:L2:วุ่นรัก พิทักษ์พอนนี่ แล้วพอนนี่อยู่ไหน
จะได้ไปพิทักษ์ถูกไง อิอิ
^
^
^
มาให้พิทักษ์แล้วค่ะ อิอิ
ใครก็ไม่รู้ส่งกระแสจิตมาดังมากกก
ไม่มาคงไม่ได้แล้ว
เห็นแว็บๆ เหมือนจะหม่ำข้าวอยู่
^
^
^
เจ๊คนนี้รายงานสถานการณ์ตลอดแหละ อย่างงี้จะหลบไปไหนพ้น
....
เอาล่ะมาดูนายกายกันบ้าง ความหวานละมุนละไมยังคงอยู่
========================
ถึงพี่กาย
หยกออกไปทานข้าวข้างนอกกับริชาร์ตนะคะ พวกพี่ก็หาอะไรทานกันเองนะคะไม่ต้องรอ สำหรับเรื่องวันนี้พี่กายอย่าโกรธหยกนะคะ ที่มายุ่งเรื่องส่วนตัวของพี่ แต่หยกเห็นแล้วมันอดใจไม่ได้น่ะค่ะ ตั้งแต่พี่กายมาถึงภูเก็ต พี่กายสีหน้าไม่ดีเลยนะคะ เหมือนกับคนที่มีปัญหาอะไรบางอย่างในใจ และคิดไม่ตกอยู่ รู้ไหมคะว่ามันแสดงออกมาทางสีหน้าของพี่ แต่พอหยกลองสังเกตนิคดู หยกก็รู้เลยทันทีว่าเพราะอะไร อิอิ
ปล. หยกไม่รู้ว่าจะกลับกันเมื่อไหร่ เอาเป็นว่ายกบ้านพักให้เป็นเรือนหอของพี่กายกับนิคเลยแล้วกัน ขอให้พวกพี่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์อย่างมีความสุขนะคะคืนนี้ หุหุ ^0^
จาก น้องสาวของพี่ ตอนที่อ่านจดหมายที่น้องหยกทิ้งไว้ ผมไม่ได้โกรธเธอเท่าไหร่หรอกนะที่มาวางแผนให้ผมกับนิคแทบหัวหมุน แต่สุดท้ายก็เข้าใจกันด้วยดี... ผมต้องขอบคุณเธอเสียด้วยซ้ำที่ช่วยชี้ทางสว่างให้กับผม ทำให้ผมไม่ต้องสับสนลังเลใจกับทางที่เลือกอีกต่อไป...
แต่ข้อความในตอนท้ายของจดหมายทำให้ผมรู้สึกหมั่นไส้เธอขึ้นมา แหม...ทำเป็นเปิดโอกาสให้พวกผมอยู่กันสองต่อสอง แต่ความจริงจงใจหลบหน้าผมชัดๆ ยัยน้องคนนี้มันแสบจริงๆ...
พอนายนิคถามผมด้วยหน้าเซ่อๆ ความหมั่นไส้ของผมยิ่งทวีคูณ ดื่มผึ้งพระจันทร์อะไรกัน! ประสาทสิ! ผมเลยพาลใส่เขาแล้วเดินขึ้นห้องไป
โทรศัพท์มือถือผมลืมไว้ในห้อง มีสายเข้าทั้งหมดสิบกว่าสายเป็นของเรโอทั้งนั้น ไม่รู้มันจะโทรมาทำไมกัน...สงสัยคงมีธุระอะไรสักอย่างกับผมล่ะมั้ง เดี๋ยวไว้ค่อยติดต่อกลับไปละกัน สำหรับตอนนี้ต้องโทรไปจัดการกับน้องสาวตัวดีซะก่อน เจ้ากี้เจ้าการดีนักนะ หึหึ
“ว่าไงอาหารอร่อยไหม?” ผมถามขึ้นเมื่อเธอรับสาย
[“อร่อยมากเลยค่ะ บรรยากาศก็ดีด้วย ร้านนี้เป็นร้านที่ริชาร์ตเขาไปเจอตอนมาอยู่ที่นี่ก่อนน่ะค่ะ เขาเลยพาหยกมา”] เธอบอกน้ำเสียงระรื่น ดูจะไม่ทุกข์ร้อนใดๆเลยสักนิด
“ทำอย่างนี้จงใจหลบหน้าพี่ล่ะสิยัยตัวดี”
[“หยกหวังดีกับพี่ต่างหากล่ะ อยากให้พี่มีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองนานๆ หยกก็เลยไม่อยู่เป็นก้างขวางคอไง ไม่ดีเหรอคะ คิกๆ”] เฮอะ! ทำเป็นรู้ดีนะ มันน่าหมั่นไส้ไหมล่ะแบบนี้!
สักพักนายนิคก็เดินเข้ามากอดผมจากข้างหลัง ผมหันไปมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดกับปลายสายต่อ
“ระวังเหอะ ออกไปแบบนี้เดี๋ยวความลับก็แตกหรอก...”
[“จะแตกได้ยังไงกันคะ ก่อนหน้านี้หยกโทรไปอ้อนขอให้พ่อพี่ถอนกำลังที่มาซุ่มดูออกไปแล้ว ”] น้องหยกบอกด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจสุดๆ แต่ผมนี่สิแตกตื่นสุดๆ
“หา... ว่าไงนะ! โทรไปอ้อนวอนพ่อพี่เนี่ยนะ?!” ผมถามด้วยความตกใจ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าเธอจะทำแบบนั้น ผมสงบใจลงแล้วถามเธอต่อ “แล้วพ่อพี่ว่าไงล่ะ ยอมถอนกำลังไหม?”
[“จะให้ไม่ยอมได้ยังไงคะ ก็หยกเล่นอ้อนแกมขู่ บอกว่าหยกอึดอัดที่มีคนมาคอยจับตามอง หยกต้องการความเป็นส่วนตัว จะได้เที่ยวอย่างสบายใจ ถ้าพ่อพี่ไม่ยอมถอนกำลังออกไป หยกก็จะกลับลอนดอนทันที เป็นไงคะใช้ได้รึเปล่าคะพี่ชาย! ฮิๆ ”] อย่างงี้นี่เอง...พ่อผมยิ่งแพ้เด็กสาวๆอยู่ซะด้วย เจอลูกอ้อนแถมข่มขู่ไปแบบนั้น จะไม่ยอมทำตามที่ขอได้ยังไงกัน
“งั้นเหรอ... อืมๆ ฉลาดนักนะเรา เก่งจริงๆ” ผมบอกแกมประชด เธอมันจอมวางแผนชัดๆ เจ้าเล่ห์แสนกลชนิดที่ว่าพ่อผมยังหลงกลสนิท แล้วนับประสาอะไรที่ผมกับนายนิคจะไม่หลงกลเธอด้วย?
[”พี่กายก็อย่าแกล้งนิคมากนะคะ ยอมๆนิคเขาบ้างนะพี่หยกสงสารเขา พี่อ่ะชอบทำตัวเย็นชาใส่นิค หยกรู้นะว่าพี่กำลังเขิน คิกๆ”] เธอหัวเราะคิกคักไม่หยุด แต่ผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกจี้ใจดำจนรับมือแทบไม่ไหว
“ไม่ต้องมาขำพี่เลยนะ!” ผมสวนกลับไปหน้าแดง แล้วหันไปมองคนที่น้องหยกว่า แต่เขากลับโน้มหน้าลงมาหอมแก้มผม เลยทำให้ผมยิ่งทำตัวไม่ถูกหันไปถลึงตาใส่เขาแทน ตอนนี้หน้าผมต้องแดงแย่แน่ๆ ฮึ้ยยย...
“แล้วทำไมแม่คนเก่งถึงได้ชิ่งหลบหน้าพี่ซะล่ะ เก่งนักไม่ใช่เหรอ?” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากคุยเรื่องที่มันเข้าตัวผมอีก
[“อะไรคะ พี่กายยังโกรธอยู่อีกเหรอ? ถึงได้วกกลับมาว่าหยกเรื่องนี้อีก”] เธอทำน้ำเสียงหงอยๆ
“เปล่า...ไม่ได้โกรธ แค่หมั่นไส้คนช่างวางแผนเท่านั้น รู้ดีนักนะ...”
[“หยกทำไปเพราะรักพี่ห่วงพี่นะคะ หยกอาจจะจุ้นจ้านไปนิด แต่เพราะหยกไม่มีพี่ชาย หยกเลยถือว่าพี่กายเป็นพี่ชายของหยก เห็นพี่ชายท่าทางไม่สบายใจแบบนั้น จะให้น้องสาวคนนี้อยู่เฉยๆอย่างห่วงๆได้ไง จริงไหมคะ?”] แหม...น้องสาวคนนี้ช่างปากหวานจริงๆ อย่างงี้จะไม่ให้ผมใจอ่อนได้ยังไงกัน...
“ฮะๆ อืมม์ โชคดีละกันครับ ขอให้สนุกนะ อย่ามัวแต่สวีทกันจนลืมโปรแกรมพรุ่งนี้เช้าล่ะ ” ผมยิ้มพลางสัพยอกเธอคืนบ้าง
[“พี่กายก็ด้วยแหละ คิกๆ”] เธอสวนผมคืนขำๆ ทำเอาผมแทบสำลักคำพูดตัวเอง เลยไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับเธอต่อ เพราะผมคงสู้เธอไม่ได้แน่ๆชาตินี้
“ครับ...ฝันดีนะน้องสาว” แล้วผมก็วางสายไป หันมาอีกทีก็เห็นว่านายนิคกำลังจ้องมองผมอยู่ ตางี้หวานเชื่อมมาเชียว...
“ที่รักจูบผมหน่อยคร้าบบบ...” เขาทำเสียงอ้อนจนผมแทบใจอ่อน แต่ความหมั่นไส้มีมากกว่า ยังไงผมก็ต้องคิดบัญชีกับเขาก่อน เรื่องที่เขาไปทำอะไรไว้ให้น้องหยกเธอจับได้ ผมต้องรู้ให้ได้!
ผมเลยคาดคั้นเขาให้สารภาพความจริงออกมา เขาทำท่านึกอยู่สักพัก ก็ทำหน้าตื่นๆเหมือนกับนึกอะไรขึ้นมาได้ ผมจึงเค้นถามเขา จนเขาสารภาพว่าน้องหยกคงมาเห็นตอนที่นายนี่แอบหอมแก้มผมตอนหลับเข้า ทำให้เธอรู้ว่านายนิคคิดอย่างไรกับผม หลังจากนั้นเธอก็ยิ่งสังเกตท่าทีของผมกับนายนิค จนกระทั่งแน่ใจ...
เฮ้อ... ผมล่ะอ่อนอกอ่อนใจกับนายคนนี้จริงๆ มาทำเสียงอ่อนสำนึกผิด ทำหน้าซะน่าสงสารเรียกร้องให้ผมเห็นใจเขา อย่างนี้...ผมจะไม่ใจอ่อนได้ยังไง ในเมื่อเขาไม่ได้ตั้งใจให้น้องหยกมาเห็นนี่นา...
“ดีนะ ที่น้องหยกเธอไม่ได้คิดอะไรมากกับเรื่องนี้ ไม่งั้นก็ไม่รู้ว่าผลมันจะออกมาอีท่าไหน อาจจะเลวร้ายไปเลยก็ได้ ในเมื่อผลมันออกมาแบบนี้ นายคงต้องไปขอบคุณเธองามๆแล้วล่ะ ที่เธอมีส่วนช่วยทำให้พวกเราเข้าใจกันมากขึ้น” ผมบอกกับเขาแล้วหันมาสวมกอดเขาบ้าง พลางยิ้มหวานๆให้เขาหนึ่งทีเป็นความหมายว่าผมไม่โกรธเขาแล้ว
หนุ่มฝรั่งยิ้มตอบผม แล้วจูบหน้าผากผมเบาๆ “คุณหยกเธอเหมือนเทพีแห่งความรักเลยเนอะ”
ผมหัวเราะขำกับความนึกคิดของเขา ตอนนี้ผมรู้สึกสบายใจอย่างมาก เหมือนกับได้ปลดเปลื้องปัญหาหนักอกทิ้งไป แล้วกลับมาเริ่มใช้หัวใจที่ชำระล้างใหม่อีกครั้ง หลังจากนี้สิ่งใหม่ๆกำลังจะเกิดขึ้นกับตัวผม รวมทั้งเรื่องราวต่างๆที่ผมจะต้องเผชิญในวันหน้า แต่ผมจะไม่กลัวอีกต่อไป และไม่กังวลอีกต่อไป
เพราะว่าผู้ชายของผมคนนี้... จะร่วมเดินไปกับผม เผชิญเรื่องราวต่างๆด้วยกัน ผมคงไม่ต้องโดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว... ไม่ต้องอ้างว้างเหมือนวันคืนเก่าๆอีกแล้ว ถึงแม้ว่าวันข้างหน้าเราต้องเผชิญกับปัญหาที่หนักหนาสาหัส แต่เราจะจับมือกันผ่านพ้นไป...ด้วยกัน
จากชีวิตตัวคนเดียว... แทบปล่อยเวลาให้ว่างเปล่าไปวันๆ แต่เวลานี้... เริ่มจากวินาทีที่เรามีเรา ทุกเวลาจะมีคุณค่าสำหรับผม คุณค่าที่ผมเลือก... คุณค่าก็คือเขา...
--------------------------------------------------------------
<<< ให้คนอ่าน อิอิ