(ต่อครับ)
ตอนที่ 30คาดว่าเมื่อคืนนี้จะแสดงความคิดถึงมากไปหน่อย เพราะกว่าที่ชินจะเดินออกมาจากห้องนอนก็เกือบเที่ยง
หน้าซีดๆ ทั้งยังเหมือนเดินไม่ค่อยถนัด
“หิวมั้ย เลื่อนไปบ้านพี่วันหลังก็ได้นะ”
“ไปเหอะ เดี๋ยวเกิดพี่ต้องไปสิงคโปร์ขึ้นมาอีก”
“ยังไม่ใช่ในอาทิตย์นี้ อาทิตย์หน้าหรอก ไหวมั้ยเนี่ย”
ถามแล้วเดินเข้ามาใกล้เลยโดนหลังมือไปที
“ไปเปลี่ยนเสื้อเหอะ”
แต่พี่เจ ก็แค่เดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์กับกุญแจรถ “ไปแวะกินที่ร้านใกล้บ้านพี่ละกัน”
ถามด้วยความเป็นห่วงจากหัวใจจริงๆนะเนี่ย แต่เค้ากลับทำหน้างอใส่
“อือ”
เขาบอกก็ปฏิบัติตามอย่างว่องไว รีบปิดบ้านนั่งรถออกมากินข้าวด้วยกัน ร้านข้าวช่วงเที่ยงนี่มันช่างแน่นขนัดเหลือใจ
และมันก็เป็นอีกครั้งที่ชินแสดงให้พี่เจเห็นถึงท่าทีไม่สนใจโลก ใครจะมอง ใครจะยิ้ม ชี้นิ้ว อะไรยังไงเขาก็มองแต่อาหารในจานข้างหน้า
จะว่าไปมันก็ดีเหมือนกันนะ
เมื่อรถเข้าไปใกล้บ้าน เห็นรถอีกคันที่เลี้ยวเข้าบ้านนำเข้าไปก่อน
ชายร่างใหญ่ในชุดเสื้อยืดสีอ่อน กับกางเกงสีครีมหยุดยืนรออยู่ข้างรถ แล้วยิ้มกว้างเมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่ข้างคนขับ
ข้างๆ คือหญิงสาวรูปร่างผอมบาง แต่งกายในชุดเสื้อยืดกับกางเกงขายาวเหมือนกัน
และคนงานที่กำลังยกถุงกอล์ฟลงมาจากท้ายรถ
“นั่นป๊ะพี่เอง”
ชินพยักหน้า เปิดประตูก้าวลงจากรถแล้วเดินเข้าไปหา ยกมือไหว้
“สวัสดี เข้าบ้านกัน”
เข้ามาในบ้านป๊ะก็พาไปที่นั่งเล่นที่สวนสวย ตกแต่งด้วยน้ำตกเล็กๆ และปลาตัวน้อย
พอนั่งลง น้ำเย็นก็ตามมาวางบนโต๊ะ
ป๊ะเริ่มต้นด้วยการหันมาถามชิน “เคยไปอิตาลี่มั้ย”
“ไม่ครับ”
“อยากไปเที่ยวอิตาลี่มั้ย”
ชินนิ่งคิดก่อนพูดตามนิสัย “ไม่ครับ ผมอยากไปเที่ยวแถวนี้มากกว่า พม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา มาเลย์ แต่ที่อยากไปที่สุดคือบรูไน”
“หรือ” พ่อเลิกคิ้วสูงให้คำตอบที่คาดไม่ถึง
“ผมอยากแบ๊คแพ็คเที่ยวแถวนี้น่ะครับ”
ป๊ะรีบชี้มาที่พี่เจคนที่กำลังนั่งยิ้มกว้างท่าทางภูมิใจนำเสนอแฟนสุดๆ “เจเรมี่จบไฮสคูลก็แบ๊คแพ๊คมาเที่ยวเมืองไทย”
ชินหันมามองหน้าตรงๆ “แบ๊คแพ็คตอนจบไฮสคูล”
“ใช่ เก่งมะ มาคนเดียวด้วย” เจ้าตัวออกจะภูมิใจ
แต่ชินถึงบางอ้อ เข้าใจแล้วว่า ทำไมเขาถึงได้ย้ายไปอยู่ห้องคนอื่นได้ง่ายนัก
ป๊ะเล่าเรื่องต่อไปเรื่อย สรุปก็คือ เมื่อพี่เจตัดสินใจย้ายมาอยู่เมืองไทยหลังจากที่มอมจากไป ป๊ะก็ตามมาลงทุนทำธุรกิจที่นี่ด้วย
พ่อลูกคู่นี้พูดเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายๆ เพียงแค่พลิกฝ่ามือพอกัน ชินนั่งฟังเพลิน ขณะที่รู้สึกตัวเหมือนถูกจ้องมอง
สักพักก็ขอตัวลุกมาเข้าห้องน้ำ
หญิงสาวท่าทางกรีดกรายยืนรอ แต่ไม่มีคำพูด
เพียงแค่ปรายตามองอย่างดูถูก
ชินจัดการธุระส่วนตัว ล้างหน้าล้างมือเดินออกมา
หน้าใสหลังการล้างหน้า กลับทำหญิงสาวเหยียดปากดูถูก
แล้วชินเคยสนใจมั้ย ขนาดพี่สาวคลานตามกันออกมายังไม่เคยสนใจ เรื่องแค่นี้มีหรือจะสนใจ
พอชินจะเดินกลับออกไปที่สวนป๊ะ กับพี่เจก็กลับเข้ามาเหมือนกัน แล้วย้ายไปนั่งคุยในห้องทำงาน
มาถึงตอนนี้ ทำให้ชินอดไม่ได้ที่จะประเมินตำแหน่งของหญิงสาว
แล้วกลับไปดูพี่สาวทั้ง 7 จนถึงเมเร
อดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าผู้หญิงคนนี้ ไม่มีความสำคัญอะไรเลย ในสายตาของผู้ชาย 2 คนในบ้านนี้
เพราะตั้งแต่มาถึง จนถึงตอนที่ป๊ะเดินคุยกับพี่เจ แล้วหันมาเรียกชินไปนั่งคุยในห้องทำงาน
ทั้งป๊ะ และพี่เจไม่แนะนำ ไม่พูดกับผู้หญิงคนนี้สักคำ
กับพี่เจอาจไม่ชอบกัน
แต่ป๊ะเองก็เกินไป
มันคงมีอะไรที่คนที่เพิ่งแวะเข้ามาบ้านนี้เป็นครั้งแรกยังไม่ควรรับรู้อีกมั๊ง
...เหอะ อยากรู้ตาย....
ชินเดินตามเข้าไปในห้องทำงานของป๊ะ เห็นกำลังคุยกันเรื่องงาน พี่เจก็หันมาบอก
“เปิดโทรทัศน์ นอนเล่นที่โซฟานั่นได้นะชิน” มือใหญ่ชี้ไปที่โซฟาสีเข้มหน้าโทรทัศน์
แต่ป๊ะยังอยากรู้เรื่องของชินอีกนิดก็เลยถามก่อนที่ชินจะเปิดโทรทัศน์ตามคำแนะนำ
“ชินเป็นลูกครึ่งหรือเปล่า”
“พ่อผมเป็นคนญี่ปุ่น แม่เป็นคนไทยพ่อมาอยู่ที่นี่กับญาติตั้งแต่มัธยม เพราะว่าธุรกิจที่บ้านมีปัญหา จากนั้นพ่อก็ทยอยรับน้องมาอยู่ด้วยกันหมด”
“เหรอโอโต้ซังของชินต้องเป็นคนเข้มแข็งมากเลยสินะ”
ชินหันมาส่งยิ้มกว้างจนตาเป็นเส้นโค้ง ป๊ะก็เลยชวนคุยต่อ
“อยู่ต่างแดนตามลำพังตั้งแต่เด็กไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”
หนุ่มผอมบางนั่งหลังตรงฟังป๊ะคุยเรื่องนั้นนี้ จนกระทั่งแม่บ้านมาเรียกว่าได้เวลาที่ป๊ะจะต้องนอนพักผ่อนช่วงบ่าย
คือถ้าเป็นวันธรรมดาก็ไม่ได้นอนพักหรอก แต่เพราะว่าวันนี้ไปออกรอบตั้งแต่เช้ามืด น่าจะได้เอนหลังพักผ่อนสักครู่ แต่ป๊ะก็แค่โบกมือ ชวนพี่เจและชินคุยต่อ
จนบ่ายสามหญิงสาวคนนั้นถึงได้เข้ามาในห้อง น้ำเสียงอ่อนหวาน “คุณคะไม่ไปเอนหลังสักนิดหรือคะ”
ป๊ะโบกมือใส่หญิงสาว “เรากำลังคุยงานกันอยู่”
ชินหันไปยิ้มให้กับหน้าต่างห้อง เพราะตั้งแต่มาถึงได้ยินประโยคที่เกี่ยวกับการทำงานไม่ถึง 5 ประโยค
“เออ จริงสินะ” ป๊ะเพิ่งนึกได้อีกอย่าง “เจเรมี่ยังไม่ได้พาชินเดินดูบ้านเลยนี่นา”
“คุณยังคุยงานกัน ให้ดิชั้นพาไปเดินดูบ้านดีกว่ามั้ยคะ” หญิงสาวอาสา
“ครับ” ชินลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามออกมา
หญิงสาวคนที่ยังคงไม่ได้รับการแนะนำชื่อ บอกว่าจะพาเดินดูบ้าน ก็พาเดินดูจริงๆ ตั้งแต่สวนสวยมาถึงห้องนอนใหญ่ชั้น 2
“ห้องคุณเจ”
ชินก้าวเข้าไปในห้องกว้าง รูปของเจ้าของห้องวางอยู่ที่โต๊ะเตี้ยข้างเตียง ในห้องนอนกว้างยังมีโต๊ะเขียนแบบ โต๊ะทำงาน และคอมพิวเตอร์จอยักษ์ ชินอมยิ้มเล็กๆ ให้กับห้องนอนที่เป็นโลกของพี่เจ
“แอ๊บแมนนี่มันเหนื่อยมั้ย” จู่ๆ หญิงสาวคนที่ก้าวตามเข้ามายืนอยู่ข้างหลังก็พูดขึ้น ดวงตาคมกริบหยุดนิ่งที่จิวเพชรแท้รูปดาวที่ชินใส่อยู่
หนุ่มผอมบางผมสวยเดินไปที่โต๊ะทำงาน มองลูกโลก และโมเมนตั้ม
“ผมไม่ได้แอ๊บ”
“เหรอ” หญิงสาวทำเสียงเหมือนไม่ค่อยอยากเชื่อ
ชินหันมามอง แล้วแนะนำตัว “ผมชื่อชิน”
“ชั้นชื่อจันทร์”
ชินพยักหน้ายิ้มรับ
“นี่พ่อแม่เธอรับได้เหรอที่ลูกเป็นแบบนี้ เป็นชั้นนะ ถ้าลูกชายชั้นเป็นแบบนี้ชั้นจะฆ่าตัวตายซะเลย”
ชินเอียงคอคิดตาม ไม่เห็นพ่อกับแม่จะมีท่าทางเครียดขนาดนั้น แม่อาจตกใจตอนที่เจอพี่เจ แต่ไม่ใช่เสียใจ หรือผิดหวัง ส่วนพ่อก็ออกจะเรื่อยๆ ยังไงก็ได้ตามเคย
“ก็ไม่เห็นเขาว่าอะไรนี่”
“แต่ลึกๆเค้าอาจเสียใจมากก็ได้”
พอชินเพียงแค่ยิ้มเฉยแทนการแสดงความคิดเห็น จันทร์ก็พูดต่อไป
“นี่ชิน คุณเจเรมี่เขาไปอยู่กับเธอหรือไง”
ชินยังคงพยักหน้า
“ผู้ชายแบบเธอมีอะไรดี ผอมแห้งอย่างนี้ ดีกว่าผู้หญิงตรงไหน ชั้นไม่เคยเห็นเขาจะจริงจังกับใครสักคน ไม่เคยซ้ำหน้า...”
“พูดอะไร!” เสียงดุและห้วนดังขึ้นที่ประตูทำให้จันทร์หันไปมอง แล้วสะบัดหน้าเดินออกไปจากห้อง
“เค้าพูดอะไรกับชิน” พี่เจถามเมื่อประตูห้องปิดลง
ชินถอนหายใจหนักๆ “เวลาพี่อยู่บ้านเคยคุยกับเค้ามั้ย”
“ไม่ ผู้หญิงของป๊ะ พูดด้วยแล้วมันยาวกว่าที่คิดทุกที เลยพูดน้อยๆดีกว่า”
“มิน่า...” ชินพยักหน้า นั่งลงที่เตียงนอนกว้าง
“มิน่าอะไร”
“ก็มิน่า...” ชินหันไปมองรูปภาพข้างเตียง “หนีมาอยู่เมืองไทย เพราะหนีผู้หญิงของป๊ะแน่ๆ”
“อือ คนก่อนน่ะ พอคุยด้วยแล้วเค้ากลับไปตีความว่าเรากำลังคิดอะไรกับเค้าซะได้ เลยตัดปัญหา”
“พี่น่ะนะ เข้าใจทุกคนรอบโลก แต่เว้นคนต้องห้ามไว้”
“ก็คนต้องห้ามไง ไม่อยากยุ่งด้วย”
.......แบบนี้มันดีมั้ยเนี่ย...
“ป๊ะไปนอนพักแล้วเหรอ”
“อือ”
“ตามมาเพราะระแวงกลัวโดนใส่ไฟ หรือเพราะว่าป๊ะไปพักเลยตามมาดูผม”
พี่เจขยับนั่งที่หัวเตียง ดึงชินมานั่งซ้อนกอดไว้
“แบบนี้แสดงว่าถูกทุกข้อ” ชินทาย
พี่เจดันคางสวยให้หันมารับจูบ แต่เมื่อชินพับขาพลิกตัวเข้ามาหา ความรู้สึกเจ็บเข่าแล่นปร๊าดถึงหัวใจ
“เป็นอะไร”
ชินส่ายหน้า แต่รู้สึกเหมือนมือกำลังเย็น พี่เจจับมือมาบีบนวดให้
“ดีขึ้นมั้ย”
หนุ่มหน้าสวยพยักหน้า ยิ้มเจื่อนๆ ไม่อยากโกหกเรื่องอาการเจ็บเข่า แต่ก็ไม่อยากเล่าเรื่องให้ฟัง
“จันทร์เค้าก็แค่อยากมีตัวตนในบ้านนี้เท่านั้น ผมไม่ได้กังวลเรื่องเค้าหรอก”
“พี่ไม่ได้ถามเรื่องนั้น”
ชินเหลือบตาขึ้นมอง เหมือนมองเห็นความไม่พอใจที่แฝงอยู่ในดวงตาสีฟ้าแล้วต้องหลบตามองคาง
“ก็ไม่อยากบอก”
พี่เจถอนหายใจแรงเงยหน้ามองเพดาน
“ก็...มันไม่มีอะไร เรื่องธรรมดาของนักกีฬาไง”
ชินพูดไม่ค่อยเต็มปากเต็มคำ
แต่พี่เจยังทำหน้าตาเบื่อหน่ายไม่เลิก ชินเลยจับคางพี่พลิกไปพลิกมา “เดี๋ยวนี้งอนถี่นะเนี่ย”
“ใคร๊ ใครที่ไหนงอนไม่เมี๊ยะ”
ทำเสียงสูงลิ่ว หน้าตาแบบนี้น่ะนะ ไม่งอน
ชินรั้งใบหน้าพี่ลงมาหาดูดริมฝีปากล่างของพี่ ผลก็คือลิ้นร้อนที่รุกไล่เข้ามาหาทันที ตามมาด้วยการกดไหล่ลงนอน
“อื้อ...ไม่พลาดเลยนะ”
แต่ความเจ็บยังคงไม่ไปไหน ชินจิกมือกับไหล่หนาถ่ายทอดความเจ็บ
ริมฝีปากที่กดจูบไปทั่วไปหน้าหยุดนิ่งที่แก้มใส
“ไปหาหมอนะ”
“ไม่”
“ไปดูสักนิดว่าเป็นอะไร”
“ไม่”
พี่เจผุดลุกขึ้นนั่ง “บอกเหตุผลพี่ซักข้อสิว่าทำไม”
“เดี๋ยวก็หายเอง”
“มันจะหายได้ยังไง พี่เห็นชินเจ็บแบบนี้อยู่บ่อยๆ แล้วตอนที่พี่ไม่เห็นอีกล่ะ”
“เดี๋ยวก็หาย จริงๆ ผมเจ็บไม่นานหรอก”
มือใหญ่เสยผมลวกๆ หันมามองคนที่กำลังหน้าซีดแล้วลุกออกไปจากห้อง กลับมาในอีกไม่ถึง 2 นาทีถัดมา ในมือมีแก้วน้ำกับยาแก้ปวด
ชินขยับตัวลุกขึ้นนั่งรับยามากิน
“ชิน ถ้าไม่อยากเล่า ก็ไม่ต้องเล่า แต่ชินต้องไปหาหมอ”
“ผมไม่เล่า และไม่ไปหาหมอด้วย”
พี่เจเดินเข้าไปคลับสีม่วงที่คุ้นเคย เพื่อนทั้ง 4 คนยกมือเรียกมาแต่ไกล ก่อนเดินไปหาเพื่อนพี่เจแวะเค้าท์เตอร์สั่งเบียร์แล้วเดินถือมาหาเพื่อน
ซี 1 เริ่มเปิดประเด็นก่อน “มึงกินกันนานๆนะ กูจะย่องไปตีท้ายครัวบ้านไอ้เจ”
พี่เจพ่นเสียงจากมุมปากแล้วยกเบียร์ขึ้นจิบ “ดื้อโคตรๆ”
อเล็กซานด์เพื่อนฝรั่งผมสีทองโอบแขนล่ำกอดคอเพื่อนไว้ “เฮ่ย ใจเย็น ม้าดีต้องพยศ”
“สำนวนประเทศไหนวะเนี่ย กูเคยได้ยินแต่ม้าป่า” แมทธิวฝรั่งผมสีเข้มหัวเราะขำ
ขณะที่ซี 2 ผู้มีสัญชาติไทย ท่าทางเคร่มขรึม “มีปัญหาอะไรกันหรือไง ค่อยๆคุยกัน”
“ปัญหาคือเขาไม่คุยไง กูไม่ได้อยากรู้เรื่องส่วนตัวอะไรของเขาเลยนะโว้ย กูแค่อยากให้เขาไปหาหมอก็แค่นั้นเอง”
ความรักความเป็นห่วงที่ให้ไป ยิ่งนานยิ่งเหมือน....ถมทรายลงไปในทะเล....ละลายหายไป
“เออ ก็ใจเย็นๆ” ซี 2 ย้ำคำเดิมลูบหลังเพื่อน “แล้วมีปัญหากัน มึงดันหนีออกมาเที่ยวแบบนี้ ชินจะไม่ยิ่งคิดมากหรือไงวะ”
พี่เจหันไปมองทางอื่น ยอมรับว่าที่เพื่อนพูดมาก็ถูก แต่ที่ออกมาก็เพราะไม่อยากพูดซ้ำซาก แล้วมันจะกลายเป็นการทะเลาะกัน
คิดวุ่นวาย จิบเบียร์ไปเรื่อยๆ สายตาหันไปเห็นรีนาโต้กับเพื่อน
หนุ่มตาสีเขียวยกขวดเบียร์ทักทาย แล้วเดินเข้ามาหา
“คิดว่าพี่อำลาที่นี่ไปแล้วซะอีก”
พี่เจหัวเราะขมๆ “นายเองก็ยังเที่ยว ไม่เห็นเพื่อนนายคนที่เจอเมื่อวันก่อนที่บ้านชิน”
“ไอ้หมงมันไม่เที่ยวหรอกพี่ มันต้องเลี้ยงแม่ เลี้ยงหลาน”
“คนดี”
“ใช่ มันเป็นคนดี ชอบพี่สาวชิน จะจีบก็กล้าๆกลัวๆ”
“แล้วนายกับยูล่ะ”
“ก็เรื่อยๆ อย่างที่พี่เห็นน่ะแหละ ให้มีพื้นที่ว่าง เขาก็ไม่กดดันตัวเอง ก็ดูเค้ามีความสุขขึ้น”
ดวงตาสีฟ้าของพี่เจจ้องมองไปที่แสงสีรอบตัว
พี่รีพูดต่อไป “พูดถึงไอ้หมง มันเล่าว่า เคยเห็นชินมาหาซินซินขอของอะไรบางอย่าง ตอนนั้นยังคิดอยู่ว่าพี่น้องคู่นี้สวยมาก แล้วซินซินก็พูดเรื่องขาของชิน”
พี่เจพยักหน้ารับรู้ และรับว่าใช่ในเวลาเดียวกัน พี่รีพูดต่อ
“ผมมั่วไปเองหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่ผมเห็น ผมได้ยินมาเนี่ย ผมคิดว่า โทระเป็นคนทำให้ชินขาเจ็บ”
“ชั้นก็คิดอย่างนั้น แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ยอมไปหาหมอ”
พี่รีนิ่งคิด แล้วพูดขึ้นช้าๆ “ตอนที่ผมทำผิดต่อยู แล้วยูก็ตีผมแล้วก็จริง แต่ยูก็บอกกับผมว่า เขาต้องลงโทษตัวเองที่ตามใจผม”
พี่เจหันกลับไปมองหน้าพี่รี ท่ามกลางแสงสีกลิ่นบุหรี่อบอวล คนตาสีฟ้ารู้สึกเหมือนกับว่านี่คือคำตอบที่รออยู่
=========จบตอนที่30=========
โย่ว ได้ขึ้นหน้าใหม่เื่รื่อยๆ ดีใจมาก กอดๆๆๆ คุณผู้อ่านทุกคน ทุกความเห็น ทุกคำแนะนำ
ขอบคุณมากครับ
ไจฟ์ครับ