ตอนที่ 23“ฮอยฮักเช้าแล้วนะ ตื่นได้แล้วครับ”
“ฮักครับ ตื่นได้แล้วครับ”
เสียงปลุกอันอ่อนโยนและแรงเขย่าตัวเบาๆ ทำให้ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ภาพตรงหน้าเบลอผมกระพริบตาปรับภาพให้ชัดเจนขึ้น ชายหนุ่มเสื้อกล้ามขาวส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ ผมชะงักตัวมองอีกฝ่ายอย่างงุนงง วินเซอร์...หรือเปล่าวะ? คิดในใจอย่างสงสัย วินเซอร์ไม่น่าจะทำอะไรที่ดูจะเป็นหนุ่มแสนดีแบบนี้นี่น่า? ผมลุกขึ้นกุมขมับ
“ฮักเป็นอะไร? ปวดหัวเหรอ?”เขาเข้ามาแตะไหล่ของผมแล้วถามอย่างห่วงใย ผมชะงักตัวหันไปมองหน้าหล่อเหลาที่เลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นคำถาม กระพริบตาปริบๆ เอ่อ หรือว่าตอนตื่นขึ้นมามันเดินชนเสาก็เลยความจำเสื่อม? ผมยังคงมองหน้าไอ้วินเซอร์นิ่ง
“เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“เปล่า”
“ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม?”
“ไม่”ผมขยับตัวลงจากเตียง อืม...รู้สึกสดชื่นพิลึกแฮะ ตัวก็เบาๆ สบายตัวอีกแน่ะ ผมยืนบิดตัวเหยียดร่างกายรับแสงอาทิตย์ยามเช้า วินเซอร์เดินไปเปิดผ้าม่านตรงระเบียงแล้วเปิดประตูระเบียงรับลมเย็นๆ จากทะเล ผมเดินมายืนรับลมยามเช้าจากทะเลตรงระเบียงอยู่สักพักวินเซอร์ก็เดินมาบอก
“อาบน้ำได้แล้วฮัก ฉันทำข้าวเช้าไว้แล้ว เดี๋ยวเย็นหมด”
“...”
แปลกๆ แฮะ“มีอะไร?”
“เปล่า”ผมส่ายหน้าปฏิเสธแต่แอบมองอีกฝ่ายอย่างสงสัยและงุนงง วินเซอร์กำลังจะเดินออกไปจากห้องแต่ก็หันกลับมาเสียก่อน
“แน่ใจนะว่าไม่ได้เจ็บตรงไหน?”
“ไม่นี่ สบายดีทุกส่วน”ผมยืนยันเสียงหนักแน่น ทำไมต้องถามหลายครั้งขนาดนั้นด้วยวะ ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่น่า รู้สึกสดชื่นและเบาตัวกว่าทุกวันอีกนะ วินเซอร์ยืนอึ้งเงียบก่อนจะหัวเราะเสียงทุ้ม
“...นายนี่แข็งแรงดีนะ”เขาทำสายตากรุ้มกริ่มส่งมาให้ผมอย่างมีเลศนัย ผมก็หน้าแดงทันที เจ้าบ้า! รู้นะโว้ยว่าคิดอะไรอยู่ แต่ก็แปลกแฮะไหนพี่ลอนดอนบอกว่าครั้งแรกเนี่ยบางคนนอนซมเป็นไข้เลยด้วยซ้ำแต่ทำไมผมถึงอาการตรงกันข้ามแบบนี้เนี่ย ครุ่นคิดเรื่องนี้ไม่ตก เสียงฝีเท้าของวินเซอร์ก็หายลงไปข้างล่าง ผมจึงตัดใจไม่คิดเรื่องนี้ให้หนักสมอง ดีแล้วที่ไม่ได้เป็นอะไร
ผมเดินมาเปิดตู้หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วถอดชุดนอนออกจากตัว ช่างเป็นชุดนอนที่ถอดได้ง่ายจริงๆ ผมประชดในใจเมื่อคิดถึงเจ้าคนเตรียมชุดนี้มาให้ เฮอะๆ เจตนาจะชัดเจนไปไหนเนี่ย ไอ้ตัวหื่น! ผมเดินเข้าห้องน้ำมาล้างหน้าแปรงฟันที่อ่างล้างหน้า หยิบแปรงสีฟันที่ไม่รู้มันโผล่มาได้ยังไงทั้งๆ ที่กระเป๋าเสื้อผ้าหายสาบสูญ!
ระหว่างแปรงฟันตาเหลือบไปมองข้างๆ แล้วหน้าร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่โดนทำอะไรบ้างตรงอ่างล้างมือนี้ บ้วนปากล้างหน้าเสร็จก็เดินมายืนใต้ฝักบัวค่อยๆ เปิดน้ำให้ไหลผ่านตัวจนเปียกชุ่มไปทั้งตัว สังเกตเห็นตามผิวมีร่องรอยแดงเป็นจ้ำๆ อยู่เต็มไปหมด ไม่ว่าบริเวณไหนก็มีแต่ร่องรอยวินเซอร์ฝากไว้ คิดถึงคนที่ฝากรอยรักไว้จู่ๆ หัวใจก็เต้นเสียงดังตุ้บๆ ขึ้นมา ขนาดเจ้าตัวอยู่ใกล้แค่นี้ก็ไม่วายจะคิดถึงจนได้ ผมเหลือบสายตาไปมองหน้าห้องน้ำที่มีเจ้าคนที่ผมกำลังคิดถึงยืนเกาะขอบประตูมองเข้ามา
“มีอะไร?”
“พวกรีเบคโก้มาแล้ว นายเองก็รีบๆ อาบน้ำเถอะ เช้าๆ แบบนี้เดี๋ยวเป็นหวัด”วินเซอร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบเป็นปกติ ผมพยักหน้ารับรู้แล้วกลับมาอาบน้ำเหมือนเดิมแต่คนที่อยู่หน้าห้องก็ยังไม่ขยับไปไหน ผมเอี้ยวตัวกลับไปมองพูดประชดออกไปเบาๆ
“คนกำลังอาบน้ำมีอะไรให้มองนักหนา”
“หรือสนใจจะอาบให้ล่ะ?”ผมส่งยิ้มนิดๆ แล้วหยิบขวดสบู่เหลวทำท่ายื่นส่งให้ วินเซอร์ขยับตัวยืนตรงแล้วส่ายหน้าไปมา
“ยั่วแต่เช้าเลยนะฮอยฮัก”
“แล้วไง ยั่วแต่นายคนเดียวหรอก”
“...หึ นายนี่มันปีศาจชัดๆ”
“ปีศาจก็ต้องคู่กับปีศาจ จริงไหม?”
“นายว่าฉันเป็นปีศาจงั้นเหรอ?”วินเซอร์ถอดเสื้อกล้ามสีขาวโยนทิ้งลงพื้นแล้วปลดกางเกงตามไปอย่างรวดเร็ว เขาเงยหน้าขึ้นมาถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ ผมยักไหล่
“แล้วแต่จะคิด”
“เป็นปีศาจก็ได้ นายให้เป็นอะไรก็เป็นล่ะกัน”วินเซอร์เดินเข้ามาในห้องน้ำด้วยร่างที่เปลือยเปล่าเขาเดินเข้ามากอดผมจากด้านหลังไว้หลวมๆ ก่อนจะใช้จมูกซุกไซ้ซอกคอของผมแล้วพรมจูบหัวไหล่ของผม ริมฝีปากบางยกขึ้นมาประทับขมับแล้วจูบแก้มไล้ริมฝีปากมาขบติ่งหูของผมเบาๆ วินเซอร์บ่นพึมพำ
“เจ้าพวกนั้นหิวไส้กิ่วแน่ๆ”
“นายก็อาบเร็วๆ สิ เดี๋ยวเป็นหวัด”ผมเอาประโยคของอีกฝ่ายมาพูดล้อ วินเซอร์หัวเราะในลำคอข้างหูของผมรู้สึกจั๊กจี้พิลึก วินเซอร์เอื้อมมือไปปิดฝักบัวแล้วฉวยขวดสบู่ในมือของผมไปบีบในฝ่ามือของตัวเอง จากนั้นก็ถูสบู่จนเป็นฟอง
“คร้าบ รับคำสั่งครับผม”
มือใหญ่ลูบไล้ชโลมสบู่ที่แขนของผมแล้วค่อยๆ ขยายไปส่วนอื่นๆ อย่างรวดเร็ว ผมยืนมองวินเซอร์ที่ตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ถูสบู่บนตัวของผมแล้วพยายามกลั้นยิ้มจนเหนื่อยแก้มแน่ะครับ มือที่นวดเบาๆ ไปตามตัวทำให้กล้ามเนื้อของผมผ่อนคลายขึ้น รู้สึกสบายตัว วินเซอร์ถูฟองทั่วตัวของผมแล้วเปิดน้ำจากฝักบัวล้างฟองพวกนั้นออกจากผิวของผมจนสะอาดแต่ก็ยังเหลือพวกรอยแดงๆ เหมือนเดิม
“ตานายล่ะ?”วินเซอร์ยื่นขวดสบู่เหลวมาให้กับผม เมื่อผมไม่เข้าใจเขาก็ยิ้ม
“ฉันอาบน้ำให้นายแล้วก็เป็นตานายที่ต้องอาบน้ำให้ฉันบ้างไง”
“นายอาบน้ำแล้วนี่”
“แต่ฉันอยากให้นายอาบให้นี่ ไม่ได้เหรอ?”ร่างสูงเอ่ยเสียงอ้อนๆ มองผมตาปริบๆ ผมคว้าขวดสบู่ในมือของเขามาทำให้อีกฝ่ายยิ้มหน้าบาน ผมหยิบขวดสบู่เหลวมาแล้ววางเก็บไว้ที่เดิมทำเอาหน้าบานๆ นั้นหุบฉับพลัน
“...นี่นายแกล้งฉันงั้นเหรอ?”
“นายเป็นเด็กหรือไงที่ต้องให้คนอื่นมาอาบให้น่ะ”ผมเอ่ยเสียงเรียบเฉยแล้วดันร่างสูงใหญ่ที่ยืนตันทางออกให้หลีกทางเพื่อให้ผมได้เดินออกไปจากห้องน้ำ วินเซอร์หัวเราะเสียงขมเขาคว้าแขนของผมไว้แล้วกระชากเข้ามาหาตัวเอง ผมเงยหน้าแล้วเลิกคิ้วถาม ใบหน้าคมคายก้มลงมาจรดแนบชิด ลมหายใจอุ่นๆ รดใบหน้าของผม
“เจ้าคนขี้แกล้ง”
“คงไม่เท่านายหรอก”ผมยิ้มรับแล้วบิดแขนคว้าผ้าเช็ดตัวเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมยืนเช็ดตัวแต่แล้วก็โดนผลักล้มลงบนเตียงเต็มแรง ผมตั้งสติได้รีบตะกายตัวขึ้นจากเตียงแต่กลับมีน้ำหนักตัวมาทับผมไว้ ข้อมือทั้งสองถูกยึดไว้แน่นจนขยับไม่ได้ ผมพยายามสะบัดตัวเองออกจากพันธนาการที่แข็งแรง วินเซอร์นั่งทับตัวผมยึดข้อมือผมไว้กับเตียงแน่น
“ช่วยไม่ได้ ฉันมันขี้แกล้ง”
“วินเซอร์ พวกเบคโก้รออยู่ข้างล่างนะ”ผมร้องเตือนเมื่อถูกจมูกโด่งเป็นสันตรงซอนไซ้ซอกคอ
“ก็ปล่อยให้มันรอไป”เขาตอบอย่างเอาแต่ใจ ผมพยายามขัดขืนเรี่ยวแรงมหาศาลดั่งพยัคฆ์ของเขา วินเซอร์ขยับตัวก้มหน้าจูบผมอย่างรุนแรง ผมหยุดดิ้นแล้วจูบตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ มือดึงอีกฝ่ายเข้าหา เราจูบกันอยู่เนิ่นนานแล้ววินเซอร์ก็ถอนจูบไปหยุดมองหน้าผม
“นี่นาย...”
“หึๆ นายติดกับแล้ววินเซอร์!”
“นายนี่มันปีศาจชัดๆ”วินเซอร์ถอนหายใจยาวแล้วหยุดมองหน้าผมก่อนจะหัวเราะแล้วขยี้ผมบนหัวของผมยุ่งไปหมด ผมยักไหล่ไม่ใส่ใจแล้วกอดคออีกฝ่ายเข้ามาจูบ วินเซอร์โน้มตัวตามอย่างว่าง่ายเขาบ่นพึมพำกับตัวเอง
“นี่ฉันไปปลุกปีศาจที่หลับใหลขึ้นมาสินะ”
“ใช่ เพราะฉะนั้นนายต้องรับผิดชอบ”
“เต็มใจรับผิดเลยครับ”
กว่าเราจะสงบศึกบนเตียงได้ก็ปาไปชั่วโมงกว่าๆ ผมกับวินเซอร์กำลังแต่งตัวจะลงไปหลังจากอาบน้ำเป็นรอบที่สอง วินเซอร์โยนชุดมาให้กับผม มันเป็นกางเกงขายาวสีขาวและเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว ผมใส่เรียบร้อยเขาก็ยื่นเสื้อแขนยาวมาให้ ผมก็รับมาใส่ไปในทันทีโดยยังไม่ได้สังเกตอะไร พอใส่ไปแล้ววินเซอร์ก็จับฮู้คด้านหลังมาครอบ ผมเงยหน้ามองตัวเองให้กระจกอย่างแปลกใจ
“หูแมว?”
“น่าร้าก~”วินเซอร์เข้ามากอดรัดผมไว้ทันที เจ้าบ้านี่เห็นผมเป็นหุ่นลองชุดหรือไง เจ้าโอตาคุชุดคอสเพลย์เอ๊ย! ผมจะถอดเสื้อหูแมวนี้ออกแต่เขาไม่ยอมครับ กอดผมไว้แน่นแล้วลากลงไปข้างล่างทันที ผมก็เลยอยู่ในสภาพหูแมวแบบนี้ลงมาอย่างไม่เต็มใจเท่าไรนัก พอลงมาข้างล่าง ตรงโต๊ะกินข้าวที่มีสองหนุ่มร่างยักษ์ไม่แพ้เจ้านายนั่งห่อเหี่ยวเฝ้าจานข้าวน่าเวทนาสุดๆ
“เจ้านายครับ เกรงใจพวกผมบ้าง ได้ยินเสียงแล้วของมันขึ้นนะครับ”รีเบคโก้เอ่ยเสียงยานทันทีเมื่อเห็นพวกผมเดินลงมา วินเซอร์ยิ้มรับแล้วยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจตามประสาคนหน้าด้านอ่ะครับ เจ้าสองคนนี้เป็นเพื่อนของวินเซอร์ที่มาจากอเมริกาแต่ผมว่าสองคนนี้เป็นขี้ข้าไอ้วินเซอร์น่าจะถูกกว่านะครับ
พอผมมานั่งที่โดยมีไอ้วินเซอร์คอยเทคแคร์ดูแลอย่างใกล้ชิด ไอ้สองคนนั้นก็จ้องผมเขม็งแล้วทำหน้าเขินๆ ใส่ ผมมองไปพวกมันก็หลบตากันวุ่น อะไรวะ? ไอ้วินเซอร์หันมาเจออาการลูกน้องมันก็ขมวดคิ้วตวาดถามไปอย่างไม่พอใจ
“เป็นอะไรของพวกมึงวะ?”
“นายอ่ะ เมื่อคืนคงจะรุนแรงกับลูกพี่น่าดูเลยนะครับ ทั้งรอยกัดรอยจูบ ผมโคตรจะอิจฉาเลยคร้าบ~!!!”
“อยากมีแบบนี้บ้างจัง เฮ้อ”
ไอ้สองคนนั้นก็ถอนหายใจอย่างอิจฉาตาร้อน ไอ้วินเซอร์มันก็ยืดอกรับอย่างภูมิใจ ยิ้มกว้างหน้าบานเชียวล่ะครับ
“พวกมึงต้องทำบุญเยอะๆ นะโว้ย”
“โห! ผมไม่เชื่อหรอก”ไอ้รีเบคโก้ส่ายหน้าหวือทันที
“น่าจะเป็นเพราะลูกพี่ทำกรรมมาเยอะก็เลยได้มาเจอนายท่านมากกว่านะครับ”ไอ้อับดัลเอ่ยด้วยน้ำเสียงระรื่นใบหน้ายิ้มแย้มซึ่งขัดกับคำพูดที่มันเอ่ยมาเหลือเกิน ไอ้วินเซอร์คิ้วกระตุกเหล่มองเจ้าลูกน้องสองคนที่มีอาการต่อต้านอำนาจมืด มันก็ใช้ไม้เด็ดในการจัดการทันที
“พวกมึงไม่แดกกันใช่ไหม หา!!”
“ไอ้บ้าอับดี้เอ๊ย! มึงเนี่ยไม่รู้อะไรเลยวะ ที่นายท่านได้มาเจอลูกพี่ก็เพราะนรก เอ๊ย สวรรค์บันดาลให้มาเจอกันต่างหาก นี่มันคราวถึงฆาต เอ๊ย นี่มันเป็นโชคชะตาบุญนำพาให้มาเจอกันโว้ย เนอะๆ นาย~”ไอ้รีเบคโก้ที่กำลังหัวเราะคิกคักเมื่อมีข้าวตรงหน้ามาเป็นตัวถ่วงดุลก็เลยกระดิกหางหันมาประจบนายท่านของมันทันที
“ดีไอ้เบคโก้ มึงได้สิทธิ์แดกกระดูกพวกนี้”
“ทำไมอ่านาย ผมพูดอะไรผิด!”ไอ้เบคโก้ไม่ยอมครับรีบประท้วงหาความยุติธรรมทันที
“เหตุผลง่ายๆ กูหมั่นไส้ขี้หน้ามึงไง”ไอ้วินเซอร์ก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งและจริงจังทำเอาไอ้รีเบคโก้น้ำตาร่วงปล่อยโฮออกมาทันที ไอ้วินเซอร์ก็ไม่สนใจในท่าเสแสร้งโอเว่อร์นั้นหันมาส่งจานข้าวให้กับผม ผมที่นั่งกลั้นหัวเราะอยู่นานก็หลุดออกมาจนได้
“หึๆ”
“อ๊าง~ ลูกพี่ยิ้มอ่า น่ารัก~!”ไอ้เบคโก้อุทานออกมามันอ้าปากเหวอเอามือจับแก้มตัวเอง อับดัลก็มองผมแล้วหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา ผมกลับมาทำหน้านิ่งเหมือนเดิม ท่ามกลางความเสียดายของไอ้รีเบคโก้ที่ทำมืออาลัยอาวรณ์จนไอ้วินเซอร์เบิ้ดกะโหลกด้วยความรำคาญ
“ไอ้เบคโก้!”
“ผมชมไม่ได้เหรอครับนาย?”ไอ้เบคโก้เข้าโหมดโศกอีกครั้ง
“มึงทำได้ดีมาก กินข้าวได้”
“เย้~!!! นายท่านจงเจริญ!!”
พอได้รับอนุญาตก็กระโดดเข้ามาร่วมวงกินข้าวเหมือนมันไปตายอดตายยากมาจากไหนก็ไม่รู้ครับ ผมมองสามคนที่เหมือนจะถกเถียงกันได้ทุกเรื่องแต่สองคนนั้นกลับเกรงๆ ไอ้วินเซอร์มันอยู่บ้าง อืม...ก็แค่สงสัยนิดหน่อยทำไมสองคนนี้ต้องเรียกไอ้วินเซอร์ว่านายท่านด้วยนะ ผมกินข้าวไปแล้วคิดไปเงียบๆ จนกระทั่งกินเสร็จเรียบร้อย
“พวกมึงจัดการทำความสะอาดแล้วบอกแม่บ้านให้ขึ้นไปจัดการห้องนอนด้วยนะ”
“อุว้ายยยย อายแทนง่า!”
“อะไรไปถูกเส้นมึงอีกวะ?”
“อย่าไปสนใจมันเลยครับนาย ไอ้บ้านี่เมื่อเช้าสูบกัญชามาหนึ่งบ้องครับ”
“เฮ้ย! ไม่ใช่โว้ย สองบ้องต่างหาก อิๆ”
เวร กูนึกว่ามันจะปฏิเสธว่าไม่ได้สูบ ตกลงมึงสูบจริงป่ะเนี่ย!? ไอ้วินเซอร์กุมขมับกับละครตลกคาเฟ่ของสองคู่หูที่กำลังแสดงโชว์ มันเดินมาหาผมแล้วลากผมออกไปจากบ้านพักทันที เสียงของสองหนุ่มนั้นก็ตามมาหลอกหลอน
“ไปดีมาดีนะครับนายท่าน~”
ต่อรีล่าง 