อ่า...ขอโทษที่หายไปเลย
ไม่ค่อยจามีเวลามาแตะคอมฯ
สาปส่งได้เต็มที่ แค่มีคนยังอ่านอยู่ก็ดีใจแล้ว
************************************************
ผมตื่นเช้าขึ้นมาแพ็คกระเป๋าเตรียมออกเดินทาง ของที่เอาไปก็ไม่ได้มีอะไรมาก แค่เสื้อผ้าสองสามชุดและของใช้จำเป็นอีกนิดหน่อย แต่สิ่งที่ผมจะขาดไปไม่ได้เลย คือโน้ตบุ๊ก เพราะยังไงผมก็ยังห่วงเรื่องงานอยู่
นัดน้องหยกเอาไว้แปดโมงเช้า ผมต้องไปรับเธอที่บ้าน แล้วค่อยไปสนามบินพร้อมกัน แต่นี่ยังเพิ่งหกโมงเช้าเอง ผมยังมีเวลาเตรียมตัวอีกถมเถ
เตรียมของเสร็จ อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อย ผมก็ลากกระเป๋าเดินทาง เปิดประตูออกจากห้องนอน แต่...
ปึ้ก! ผมสะดุดบางสิ่งบางอย่างบนพื้น แทบหน้าคะมำ ดีที่รีบคว้าจับขอบประตูเอาไว้ได้ทันก่อนล้มลง
“`โอ๊ย... คุณเตะผมทำไมเนี่ยย!” คนบนพื้นโอดครวญ ก่อนจะค่อยๆขยับตัวลุกขึ้น แต่ผมยังตกใจไม่หาย มันมานอนอะไรตรงนี้วะ...
“มานอนอะไรตรงหน้าประตู บ้ารึเปล่า?”
“หึ ถ้าผมไม่เฝ้าเอาไว้ คุณก็จะหนีผมไปอีกใช่ไหมล่ะ ผมไม่ยอมหรอก”
ผมนิ่งอึ้งกับคำพูดของเขา หรือว่า... เขาจะรู้แล้วว่าผมกำลังจะไปไหน
“พูดเรื่องอะไร ฉันก็แค่จะไปทำงานตามปกติ”
“แล้วนั่นอะไรครับ กระเป๋าเดินทางนั่น” หนุ่มฝรั่งชี้มาที่กระเป๋าเดินทางในมือผม
“แล้วไง... ฉันจะเดินทางไปติดต่อธุระไม่ได้หรือไง จำเป็นต้องคอยรายงานนายทุกเรื่องเลยหรือไง ...เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย...” ผมบอกเสียงราบเรียบด้วยอารมณ์ขุ่นมัว แต่ประโยคสุดท้ายนั้น... ผมเผลอพลั้งปากไป... นึกแล้วก็หงุดหงิดตัวเอง ทำไมผมจะต้องสนใจในคำพูดตัวเองด้วย ผมควรจะสะใจไม่ใช่เหรอ ที่ได้เห็นหน้าเสียๆของเขา แต่ทำไมหัวใจของผมมันวูบลง? เพียงแค่มองสบตากับแววตาตัดพ้อของเขา
ผมเป็นอะไรไป...
“ต่อให้คุณจะพูดคำที่ทำร้ายจิตใจผมสักกี่ครั้งก็ตาม ก็อย่านึกว่าผมจะยอมถอยง่ายๆ คุณมีเหตุผลของตัวเอง ผมเองก็มีเหมือนกัน สิ่งที่ผมพยายามทำทุกอย่างต่อคุณ ล้วนมีเหตุผลทั้งนั้น กรุณาอย่าวัดจิตใจของผมที่มีต่อคุณกับสิ่งอื่น ผมไม่ใช่คนตายด้าน ที่จะคอยให้คุณทำร้ายเฉยๆได้หรอกนะ” แววตาของเขาหม่นหมองขณะพูดกับผม แต่สีหน้าแฝงความเด็ดเดียว มันทำให้ผมยิ่งกลัว...
ความปรารถนาของคนไม่ใช่ได้มาง่ายๆอย่างใจคิด มันก็เหมือนกับคนจนที่อยากจะร่ำรวย และเหมือนกับผมที่ปรารถนาจะออกห่างจากคนๆนี้ให้มากที่สุด มันควรจะเป็นเรื่องง่าย แต่ทำไมผมถึงทำไม่ได้?!
“หมดคำพูดแล้วใช่ไหม ฉันจะได้ไปสักที” ผมเกลียดการเผชิญหน้าในตอนนี้ที่สุด เพราะมันเหมือนกับว่าครั้งนี้ผมไม่อาจชนะได้ง่ายๆ ผมเบี่ยงตัวเดินออกจากการขวางกั้น แต่เขากลับกางแขนกันตัวผมไว้ได้ก่อน
“ไม่! คุณจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
ผมสะดุ้งโหยงกับน้ำเสียงที่เฉียบขาดของเขา ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าและแววตาของเขา ไม่รู้สิ... ผมรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวของเขาแตกต่างไปจากเดิม เหมือนกับว่าที่ผ่านมา เขาพยายามอ่อนข้อให้ผมเสมอ
แต่ผมไม่ยอมง่ายๆหรอก มันไร้เหตุผลสิ้นดี ผมจะไปไหน ทำอะไร มันก็เป็นสิทธิของผม ไม่ใช่เรื่องของเขาที่จะมาคอยกะเกณฑ์บงการ!
“หลีกไป!” ผมตวาดใส่เขาอย่างเหลืออด
“ไม่! คราวนี้จะไม่มีทางอีกแล้ว... ” ไม่ทันขาดคำ ร่างสูงก็เข้ามาประชิดตัวผม สองมือแกร่งคว้าต้นแขนทั้งสองข้างของผมบีบกำโดยแรง สร้างความเจ็บปวดให้แก่ผมจนน้ำตาแทบเล็ด กระเป๋าเดินทางหลุดจากมือผมกองลงบนพื้น
ผมฝืนความเจ็บปวด กัดฟันแน่น ยกเท้าเตะใส่หน้าแข็งของหมอนั่น แต่เขาดันหลบเท้าผมได้ ออกแรงกระชากตัวผมจนตัวลอย พากลับเข้าไปในห้องนอน พยายามต่อสู้ดิ้นรนตลอดทาง ทั้งถ่วงน้ำหนักตัวไว้ ทั้งพยายามใช้ปากกัดแขนของเขา แต่มันก็ไม่เป็นผลทั้งสิ้น มีแต่ยิ่งดิ้นรนผมยิ่งเจ็บตัวมากขึ้นเท่านั้น แขนของผมที่ถูกบีบไว้เจ็บปวดจนชาด้าน ถึงตอนนี้ผมไม่อาจสะกดกลั้นได้อีกต่อไปแล้ว ปล่อยน้ำตารินไหลเป็นทาง
“เจ็บ... เจ็บนะ... ฮึก...”
ดูเหมือนตอนนี้หูตาของเขาจะมืดบอดไปแล้ว ต่อให้ผมพยายามร้องทัดทานเพียงไหน เขาก็ไม่ได้สนใจ สายของผมพร่ามัวด้วยม่านน้ำตา เงยหน้าขึ้นมองสีหน้าของเขา แววตาของเขาที่ทอดมองผม แฝงความหมายหลากหลาย ทั้งเจ็บปวด ผิดหวัง แต่แฝงความเด็ดเดี่ยวเอาจริง
ทุกอย่างเลวร้ายกว่าที่ผมคาดคิด เขาดูแตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง ทุกครั้ง...แม้ผมจะต่อต้านขัดขืนแค่ไหน เขาก็จะคอยโอนอ่อนผ่อนตามผมทุกครั้งเสมอ แต่ครั้งนี้... ความอ่อนโยนที่เคยมีสูญหายสิ้น จนผมกลัว...
ผมใจหายวาบ เมื่อแผ่นหลังสัมผัสกับพื้นเตียงโดยแรง ตามด้วยร่างสูงถาโถมกดทับตัวผมลงมา
รู้อย่างนี้เมื่อคืนผมไม่น่ากลับมาที่นี่เลย... รู้อย่างนี้... ผมไม่น่าไล่เรโอกลับไปเลย... ผมรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ทำอย่างนั้น แต่สำหรับตอนนี้ ไม่ว่าผมสำนึกเสียใจแค่ไหน มันก็สายเกินการณ์
ยอมรับว่าการไปภูเก็ตครั้งนี้เหตุผลหลักเพราะน้องหยก แต่เหตุผลจริงๆของผมคือต้องการหลีกหนีหน้าจากเขา ที่ผมต้องการไปให้ห่างเพราะผมรู้สึกไม่ดี ความเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆในตัวผม ทำให้ผมหวาดหวั่น ไม่ต้องการให้มันเป็นอย่างนี้ ไม่ต้องการให้ความเป็นตัวเองของผม เปลี่ยนแปลง....
“คุณรู้ตัวไหมว่าคุณกำลังทำผมไขว้เขว คุณกำลังปั่นหัวผมอยู่ตลอดเวลา จุดประกายความหวังเล็กๆของผมขึ้นมา... แต่ในชั่วพริบตาคุณก็เป็นคนดับความหวังของผมลงด้วยตัวคุณเอง คุณคงสาแก่ใจสินะ ที่เห็นผมเป็นแบบนี้! ใช่ไหม!”
เขาตวาดใส่หน้าผมเสียงดัง จนใจผมสั่นไปหมด แรงอารมณ์ของเขาทำให้ผมกลัวจนไม่รู้จะทำยังไง นอกจากส่ายหน้าไปมาทั้งน้ำตา
ผมไปให้ความหวังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่...?
เขาคิดไปเอง คิดไปเองทั้งนั้น....
คำพูดของเขาตอกย้ำในความรู้สึกของผม ทำให้ผมรู้สึกสับสนไปหมด แต่สมองผมสั่งให้ปฏิเสธ ใจผมสั่งให้ต่อต้าน!
“เหลวไหล! ทุกอย่างนายคิดไปเองทั้งนั้น ! อย่า...อย่าหวังว่าเรื่องของนาย...จะมารกสมองของฉันได้” ประโยคสุดท้ายมันพูดยากลำบากเหลือเกิน ลำคอตีบตันไปหมด... แต่ผมก็พูดไปแล้ว... มันเป็นสิ่งที่ผมต้องการจะตอกย้ำกับตัวเองในตอนนี้
ผมหลับตาลงปล่อยให้น้ำตาไหลลงมา ไม่อยากเห็นแววตาที่ปวดร้าวและตัดพ้อของเขา
รู้สึกถึงความเปียกชื้นของน้ำตาหยดแล้วหยดเล่า หยดลงบนแก้มผม ทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นมามองดูอย่างไม่อาจเชื่อสายตา
ผู้ชายตัวโตๆที่ดูเข้มแข็งตรงหน้าผม กำลังร้องไห้!
เขาไม่ได้สะอื้นร้องคร่ำครวญ มีแต่เพียงน้ำตาเท่านั้นที่หยดลงมาจากดวงตาคู่สวยที่เปี่ยมไปด้วยความเสียใจ
ภาพทุกอย่างราวกับเคลื่อนไหวช้าลง เห็นเขาค่อยๆขยับลุกออกจากตัวผมช้าๆ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป โดยมีสายตาผมมองเงาหลังของเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งไม่เข้าใจ กลัว สับสน และ ใจหาย...
มันถูกแล้วไม่ใช่เหรอ? ที่ผมทำแบบนี้... นี่คือสิ่งที่ผมต้องการไม่ใช่เหรอ...?
แต่ทำไม...ผมไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลย มันไม่ได้รู้สึกโล่งใจอย่างที่คิด มันอึดอัด... ทำไมมันอึดอัดแบบนี้...
ด้วยความรู้สึกเหล่านี้ ทำให้ร่างกายของผมเคลื่อนไหว ลุกลงจากเตียง วิ่งตามออกไป!
---------------จบตอน------------