[เรื่องของเราสามคน?!!] เพราะเพื่อนผมมันไม่มี'สมบัติผู้ดี'7 (เพื่อนxเพื่อนvsกองเชียร์!!) 2/2/2555
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องของเราสามคน?!!] เพราะเพื่อนผมมันไม่มี'สมบัติผู้ดี'7 (เพื่อนxเพื่อนvsกองเชียร์!!) 2/2/2555  (อ่าน 19124 ครั้ง)

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80

ออฟไลน์ Tumz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 448
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-4
ถ้าวิทย์จะต้องจัดหนัก :z1:

สนชอบทำซึน แต่ยังไงก็โดนรวบหัวรวบหางแล้วไม่รอด :laugh:

ออฟไลน์ reborn23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3

ออฟไลน์ Pepor

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-3
สนก็ยังปากแข็งเหมือนเดิม ให้วิทย์ยังคงหาวิธีง้างปากเพื่อนต่อไป 55


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
** โอ๊ย ฮ่าๆๆ เวลาย้อนกลับมาอ่านซีรีส์นี้ทีไร ยิ่งรู้สึกว่า วิทย์โคตรผู้ร้ายเลย แต่ทำกับคนอย่างสน พอให้อภัยได้อยู่นะ!!

ตอนนี้กำลังเขียนตอน7อยู่ค่ะ สารภาพว่าเรื่องนี้คิดตอนยาก (ไม่ถนัดชีวิตคนธรรมดาเลย ให้ตายสิ!!! โดยเฉพาะชีวิตเด็กมหา'ลัย!!<<แบบว่าอายุยังไม่ถึงง แอร๋ยยย // :z6:โดนโบกปูนทิ้งคลองแสนแสบ ข้อหา ตอแหลหน้าด้านๆ !!)

แอบอยากทำรวมเล่มเรื่องนี้บ้าง.. แต่........ เรื่องมันยังคงสั้นกุด ฮ่าๆๆๆ พยายามจะคิดพล็อตกันต่อไป...

อีกอย่าง นายสนใส่แว่น... แว่นตาต้องมีพลังทำให้เราคิดเรื่องออกสิ!! (เกี่ยวมั้ยเนี่ยยย)

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ^^
------------------------------------------------

เพราะเพื่อนผมมันไม่มี “สมบัติผู้ดี" 6
น้องแก้วเป็นพยานที่สาม

สมบัติผู้ดี.....
ถ้าพูดว่า”ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี”แล้วล่ะก็ ฉันว่าพี่วิทย์คงถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ผู้ร้ายแน่นอนเลยค่ะ
------------------------------------------------
   “แก้ว ว่างคุยกับพี่สักสิบนาทีมั้ย?” เสียงนุ่มทุ้มชวนสาวหลงดังลอดผ่านหูโทรศัพท์ออกมา ไม่ใช่ใครอื่น พี่วิทย์นั่นเอง ฉันกำลังนั่งรอโหลดซีดีดราม่าการ์ตูนวายอยู่พอดี ก็เลยบอกพี่เขาไปว่าว่างค่ะ จากนั้นพี่วิทย์ก็เริ่มเล่าธุระ
   “แก้วโทรไปชวนสนไปพัทยากับพี่ทีสิ”
   “หา?!” ฉันอุทานด้วยความงุนงง เกือบจะลืมกดโหลดลิ้งค์ที่เด้งขึ้นมา “พี่วิทย์ว่าไงนะคะ ให้แก้วโทรชวนพี่สนไปเที่ยวพัทยากับพี่?”
   “เออ นั่นแหละ แก้วต้องช่วยพี่นะ ปิดเทอมพี่ต้องมาทำงานที่บริษัทพ่อ โทรไปชวนเองไอ้สนมันก็ไม่ยอมไป พี่ว่าถ้าแก้วโทรไปชวนสนมันต้องไปแน่”
   “อืม...” ฉันล่ะเข้าใจว่าพี่เขาสองคนไปกันได้ด้วยดีแล้วเสียอีก ท่าทางจะยังไม่ถึงไหน พี่วิทย์ยังคงจีบพี่สนไม่ติดเหมือนเดิมสินะ
   “แล้ว จะให้แก้วโทรไปชวนยังไงล่ะคะ ให้บอกว่าไปกับแก้วสองคนเหรอ?”
   “แก้วบอกว่าไปกับเพื่อนก็ได้”
   “แล้ว.....?”
   “ถ้ามันตกลง แก้วบอกมันให้ไปรอตรงถนนซอยสามนะ บอกเลขทะเบียนรถพี่ไป”
   “หา?!” ฉันร้องอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ลืมจิ้มลิ้งค์ที่เด้งขึ้นมาล่ะ “แล้วพี่สนไม่รู้เหรอคะว่าเป็นรถพี่วิทย์น่ะ”
   “ไม่รู้หรอก มันเคยสนใจที่ไหน เอาว่าแก้วตกลงชวนมันให้พี่นะ”
   พี่วิทย์พูดแกมขู่ ฉันเลยจำได้ต้องตอบตกลงไป แต่ก่อนจะวางสาย ฉันก็อดถามพี่เขาไม่ได้ “พี่วิทย์คะ แก้วถามจริงๆ เถอะ พี่บอกพี่สนเรื่องนั้นไปตรงๆ แล้วหรือคะ?”
   “ตรงยิ่งกว่าตรงอีก” พี่วิทย์พูดตอบกลับมา ก่อนจะพูดต่อ “แต่แก้วคิวว่าสนมันจะเข้าใจง่ายๆ หรือไง”
   ฉันอดพยักหน้าเห็นด้วยไม่ได้ ท่าทางพี่สนจะเป็นคนเข้าใจอะไรยากจริงๆ นั่นแหละ ฉันเผชิญด้วยตัวเองมาแล้ว เข้าใจพี่วิทย์เลย
   “เพราะงั้น แก้วต้องช่วยพี่นะ แล้วพี่จะสั่งซีดีดราม่าของแท้จากญี่ปุ่นมาให้”
   โห... ติดสินบนกันแบบนี้ ฉันไม่ช่วยก็ต้องช่วยล่ะค่ะ จริงๆ ก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกันนะว่าพี่วิทย์ซื้อมาฟังเองแล้วยกมือสองให้ฉันรึเปล่าเนี่ย แต่เอาล่ะ เพื่อของฟรี ฉันตกลงก็ได้
   ยังไงฉันก็เชียร์คู่นี้สุดใจขาดดิ้นอยู่แล้วค่ะ
-------------------------------------------------------
   แล้วฉันก็กลั้นใจโทรหาพี่สนตามแผน ใจก็แอบหวั่นๆ อยู่เหมือนกันว่าถ้าพี่สนรู้คงโกรธฉันแน่ๆ จะว่าไปแล้วฉันก็ทำคดีเอาไว้กับพี่สนเยอะเหมือนกันนะคะเนี่ย แต่พอตกช่วงเย็นๆ พี่วิทย์ก็เมสเสจมา บอกว่าขอบคุณมาก แปลว่าพี่สนเชื่อสนิทใจเลยสินะ.. เหลือเชื่อจริงๆ ทั้งๆ ที่ฉันคิดว่าคงไม่มีใครหลงเชื่อแท้ๆ
   อืม... พี่วิทย์รู้ไต๋พี่สนดีขนาดนี้ ทำไมถึงยังจีบไม่ติดสักทีนะเนี่ย
   หลังจากนั้น พี่วิทย์ก็เงียบไปจนฉันลืมไปแล้ว จนวันหนึ่ง ตอนที่กำลังนั่งฟังซีดีดราม่าอยู่เพลินๆ ในห้อง โทรศัพท์ที่ฉันวางอยู่บนโต๊ะก็สั่นขึ้นมาล่ะ ฉันสะดุ้งโหยงเลย ก่อนจะรีบคว้ามาดูชื่อ เห็นว่าเป็นชื่อพี่สน แอบเสียวสันหลังวาบเลยนะเนี่ย หรือว่าพี่สนจะจับได้แล้วว่าฉันโกหก อืม.. แต่ถ้ายังจับไม่ได้อีกเนี่ย ฉันว่าพี่สนก็เกินไปล่ะค่ะ
   ฉันลังเลอยู่นานกว่าจะกดรับดีมั้ย สุดท้ายก็ยอมถอดหูฟังออกแล้วกลั้นใจรับสาย
   “น้องแก้วเหรอ?”
   “ค่ะ”
   “น้องแก้ว น้องแก้วโดนวิทย์มันหลอกอีกแล้วใช่ไหม?”
   “หา?!”
   “พี่รู้ว่าวิทย์มันต้องไปขู่แก้วให้โทรหาพี่แน่ๆ ” พี่สนพูดต่อ ฉันถึงกับอึ้ง นึกไม่ถึงว่าพี่เขาจะพาซื่อได้ขนาดนี้ ไม่โกรธฉัน แต่หันกลับไปเล่นงานพี่วิทย์แทน แบบนี้ฉันควรจะดีใจดีไหมนี่ สักพักก็ได้ยินพี่เขาพูดต่อ
   “แก้ว แก้วเชื่อพี่เถอะ แก้วเลิกฟังคารมมันได้แล้ว ไอ้วิทย์มันชอบหลอก โอ๊ย!” ฉันยังฟังที่พี่สนพูดไม่ทันจบ ก็ได้ยินเสียงพี่วิทย์แทรกเข้ามา
   “วางสายได้แล้ว ก็โทรชวนดีๆ แกไม่มาเองนี่หว่า”
   “โหย... แกเคยชวนฉันดีๆ ตรงไหนวะ ไอ้!!”
   จากนั้นก็ได้ยินเสียงเหมือนใครถูกผลักลงไปบนฟูก ฉันรีบเขี่ยหูฟังไปไกลๆ แล้วหันมาเองหูแนบโทรศัพท์แทนเลยล่ะ
   “ไอ้วิทย์ เดี๋ยวสิวะ! แกเป็นหวัดอยู่นะ” ได้ยินเสียงพี่สนโวยวายลอดออกมาอีก จากนั้นก็ได้ยินเสียงพี่วิทย์คำราม “อย่ามาอ้างเชื้อหวัดนะเว่ยสน แกเป็นไปรอบหนึ่งแล้ว ไม่มีทางติดหวัดเดิมซ้ำอีกรอบหนึ่งหรอก อีกอย่าง ฉันก็หายดีแล้ว”
   “หายดีตรงไหนวะ โอ๊ย!! เดี๋ยว ห้ามเอาโซ่ล่ามฉันอีกนะโว้ย”
   ฉันอ้าปากค้าง โซ่?! พี่วิทย์เอาโซ่ล่ามพี่สนหรือนี่ คู่นี้ทำอะไรกันเนี่ย??
   ฉันไม่อยากจะจินตนาการ เลยเอื้อมมือไปหยิบทิชชู่มาเตรียมไว้แทน เผื่อจะมีเหตุการณ์เหนือจินตนาการเกิดขึ้น จากนั้น ฉันก็ได้ยินเสียงโวยวายอีก
   “วิทย์ หยุด หยุดเลยนะ เดี๋ยว อื๊อ!!”
   ไม่จริงน่า... นั่นเสียงพี่สนหรือนี่ เซ็กซี่ยิ่งกว่าที่ได้ยินในซีดีอีก แถมเป็นภาษาไทย ไม่ไหวแล้วฉัน รีบหยิบกระดาษทิชชู่มารอเลย ในใจนึกว่า พี่วิทย์คะ พี่วิทย์ไม่ต้องซื้อซีดีดราม่ามาฝากแก้วแล้วล่ะค่ะ แก้วได้ฟังของจริงเป็นบุญหูเรียบร้อยแล้ว
   จากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงเบาะ เสียงหอบหายใจ โอ๊ย ฉันวิ่งไปหาผ้าห่มมาดีกว่า ท่าทางกระดาษทิชชู่จะไม่พอ
   พี่สนครางเสียงน่ารักอยู่พัก ให้ฉันนั่งกำผ้าห่มเล่น จากนั้นก็ร้องโวยวายขึ้นมาอีก “เดี๋ยว วิทย์ อย่าเพิ่งเอาเข้ามา อ๊ะ!”
   “อ๊า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” ฉันร้องลั่นห้อง ดีกว่าพ่อกับแม่ไปธุระต่างจังหวัด ก็โทรศัพท์น่ะสิ ทำไมจู่ๆ เสียงถึงหายไปนะ ฉันรีบยกขึ้นมาดู แล้วพบว่าแบ็ตเตอรี่หมด โอ๊ย ไม่จริง!!!! ทำไมฉันถึงสะเพร่าอย่างนี้นะ ทำไมถึงไม่ชาร์ตแบ็ตมือถือเอาไว้นะ!!!!
   ฉันอยากกัดผ้าห่มร้องกรี๊ดๆ ถึงเอาโทรศัพท์ไปเสียบสาย ก็ใช่ว่าโทรไปจะติดให้ได้ยินอะไรแบบเมื่อครู่เสียหน่อย ไม่น่าเลย ฉันเสียใจยิ่งกว่าอดได้ของแถมลิมิเต็ดเสียอีก
   ไม่รู้ป่านนี้สองคนนั่นจะถึงไหนกันแล้ว โอ๊ย ยิ่งคิดยิ่งเสียใจและเสียดายจริงๆ นะเนี่ย
   ฉันคิดขึ้นมาว่า ถ้าเจอพี่วิทย์อีกครั้งหลังจากนี้ ฉันจะบอกว่า.....

   “พี่วิทย์คะ พี่วิทย์ช่วยเป็นผู้ร้ายให้มากกว่านี้ นอกจากไม่เกรงใจพี่สนแล้ว ไม่ต้องเกรงใจแก้วเรื่องนี้ก็ได้นะคะ ซีดงซีดีพี่ไม่ต้องซื้อมาหรอกค่ะ แก้วขอของจริงก็พอแล้ว”

   แต่ถ้าขืนบอกไปจริง พี่วิทย์คงฆ่าฉันแน่ๆ
   ฉันคงต้องเก็บงำเรื่องนี้ไว้เป็นความลับต่อไป หรือฉันควรจะไปหาเครื่องดักฟังมาดีนะ แล้วแอบติดกับนาฬิกาหรือไม่ก็กระเป๋าสตางค์พี่เขาไป
   โอ๊ย ฉันเองก็เริ่มเหลือสมบัติผู้ดีน้อยลงเรื่อยๆ แล้วเหมือนกันนะเนี่ย
   ทั้งหมดก็เพราะพี่สองคนแท้ๆ เชียว!!!
-----------------------------------------------

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
น้องแก้วอย่างฮาเลยตอนนี้  แต่เข้าใจอารมณ์ของน้องแก้วมาก ๆ เลยนะ
ก็แหม  กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม (ขนาดหย่ายยยย)  ดันแบตหมดพอดี  เซ็งเป็ดไปเลยงานนี้

ออฟไลน์ wews

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-0
น้องแก้วค่ะ เป็นความผิดของน้องเต็มๆเลย :m16:
ลืมชาร์ทแบตได้ไง  :z3:

ออฟไลน์ pak_kikkok

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
ไม่ไหวๆๆ เรื่องนี้ อ่านแล้ว สนซึนมากกกกกก
ทั้งซื่อ ทั้งบื้อ ครบสูตรเลยล่ะค่ะ ฮ่าฮ่า

วิทย์เองก็ทำมันทุกวิถีทางเพื่อให้สนยอมบอกว่าชอบตัวเอง แต่สุดท้ายสนก็ยังซึนต่อไป
คิดอีกแน่ะว่า ยังเป็นเพื่อนสนิทกันเหมือเดิม ฮ่าฮ่า

แต่ชอบฉากตอนที่วิทย์หลอกให้สนทำอาหารให้ทาน ฮ่าฮ่า น่ารักมากๆเลยล่ะค่ะ
สนเองก็ตั้งใจเต็มที่กะเสิร์ฟลูกค้า
สุดท้าย ตัวเองโดนกินเอง ฮ่าฮ่า วิทย์ เอ้ยยยย ร้ายกาจซะไม่มี


น้องแก้วนี่ก็สาววายเต็มขั้นจริงๆ ฮ่าฮ่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
คุณจูออน อย่าลืมเรื่องนี้นะคะ

(คุณท่านเว่ยด้วย)  o18 o18

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
คุณจูออน อย่าลืมเรื่องนี้นะคะ

(คุณท่านเว่ยด้วย)  o18 o18

ลืมแล้วค่ะ /วิ่งหนีไป

เรื่องเ่ว่ยจินหยิน ใช่ตอนใหม่ที่เพิ่งลงไปรึเปล่าคะ?

อันนั้นไม่ลืม... แต่... ขอกลับบ้านเคลียร์ชีวิตก่อนค่ะ

แต่ถ้าเป็นเรื่องเ่ก่า (Yes!Master.) ลงจบแล้วค่ะ ย้ายไปห้องจบเรียบร้อย^^

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
 o22

ยอมรับตรงๆ แบบนี้ก็แอบช็อกนะเนี่ย  :m15:

(หมายถึงท่านเว่ยที่เพิ่งลงตอนใหม่นั่นแหละค่ะ)

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
เพราะเพื่อนผมมันไม่มี “สมบัติผู้ดี” 7
   สมบัติผู้ดี.........
ใครว่าคนมีเงินจะต้องเป็นผู้ดีเท่านั้น ผมขอเถียงใจขาดเลย ให้เป็นให้ตายก็ยืนยันหัวชนฝา ว่าคนมีเงินไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ดีไปซะทุกคนหรอก
   ถามว่าผมเป็นใครถึงได้กล้ายืนยัน นั่งยัน นอนยัน ตีลังกายันขนาดนี้
   ผมคือนายสนธยา นักศึกษาปีสาม อย่าให้บอกคณะ สาขากับชื่อสถาบันเลยครับ เดี๋ยวจะเป็นที่อับอายขายหน้าเสียเปล่าๆ เอาว่าผมกล้ายืนยันก็แล้วกัน
   และสิ่งที่ทำให้ผมเชื่อมั่นว่า”คนมีเงิน ต้องเป็นผู้ดี” ไม่เป็นจริงเสมอไป ก็คือไอ้บ้าที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมนี่ล่ะครับ
-------------------------------------------
   “สน เย็นนี้ไปดูบ้านเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”
   คนพูดเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ทำผมสองสีทรงนำแฟชั่น หน้าตาหล่อเหลาเอาการ เหมาะจะไปเป็นดารานายแบบซะมากกว่ามายืนเกาะไหล่ผมอยู่แบบนี้
   มันชื่อวิทยา หรือที่ผมเรียกมันว่าไอ้วิทย์
   ไอ้วิทย์มันเรียนอยู่มหา’ลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน สาขาเดียวกัน ห้องเดียวกันกับผมนี่แหละครับ แถมยังเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่สมัยประถม เรียกว่าตัวติดกันแทบจะแยกไม่ออก นี่ถ้าผมยังต้องนอนห้องเดียวกับมันอีก คงต้องบอกว่ามันตัวติดกับผมยี่สิบสี่ชั่วโมงจริงๆ แต่จ้างสิบล้านผมก็ไม่เอาหรอก
   ยังไม่อยากประตูหลังพังเพราะมันน่ะ!!!
   “ดูบ้านอะไรแกอีกวะ มีตาก็ไปดูเองสิ พรุ่งนี้ต้องส่งโปรเจกต์นะ” ผมตอบมันกลับ แล้วพยายามจะดึงมือที่เกาะไหล่ออก ให้ตายสิ ไอ้เพื่อนบ้านี่มันไม่รู้จักคำว่าอายคนบ้างหรือไงนะ อยู่หน้าห้องเรียนแท้ๆ ยังจะมาเกาะไหล่กันอยู่ได้ อย่างกับเห็นผมเป็นเสางั้นแหละ
   “อ้าว.. นี่แกยังทำไม่เสร็จอีกเรอะ” มันถามด้วยสีหน้าแปลกใจอย่างชวนให้ยกบาทานาบอก แล้วยอมยกมือออกจากไหล่ผม แล้วไปวางไว้ที่เอวแทน ผมงี้ต้องรีบเดินหนีมันออกมาเลยทีเดียวเชียว
   “เออ ยังไม่เสร็จ แกจะไปไหนก็ไปคนเดียวเหอะ แล้วเลิกเกาะฉันซะที ไม่ใช่เสานะโว้ย” ผมตัดสินใจพูดให้มันรู้สึกตัวขึ้นมาบ้าง ไอ้วิทย์ยักไหล่ แล้วยิ้มหน้าระรื่นเดินเข้ามา คว้าเอวผมหมับ “ไม่เป็นไร เป็นเสาฉันก็ไม่ถือ โปรฯไม่เสร็จ ฉันไปช่วยทำมั้ย?”
   “ไม่ต้องโว้ย” ผมโวยต่อ หูไอ้บ้านี่มันมีปัญหาหรือไงฟะ คนบอกว่าไม่ใช่เสาๆ ยังจะมาเกาะอยู่ได้ แล้วผมก็ไม่อยากได้รับความอนุเคราะห์ในการช่วยทำโปรเจกต์จากมัน เพราะคาดว่าคงไม่ได้ทำโปรเจกต์ดีๆ แน่ ไอ้วิทย์ทำหน้าเซ็งขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด “อะไรวะ เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน ไปดูบ้านแค่นี้ก็ไม่ได้ งั้นเดี๋ยวฉันโทรไปชวนน้องแก้วก็ได้ ไปกันสองคน”
   พอได้ยินชื่อน้องแก้ว ผมหูผึ่งทันที “นี่แกหยุดหลอกน้องเขาทีเถอะ”
   ไอ้วิทย์ทำหน้าไม่สนใจ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก “โหล น้องแก้วเหรอ พี่จะไปดูบ้าน ไปกับพี่หน่อยสิ อืม เย็นนี้แหละ จ้า ไปกันสองคน จ้า ได้เลยจ้า”
   พูดไปยิ้มไป อย่างไม่เกรงใจผมที่ยืนถลึงตามองอยู่ข้างๆ ความจริงโปรเจกต์ผมน่ะ เสร็จนานแล้วล่ะ แต่ผมไม่อยากไปไหนมาไหนกับไอ้วิทย์สองคน ก็เลยเอามาอ้าง คราวนี้มันเล่นไปชวนน้องแก้ว จะให้สุภาพบุรุษสุดๆ อย่างผมใจดำ ปล่อยน้องแก้วไปกับผู้ชายไร้สมบัติผู้ดีอย่างมันได้ยังไง
   ผมทำท่ากระแอมไอหน่อยหนึ่ง แล้วพูดออกมา “วิทย์... แกจะไปดูบ้านกี่โมงวะ?”
   “สี่โมง” มันตอบ และพูดต่อ “ฉันจะจอดรถรอน้องแก้วหน้าโรงอาหารคณะ แกกลับไปทำโปรเจกต์เหอะ เดี๋ยวส่งไม่ทันพรุ่งนี้”
   มองไอ้วิทย์ทำหน้าเป็นห่วงผมด้วยดวงตาเยาะเย้ยขนาดนี้แล้ว ผมนึกสงสัยว่าคบกับมันมาได้ยังไงตั้งเป็นสิบปี เอาล่ะ เพื่อน้องแก้ว ผมจะไม่ยอมเสียหน้าต่อหน้ามันเด็ดขาด
   คิดได้ดังนั้นผมก็ยกมือขึ้นดันแว่น เชิดหน้าขึ้นหน่อยๆ แล้วเดินออกจากคณะไป
   สี่โมง... หน้าโรงอาหารคณะ...
   ไอ้วิทย์ แกอย่าได้หมายว่าจะหลอกน้องแก้วไปกับแกได้สองต่อสองเลย
-----------------------------------------------
   ผมกลับไปถึงห้องก็จัดการอาบน้ำ แต่งตัวซะใหม่ กะว่าน้องแก้วเห็นแล้วต้องหันมองผมบ้างล่ะ ผมนี่ก็มีเวรมีกรรมจริงๆ ดันไปชอบสาวน้อยน่ารักที่ตกอยู่ในเงื้อมมือมารแบบไอ้วิทย์ได้ ผมว่าน้องแก้วน่ะอาจจะชอบอะไรประหลาดๆ อยู่สักนิด แล้วไอ้วิทย์ไปจับจุดน้องเค้าได้ ก็เลยหลอกเค้ามาเป็นเครื่องมือแบบนี้ ผมยอมไม่ได้จริงๆ ดังนั้น... ในฐานะที่ผมเป็นสุภาพบุรุษ และมีสมบัติผู้ดีเพียบพร้อม ถึงแม้หน้าตาและฐานะจะสู้ไอ้วิทย์ไม่ได้ แต่หัวใจผมของแท้ สักวัน น้องแก้วคงเห็นคุณงามความดีของผมเสียที
   พอใกล้ๆ ถึงสี่โมง ผมก็เดินลงมา เรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ก่อนจะลงตรงหน้าโรงอาหารคณะ จ่ายเงินและขยับแว่นให้เข้าที่ดีแล้ว ผมก็เห็นรถไอ้วิทย์จอดอยู่ใต้ต้นก้ามปูเลยออกไปหน่อยหนึ่ง ทำอย่างกับจะหลบผมแน่ะ ชะช้า คราวที่แล้วผมโดนมันหลอก เลยจำป้ายทะเบียนรถมันได้เสียที คราวนี้จอดแอบแนบเนียนยังไงก็ไม่พ้นสายตาผมหรอก
   ผมเดินจ้ำๆ ไปเปิดประตูรถมันออกแบบไม่ต้องดูหน้าคนขับ ก่อนจะมุดเข้าไป แล้วก็ไม่พลาดไปได้ คนที่นั่งอยู่ตรงเบาะคนขับเป็นไอ้วิทย์จริงๆ นั่นแหละ พอผมปิดประตูรถปั๊บ มันก็ออกรถปุ๊บ แต่...
   น้องแก้วล่ะ?!
   “เฮ้ย วิทย์ ไม่รอน้องแก้วหรือไง?” ผมถามมัน ขณะที่เราเลี้ยวรถกันออกมานอกคณะแล้ว มันตอบผมด้วยสีหน้าจริงจังเป็นที่สุด “น้องแก้วไม่ว่าง เพิ่งโทรมาบอกเมื่อตะกี้นี้เอง”
   “อ้อ” ผมพยักหน้า แล้วให้รู้สึกโล่งใจเป็นที่สุด น้องแก้วไม่ต้องมาเสี่ยงไปไหนสองต่อสองกับไอ้วิทย์แล้ว แต่....
   นี่ก็หมายความว่าผมไปกับมันสองต่อสองอีกแล้วสิ!!
   ผมขนลุกซู่ขึ้นมาทันที รีบร้องบอกไอ้เพื่อนสนิทที่คบกันมานานจนมันแทบจะกินหัวจรดหางผมแล้ว “วิทย์ จอดรถๆ”
   “เป็นไรอีก” มันถาม แต่ยังขับรถเร็วเหมือนเดิม ไม่มีชะลอเลยสักนิด ผมทำหน้าลำบากใจสุดๆ ซึ่งผมก็ลำบากใจจริงๆ นั่นแหละ ลำบากใจเพราะกลัวว่าเดี๋ยวจะลำบากร่างกายน่ะสิ
   “ฉันลืมของ จะกลับไปเอาน่ะ”
   “ลืมอะไรล่ะ?”
   “..........” นั่นดิ ลืมอะไรดีวะ? ผมนึก ก่อนจะโพล่งออกไป “ลืมกระเป๋าเงินน่ะ”
   “อ้อ ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันให้ยืมก่อน เห็นแก่ที่แกเป็นเพื่อนสนิทฉันมานาน ดอกเบี้ยไม่โหดหรอก”
   โหย ไอ้เพื่อนบ้า ยังมีกะใจมีคิดดอกเบี้ยกันอีก ผมทนคบกับคนอย่างมันมาได้ไงตั้งหลายปีดีดักเนี่ย
   แต่ผมยังไม่ยอมแพ้ เพราะจำได้ว่าคราวที่แล้วที่นั่งรถไปกับมันสองคนเกิดอะไรขึ้น เลยพยายามแกล้งทำเป็นคลำกระเป๋ากางเกง แล้วพูดขึ้นอีก “มือถือก็ลืมด้วยน่ะ”
   “ไม่เป็นไร ไม่มีใครโทรตามตัวแกหรอก” มันว่า โห... ดูมันสิครับ มันเห็นผมเป็นอะไร ขี้ข้าในเรือนเบี้ยของมันหรือไง? ผมทนไม่ไหว ต้องพูดออกไป “วิทย์ จอดรถ ฉันจะลง”
   “อะไรกันวะ แกขึ้นมาเองแท้ๆ พอนึกจะลงก็ลง ไม่สงสารฉันที่กำลังขับรถอยู่บ้างหรือไง จะจอดก็ไม่ใช่ว่าจอดกันได้ง่ายๆ นะโว้ย ถนนใหญ่นะ จะไปจอดที่ไหน” ไอ้วิทย์พูดยืดยาว ผมเลยหันไปมองตาม แล้วก็ต้องยอมรับสภาพ ถนนใหญ่แปดเลนที่รถแต่ละคันวิ่งห้อตะบึงเป็นหนีตำรวจแบบนี้ อย่าว่าแต่ไอ้วิทย์จะจอดรถยาก ผมลงแล้วก็คงไม่รู้จะไปไหน ซ้ายก็ทางด่วน ขวาก็ทางเลี่ยงเมือง เรื่องจะหาแท็กซี่ว่างๆ สักคันก็คงไม่ต้องพูดถึง
   ด้วยสภาพจำยอม ผมเลยต้องนั่งเงียบๆ แต่นั่งไปได้สักพัก ก็อดไม่ได้ต้องพูดขึ้นอีก
   “วิทย์ จะไปดูบ้านอะไรของแกวะ?”
   “เอาน่ะ แกไปดูก่อนก็แล้วกัน” มันว่า ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยให้ความกระจ่างอะไรกับผมสักนิด ผมทนนั่งรถเงียบๆ ดมกลิ่นน้ำหอมกลิ่นเดิมในรถมันจนสับปะหงกโขกกระจกไปสองรอบ ในที่สุด มันก็เลี้ยวรถเข้าซุ้มประตูทางเข้าหมู่บ้านหมู่บ้านหนึ่ง
   แค่ซุ้มประตูก็อลังการจนผมที่หลับๆ ตื่นๆ ยังต้องลืมตาขึ้นมาดูชัดๆ อ่านชื่อหมู่บ้านไม่ทันหรอก แต่รู้ว่าต้องใหญ่แล้วก็โคตรแพงแน่ๆ
   “สน ชอบใจหลังไหนเป็นพิเศษรึเปล่า” ไอ้วิทย์ถาม หลังจากขับผ่านประตูหมู่บ้านเข้ามา ผมมองบ้านแต่ละหลัง ใหญ่ๆ โตๆ ทั้งนั้น เห็นแล้วนึกละเหี่ยใจเวลาทำความสะอาด
   “วิทย์ แกจะทำอะไรวะ เสนอโปรเจกต์เรื่องบ้านหรือไง?” ผมถาม บ้านน่ะสวยหรอก แต่มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องชอบหรือไม่ชอบของผมด้วยล่ะ
   “เปล่า.. แกไม่ชอบสักหลังเลยหรือไง” มันว่าและถามต่อ จากนั้นก็ขับรถเวียนไปเรื่อยๆ ผมมองบ้านหลังใหญ่พวกนั้นอย่างหนักใจ ลองไอ้วิทย์อยากเค้นอะไรจากปากผมแล้ว มันก็จะเค้นให้ได้นั่นแหละ ขืนผมไม่ตอบมันว่าชอบหลังไหนสักหลัง มันคงเล่นงานอะไรผมอีกแน่ๆ
   “วิทย์ ขับช้าๆ หน่อยซี่ ฉันอยากดูบ้านหลังเล็กๆ ด้านโน้น” ผมว่า เพราะเหลือบเห็นบ้านที่ดูจะหลังเล็กที่สุด ซึ่งอยู่แอบมุมเข้าไปหน่อยหนึ่ง มันเลยชะลอรถ แล้วเลี้ยวเข้าไป
   บ้านหลังนั้นเอาเข้าจริงก็ไม่ใช่ว่าเล็กมากหรอก เพียงแต่มันเล็กกว่าหลังอื่นที่ไอ้วิทย์พาผมเวียนดู ผมเห็นดีไซน์แล้วคิดว่าน่าสนใจดี แล้วไหนๆ มันก็ดูจะบังคับขู่เข็นให้ผมเลือกสักหลัง ตกลงว่าหลังนี้ก็แล้วกัน
   พอไอ้วิทย์จอดรถ ผมก็รีบลงทันที ทำท่าว่าสนใจดูบ้านเต็มที่ อันที่จริงกลัวว่าขืนอยู่ในรถกะมันสองต่อสองนานๆ จะไม่ได้ออกมาน่ะสิ
   ผมด้อมๆ มองๆ ดูบ้าน ด้านนอกสวยดี มีพื้นที่สวนเล็กๆ ที่ดูจะไม่เป็นภาระกับเจ้าของบ้านเกินไปนัก คงไม่ถึงขั้นกับต้องจ้างคนสวนมาดูแล หรือถ้าจ้าง แค่ตัดหญ้าเดือนละสองหนน่าจะพอ ตัวบ้านสีเบจ ตัดด้วยสีชมพูหม่นๆ มีลายบัวปูนปั้นเป็นเถาไม้ประดับ อืม... สวยดีแหะ ท่าทางน่ารักดีด้วย
   ระหว่างที่ผมกำลังสำรวจด้านนอก ไอ้วิทย์ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก ผมคร้านจะสนใจว่ามันคุยอะไรกับใคร เพราะแอบฟังไปก็เท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้มันทำดีกับผมขึ้นมาหรอก
   สักพักมันก็หันมาถามผม “ชอบรึเปล่า?”
   “อือ” ผมส่งเสียงตอบไปอย่างไม่คิดอะไร “ถ้าแกจะเอาไปทำโปรฯล่ะก็ หลังนี้ก็พอใช้ได้นะ แต่ไม่รู้ว่าด้านในจะซอยพื้นที่ใช้สอยแบบไหน”
   “เดี๋ยวเขามาเปิดให้น่ะ” ไอ้คุณวิทยาตอบผม จากนั้นสักพัก รถสี่ล้อขนาดเล็กสำหรับวิ่งในสนามกอล์ฟก็แล่นเข้ามา พร้อมกับพนักงานสาวสองคน แต่แทนที่เขาจะเดินมาพร้อมกับวพวงกุญแจเพื่อไขเข้าไปในบ้านตัวอย่าง กลับส่งกุญแจทั้งพวงให้เพื่อนผม ก่อนจะทักว่า “มาเย็นจังนะคะคุณวิทย์ ถ้ามีอะไรเรียกใช้ได้เลยนะคะ”
   “ไม่มีอะไรแล้วล่ะ ขอบคุณมากนะ” เพื่อนผมตอบ แล้วรับกุญแจมา ก่อนที่พนักงานสาวสองคนจะขับรถกอล์ฟคนนั้นจากไป ทิ้งให้ผมยืนอึ้ง
   “วิทย์ แกรู้จักพนักงานที่นี่หรือไง?”
   “อืม.... โครงการล่าสุดของพ่อฉัน ที่จริงก็เป็นโครงการฉันด้วยน่ะ เพราะมีชื่อฉันร่วมทุนอยู่เหมือนกัน”
   “แต่ทุนน่ะของพ่อแกล่ะสิ” ผมว่า ไอ้วิทย์ทำเป็นไม่ได้ยิน ก่อนจะเอากุญแจไขประตู “เอ้า เข้ามาดูด้านในสิ”
   ผมเดินตามมันเข้าไป แล้วเริ่มสำรวจบ้านด้วยความสงสัยใคร่รู้ แต่กลับรู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ เหมือนมีลางบอกเหตุอะไรบางอย่าง
   “เป็นไง?” เพื่อนผมถามอีก ผมกำลังมองสำรวจครัวแบบไทยที่ไม่น่าเชื่อว่าจะออกแบบได้ดีสำหรับบ้านสไตล์ติดโมเดิร์นแบบนี้ “ก็ดีนะ ชอบครัวปูนด้านหลังจัง ดูแล้วใช้งานจริงได้”
   “อืม” มันส่งเสียงในคอ แต่ไม่ก็ไม่เสนอความเห็นอะไรสักอย่าง ผมหันไปมองมัน “แกจะใช้บ้านหลังนี้ทำโปรฯเหรอ?”
   มันไม่ตอบ แต่เปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นแทน “ขึ้นไปดูข้างบนมั้ย?”
   ผมมองเพื่อนที่เดินไปเปิดสวิตช์ไฟตรงบันได แล้วก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธทำไม ไหนๆ ก็เข้ามาแล้ว ขอไปดูด้านบนด้วยเลยดีกว่า
   ไอ้วิทย์เดินนำผมขึ้นมาด้านบน ซึ่งซอยออกเป็นสี่ห้อง มีห้องน้ำสองห้อง อืม... คนออกแบบวางห้องน้ำเก่งแหะ มีสองห้องแต่ไม่ทำให้รู้สึกว่าแคบ แถมมีห้องหนึ่งเปิดจากประตูห้องนอนได้เลย
   ขณะที่กำลังดูห้องน้ำอยู่ ไอ้วิทย์ก็ลากมือผม แล้วเปิดประตูเข้าไปในห้อง “มีอะไรให้ดูแน่ะ”
   ผมเห็นแสงสีทองของอาทิตย์สุดท้ายที่กำลังจะลับขอบฟ้าส่องเข้ามา จากทางหน้าต่างกระจกบานสูงที่อยู่ในห้อง ถ้าไม่นับว่ายังมีกลิ่นสีอยู่ ก็ถือว่าเป็นภาพที่สวยทีเดียว ได้ยินเสียงไอ้วิทย์กระซิบใกล้หู
   “สวยมั้ย?”
   “อืม” ผมพยักหน้าอย่างไม่คิดอะไร ก็มันสวยจริงๆ นี่นา ได้ยินเสียงไอ้เพื่อนรักกระซิบอีก “ชอบรึเปล่า”
   “อือ... เฮ้ย!” ผมที่กำลังชมวิวอยู่ดีๆ ก็มีอันต้องสะดุ้ง เมื่อจู่ๆ ไอ้เพื่อนเวรก็เสือกขยับมาหอมแก้มเสียงดังฟอด ผมรีบดีดตัวออก แล้วใช้แขนเสื้อเช็ดทันที “ทำบ้าไรเนี่ย”
   “โหย... อย่ามาทำเป็นไม่เคยไปหน่อยเลยน่า เสียบรรยากาศหมด” ไอ้วิทย์บ่น พร้อมทำหน้ายุ่ง ผมสิครับ สมควรจะด่ามันด้วยคำนี้มากกว่า มันนั่นแหละ ทำเสียบรรยายกาศ จู่ๆ ก็บ้ามาหอมแก้มผมได้ไง
   ถึงไม่ใช่ครั้งแรก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะเออออตามันหรอกนะ ก็แต่ละครั้ง ผมเคยเต็มใจที่ไหนล่ะ!!
   “กลับได้แล้ว” ผมว่า พลางหันตัว จะเดินออกไป มันเลยรีบดึงมือผมเอาไว้ “ไรวะ หอมแก้มแค่เนี้ย งอนไปได้ มาอยู่ใกล้ๆ กันก่อนสิ” ไอ้เพื่อนสุดรักสุดเลิฟของผมว่า พลางลากมือผมเข้าไป แล้วรีบขยับไปโอบเอว ชี้ให้ผมดูพระอาทิตย์ตกอย่างกับอยู่ชายทะเล แต่ผมไม่มีอารมณ์โรแมนติกกับมันหรอก คราวที่แล้วไปชายทะเล ผมยังไม่ได้เล่นน้ำทะเลสักหยดเลย โดนมันกระทำชำเราในห้องจนป่วยจนไข้ แถมพอสร่างไข้ ยังต้องมาดูแลคนป่วยหาเรื่องเป็นอย่างมันอีก ให้มันได้งี้สิ เพื่อนผม
   “นี่สน... นึกดูนะ ถ้าตอนเย็น แกกับฉัน นั่งบนเตียงดูพระอาทิตย์ตกแบบนี้ โรแมนติกดีออก”
   ผมรีบหันมองหน้าเพื่อน ไม่ใช่ว่าหน้ามันมีเขาหรือนองอกออกมาหรอกนะครับ แต่ผมนึกสงสัยว่า ไอ้วิทย์มันพี้อะไรเข้าไป ถึงได้พูดจาแบบนี้ออกมา
   “เมาป่ะวะ? แดดส่องตูดแบบนี้ กลางคืนร้อนตายชัก” ผมว่า ได้ยินมันสวนทันควัน “คุณสนไม่รู้จักแอร์หรือไง ร้อนก็เปิดแอร์เดะ”
   “โหย... ไอ้คนล้างผลาญอนาคตลูกหลาน” ผมด่ามัน “แทนที่แกจะหัดใช้หัวคิดว่าทำยังไงให้ประหยัด ไม่ต้องเปิดแอร์ ดันมาพูดแบบนี้เนี่ยนะ นี่ถ้าฉันเป็นอาจารย์ล่ะก็ ให้แกสอบตกนานแล้ว”
   วิทย์มองผมอึ้งๆ “รู้ได้ไงวะ?!”
   “รู้ไรวะ?” ผมถามมันกลับ เพราะงงกับคำพูดมันเหมือนกัน มันพูดต่อ “รู้ได้ไงว่าตก”
   “เอ้า!” ผมร้อง “ก็มันโต้งๆ อยู่ว่าแบบนี้อ่ะตกแน่ ดูเดะ ใครมันออกแบบบ้านให้พระอาทิตย์ส่องเข้าตอนเย็นล่ะ ร้อนตายชัก”
   “ฉันนี่แหละ”
   “!!!” ผมมองหน้ามันอึ้งๆ ก่อนจะรีบจับไหล่มันเอาไว้ “วิทย์ แกเป็นอะไร!!?? เซลล์สมองแกพังเรอะ?! ปกติแกไม่ออกแบบอะไรสะเหร่อๆ แบบนี้นี่นา”
   วิทย์โดนผมพูดใส่หน้าไปก็ชักหน้าเสีย ถึงอย่างนั้นมันก็ยังวางมาด “เฮ้ย น้อยๆ หน่อยเว่ย... แกเป็นคนอยากดูบ้านหลังนี้เองนี่ แถมยังชมว่าออกแบบดี แค่พระอาทิตย์ส่องตูดแค่นี้มันจะตกได้ไง”
   ผมมองหน้ามัน ก่อนจะถามอย่างนึกได้ “เดี๋ยวนะ ตะกี้แกบอกว่าแกออกแบบเอง เฮ้ยนี่ตกลงบ้านนี้แกสร้าง”

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   “อืม... เป็นไฟนอลโปรเจกต์เทอมนี้น่ะ”
   ผมอยากเป็นลม “โว้ย!! คุณท่านวิทย์คร้าบ โปรฯน่ะทำแค่โมเดลก็พอ นี่ไอ้คุณมึงล่อซะเป็นบ้านจริงเลยหรือครับ”
   “อืม ไม่เห็นแปลกเลย” ไอ้เพื่อนสุดเลิฟผมตอบหน้าเฉย “ก็ไหนๆ จะสร้างอยู่แล้วนี่ แล้วอาจารย์ก็ให้ฉันเอ ก็ไม่เห็นว่าจะสร้างไม่ได้ตรงไหน”
   “หะ!! อะไรนะ เอ?!” ผมแหกปาก “เฮ้ย โปรเขายังไม่ตรวจเลยนะโว้ย จะเอได้ไง”
   “เอแล้วกัน ก็อาจารย์มาดูแล้ว” วิทย์ตอบ แล้วตบไหล่ผม “ไม่เป็นไรหรอก ฉันเอวิชานี้ แกก็ยังได้ท็อปเซกฯอยู่ดี”
   “ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้น” ผมคราง แล้วก็เกิดขี้เกียจเถียงกับมันดื้อๆ เอาวะ ช่วยไม่ได้ มันเกิดมารูปหล่อ พ่อรวย แถมฉลาดขนาดนี้ ผมจะไปสู้อะไรมันได้ล่ะ
   “แล้วปัญหาอยู่ตรงไหนวะ?” มันถาม พอเห็นว่าผมเงียบไป ดูมันสิครับ นี่ขนาดผมเป็นฝ่ายยอมสงบศึกก่อนแล้วนะ
   “ปัญหาอยู่ที่..” ผมเน้นทีละคำ “ทำไมแกต้องพูดว่า ถ้าแกกับฉันมานั่งดูพระอาทิตย์ตกบนเตียงกันสองคน ด้วยวะ?”
   “อ้อ” วิทย์ร้องแล้วตอบยิ้มๆ “ก็เพราะฉันจะชวนแกมาอยู่ด้วยกันน่ะสิ”
   “!!!”
   “ไม่ต้องกลัวนะสน แกไม่ต้องเผื่ออนาคตไว้ให้ลูกหลาน เพราะไงๆ แกก็ไม่มีมดลูก ฉันปั้มให้ตายแกก็ไม่ท้องหรอก” มันตอบหน้าระรื่น “ยกเว้นแต่จะมีนวัตกรรมผสมเทียมแล้วทำให้ผู้ชายอุ้มท้องได้ ฉันจะให้แกรีบไปทำคนแรก อยากอุ้มลูกของเราเหมือนกัน”
   “ไอ้บ้า! ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นโว้ย” ผมว้ากใส่หน้ามัน “ใครมันจะไปท้องกะแกวะ ฉันจะกลับล่ะ”
   ผมใช้ท่าไม้ตาย ตัดปัญหา เดินหนีมันซะเลย เพราะขืนเถียงกับมันต่อ มีหวังถูกมันลากเข้าหัวข้อสนทนาบ้าๆ อีกแน่ ผมรีบเดินฉับๆ ไปเปิดประตู เอ๊ะ แปลก... คราวนี้มันไม่ยักจะรั้งผมแฮะ...
   อันที่จริงผมก็ไม่ได้อยากจะให้มันเหนี่ยวรั้งอะไรหรอกนะ แต่เพราะคบกันมานาน มันทำแบบนี้นับว่าแปลกน่าดู ผมเลยหันกลับไปดูมันหน่อย
   “สน...” ไอ้วิทย์เรียกชื่อผม ทำหน้าม่อยๆ อยู่ในความมืดสลัวของห้อง ผมมองหน้ามัน “เป็นไรอีกน่ะ?”
   มันไม่ตอบ แต่ทำหน้าเศร้ากว่าเดิม ก่อนจะสั่นศีรษะเหมือนพระเอกมิวสิกวิดีโอที่ถูกนางเอกตัดรักแล้วเดินตากฝนโชว์หล่อ ผมหรี่ตามองมัน ก่อนจะทอดเสียงอ่อนโยน “โกรธเหรอ.... แต่เล่นมุกนี้ฉันไม่หลงกลหรอก ฮ่าๆ”
   พูดจบก็รีบเปิดประตูออกไปทันที ได้ยินเสียงมันตะโกนไล่หลัง “หนอย ไอ้สน!!!”
   โชคดีที่เป็นบ้านสองชั้น แล้วก็ไม่ได้สูงเป็นเทือกเขาเอเวอเรส ผมกับไอ้วิทย์เลยไม่ต้องเล่นเป็นพระเอกนางเอกหนังอินเดีย ที่วิ่งไล่กันวนไปวนมาบนเขาสามลูก ถึงอย่างนั้นพอเหลือบันไดสามขั้น ผมยังอุตส่าห์ย่นระยะด้วยการกระโดดลงไปทีเดียว
   บึก!!!
   ผมยังไม่ทันได้ทรงตัวดี ไอ้คุณวิทย์ก็กระโดดลงมา กระแทกใส่หลังผมจนหน้าแทบคว่ำ ไอ้บ้า! เห็นผมเป็นเบาะลมหรือไง กระโดดใส่เข้ามาได้
   ขณะที่ผมหวุดหวิดหวาดเสียวว่าวันนี้คงได้กบาลแยกเพราะโหม่งพื้นกระเบื้องด้วยการทำมุมสี่สิบห้าองศาเสียแล้ว ไอ้คุณวิทย์ก็ส่งความรับผิดชอบมาช่วยเหลือผมไว้ทัน ด้วยการยื่นมือมาคว้าตัวผมเอาไว้............ ก่อนนะล้มลงไปทั้งคู่
   พลั่ก!!!
   เสียงผู้ชายสองคนล้มลงไปบนพื้น ฟังดูประหนึ่งกระสอบข้าวสารสองกระสอบที่ถูกโยนลงจากรถบรรทุก โดยปราศจากคนงานคอยอุ้มชู อ้อ แต่เผอิญผมไม่ใช่กระสอบข้าวสาร ที่หล่นแล้วอย่างมากก็แค่ขอบถุงแตก ผมกับไอ้วิทย์หล่นลงพื้นด้วยความแรงขนาดนี้ มันต้องมีอะไรบุบสลายบ้างแน่ๆ
   เฮ้ย แต่แปลก ผมไม่ยักจะเจ็บเท่าไหร่ หรือพื้นกระเบื้องจริงๆ มันนิ่ม?
   แต่พอผมมองไป ไม่ใช่กระเบื้องหรอกที่นิ่ม แต่ไอ้วิทย์มันถูกผมทับไว้อีกทีต่างหาก เจอแบบนี้ผมเลยรีบลุกทันที “เฮ้ย ขอโทษ เจ็บมากป่าว”
   ไอ้เพื่อนเลิฟของผมหน้าซีด รีบพยักหน้าทันที “เจ็บโคตร สงสัยกระดูกซี่โครงหัก”
   “หา!?” ผมร้องด้วยความตกใจ “จริงเดะ? เฮ้ย” ผมว่า แล้วรีบคลำป้อยๆ ไปตรงหน้าอกมัน “ตรงไหนวะวิทย์”
   “ตรงนั้น ต่ำอีกๆ” มันว่า ผมก็คลำตามมันว่า คลำๆ ไปชักจะต่ำเกิน ผมเลยหันไปถามัน
   “ไหนว่ากระดูกซี่โครงไงวะ?”
   “เฮ้ย ท้องก็จุกเหมือนกันนะโว้ย” มันตอบ ผมมองหน้ามัน แล้วถามอีก “เจ็บจู๋ด้วยแมะ?”
   “เออ...” มันตอบด้วยหน้าตาจริงจัง “ขาแกกระแทกไปเต็มๆ เลย ไม่รู้สึกตัวเลยหรือไง”
   “จริงเดะ?!” ผมพลอยตกใจไปกับมันด้วย ได้ยินเสียงไอ้วิทย์พูดต่อ “จริงสิวะ โคตรเจ็บเลยเนี่ย สูญพันธุ์รึเปล่าไม่รู้”
   “เฮ้ย ไม่ร้ายแรงขนาดนั้นมั้ง” ผมเกิดรู้สึกผิดขึ้นมาทันที น้องชายใครใครก็หวงนะ แล้วมันเป็นเพื่อนรักผม เกิดต้องมาพิการเป็นขันทีเพราะผมเป็นเหตุ แบบนี้เกิดมันบังคับให้ผมรับผิดชอบขึ้นมา ผมจะทำไงล่ะ ผมหรี่ตามองมัน “วิทย์ ฉันว่ามันใช้ได้นะ”
   “รู้ได้ไงวะ?”
   “เดี๋ยวแกก็รู้” ผมว่า แล้วค่อยๆ เลื่อนมือไปลูบเป้ากางเกงมันเบาๆ ไอ้วิทย์สะดุ้งเฮือก แล้วจับมือผมเอาไว้ “ร้ายนะเนี่ย”
   ผมยิ้มให้มันหน่อยๆ “เขาเรียกรู้ทันคุณวิทย์ต่างหาก....”
   ไอ้วิทย์เม้มปาก ขณะปล่อยให้ผมลูบเป้ามันไปเรื่อยๆ อันที่จริงผมไม่ใช่คนลามกอะไรหรอกนะ แต่เจอไอ้เพื่อนเวรแบบนี้เล่นบ้าๆ ใส่หลายหน ผมก็ต้องเอาคืนมันบ้างเหมือนกัน
   “ไหนว่าลุกไม่ขึ้นไง ชี้เด่เชียว” ผมว่า หลังจากสัมผัสถึงสิ่งที่นูนขึ้นมาใต้เป้ากางเกงของมัน ไอ้วิทย์ส่งเสียงงึมงำ “เข็มขัดโว้ย เข็มขัด ถอดออกก่อนเดะ แล้วจะรู้ว่ามันยังลุกไม่ขึ้น”
   แน่ะ.. เป้าแกกับเข็มขัดมันคนละตำแหน่งกันเลยนะเฟ้ย คิดว่าฉันตาถั่วหรือไง
   ถึงอย่างนั้นผมก็ยังแกล้งทำเป็นเออออ แล้วถอดเข็มขัดมันออก อืม.. มันเอามือออกไปจากแขนผมแล้วล่ะ แต่มันดันเอามาจับเอวผมไว้แทนน่ะสิ
   “เฮ้ย!!” ผมร้องลั่น ตอนที่ไอ้วิทย์ลุกพรวดขึ้นมาเล้วจับผมไปนั่งบนตักมัน โอ๊ย แม่จ้าว ไอ้น้องชายมันที่ผมเพิ่งปลุกไปเลยดุนร่องก้นผมเต็มๆ เลย นี่ขนาดว่าต่างฝ่ายต่างใส่กางเกงอยู่นะ
   “อึดอัดว่ะสน” มันพูด ผมเลยถลึงตาใส่ “อึดอัดก็ปล่อยสิวะ จะได้ลุก”
   “ไม่เอา แบบนั้นก็อึดอัดฟรีเดะวะ” มันตอบหน้าเฉย แล้วกระดกเอวขึ้นมาหน่อย “เฮ้ยสน ถอดกางเกงออกหน่อยสิ”
   “บ้าเรอะ!” ผมแหกปากใส่หน้ามัน “ปล่อยนะโว้ย ไอ้วิทย์ อย่ามาทำอะไรกันกลางบ้านได้มั้ย? อายผีบ้านผีเรือนบ้างเหอะ”
   “เฮ้ย คราวก่อนไม่เห็นบ่นงี้”
   “ก็คราวก่อนมันในบังกะโล บนเตียง นี่มันกลางบ้านเลยนะโว้ย ประตูก็อยู่ตรงโน้น ใครมองเข้ามาก็เห็นหมดอะ” ผมใส่มันยกชุด ไอ้วิทย์พยักหน้าหงึกๆ “งั้นแค่ไม่มีใครเห็นก็สิ้นเรื่องสินะ” พูดจบมันก็ลุกขึ้น ลากตัวผมไปเข้าห้องน้ำ
   เฮ้ยๆ ผมว่าไอ้เพื่อนบ้านี่เข้าใจผิดประเด็นไปกันใหญ่แล้ว
   “วิทย์”
   “หืม?”
   “ห้องน้ำก็ไม่เอาโว้ย” ผมโวย พลางนึกว่าทำไมมันถึงได้เป็นคนเข้าใจอะไรยากนัก ทั้งๆ ที่ปกติมันก็เรียนดีแท้ๆ แต่พอผมพูด กลับสื่อไม่ตรงกับมันสักอย่าง หรือสมองไอ้วิทย์จะมีปัญหากับการรับรู้เสียงผม?
   “แหม... ลองท่ายืนบ้าง ไม่เป็นอะไรหรอกน่า แถมมิดชิดดีด้วย ไม่มีใครเห็นหรอก” มันกระซิบ ก่อนจะผลักผมเข้าหาอ่างล้างหน้า ผมเลยต้องรีบเอามือยันกระจกไว้
   “อ๊ะ!”
   ไอ้วิทย์ไม่พูดพล่ามทำเพลง มันอ้าปากเลียหูแล้วลามไปซอกคอผมทันที โห... ผมชักรับความซกมกของมันไม่ได้เข้าทุกที นี่ผมยังไม่ได้อาบน้ำเลยนะเนี่ย
   “ไม่เหม็นเหงื่อหรือไงวะ?” ผมอดถามมันไม่ได้ แต่เสียงที่ถามก็วะหวิวเต็มที่ มันหอมแก้มผมทีหนึ่ง แล้วพูดซะน่าชื่นใจ “ดมกันมาเป็นสิบปีแล้ว จะเหม็นไรวะ อยากดมใกล้ๆ มาตั้งนาน”
   ไม่น่าเชื่อว่าแค่ทำพูดก็ทำให้ผมเคลิ้มได้ แต่เดี๋ยวสิ นี่ไม่ใช่เวลามาเคลิ้มนี่นา
   “วิทย์!”
   “อะไรอีกวะ?”
   “ล็อกประตูห้องน้ำยัง?” โอ๊ยยย ผมนึกด่าตัวเอง ทำไมต้องถามอะไรแบบนี้ ผมอยากจะบอกมันว่า ออกไปจากตัวผมที ช่วยเอาผมกลับไปส่งบ้านโดยไม่ต้องทำอะไรพิสดารจะได้มั้ย แน่นอนว่าไอ้วิทย์ไม่มีทางได้ยินเสียงในใจผม มันเลยตอบทันที “ล็อกแล้ว”
   แต่ผมมีหรือจะไม่รู้สันดานมัน แค่ไอ้ที่ดุนก้นผมอยู่ ก็บอกเจตนาของมันโต้งๆ อยู่แล้ว แต่สงสัยเพราะหลังๆ โดนมันทะลวงด่านบ่อยเหลือเกิน ผมโดนจับโดนลูบไม่นานก็มีอันหลังอ่อนขาอ่อน ได้แต่รอให้มันจัดการให้เสร็จๆ
   ที่จริงต่อให้ผมออกแรงขัดขืนมันขนาดไหน สุดท้ายมันก็ต้องจัดการจนได้อยู่ดี
   คนอย่างไอ้วิทย์เคยมีความเกรงใจกับเขาที่ไหนกันล่ะ
   ดังนั้น ผมเลยเลือกทางที่เปลืองแรงน้อยที่สุด โดยการยอมมันแต่โดยดี
   ฉลาดดีมั้ยล่ะผม...?
   โอ๊ย!! ไอ้เพื่อนเวร นึกจะดันก็ดันพรวดเข้ามาอีกแล้ว เห็นก้นผมเป็นอะไรวะ ไม่ใช่ซิลิโคนเสริมเหล็กนะ นะได้ทนทานและยืดหยุ่นกับแรงกระแทกนะ
   “วิทย์! ช้าหน่อย อ๊ะ!” ไอ้เพื่อนบ้าไม่เคยฟังผมสักที พอใส่เข้ามาได้มันก็เริ่มขยับเข้าออก แถมยังยื่นจมูกมาพ่นลมหายใจแรงๆ ของมันใส่หูผมอีก เท่านั้นไม่พอ มันเปิดไฟห้องน้ำไว้ แล้วก็ทำผมตรงหน้ากระจกพอดีเป๊ะ ถึงมันล็อกประตูห้องน้ำแล้ว ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครเห็น ผมไง ผมเห็นเต็มๆ เลย
   โอ๊ยยย จะตายแล้วววว!!!
   ไม่นึกมาก่อนว่ามีอะไรกัน ผมกับมันจะทำหน้าแบบนี้กัน น่าอายโคตร เสียงก็ไม่ไหวนะ แต่.. โอย... ทำไมของผมมันขึ้นเอาๆ ก็ไม่รู้
   “ชอบมั้ยวะสน หน้ากระจกน่ะ” ไอ้เพื่อนเวรตะไลของผมกระซิบข้างหูด้วยเสียงพร่าๆ แถมยังกระดกเอวไม่หยุด ถึงผมอยากพูดว่าชอบก็พูดไม่ออกหรอก ก็มันเล่นทำไม่ปล่อยให้ผมหายใจหายคอบ้างเลย แค่ครางอย่างเดียวผมก็แทบจะตายอยู่แล้ว
   ไอ้เพื่อนบ้า!!
   ในที่สุด หลังจากกระแทกกันจนผมคิดว่าตัวเองคงทะลุเข้าไปในกระจกเป็นทวิภพได้ก็วันนี้ ไอ้วิทย์ก็เสร็จภารกิจ แน่นอนว่ามันไม่ยอมเสร็จคนเดียว ก่อนหน้านั้นมันชิ่งส่งผมไปรอก่อนแล้ว ไอ้น้ำขุ่นๆ ของผมเลยเปรอะเต็มพื้น ในขณะที่ของมันเปรอะเต็มร่องก้นผม... นี่ยังไม่รวมในก้นผมนะ... ยุติธรรมดีไหมล่ะ?!
   แต่วิทย์มันยังมีมนุษยธรรมเหลืออยู่ในหัวใจของมันอยู่หน่อย เลยค่อยๆ ประคองผมนั่งลงบนชักโครก แล้วช่วยฉีดน้ำล้างไอ้รอยที่ผมทำเปรอะไว้ จากนั้นมันก็ส่งหัวก๊อกให้ผม “เอ้า ล้างซะ หรืออยากเก็บไว้?”
   ผมรีบฉวยก๊อกน้ำมาจากมัน แล้วทำความสะอาดตัวเองโดยเร็ว ไอ้เพื่อนเวร ไม่ต้องอยากจะทิ้งร่องรอยเอาไว้ขนาดนี้ก็ได้
   ไหนๆ ก็เปิดน้ำแล้ว ผมก็เลยถือโอกาสล้างรอยล้ำลายตามคอตามหลังเสียด้วยเลย ไอ้วิทย์ทำหน้าเหมือนคนเป็นโรคแล้วถูกสังคมรังเกียจ “ต้องล้างขนาดนั้นเลยเหรอวะ?”
   “เออเดะ มันเหนียวนะโว้ย” ผมว่า มันทำหน้าม่อยๆ แล้วพูดเสียงเบา “ไม่เชื่อว่ะ วันหลังแกลองทำให้ฉันบ้างสิ”
   “ให้ตายก็ไม่ทำโว้ย” ผมโวย ก่อนจะใส่เสื้อผ้าที่เปียกน้ำเป็นหย่อมๆ แล้วพูดกับมันด้วยน้ำเสียงจริงจัง “กลับกันได้แล้ว”
   “ก็ได้” คราวนี้ไอ้คุณวิทยายอมตกลงแต่โดยดี คงเพราะมันเสร็จสมอารมณ์หมายไปเรียบร้อยแล้ว ผมน่าจะรู้ตัวแต่แรกว่ามันแค่หลอกผมาเปลี่ยนที่”ฟัน”เท่านั้น แค่คิดก็โมโหจริงๆ มันเคยนึกเกรงใจผมบ้างไหมเนี่ย?!!!
   “สน ชอบบ้านมั้ย?”
   “ถามทำไมวะ?” ผมมองหน้ามัน ขณะที่เราสองคนกำลังเดินมาที่รถ แน่นอนว่ามีแต่ผมที่ต้องเดินขาถ่าง ไม่ใช่ขาโก่งนะ เจ็บก้นต่างหาก!
   “เดือนหน้าย้ายมาอยู่ด้วยกันนะ” มันพูด พลางโอบเอวผม “เดี๋ยวไปดูเฟอนิเจอร์กัน เอาเตียงนอนแบบคิงไซต์หรือธรรมดาดี แกจะได้นอนเบียดฉัน อบอุ่นดี”
   “เมาป่าววะ? ใครจะย้ายมาอยู่กับแก ไกลมหา’ลัยตายชัก” ผมว่า มันรีบโอบเอวผม แล้วกระซิบอย่างกับสามีกำลังป้อนคำหวานภรรยา “ก็ขับรถไปด้วยกันไง แกนั่ง ฉันขับ แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว เราจะได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง แบบไม่ต้องกลัวคนข้างห้องจะได้ยินเสียงไง”
   โหย สมองมัน.. คิดได้จริงๆ ผมทนไม่ไหวต้องทุบมันทีหนึ่ง “ไม่เอาโว้ย อยู่หอก็ดีอยู่แล้ว”
   “ไม่ดี”
   “ดี”
   ไอ้วิทย์เลิกเถียง แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด แน่ะ จะโทรไปฟ้องพ่อมันเหรอ เชิญๆ พ่อมันไม่ใช่พ่อผม ฟ้องไปก็เท่านั้นแหละ
   “สวัสดีครับ น้าวรรณเหรอครับ” ทันทีที่มันอ้าปากทักคนปลายสาย ผมสะดุ้งเฮือกทันที นั่นมันชื่อแม่ผมนี่หว่า ไอ้วิทย์พูดต่อโดยไม่สนใจสีหน้าเหมือนคนถูกยิงอัดด้วยปืนอัดลมผสมแก๊สไข่เน่าของผม
   “ผมว่าจะชวนวิทย์ให้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน ใช่ครับคุณน้า บ้านผมเองน่ะครับ สนมันอยู่คนเดียว เป็นห่วงมันน่ะครับ อ้อครับ ผมก็อยู่คนเดียวเหมือนกัน มาอยู่ด้วยกันก็ดีใช่ไหมล่ะครับ? แต่คุณน้าคุยกับมันหน่อยสิครับ มันฮึดฮัดไม่ยอมย้ายท่าเดียว สงสัยจะเกรงใจผมน่ะครับ”
   ผมว่าผมกับมันเลยจุดเกรงใจกันมานานแล้วล่ะ แต่มันก็ยังอุตส่าห์ส่งโทรศัพท์ให้ผม “สวัสดีครับแม่...”
   “สน... วิทย์เขาชวนไปอยู่ด้วยใช่ไหมล่ะ ไปอยู่ด้วยกันก็ได้นี่ มีคนช่วยดูแลแม่จะได้ไม่เป็นห่วงมาก อีกอย่างวิทย์เขาก็รับผิดชอบดี”
   ตรงไหน!!!!?? ผมเถียงเสียงลั่นในใจ แต่ปากก็ตอบไปว่า “เกรงใจพ่อแม่เขานะครับแม่”
   “อืม... ช่วยเขาจ่ายค่าน้ำค่าไฟก็ได้ แม่อยากให้ลูกมีเพื่อนอยู่ด้วยบ้าง เผื่อเป็นอะไรไปจะได้มีคนช่วยดูแลไง”
   ไอ้วิทย์รีบพูดแทรกทันที “พ่อแม่ผมไม่ว่าอะไรหรอกครับ ดีใจซะอีก ผมจะได้มีเพื่อนอยู่ด้วย”
   “นั่นสิ” แม่ผมเออออห่อหมกทันที ทั้งๆ ที่มันพูดอยู่วงนอกแท้ๆ “สนก็ไปอยู่กับวิทย์เถอะ ไม่ต้องเกรงใจหรอก แม่ไม่ว่าจ้ะ”
   ผมไม่ได้เกรงใจ ผมกลัวก้นพังต่างหาก!!!!
   ผมได้แต่ร่ำร้องตะโกนอยู่ในใจด้วยความโศกเศร้าอย่างสุดซึ้ง แต่ไอ้วิทย์กลับยิ้มหน้าระรื่น ก่อนจะคว้าโทรศัพท์จากผมไป “สนมันซึ้งมากเลยล่ะครับแม่ น้ำตาไหลเลย ผมคุยแทนนะครับ”
   “อ้อ จ้ะ สนเขาบ่อน้ำตาตื้นอยู่แล้ว งั้นฝากวิทย์ดูแลด้วยนะจ้ะ”
   “ครับ” ไอ้วิทย์ตอบ พร้อมเปิดลำโพงให้ผมได้ฟังทุกถ้อยคำ ผมอยากจะตะโกนออกไปจริงๆ
   แต่... มันจะได้อะไรขึ้นมา นอกจากเรื่องจะเข้าตัวผมล่ะ วิทย์คงไม่มีปัญหา ผมนี่สิ จะมีปัญหาแทน
   “เป็นอันตามนี้นะเว่ยสน มีเวลาให้แกเดือนหนึ่ง ระหว่างนี้เราไปซื้อเฟอรนิเจอร์กัน”
   “ไม่เอาโว้ย”
   “แม่แกตกลงแล้วนา แกจะเป็นลูกอกตัญญู ขัดใจแม่หรือไง”
   เกี่ยวกันตรงไหนวะ?!
   “ไปๆ ขึ้นรถ” พอเห็นผมเงียบ มันก็ดันผมเข้ารถอย่างกับต้อนวัวต้อนควาย ก่อนจะถอยรถออกไป
   “สน อาทิตย์หน้า ไปงานเฟอร์นิเจอร์โชว์ที่เมืองทองกัน”
   “ไม่ไป”
   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวชวนน้องแก้วไปแทนก็ได้...”
   ผมหันไปมองเพื่อน คิดจะใช้ลูกไม้เก่าผมไม่หลงกลหรอก “ไม่ไปโว้ย”
   “ก็ไม่ได้บอกให้ไปนี่ จะไปกับน้องแก้ว”
   “น้องแก้วเกี่ยวไรวะ?”
   “น้องแก้วเซนซ์ดี คงพอจะเลือกเตียงนอนที่เหมาะกับเราสองคนได้หรอก เผื่อๆ จะให้เลือกเสื้อนอนวาบหวิวให้แกด้วยเลย บิกินี่เลยดีมั้ย?”
   “งานเฟอร์นิเจอร์ไม่ใช่เหรอวะ?” ผมถามทันที เพื่อนผมที่ขับรถอยู่ยักไหล่ “ดูเสร็จแล้วพาไปต่อที่อื่นก็ได้นี่ พาไปดูชั้นในด้วยดีกว่า ว่าแบบไหนจะเหมาะ”
   “นี่แกพาเด็กผู้หญิงไปดูของแบบนั้นได้ไง”
   “ก็แกไม่ไปเองนี่หว่า... เฮ้ย ไมได้บังคับนะ ไม่อยากไปก็ไม่ไป” มันตอบ พลางลอยหน้าลอยตาขับรถ ถ้าไม่ติดว่าผมขับรถไม่เป็น แล้วกลัวว่ารถจะพุ่งไปจูบเสาไฟฟ้าด้วยความเร็วร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงล่ะก็ ผมคงจับไอ้เพื่อนบ้านี่หักคอไปแล้วล่ะ

   ถึงมันจะมีบ้านเป็นหลังๆ มีรถหรูๆ ขับ แต่มันกลับมัดมือชกเพื่อนสนิทอย่างผมแบบนี้ มันจะมีสมบัติผู้ดีได้ไง
   ให้ตายนายสนทยาก็ไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด!!!
   เพราะงั้น ใครก็ได้ ช่วยมาสั่งมาสอนให้มันเข้าใจเรื่องนี้ที ก่อนที่ผมจะต้องไร้สมบัติผู้ดีตามมันไปอีกคน!!
------------------------------------------------------------
**มาอัพต่อล่ะค่า^^"

ออฟไลน์ harumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-33
บางทีก็หมั่นใส้สนนะ
โดนไปก็ตั้งหลายครั้ง
ยังจะมาบอกว่าเป็นเพื่อนกันอีก
เพื่อนที่ไหนเค้าทำกันอย่างนี้
จะซื่อบื่อยังไงก็ให้มันมีขอบเขตหน่อย

แล้วก็นะพี่วิทย์
ถ้าพูดยังไงก็ยังไม่เข้าใจ
ให้พ่อกับแม่ไปขอเลย

ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ายยยยย ได้ฤกษ์ได้ยามมาอ่านเรื่องนี้แล้วค่ะ
จากที่ไปค่าย มาสามวัน แล้วพอกลับมาก็โดนงานสุม(ที่จริงโดดงานไปค่ายไง พอกลับมาเลยต้องรีบเคลียร์)

ตอนนี้ว่างแล้ววววว คิดถึง สนกับวิทย์มากค่ะ! อยากไปดุบ้านด้วยเลย เอิ้กๆๆ

คนรวยทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดจริงๆ สร้างบ้านโปรเจค…ฮ่าฮ่า นึกว่าจะทำเป็นโมเดลกระดาษ โมเดลไม้
ที่ไหนได้ สร้างซะอยู่ได้จริงๆ
แอบทำโรแมนติกด้วยการที่ห้องนอนอยู่ตรงกับทิศตะวันตกด้วยน้า
ตอนเย็นๆก็นั่งดูพระอาทิตย์ตกด้วยกันสองคน อ๊ายยยยยย โรแมนติกมากกกกกก

แต่สนคะ….เมื่อไหร่คุณจะโรแมนติกตามคุณวิทย์สักที??? ฮ่าฮ่าาาา
ไม่เคยโรแมนติก รำคาญคุณวิทย์ แถมทำตัวซึนไปวันๆ
แต่ได้ข่าวว่าครั้งนี้เริ่มก่อน ไปสนใจน้องชายคุณวิทย์ เพราะอยากทดสอบเอง ว่าน้องชายคุณวิทย์ใช้การได้จริงๆใช่มั๊ยคะ? เอิ้กๆๆๆๆ

ตอนนี้ สนแรว๊ง!!!! (ได้ข่าวว่าแอบแรงมาตั้งนานแล้วนะคะ)

สรุปแล้ว เรื่องนี้ทั้งคุณสน ทั้งคุณวิทย์ แรงพอกันทั้งคู่

คิดถึงน้องแก้วด้วยค่ะ ฮ่าฮ่า สาววายตัวแม่ ที่คอยอุ้มชู คู่วิทย์กะสน อิอิ
เป็นคนสมานฉันท์ความรัก(?) คุ่นี้ได้ดีเหลือเกิน

เพราะถ้าสนทำตัวซึนไม่เข้ากับกาละเทศะทีไร คุณวิทย์ก็เอาน้องแก้วมาอ้างได้ทุกที ฮ่าฮ่า
สนเอ้ยยยยยย อย่างนี้ก็ไปไหนไม่รอดหร๊อกกก เหมือนจะทันความคิดวิทย์นะ…แต่สุดท้าย ก็ตกม้าตายอยู่ดี
ฮ่าฮ่าาา

ปล. คิดถึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆๆ  มาบ่อยๆนะครับ

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
โอ้ย คิดถึง

มาอยู่ห้องไม่จบซะงั้น กระซิกๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage

AB^Ton^

  • บุคคลทั่วไป
สนเอ๊ยย นายมันเด็กน้อย จะไปทันเจ้าวิทย์ได้งัย อ่ะ หนังสือสมบัติผู้ดี เอาไปต้มให้เจ้าวิทย์กิน อย่าเผลอไปกินเองหล่ะ เดี๋ยวจะเดือดร้อนกว่าเดิม 555+

ออฟไลน์ poterdow

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
น้องแก้วววว  ขวัญใจเจ้เลยลูกกกก เหมๆๆๆท่าทางสนจะเป้นพวกมาโซอ่อนๆสินะ สินะ :mew1:

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
วิทย์ - สน คิดถึงมากกกกกกก อ่านรอแล้วรออีก
คิดถึงวิทย์ ที่ไม่มีความเกรงใจ
โคตรจะไม่มีสมบัติผู้ดี
คิดถึงสน ที่ยังไงก็ตามวิทย์ไม่ทัน
โดนวิทย์หลอกประจำ
ไร้ท มาเยี่ยม มาหา นะะะะะ
คนอ่านรอแล้ว
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด