ขอโทษที่ล่าช้า และหายไปนานค่ะ
ช่วงนี้เริ่มทำงานแล้ว
จะหาเวลาจัดสรรมาอัพให้ค่ะ ขอโทษจริงๆ
ยกโทษให้เค้าน๊า
-----------------------------------------------------------------------------------
Chapter:19 แผนเชือดใจ
เช้าวันนี้ ผมรู้สึกจิตใจปลอดโปร่งยิ่งกว่าวันไหนๆ คงเป็นเพราะปฏิกิริยาท่าทีของคุณกายที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นกระมัง ถึงได้ทำให้ผมรู้สึกดีถึงขนาดนี้ แม้มันจะเป็นเพียงความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ แต่มันก็เป็นเหมือนหยดน้ำค้างหนึ่งหยด ที่ช่วยทำให้ใจของผมชุ่มชื่นได้เป็นอย่างดี
การที่เขาเริ่มแคร์ความรู้สึกผม ทำให้ผมได้คิดว่า ในใจของเขาก็คงนึกถึงผมอยู่ไม่มากก็น้อย หวังว่าผมคงจะมองไม่ผิดนะ หากว่าสิ่งที่เขาทำเป็นเพราะความสงสารเห็นใจ สิ่งที่ผมควรดีใจ มันจะกลับกลายเป็นตรงกันข้ามกันเลย ผมก็หวังว่ามันจะไม่เป็นแบบนั้น คงต้องพยายามมองโลกในแง่ดีเข้าไว้ ตักตวงความสุขในเวลานี้ก่อน วันหน้าค่อยว่ากัน
“คุณไม่กินข้าวเช้าจริงๆเหรอครับ?” ผมถามเป็นรอบที่สอง อยากให้เขากินข้าวเช้าก่อนออกไปทำงาน แต่เขาก็ยืนกรานว่าไม่อยากกิน
“ไม่ล่ะ กาแฟถ้วยเดียวก็พอ เมื่อคืนก็กินข้าวไปตั้งเยอะแล้ว…” ประโยคท้ายเสียงเบามาก เหมือนกับว่าเขาลืมตัวพูดออกมา แต่มันก็ไม่อาจเล็ดลอดจากหูผมได้ ผมยิ้มกว้างให้เขาด้วยความดีใจ
“ดีใจจัง ที่อาหารฝีมือผมถูกปากคุณ”
“อย่าฟุ้งซ่าน ฉันไปทำงานล่ะ” เขารีบลุกจากโต๊ะ หยิบกระเป๋าเอกสารเดินออกไป เหมือนกับว่าพยายามจะหลบหน้าผม
“เดี๋ยวสิครับ จะรีบไปไหน ยังไม่ได้จูบกันเลย” ผมรีบเดินไปดักเขาที่หน้าประตู
“จูบอะไรกันอย่ามาบ้า! หลบไป!” เขาบอกเสียงดัง แต่หน้างี้แดงแจ๋เลย
“จูบลาไงครับฮันนี่ ผมจะได้มีแรงใจอยู่เฝ้าบ้านให้คุณอย่างจงรักภักดี”
“ฉันไม่ได้ขอ! ไม่ต้องมาเฝ้า ออกไปเร็วๆยิ่งดี!”
“คนอะไรใจร้ายชะมัด…” ผมแสร้งตัดพ้อ
“งั้นเปลี่ยนจากจูบเป็นหอมแก้มก็ได้ ผลัดกันหอมนะ คุณหอมผมก่อนสิ” ผมโน้มหน้าลง ยื่นแก้มพองลมให้เขา ในใจก็เต้นระทึก อยากให้เขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อนบ้าง
เพี้ยะ!
เวรกรรมของผม… แทนที่จะได้หอม กลับได้ฝ่ามือไปกินแทน แถมแรงตบก็ไม่ใช่น้อยๆ เล่นซะหน้าผมรู้สึกชาเล็กๆเลย
“ลามปาม”
ว่าเสร็จก็ผลักผมออกจากหน้าประตู แต่ผมไวกว่า รีบดึงตัวคุณกายไว้ก่อนที่เขาจะเปิดประตู จับเขาหันเข้าหา แล้วรีบประกบจูบบนริมฝีปากบางของเขาอย่างหนักหน่วง เรียวลิ้นชอนไชไปทั่วทั้งโพรงปากอันหอมหวาน คุณกายสะท้านทั้งร่าง ล้มลงอ่อนระทวยกับอ้อมอกของผม
ผมถอนลิ้นออกจากปากของเขา แต่ริมฝีปากยังคลอเคลียอยู่บนริมฝีปากของเขาอย่างอ้อยอิ่ง รสชาติอันหอมหวนชวนให้ผมอยากลิ้มลองไม่หยุดยั้ง แต่ผมก็ต้องหักใจไว้ ไม่อยากให้อารมณ์เตลิดเปิดเปิงในเวลาที่ไม่สมควร ผมมองหน้าเขา ตาประสานตา ส่งยิ้มทะเล้นให้เขา
“หึหึ ตบจูบแรกกัน… โอ๊ย!”
คุณกายเหยียบเท้าผมเต็มแรง จนผมต้องก็โดดขึ้นลงเหยงๆ เห็นเขาหน้าแดงก่ำ ขบริมฝีปากเม้มแน่น มองผมอย่างคาดโทษ ผมล่ะทั้งเจ็บทั้งขำ
“คุณเหยียบเท้าผมซะเต็มแรงเลย อย่างนี้ต้องโดนปรับจูบสองเท่า!” ผมทำท่าจะเดินเข้าหาเขาอีกครั้ง พร้อมกับมองเขาด้วยสายตาหยาดเยิ้ม
“อั่ก!” กระเป๋าเอกสารในมือเขาถูกกระทุ้งใส่ท้องผมเต็มๆ เจ็บจนตัวงอเลย สงสัยความโหดของเขาจะฟื้นคืนชีพแล้ว
“สมน้ำหน้า ไอ้หน้าด้าน” เขาว่าทิ้งท้ายก่อนจะเปิดประตูออกจากห้องไป
ผมค่อยๆพาตัวเองเดินกลับเข้าไปล้มตัวลงนอนบนเตียง ชักไม่แน่ใจว่าจูบที่ได้มา แลกกับการเจ็บตัวในเช้าวันนี้ มันคุ้มไหม?
แต่ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะมันไม่ได้หนักหนาสาหัสเท่าไร ผมกลับรู้สึกสนุกและสุขใจมากกว่า ที่ได้ต่อกรกับคนอย่างเขา มันทำให้ชีวิตไม่น่าเบื่อดี
ผมควานหามือถือ มากดโทรหาเขา อย่างนึกสนุก
[“มีอะไรอีก”]
“คุณทำร้ายผมบาดเจ็บสาหัส กลับมาผมจะคิดบัญชีกับคุณ คุณเสร็จผมแน่ที่รัก หึหึ”
[“อะ…ไอ้!”] ผมรีบกดวางทันทีก่อนที่จะได้ยินคำด่าจากเขา ในใจลอบกระนิ่มยิ้มย่อง รอคอยโอกาสคืนนี้…
...
คืนนี้ คุณกายก็ยังคงกลับดึกเช่นเคย แต่เขาได้โทรมาบอกผมก่อนล่วงหน้าแล้วว่าไม่ต้องทำอาหารคอย มันเป็นครั้งแรกเลยที่คุณกายเป็นฝ่ายโทรมาหาผมก่อน มันทำให้ผมรู้สึกดีใจมาก ถึงแม้ว่าเขาจะโทรมาแป๊บเดียวแล้ววางสายไปก็ตาม
ผมนั่งดูโทรทัศน์ระหว่างรอคอยเขากลับมา จนกระทั่งไม่รู้ว่าตัวเองล้มตัวลงนอนไปกับโซฟานุ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงคุณกายกำลังคุยกับใครอยู่หน้าห้อง
“มันดึกแล้วนะ ขอนอนค้างไม่ได้หรอ” เสียงผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้พูดกับคุณกาย
“บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ พรุ่งนี้ฉันต้องไปภูเก็ตแต่เช้า”
เอ๊ะ! ไปภูเก็ต! ผมได้ยินไม่ผิดใช่ไหม คุณกายจะไปภูเก็ตงั้นเหรอ... เขา...ไม่คิดจะบอกผมเลยใช่ไหม...
“ก็เดี๋ยวตอนเช้าฉันออกไปพร้อมแกไง ไม่เห็นจะยาก ขี้เกียจขับรถกลับแล้ว แกอย่าใจร้ายกับเพื่อนฝูงเสะ ”
“ไม่เว้ย! รีบกลับไปได้แล้วฉันง่วง!”
ผมค่อยๆย่องเดินเข้าไปใกล้สองคนนั้น อยากจะเห็นหน้าคนที่คุณกายคุยด้วยให้ชัดๆ นั่งยองๆหลบมุมอยู่ข้างตู้โชว์แล้วชะโงกหน้าออกไปดู เห็นชายหนุ่มร่างสูง หน้าตาเหมือนคนอิตาเลี่ยน กำลังยืนคุยกับคุณกายอยู่ที่หน้าประตูห้อง
“โธ่...กาย ฉันอุตส่าห์ขับรถมาส่งแกถึงนี่นะ เห็นแกบอกว่ารีบเคลียร์งานกลับดึก ฉันก็เลยมารอรับ ขืนให้แกขับรถกลับเองทั้งที่เพลียๆเหนื่อยๆ คงไม่พ้นเกิดอุบัติเหตุ คนอุตส่าห์หวังดี...”
ไอ้หมอนี่มันอะไรกัน! คุณกายก็ปฏิเสธไปหลายรอบแล้วว่าไม่ให้ค้าง ยังจะหน้าด้านขอค้างต่ออีก ผมไม่ชอบใจเลย มันเป็นใครกัน!
“เฮ้อ! ขอโทษนะเรโอ แต่วันนี้ไม่ได้จริงๆ วันนี้ฉันอยากอยู่คนเดียว...”
อะไรนะ! เรโอ... ชื่อคุ้นๆแฮะ แต่นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินที่ไหน...
“เป็นอะไร... แกมีเรื่องอะไรในใจอยู่รึเปล่า อย่าทำอย่างนี้สิ ฉันเป็นห่วงนายรู้ไหม...”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ อย่าคิดมาก”
“แกก็ชอบเป็นแบบนี้ทุกที! มีเรื่องไม่สบายใจก็ชอบแบกไว้คนเดียว ฉันเป็นเพื่อนแกนะไม่ใช่หัวหลักหัวตอ!!”
ดูเหมือนสถานการณ์จะยิ่งตึงเครียดขึ้น เห็นคุณกายทำแค่เพียงนิ่งเฉยให้หมอนั่นว่าปาวๆ
“แกทุกข์อยู่คนเดียว คิดว่าเพื่อนอย่างฉันที่คอยมองแกอยู่จะสบายใจเหรอ การแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียวมันไม่หนักบ้างเหรอ แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆฉันก็ไม่สามารถแบ่งเบาให้แกได้เลยหรือไง... เอ๊ะ! เสียงทีวี...”
ซวยแล้วไง... ผมดันเปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้ นี่ขนาดผมเปิดเสียงเบาแล้วนะ ไอ้หมอนี่ยังจะได้ยินอีก ผมรีบย่องเร็วๆกลับเข้าไปข้างใน แล้วกระโดดข้ามโซฟาไปนั่งแอบข้างหลัง ประจวบกับที่ไอ้อิตาเลี่ยนก้าวยาวเข้ามาพอดี ผมจึงลอดพ้นจากสายตาไปได้อย่างหวุดหวิด
“มีใครอยู่ทำไมทีวีถึงเปิดไว้?!”
“ไม่มีใครทั้งนั้นแหละ! ทีวีมันเปิดของมันเองอัตโนมัติ กลับไปได้แล้ว!” แล้วคุณกายก็ลากหมอนั่นออกจากห้องไปด้วยกัน ผมจึงกลับมานั่งบนโซฟาเหมือนเดิม
สักพักคุณกายก็กลับเข้ามาคนเดียว เห็นเขาถอนหายใจออกมาเบาๆ มือจับปมคลายเนคไทต์ออก เดินเข้ามาหาผมที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น
“นายรู้ไหมว่านายเกือบทำฉันซวย... นี่มันตีหนึ่งกว่าแล้วทำไมไม่รู้จักหลับจักนอน ห๊า...?” ชายหนุ่มต่อว่าผมเสียงเครียด
“ก็...ผมรอคุณอยู่” ผมตอบหน้าเจื่อน คิดอยู่แล้วว่าเขาคงไม่ชอบให้คนรู้จักของเขามาเห็นว่าผมอยู่ร่วมกับเขาแบบนี้ แต่ผมก็ไม่ได้ตั้งใจนี่...
“ใครใช้ให้รอ”
“ก็ผมอยากเข้านอนพร้อมคุณ” ตอบสวนกลับไปเท่านั้นแหละ คุณกายก็หน้าแดงทันที เขากรอกตาไปมาขบริมฝีปากแน่น เหมือนกับทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะตอบโต้ผมยังไง เห็นแล้วขำชะมัด เขาดูน่ารักดีในเวลาแบบนี้
“ฝะ...ฝันไปเหอะ!” ท้ายเสียงลงเสียงหนัก ก่อนจะรีบจ้ำอ้าวเดินเข้าห้องนอนไป โดยปิดประตูเสียงดังแสดงความไม่พอใจ
ผมยืนขำท้องขัดท้องแข็ง แล้วเดินตามไปที่ห้องนอน แต่...
“เฮ้ยยย....!! นี่คุณจะล็อกประตูทำไมเนี่ย! แล้วผมจะนอนที่ไหนล่ะ ที่ร๊ากคร้าบบบบ เปิดหน่อยคร้าบบบ! ”
ก๊อกๆๆ!! ปึงๆ!
“คุณกายครับ! อย่าเล่นแบบนี้สิ มันดึกแล้วน๊า...” ผมทุบประตูห้องเสียงดัง เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีท่าทีจะมาเปิดให้จริงๆ
“นอนข้างนอก!! นั่นคือที่ของนาย!” คุณกายตะโกนสวนมาจากข้างใน ดูท่าคงจะเริ่มรำคาญเสียงโหยหวนเป็นมาหงอยของผมแล้วกระมัง
“คนใจร้าย... ใจคอจะให้ผมนอนข้างนอกจริงๆเหรอ!”
เงียบ... ไร้ปฏิกิริยาตอบกลับ ยืนคิดไม่ตกอยู่สักพัก ก็เห็นภายในห้องดับไฟลง...
ซวยแล้วไง... ผมไม่น่าไปแหย่เสือเล้ยย... ดูสิ ดันหันเขี้ยวเล็บใส่ผมแบบนี้ แล้วคืนนี้ผม... หันไปมองโซฟาในห้องนั่งเล่น แล้วเดินคอตกไปล้มตัวลงนอน
ผมนอนลืมตาในความมืด คืนนี้ไม่ได้นอนกอดตัวนุ่มนิ่มของเขา รู้สึกว่าชีวิตไร้รสชาติไปโดยปริยาย แต่ปัญหาเฉพาะหน้าที่ผมต้องครุ่นคิดไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เรื่องที่ทำให้คืนนี้ผมข่มตาหลับไม่ลงคือ... พรุ่งนี้เช้าคุณกายจะไปภูเก็ต...
รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของผม และไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องมาคอยบอกผม แต่...มันหน้าน้อยใจไหมล่ะ เหมือนกับว่าเขา... จะหาเรื่องหนีผมไปอีก...
ผมจะทำยังไงดี...
~*******************************************~
ขอบคุณในความกรุณาค่ะ