ตอนที่ 12 Summer หลังจากสอบปลายภาคเสร็จเรียบร้อย นักเรียนที่ขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกต้องมาเรียนในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน เนื่องจากต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยกลางเดือนตุลาคมที่กำลังจะมาถึง
ต่อศักดิ์ส่งชุดนักเรียนไปให้ร้านปักเย็บเสื้อผ้า เพื่อปักขีดสีแดงเพิ่มเป็นขีดสุดท้าย
“โรงเรียนโล่งจัง” ต่อศักดิ์พูดขณะนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหิวอ่อนหน้าอาคารหนึ่ง มองเหม่อไปที่สนามหน้าโรงเรียน ซึ่งแปลกตาไปจากเมื่อก่อน อาจเป็นเพราะไม่มีนักเรียนเล่นฟุตบอลในช่วงเวลาพักเที่ยงกระมัง
“มีแต่ชั้น ม.6 นี้น่า” จักรกฤษหันหน้ามาตอบ
“จำไม่ได้เลยว่าตอนเด็กนายหน้าตายังไง” ต่อศักดิ์หันหน้าไปมองใบหน้าของจักรกฤษ เป็นเวลานานมากที่เขาไม่ได้มองหน้าของจักรกฤษให้ชัดเจน ถ้าหากเข้าเรียนมหาวิทยาลัยคนละแห่งกัน เขาคงไม่มีโอกาสได้มองหน้าของจักรกฤษอีกต่อไปแล้ว ต่อศักดิ์นึกในใจ
“คิงก็เหมือนกันแหละน่า”
“อ้วนขึ้นเปล่าวะ” ต่อศักดิ์ยื่นมือไปจับหน้าท้องของจักรกฤษ แต่โดนจักรกฤษยกมือขึ้นตบศีรษะเสียก่อน
หลังจากเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกไปได้สัปดาห์เดียว เขาสองคนเข้าไปสมัครเรียนเสริมที่โรงเรียนกวดวิชาในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเพิ่มความรู้ก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัย ช่วงนั้นเขาสองคนแทบไม่ค่อยมีเวลาว่างเลย
จักรกฤษเริ่มมานอนค้างที่บ้านของต่อศักดิ์บ่อยขึ้น ตั้งแต่ช่วงวันหยุดยาวก่อนวันสงกรานต์ เพราะเขาอ่อนวิชาคณิตศาสตร์มากจนกังวลว่าจะสอบไม่ติดมหาวิทยาลัย จึงมาขอให้ต่อศักดิ์ช่วยติวให้
ไม่นานตรงมุมด้านขวาของห้องนอนต่อศักดิ์กลายเป็นมุมเก็บของส่วนตัวของจักรกฤษไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“เย็นนี้กินอะไรวะ” ต่อศักดิ์ถามคำถามเดิม
"ออกไปกินโต้รุ่งแล้วกัน" จักรกฤษตอบ
"ไม่อยากกินกับข้าวฝีมือกูละสิ" ต่อศักดิ์แหย่เล่น
"ถ้าหากอาหารฝีมือคิงอร่อย คงไม่ออกไปกินที่โต้รุ่งหรอกวะ" จักรกฤษพูดพลางทำเสียงสะใจ
ปรกติวันสงกรานต์ของทุกปี ต่อศักดิ์ชอบออกไปเที่ยวเล่นน้ำสงกรานต์อย่างสนุกสนานจนผิวคล้ำ แต่ภายในปีนั้นเขาไม่มีความคิดอยากออกไปเล่นน้ำเลยแม้แต่น้อย มีเพียงวันที่สิบสามวันเดียวเท่านั้นที่เขายอมออกไปนอกบ้านเพราะจักรกฤษชวนไปสรงน้ำพระที่วัดพระธาตุหริกุญชัย จักรกฤษบอกให้ไปทำบุญเสียหน่อยเพื่อกุศลจะส่งให้เขาสองคนเข้ามหาวิทยาลัย
เมื่อผ่านพ้นช่วงวันหยุดยาวกลางเดือนเมษายน โรงเรียนและกวดวิชาเปิดสอนตามปรกติ พวกเขาสองคนคิดเหมือนกันว่าช่วงนี้เขาสองคนต้องออกไปเรียนด้วยกันตลอดเวลา ดังนั้นต่อศักดิ์เลยให้จักรกฤษย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านเป็นการถาวร ซึ่งทางครอบครัวของทั้งสองฝ่ายเห็นดีด้วย
“ทำไมมึงไม่หาแฟนสักทีวะ” ต่อศักดิ์ถามขณะนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงนอน
“ยังไม่มีเวลาคิดเรื่องแบบนั้นหรอก” จักรกฤษนั่งอ่านหนังสือข้างล่างเตียงนอน
“หน้าตามึงหล่อนะโว้ย” ต่อศักดิ์ชม
“หน้าตาดี ก็ใช่ว่าจะต้องมานั่งคิดแต่เรื่องจะมีแฟนนี้ใช่ไหม”
“อืม...”
หลายครั้งต่อศักดิ์นึกอยากปรึกษากับจักรกฤษว่าเขามีความรู้สึกสับสน เรื่องที่เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองชอบเพศชายด้วยกันหรือเปล่า แต่สุดท้ายเขาไม่เคยพูดออกไปเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะกลัวว่าจักรกฤษจะรับไม่ได้แล้วเลิกเป็นเพื่อนกับเขาในที่สุด
“มึงเป็นเกย์หรือเปล่าวะ” ต่อศักดิ์เคยถามคำถามนี้กับจักรกฤษครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นการเปิดช่องทางเข้าไปคุยเรื่องนั้น
“ไม่ได้เป็นโว้ย” จักรกฤษตอบเสียงแข็ง ต่อศักดิ์ยังคงจำสีหน้าจริงจังของจักรกฤษได้ดี เขาจึงไม่กล้าปรึกษาเรื่องนั้นอีกเลย
ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ฝนตกหนักทุกวันเนื่องจากพายุเข้ามาจากทะเลจีนใต้
ยูโกะสอนภาษาญี่ปุ่นในห้องเรียนเหมือนเช่นเคย แต่ทว่าเพื่อนร่วมห้องขาดเรียนกันเยอะจนรู้สึกบางตา คงเพราะฝนตกติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายวัน ทำให้เกิดน้ำท่วมหลายแห่งในจังหวัดลำพูน อาจารย์ผู้สอนหลายวิชาจึงต้องหยุดสอนเมื่อเห็นว่านักเรียนมาเรียนน้อยเกินกว่าจะสอนได้
เมื่ออาจารย์บางวิชางดสอน เพื่อนร่วมห้องที่มาเรียนจึงนั่งอยู่แต่ในห้องเรียนภาษาญี่ปุ่นอย่างเบื่อหน่าย บางคนนั่งอ่านหนังสือการ์ตูน บางคนนั่งดูโทรทัศน์ บางคนนั่งจับกลุ่มพูดคุยเพื่อฆ่าเวลา
บ่ายวันนั้นจักรกฤษถูกยูโกะเรียกให้เข้าไปพบในห้องพักอาจารย์หมวดภาษาต่างประเทศ
“มีข่าวดีวะ” จักรกฤษเอยขึ้นเมื่อเดินมาใกล้ต่อศักดิ์ ซึ่งยืนเหม่อลอยอยู่หน้าห้องเรียนภาษาญี่ปุ่น ใบหน้าของจักรกฤษมีรอยยิ้มที่บ่งบอกว่าเขามีความสุขจนไม่สามารถเก็บเอาไว้ได้
“อะไรเหรอวะ” ต่อศักดิ์หันหน้าไปถาม ขณะเดียวกันมีเสียงฟ้าฝ่าเสียงดัง
“อาจารย์บอกว่าฮ่าได้คะแนนวิชาภาษาญี่ปุ่นเป็นอันดับหนึ่งของห้อง เลยให้ลองสอบชิงทุนไปเรียนมหาวิทยาลัยที่ประเทศญี่ปุ่นวะ” จักรกฤษพูดพลางขยับแว่นตา ต่อศักดิ์ยิ้มให้กับข่าวดีนั้นแต่ลึกลงไปแล้วเขารู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก
เสียงกริ่งเลิกเรียนดังขึ้น ต่อศักดิ์นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของจักรกฤษกลับบ้านเหมือนเช่นทุกวัน
"ไปอาบน้ำก่อนเลย ตัวเปียกขนาดนี้เดียวเป็นหวัดหรอกวะ" จักรกฤษพูดขณะเดินเข้าห้องนอน ร่างกายเปียกปอนไปด้วยน้ำฝน
"มึงแหละไปอาบก่อนเลย" ต่อศักดิ์พูดพลางถอดชุดนักเรียนออก จักรกฤษก็เช่นกัน
"คิงแหละไปอาบเลยไป" จักรกฤษหยิบผ้าขนหนูผืนสีขาวมานุ่งแล้วถอดกางเกงนักเรียนออก จากนั้นถอดแว่นสายตาวางบนโต๊ะเขียนหนังสือ
"ไม่เอางะ” ต่อศักดิ์หยิบผ้าขนหนูมานุ่งบ้าง จักรกฤษยกมือขึ้นตบศีรษะต่อศักดิ์เบาๆ
"ไปอาบก่อนเลย เดี๋ยวโดนตบอีก” จักรกฤษขึ้นเสียง แต่ต่อศักดิ์ยกมือขึ้นตบศีรษะจักรกฤษบ้าง
"อ๋อ เดี๋ยวนี้ปีกกล้าขาแข็งเหรอ" จักรกฤษพูดพลางวิ่งไล่ต่อศักดิ์ แต่เพราะไม่ได้สวมแว่นสายตาเลยมองไม่ค่อยชัด จักรกฤษสะดุดขอบเตียงล้มลงไปทับร่างของต่อศักดิ์บนเตียงนอน ใบหน้าของจักรกฤษอยู่ใกล้กับหน้าของต่อศักดิ์ ต่อศักดิ์รู้สึกเขินขึ้นมาทันที อาจเป็นเพราะว่าเขากำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนของจักรกฤษ
"ไปอาบน้ำแล้วนะ” ต่อศักดิ์พูดพร้อมกับคลานออกจากเตียงนอนอย่างรวดเร็ว
"อืม เร็วๆนะโว้ย” จักรกฤษพูดพลางเปลี่ยนท่านั่ง ต่อศักดิ์พยักหน้าเดินเข้าไปในห้องน้ำ รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงเหมือนตอนที่เห็นหนังสือนิตยสารชายสามคนสวมกางเกงว่ายน้ำ ต่อศักดิ์นึกถึงใบหน้าของจักกฤษแล้วถอนหายใจ หรือว่าเขาแอบหลงรักจักรกฤษเข้าแล้ว
เมื่อพายุผ่านพ้นไปพระอาทิตย์กลับมาส่องแสงอีกครั้ง กิจวัตรของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกกลับสู่สภาพเดิม
ชั่วโมงเรียนวิชาภาษาญี่ปุ่นในบ่ายวันหนึ่ง ยูโกะให้นักเรียนเลือกเพลงภาษาญี่ปุ่นมาร้องพร้อมกับแปลเนื้อเพลงเป็นภาษาไทยเพื่อสอบเก็บคะแนน เพื่อนร่วมห้องของเขาหลายคนเลือกเพลงช้าเพราะสามารถร้องเป็นคำได้ง่ายกว่าเพลงเร็ว และสามารถออกสำเนียงได้ชัดเจน ซึ่งต่อศักดิ์เองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
“คิงเลือกเพลงอะไรวะ” จักรกฤษถามเขาขณะนั่งกินข้าวที่โต้รุ่ง
“ไม่รู้เหมือนกัน” ต่อศักดิ์ส่ายหน้า
ปรกติต่อศักดิ์ไม่เคยนึกกังวลเรื่องเกี่ยวกับการร้องเพลงเลย แต่คราวนี้เขารู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งเวลาที่มีคนถามว่าเขาเลือกเพลงอะไร อาจเป็นเพราะเพลงที่ร้องเป็นภาษาญี่ปุ่นจึงทำให้เขารู้สึกกดดันหรือเปล่า
วันหนึ่งต่อศักดิ์ค้นหาเพลงภาษาญี่ปุ่นในอินเตอร์เนตขณะที่จักรกฤษกลับบ้านไปเอาเสื้อผ้ามาเพิ่ม เขามองหาเพลงที่มีความหมายดี เนื่องจากเขาเป็นคนที่ชอบฟังเพลงที่ความหมายมากกว่าดนตรี ซึ่งเวปที่เขาค้นหาอยู่นั้นมีทั้งเนื้อเพลงภาษาญี่ปุ่นและที่แปลเป็นภาษาไทยแล้ว เขากวาดสายตาอ่านเนื้อเพลงเพลงหนึ่งแล้วรู้สึกชอบมากเป็นพิเศษ
“เลขที่ต่อไป” อาจารย์คนไทยที่นั่งข้างยูโกะพูดขึ้น
เพื่อนร่วมห้องของเขาหลายคนเลือกเพลงค่อนข้างซ้ำกัน เพราะบางคนขี้เกียจหาเพลงเองจึงขอเอาเพลงของเพื่อนมาร้องด้วย เมื่อถึงเลขที่ของต่อศักดิ์ จักรกฤษยกมือขึ้นตบศีรษะของต่อศักดิ์เบาๆ พร้อมกับบอกว่าโชคดีนะโว้ย ต่อศักดิ์เดินออกไปยืนหน้าไมโครโฟนหน้าห้องเรียน ด้านข้างหัวหน้าห้องเป็นผู้ควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์
“วะ ตะ ชิ วะ ต่อศักดิ์ เดส” ต่อศักดิ์หันหน้าไปแนะนำตัวให้ยูโกะฟัง มือสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด
“โดะ โสะ” ยูโกะพูดน้ำเสียงสดใส
ต่อศักดิ์หันหน้าไปยักคิ้วให้หัวหน้าห้องเหมือนเป็นสัญญาณ ทันใดนั้นเสียงทำนองเพลงที่คุ้นหูดังขึ้นมาจากด้านหลัง ต่อศักดิ์ย้ำกับตัวเองว่าต้องทำได้เพราะก่อนหน้านี้เขาซ้อมร้องเพลงนี้มาหลายร้อยครั้งแล้ว
Saigo no kisu wa
Tabako no flavor ga shita
Nigakute setsunai kaori
Ashita no imagoro ni wa
Anata wa doko ni irun darou
Dare wo omotte run darou
You are always gonna be my love
Itsu ka dare ka to mata koi ni ochite mo
I'll remember to love
You taught me how
You are always gonna be the one
Ima wa mada kanashii love song
Atarashii uta utaeru made
Tachidomaru jikan ga
Ugoki-dasou to shiteru
Wasuretaku nai koto bakari
Ashita no imagoro ni wa
Watashi wa kitto naiteru
Anata wo omotte run darou
You will always be inside my heart
Itsu mo anata dake no basho ga aru kara
I hope that I have a place in your heart too
Now and forever you are still the one
Ima wa mada kanashii love song
Atarashii uta utaeru made
เมื่อเสียงโน้ตเพลงตัวสุดท้ายเงียบลงไป อาจารย์คนไทยพูดแทรกขึ้นมาทันทีว่า “แปลเนื้อร้องด้วยคะ” ต่อศักดิ์หันหน้าไปยักคิ้วให้กับจักรกฤษที่นั่งอยู่แถวที่สอง ก่อนจะพูดความหมายของเนื้อเพลงออกมาเสียงดัง
กลิ่นบุหรี่ของจูบครั้งสุดท้ายยังคงติดอยู่เป็นความหอมที่ขมขื่นอยู่ข้างใน
ณ เวลานี้ของพรุ่งนี้ เธอจะอยู่ที่แห่งใด เธอจะคิดถึงใคร
แต่เธอจะยังเป็นคนรักของฉันตลอดไป
สักวันหนึ่งเธออาจตกหลุมรักกับใครอีก
ฉันจะจดจำความรักที่เธอสอนฉันไว้
เธอเป็นที่หนึ่งตลอดไป
แม้ตอนนี้ยังคงเป็นเพลงรักที่แสนเศร้า
จนกว่าวันหนึ่งที่สามารถร้องเพลงรักใหม่ได้
เวลาที่หยุดนิ่ง พยายามที่จะให้เวลาเดินต่อไป มีแต่เรื่องที่ไม่อยากจะลืม
ณ เวลานี้ของพรุ่งนี้ ฉันคงกำลังร้องไห้ และคงคิดถึงเธออยู่
เธอจะอยู่ข้างในใจของฉันตลอดไป
ยังเป็นที่ของเธอคนเดียวตลอดไป
ฉันหวังว่าคงมีพื้นที่สำหรับฉันอยู่ข้างในใจของเธอเหมือนกัน
จากนี้และตลอดไป เธอเป็นที่หนึ่งในใจของฉัน
แม้ตอนนี้ยังคงเป็นเพลงรักที่แสนเศร้า
จนกว่าวันหนึ่งที่สามารถร้องเพลงรักใหม่ได้
เธอเป็นความรักของฉันตลอดไป
จะมีแต่ที่ของเธอคนเดียวตลอดไป
ฉันหวังว่าคงมีพื้นที่สำหรับฉันอยู่ข้างในใจของเธอเหมือนกัน
จากนี้และตลอดไป เธอเป็นที่หนึ่งในใจของฉัน
แม้ตอนนี้ยังคงเป็นเพลงรักที่แสนเศร้า
จนกว่าวันหนึ่งที่สามารถร้องเพลงรักใหม่ได้