(ต่อครับ)
ตอนที่ 36
เป็นเวลาหลายวันที่มีเรื่องให้จัดการมากมายไม่หยุด รู้ตัวอยู่เหมือนกันว่าละเลยคนนอนข้างๆไปมาก ทำงานที่ร้านเสร็จ กลับขึ้นห้องก็มานั่งเคร่งเครียดกับตัวเลขมากมาย หันไปอีกทีน้องก็หลับไปกับหนังสือทุกคืน
จนมาถึงวันจันทร์ รู้สึกว่าโชคดีมากที่วันนี้เป็นวันจันทร์ เพราะคีย์ไปเรียนแต่เช้า ทำให้ไม่ต้องมารับต้อนรับแขกที่อาจทำให้คนชอบผสมเรื่องคิดไปไกล
เฮียพี ไอ้อาร์ต เจ๊มิซา ลุ้นจนฉี่เหลืองไม่ให้เฮียจับใครสักคนทุ่มออกจากร้าน
อินโทรมานาน เข้าเรื่องละนะ
เริ่มจากคีย์กินข้าวเช้าออกไปมหาวิทยาลัยได้ไม่นาน ไอ้อาร์ตก็มาถึงร้าน ยังไม่ทันได้จับไม้ถูพื้น อาจารย์มิกิก็ก้าวเข้ามาในร้าน
หญิงวัยกลางคนที่เคยมาชวนเฮียไปแข่งทำอาหารนั่นแหละ
แต่คราวนี้ มาเพื่อการอื่น
เฮียยังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เลยตอนนั้นน่ะ
ใบหน้าหล่อๆงง สงสัยด้วยซ้ำว่าอาจารย์มิกิมาทำไม
“ชั้นมีธุระด่วนน่ะ”
“ครับ” ตอบว่าครับ แต่ดวงตาเหลือบมองนาฬิกาที่ผนัง คำนวณเวลาคุยและการเตรียมอาหารในครัว เพราะประมาณ 11 โมงลูกค้าก็เริ่มทยอยเข้าร้านแล้ว
“โรงแรม....ต้องการเชฟอาหารฝรั่งเศสด่วน”
“เรียกโรล็องซ์สิครับ” เพราะอเล็กซ์ เชฟคนโปรดของอาจารย์มิกิเค้ากลับไปอังกฤษแล้วไง
“ไม่ใช่ หมายความว่า ไปทำให้ที่โรงแรมนี้เลยน่ะ”
“ไปทำเลย หมายถึงว่าผมต้องไปทำแบบพนักงานประจำ ไปทำอาหารที่โรงแรมในต่างประเทศด้วยน่ะหรือครับ”
อาจารย์มิกิพยักหน้า ชะโงกตัวมาข้างหน้าท่าทางลุ้นเต็มที่
“ผมมีห้องอาหารนี้ต้องดูแล” ตัดบทตามเคย
อาจารย์มิกิเคาะเล็บสีแดงสดกับโต๊ะ “รายได้จากร้านนี้ 3 เดือนยังไม่เท่าที่ทำกับโรงแรมเลย สัญญา 5 ปีหมดสัญญาเธอยังอาจได้ทำรายการโทรทัศน์ เปิดโรงเรียน ทำอะไรที่ไม่ต้องมาเหน็ดเหนื่อยตั้งแต่เช้ายันค่ำอย่างนี้”
เท่าที่ไอ้อาร์ตกับเจ๊มิซา ยืนเฝ้าสังเกตอาการ สรุปความได้ตรงกันว่า เฮียไม่ค่อยพอใจอาจารย์มิกิแน่นอน
แต่เรื่องเงิน และความสบายนี่สิ อาจเป็นตัวแปรให้เฮียรับข้อเสนอ
“อาจารย์ก็รู้ว่าผมไม่ได้ติดกับเรื่องเงิน หรือเรื่องสบายอะไรแบบนั้น”
“แล้วเธอจะทำงานหนักแบบนี้ไปเพื่ออะไร ในเมื่อเธอมีทางที่สบายกว่า”
รอยยิ้มของเฮียซาโต้ตอนนั้นโหดมากกว่าหล่อ ยิ่งมารวมกับการนิ่งเงียบแล้วเปลี่ยนเรื่องไปทันทีที่ สารวัตรธงเข้ามาในร้าน
ทำให้ผู้สังเกตการณ์คาดการณ์กันอีกครั้ง แบบกั๊กๆ ว่าเฮียยังไม่ตัดสินใจ
“สารวัตรมีอะไร”
“เรื่องไอ้พีน่ะ”
“ผมเหรอ” เฮียพีที่กำลังเรียงเอแคร์ กับเค้กส้มของหวานวันนี้อยู่ที่เค้าท์เตอร์เงยหน้าขึ้นมา
เฮียพีขานรับ แต่คนที่ทำท่าไล่แขกคนเดียวในร้านกลับเป็นสารวัตรธงคนที่เข้ามาในร้านทีหลังทุกคนนั่นแหละ ที่หันไปมองอาจารย์มิกิอย่างตรงๆ
....ตำรวจเป็นมิตรกับประชาชนไม่ใช่หรือครับ...
อาจารย์มิกิยักไหล่ ส่งนามบัตรให้เฮียซาโต้ “แล้วติดต่อมานะ”
นายตำรวจหันไปมองอาจารย์มิกิก้าวออกไปจากร้าน รอจนประตูปิดลง ถึงได้หันมาเฮียพี
“สายแจ้งเรื่องส่งยาบ้าในร้านมึง”
“เฮ่ย ไม่มี พี่ไปดูกล้องวงจรปิดที่ร้านก็ได้ ผมติดไว้ 4 มุมเลย”
“กูก็ว่างั้นนะ ร้านมึงน่ะยังมีติดตู้แดงสายตรวจ ก็ตรวจกันยิบขนาดนี้ แต่อย่าไว้ใจแค่เดินสวนกันก็ส่งของได้ ถ้ากูตรวจเจอกูปิดร้านมึงจริงๆนะ”
“ตามสบายเลย กฎหมายว่าไงก็งั้นแหละ” พี่ชายสนับสนุนเต็มที่
“โห”
“นี่ให้สิทธิ์พิเศษ มาบอกก่อนเลยนะเนี่ย”
เฮียพีหัวเราะแห้งๆ “บอกเหมือนขู่เปี๊ยบ”
แต่ตาสีเข้มของพี่ชายที่จ้องมองน้องชายแทบทะลุ มีอำนาจมากกว่า
“ไม่มีจริงๆ เฮีย ผมระวังอยู่”
พี่ชายหันมาหานายตำรวจ “รอเดี๋ยวนะ ให้เด็กไปเอาเทปมาให้ ไอ้อาร์ต”
เฮียซาโต้พูดไม่ทันขาดคำ ไอ้อาร์ตก็ถลาไปที่ประตู สารวัตรธงเลยรีบบอก “เดี๋ยวก็ได้”
“มีเรื่องอีกเหรอ”
สารวัตรพยักหน้า
“เสี่ยเล้งเข้าหาผู้กำกับคนใหม่ที่เพิ่งย้ายมา ซาโต้ว่าไง”
“ไม่ว่าไง”
สารวัตรธงทำท่าเหมือนคันในหัวใจ “ผมอยากกวาดบ่อนนี่จริงๆให้ตาย รู้ทั้งรู้ว่าอยู่ตรงนี้แต่ทำอะไรไม่ได้”
“ผมบอกแล้ว มองในมุมบวกสารวัตรยังใช้ประโยชน์จากเสี่ยได้”
“นั่นแหละ ลึกๆในใจผมไม่ชอบเลย”
“ส่วนตัวเขาก็แฟร์ดี ขอความร่วมมือจัดกิจกรรมอะไรก็ไม่เคยเกี่ยง อะไรบอกได้เขาก็บอก”
“ตำรวจเป็นมิตรกับโจร” สารวัตรบอกแล้วส่ายหน้า
“คบในฐานเพื่อนสิ มันไม่ได้มีแต่สีขาวกับสีดำนี่”
สารวัตรธงหันไปมองนาฬิกา แล้วหันมาหาเฮียพีอีกที “ฝากดูเรื่องส่งยาด้วยนะ”
เฮียพีพยักหน้า แต่ก่อนที่สารวัตรจะกลับออกไป เฮียพีถามในสิ่งที่สงสัยมาหลายวัน
“สารวัตร”
“อือ”
“สารวัตรรู้จักหน่อยหรือเปล่า”
“หน่อยไหน รู้จักอยู่หลายคน”
“หน่อยที่อยู่ร้านดอกไม้น่ะ”
สารวัตรทำท่านึก “ไม่นะ มีอะไร จะให้ช่วยดูๆให้เหรอ”
คือคำว่าดูๆ ของสารวัตรเนี่ย ออกไปในแง่ของการทำงานแบบนั้นก็สารวัตรแกไฟแรงไง แต่ว่าเฮียพีรีบยกมือ
“ไม่ ไม่เป็นไร แค่ถามถึงคิดว่ารู้จัก”
สารวัตรพยักหน้าแล้วกลับออกไป
“เฮียแมร่ง โคตรๆๆๆๆ” น้องชายไม่รู้จะด่ายังไงดี เสียฟอร์มสุดๆ
“แมร่งอะไร กูอยู่ของกูเฉยๆที่นี่ คนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วก็เดินออกไป กูทำอะไร”
เฉยเมยนิ่งสนิท
ไอ้อาร์ตยื่นหน้าเข้ามา “แต่มีอยู่คนหนึ่งเข้ามาแล้ว แล้วไม่ยอมให้ออกไปใช่มะ”
เฮียชี้หน้า ยิ้มกว้าง “ถูก เอาเงินไปกินขนมไป”
เสียหัวเราะเงียบลง เมื่อประตูเปิดอีกครั้ง เฮียซาโต้มองนาฬิกาแล้วชี้บอกให้ไอ้อาร์ตกับเจ๊มิซาไปเตรียมของอยู่ในครัว ขณะที่เฮียพีเตรียมกาแฟมาวางไว้ให้
“ขอโทษที่มาซะเกือบ 11 โมงแล้ว”
“ไม่ใช่ว่าเสี่ยรอจนสารวัตรกลับไปถึงได้เข้ามาหรือไง”
เสี่ยเล้งหัวเราะร่วน
“เนี่ย อย่างนี้แหละที่อยากได้เป็นเขย”
เฮียซาโต้ส่ายหน้า ยิ้มกว้าง “ผมไม่เหมาะเป็นเขยเสี่ยหรอก”
“ก็ได้ ๆ กลับมาเรื่องวันนี้ก่อน”
เฮียซาโต้พยักหน้าท่าทางตั้งใจฟัง
“เทขายหุ้นบริษัทน้ำมันแล้วหรือ”
“อือ กำไรดีก็ขาย”
เสี่ยถอนหายใจแรงๆ “เสียดาย”
คนรูปหล่อตัวโตยิ้มเย็น “ก็บอกแล้วว่าผมเป็นแค่พ่อครัว”
“เป็นพ่อครัวก็เป็นนักเลงหุ้นได้ เพียงแต่ว่า.......เสียดาย”
“นี่อย่าบอกนะว่าที่มาหากันถึงนี่ เพราะว่าผมขายหุ้นน่ะ”
เสี่ยส่ายหน้า “ไม่หรอก อาหงส์มันบอกว่าจะไม่กลับมาแล้วน่ะ”
เรื่องของพ่อลูก เฮียซาโต้นิ่งฟัง
“ช่างมันเหอะ” เสี่ยพูดเหมือนตัดใจ แล้วหันมาหาเฮียซาโต้อีกที
“ขายหุ้นทางนั้นแล้ว ไม่สนใจร่วมทุนทำบ่อนด้วยกันจริงๆหรือ”
ซาโต้ส่ายหน้า ทำให้เสี่ยเล้งถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ก็คิดอยู่เหมือนกัน แต่ก็ยังหวัง บ่อนที่เกาะนั่นพวกหุ้นส่วนที่ทำด้วยกันมันใจไม่ถึง มันไม่คิดถึงรายจ่ายจะเอาแต่ผลประโยชน์ของมัน”
เสี่ยเล้งก็มีเรื่องหนักใจเหมือนกัน แต่ตอนนี้ คนนี้เริ่มอยู่ในอารมณ์ไม่อยากคุย
“อย่ารอผมเลยเสี่ย คบกันเรื่องอื่นเหอะ”
“จริงนะ จะยังไงในมุมผมแล้ว หุ้นเนี่ยมันก็บ่อนถูกกฎหมาย ไอ้การเก็งกำไรที่ซาโต้ทำอยู่นั่นมันก็การพนันทั้งนั้น ผมถึงคิดมาตลอดว่าต้องมีสักวันที่ซาโต้จะเดินเข้าบ่อน นี่กลายเป็นว่าเทขาย”
ดวงตายาวเรียวหันมามองเหมือนนึกบางอย่างขึ้นได้
“ซาโต้มีแผนทำอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า แค่รู้สึกว่าพอ”
เสี่ยทำเสียงเหมือนไม่เชื่อ
“เงินนะซาโต้ ใครๆก็อยากรวย”
เสี่ยเล้งยังคงพูดจาโน้มน้าวให้เฮียซาโต้ร่วมทุนทำบ่อนที่เกาะจนกระทั่งลูกค้าคนแรกของวันนี้เปิดประตูร้านเข้ามา เฮียซาโต้ถึงได้ลุกขึ้นยืนและขอตัวเข้าไปในครัว
เรื่องเจอสารวัตรธงไฟแรงไม่เท่าไหร่ แต่ประเด็นของอาจารย์มิกิกับเสี่ยเล้งนี่มันชวนให้เครียดจริงจัง
ก็ใช่นะปิดร้านไปเป็นเชฟที่มีชื่อเสียง ให้สมกับที่ร่ำเรียนมา หรือไม่ก็เบนเข็มไปทำธุรกิจการพนันจะได้รวยๆ
แต่ถามอีกที มันใช่หรือไง
มันคือสิ่งที่อยากเป็นอยากมีมาตลอดหรือไง
ทั้ง 2 คนนี้ยังไม่เข้าใจอีกหรือไงว่าถ้าอยากเป็นอยากมี ก็ลงมือไปตั้งนานแล้ว
ยิ่งเสี่ยเล้งเนี่ย ปฏิเสธไปจนปากแทบจะถึงหู ก็ยังคงพยายาม
เครียดว่ะ!
เหนื่อยใจว่ะ!
บรรยากาศในร้านเลยค่อนไปทางเงียบกริบ พ่อครัวก้มหน้าก้มตาทำอาหาร ไปเรื่อยจนกระทั่งเย็น
แต่เมื่อพ่อครัวเหลือบตามองนาฬิกาถี่ขึ้นเท่าไหร่
อีก 2 คนคือเจ๊มิซากับไอ้อาร์ตก็ยิ่งเครียดหนักขึ้น
จนเกือบ 2 ทุ่มคีย์ถึงได้เปิดประตูร้านเข้ามา ไอ้อาร์ตรีบดันหลังเข้าไปในครัว
ท่าทางแบบนี้ คีย์เริ่มรู้แล้วว่า พี่มีเรื่องไม่สบายใจอีกแน่ๆ พอเริ่มล้างครัวปิดร้านคีย์ก็หันมาหา
“พี่ไปเดินเล่นกันมั้ย”
พี่หันไปมองนาฬิกา คีย์ก็เลยเสนอใหม่ “เดินไป....เซเว่น ซื้อไอติมแล้ว.....กลับ....มา...ก็ได้”
พี่ถอนหายใจขยี้ผมเบาๆ
“ไปไหนมา”
“ไปช่วยเขายกถังน้ำ รับน้องอย่างที่พี่บอกไง”
“เออ ต่อไปถ้าจะกลับช้าโทรมาบอกด้วย พี่เป็นห่วง”
คีย์พยักหน้าถอดผ้ากันเปื้อนใส่ถังแช่น้ำไว้ พรุ่งนี้เช้าค่อยซัก
แต่จนถึงตอนนี้ คนดุประจำครัวก็ยังดูเครียดๆ เหมือนเดิม คีย์ได้แต่เหลือบตามองเป็นระยะ
ไปเซเว่น เดินกลับมาด้วยกันจนถึงห้อง
“กลัวหรือ” พี่ถามเรียบๆ
คีย์พยักหน้ายอมรับ
“ไปอาบน้ำ ทำการบ้านไป”
พี่บอกแล้วตรงไปเปิดคอมพิวเตอร์
-*-*จบตอนที่ 36-*-*-
ขอบคุณที่ติดตามครับ
ไจฟ์