……
[คาสุม่าๆ ๆ] แล้วผมโทร ไปหาไคย์มันทำไม จะบอกเรื่องนี้กับไคย์งั้นเหรอ
[เฮ้! คาสุม่าใบ้แดกเหรอเป็นอะไรหรือเปล่า คาสุม่า!?]
“คะไคย์นายอยู่ไหน..?”
[ใกล้ ๆ แถวนี้แหละ]
“มะ มารับหน่อยไคย์... มารับฉันที”เข่าผมอ่อนไปเฉยๆแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น
[คาสุม่าเป็นอะไรไป! มีอะไรคาสุม่า!?}
...........................
“ไม่เป็นไรฉันคิดถึงนาย คิดถึงนายมากมั่ง”
[เพี้ยนแล้วไอ้เชี้ยม่า! ]
"เหรอ ไม่รู้ตัวเลยว่ะไคย์"ดูเหมือนจะตลกแต่ทำไมผมกลับหัวเราะไม่ออก
[เอ่อ!นึกถึงหน้ากูไว้แล้วกันไหนๆก็จะเพี้ยนแล้ว. รออยู่นั้นนะ กูจะรีบใส่ตีนผีไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ]
ไคย์ตัดสายไปแล้ว ผมเงยหน้ามองหน้าต่างที่ห้องของได..รู้สึกมันเหมือนหนังอิ้นดี้เรื่องหนึ่งที่ผมพึ่งจะดูมาเมื่อสามวันก่อน เห็นไฟยังสว่างอยู่ ป่านนี้บนห้องนั้น ไดคุงกับผู้หญิงคนนั้นจะทำอะไรกันอยู่ นี่นะเหรอแฟนสาวของไดสุเกะคุง ทำไมถึงได้โง่แบบนี้ ไดคุงเค้าไม่เคยเล่าให้ฟัง แล้วผมก็ไม่เคยถาม ลืมปัญหาค้างคาใจไปเสียสนิท
ภาพไดคุงถูกหอมแก้มยังติดตา ผมไม่ชอบให้ตัวเองรู้สึกอย่างนี้เลย...ไม่พอใจ ทำไมถึงต้องโกรธให้ตายเถอะคาสุม่ามีสติหน่อยซิ! เป็นอะไรไปเล้า เค้าไม่ลงมาตาม ไม่โทรมาหา มัวทำอะไรอยู่ เค้าไม่ห่วงผมเลยหรือไง...?
คงจะลืมผมไปแล้วมีแฟนอยู่ด้วยทั้งคน เค้าจะมานึกถึงผมไปทำไม เสียงกดแตรรถดังลั่น พร้อมกับไฟสว่างจ้าส่องหน้า
“ไอ้ม่าแมร่งเป็นเหี้ยอะไรของมึง! แล้วทำไมมานั่งตากลมตากยุง บริจาคเลือดอยู่อย่างนี้ด้วยวะ..เลือดมากนักไง...?” ไคย์คุงวิ่งพรวดมาเขย่าตัว แต่ผมไม่รู้สึก เอาแต่นั่งชันเข่าอยู่ที่บันไดขึ้นตึก
“ไม่ตลกนะมึง เหมอแบบนี้เรียกกูมาแล้วก็ไม่พูดไม่จา...มึงเป็นไร?”
“ไคย์ๆ ฉัน ๆ …..” พูด ไม่ได้ จะบอกไคย์ว่าโกรธหรืออะไรกันแน่ ทำไมถึงเจ็บที่หน้าอกด้วย
“คาสุม่าบอกมาซิโว้ย!...ไม่บอกกูจะรู้ได้ไง ไปขึ้นไปคุยกันข้างในห้อง!!!”
“ไม่! ไปไม่ได้!!!” ผมดึงเฮียไคย์มันเกือบถลาตกบันไดเมื่อถูกไคย์มันลากแขนจะไปที่บนห้องลูกเดียว
“ทำไมวะ!?” ไคย์มันหันมาทำหน้าหงุดหงิดเกาหัวแควก ๆ
“ฉัน...”
“เอาล่ะๆ ...ไอ้คาสุม่าใช่ว่ากูจะคุยดีๆกับมึงไม่เป็นนะ... ไหนบอกมาซิ เกิดอะไรขึ้น กูจะไม่ด่ามึง O.K. กูจะฟังอย่างเดียว มึงว่ามา!"
กูก็ไม่รู้ว่ากูเป็นอะไรเหมือนกัน...กูไม่รู้...ไม่รู้พอๆกับที่กูรู้ว่าทำไมกูต้องเสียใจที่เห็นอีผู้หญิงนั้นหอมแก้มไอ้ไดมัน
"มีอะไรหือม่า...? ถึงทำให้นายเสียศูนย์มาแบบนี้”มือเล็กๆของไคย์ลูบลงบนหัวผมเบาๆ มันเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกผมแล้ว..น้ำเสียงมันดูอ่อนโยนด้วย
ไคย์ลงนั่งคู่กับผมที่บันได มันคงจะดูออกในความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผมแล้ว
“ไม่เป็นไรนะ ค่อย ๆ พูดฉันรอได้...” มันควักบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ อัดควันเข้าปอดแล้วนั่งเงียบ ๆ ไม่ด่าหรือว่าให้ผมอีก จะให้ผมบอกไคย์ว่ายังไงล่ะครับ ในเมื่อผมยังไม่รู้ตัวเองว่าเป็นอะไร ไอ้อาการแน่นหน้าอกจนอยากร้องไห้นี่อีก น้ำตาคลอเต็มเบ้าไม่ยอมไหล
......... เจ็บใจเสียใจอะไรกันคาสุม่า!
โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกก...กูจะกลับบ้าน!...กูคิดถึงไอ้คาสุยะ!...กูจะกลับไปให้มันปลอบ!
แฝดพี่ของผมมันจะต้องเข้าใจผมแน่ๆ..คาสุยะมันจะอยู่ข้างๆผมในเวลาแบบนี้เสมอ
“ไคย์…..ในห้อง...ดะ ...ไดอยู่กับผู้หญิง กอดกันอยู่ในห้อง ฮึก! …” ได้ยินเสียงตัวเองปล่อยโฮในที่สุด ยิ่งสะเทือนใจ คำพูดที่บอกก็ไม่รู้จะเรียบเรียงยังไงให้ฟังดูดี ให้ไคย์รู้ว่าผมไม่ได้รู้สึกแย่ หรือทำตัวงี่เง่าอะไร
สายตาไคย์มันสายแววเจ็บขึ้นมาให้ผมได้เห็นอยู่แป็บ แต่ผมไม่ได้ฉุกคิดหรือมัวไปสนใจ
“ ไม่เป็นไรๆ คาสุม่า” มือเล็กๆของมันตบหลังผมเบาๆ...มันนิ่งมาก คงจะจุกที่อก หรือไม่ก็ไม่รู้จะปลอบผมยังไง
“ฮึก…..” ผมโผเข้าหาไคย์ น้ำตามากมายไหลออกมาไม่หยุด ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีอะไรทำให้ผมเสียใจได้ถึงเพียงนี้
ใครก็ได้ช่วยปลอบผมหน่อย ภาพนั้นทำร้ายจิตใจผมเหลือเกิน คำพูดประโยคนั้นก็ก้องอยู่ในหัวสลัดไม่หลุด ทำไมมันถึงได้เป็นแบบนี้ ไคย์ลูบหัวลูบหลังผมอยู่นานจนหายสะอื้น
“ ไปๆ ดูกันมั้ย...?”
“ฮือ ไม่ๆ เอาหรอก" ผมส่ายหน้าไม่ยอมสบตา แค่นี้ผมก็จะเป็นจะตาย
“นายไม่อยากรู้เหรอว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” ไม่จำเป็นแล้วไคย์ เค้าประกาศออกชัด
“จะดีเหรอ ฉันบอกว่าเข้าห้องผิดไป...?” แต่ก็อยากเจอได.. บางทีผมอาจจะเข้าใจผิดก็ได้..ผมยังพยายามหาข้ออ้างให้มันนะครับ..มันยังเป็นคนดีในสายตาผมอยู่...(กูปลอบใจกูได้สาดมั้ยไอ้ไดคุง..?กูโกหกตัวเองเพื่อมึงนะว้อย!...สงสารกูม้างดิ!)
“แล้วอยากขึ้นไปไหมล่ะ?” ไคย์บีบไหล่ผมแน่นไม่ยอมให้ผมหลบหน้าหลบตา น้ำตาเจ้ากรรมก็ดันมาคลอรวมกันให้ขายขี้หน้า แล้วก็ร่วงลงมาอีกรอบ อายไคย์มันชะมัดเลยครับ พยักหน้าอย่างไม่รู้จะทำยังไงดีไปกว่านี้อีก จะให้โกหกตัวเองทั้ง ๆ ที่อยากรู้อยากเห็นว่าข้างบนนั้นจะทำอะไรเป็นยังไงต่อ ทั้งๆ ที่ใจมันร้อนรน พุ่งพล่านหาอะไรดับไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่อยากถามอยากด่าไอ้ไดเหลือหลายว่าทำไมถึงปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นหอมแก้มหน้าตาเฉย
แต่คิดๆดูแล้วผมจะมีสิทธิไปทำอะไรแบบนั้นกัน ถือสิทธิอะไรล่ะคาสุม่า...? นายมีสิทธิ์อะไร...ไม่ได้เป็นอะไรกับไดคุง ไม่มีอะไรกันซักหน่อย เพราะฉะนั้นมันคงไม่ผิดที่ไดคุงจะพาใครเข้าออกหรือทำอะไรในห้องก็ได้...
ไดมันคงไม่ผิด...
.................................
ละแล้วเหี้ยไคย์มันก็ลากผมขึ้นมาจนได้
ผมกับไคย์มาหยุดที่หน้าห้อง ไคย์มันหันมามองคล้ายกับจะย้ำถามความมั่นใจของผมว่าผมยังโอเคอยู่
“เอาล่ะ! นายรออยู่นี่แล้วกัน ฉันจะเข้าไปเอง” มันทำท่าจะเคาะประตูแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ จับลูกบิดลองเปิดเข้าไปดู มันยังไม่ได้ล็อคสงสัยมัวทำอย่างอื่นกัน ทำไมชะล่าใจกันนักนะ ผมหลบอยู่ข้างๆ บานประตูไม่ได้เดินตามไคย์เข้าไป แต่ก็พอจะเห็นข้างในห้องได้
“ไดสุเกะเว้ย! ออกมาต้อนรับเสด็จเพื่อนหน่อยโว้ย! หายหัวไปทำอะไรอยู่” ผมยืนใจเต้นอยู่ข้างประตูที่เปิดแง้มอยู่ เห็นไดสุเกะคุงเดินจูงมือผู้หญิงคนนั้นออกมาจากห้องพลางทำหน้าเซ็ง ๆ
“ซายากะเมื่อไหร่จะกลับซักที”
“ทำไมพอมีคนใหม่มาหาก็ไล่เลยหรือ”
“หยุดเลยนะซายากะ บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำแบบนี้อีก”
“จะทำ หนูมีสิทธิ์ คนหน้าสวยผมม่วงนั่นยังไม่พอ ยังจะมีตัวเล็กๆ คนนี้อีกคนเหรอ”
“ไอ้ไดสุเกะ นี่มันอะไรกัน” เคียวทำหน้างงเต็กใบ้แดกสนิทที่ถูกชี้หน้าชี้ตา...มันยังไม่เก็ทอีกครับ
“จะอะไรซะอีก ชั้นซายากะเป็นแฟนไดสุเกะคุง แค่ชั้นไม่อยู่สามสี่อาทิตย์ ก็มีแต่หน้าใหม่ ๆ มาหา บอกมาซิยังมีอยู่ที่ไหนอีก?”
“ เฮ้ย !!!ไอ้ไดสุเกะ”
“โธ่โว้ย!!! หยุดนะ ซายากะ” ไดคุงท่าทางหงุดหงิดหัวเสีย...อะไรมันไม่ชอบเหรอ...?
ช่างแม่งมัน...ในหัวผมไม่รับรู้ความรู้สึกดีๆของมันอีกต่อไปแล้ว...มันจะเป็นแมร่งไรช่างป๊ะมัน
ตะ...แต่จริงเหรอได ที่ผู้หญิงชื่อซายากะนั้นพูดจริงน่ะจริงๆเหรอ...? น้ำตาไหลลงมาอีกระลอก
ปัญญาอ่อน งี่เง่าอะไรอย่างนี้ไอ้คาสุม่า...ทำไมมึงโง่แบบนี้!!!!
สะเทือนใจกับคำพูดที่กระแทกหูอย่างจัง เสียใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมไม่สนหน้าอิฐหน้าปูนหน้าไหนทั้งสิ้นวิ่งผ่าคนทั้งสาม แล้วตรงเข้าผลักที่หน้าอกไดอย่างไม่พอใจก่อนที่กำปั้นของตัวเองจะประเคนลงบนหน้าไอ้ไดมันไปเต็มแรง
“ ไอ้บ้าๆบ้าที่สุด!!!” มองหน้าไดคุงทั้งน้ำตา ไม่เข้าใจสายตาที่เจ็บปวดของไดมันหรอก! ไม่ต้องมามองผมแบบนั้นแล้ว!!
ผมสะหลัดแขนให้หลุดจากมือมันพลางสะบัดมือตบหน้ามันไปอีกครั้ง
"ขอโทษนะ...แลกกันกับน้ำตางี่เง่านี่...เจ็บชะมัดเลยวะ!!!"ผมสะบัดหน้าหนีทันทีที่พูดจบพลางดึงแขนเอี้ยไคย์ที่ยืนมองการกระทำของผมตาค้างติดมือมาด้วย
“ไอ้นี่ก็บ้า ก็บอกแล้วเข้าห้องผิด ฮึก!…..” ร้องไปเหอะ สะอื้นไปเหอะ...คงไม่มีอะไรให้ขายขี้หน้ามากไปกว่านี้อีกแล้ว...น่าสังเวชตัวเองชะมัด!
รู้สึกทุเรศตัวเองจังเลยครับ
“คาสุม่าๆๆ อย่าเพิ่งไปเดี๋ยวก่อน” ไม่ฟังแล้วไดจะให้ชั้นอยู่ฟังอะไรอีก... แค่นี้ก็เจ็บจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว ...ก็ในเมื่อผู้หญิงชื่อซายากะนั้นพูดชัดทุกถ้อยทุกคำ...จะให้ชั้นอยู่ฟังอะไรอีก...
........................................
...........................................
“คาสุม่าๆ stop ๆๆ หยุดๆๆ เว้ยเฮ้ย!+++ ไอ้ม่าหยุดโว้ย!!มึงจะพากูวิ่งไปถึงไหน ถึงรถแล้วนะว้อย!!!...เหี้ย! เหนื่อยชิบหาย!!"
“ไคย์ ฮึก! … ก็กู..บะ..บอกแล้วไอ้บ้าไดมัน...ทำไม!ๆ ๆ ๆ ๆ!” ผมเอากำปั้นทุบฝากระโปรงรถไคย์ใหญ่ เจ็บใจที่สุด!!
“ไปเถอะวะคาสุม่า..รถบุบหมดแล้ว เดี๋ยวหาอะไรมาให้ต่อยแทนหน้าไอ้ไดสุเกะมันดีกว่า” เฮียไคย์มันส่ายหน้าลากเอาร่างที่แทบไม่รับรู้อะไรของผมขึ้นรถไปทั้งอย่างนั้น
ในตอนนี้ผมอับจนด้วยคำพูดและความคิด...ในหัวมีแต่คำถามมากมาย...ทำไมและก็ทำไม เพราะอะไร...ผมเป็นเพียงไอ้บื้อไอ้โง่ตัวหนึ่งที่ไม่เคยรับรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องของไดสุเกะ...เป็นไอ้งั่งตัวหนึ่งที่ปล่อยให้มันชักจูง
ระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์สามารถสร้างความรู้สึกดีๆมากมายเกี่ยวกับไดมันขึ้นมาได้...แต่แล้วไอ้ความรู้สึกเหล่านั้น...มาบัดนี้ทำไมมันไม่ได้ช่วยฉุดรั้งให้ผมมองมันในแง่ดีขึ้นมาได้บ้างเลย...เหตุและผลและการกระทำมันทำให้ผมมองไดมันไปในทางลบจนหมด
หมดแล้วความอบอุ่น
หมดแล้วอ้อมอกที่แข็งแกร่ง
หมดแล้วกลิ่นกายที่ผมหลงใหล
หมดแล้วอ้อมกอดที่กระชับ...ผมแน่นทุกคืน มันจะไม่มีอีกต่อไป
แมร่งโง่ชิหาย!...มึงจะมัวมาเพ้อถึงมันอีกทำมายยยยยยย
ไอ้โง่เอ้ย!!!...ไปนอนกอดผัวคนอื่นอยู่ได้ทุกวัน..มึงไม่ละอายม้างงายยยยยย
ตีหัวชกอกตัวเองไปก็แค่นั้น...ผมนั่งร้องไห้ และก็ร้องไห้อย่างไม่อายต่อหน้าเฮียไคย์ ช่างหัวไคย์มัน...ผมยอมให้มันสมเพชคนเดียวครับในเวลานี้..คำด่าและความในใจมากมายถูกผมระบายออกมาหมดเปลือกให้พี่ชายฝาแฝดได้รับรู้ผ่านทางโทรศัพท์...ในเวลาแบบนี้ผมนึกถึงพี่คนเดียวครับ...ผมคร่ำครวญกับคาสุยะโดยที่มีเอียไคย์นั่งฟังอยู่ข้างๆ...คาสุยะมันไม่ยอมวางสายถึงแม้ในบ้างช่วงผมจะเอาแต่ร้องไห้ มันก็ยังรับฟังอยู่อีกฝั่งหนึ่งเงียบๆ ไม่มีซ้ำเติมหรือคำปลอบโยนตามสไตล์มัน..มันบอกมาแค่ว่า
...กูรู้ว่ามึงเข้มแข็ง...มึงเก่งจะตาย..เอางี้ วีคเอ็นนี้กูพักร้อนมีเวลาไปนั่งเล่นเกมส์กับมึงทั้งวัน...ถ้ากูแพ้มึงกูยอมอยู่โตเกียวกับมึงทิตย์หนึ่งเป็นไง...
ผมยิ้มทั้งน้ำตาไอ้คาสุยะมักจะทำให้ผมยิ้มได้เสมอเวลาที่ร้องไห้...มันเป็นห่วงผมจนนั่งไม่ติดอะดิ...ผมรู้ว่ามันเป็นห่วงผมมาก
ผมวางสายพี่ชายฝาแฝดไปในที่สุด...ไม่มีน้ำตาอีกแล้วครับ...มันแห้งไปแล้ว...ในใจยังไม่เรียบสนิทดีนัก..แต่ผมจะครองสติตั้งมั่นว่ากูควรตัดใจซะตั้งแต่เนิ่นๆ..ในตอนที่ยังไม่ถล่ำลึกมากไปกว่านี้...
.............................
กูจะตัดมึงให้ได้ไอ้ไดสุเกะ!!!
......................................................
......................................
............................
“ถึงแล้วครับคฤหาสน์น้อย ๆ ของชายไคย์ที่แสนจะอาภัพ ...ถึงมันจะไม่ค่อยกว้างขวางโอ่อ่า แต่ก็ยินดีต้อนรับเจ้าชายผู้เลอโฉมงดงามเป็นอย่างยิ่งคร๊าบบบ……” กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ
ขำพรืดเลยครับ
แมร่งเฮียไคย์ดูมันพูดดิ แม่งสาดฉิบหายย... มันลากเสียงยาวเปิดประตูห้องแล้วผายมือเชิญให้ผมเดินเข้าไปในบ้านมัน
“ไอ้บ้า!!!” ผมด่าให้ ยิ้มทั้งน้ำตาเล็ดอดหัวเราะออกมาดังๆ ไม่ได้ อย่างน้อยๆตอนนี้ผมก็ยังมีไคย์คอยปลอบใจอยู่ข้าง ๆ เขาไม่พูดอะไรระหว่างที่นั่งรถกันอยู่ ไม่ซ้ำเติมหรือหัวเราะเยาะ ปล่อยให้ผมได้ร้องไห้เงียบ ๆแล้วควบคุมความรู้สึกตามลำพัง
“เอ้า! ตามสบาย เลยนะคาสุม่า จะอยู่กับฉันเป็นปีก็ได้รับรองไม่มีสาวที่ไหนมาฉีกอกนาย” เฮียไคย์มันพูดดีๆกับผมแล้ว เรียกซะเพราะเชียว..ผมเผลอก้มหน้าลงต่ำเจ็บจิ๊ดขึ้นมาอีกแย้ว
“โอ๊ะ! โทษทีๆ มันพลั้งปากอย่าคิดมากน่าคาสุม่า ฉันไม่มีเจตนาพูดให้นายชีช้ำกระหล่ำดอกซักนิด”
“ไม่เป็นไรดอกไคย์”
“มานี่ๆ เลย นั่งกลุ้มอยู่ได้ มาทำให้หัวจิตหัวใจมันเย็นลงดีกว่าเฟ้ย!!!” เฮียไคย์มันไม่พูดพร่ำทำเพลงเลยครับ พูดเสร็จไคย์มันก็ลากเอาผมไปตั้งวงเบียร์ทันทีเลยครับ
.............................
..................................
............................................
“คาสุม่า ถามอะไรหน่อยได้ไหม...?” เวลาผ่านไปชั่วโมงกว่าๆผมกับไคย์ก็เริ่มจะหมดสภาพ นั่งเอาหัวชนกันเอนไปมา
“ได้ๆ ๆ มีอะไรไคย์” ร่อแร่เอาการหัวเย็นลงไปอย่างที่ไคย์ว่าจริง ๆ ก็ซดเบียร์อย่างกับซดน้ำ ผมอยากให้มันดับความร้อนรุ่มในใจอะ...เลยยกซดทีเดียวแม่งหมดแก้วทุกที
“คาสุม่า ชอบไอ้ไดสุเกะมันมากเหรอ..?” เสียงเฮียไคย์ฟังดูก็รู้ว่าคงไม่ต่างจากผม ไม่งั้นคงไม่กล้าถามผมหรอกถ้าอยู่ในสภาพปกติ
“ฮ่าาาๆ ใครบอกมึง หน้าปัญญาอ่อน ลูกทุ่งบ้านนอก ห่างไกลความเจริญอย่างนั้น ยานเป็นลุงแก่หงำเหงือกแบบนั้น กะ..กู ไม่ ไม่………”
“ไม่อะไรฟะไอ้ม่า!” ผมยกเบียร์กระดกใส่ปากนึกมุขตลกขำไม่ออกขึ้นมาดื้อๆ ...เฮียไคย์มันขึ้นมึงกูตามผมแล้วครับ...สาดๆๆๆ นึกว่ามันจะสุภาพได้นานซักแค่ไหนกัน
“ไม่น่าไปรักใช่มั๊ย?” ทันทีที่คำพูดไคย์จบก้อนสะอึกมันก็วิ่งมาชนลูกกระเดือกดังโป๊กอยู่ที่คอ เจ็บจนไม่สามารถหาคำอะไรมาแย้งไอ้คุณเฮียไคย์มันต่อไปได้
“ไอ้ม่า...มันเจ็บมากมั้ยอะ... มันเจ็บเท่ากับตอนที่กูเป็นเหมือนมึงตอนนี้หรือเปล่า...?” ผมส่ายหัวน้ำตาซึมออกมาอย่างช่วยไม่ได้จริงๆ
ไม่กล้าที่จะหันไปมองไคย์ ถึงจะคิดว่าไคย์เพ้อและถึงผมจะเมา แต่ผมก็รู้ความหมายของมันดีหลังจากที่หลับหูหลับตาทำเป็นจำไม่ได้ถึงเรื่องที่ไคย์มันเคยบอกชอบคืนนั้น
“มึงพูดอะไร...?”ไคย์ กูขอโทษษษษ กูเลววววววว แม่งชั่ว!!!
รู้ทั้งรู้แต่ก็ยังถาม ไคย์ก็ไม่หันมามองแต่กลับเอาหัวทองๆของมันกดไหล่ผมเอาไว้ เหยียดขานอนพิงหลังผมทั้งแบบนั้น
“กูเคยบอกชอบมึง...จำได้ป่ะ...?กูจำได้นะม่าว่าพูดอะไรออกไป ..ชอบมากจนถึงวันนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ ถึงจะรู้ว่ามึงไม่เคยชอบกู..ไม่เคยมองกูอยู่ในสายตา และถึงจะรู้ว่ามึงชอบไอ้ไดสุเกะมันมากแค่ไหน แต่กูก็ไม่เคยคิดที่จะเลิกชอบมึงเลย..."
***เพราะโลกนี้มีเธอเพียงคนเดียว...ฉันจึงเสียเธอไม่ได้
ถ้าเธออยากทำร้ายก็เชิญ เดินหนีไปจากฉัน...
นึกเสียว่าสงสาร...ไอ้บร้าๆๆๆ ไอ้บ้าได!!!
กูเป็นเหี้ยอะไรขึ้นมาอีก...ในขนาดที่ไคย์มันกำลังซึมๆซึ้งๆแต่ผมกลับนึกไปถึงไอ้คุณพี่ไดขึ้นมาซะงั้น
***ตัดใจไม่ไหว ทิ้งเธอไม่ลง
ไม่รู้ฉันเป็นอะไร เพียงแค่คิดหัวใจก็สั่นหวั่นไหว
กับเธอคนนี้ฉันก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้ฉันต้องมนต์อะไร
ตัดเธอไปก็ทำไม่ลงซักที
"และที่กูดีใจที่สุดรู้มั้ยอะไรม่า...? อย่างน้อยๆ ในเวลาที่มึงทุกข์ใจแบบนี้ มึงก็ยังนึกถึงกูเป็นคนแรก กูได้ปลอบมึงได้อยู่เป็นเพื่อนมึงแบบนี้ ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่กูก็ดีใจจริง ๆ นะคาสุม่า...”
กูซึ้งอะไคย์...กูก็ดีใจ กูขอบใจมาก...กูแมร่งเลวเอง กูแมร่งชั่วเองที่ไม่เคยมองมึง...กูแมร่งตาบอดดดดด
“แต่..กูไม่ได้คิดกับมึงแบบนั้นนะไคย์..ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้มึงไม่สบายใจไปด้วย...”ผมสลดเลยครับงานนี้ ...
“กูรู้ม่า.. กูก็ไม่ได้ขอให้มึงหันมาชอบกูซักหน่อยนี่” น้ำเสียงเฮียไคย์ฟังดูแล้วเจ็บปวดมากกว่าผมอีก ...นี่ผมกำลังทำร้ายเค้าเหรอครับ...?
มันก้มหน้าก้มตาซัดเบียร์อีกครั้ง...
"ถึงกูจะบอกให้มึงเลิกชอบไอ้ไดสุเกะ แล้วก็หันมาชอบกูแทนมันก็คงเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม...? ไม่เป็นไรหรอกคาสุม่าไม่เป็นไรจริงๆ” ถ้าในใจกูมันไม่มีไอ้คุณพี่ไดอยู่ก็ไม่แน่หรอกไคย์
ผมหันไปมองใบหน้ากลมแป้นเต็มตา ไคย์ละเอียดอ่อนถึงเพียงนี้เชียวเหรอ แล้วก็อดน้ำตาไหลอีกไม่ได้เมื่อเห็นหน้าเศร้าซึมของมัน ที่บอกว่าไม่เป็นไรหรอกนี่ต้องการจะบอกผมจริงๆ หรือว่าบอกตัวเองกันแน่ไคย์...
“ไม่เป็นไรคาสุม่า ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องคิดมากนะ..” มันยังมีหน้ามาส่ายหน้ายิ้มน้อย ๆ ให้อีก
“กูขอโทษไคย์ กูขอโทษ” ไม่มีอะไรจะเอ่ยอีกแล้วถึงจะรู้ว่าไคย์ไม่ต้องการคำขอโทษจากผม แต่ผมก็ทำได้เพียงแค่นี้จริงๆผมไม่สามารถบังคับจิตใจให้ไคย์เป็นมากกว่าเพื่อนหรือพี่ชายคนหนึ่งไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว ผมจับไหล่คนตัวเล็กกว่าเข้าหาตัวเองทันทีปล่อยเสียงสะอื้นและน้ำตาลงกลางกระหม่อมของไคย์ มันทำเพียงแค่กอดตอบผมไว้หลวมๆ อิงไหล่ผมอยู่นิ่งๆแค่นั้นไม่ได้ร้องไห้เสียใจเหมือนผม
มันทำได้ยังไงนะเข้มแข็งขนาดนี้ ใบหน้ามีรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนอยู่ต่อหน้าไม่บ่อยนักที่จะได้เห็น มือน้อยๆ คู่นั้นก็เช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของผมให้อีก
“ไม่เอา ขอโทษทำไม ไม่เห็นเป็นไรซักหน่อย อย่าร้องไห้อีกเลยนะชั้นไม่ได้โทษม่าซักหน่อย... แล้วมันก็ไม่ใช่ความผิดของม่าซักนิด เรื่องของจิตใจมันบังคับกันได้ที่ไหน ก็เหมือนม่าไง ต่อให้ไอ้ดายมีแฟน ก็ยังชอบมันอยู่ใช่มั้ยล่ะ จะให้เลิกชอบง่ายๆ ก็คงทำไม่ได้หรอก ...เราบอกตัวเองแบบนี้แล้วกันนะคาสุม่านะ อย่าร้องไห้พอได้แล้ว ตาช้ำหมด ดูซิชั้นนี่ปลอบใจคนไม่ได้เรื่องเอาซะเลย ยิ่งปลอบยิ่งร้องดูสิ” เอียไคย์มันขยี้หัวผมจนผมเผ้ายุ่งเหยิง
“ฮื้ออออ ๆ ..ขอบใจนะไคย์ ขอบใจนะ”
เฮียไคย์มันเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ครับ ...และผมก็รู้สึกว่าไคย์คนเดิมจะกลับมาแล้วด้วยอะ
“ไอ้ไดแมร่งนี่มันโง่จริงๆ พรุ่งนี้กูจะไปเอาเลือดโง่มันออกให้ดีมั้ยวะม่า!?” ไคย์ว่า แล้วฉีกยิ้มให้ผมอีก ทำเหมือนไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ผมอยากทำได้อย่างไคย์จังครับ ยอมรับและเข้าใจอะไรได้ง่ายๆ ไม่ทำตัวชีช้ำกระหล่ำปลี หมกมุ่นคิดไปต่างๆ นาๆ
...นี่ผมอกหักตั้งแต่ยังไม่ทันได้รักเลยหรือครับ...
... ไม่ได้รักแล้วทำไมมันเจ็บปวดเหลือเกิน...
... เจ็บจนทนไม่ไหว ไดสุเกะคุงจะรู้มั้ยว่าผมเป็นทุกข์จนเกือบคลั่งแบบนี้เพราะเขา...
“ไอ้ม่ามันเจ็บมากก็แบ่งมาให้กูครึ่งหนึ่ง หรือทั้งหมดก็ได้ กูยินดีรับไว้ ถึงแม้กูจะต้องเจ็บจนกระอักเลือดก็เถอะ ถ้ามันจะทำให้มึงสบายใจไม่เป็นทุกข์แบบนี้ กูยินดี”
กูซึ้งใจวะไคย์...กูขอบใจ...กูทราบซึ้งจริงๆ...โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกก
แต่กูเสียใจๆๆ แมร่งเหล้าเข้าปากทีไร...ทำไมกูถึงได้งี่เง่า ขี้แงแบบเน๊ทุกที...
ในที่สุดผมก็อดกอดเจ้าเทวดาสีขาวตัวเล็กอีกไม่ได้ ร้องไห้เป็นเต่าถูกเผ่าครั้งแล้วครั้งเล่ากับปีกสีขาวของเทวดาตัวเล็กที่ปลอบโยนผมอยู่ขณะนี้ เจ้าเทวดาสีขาวตัวเล็กมองข้างนอกเหมือนเข้มแข็งอดทน แต่ในใจกำลังอ่อนแอร้องไห้ใช่ไหม ถึงจะอ่อนแอร้องไห้สักปานใด แต่ก็ไม่แสดงออกมาเป็นอันขาด ไม่งั้นจะปกป้องดูแลคอยปลอบคนที่รักได้ยังไงจริงมั้ยเจ้าเทวดาสีขาวตัวเล็ก... จริงมั้ยไคย์คุง... ไม่อยากให้กูเห็นน้ำตามึงใช่มั้ยไคย์...?
ผมและไคย์ต่างก็พิงบ่ากันและกันไว้แค่นั้นไม่มีใครพูดหรือเอ่ยอะไรออกมาอีก ปล่อยให้จิตใจดำดิ่งคิดลึกถึงก้นบึ้งหัวใจของใครของมัน ความเงียบคงจะปลอบเราทั้งสองได้ดีที่สุดในเวลานี้ เสียงหัวใจที่ยังคงอยู่ก็จะยืนยันความเข้มแข็งได้ในสักวัน แต่...ทำไมล่ะคาสุม่าคิดได้แบบนี้แล้ว ทำไมที่หัวใจมันยังร่ำร้องหาแต่ไดสุเกะคุงอยู่ได้ จะมีวิธีไหนที่จะลืมไดคุงได้บ้าง... เวลาสินะ... ขอเวลาให้ผมทำใจยอมรับได้แล้วผมจะกลับไปตะบันหน้าปัญญาอ่อนงี่เง่าๆ...เอาเลือดโง่ไดออกเอง เจ็บใจนัก!
เฮ้ย!!!…. แล้วเสียงถอนหายใจผมก็ดังขึ้นพร้อมกับไคย์
“อ้า... หมดเวลาน้ำเน่าแล้วไคย์ ขอเบียร์อีก ขอเบียร์อีกไคย์ เอามาอีกกกกกกกก” ผมลุกขึ้นสะบัดหัว
“โย่! เต็มที่เอาเลยเพื่อนได้เลยคืนนี้ไม่เมาจนสลบ ไม่ใช่ไอ้ไคย์กับคาสุม่าโว้ย!!!” น่านแทนที่จะห้ามกลับยิ่งส่งเสริม เฮียไคย์แม่งรีบเอาเบียร์ในตู้เย็นออกมาใหญ่
และแล้วในที่สุดวงเบียร์ก็กลายเป็นวงโต้วาทีขึ้นมาทันตาเห็น ผมกับไคย์ต่างก็ปล่อยสุนัขที่เลี้ยงไว้ในคอกออกมาไล่ฟัดไล่กัดกันอย่างคึกคักลั่นห้อง ดูแทบไม่รู้ว่ามันอกหักมากันทั้งคู่จริงหรือเปล่า ภาพเทวดาสีขาวตัวเล็กเมื่อกี้หายวับไปกับตาผม ไม่รู้สุนัขใครกัดสุนัขใคร จนหลับฟุบสลบไปทั้งคู่นั้นแหละครับ... .
To be continue...
สายตาเริ่มไม่ดี ทำไมตัวหนังสือเล็กจัด หรือว่าสายตาสั้นไปแล้วเรา
กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ
เห็นคอมเม้นต์แล้ว...ต้องขอบอกว่าขอบคุณมากๆๆๆคร๊าบบบบบบบบบบบบบ
ขอบคุณที่ถามกันเข้ามา ...ถ้าเป็นได้ตลอดจนเวลาเอื้ออำนวยกันมากๆผมจะรีบมาต่อไวๆเลยครับ(ยิ้ม)
ขอบคุณอีกครั้งคร๊าบบบบบบบบบ