จอมใจนักเลง
Part 25
ของขวัญวันเกิด
.
.
.
.
.
“จอม!!”
ผมตะโกนลั่นเรียกชื่อน้องสุดเสียง ไม่มีเสียงขานตอบทุกอย่างเงียบไปถนัดรอบข้างมืดสนิท
จู่ๆแสงไฟในสนามตามต้นไม้กิ่งไม้ก็สว่างระยิบระยับเหมือนดาวดวงน้อยๆ เปล่งแสงสีขาวนวลวอมแวมขึ้นมา ที่แท้มันคือ
ไฟกระพริบคล้ายแสงดาว ซึ่งกระจายกันส่องแสงขึ้นมาทีละจุดๆ พร้อมกับการร้องประสานเสียงโดยไม่มีดนตรีก็ดังตามมาด้วย
“ให้โชคดีสุขขีวันเกิด สิ่งประเสริฐใดหวังตั้งใจ ให้ได้สมดั่งฝันใฝ่ จิตแจ่มใสทุกวันทุกคืน
ให้ร่ำรวยเงินทองยศศักดิ์ ให้คนรักมากมีดาษดื่น ทำสิ่งใดจงลุล่วงราบรื่น อายุยืนปลอดโรคปลอดภัย แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทูยูๆๆๆ”
เสียงขับร้องดังกังวานอย่างไพเราะพร้อมเค็กวันเกิดขนาดใหญ่ที่เริ่มจุดเทียนกว่า 20 เล่ม ตามอายุเจ้าของวันเกิดตรงโต๊ะ
ก็สว่างขึ้นทีละเล่มๆ แวดล้อมด้วยไฟกระพริบสีขาวที่ส่องแสงระยิบระยับงดงามทั่วทั้งสนามสร้างบรรยากาศยังกะอยู่ท่ามกลาง
หมู่ดาวนับร้อยนับพันดวง
สุดหล่อของผมยืนนิ่งสงบอยู่กับตะเกียง เสียงร้องไห้เสียงสะอื้นไม่มีให้เห็นแล้ว ดวงตาคมสวย
วาววับด้วยน้ำคลอหน่วยในขณะที่สองข้างแก้มยังมีคราบน้ำตาหลงเหลือให้เห็น จ้องมองยังกลางสนามด้วยใบหน้านิ่ง
ซึ่งขณะนี้พวกเพื่อนสนิท เจ้าตั้ม เจ้าก้อง เจ้าเกียรติ น้องอ้อย และไอ้พรต ไอ้รัน ต่างยืนเป็นกลุ่มร่วมร้องเพลง
ประสานเสียงให้กับเทพบุตรที่จ้องมองตาไม่กระพริบ
ตามด้วยเสียงผม ตะเกียง และไอ้โต๋ที่ร่วมร้องประสานขึ้นด้วย ผมก้าวเดินเข้าไปหาน้องช้าๆ
เพิ่งรู้ว่าไอ้โต๋มันมาเดินตีคู่ด้วยเราพากันเดินเข้าไปหาสุดหล่อและตะเกียง พอไปถึงผมรีบกระซิบใส่หูน้องว่า
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับ ดวงใจของพี่” น้องเหลือบตามองผมนิ่งก่อนจะเบือนหน้ากลับไปจ้อง
ในสนามโดยไม่สนใจผมเลย ในขณะที่เสียงร้องเพลงอวยพรวันเกิดวนซ้ำขึ้นอีกครั้ง ผมรู้ว่าน้องกำลังโกรธ
ถึงไม่ยอมเอ่ยปากพูดกับผม
ตะเกียงยิ้มล้อเลียนผมซะงั้น ก่อนจะพยักหน้าส่งสัญญาณให้จูงมือน้องเดินเข้าไปในสนาม
ผมเลยถือโอกาสฉวยข้อมือเทพบุตรแสนงอนให้เดินตามไปยังโต๊ะวางเค็กซึ่งปักเทียนสว่างรอเจ้าภาพไปเป่าอยู่
น้องเกร็งมือขืนไม่ยอมไปกับผมรู้เลยว่าโกรธผมมากเลยล่ะ แต่ผมก็ไม่ยอมปล่อยมือ
ตะเกียงตบไหล่ของน้องเบาๆ เป็นการส่งสัญญาณ จอมแสบถึงยอมให้ผมดึงมือพาเข้าไป
รวมกลุ่มกับเพื่อนๆ โดยตะเกียงกับไอ้โต๋เดินตามหลังมาด้วย
ตั้งแต่วินาทีที่เห็นน้องผมโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ยังไม่มีโอกาสได้พูดไรมากนอกจากกระซิบ
อวยพรให้ก่อน แต่น้องก็ยังไม่หายโกรธท่าทางงานจะเข้าผมอย่างแรง ทั้งที่เป็นแผนของเพื่อนผมร่วมมือกันคิดขึ้นนะเนี่ย
แม้จะคาดการณ์ไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วว่าคงมีงอนผมชัวร์
ผมพาจอมมาหยุดยืนตรงเค็กก้อนโต หน้าเค็กเขียนคำอวยพรชัดเจน
“สุขสันต์วันเกิด จอมใจนักเลง” จอมแสบยิ้มให้เพื่อนๆ หลังเพลงจบลงพร้อมเสียงปรบมือดังกึกก้อง
ก่อนเจ้าตัวจะหลับตาอธิฐานแล้วก้มลงเป่าเทียนดับทั้ง 20 เล่ม
“ฮิ้ววว!!! สุขสันต์วันเกิด ไงเซอร์ไพรส์ดิเพื่อนกู เล่นเอาพวกกูเองก็เซอร์ไพรส์ตามกันเป็นแถว
ได้เห็นน้ำตานักเลงในวันเกิด” เป็นไอ้ก้องปากไม่มีหูรูดเอ่ยแซวขึ้นมา ทำเอาสุดหล่อหน้าแดงก่อนยื่นมือไปโบกกบาลมัน
แล้วพูดขึ้นว่า
“พลั๊ก! มึงคนแรกที่ได้รับเซอร์ไพรส์จากกู” พูดจบน้องเอามือกำเค็กโป๊ะเข้าหน้ามันทันที
หลังจากนั้นเค็กขนาด 8 ปอนด์ก็กลายเป็นของเล่นที่เด็กๆ ต่างใช้มือป้าย แล้วไล่ละเลงหน้าทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งพวกผม
ที่พลอยโดนกันไปคนละนิดคนละหน่อยท่ามกลางเสียงหัวเราะสนุกสนานครื้นเครงทั่วสนาม
ถึงแม้จอมแสบจะหัวเราะร่า เล่นละเลงเค็กเป็นที่ถูกอกถูกใจ แต่น้องไม่ยอมป้ายผมแม้แต่น้อย
หางตายังไม่คิดจะแลผมด้วยซ้ำ สุดท้ายแล้วผมเศร้าอยู่คนเดียว..กรรม
ไอ้โต๋มันเห็นผมยิ้มเจื่อนๆ จึงเอาแก้วเหล้ามายัดใส่มือ ตอนนี้ไอ้พรตมันเปิดวงโดยตั้งโต๊ะไว้
ใกล้กับที่ยืนกันนั่นแหละ มิกเซอร์พร้อมสรรพ
“เอาน่า ทำหน้าเป็นหมาหงอยไม่สมเป็นมึงเลยไอ้ยักษ์หล่อ ยังไงก็ได้พิสูจน์แล้ว
ว่ามึงมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของน้องเค้าแค่ไหน สิ่งที่น้องมันแสดงออกมานั้น มากกว่าคำบอกรักอีกนะบอมย์
มึงควรดีใจถึงจะถูกต่อให้น้องโกรธมึงตอนนี้ เดี๋ยวแผนสองคงทำให้หายงอนเองแหละน่า
กูว่าดีเสียด้วยซ้ำ วันศุกร์ได้ฤกษ์เดินแผนแล้วด้วย ถึงเวลาอย่าเสือกใจอ่อนเป็นอันขาด
ไม่งั้นมีล่มแน่ มึงต้องทำใจแข็งเข้าไว้” คำพูดของไอ้โต๋ทำให้ผมคิดขึ้นได้ นั่นสิหากไม่เข้มแข็งเสียแต่ตอนนี้
ถึงเวลาผมจะทำได้หรือ เอาหวะเมื่อเพื่อนเตือนมาผมเลยลัลล้าไปกับพวกมันทันที ยกแก้วชนในกลุ่ม
ปล่อยพวกเด็กๆเลือกดื่มกันตามสบาย
ซึ่งจอมแสบก็เฮฮากับพวกเพื่อนส่งเสียงเจี้ยวแจ้วไปตามประสาวัยรุ่นเค้าล่ะ พวกน้องๆ ขอชนแก้ว
กับพวกผมบ้างตามมารยาท แต่ก็ไม่ได้เข้ามานั่งด้วย โชคดีพรุ่งนี้วันพฤหัสเป็นวันที่จอมแสบไม่มีเรียน ความจริงแล้ว
คืนวันพุธเป็นวันของผม เห็นที่งานนี้ท่าจะอดซะแล้ว
เฮฮากันเกือบห้าทุ่มก็ได้เวลาแยกย้ายกลับ พวกเด็กๆ ขอตัวกลับกันไปจนหมด จอมแสบขึ้นไป
อาบน้ำเพราะเลอะเค็กไปไม่น้อย เพื่อนผมก็ไม่ได้รั้งไว้ เหลือเพียงพวกผมที่ยังนั่งกันอยู่ห้าคน
“หึหึ! งานนี้น้องงอนมึงมากเลยนะบอมย์” ไอ้รันครับมันหัวเราะในคอก่อนจะตอกย้ำผมอีก
“สัด! แผนพวกมึงไม่ใช่ กูว่าเล่นแรงไปไหมว่ะ? ไม่คิดว่าจอมจะร้องด้วยซ้ำ ปกติเป็นคนเข้มแข็ง
ใจเด็ดไม่ใช่เล่นนะมึง” ผมบอกพวกมัน
“คนเรามีมุมอ่อนไหวกันทุกคนแหละ เพียงแต่อยู่ในสถานการณ์ใดมากกว่าพี่บอมย์ กรณีของจอม
ทำให้รู้เลยว่า พี่มีความสำคัญกับน้องมันมากแค่ไหน ถึงได้ใจเสียจนออกอาการขนาดนั้น” ตะเกียงพูดปลอบผม
ไอ้ดีใจก็มากอยู่หรอก ไอ้รู้สึกหดหู่ตอนโดนงอนก็แย่พอกัน
“คิดไรมาก เห็นมึงเป็นขนาดนี้เชื่อแล้วว่ารักน้องมันมากจริงๆ แล้วงี้แผนที่วางไว้มีเสี่ยงล่มไหมว่ะ?”
ไอ้โต๋มันพูดครับ
“นั่นดิ กูว่าน่ากลัวจะรอดยาก ขี้คร้านเหี้ยบอมย์เห็นน้องร้องขี้มูกโป่งแผนล่มชัวร์” ไอ้ห่าพรต
สนับสนุนอีกคน
“เอาไงมึงบอมย์ ตัดสินใจตอนนี้ยังทันนะโว้ย! ไม่งั้นแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วนะ เกิดมึงเสือก
ยกเลิกกลางคันตายหมู่กันเลยงานนี้” ไอ้รันครับ มันจ้องหน้าผมนิ่งกำชับผมอีกต่างหาก ผมไล่สายตา
มองหน้าพวกมันทีละคน ก่อนจะยืนยันหนักแน่นไปว่า
“ลุยเลย ฝากพวกมึงดูแลน้องมันด้วย อย่าให้เมียกูเป็นอะไรเด็ดขาด ถือว่ากูขอร้องละนะ”
ผมจ้องพวกมันรายตัว และก็เป็นไอ้โต๋ไม่ว่าจะกี่ปีฐานะหัวหน้ากลุ่มสิงห์โตดำของมันก็ยังองอาจไม่เคยเปลี่ยน
“ฟังกูนะบอมย์ มึงไม่ต้องห่วงและไว้ใจพวกกูได้เลย แผนนี้แม้จะเสี่ยงแต่ก็คุ้มค่าถ้าสำเร็จได้ด้วยดี
เสี้ยนหนามที่คอยทิ่มแทงมึงก็จะถูกเก็บกวาดเรียบ ที่สำคัญน้องจอมของมึงก็จะเข้มแข็งและแกร่งพอจะอยู่เคียงข้างมึงไปตลอด
ต่อจากนี้กูรับประกัน” ไอ้โต๋มันจ้องตาคมเข้มยืนยันคำพูดกับผม ทำให้ผมพยักหน้ารับและเข้าใจความหมายที่มันสื่อ
“คราวนี้ต่อให้ปากแข็งแค่ไหน ตะเกียงว่าน้องคงหลุดพูดความในใจกับพี่แน่นอน พี่จะได้รู้ว่าน้องเค้า
รู้สึกกับพี่มากแค่ไหนด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัวเชียวนะ” ครึ่งชีวิตของไอ้โต๋สำทับมาอีก ผมยิ่งมั่นใจจนเผลอหลุดยิ้ม
ออกมาเป็นครั้งแรกของคืนเลยหลังจากเหตุการณ์เซอร์ไพรส์จอม หรือมันกลับเป็นเซอร์ไพรส์ผมซะก็ไม่รู้
“อูยๆๆ..อิจฉาหวะ ทำไมไม่มีใครคิดแผนแบบนี้ให้กูพิสูจน์บ้างว่ะ?” ไอ้เหยี่ยวรั่วมันมาแล้วครับ
“ทำไม พี่พรตจะพิสูจน์อะไร?” ตะเกียงถามมัน พวกผมก็จ้องรอฟังคำตอบ ไม่เว้นแม้แต่ไอ้รัน
ที่พลอยนิ่งฟังเมียมันพูดเหมือนกัน
“อ้าว! ก็ไอ้บอมย์มันพิสูจน์เรื่องไรบ้าง พี่ก็อยากพิสูจน์เหมือนมันแหละ” มันตอบกำปั้นทุบดินครับ
แถมเสือกหน้าแดงมากขึ้นอีก ตอนแรกมันแค่นิดหน่อยคงเพราะแอลกอฮอลล์ที่มันดื่ม แต่ไม่ใช่ตอนนี้
เพราะมันแดงเถือกไปแล้ว
“หืม! มึงอยากพิสูจน์ว่างั้น” คนถามไม่ใช่ใครครับ ไอ้กุนซือเทพที่นั่งข้างมันนั่นแหละ
“ป่าววว! แค่คิดดูเล่นๆ คนอย่างกูมั่นใจเกินร้อย ไม่ต้องพิสูจน์ก็รู้” เสียงสูงแก้ตัวใหญ่เลยครับ
ตามันหลุกหลิกคนโง่เท่านั้นแหละถึงจะดูไม่ออกว่ามันกำลังแก้ตัวชัดๆ
“ตะเกียงพี่ว่าเราไปนอนดีกว่า” ไอ้โต๋ครับ มันกลั้นขำท่าทางไอ้พรตแม้จะเก็กหน้านิ่ง
แต่ผมดูออกว่ามันกำลังจะหมดความอดทน เลยหาเรื่องชวนเมียมันไปนอนดื้อๆ ซะงั้น
“อึม..ดีเหมือนกันเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เอาเป็นว่าแผนง้อน้องพี่บอมย์ไม่ลืมนะว่าต้องทำยังไง”
ตะเกียงเข้าใจว่าไอ้หล่อเทพมันชวนทำไม ก่อนไปยังไม่ลืมหันมาย้ำเรื่องแผนง้อจอมแสบอีกผมพยักหน้ารับ แล้วมันทั้งคู่
ก็เดินกอดกันไปอย่างน่าอิจฉา ร่างสวยของตะเกียงอยู่ในวงแขนของไอ้โต๋ที่กอดเอวเมียมันพาเดินกลับเข้าไปในบ้าน
หันมาเห็นไอ้พรตยกแก้วขึ้นจิบ ในขณะที่ไอ้กุนซือยังเหล่มองเมียรั่วมันนิ่งไม่มีขยับ
เออมึงจะเอาไงกัน เป็นไอ้พรตทนสายตาไอ้รันไม่ไหว พูดขึ้นมาก่อน
“อะไรเล่า มึงจะจ้องให้หวยขึ้นหน้ากูเลยรึ?” ฟังมันพูด ผมเกือบหลุดหัวเราะยังดีที่ยังไว้ทัน
ได้แต่กลั้นไว้จนท้องแข็งไปหมดแล้ว
“หึ...มึงอยากโดนใช่ไหม?” ว้าว! สุโค่ยเพื่อนกู ไอ้ห่ารันมันพูดนิ่งมากครับ น้ำเสียงอย่างเท่
สายตาไม่ละไปจากหน้าหล่อได้โล่ห์ของไอ้พรตเลยสักวิ
“จิ๊! มึงแม่งขู่กูตลอด เชี้ยเอร้ย! เห็นกูยอมให้หน่อยขู่ได้ขู่ดีเลยนะมึง” ท่าทางไม่ยอมโตของไอ้พรต
ใครได้เห็นมันตอนนี้เชื่อได้ไหมว่ามันอายุ 33 แล้ว
“มึงยอมกูเพราะอะไร ไหนบอกกูหน่อยดิ ในเมื่อมึงไม่จำเป็นต้องยอมกูก็ได้ถ้ามึงไม่อยากยอม”
ไอ้กุนซือแม่งก็เทพจริง ดูมันต้อนเมียรั่วดิ นี่ผมหน้าด้านนั่งเป็นสักขีพยานให้พวกมันอยู่หรือไง กำลังขยับจะปลีกตัวออกไป
แต่ไอ้รันครับ
“บอมย์มึงไม่ต้องไป นั่งเป็นพยานให้กูนี่แหละ” อ้าว! ซวยกูอีก ตกลงมึงดึงกูเข้าไปเกี่ยวซะงั้น
จะปฏิเสธก็ไม่กล้าเหอะ มันเล่นบังคับผมด้วยสายตาอีกคน ไอ้ห่ารันมึงแม่งระยำหวะ จะต้อนเมียเสือกดึงเพื่อน
เป็นตัวกดดันอีกตะหาก ผมเลยอึ้งนั่งนิ่งอยู่กับทีไปซะงั้น
“ตอบกูมาดิ เงียบทำไม” โห! โหดได้เรื่องเลยเพื่อนกู นี่มันอยู่กันมาเป็นสิบปี ไอ้รันมันมีมุมที่
พวกผมไม่รู้เลยเหอะ บทมันจะเอาเรื่องเมียรั่วน่ากลัวใช่หยอกเลยนะนั่น
“อะไรมึงเนี่ย! คำตอบห่าไรกูไม่มีให้ แล้วเป็นบ้าไรมาชวนกูทะเลาะหมดอารมณ์เลยกู” ไอ้เหยี่ยวรั่ว
มันเริ่มหัวเสียเสียงแข็งใส่แล้วครับ เออนั่นสิเรื่องมันเริ่มจากตรงไหน ถึงได้ไปๆมาๆ พวกมันมาแง่งใส่กันเฉยเลยเฮ้ย!
“ทะเลาะเหรอ เมื่อไหร่กูไม่เห็นรู้เรื่องว่าเรากำลังทะเลาะกัน มึงเห็นว่าพวกกูทะเลาะกันเปล่าบอมย์?”
อ้าว! ระยำจริงไอ้ห่านิ เสือกโยนมาให้ผมอีก กูเชื่อมึงแล้วไอ้กุนซือห่าราก
“เออไม่นี่ พวกมึงไม่ได้ทะเลาะกันเลย แต่กูงงว่าพวกมึงคุยไรกันอยู่ เอาเป็นว่ากูไม่ยุ่งเรื่องพวกมึง
โอเคไหม ตกลงกันให้เรียบร้อยคุยเหี้ยไรกันกูไม่เข้าใจ” ผมรีบออกตัว เตรียมขยับลุกหนีอีกรอบ แต่...
ต่อด้านล่าง