษาไทยแบบเกรียนๆว่าคันอ่ะ แต่จริงๆคือชื่อ กันต์ ส่วนเอกับอาร์มันเป็นส่วนประกอบนามสกุลของพี่กันต์ รูปที่พี่แกอัพคือภาพหน้าจอแจ้งเกรดที่เลือนรางอ่านไม่ออก มีคำอธิบายใต้ภาพว่า
‘แม้หุ้นจะขึ้นเท่าไหร่ แต่เกรดนักศึกษาวิชาผมก็ยังตกอยู่ดี... ขอโทษนะนักศึกษา พี่พยายามแล้ว’
คนกดไลค์กันกระจาย มีสองสามคอมเม้นต์ทำหน้าร้องไห้ ไม่ต้องบอกก็คงเป็นนักศึกษาที่พี่กันต์สอนอย่างแน่แท้ เป็นอาจารย์ที่น่าหมั่นไส้และไม่น่าให้อภัย ผมอยากจะเขียนอะไรลงไปแต่ก็ไม่ดีกว่า เลือกที่จะนั่งยิ้มขำๆกับรูปและคำอธิบาย เลื่อนลงมาด้านล่างๆก็เจอกับไอ้หนึ่งนายธนาคารรักเด็กอีกแล้ว อัพรูปตัวเองป้อนข้าวเช้าให้หลาน ลงมาเรื่อยๆก็เป็นของคนรู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง จนมาถึงรูปที่พี่กันต์อัพเมื่อคืนรูปเตียงที่เต็มไปด้วยหมอน และผ้าห่มกับหน้าเจ้าของเตียงโผล่มาอีกครึ่ง ผมสีน้ำตาลเข้มยุ่งเหยิงพึ่งตื่นนอน สายตาในรูปอบอุ่นใจดีตามสไตล์ อย่างกับโฆษณาเตียงนอน
รอ ; ]
คำอธิบายรูปสั้นๆคำเดียวแต่ไม่รู้ทำไม รู้สึกคันแก้มพิลึก ความหมายแปลกๆแฝงเอาไว้ในการกระทำ เลื่อนดูคอมเม้นก็กระแสดีตามคาด ทั้งผู้หญิงผู้ชายเสนอตัวเต็มที่ บางคนก็ถามว่ารออะไร พี่กันต์ก็ตอบชาวบ้านไปตามสไตล์สองแง่สองง่าม ผมพิมพ์คอมเม้น กำลังจะกดส่งแต่ก็ลบออกไปจนหมด เปลี่ยนใจกะทันหัน ไม่พิมพ์อะไรกลับไปทั้งนั้น แค่กดไลค์เข้าไปเป็นพอละ
นั่งนิ่งสักพัก คนไข้รายต่อไปก็มาทั้งกรง ลูกแมวสี่ตัว ฉีดวัคซีน ปกติผมไม่ค่อยได้ฉีดยาลูกหมาลูกแมวแต่ก็มีในบางทีที่หมอคนอื่นไม่อยู่และบางทีก็ผมว่างอยู่พอดี ก็เลยเจอ เจ้าของฝูงแมวเป็นคุณหญิงป้าท่านหนึ่งครับ ตัดผมสั้น แต่งตัวดี มีภูมิฐาน ตามสไตล์เจ้าป้าคลั่งแมว ผมยิ้มหวานเชิญให้คุณหญิงป้านั่ง
“พาเด็กๆมาตรวจสุขภาพแล้วก็ฉีดยาค่ะคุณหมอ” เรียกเด็กๆซะด้วย ลูกแมวขนปุยสีขาวล้วนทั้งสี่ตัวครับ หน้าตาแบบแมวผู้ดีมีสกุล ท่าทางจะเชื่อง
“ลูกผสมเปอร์เซียเหรอครับ” ผมชวนคุณหญิงป้าคุย ถนัดนักล่ะเรื่องเอาใจสาวแก่น่ะผม
“ค่ะออกมาสีขาวหมด แต่อาจจะยกให้คนอื่น ป้าเลี้ยงไม่ไหวจริงๆ หมอชอบแมวไหมคะ” คุณหญิงป้ายิ้มหวาน เป็นคุณหญิงป้าสไตล์ไม่ใช่แบบหญิงป้าน่ากลัว แต่เป็นสไตล์คุณหญิงป้าผู้กุมอำนาจครับ อารมณ์เหมือนพวกCEOบริษัท คำพูดคำจาก็เหมือนเจรจาธุรกิจกับผมอยู่แบบนั้นแหละ
“ชอบหมดล่ะครับ หมา แมว นก หนู งู จระเข้” อาชีพนี้ไม่ชอบสัตว์ก็ไม่ไหวละมั้งคุณหญิงป้า ผมพูดแล้วเดินไปเปิดตู้ยาจับแมวมาเรียงคิวฉีดทีละตัว ลูกแมวสี่ตัว สบายๆมากสำหรับผม ไม่ต้องมีคนช่วย จระเข้ยังผ่านมาได้ กับแมวนี่เบาๆใสๆครับ ฉีดยาไป คุณหญิงป้าก็มองผมไป มองแบบแปลกๆด้วยนะครับ มองเหมือนพิจารณาอะไรสักอย่าง
“คุณป้ามีอะไรหรือเปล่าครับ”
“คุณหมอยังเด็กนะคะ พึ่งจบรึเปล่า”
“ครับ พึ่งจบไม่นาน” ผมตอบยิ้มๆ ผมหน้าเด็กล่ะซิ ให้ใส่ชุดมัธยมก็ยังพอเนียนได่นะครับคุณป้า
“อายุราวๆลูกชายป้าเลยค่ะ จบที่ไหนมาคะ” คุณหญิงป้ายิ้มใจดี เป็นคุณป้าที่ยิ้มเก่งกว่าป้าปกติครับ ผมก็ตอบไปฉีดยาเด็กๆสี่ตัวไป คุณป้าพยักหน้ารับแล้วก็ส่งเสียงอือออ เหมือนพอใจอะไรสักอย่าง เจ้าแมวสี่นี่ก็นิ่งให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไอ้พวกสัตว์เลื้อยควานไม่เห็นเป็นแบบนี้บ้าง ทำไมก็ไม่รู้ ต้องพึ่งยาตลอด
“เสร็จแล้วครับ”
“เร็วจัง ว่าจะชวนคุณหมอคุยสักหน่อย” โถคุณป้า ผมไม่รับทุนการศึกษาเพิ่มนะครับ ป้าคิดอะไรกับผมรึเปล่าเนี่ย
“งั้นต้องว่าเด็กๆสี่ตัวแล้วครับ นิ่งมาก ท่าทางจะไม่ซน”
“คุณหมออยากได้ไปเลี้ยงไหมละคะ ป้ายกให้ตัวนึง ที่บ้านป้ามีเยอะมาก ลูกชายบ่นใหญ่ว่าเหมือนเป็นบ้านแมว จะแจกไปสักสามตัว เก็บตัวเดียวพอ” นั่นไง ตามสเตป ต่อให้น่ารักขนาดไหนผมก็เลี้ยงไม่ได้หรอกครับ
“ผมอยู่คอนโดครับคุณป้า เลี้ยงลำบาก”
“แหมเสียดายนะคะ”
“ครับ แต่แมวน่ารักๆแบบนี้คงมีคนอยากรับไปเลี้ยงเยอะนะครับ คุณป้ารอชำระเงินที่ด้านหน้านะครับ มีอาการอะไรผิดปกติน่าสงสัยก็ให้รีบพามานะครับ บางทีแมวอาจจะแพ้วัคซีน แต่ปกติแล้วหลังรับวัคซีนแมวจะนิ่งๆซึมๆสักพักครับ แต่ถ้านานเกินก็พามาหาหมออีกรอบนะครับ” ตอนอยู่ในหน้าที่ผมก็ดูดีมีภูมิฐานสติเต็มอยู่หรอกนะ แต่พอออกเวลางานก็เหมือนทิ้งสติเอาไว้ในคลินิก
“ป้าขอนามบัตรคุณหมอได้ไหมคะ เผื่อมีอาการอะไรป้าจะได้โทรถาม”
“นี่ครับ” ผมหยิบนามบัตรในโต๊ะส่งให้คุณหญิงป้า
“นามสกุลเพราะนะคะคุณหมอ แต่งงานรึยังคะเนี่ย” เสียงถามแกมหยอกเย้าของหญิงสูงวัยดูไม่น่าเกลียดละลาบละล้วง แต่เหมือนเป็นคำถามตามปกติของผู้ใหญ่วัยนี้ที่ชอบถามไปเรื่อยมากกว่า ว่าแต่วันนี้วันอะไร ทำไมมีแต่คนถามเรื่องแต่งงาน เรื่องแฟน
“ไม่มีคนให้แต่งด้วยหรอกครับ” ถึงมีก็แต่งไม่ได้ล่ะมั้ง
“คุณหมอก็พูดไป นี่นามบัตรป้าค่ะ” พิลึก มีแลกนามบัตรคืนด้วย แต่ผมก็ใช่ว่าจะไม่เคยเจอ ผมกวาดตามองชื่อนามสกุลที่พิมพ์เป็นภาษาอังกฤษล้วนทั้งนามบัตร เหมือนได้ยินเสียงอะไรชนหนักๆในหัว เส้นประสารทกระตุก คิ้วขมวด ลางสังหรณ์บางอย่างชักจะเริ่มส่งกลิ่นชวนผวา
นามสกุลคุณป้า... คุณป้าเป็นอะไรกับพี่กันต์ครับ...
“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มรับ คำถามที่อยากถามว่าทำไมนามสกุลคุณหญิงป้าคุ้นก็ไม่กล้าถาม กลัวมันใช่ รู้ว่านามสกุลนี้เขาดัง นามสกุลนี้ตระกูลใหญ่ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าอาจจะใช่ คุณหญิงป้าหิ้วกรงแมวออกไปแล้ว เจ้าแมวน้อยตัวนึงส่งเสียงเมี้ยวๆ เหมือนจะบอกลา ไอ้ผมก้บ้าจี้โบกมือบ้ายบายให้แมวตาแป๋วที่ชะโงกหน้าลอกกรงซี่ห่างออกมา ประตูเลื่อนปิด ผมเปิดคอมทันที นึกถึงเรื่องที่เจ้แป้งพูดให้ฟังแต่ยังไม่ได้ไปดูสักที
...แม่พี่กันต์สัมภาษณ์ลงนิตยสาร
ผมพิมพ์นามสกุล แล้วก็ชื่อหัวนิตยสารลงไปกดค้นหา ผลการค้นหาเยอะมาก แต่ทุกลิงค์ มีเนื้อหาเดียวกัน ผมไม่อยากจะหันไปมองนามบัตรอีกรอบ กลัวว่ามันจะตรงกันเกินไป ตัดสินใจกดเข้าเว็บแรกสุด รูปถ่ายครบครอบครัวขึ้นมาก่อนจะเห็นเนื้อหาบทความ ลูกชายสามคนยืนข้างหลังหญิงสูงวัยแต่งตัวภูมิฐาน...
ซ้ายสุดพี่กฤษณ์ คนตรงกลางคือน้องก้อง และริมขวาคือพี่กันต์ คนที่นั่งอยู่โดยมีสามหนุ่มเป็นฉากหลังก็หน้าตาตัวจริงกับในรูปไม่ต่างกันสักนิด
แม่พี่กันต์ ชัดเลย!
ปวดหัวตุบ นี่มันอะไรกันวะเฮ้ย ที่มานี่รู้ไหมว่าผมเป็นใคร พี่กันต์ได้เอาไปพูด หรือใครสักคนในบ้านได้เอาไปเล่าให้ฟังหรือยัง ที่สำคัญจงใจมา หรือบังเอิญ!
………………………………………………………………………….
วันนี้ทั้งวันที่เหลือผมนิ่งครับ ตายสนิทเลย เข้าใจอารมณ์ไหมครับว่าผมมรู้ว่าแม่พี่กันต์มาได้ไง มาเจอเพราะบังเอิญจริงๆ หรือจงใจจะมาดูหน้าผม ผมยังช็อค ไม่ช็อคได้ไงครับ ก็เล่นมีเบื้องหลังกับลูกชายเขา แถมไม่ใช่เบื้องหลังแบบพากันไปทำอะไรเลวๆนะครับ แต่เบื้องหลังแบบลึกซึ้งซับซ้อน เป็นใครจะหน้าระรื่นอยู่ได้ ลองคิดมาว่าถ้าอาม่ามาเจอพี่กันต์ผมก็เหงื่อแตกแล้วครับ หาทางออกให้ชีวิตไม่ได้ พยายามไม่คิดเรื่องที่มันนอกเหนือผมกับพี่กันต์แล้วนะจะได้เครียด แต่เหมือนยิ่งพยายามไม่นึกถึงมันก็ยิ่งคืบเข้ามาเรื่อยๆ
“มึงเป็นไรวะ เห็นนิ่งตั้งแต่เที่ยงละ” หมอยศแสดงความเป็นห่วงเป็นใย เวลาเลิกงานแล้วครับ คลินิกปิด ผมนั่งนิ่งหลังโต๊ะทำงานตัวเอง หน้านิ่วคิ้วขมวด
“กุเบลอเฉยๆ” ตอแหลกันหน้าด้านๆ เบลออะไรผมจะนั่งหน้าเครียดขนาดนี้
“เบลอมึงก็กลับบ้านไปนอนดิ นั่งเฉยทำห่าอะไรของมึงวะ” ถูกของมันว่ะ
“เออ ถูกๆ” ว่าแล้วผมก็ถอดเสื้อกาวน์ คว้ากระเป๋าเดินสวนหมอยศออกไปอย่างรวดเร็ว โบกมือลาเพื่อนร่วมงาน แต่ยังไม่ทันสตาร์ทรถออกจากคลินิก พี่กันต์ก็โทรเข้า
“เลิกงานยัง”
“ยังอ่ะ” ผมตอบแบบนี้ทำไม ไม่เข้าใจ...
“เอ้าเหรอ งั้นเลิกงานแล้วไปหาไรกินกันเหอะ คิดถึง” เสียงใจดี ร่าเริง ยิ้มในใจแต่หน้ากลับยิ้มไม่ออก
“ไม่รู้ว่าเลิกตอนไหน เดี๋ยวธามไปหาที่บ้านแล้วกัน แค่นี้ก่อนนะ”
...โกหกพี่กันต์ไปแล้ว ไม่รู้เพราะอะไร แต่ก็โกหกไปแล้ว... นี่ผมเป็นอะไรวะ ทำไมต้องตอบแบบนี้
................................................................................................. .7-10-2012
เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย มาแล้วววว ไงล่ะ ยะฮู้ววววววววว
บทนี้อาจจะยังแปลกๆไหมไม่รู้ ไม่ได้เขียนมานาน เอาชีวิตรอดมาจนถึงปิดเทอมจนได้อ่ะ

พูดเลยวว่าเทอมที่ผ่านมาแม่งนรกแท้

ขอบคุณทุกคนมากๆที่ยังรอกันอย่างเหนียวแน่น ตั้งแต่หลายเดือนที่แล้ว จนเรามาส่งข่าว และจนเรามาอัพตอนที่แล้ว ดีใจจริงๆที่ยังรอกัน ขอบคุณฮ่ะ เห็นว่ามีการโหวตเซงเป็ดอวอร์ดด้วยแอบไปดูมา มีคนโหวตเรื่องนี้ด้วยแฮะ ดีใจอ่ะ นึกว่าจะลืมกันไปแล้ว ใครยังไม่โหวตก็ฝากเผื่อเรื่องนี้ลงไปในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะตัวเอง
แม่พี่กันต์มาได้ไง มากับใคร อะไร งงไหม โปรดติดตามกันต่อไป เรารักนะเธอทุกคนจุบุ
ปล.คาดว่าจะมาอัพได้สักวันเว้นวันไม่ก็สองวันครั้ง เพราะยังมีงานเล็กๆน้อยอยู่ แต่ก็ถือว่ากลับมาละจ้า