Air-Non : The Lord Of The Room
Part II
ช่วงนี้มีรับน้องหนัก เพราะเป็นช่วงต้นของเทอม
แต่ละคนกลับหอกันก็ดึกดื่นแล้ว ผมกับรูมเมทจึงไม่ได้พูดคุยกันมากนัก
คืนหนึ่งหลังจากที่ผมกลับมาถึงหอเกือบเที่ยงคืน
อ่าว ไอ้เกรย์หาย ผมมองไปที่เตียง ว่างเปล่าทั้งสามเตียง สงสัยไอ้เกรย์คงนอนอยู่ห้องชมรมของมันนั่นแหละ
ส่วนไอ้นน มันหลับครับ หากแต่ไม่ได้หลับบนเตียง นั่งหลับบนเก้าอี้ซะงั้น
มือยังถือปากกา หน้ายังติดหนังสือ แถมแว่นก็ไม่ยอมถอด เฮ่อ มันกี่ขวบแล้วฟระ -*-
ผมว่าจะไม่ยุ่งกับคุณชายแล้วเชียว แต่ใครจะปล่อยให้เมทนั่งหลับเมื่อยๆอย่างงั้นได้ละครับ
“นน”
ผมสะกิด “ไปนอนที่เตียงไป”
“อือ” มันแค่ครางอย่างรำคาญใจ แล้วมุดหน้าเข้าไปในหนังสือชีววิทยาของมัน
ผมจึงจัดแจงหยิบปากกาออกจากมือมัน ดึงหน้าแม่งมาจากหนังสือ แล้วค่อยๆยกตัวมันขึ้น
ไอ้นนมันตัวเล็กกว่าผมเยอะครับ แถมเตียงมันคือเตียงเดี่ยวตรงนี้เอง ผมจึงย้ายมันไปนอนบนเตียงอย่างไม่ทุลักทุเลนัก
ผมค่อยวางตัวมันลงนอน ไอ้นนหลับไม่รู้เรื่อง ผมขำเบาๆกับหน้ามันที่ยังคิ้วขมวดเหมือนก่อนหน้านี้อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง
ผมหันไปที่หนังสือมัน เอาปากกาคั่นไว้หน้าที่เปิดค้างอยู่ แล้วจึงปิดหนังสือลงและไปอาบน้ำ
เมื่อกลับเข้ามาที่ห้องอีกครั้ง ก็ปรากฏว่าผมลืมถอดแว่นให้ไอ้นน จึงก้าวยาวๆไปดึงแว่นออกให้
อ่า.. หลังกรอบแว่นหนาๆดวงตามันปิดสนิท
ผมก้มหน้าลงไปใกล้ อย่าเข้าใจผิดครับ ผมไม่ได้คิดอกุศลอะไรกับมันนะ
เพียงแต่หยิบขนตาที่ร่วงลงมาออกให้มันเท่านั้น
.
.
เช้าวันต่อมา มันก็ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวว่าเมื่อคืนหลับคาหนังสือ แต่กลับทวงใบแนะนำตัวซะงั้น
ซึ่งผมลืมเขียนให้ไอ้คนตรงหน้าไปเสียสนิทเลยจริงๆ เอาไว้ก่อนละกันน่า ผมยังไม่มีอะไรจะเขียน
จึงบอกมันไปว่าเอาไว้เรียนรู้กันเองโดยอัตโนมัติทีหลัง มันจึงยิ้มกว้างๆให้เป็นคำตอบ
ผมอยู่หอมาได้ซักสัปดาห์หนึ่งแล้ว เมททั้งคู่ไม่เลวร้ายอย่างที่คิดวันแรกครับ
ไอ้เกรย์ก็เกรียน แต่ฮาดี วันก่อนผมยังไปส่งมันแอบไปดูพ่อที่หอประชุม ผมเห็นพ่อกับแม่มันแล้ว ไม่สงสัยเลยครับว่าทำไมไอ้เกรย์ถึงเกรียน จนตอนนี้ผมยังจำคำที่ชายหญิงคู่นั้นเถียงกันได้อยู่เลย ฮ่าๆ
ส่วนไอ้นน หรือผมควรจะเรียกมัน คุณนน?
มันก็เนิร์ดๆ เงียบๆ วันๆหน้าติดกับหนังสือ ครั้นเวลาพูดอะไรออกมาก็ไพเราะสาด ทำเอาผมกับไอ้เกรย์ไม่กล้าพูดหยาบกันไปพักนึงเลยทีเดียว จะมีบางทีหรอกที่ผมเห็นว่ามันมองผมยิ้มๆ ..เช่นตอนนี้
“ยิ้มอะไร?”
ผมอดถามไม่ได้
“ยิ้มให้แอร์ครับ”
นั่น เสือกตอบกูมาอีก
“แล้วมายิ้มให้กูทำไม”
“ก็เห็นแอร์ไม่ค่อยยิ้มนินา ทำตัวเข้มตลอดเวลา”
ไม่จริงซักหน่อย ผมก็ฮาบ้างเข้มบ้างตามสถานการณ์ครับ
“เลิกยิ้มได้แล้ว”
ผมสั่ง
“เดี๋ยวผมอยากเลิกผมก็เลิกเองแหละ แอร์ไม่ต้องสั่งหรอก”
มันบ่นงุบงิบ
“แล้วจะมายิ้มกับกูทำไมเนี่ย”
ผมกลั้นขำ
“ก็ผมชอบแอร์อะ”
.
.
อืม เออ ดี
ห๊ะ!
เดี๋ยวก่อน มันว่าอะไรนะ ??
“ชอบเหรอ ชะ..ชอบแบบไหน”
“ก็ชอบแบบนั้นแหละครับ ผมเป็นเกย์”
.
.
พรวดดดดด!
ผมสำลักน้ำที่กำลังกรอกเข้าปากทันที
“แอร์ กินดีๆสิครับ พื้นเลอะหมดเห็นไหม!”
ไอ้นนรีบกระวีกระวาดเอาทิชชูมาซับน้ำ
แหม..ก็เพราะมึงไหม เสือกพูดตรงๆโจ่งแจ้งขนาดนี้ ใครไม่สำลักมันก็ไม่ใช่เกย์ เอ้ย ไม่ใช่คนแล้ว
ผมยังคงมองมันค้างอย่างใบ้กิน
“เอ้า หลีกๆ ผมจะซับน้ำ”
ไอ้นนว่า ผมก็หลีกให้มันครับ แต่ยังมองมันอยู่
“แอร์มองอะไรนักหนาครับ”
“โห มึงถามกูมาได้นะ มันบ่อยมั๊ยที่รูมเมทจะบอกว่าตัวเองเป็นเกย์เนี่ย”
“ไม่รู้ครับ ไม่บ่อยมั้ง?”
เฮ้ออออ
“เดี๋ยวก่อนนะคุณนน คือเกย์เค้าต้องแอ๊บไม่ใช่เหรอ แล้วยิ่งชะ..ชอบรูมเมทเนี่ย เค้ายิ่งต้องไม่พูดไม่ใช่เหรอ”
ก็มันน่าจะเป็นแบบนั้นนี่ครับ! ผมจึงหวังว่านี่อาจจะเป็นมุขตลกของไอ้นนก็ได้
“โห..แอร์ แบบนั้นก็อึดอัดตายดิครับ แถมเชยแหลก เดี๋ยวนี้มีอะไรเค้าพูดกันตรงๆแล้ว”
“เฮ้ย แต่กูไม่ใช่เกย์นะเว้ย”
“ผมก็ไม่ได้บอกว่าแอร์เป็นนี่ครับ”
“อ้าว แล้วอย่างนี้ถ้ากูเกิดรังเกียจมึงขึ้นมาแล้วจะทำยังไง ไม่เสียใจแย่เรอะ?”
แต่หน้ามันตอนได้ยินคำว่า’รังเกียจ’ก็บ่งบอกแล้วครับว่าเสียใจ
“เฮ้ยๆ อย่าเพิ่งทำหน้าเศร้า กูแค่ตั้งสมมุติฐาน”
“ก็เสียใจอะครับ.. แต่ว่าก็ยังดีกว่าอยู่ด้วยกันแบบใส่หน้ากาก ถ้าแอร์รังเกียจผม ผมจะได้รู้ไปเลย แค่นั้น”
.
.
โอ้โห.. ใจนักเลงใช้ได้เลยเว้ย ไอ้เนิร์ด+เกย์คนนี้
ถามว่าผมรู้สึกยังไง รังเกียจไหม
ไม่รู้สิครับ ไอ้คนตรงหน้าพูดออกมาเหมือนแนะนำตัว ไม่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองเป็นมันผิดหรือน่ารังเกียจตรงไหน
มันพูดออกมาเป็นธรรมชาติ จนผม..เอ่อ ผมไม่ได้นึกรังเกียจอะไรเลย ตรงกันข้ามกลับมองว่ามันตรงไปตรงมาดี
“เออ แต่กูไม่ใช่เกย์นะ กูชอบผู้หญิง”
ผมบอกกับมันตรงๆเช่นกัน
“ครับ ผมพอเข้าใจ ต้องขอโทษแอร์ด้วยนะ”
“ขอโทษเรื่องอะไรเล่า”
ผมไม่อยากเห็นมันทำหน้าเศร้าๆเท่าไหร่
“ขอโทษที่ชอบแอร์อะครับ..”
.
.
มาพูดอย่างงี้ มึงเอาใจกูไปเลยดีกว่า
เอ้ย ไม่ใช่ดิ !
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .