คุณน้องขรา นิยายคุุณน้องบรรยายซะขนาดนั้น ถ้าพี่ไม่รู้มาซักนิดนี้พี่ต้องนึกว่า
ประสบการ์จริงจากตัวน้องเลยแหละ เหอเหอ อ่านซะเห็นภาพเลย
จบแล้วรวมเล่นนะ พี่จองล้วงหน้า 2 ชุดเลยเอา แอบรักมานานแล้ว
ให้น้องสาวคนสวยนะ แถม +1
แหมพี่แอนขา ปายแซวน้องเขาด้ายยยยย เด๋วน้องพอนเน่(ใช่ป่าวหว่า ถ้าเรียกผิดขอโทดด้วยนะค๊า)
เขา เราจะอด :m25:กันน๊า(แซวเล่นนะค๊า) แต่น้องเขาแต่งเก่งเจงๆๆอ่ะ อ่านแล้ว
เคยเห็นเรื่องนี้ในเวปเด็กดีด้วยแต่เหมือนจะยังตามที่นี่อยู่ใช่ไหมคะ งั้นอ่านที่นี่ดีที่ซู้ดดด
:oว่าแต่เพ่แอนคนสวย ทำไมมาเช้าอย่างเนี้ยะ มามืดๆจิ เช้าอย่างนี้แนนยังม่ายตื่นอ่ะ
ว่าแต่
เรโอจะมา.......
แนนนี่นี่นี่นี่
น้องพอนนี่ :m12:นี้เค้าของจริงนะขอบอก :m4:ของเค้าดีจริงๆจินตนาการที่เลือดกระจายแหละ
อ่านหลายตอนแล้ว กระจายทุกตอน
+1 ให้ไอเดียแสนบรรเจิด อิอิ
เห็นป่ะนี้แค่เริ่มต้นของตอนนะ เล่นซะค้างกันเป็นแถว
พี่แอนกับพี่แนนพร้อมใจกันมาเลย โฮๆๆ
หาไหให้มุดหน่อยดิ อยากมุดไห
ปล. เอางี้เพื่อไม่ให้ระดับความดันเลือดของพวกพี่ๆทั้งหลายพุ่งสูงขึ้นจนเกิดอาการแทรกซ้อน ฉากNC ก็จะลดระดับลงและกัน
ด้วยรักและห่วงใย
...
คราวนี้มาวางบอมบ้าง ลูกเป้งๆเลย
คุณกายกับนายนิคของทุกๆคนจะทำยังไงต่อไปหนอ
================================
เป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆเหรอเนี่ย! ก็พอเรโอมันเจอหน้านายนิคก็เล่นจ้องตาเป็นมันขนาดนั้น แสดงว่ามันคงจะยังชอบนายนิคอยู่เป็นแน่!
นี่ถ้ามันรู้ว่าผมคบกับนายแบบหนุ่มที่มันปลื้มๆอยู่ล่ะก็... ไม่รู้มันจะว่ายังไง...
“กาย แกไปรู้จักกับนายแบบคนนั้นได้ยังไง” เรโอถามผมขึ้น แต่น้ำเสียงมันแปลกๆไงก็ไม่รู้
ผมมองหน้ามัน ก่อนจะหันกลับไปมองคนที่กำลังเดินตามมาแต่ไกล
“ก็ติดต่องานกับต้นสังกัดของเขา ก็เลยรู้จักกัน ทำไมวะ?” ผมตอบๆไปตามความเป็นจริงอันน้อยนิด ขืนอธิบายว่ารู้จักกันยังไงให้ไอ้นี่ฟัง เรื่องคงยาวจนข้ามคืนก็ยังไม่จบ
“แกไม่เห็นเคยบอกฉันเลย” มันหันมาจ้องตาผมนิ่ง แต่ผมหลบตามัน สายตาของมันเหมือนกับจะมองผมให้ทะลุถึงความเป็นจริงที่ซุกซ่อนอยู่ ทำให้ผมไม่กล้าที่จะจ้องมันตอบตรงๆ
“...ก็แกไม่เคยถาม แล้วฉันจำเป็นจะต้องรายงานแกในทุกๆเรื่องของฉันหรือไง” ผมตอบเสียงเรียบ พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด
ความจริงผมก็ไม่ได้ต้องการจะปิดบังเรื่องที่ผมคบกับนิคหรอก แต่ผมแค่ยังไม่พร้อม ขนาดน้องหยกเธอรู้ ผมยังทำตัวไม่ถูกเลย แล้วถ้าไอ้เรโอคนที่ใกล้ชิดกับผมที่สุดอย่างมันรู้เข้า... บอกไม่ถูกเลยว่าผมจะวางตัวยังไงดี
เรโอเพื่อนผมเป็นคนฉลาด ผมรู้ดีว่าอีกไม่นานมันก็ต้องรู้ความจริง คนช่างสักเกตอย่างมันจะต้องรู้ได้ในเร็ววันแน่ๆ และผมคิดว่าให้เป็นแบบนั้นจะดีกว่าให้รู้ความจริงจากปากผมเอง เพราะผมคงไม่กล้าพอที่จะสารภาพความจริงกับมันตรงๆหรอก ปล่อยให้มันคาดเดาอะไรเอาเองก็แล้วกัน...
แต่ที่ผมหนักใจคือ...มันจะยอมรับเรื่องนี้ได้ไหม แน่นอนว่าผมไม่ได้กลัวว่ามันจะรังเกียจผม และมันไม่มีทางแน่นอน เพราะมันเป็นคนๆหนึ่งที่เข้าใจในเรื่องแบบนี้เป็นอย่างดี สำหรับเรื่องนี้ผมไม่ต้องกังวลไป
สิ่งที่ผมกลัวคือ... ถ้ามันรู้ว่าอยู่ๆผมเกิดมีแฟนเป็นผู้ชาย แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่เคยมีวี่แววมาก่อน มันคงช็อคเลยแหละ
บอกตรงๆว่าผมไม่สามารถคาดเดาปฏิกิริยาของมันเมื่อรู้ความจริงได้เลย...
เมื่อผมขึ้นรถประจำที่นั่งคนขับ เห็นนายนิคทำท่าจะมานั่งข้างผม แต่ไอ้เรโอมันดันตัดหน้าเขาขึ้นมานั่งกับผมแทน ชนิดหน้าตาเฉย ผมหันไปมองนายนิคที่จำใจขึ้นมานั่งที่เบาะด้านหลังอย่างเห็นใจ เขาดูจะข่มอารมณ์ตัวเองสุดๆในเวลานี้... ซึ่งผมก็หวังว่าเขาจะมีเหตุผลพอที่จะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแค่นี้
ตลอดทางไปยังบ้านพักตากอากาศเรโอชวนผมคุยตลอดเวลา คุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ ทั้งเรื่องคราวก่อนที่เคยมาเที่ยวพักผ่อนกันที่นี่ ตลอดจนรื้อฟื้นความทรงจำเมื่อสมัยเรียนด้วยกันมาพูด ซึ่งผมก็อือๆออๆร่วมไปกับมัน แปลกใจอยู่บ้างที่อยู่ๆมันคิดอยากจะขุดคุ้ยเรื่องเก่าๆมาพูดถึง แต่ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร พูดถึงเรื่องเก่าๆก็เพลินดีเหมือนกัน
ระหว่างพูดคุยกันผมก็เหลือบมองหน้านายนิคทางกระจกมองหลังอยู่ตลอด เขาหน้าหงิกมากๆหันไปมองวิวข้างหน้าต่างตลอดทาง ไอ้เรโอมันก็ชวนนิคคุยบ้างนะ ก็มีถามนู่นถามนี่บ้าง แต่เขาแค่พูดตอบแค่คำสองคำก็เงียบไปทุกครั้ง หลังจากนั้นไอ้เรโอมันก็ไม่ชวนคุยอีก ก็นะ...เล่นทำหน้าบูดบึ้งซะขนาดนั้น ใครจะกล้าคุยด้วยล่ะ...
นายนิคดูเหมือนจะไม่ชอบเพื่อนผมคนนี้เอามากๆ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเลยว่าเป็นเพราะอะไร ทั้งๆที่พวกเขาเพิ่งจะเจอหน้ากันเองแท้ๆ
แต่ที่ผมไม่เข้าใจอย่างถึงที่สุดคือ เพื่อนผมเองนี่แหละ ตั้งแต่มันเจอหน้านายนิค ท่าทีมันก็แปลกๆไปจนผมจับต้นชนปลายไม่ถูก แวบแรกที่มันจ้องนายนิคอยู่นานแบบนั้น ผมมั่นใจเลยว่ามันชอบนายนิคอย่างที่เคยประกาศไว้กับผมก่อนหน้านี้ แต่การแสดงออกของมันกลับทำให้ผมงุนงง กลายเป็นเริ่มไม่มั่นใจในข้อสันนิฐานแรกไป เพราะดูมันจะไม่ค่อยสนใจหรือกระตือรือร้นกับนายนิค อย่างที่ควรจะเป็น...
“เย้! ถึงแล้ว” ไอ้เรโอร้องขึ้นเมื่อรถถึงที่หมาย รีบลงจากรถออกไปสูดกลิ่นอายทะเลในทันใด
“เป็นอะไรรึเปล่า?” ผมได้โอกาสถามนายนิคที่ยังนั่งหน้าบูดบึ้งอยู่บนรถ
“เพื่อนของคุณนี่มันยังไงกัน รู้สึกจะพยายามคุยแต่เรื่องของคุณที่มีแต่เขาเท่านั้นที่รู้ เขากำลังข่มผมชัดๆ” เขาบอกชักสีหน้าไม่พอใจสุดๆ
“คิดมากน่า... เพิ่งจะรู้จักกันเองเลยยังไม่รู้จะคุยอะไรกับนายมั้ง แล้วนายเองก็ทำปั้นปึ่งซะขนาดนั้น ถามคำก็ตอบคำ ใครมันจะอยากคุยด้วยต่อล่ะ”
“คุณไม่เชื่อผมเหรอ ผมดูมันไม่ผิดหรอก คนแบบนี้ไว้ใจไม่ได้หรอก คิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้...” เขายังคงยืนยันในความคิดของตัวเอง จนผมเริ่มรู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาตงิดๆ เขาเพิ่งจะเจอหน้าเพื่อนผมแท้ๆ เอาอะไรมาตัดสินว่าเพื่อนผมที่คบกันมาเป็นสิบปีไว้ใจไม่ได้!
“นั่นเพื่อนของฉันนะ นายเอาอะไรมาตัดสิน!” ผมสวนกลับไปเสียงดัง จ้องเขาเขม่งด้วยความไม่พอใจ
เขาชะงักไปกับท่าทีของผม ก่อนจะพูดน้ำเสียงประชดปนน้อยใจ “ครับๆ นั่นเพื่อนคุณนี่ ผมจะไปทำอะไรเขาได้”
เราจ้องตากันนิ่งเนิ่นนาน ก่อนที่ผมจะเปิดปากพูดด้วยเสียงที่อ่อนลง เพราะผมไม่อยากจะทะเลาะกับเขาด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ “ขอเถอะ อย่าเอาอคติของนายมาทำให้ฉันอารมณ์เสียอีก ถ้านายมีเหตุผลเพียงพอฉันจะไม่ว่าอะไรเลย...”
พูดจบผมก็ก็เปิดประตูรถออกไปเพราะเหลือบเห็นว่าไอ้เรโอกำลังจะเดินเข้ามาตามแล้ว พอมันเห็นผมออกมามันก็รีบลากผมออกไปเดินเล่นริมหาดทันที ผมหันไปมองนายนิคอีกครั้ง เห็นเขากำลังเดินเข้าไปในตัวบ้านด้วยสีหน้าซังกระตาย... ผมจึงได้แต่ถอนหายใจกับตัวเองเบาๆแล้วเดินตามเพื่อนผมไป
“เมื่อเย็นวานฉันเจอพ่อแกด้วย” เรโอเปิดบทสนทนาขึ้น หลังจากที่พวกเราเดินเล่นเงียบๆมาสักพักหนึ่ง
“เฮ้ย! ไปเจอได้ไง” ผมแปลกใจ พ่อผมใช่ว่าจะเจอได้ง่ายๆเสียหน่อย แล้วไอ้เรโอมันซวยไปเจอได้ยังไงล่ะเนี่ย...
“ก็พ่อแกมาทานมื้อเย็นที่ร้านของฉันน่ะ พอดีกับที่ตอนนั้นฉันเข้าไปตรวจสอบบัญชีพอดี พ่อแกก็เลยเรียกฉันมาคุยด้วยน่ะ” มันอธิบาย น้ำเสียงดูราบเรียบผิดปกติ
“แล้วพ่อฉันว่าไง? พูดอะไรกับแกบ้าง?” ผมถามอย่างสงสัยใคร่รู้ ปกติพ่อไม่เคยจะสนใจเรื่องของเพื่อนผมมาก่อน แล้วจู่ๆทำไมถึงเรียกไอ้เรโอไปคุย?
“พ่อแกแค่เรียกฉันมาถามว่า ฉันไม่ได้ไปเที่ยวที่ภูเก็ตกับแกเหรอ? เห็นว่าแกพาเพื่อนต่างชาติไปเที่ยวด้วยอีกสองคน... ” เรโอหยุดเดินแล้วหันมาจ้องหน้าผมนิ่ง
“ฉันเลยแปลกใจ จากที่แกเคยบอกฉันคร่าวๆว่าแฟนน้องหยกคู่หมั้นแกมารอที่ภูเก็ตอยู่ก่อน ทำให้ฉันคาดเดาได้ว่าชาวต่างชาติคนหนึ่งต้องเป็นคนรักน้องหยกแน่ๆ แต่อีกคนที่พ่อแกคิดว่าเป็นฉันล่ะ? มันเป็นใครมาจากไหน...?”
ผมกลืนน้ำลายอย่างฝืดเฝื่อนคอ เรโอพูดแบบนี้แสดงว่ามันไม่ได้คิดอยากจะมาเที่ยวอย่างที่เคยบอกกับผมก่อนหน้านี้ ที่แท้มันก็ต้องการมาพิสูจน์ดูอะไรบางอย่างนี่เอง...
“ได้ยินพ่อแกบอกแบบนั้น ตอนแรกฉันก็งง แต่มาเอ๊ะใจนึกถึงรอยคิสมาร์กตามตัวแกเมื่อวันนั้น... ฉันเลยถามพ่อแกว่า เพื่อนแกที่ไปด้วยใช่ผู้ชายทั้งคู่รึเปล่า? ฮึ! ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหนมาทำรอยคิสมาร์กให้กับผู้ชายเยอะขนาดนั้นหรอกนะ ฉันสงสัยตั้งแต่เห็นตอนแรกแล้ว ว่าต้องเป็นฝีมือผู้ชายแน่ๆ” สีหน้าของเรโอเริ่มอึมครึมขึ้นเรื่อยๆ จนผมนึกหวั่น ปากผมเหมือนเป็นตะคริวชั่วขณะ จนไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ เพราะสิ่งที่ไอ้เรโอพูดมามันโดนผมเต็มๆ
“พอพ่อแกบอกว่าสองคนนั้นผู้ชายทั้งคู่... ฉันเลยตัดสินใจบินตามมาดู แต่ไม่คิดหรอกนะว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นนิโคลัสนายแบบนั่น...”
เรโอนิ่งเงียบไปนานจนผมรู้สึกอึดอัด มันนิ่งมาก...ทำให้ผมไม่รู้ว่ามันรู้สึกยังไงกันแน่กับเรื่องนี้ แต่ผมต้องยอมรับมันจริงๆเรื่องที่มันประติดประต่อเรื่องราวจนคาดเดาได้ถึงขนาดนี้... อะไรมันจะแสนรู้ขนาดนั้น...
“มันเป็นมายังไงแกคงไม่บอกฉันหรอกใช่ไหม...?” มันถามขึ้นหลังจากที่เงียบไปนาน และมันก็เป็นอย่างที่ไอ้เรโอมันว่า เรื่องแบบนี้ใครจะไปกล้าเล่า ยิ่งเรื่องราวระหว่างผมกับนายนิค มันค่อนข้างแปลกประหลาดซะด้วยซ้ำ
มันหันมาจ้องหน้าผม แต่ผมก้มหน้าก้มตามองพื้นทรายสีขาวราวกับเป็นสิ่งที่น่าสนใจเสียเต็มประดา ตอนนี้...ผมไม่กล้าจะสบสายตาของมันที่พยายามจะมองทุกอย่างในตัวผมจนแทบจะโปร่งใสหรอก...
แต่แล้วเรโอก็พูดในสิ่งที่ทำให้ผมต้องนิ่งอึ้งตลึงงัน!
“...ฉันชอบนิโคลัส ยิ่งมาเจอตัวจริงก็ยิ่งรู้สึกชอบ” มันบอกเสียงเรียบ แต่น้ำเสียงดูจริงจังอย่างน่าประหลาด
“เอาล่ะกลับเข้าบ้านเถอะ เดี๋ยวน้องหยกกับแฟนเธอจะไม่พอใจที่ฉันไม่ยอมเข้าไปทักทายพวกเขาเสียที”
มันทิ้งระเบิดที่ผมยังไม่สามารถเก็บกู้ได้ชั่วขณะเอาไว้ แล้วสะบัดตูดเดินขึ้นหาดไปก่อน ทิ้งผมที่ยังยืนนิ่งคิดเวียนวนกับคำพูดของมันอยู่อย่างนั้น....
------------------------------------------------------------------