^
^
^
^
มาลงเพิ่มให้พี่สาวคนสวย ที่ไม่ยอมหลัยยอมนอนทั้งสองคน
อ่านแล้วก็หลับฝันดีกันด้วยนะคะ
=====================================
ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงก๊อกแก็กข้างๆเตียง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมานอนอยู่ที่เตียงในห้องนอนได้อย่างไร แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไรมาก เพราะคาดเดาได้ว่านายนิคคงเป็นคนพาผมมาแหละ
“ตื่นแล้วเหรอครับ หิวรึเปล่า” ได้ยินเสียงเขาถามผม แต่ผมยังคงปิดตางัวเงียอยู่
“อือ...กี่โมงแล้ว”
“เก้าโมงแล้วครับ แต่คู่นู้นยังไม่ตื่นกันเลย ก็นะ...เล่นกลับมาซะดึกแบบนั้นใครจะไปตื่นไหว”
ผมเงยหน้าขึ้นจากหมอนมามองหน้าเขา เพราะงุนงงกับคำพูดของเขา
“นายหมายถึงใครนะ?”
“ก็คู่คุณหยกกับริชาร์ตไงครับ ผมรู้แล้วนะว่าพวกเขาเป็นแฟนกัน เมื่อคืนตอนที่ผมอุ้มคุณมานอนที่ห้อง พวกเขาก็กลับมากันพอดี จูงมือกันกระหนุงกระหนิงแบบนั้นผมไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันก็สมองถั่วแล้ว!”
“ว่าไงนะ! นายว่าอุ้มฉันมานอนแล้วเจอกับพวกเขาพอดี?” ผมทวนถาม ตอนนี้ตื่นเต็มตาเรียบร้อยแล้ว
“ใช่ครับ ผมอุ้มคุณอยู่... ทำไมเหรอครับ?”
“นายแต่งตัวให้ฉันเรียบร้อยรึเปล่า...” ผมถามเสียงเบาขึ้นเรื่อยๆ แค่ให้น้องหยกกับแฟนเธอมาเห็นผมกำลังโดนผู้ชายด้วยกันอุ้มเข้านอนก็อายจะแย่แล้ว ถ้าหมอนี่ยังแต่งตัวให้ผมไม่เรียบร้อย...ผมคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนอีก
“ฮะๆ หน้าแดงเชียว... อายเหรอครับ น่ารักจังแฟนผม...” ผมทำหน้ายุ่งตีมือเขาที่เอื้อมมาจะจับแก้มผม
“หยุดเลย...บอกมาก่อน”
“ก็...แต่งตัวให้เรียบร้อยสิครับ แฟนผมๆไม่ยอมให้ใครเห็นนอกจากผมหรอกน่า แต่...” ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกกับคำบอกของเขา แต่ก็เบาใจได้ไม่นาน เมื่อได้ยินหางเสียงสุดท้ายของเขาว่า แต่... แผ่วเบา
“แต่อะไร!” ผมเค้นเสียงถาม เริ่มชักจะหงุดหงิดกับสีหน้าแววตาเจ้าเล่ห์ของเขาแล้ว
“แต่คุณใส่ ผมไม่ได้ใส่ไง” เขาบอกแล้วยิ้มเผล่
“เฮ้ย!” ผมอุทานด้วยความตกใจ มองหน้าเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“หึหึ ผมใส่แต่กางเกงน่ะ เสื้อไม่ใส่ ก็มันร้อนนี่นา… แล้วก็ไม่คิดว่าจะเจอพวกเขาด้วย คุณก็อย่าคิดว่าเขาจะตาถั่วจนไม่รู้อะไรกันนะ เพราะรอยฟันคุณบนไหล่ผมเตะตาพอดูเชียวล่ะ! ฮ่า!ๆ”
พูดจบเขาก็หัวเราะลั่นอย่างสาแก่ใจ ก่อนจะรีบวิ่งหลบหมอนที่ผมเขวี้ยงใส่เป็นพัลวัน
“พอๆ สงบศึกก่อน” เขาบอกก่อนจะพุ่งเข้ามารวบตัวผมมากอดไว้ “ไม่เห็นจะต้องอายเลย คนเขาก็รู้ๆกันว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ”
“ฉันไม่ได้หน้าด้านอย่างนายนี่... เอ๊ะ! นั่นอะไร” ผมบอกหน้าหงิก แล้วเหลือบไปเห็นถาดอาหารวางอยู่ที่โต๊ะข้างเตียงจึงถามขึ้นอย่างสงสัย
“อาหารเช้าไงครับ ผมเพิ่งยกเข้ามาเอง”
“ฉันรู้แล้วน่าว่ามันคืออะไร แต่นายตื่นขึ้นมาทำเองเหรอ?” นี่แหละที่ผมสงสัย ถึงแซนวิชกับกาแฟจะเป็นอาหารที่ทำง่าย แต่มันก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยเลย
เมื่อคืนพวกเราเองก็นอนดึกเหมือนกัน แล้วนี่เขายังตื่นขึ้นมาเตรียมอาหารเช้าให้ผมอีก...
“ใช่ครับ ผมทำไว้เผื่อทุกคนเลย” เขาบอกอย่างยิ้มแย้ม ทำเอาผมหายเคืองเรื่องที่เขาทำผมขายหน้าก่อนหน้านี้ไปเลย เฮ้อ... เขาเป็นแบบนี้ แล้วความรู้สึกของผมที่มีต่อเขาจะไม่เพิ่มขึ้นได้อย่างไรล่ะ
ผมร่วมกันทานอาหารเช้าด้วยกันกับเขา รู้สึกว่าแซนวิชที่เขาทำอร่อยยิ่งกว่าแซนวิชที่ไหนในโลก ไม่รู้เป็นเพราะว่าเขาเป็นคนทำ หรือผมหิวมากกันแน่ถึงได้คิดแบบนี้ อิอิ
จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือของผมร้องดังขึ้นขัดจังหวะการกินของผม นายนิคเอื้อมหยิบมือถือส่งให้ผม แต่ผมเห็นตาของเขาเหลือบมองชื่อคนโทรเข้า ก่อนจะทำหน้าบึ้งใส่ผมจนผมงง
“นายคนนี้โทรมาตั้งแต่เช้าแล้ว คงจะสะกดคำว่าเกรงใจไม่เป็น” เขาบอกหน้าหงิกกัดแซนวิชกร้วมๆ
ผมส่ายหัวยิ้มๆให้นายนิค ก่อนจะรับสายของเรโอ “ฮัลโหล ว่าไง...”
[“กว่าจะรับสายได้นะ ฉันโทรหาแกตั้งแต่เมื่อคืนจนมือจะหงิกแล้ว แถมยังไม่คิดจะโทรกลับบ้างเลยนะ”] เสียงเรโอบ่นยาวรับเช้าวันใหม่มาเลย
“ขอโทษ...ฉันลืมโทรกลับน่ะ ไม่ได้พกมือถือติดตัวด้วย”
[“เออๆ ช่างมันก็ได้ แต่นายต้องออกมารับฉันนะ”]
“หมายความว่าไง?” ผมงง ไอ้เรโอมันเพ้อจนลืมว่าผมอยู่ที่ภูเก็ตหรือไง
[“ก็มารับฉันที่สนามบินภูเก็ตไง เร็วๆด้วย ฉันเบื่อรอแล้ว!”]
“เฮ้ย! มาทำไม!!” ผมตะโกนลั่นจนนายนิคหันมามอง
[“ก็ฉันเบื่อนี่หว่า... อยากไปเที่ยวบ้าง ไม่ได้ไปทะเลนานแล้วด้วย... แล้วทำไมฉันจะมาไม่ได้ บ้านพักตากอากาศหลังนั้นฉันก็มาพักผ่อนกับแกก็ตั้งหลายครั้ง แกขัดข้องอะไรหรือไง”] เออ! ขัดข้องสิวะ ขัดมากด้วย ก็ไอ้เจ้านี่มันตัวป่วนชัดๆ ขืนมันมาผมคงไม่ได้อยู่เป็นสุขกันพอดี แถมมันยังเป็นคนที่ผมไม่อยากจะให้รู้เรื่องที่ผมคบกับนายนิคที่สุดอีก
“แล้วงานการไม่มีทำหรือไง ว่างนักเหรอ?”
[“ฉันเคลียร์งานสำคัญหมดแล้ว ที่เหลือก็ให้ลูกน้องมันจัดการกันเอง เออๆไม่ต้องลีลาแล้ว ออกมารับฉันเลย”]
“ทำไมมาฉุกละหุกอย่างนี้วะ” ผมบ่นอย่างไม่พอใจ
[“ฉุกละหุกบ้าอะไร! ฉันโทรบอกแกตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แกดันไม่ยอมรับโทรศัพท์เองนี่หว่า... ยังไม่อาบน้ำใช่ไหมน่ะ ฉันจะให้เวลาแกอาบน้ำแต่งตัวบวกกับเวลาเดินทาง ด้วยการนั่งจิบกาแฟในร้าน เร็วๆนะ แค่นี้แหละ ปิ๊บ!”]
ผมมองโทรศัพท์มือถือในมืออย่างหัวเสีย คิดไม่ออกเลยว่าจะทำยังไงต่อไปดีในเมื่อมันมาถึงแล้ว จะไล่ให้กลับไปก็ดูจะใจร้ายเกินไปแถมมันจะสงสัยเอาอีก เฮ้อ...นี่ใช่ไหม ลางสังหรณ์ร้ายของผม...
ไอ้เรโอมันเป็นตัววุ่นวายเลยแหละ ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของผมก็เถอะ แต่ถ้ามันได้รู้ว่าผมกับนายนิคคบกันล่ะก็ มีหวังได้วุ่นวายโลกาวินาศเป็นแน่
มันมีหลายด้านที่มันจะแสดงออกเมื่อรู้ความสัมพันธ์ของผมกับนายนิค
อย่างแรกคือ มันเคยเอานิตยสารให้ผมดู แล้วชี้ไปที่รูปนายนิคแล้วบอกว่าชอบ! เหตุการณ์ครั้งนั้นผมไม่เคยลืมแน่นอน แล้วถ้าสองคนนี้มาเจอกัน... ไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ
กรณีที่สอง เป็นกรณีที่ไอ้เรโอเลิกชอบนายนิคไปแล้ว เพราะไอ้นี่ใจมันแปรปรวน ถ้ามันรู้ว่าผมคบกับนายนิค มันอาจจะลงมือขัดขวางทุกวิถีทางด้วยความหวังดี ที่ไม่อยากให้ผมกลายเป็นพวกเดียวกันกับมัน...(?)
กรณีสุดท้าย เป็นสิ่งที่ผมไม่อยากจะเจอที่สุด คือ มันอาจจะล้อเลียนผม แกล้งแซวผมไปตลอดทั้งทริป เพราะแต่ไหนแต่ไรผมไม่สนใจจะคบใครเป็นจริงเป็นจังมาก่อน แม้กระทั่งคบเล่นๆก็มีน้อยยิ่งกว่าน้อย ในฐานะที่มันเป็นเพื่อนผมมานานมันเองก็รู้ดี แล้วมาตอนนี้ผมเกิดมีแฟนขึ้นมาโดยที่มันไม่เคยรับรู้มาก่อน แถมยังเป็นผู้ชายอีก... มันคงน่ากลัวถ้าเกิดไอ้เพื่อนตัวแสบคนนี้บ้าจี้ขึ้นมา เหอๆ
ผมหันไปมองหน้านายนิคอย่างเต็มฝืน ชักเริ่มอยากจะร้องไห้ในชะตากรรมของตนเองขึ้นมาบ้างแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?” เขาถามพลางขมวดคิ้วมุ่น
ผมฝืนยิ้มตอบ “คือ...ฉันต้องไปรับเพื่อนที่สนามบินน่ะ”
“ไอ้คนที่คุณคุยด้วยเมื่อกี้น่ะเหรอ?” เขาถามเสียงรอดไรฟัน จนผมเริ่มหวั่นๆ ต้องคว้ามือเขามากุมไว้
“เป็นไร...นั่นเพื่อนสนิทฉันนะ ทำไมต้องทำหน้าบูดบึ้งแบบนั้นด้วย” เขานิ่งเงียบไม่ตอบคำ จนผมไม่รู้จะทำยังไง เลยได้แต่ลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำอาบน้ำแปรงฟัน
แต่ในขณะที่ผมกำลังอาบน้ำอยู่นั้น จู่ๆนายนั่นก็เปิดประตูพรวดพลาดเข้ามา จนผมใจหายใจคว่ำ จะหันไปต่อว่าด้วยความขุ่นเคือง แต่เขาดันพูดสวนขึ้นมาก่อนว่า
“ผมจะไปด้วย!”
มันช่างเป็นคำพูดที่ทำให้ผมอยากจะลาโลกนี้ไปเหลือเกิน...
------------------จบตอน-----------------
<< ให้คนอ่าน อิอิ