เนื่องจากคุณคนอ่านบอกว่า ไอ้การสลับสีไปมามันงง
อ่านลำบาก น้องพิตก็เลยคิดว่าเอาแบบนี้ดีกว่า
เอาสีเดียวกัน แต่จะวงเล็บไว้ให้ว่าใครบรรยาย
ดีกว่าเนาะ
พร้อมนลยังคะ พร้อมแล้วก็ไปอ่านกันเลยจร้า
ตอน 5
ผมลืมตาขึ้นหลังจากแน่ใจว่าคนข้างๆนอนหลับไปแล้ว
“ขอโทษ” ผมแต่บอกเขาเบาๆพลางซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดอุ่น
ผมตื่นขึ้นมาราวๆ9โมงพร้อมๆกับข้างกายที่ว่างเปล่า เซ้นส์คงตื่นนานแล้ว วันนี้เราสองคนคงต้องกลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงซะทีโลกที่ผมกับเขาคงไม่มีทางมาเจอกันผมออกมาจากห้องหลังจากอาบน้ำแต่งตัวจัดประเป๋าเรียบร้อยโดยเซ้นส์นั่งรอผมที่ห้องรับแขก
“จะไปทำงานเหรอ กินข้าวเช้าก่อนไหมกัน” เขายังคงยิ้มให้ผมเหมือนเดิมทุกวันแต่เป็นผมที่ทนเห็นรอยยิ้มเขาไม่ได้ถ้าเขารู้ว่าผมจะพูดอะไรเขาจะยิ้มให้ผมอีกหรือเปล่า
“ไม่ล่ะ ผมว่าเราเข้าเรื่องเลยดีกว่า”
“ครับ ผมพร้อมแล้วล่ะ”
“คุณภาสวิชครับ ผมว่าถึงเวลาที่เราสองคนต้องกลับสู่โลกแห่งความจริงสักที ผมขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำให้ผมแต่ผมคงรับมันไว้ไม่ได้ ผมขอโทษนะครับ”
“ครับ ผมเข้าใจ” เขายิ้มตอบมันกลับยิ่งทำให้ผมรู้สึกละอายใจ ได้โปรดอย่ามาดีกับผมอีกเลย คนเห็นแก่ตัวอย่างผมไม่คู่ควรกับความรักของเซ้นส์สักนิด
“กันจะกลับยังไงให้ผมไปส่งไหม”
“อย่าเลยดีกว่า ผมกลับเองได้” ผมตอบก่อนจะเดินออกจากห้องก่อนที่น้ำตาที่เก็บมานานจะไหลออกมา ผมเป็นอะไรไปครับ ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนจะขาดใจแบบนี้ ผมเลือกเองไม่ใช่เหรอทำไมผมถึงเจ็บปวดล่ะ
‘เซ้นส์เลิกรักกันเถอะนะ กันขอโทษ กันเห็นแก่ตัวเกินไป กันไม่มีค่าให้เซ้นส์รักสักนิด’ ผมได้แต่บอกเซ้นส์ในใจตั้งแต่วินาทีนี้ผมคงไม่มีหน้าไปเจอเซ้นส์อีกแล้ว เราสองคนคงกลายเป็นเส้นขนาดตลอดไป
(ภาคโอ๋)
“หมวดครับผมว่าผู้กองแกแปลกๆนะครับ” จ่าเวชเดินมาพูดกับผมหลังออกมาจากห้องพี่กัน
“สงสัยจะอกหักมั้งครับจ่า เห็นแกเหม่อมาทั้งอาทิตย์”
“ฝากหมวดพูดกับแกหน่อยนะครับ ผมยอมปวดหัวกับผู้กองจอมดื้อดีกว่าเจอผู้กองที่ซึมแบบนี้”
“ผมจะลองดูนะจ่าแต่จ่าก็รู้ว่าผู้กองของจ่าหัวดื้อแค่ไหน”ผมรับปากจ่าเวชอย่างจำยอมอันที่จริงผมก็ไม่สบายใจเหมือนกันที่เห็นพี่กันเป็นแบบนี้บอกตามตรงว่าไม่ชิน เฮ้อ พิษรักเนี่ยมันส่งผลร้ายแรงกว่าที่คิดนะครับ
ผมเดินเข้าไปในห้องทำงานของคนที่นั่งเหม่อไม่เลิกโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวสักนิดซึ่งมันผิดวิสัยตำรวจเพราะปกติแค่ปากกาตกพี่กันก็รู้ตัวแล้วแต่นี่ผมเดินมาจนแทบจะชนอยู่แล้วยังไม่รู้สึกตัวเลย สงสัยจะอาการหนักกว่าที่คิดครับ
“พี่กัน”
“อ้าว โอ๋มีอะไรเหรอ”พี่กันยิ้มตอบแต่ผมว่ามันดูฝืนๆนะครับ
“มีอะไรจะระบายกับผมไหมพี่”
“ไม่มี พี่สบายดียังกินนอนได้ สบายมาก”
“ผมรู้ว่าพี่ใช้ชีวิตเหมือนเดิมแต่ที่ไม่เหมือนคือตอนนี้พี่ใช้ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์เข้าไปทุกวันแล้วรู้ไหม ผมอยากได้พี่กันคนเดิม คนที่ขี้เล่น จอมดื้อคนนั้นกลับมาไม่ใช่พี่กันที่ใช้ชีวิตไปวันๆเหมือนหุ่นยนต์ที่ไร้หัวใจแบบนี้ พวกเราทุกคนเป็นห่วงพี่นะครับผมรู้ว่าพี่เป็นคนเข้มแข็งแต่ไม่ใช่ว่าพี่จะอ่อนแอไม่ได้นะครับ”
“พี่ขอบใจโอ๋มากนะที่เป็นห่วงแต่พี่ไม่เป็นไรจริงๆ” ผมได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆ พี่กันยังหัวดื้อเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนผมคงช่วยได้แค่นี้ล่ะครับที่เหลือคงต้องปล่อยเป็นเรื่องของโชคชะตาล้วนๆ
ผมกลับมานั่งเหม่ออีกครั้งหลังจากที่โอ๋เดินออกไปผมรู้นะครับว่าทุกคนเป็นห่วงผมมากขนาดไหนแต่ผมเป็นคนเลือกมันเองผมต้องอยู่กับมันให้ได้ ผมหยิบโทรศัพท์พลางเปิดดูข้อความที่เขาเคยส่งมาขอบตาเริ่มร้อนผ่าวก่อนที่จะน้ำใสๆจะไหลออกมา
“ฮึกๆๆ ไอ้บ้ากามเอ้ย ทำไมฉันต้องมานั่งร้องไห้เพราะคิดถึงนายด้วยเนี่ย”
ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูทำให้ผมต้องรีบเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆ หึ ถ้าลูกน้องผมมาเห็นว่าตำรวจหนุ่มสุดเท่อย่างผมร้องไห้คงขายหน้าน่าดู
“เชิญ”
“ผู้กองครับสายรายงานมาว่าคืนนี้จะมีการส่งของตอนเที่ยงคืนที่ท่าเรือครับ”
“เรียกประชุมด่วนเลยนะหมู่ คืนนี้มีลุย”
23.30 น ผมและลูกน้องดักซุ่มดูคนร้ายที่ท่าเรือแห่งหนึ่ง
“ผู้กองครับพวกมันเริ่มเคลื่อนไหวแล้วครับ”
“บอกทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมนะจ่า ได้รับสัญญาณจากผมเมื่อไหร่ก็ลุยทันที”
“ครับ” จ่าเวชรับคำก่อนจะหันไปบอกทุกคนให้แยกย้ายไปประจำจุด
“เดี๋ยวก่อนหมู่สิน”ผมเรียกลูกทีมคนนึงให้หยุด
“อะไรครับผู้กอง”
“ทำไมหมู่ไม่ใส่เสื้อกันกระสุนมา”
“อ่อคือผม ลืมน่ะครับ”
“คราวหน้าห้ามลืมนะหมู่ อาชีพอย่างเรามันเสี่ยงนะถ้าเกิดหมู่เป็นอะไรไปลูกเมียจะอยู่ยังไง”ผมร่ายยาวก่อนจะถอดเสื้อกันกระสุนของตัวเองให้หมู่สิน
“ใส่ไว้นะหมู่”
“แล้วผู้กองล่ะครับ”
“ผมไม่ตายง่ายๆหรอกมือชั้นนี้แล้ว” ผมพูดก่อนจะสั่งให้ทุกคนไปประจำที่อีกครั้ง
“เสือดาวเรียกหมาป่า ว2” เสียงวิทยุจากจ่าเวชดังขึ้นเป็นสัญญาณบอกว่าเป้าหมายมีการเคลื่อนไหว
“หมาป่า ว2”
“เป้าหมายมีการเคลื่อนไหวแล้ว ขอทราบคำสั่งด่วน”
“ขอให้ทุกคนบุกได้ทันทีย้ำบุกได้ทันที”
“รับทราบ” เสียงในวิทยุตอบกลับก่อนที่ทุกคนบุกเข้าไปทันที เสียงปืนดังสนั่นเหมือนฉากในหนังเอ็กชั่นแต่ต่างกันตรงที่ถ้าพลาดมันหมายถึงคุณอาจไม่มีโอกาสแก้ตัว
ปังๆๆๆ เสียงปืนที่ดังสนั่นอยู่รอบตัว จนผมต้องหลบห่ากระสุนตามที่ต่างๆเพื่อจะเข้าไปใกล้ของกลางให้ได้
“ผู้กองระวัง!!”เสียงของจ่าเวชดังขึ้นแต่ยังช้ากว่าความเร็วของกระสุนที่ยิงผ่านกระบอกปืนของคนร้าย
ปัง! เสียงที่เปรียบเหมือนมัจจุราชดังขึ้นก่อนที่กระสุนจะวิ่งเข้าที่หน้าอกข้างของซ้ายผม ผมตัดสินใจใช้แรงเฮือกสุดท้ายยิงสวนออกไปทำให้คนร้ายแน่นิ่งทันที
“ผู้กองไหวไหมครับ”
“ทุกคนปลอดภัยไหมจ่า”
“ทุกคนปลอดภัยครับ ตอนนี้เราควบคุมสถานการณ์ได้หมดแล้ว”
“ดีแล้วล่ะ” ผมยิ้มก่อนที่สติจะดับวูบไปแต่ในความทรงจำสุดท้ายคนที่ผมคิดถึงทำไมเป็นเขาคนนั้นนะถ้าวันนี้ผมต้องตายผมแค่ต้องการบอกเขาสักครั้ง บอกถึงคำที่ผมเก็บมันเอาไว้มานาน
‘กันรักเซ้นส์นะ’
ตัดฉับ ฮ่าๆๆ ไปดีกว่า อิอิ